
รีวิวนี้มาจาก https://aomreviewer.com/2019/02/26/b...zyxel-multy-x/
ช่วงนี้กระแสเราเตอร์แบบ Mesh มาแรงมาก(ราคาก็ด้วย) แน่นอนว่ามันสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความครอบคลุมพื้นที่ในการใช้งาน Wi-Fi แต่ต้องง่ายในหลายๆมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้งาน การตั้งค่า และการดูแลรักษา แบรนด์ต่างๆจึงออกผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มา และหนึ่งในนั้นก็มีของ Zyxel เช่นกันครับ โดยวันนี้ทาง Zyxel Thailand ได้ส่ง Mesh รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Multy X มาให้ผมได้ลองใช้งานกันแบบจริงๆจังๆในแบบฉบับผู้ใช้จริง เรียกได้ว่าอยู่กับมันเกือบเดือน(จริงๆดองรีวิวเอาไว้เพราะไม่อยากส่งคืนเลย 555+) ใครที่มีบ้านที่มีเนื้อที่เยอะหน่อย หรือตึกคอนโด ห้องเช่า หรือบ้านหลายชั้น Multy X สามารถตอบโจทย์ได้ระดับนึงเลยแหละครับ
ทำความรู้จักกับ Mesh กันก่อน เชื่อว่ากว่า 99.99999% ของคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค หรืออยู่ในวงการไอที น้อยคนที่จะเคยได้ยินเทคโนโลยีนี้ ส่วนใหญ่ที่คุ้นๆหูหน่อยก็พวก Router หรือ Access Point เรียกได้ว่าระบบเน็ตเวิร์คกับผู้ใช้งานตามบ้านเป็นอะไรที่ค่อนข้างไกลตัว(ถึงแม้จะวางอยู่ใกล้ตัวก็เถอะ 555+)

ผมขออธิบายแบบภาษาบ้านๆให้ฟัง ใครเข้าใจแล้วข้ามตรงนี้ไปได้เลยนะครับ? Mesh Wi-Fi คือเครือข่าย Wi-Fi ที่มีตัวปล่อยสัญญาณกระจายอยู่ตามห้องหรือชั้นต่างๆ เพื่อให้สัญญาณ Wi-Fi ในแต่ละห้องของบ้านนั้นแรงขึ้น สัญญาณมาเต็มมากขึ้น ?และไร้รอยต่อ? คำว่าไร้รอยต่อนี่แหละครับที่ทำให้มันแตกต่างจากระบบการใช้งาน Access Point แล้วเปิดโหมด Repeater นี่คือจุดเด่นของระบบ Mesh
หมายความว่าบ้านคุณจะมี Wi-Fi เพียงแค่ชื่อเดียว แต่สามารถเล่นจากมุมไหนในบ้านก็ได้โดยสัญญาณยังเกือบเต็มอยู่ตลอดเวลา(เพราะถ้าสัญญาณเริ่มอ่อนมันจะสลับไปจับตัวที่ใกล้กว่าให้ทันที) เช่นคุณกำลังใช้งานอยู่ชั้นล่างสุดของบ้าน มือถือของคุณจับกับ Multy X ตัวที่ 1 อยู่ และระหว่างนั้นเกิดปวดท้องอึต้องเดินขึ้นไปชั้น 3 คุณไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันได้สลับแบบอัตโนมัติไปจับกับ Multy X ตัวที่ 2 ที่วางอยู่ชั้น 3 ให้คุณไปแล้ว เพราะการใช้งานของคุณจะไม่สะดุดเลย
อยากให้มองว่า Mesh เป็นเครื่องมือที่จะช่วยเข้ามาแก้ปัญหาระบบ Wi-Fi ในบ้านที่จุกจิกวุ่นวายให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น แทบทุกยี่ห้อไม่เว้นแต่ Zyxel ก็สามารถเซ็ตอัพผ่านแอพในมือถือได้เลย ผู้ใช้งานที่ไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับระบบเน็ตเวิร์คก็สามารถทำได้ ไม่ต้องไปลงทุนซื้อ Access Point มาทำเป็น Repeater(ประสิทธิภาพลดลงในแต่ละจุดราว 50%) หรือ Wi-Fi Extender ที่เอามาแล้วก็ไม่รู้จะช่วยได้มากแค่ไหน การเชื่อมต่อสัญญาณจะติดๆหลุดๆมั้ย แล้วคนละยี่ห้อจะมีปัญหามองไม่เห็นกันหรือเปล่า ปัญหาพวกนี้ Mesh แก้ได้หมดครับ


