13 พฤศจิกายน 2552
2 คู่ปรับวงการชิปคอมพิวเตอร์โลก "อินเทล (Intel)" และ "เอเอ็มดี (Advanced Micro Devices)" ประกาศจับมือยอมความยกฟ้องทุกคดี ในที่สุดอินเทลยอมจ่ายค่าเสียหายให้เอเอ็มดีมูลค่า 1,250 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเมื่อเหรียญยังมี 2 ด้าน การยอมความครั้งนี้แม้จะมีฝ่ายที่ได้ประโยชน์เต็มๆ แต่ก็มีฝ่ายที่ไม่แฮปปี้ตามละครฉากใหญ่ที่ตัวเอกของเรื่องได้อยู่ครองรักกันอย่างสงบสุข
การจ่ายเงินยอมความ 1,250 ล้านเหรียญสหรัฐของอินเทลเกิดขึ้นเพื่อให้เอเอ็มดีถอนฟ้องคดีที่กล่าวหาว่าอินเทลใช้กลโกงการขายที่ไม่เป็นธรรมจนทำให้เกิดการค้าผูกขาด โดยเฉพาะข้อหาที่ระบุว่าอินเทลให้เงินสนับสนุนการขายกับบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พีซีมูลค่าหลักล้านเหรียญ เพื่อแลกกับการทำตามคำสั่งห้ามซื้อชิปของเอเอ็มดี ซึ่งเป็นคดีความยืดเยื้อในหลายประเทศทั้งในและนอกสหรัฐฯตั้งแต่ปี 2005 ล่าสุดอินเทลและเอเอ็มดีออกแถลงการณ์สงบศึกร่วมกันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน 2009
อินเทล-เอเอ็มดี ชนะทั้งคู่
2 ค่ายชิปยักษ์ใหญ่ระบุว่าการยอมความจะทำให้เอเอ็มดีถอนฟ้องอินเทลในรัฐเดลาแวร์ แน่นอนว่าประโยชน์แรกที่อินเทลจะได้รับคือการไม่ต้องรับผิดชอบกับค่าใช้จ่ายจากการแก้ต่างในหลากหลายคดีซึ่งทำท่าว่าจะยืดเยื้อออกไปตลอดปีหน้า
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์เชื่อว่าการยอมความอาจจะเป็นตัวแปรสำคัญให้อินเทลได้ประโยชน์ในการพิจารณาคดีของคณะกรรมการการค้ายุติธรรมในแต่ละประเทศที่ยื่นข้อหาผูกขาดการค้าให้อินเทล ทั้งอียู เกาหลีใต้ รวมถึงในสหรัฐฯเอง แม้ในเบื้องต้น โจนาธาน ท็อดด์ (Jonathan Todd) ประชาสัมพันธ์อียูจะระบุว่า คดีความที่อินเทลมีแนวโน้มถูกปรับแพงที่สุดอย่างคดีของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งสั่งปรับอินเทลมูลค่า 1,450 ล้านเหรียญข้อหาจงใจผูกขาดการค้านั้น ยังไม่มีมติเปลี่ยนแปลงค่าปรับที่อินเทลต้องชำระตามกฏหมายอียู ทั้งที่อียูได้รับบันทึกชี้แจงการยอมความระหว่างอินเทลและเอเอ็มดีแล้ว
เช่นเดียวกับคดีผูกขาดการค้าโดยหน่วยราชการเกาหลี ซึ่งสั่งปรับอินเทลในมูลค่า 18.6 ล้านเหรียญ และคดีความของแอนดรูว์ คูโม (Andrew Cuomo) อัยการสูงสุดเมืองนิวยอร์กที่ยื่นฟ้องอินเทล ก็เชื่อว่าจะมีผลเปลี่ยนแปลงเช่นกัน โดยคดีหลังยังต้องรอผลการตรวจสอบจากกรมการค้าสหรัฐฯหรือเอฟทีซี (U.S. Federal Trade Commission)
พอล โอเทลินี (Paul Otellini) ซีอีโออินเทลกล่าวว่าการยอมความครั้งนี้เป็นเรื่องเหมาะสม แม้จะรู้สึกเจ็บจี๊ดเล็กน้อยเมื่อเซ็นเช็คจ่ายเงินให้เอเอ็มดี โดยยกคำพูดเดิมมาแก้ต่างเรื่องการข่มขู่และเสนอเงินจำนวนมากแก่ผู้ผลิตพีซีเพื่อกดดันให้เลือกซื้อชิปกับอินเทลเท่านั้น ว่าเป็นการให้ส่วนลดกับลูกค้ารายใหญ่ตามปกติ เพื่อให้ผู้ผลิตรายนั้นสามารถทำราคาคอมพิวเตอร์ให้ต่ำกว่าคู่แข่งได้
ในชัยชนะของเอเอ็มดี ซึ่งฟ้องร้องว่าการกระทำของอินเทลนั้นทำให้สัดส่วนตลาดของเอเอ็มดีไม่กระเตื้องเกิน 20% ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้สื่อต่างประเทศจะรายงานว่าไม่มีความชัดเจนว่าอินเทลจะปรับเปลี่ยนนโยบายอย่างไรหลังการจ่ายเงินยอมความ แต่เอเอ็มดีก็ระบุว่า เฉพาะการที่อินเทลให้คำมั่นว่าจะเลิกเสนอเงินแก่ผู้ผลิตพีซีก็ทำให้บริษัทคลายความกังวลเรื่องโอกาสในการแข่งขันไปได้ในระดับหนึ่ง
