เอเอ็มดีจบธุรกิจแฮนด์เฮลด์-DTV ขาดทุนสุทธิ1.2พันล้านดอลล์
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2551 09:23 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
แฟ้มภาพแผ่นเวเฟอร์สำหรับผลิตชิปของเอเอ็มดี ล่าสุดเอเอ็มดีตัดสินใจยุติธุรกิจแฮนด์เฮลด์และ DTV เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เอเอ็มดีขาดทุนถึง 920 ล้านดอลลาร์
"เอเอ็มดี"เผยผลประกอบการไตรมาส 2 มีรายได้ทังหมด 1.34 พันล้านเหรียญ ลดลง 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา แต่เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว คาดไตรมาส 3 รายได้จะเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับช่วงไตรมาส 3 ของทุกปี
แม้เอเอ็มดีจะรายงานรายได้ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2008 ไว้ที่ 1.349 พันล้านดอลลาร์ แต่กลับประกาศตัวเลขขาดทุนสุทธิถึง 1.189 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.96 ดอลลาร์ต่อหุ้น เนื่องจากเอเอ็มดีตัดสินใจยุติธุรกิจแฮนด์เฮลด์และ DTV และจัดให้อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ยุติสายพานผลิต (Discontinued Operations) ในรายงานทางบัญชี ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เอเอ็มดีขาดทุนถึง 920 ล้านดอลาร์หรือ 1.52 ดอลลาร์ต่อหุ้น
รายได้ 1.349 พันล้านดอลลาร์ที่เอเอ็มดีทำได้ในไตรมาส 2 ปี 2008 ถือว่าลดลงจากไตรมาสแรกของปีที่สามารถทำรายได้จากการดำเนินงาน 1.456 พันล้านดอลลาร์ แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2007 ที่ทำรายได้จากการดำเนินงาน 1.309 พันล้านดอลลาร์
โรเบิร์ต เจ ริเว็ต ประธานฝ่ายการเงิน บริษัทเอเอ็มดี กล่าวว่า แม้จะไม่สามารถบรรลุเป้าที่ตั้งไว้ในไตรมาสนี้ได้ แต่การเปิดรับของลูกค้ากลับมีมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งไมโครโปรเซสเซอร์ กราฟิก และแพลตฟอร์ม
"สิ่งที่เห็นคือกระแสความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในระดับมหาภาค เชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าที่ตั้งไว้สำหรับครึ่งหลังของปี 2008 ได้ โดยประเมินจากปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ ความแตกต่างของโซลูชัน และการออกแบบที่มุ่งลดระดับจุดคุ้มทุน"
ตลอดเดือนเมษายนถึงมิถุนายน สัดส่วนกำไรของเอเอ็มดีอยู่ที่ 52% แต่หากไม่รวมมูลค่าที่ได้จากการขายอุปกรณ์การผลิตบนเทคโนโลยี 200 มิลลิเมตร กำไรของเอเอ็มดีจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 37% ถือว่าเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 41% และในไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมาที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 34%
สำหรับไตรมาส 3 (กรกฎาคมถึงกันยายน) นั้นเอเอ็มดีไม่เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ที่แน่นอน ระบุเพียงว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นตามปัจจัยด้านฤดูกาล ซึ่งผลประกอบการในไตรมาส 3 ของทุกปีมักจะดีกว่าไตรมาส 2 อยู่แล้ว
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 กรกฎาคม 2551 09:23 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
แฟ้มภาพแผ่นเวเฟอร์สำหรับผลิตชิปของเอเอ็มดี ล่าสุดเอเอ็มดีตัดสินใจยุติธุรกิจแฮนด์เฮลด์และ DTV เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เอเอ็มดีขาดทุนถึง 920 ล้านดอลลาร์
"เอเอ็มดี"เผยผลประกอบการไตรมาส 2 มีรายได้ทังหมด 1.34 พันล้านเหรียญ ลดลง 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา แต่เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว คาดไตรมาส 3 รายได้จะเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับช่วงไตรมาส 3 ของทุกปี
แม้เอเอ็มดีจะรายงานรายได้ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2008 ไว้ที่ 1.349 พันล้านดอลลาร์ แต่กลับประกาศตัวเลขขาดทุนสุทธิถึง 1.189 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.96 ดอลลาร์ต่อหุ้น เนื่องจากเอเอ็มดีตัดสินใจยุติธุรกิจแฮนด์เฮลด์และ DTV และจัดให้อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ยุติสายพานผลิต (Discontinued Operations) ในรายงานทางบัญชี ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เอเอ็มดีขาดทุนถึง 920 ล้านดอลาร์หรือ 1.52 ดอลลาร์ต่อหุ้น
รายได้ 1.349 พันล้านดอลลาร์ที่เอเอ็มดีทำได้ในไตรมาส 2 ปี 2008 ถือว่าลดลงจากไตรมาสแรกของปีที่สามารถทำรายได้จากการดำเนินงาน 1.456 พันล้านดอลลาร์ แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2007 ที่ทำรายได้จากการดำเนินงาน 1.309 พันล้านดอลลาร์
โรเบิร์ต เจ ริเว็ต ประธานฝ่ายการเงิน บริษัทเอเอ็มดี กล่าวว่า แม้จะไม่สามารถบรรลุเป้าที่ตั้งไว้ในไตรมาสนี้ได้ แต่การเปิดรับของลูกค้ากลับมีมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งไมโครโปรเซสเซอร์ กราฟิก และแพลตฟอร์ม
"สิ่งที่เห็นคือกระแสความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในระดับมหาภาค เชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าที่ตั้งไว้สำหรับครึ่งหลังของปี 2008 ได้ โดยประเมินจากปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ ความแตกต่างของโซลูชัน และการออกแบบที่มุ่งลดระดับจุดคุ้มทุน"
ตลอดเดือนเมษายนถึงมิถุนายน สัดส่วนกำไรของเอเอ็มดีอยู่ที่ 52% แต่หากไม่รวมมูลค่าที่ได้จากการขายอุปกรณ์การผลิตบนเทคโนโลยี 200 มิลลิเมตร กำไรของเอเอ็มดีจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 37% ถือว่าเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 41% และในไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมาที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 34%
สำหรับไตรมาส 3 (กรกฎาคมถึงกันยายน) นั้นเอเอ็มดีไม่เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ที่แน่นอน ระบุเพียงว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นตามปัจจัยด้านฤดูกาล ซึ่งผลประกอบการในไตรมาส 3 ของทุกปีมักจะดีกว่าไตรมาส 2 อยู่แล้ว

Comment