คิดว่าน่าจะพอเห็นภาพและเข้าใจเทคโนโลยี Mesh กันแล้วนะครับ ต่อไปมาลองทำความรู้จักกับ Zyxel Multy X กันต่อ?
แอดมิน : สวัสดีครับคุณ Multy X ไม่ทราบว่าคุณรองรับความเร็วสูงสุดที่เท่าไรหรอครับ
Multy X : ผมรองรับสูงสุดที่ AC3000 แบบ Tri-Band โดยแบ่งแบนด์วิดออกเป็น 3 ช่วง คือ 1,733Mbps บนคลื่น 5 GHz เป็นแบบ dedicated backhaul ทำให้ไม่ไปแย่งแบนด์วิดการรับส่งข้อมูลเหมือนกับการทำ Repeater และยังทำให้การเชื่อมต่อระหว่าง Multy X รวดเร็วที่สุด ส่วนการรับส่งข้อมูลทั่วไปจะอยู่ที่ 866Mbps บนคลื่น 5 GHz และ 400Mbps บนคลื่น 2.4 GHz สเปคแบบเต็มๆดูได้จากลิงค์นี้เลยครับ จิ้มจิ้ม

แอดมิน : แล้วคุณ Multy X เป็น Mesh มาพร้อมกันแค่สองตัว ค่ายอื่นเค้ามากันสามเลยนะครับ
Multy X : ถึงแม้เราจะมีแค่สอง แต่ครอบคลุมพื้นที่กระจายสัญญาณถึง 5,000 ตร.ฟ. หรือประมาณ 464 ตร.ม. เรียกได้ว่าน้ำพริกนรก ใส่น้อยแต่เผ็ดครับ (464 ตร.ม. คือตามสเปคนะครับ เวลาใช้งานจริงมันจะต้องมีเรื่องของความหนากำแพง สิ่งกีดขวาง สัญญาณรบกวนด้วยครับ)
แอดมิน : แล้วถ้าบ้านผมใหญ่กว่า 464 ตร.ม. เรียกได้ว่าเป็นคฤหาสน์บ้านทรายทอง ต้องการเล่น Wi-Fi ตอนดำน้ำในคลองด้วยอะครับ
Multy X : ซื้อ Multy X มาเพิ่มได้อีกครับ Mesh ก็เหมือนไฮดร้า สำหรับ Multy X เราสามารถแตกหน่อได้สูงสุด 4 ตัว คลุมพื้นที่ได้เกิน 700 ตร.ม.
แอดมิน : จากที่ผมเคยใช้ Mesh มา มักจะมีปัญหาเรื่องความร้อนจากการออกแบบที่เน้นสวยงามไว้ก่อน Zyxel มีปัญหาตรงนี้มั้ยครับ
Multy X : อลูมิเนียมมันก็ไม่ได้แพงอะไรนะครับ Zyxel เลยใส่ซิงค์ระบายความร้อนมาให้ผมแบบเต็มแผ่น หายห่วงเรื่องความร้อนไปเลย