การยอมความยังทำให้เอเอ็มดีสามารถผลิตชิปสถาปัตยกรรม x86 ได้ต่อไป แม้อินเทลจะเคยฟ้องร้องเอเอ็มดีว่าละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยี
ผู้บริโภค-อียู-อัยการนิวยอร์ก ยังก้ำกึ่ง
แม้อินเทลจะได้ล้างตัวจากคดี เอเอ็มดีมีความหวังในการแข่งขันเพิ่มขึ้น แต่ในแง่ของผู้บริโภคนั้นมีการวิเคราะห์ว่าจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่โตมากนัก ทั้งในแง่ของราคา ตัวเลือก หรือแม้แต่ความรวดเร็วของการออกผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์พีซีในอนาคต เนื่องจากการยอมความไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่า ผู้ผลิตพีซีจะเลือกใช้ชิปของเอเอ็มดีเพิ่มขึ้นทุกรายในทันที ขณะเดียวกันก็ยังไม่ชัดเจนว่า คอมพิวเตอร์พีซีจะมีราคาถูกลงหรือแพงขึ้นหลังการยอมความ
ผู้ที่ไม่ได้ประโยชน์จากการปรองดองของอินเทลและเอเอ็มดียังมีกลุ่มคณะกรรมการกำกับดูแลการค้ายุติธรรมทั้งหลาย ที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษคือแอนดรูว์ คูโม อัยการสหรัฐฯที่เพิ่งฟ้องอินเทลเมื่อไม่นานมานี้ คูโมถูกวิเคราะห์ว่าตกที่นั่ง"ชกมวยคนเดียว"ทันทีที่เอเอ็มดีประกาศยุติการฟ้องร้องทุกกรณีกับอินเทล
ในส่วนของอียู คำประกาศที่ระบุว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงค่าปรับนั้นยังไม่แน่นอนในยุคที่อียูต้องง่วนกับการขวางลำการซื้อขายกิจการซันไมโครซิสเต็มส์ของออราเคิล ซึ่งยังไม่มีรายงานว่า อียูจะเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างไรต่อไป
ข้อมูลจาก: Manager Online
2 คู่ปรับวงการชิปคอมพิวเตอร์โลก "อินเทล (Intel)" และ "เอเอ็มดี (Advanced Micro Devices)" ประกาศจับมือยอมความยกฟ้องทุกคดี ในที่สุดอินเทลยอมจ่ายค่าเสียหายให้เอเอ็มดีมูลค่า 1,250 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเมื่อเหรียญยังมี 2 ด้าน การยอมความครั้งนี้แม้จะมีฝ่ายที่ได้ประโยชน์เต็มๆ แต่ก็มีฝ่ายที่ไม่แฮปปี้ตามละครฉากใหญ่ที่ตัวเอกของเรื่องได้อยู่ครองรักกันอย่างสงบสุข
การจ่ายเงินยอมความ 1,250 ล้านเหรียญสหรัฐของอินเทลเกิดขึ้นเพื่อให้เอเอ็มดีถอนฟ้องคดีที่กล่าวหาว่าอินเทลใช้กลโกงการขายที่ไม่เป็นธรรมจนทำให้เกิดการค้าผูกขาด โดยเฉพาะข้อหาที่ระบุว่าอินเทลให้เงินสนับสนุนการขายกับบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พีซีมูลค่าหลักล้านเหรียญ เพื่อแลกกับการทำตามคำสั่งห้ามซื้อชิปของเอเอ็มดี ซึ่งเป็นคดีความยืดเยื้อในหลายประเทศทั้งในและนอกสหรัฐฯตั้งแต่ปี 2005 ล่าสุดอินเทลและเอเอ็มดีออกแถลงการณ์สงบศึกร่วมกันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน 2009
อินเทล-เอเอ็มดี ชนะทั้งคู่
2 ค่ายชิปยักษ์ใหญ่ระบุว่าการยอมความจะทำให้เอเอ็มดีถอนฟ้องอินเทลในรัฐเดลาแวร์ แน่นอนว่าประโยชน์แรกที่อินเทลจะได้รับคือการไม่ต้องรับผิดชอบกับค่าใช้จ่ายจากการแก้ต่างในหลากหลายคดีซึ่งทำท่าว่าจะยืดเยื้อออกไปตลอดปีหน้า
