USB 3.0 จะยังไม่ถูกใช้ในวงกว้างจนกระทั่งอย่างน้อยปลายปี 2011 นี้ เนื่องจากขาดการสนับสนุนโดยตรงจาก Intel
โดยการที่ Intel เลื่อนการสนับสนุนเทคโนโลยี USB 3.0 ออกไปอย่างไม่มีกำหนดนี้ เป็นผลให้มาตรฐานใหม่อาจไม่เป็นที่แพร่หลายในทศวรรษนี้ ทั้งๆที่เทคโนโลยี USB 2.0 เป็นที่นิยมอย่างมากในทศวรรษที่ผ่านมา โดยมาตรฐาน USB ในปัจจุบันนี้ ถูกพบอยู่ในอุปกรณ์ gadget แทบจะทุกชนิด และได้รับการสนับสนุนมาเป็นเวลานาน โดย USB 2.0 เปิดตัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2001 โดยมี Intel รับหน้าที่วางรากฐานจนใช้กันอย่างแพร่หลายในคอมพิวเตอร์มาจนถึงทุกวันนี้ และในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2002 ก็ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีนี้ใส่เข้าไปในอุปกรณ์ต่างๆ โดยกว่า 8 ปีที่ผ่านมานี้ ทางทีมผู้พัฒนาก็ได้มีการดึงเอาข้อได้เปรียบและพัฒนาจนทำให้มาตรฐานล่าสุดมีความเร็วเร็วกว่าเดิมอยู่มาก โดยมาตรฐานที่ว่านี้มีชื่อเรียกว่า USB 3.0 ซึ่งเหมาะนำไปประยุกต์ใช้อย่างยิ่งในอุปกรณ์พกพาในปัจจุบัน อาทิ กล้องดิจิตอล, กล้องถ่ายวีดีโอ, และอุปกรณ์พกพาอื่นๆ โดยจะมีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 5 กิ๊กกะบิทต่อวินาที จากเดิมที่มีความเร็วเพียงแค่ 480 เมกกะไบท์ต่อวินาที หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าเลยทีเดียว แต่จากการขาดการสนับสนุนโดยตรงจากยักษ์ใหญ่ทางด้านไอทีอย่าง Intel ทำให้เทคโนโลยีใหม่นี้ยังไม่สามารถนำไปใช้ได้อย่างกว้างขวางนัก
Source: CNET
โดยการที่ Intel เลื่อนการสนับสนุนเทคโนโลยี USB 3.0 ออกไปอย่างไม่มีกำหนดนี้ เป็นผลให้มาตรฐานใหม่อาจไม่เป็นที่แพร่หลายในทศวรรษนี้ ทั้งๆที่เทคโนโลยี USB 2.0 เป็นที่นิยมอย่างมากในทศวรรษที่ผ่านมา โดยมาตรฐาน USB ในปัจจุบันนี้ ถูกพบอยู่ในอุปกรณ์ gadget แทบจะทุกชนิด และได้รับการสนับสนุนมาเป็นเวลานาน โดย USB 2.0 เปิดตัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2001 โดยมี Intel รับหน้าที่วางรากฐานจนใช้กันอย่างแพร่หลายในคอมพิวเตอร์มาจนถึงทุกวันนี้ และในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2002 ก็ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีนี้ใส่เข้าไปในอุปกรณ์ต่างๆ โดยกว่า 8 ปีที่ผ่านมานี้ ทางทีมผู้พัฒนาก็ได้มีการดึงเอาข้อได้เปรียบและพัฒนาจนทำให้มาตรฐานล่าสุดมีความเร็วเร็วกว่าเดิมอยู่มาก โดยมาตรฐานที่ว่านี้มีชื่อเรียกว่า USB 3.0 ซึ่งเหมาะนำไปประยุกต์ใช้อย่างยิ่งในอุปกรณ์พกพาในปัจจุบัน อาทิ กล้องดิจิตอล, กล้องถ่ายวีดีโอ, และอุปกรณ์พกพาอื่นๆ โดยจะมีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 5 กิ๊กกะบิทต่อวินาที จากเดิมที่มีความเร็วเพียงแค่ 480 เมกกะไบท์ต่อวินาที หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าเลยทีเดียว แต่จากการขาดการสนับสนุนโดยตรงจากยักษ์ใหญ่ทางด้านไอทีอย่าง Intel ทำให้เทคโนโลยีใหม่นี้ยังไม่สามารถนำไปใช้ได้อย่างกว้างขวางนัก
Source: CNET
Comment