แอดมิน : แล้วถ้าใช้ Multy X หลายตัวมันจะเปลืองไฟมั้ยครับ
Multy X : หายห่วงได้เลยครับ Multy X แต่ละตัวใช้ไฟแค่ 25 วัตต์ เท่านั้นเอง
แอดมิน : มีอะไรอยากจะบอกอีกมั้ยครับ
Multy X : อ่อมีครับ เรามีพอร์ท LAN แบบ Gigabit มาให้ตัวละ 3 ช่อง ไม่รวม WAN อีก 1 ช่อง สามารถต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านสาย LAN ได้สบายๆ นอกจากนี้เรายังใช้ชิปซีพียู Qualcomm IPQ4019 พร้อมแรมขนาดถึง 512MB เรียกได้ว่าสามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งานได้เยอะเลยครับ แต่ถ้าเอาไปใช้กับโรงงานหรือโรงแรมที่มีผู้พักเป็นจำนวนมาก แนะนำให้มองเป็นตัว enterprise จะดีกว่านะ แต่ถ้าเป็น Home Office นี่สบายๆหรอมๆครับ
แอดมิน : ครับผมขอบคุณ Multy X มากๆเลยครับ
เออหลังจากจบรีวิวนี้แอดว่าจะขอตัวไปรับยาช่องสองก่อนนะ 5555+ ก็นั่นแหละครับที่กล่าวมาคือจุดเด่นของ Zyxel Multy X คืออยากจะให้ผู้ใช้ทั่วไปเห็นภาพได้ง่าย เพราะนี่คือเรารีวิว Mesh ไม่ได้รีวิวอุปกรณ์เน็ตเวิร์คระดับมืออาชีพ? ต่อไปลองไปชมรูปร่างหน้าตาของมันกันแบบรัวๆ แล้วก็ตามด้วยวิธีการตั้งค่า และปิดท้ายด้วยสรุปผลการใช้งานกันแบบ non-stop ครับผม
อุปกรณ์ที่มีมาในกล่อง
? Zyxel Multy X 2 ตัว
? อแดปเตอร์ไฟ 2 ตัว พร้อมหัวต่อให้เลือก 2 แบบ
? สาย LAN ความยาว 6 ฟุต 2 เส้น
? คู่มือ

ว่าด้วยเรื่องของวัสดุและงานประกอบ
? เนื้องานเป็นพลาสติกสีขาวทั้งชิ้น พื้นผิวเป็นแบบด้าน ให้ลุคที่ดูชี๊คๆ สามารถเอาไปวางไว้มุมไหนของบ้านก็ได้ไม่สะดุดตา
? มีการเจาะช่องระบายอากาศไว้ทั้งด้านบน ด้านข้าง และด้านล่าง
? ด้านล่างมียางกันลื่นเป็นฐานรองให้กับ Multy X
สรุป : วัสดุและงานประกอบดูดีตามมาตรฐานเราเตอร์ระดับท๊อป เนื้องานประกอบเรียบเนียน ไม่มีเสาสัญญาณออกมาให้เกะกะเพราะเป็นเสาแบบภายใน
รูปร่างหน้าตาของ Zyxel Multy X






ว่าด้วยการตั้งค่าและติดตั้ง
จริงๆแล้ว Zyxel Multy X มันก็คือเราเตอร์ดีๆนี่เองครับ ไม่ได้ถูกตัดความสามารถเรื่องการเชื่อมต่อ WAN ออกไปแต่อย่างใด แต่ว่าโดยส่วนใหญ่แล้วเน็ตบ้านปัจจุบันทุกคนก็คงจะเปลี่ยนไปใช้แบบ Fiber to Home กันเกือบหมดแล้ว ทีนี้เน็ต Fiber แต่ละเจ้าหรือแต่ละโปรโดยส่วนใหญ่แล้วก็จะมีเราเตอร์กากๆแถมมาให้ด้วยตอนติดตั้งจำนวน 1 ตัว เป็นเราเตอร์แบบ ONU ที่พอใช้งานทั่วๆไปได้ หน้าที่หลักๆคือเพื่อเชื่อมต่อกับสายสัญญาณ Fiber Optic
ทีนี้ถ้าใครต้องการเอาเราเตอร์ภายนอกมาใช้งาน ถามว่าใช้งานได้มั้ยก็ตอบเลยว่าได้ ?แต่? ต้องโทรไปถามกับผู้ให้บริการด้วยว่าเราเตอร์แถมนั้นสามารถเปิด Bridge Mode ได้มั้ย หรือโปรที่ท่านสมัครมันรองรับมั้ย ถ้าผู้ให้บริการบอกว่าทำได้ ท่านก็จะใช้ความสามารถของเราเตอร์ตัวอื่นๆรวมถึงเจ้า Multy X ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ที่แน่ๆเน็ตเสถียรกว่าเดิม วิ่งนิ่งกว่าเดิมแน่นอน
มาเข้าเรื่องการติดตั้งกันต่อ เพื่อนๆสามารถทำตามสเต็ปนี้ได้เลย ไม่มีอะไรยุ่งยาก
1.แกะกล่องออกมา เอา Zyxel Multy X ตัวที่เราจะใช้เป็นตัวหลัก(ตัวไหนก็ได้ เหมือนกัน) ต่อกับเราเตอร์ ONU ที่แถมมาจากตอนติดตั้งเน็ตบ้าน โดยเอาสาย LAN เสียบเข้าที่ช่อง LAN ของเราเตอร์แถม และปลายสายให้เอามาเสียบที่ช่อง WAN ที่เป็นรูปลูกโลกบน Multy X จากนั้นเสียบปลั๊กไฟ