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์เชื่อว่าการยอมความอาจจะเป็นตัวแปรสำคัญให้อินเทลได้ประโยชน์ในการพิจารณาคดีของคณะกรรมการการค้ายุติธรรมในแต่ละประเทศที่ยื่นข้อหาผูกขาดการค้าให้อินเทล ทั้งอียู เกาหลีใต้ รวมถึงในสหรัฐฯเอง แม้ในเบื้องต้น โจนาธาน ท็อดด์ (Jonathan Todd) ประชาสัมพันธ์อียูจะระบุว่า คดีความที่อินเทลมีแนวโน้มถูกปรับแพงที่สุดอย่างคดีของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งสั่งปรับอินเทลมูลค่า 1,450 ล้านเหรียญข้อหาจงใจผูกขาดการค้านั้น ยังไม่มีมติเปลี่ยนแปลงค่าปรับที่อินเทลต้องชำระตามกฏหมายอียู ทั้งที่อียูได้รับบันทึกชี้แจงการยอมความระหว่างอินเทลและเอเอ็มดีแล้ว
เช่นเดียวกับคดีผูกขาดการค้าโดยหน่วยราชการเกาหลี ซึ่งสั่งปรับอินเทลในมูลค่า 18.6 ล้านเหรียญ และคดีความของแอนดรูว์ คูโม (Andrew Cuomo) อัยการสูงสุดเมืองนิวยอร์กที่ยื่นฟ้องอินเทล ก็เชื่อว่าจะมีผลเปลี่ยนแปลงเช่นกัน โดยคดีหลังยังต้องรอผลการตรวจสอบจากกรมการค้าสหรัฐฯหรือเอฟทีซี (U.S. Federal Trade Commission)
พอล โอเทลินี (Paul Otellini) ซีอีโออินเทลกล่าวว่าการยอมความครั้งนี้เป็นเรื่องเหมาะสม แม้จะรู้สึกเจ็บจี๊ดเล็กน้อยเมื่อเซ็นเช็คจ่ายเงินให้เอเอ็มดี โดยยกคำพูดเดิมมาแก้ต่างเรื่องการข่มขู่และเสนอเงินจำนวนมากแก่ผู้ผลิตพีซีเพื่อกดดันให้เลือกซื้อชิปกับอินเทลเท่านั้น ว่าเป็นการให้ส่วนลดกับลูกค้ารายใหญ่ตามปกติ เพื่อให้ผู้ผลิตรายนั้นสามารถทำราคาคอมพิวเตอร์ให้ต่ำกว่าคู่แข่งได้
ในชัยชนะของเอเอ็มดี ซึ่งฟ้องร้องว่าการกระทำของอินเทลนั้นทำให้สัดส่วนตลาดของเอเอ็มดีไม่กระเตื้องเกิน 20% ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้สื่อต่างประเทศจะรายงานว่าไม่มีความชัดเจนว่าอินเทลจะปรับเปลี่ยนนโยบายอย่างไรหลังการจ่ายเงินยอมความ แต่เอเอ็มดีก็ระบุว่า เฉพาะการที่อินเทลให้คำมั่นว่าจะเลิกเสนอเงินแก่ผู้ผลิตพีซีก็ทำให้บริษัทคลายความกังวลเรื่องโอกาสในการแข่งขันไปได้ในระดับหนึ่ง
การยอมความยังทำให้เอเอ็มดีสามารถผลิตชิปสถาปัตยกรรม x86 ได้ต่อไป แม้อินเทลจะเคยฟ้องร้องเอเอ็มดีว่าละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยี
ผู้บริโภค-อียู-อัยการนิวยอร์ก ยังก้ำกึ่ง
แม้อินเทลจะได้ล้างตัวจากคดี เอเอ็มดีมีความหวังในการแข่งขันเพิ่มขึ้น แต่ในแง่ของผู้บริโภคนั้นมีการวิเคราะห์ว่าจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่โตมากนัก ทั้งในแง่ของราคา ตัวเลือก หรือแม้แต่ความรวดเร็วของการออกผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์พีซีในอนาคต เนื่องจากการยอมความไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่า ผู้ผลิตพีซีจะเลือกใช้ชิปของเอเอ็มดีเพิ่มขึ้นทุกรายในทันที ขณะเดียวกันก็ยังไม่ชัดเจนว่า คอมพิวเตอร์พีซีจะมีราคาถูกลงหรือแพงขึ้นหลังการยอมความ
ผู้ที่ไม่ได้ประโยชน์จากการปรองดองของอินเทลและเอเอ็มดียังมีกลุ่มคณะกรรมการกำกับดูแลการค้ายุติธรรมทั้งหลาย ที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษคือแอนดรูว์ คูโม อัยการสหรัฐฯที่เพิ่งฟ้องอินเทลเมื่อไม่นานมานี้ คูโมถูกวิเคราะห์ว่าตกที่นั่ง"ชกมวยคนเดียว"ทันทีที่เอเอ็มดีประกาศยุติการฟ้องร้องทุกกรณีกับอินเทล
ในส่วนของอียู คำประกาศที่ระบุว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงค่าปรับนั้นยังไม่แน่นอนในยุคที่อียูต้องง่วนกับการขวางลำการซื้อขายกิจการซันไมโครซิสเต็มส์ของออราเคิล ซึ่งยังไม่มีรายงานว่า อียูจะเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างไรต่อไป
ข้อมูลจาก: Manager Online
Comment