2.ตัวเครื่องใช้เวลาบูตระบบนานหน่อย ราวๆ 3 นาที ระหว่างรอให้เข้า Store ของ Apple หรือ Android แล้วดาวน์โหลดแอพ Zyxel Multy มาติดตั้ง รอให้ไฟกระพริบบน Zyxel Multy X เปลี่ยนจากสีขาว เป็นไฟกระพริบ ?สีฟ้า? จากนั้นเปิดแอพทำตามขั้นตอนตามสเต็ป 3




3.ทำตามขั้นตอนที่แอพบอก จนถึงหน้าเชื่อมต่อมือถือเข้ากับตัว Zyxel Multy X โดยมันจะใช้ Bluetooth ในการค้นหา ใช้เวลาพักนึงราวๆ 4 นาที



หมายเหตุ : ถ้าเกิดเชื่อมต่อไม่ได้ ให้หาดินสอหรืออะไรที่เล็กๆจิ้มที่ด้านหลังตรงรูรีเซ็ตค้างไว้ 5 วินาที จากนั้นจะมีไฟแดงกระพริบ รอให้ไฟสีฟ้ากระพริบอีกครั้งแล้วทำใหม่อีกรอบ

4.จากนั้นให้ตั้งชื่อ Wi-Fi พร้อมกับพาสเวิร์ด โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ชื่อเดียวทั้งบ้าน รวมคลื่น 2.4GHz และ 5GHz เข้าด้วยกันแล้วให้ router มันจัดการเลือกให้ หรือเราจะตั้งแยกกันก็ได้ พอกด Next ไปก็เรียบร้อย เป็นอันเสร็จพิธีสำหรับการตั้งค่า Zyxel Multy X ตัวหลัก


หมายเหตุ : หลังติดตั้งเสร็จมันอาจจะขึ้นมาให้อัพเดท Firmware ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด

ตั้งค่า Zyxel Multy X ตัวที่ 2
หลังจากเราตั้งค่าตัวหลักเสร็จแล้ว ต่อไปเราก็แค่เอา Multy X อีกตัวนึง ไปวางไว้ในจุดที่ใกล้ๆกับจุดที่สัญญาณ Wi-Fi เราอ่อนอยู่เป็นประจำ จากนั้นก็เสียบปลั๊ก และเช่นเดิมคือรอสัญญาณไฟ ?สีฟ้า? กระพริบ เป็นอันพร้อมสำหรับรอการตั้งค่า เมื่อพร้อมแล้วให้กด Add Multy จากนั้นทำตามขั้นตอนโดยการกด Next รัวๆ 555+ โดยมีข้อจำกัดนิดหน่อยตรงที่ระยะ***งระหว่าง Multy X ตัวแรกและตัวที่สองจะต้องไม่***งกันเกินกว่า 10-15 เมตร เนื่องจากมันใช้การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth ในการค้นหาเพื่อนของมัน(จากที่ผมลองก็คือ บ้านผมเป็นตึกแถว ผมวางตัวหลักไว้ที่ชั้น 4 ส่วนตัวรองไว้ที่ชั้น 1 สามารถจับสัญญาณได้เสถียรมากๆ)


ทดลองใช้งานจริง
หมายเหตุ : บ้านผมเป็นตึกแถว 4 ชั้น ผมวางตัวหลักไว้ที่ชั้น 4 ส่วนตัวรองไว้ที่ชั้น 1
หมายเหตุ 2 : ผมใช้ Samsung Galaxy Note 8 ในการทดสอบความเร็ว
หมายเหตุ 3 : เน็ตบ้าน AIS Fibre ความเร็ว 100/30 Mbps
หลังจากที่เราติดตั้งอะไรต่างๆนาๆเสร็จแล้วด้วยเวลาอันรวดเร็ว ต่อไปผมขอลองทดสอบด้วยหัวข้อหลักๆ 4 อันก็คือ
1.การรับสัญญาณจาก Multy X เพียงตัวเดียว ที่ตั้งอยู่บนชั้น 4 ของตึก
2.การรับสัญญาณจาก Multy X ที่ตั้งอยู่ชั้นล่างสุด โดยเชื่อมต่อแบบ Mesh แล้ว
3.การรับสัญญาณจาก Multy X โดยผมจะไปยืนบนบันไดของบ้านระหว่างชั้น 2 และ 3 เอาง่ายๆคือตรงกลางพอดี และสัญญาณขีดสุดท้ายก่อน Multy X จะสลับให้เราไปเชื่อมต่อกับอีกตัวหนึ่ง
4.ทดสอบความร้อน และการทำงานแบบ 7 วัน 24 ชั่วโมง โดยวางไว้ในห้องอุณหภูมิปกติที่ไม่ได้เปิดแอร์
หมายเหตุ : ชื่อ Wi-Fi ในการทดสอบ Multy X คือ AomReviewer
1.การรับสัญญาณจาก Multy X เพียงตัวเดียว ที่ตั้งอยู่บนชั้น 4 ของตึก
? ภาพด้านล่างนี้คือการทดสอบโดยผมนั่งอยู่ข้างๆกับ Multy X ครับ ความเร็วสูงสุดที่ได้คือ 866Mbps ความแรงสัญญาณราวๆ -35dB สำหรับคลื่น 2.4GHz และน้อยกว่า -30dB สำหรับคลื่น 5GHz บอกเลยว่าสัญญาณมาดีมากๆ

? ต่อไปคือการทดสอบที่ผมลงมาอยู่ชั้นล่างสุด ส่วน Multy X ยังอยู่ที่ชั้น 4 และยังไม่ได้มีการเชื่อมต่อ Mesh ใดๆทั้งสิ้น จะเห็นว่ามันยังสามารถเล่นเน็ตได้อยู่นะครับ และยังรับชมวีดีโอ YouTube ระดับ Full HD ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าตัวเดียวก็โคตรจะแรงละครับ แต่สัญญาณก็จะมีแกว่งๆบ้าง สปีดเน็ตลดลงมาเหลือ 20/5 Mbps ล่วงลงมาราวๆ 5 เท่า กับความสูง 4 ชั้น ไม่ธรรมดาเลย

2.การรับสัญญาณจาก Multy X ที่ตั้งอยู่ชั้นล่างสุด โดยเชื่อมต่อแบบ Mesh แล้ว
? จากภาพด้านล่าง ผมนั่งทดสอบอยู่ข้างๆกับ Multy X ตัวที่สองครับ ความเร็วสูงสุดที่ได้คือ 468 Mbps เรียกได้ว่าหายไปครึ่งนึง แต่ยังเหลือๆสำหรับการใช้งานเพื่อดูหนังระดับ 4K และความเร็วอินเทอร์เน็ตไม่ตกเลยแม้แต่น้อย ใช้งานจริงไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจากการนั่งเล่นอยู่ข้างๆ Multy X ตัวหลักเลยครับ บ้านใครหรือหอพักใครที่มีเนื้อที่ประมาณนี้ บอกเลยว่าเหลือๆ

3.การรับสัญญาณจาก Multy X โดยผมจะไปยืนบนบันไดของบ้านระหว่างชั้น 2 และ 3 เอาง่ายๆคือตรงกลางพอดี และสัญญาณขีดสุดท้ายก่อน Multy X จะสลับให้เราไปเชื่อมต่อกับอีกตัวหนึ่ง
? การทดสอบนี้ขอลองเพื่อทดสอบความมึนงงของ Multy X ซึ่งโดยปกติแล้วมันคือจุดด้อยของระบบ Repeater ที่ตัว Access Point มักจะเลือกไม่ถูกว่าจะให้เราเกาะกับตัวไหน บางทีสัญญาณก็หายไปเลยก็มี(สำหรับรุ่นที่ไม่ใช่ระดับ Enterprise นะครับ) โดยจากผลการทดสอบบอกได้เลยว่าไม่มีจุดไหนในบ้านที่มีปัญหาเลย ส่วนความแรง Wi-Fi เม็ดสุดท้ายที่เหลือขีดเดียว Multy X ยังคงสปีดไว้ที่ 260 Mbps ก่อนที่จะสลับไปเกาะกับ Multy X ที่หลักที่อยู่ชั้น 4 เรียกได้ว่าเนียนสมกับเทคโนโลยี Mesh

4.ทดสอบความร้อน และการทำงานแบบ 7 วัน 24 ชั่วโมง โดยวางไว้ในห้องอุณหภูมิปกติที่ไม่ได้เปิดแอร์
? คือถามว่าร้อนมั้ย? บอกเลยว่าร้อนครับ แต่เป็นความร้อนที่ถูกระบายออกมาจาก heatsink ขนาดใหญ่ภายใน แต่ก็ไม่ได้ร้อนจี๋ขนาดจับไม่ได้นะครับ คือถ้าบ้านใครอุณภูมิในบ้านสูงขนาดนั่งเฉยๆแล้วเหงื่อตก แนะนำว่าลองหาที่วางโน๊ตบุ๊คที่มีพัดลมมาวางรองไว้ให้มันหน่อย เพราะอย่างน้อยมันก็มีฮีตซิงค์ขนาดใหญ่มาให้เจอลมเข้าไปนิดหน่อยก็เย็นสบายละครับ แต่ถ้าบ้านที่ไม่ได้โดดแดดเลียทั้งวันผมว่าสามารถวางไว้ไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับมันเลยก็ยังได้

แล้วการตั้งค่าแบบลึกๆละ?
? จบกันไปแล้วสำหรับการทดสอบประสิทธิภาพ ผมบอกเลยว่าแค่ 2 ตัวก็ครอบคลุมตึก 4 ชั้นได้เลยทีเดียว ส่วนถ้าใครรู้สึกว่าทำไมมันปรับได้แต่เมนูเบสิกพื้นฐาน จริงๆแล้ว Multy X มีเมนูต่างๆที่เราเตอร์พึงจะมีทั้งหมดนั่นแหละครับ แต่ฉากหน้าหรือ UI นั้นเค้าทำให้ดูง่าย โดยยังพกความสามารถในการจำกัดเวลาผู้ใช้งานมาให้ด้วยสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการควบคุมเวลาการเล่นของลูกๆ รวมถึงรองรับการทำ Port Forwording และ DMZ ก็ยังมีให้ตั้งค่าได้เช่นกัน

สรุปส่งท้าย!
Multy X เหมาะกับคนที่ต้องการจบปัญหาเรื่อง Wi-Fi ในบ้านครับ สัญญาณแรง เข้าถึงได้ทุกมุมด้วยเทคโนโลยีต่างๆที่อัดมาให้ ทันสมัย ใช้งานได้ยาวๆ ส่วนราคาค่าตัวนั้นก็ต้องบอกว่าเอาเรื่องอยู่เหมือนกันเนื่องจากของทาง Zyxel ใส่ Multy X มาให้ 2 ตัว ส่วนยี่ห้ออื่นนั้นใส่มาให้ 3 แต่ทั้งนี้มากเกินไปก็ใช่ว่าจะดีนะครับ เพราะมันต้องเปลี่ยน node อยู่ตลอดเวลา ถึงแม้มันจะไม่ได้สะดุดเหมือนกับการใช้ Repeater แต่ว่ามันก็ต้องมีนิดนึงอะครับ คือถ้าเล่นเว็บนี่เราจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่ถ้าดูวีดีโอที่เป็นไลฟ์สดๆก็อาจจะมีบ้าง ส่วน YouTube นี่ไม่มีปัญหานะเพราะมันโหลดรอไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วครับ สำหรับวันนี้คงต้องลาไปก่อน สวัสดีครับผม
Comment