Announcement

Collapse
No announcement yet.

มาสร้างCLOUD ส่วนตัวไว้ใช้งาน กับ SYNOLOGY DS218+ กันเถอะ

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • มาสร้างCLOUD ส่วนตัวไว้ใช้งาน กับ SYNOLOGY DS218+ กันเถอะ

    ปัจจุบันการใช้งานCloud เพื่องานส่วนตัวหรือเพื่อองค์กร กลายเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปการใช้งานCloudก็คือการนำไฟล์ของเราไปฝากไว้ที่ผู้ให้บริการ บางครั้งไฟล์บางไฟล์เราก็ต้องการความเป็นส่วนตัวแต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องแบ่งปันให้ผู้อื่นด้วยและไม่สะดวกที่จะต้องฝากไว้กับผู้ให้บริการ
    เราสามารถสร้างCloud ไว้ใช้งานส่วนตัวหรือเป็นของสำนักงานได้ด้วย NAS BY SYNOLOGY
    NAS หรือ Network Attached Storage คือ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีความสามารถทำงานทางเครือข่ายมาร่วมด้วยนั่นเอง
    _MG_6065.jpg

    Disk Station 218+ หรือ DS218+ BY SYNOLOGY พระเอกของงานนี้

    ด้วยการออกแบบให้สวยงามลงตัวพร้อมทั้งประหยัดพื้นที่ ทำให้NAS เครื่องนี้สามารถวางได้ทุกมุมในบ้านเหมือนของแต่งบ้านชิ้นนึงเลยทีเดียว DS218+ เป็นน้องเล็กในSeries PLUS ของ SYNOLOGY มาพร้อมความสามารถหลากหลายรองรับการใช้งานภายในบ้านไปจนถึงองค์กรสำนักงานขนาดเล็ก โดยรุ่นต่างของ SYNOLOGY เป็นไปตามนี้
    ? J Series รุ่นเล็กสุด สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปตามอาคารบ้านเรือน
    ? Value Series สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก, ผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการ NAS ประสิทธิภาพสูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
    ? Plus Series รุ่นสำหรับธุรกิจขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง และผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการ NAS ประสิทธิภาพระดับสูง
    ? FS/XS Series รุ่นสำหรับองค์กร โดยรุ่น FS จะเป็นรุ่น All-Flash และรุ่น XS จะเป็นรุ่น Hybrid

    สเปกคร่าวๆของDS218+ มาพร้อมด้วย Intel Celeron j3355 Dual Core 2GHz up to 2.5GHz แบบ 64 BIT,
    Ram 2 GB DDR3L เพิ่มได้ถึง 6GB(4+2) รองรับ HDD จำนวน 2 Bays รองรับความจุได้ถึง 24TB และRJ-45 1GbE LAN 1 Port
    page.jpg
    ด้วยขนาดที่ออกแบบมาให้ประหยัดพื้นที่และสวยงาม มันสามารถจัดวางไว้บนเคสคอมฯ ได้อย่างลงตัวแถมยังเหลือพอให้วางปลั๊กพ่วงได้อีกด้วย เมื่อเปิดฝาด้านหน้าจะพบช่องใส่HDDจำนวน2ช่องพร้อมเครื่องหมายบอกตำแหน่ง
    สามารถใช้มือเปล่าในการติดตั้งได้เลยเสร็จสรรพสำหรับ Disk 3.5? ส่วน Disk 2.5? จำเป็นต้องยึดน๊อตกันซักเล็กน้อย โดยน็อตจะมีมาให้ในกล่องแล้ว
    IMG_4860.jpg

    โดยมีหลักเกณฑ์ในการเลือก Hard Disk สำหรับใช้งานตามรหัสสีล่าสุดของ WD ดังนี้
    WD Blue สำหรับใช้งาน HOME USE ทั่วไป พร้อมการรับประกัน 3 ปี
    WD BLACK สำหรับผู้ใช้งาน DESKTOP ที่ใช้งานหนักขึ้นมาอีกระดับ พร้อมรับประกัน 5 ปี
    WD RED ถูกออกแบบมาเพื่อทำงาน 24*7 พร้อมวัสดุที่คงทนกว่า พร้อมระบบลดการสั่นสะเทือน หากใช้งานร่วมกันหลายตัว เหมาะกับการใช้งาน NAS ที่สุด พร้อมรับประกัน 3 ปี มีรุ่นแยก คือ RED Pro ที่รับประกัน 5 ปี
    WD PURPLE ถูกออกแบบมาให้คงทนเพื่อบันทึกกล้องวงจรปิด ด้วยFirmware ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการเขียนข้อมูลแบบ SEQUENCE ที่ต้องการข้อมูลแบบต่อเนื่อง ในขณะที่WD สีอื่น เป็นการเขียนข้อมูลแบบ RANDOM เพื่อความรวดเร็วในการทำงาน ทำให้ WD PURPLE เหมาะสำหรับงานวงจรปิดเป็นที่สุด ไม่เหมาะที่จะนำไปลงOS
    WD GOLD รุ่นสูงสุดของ WD มาในชื่อ GOLD STAR เหมาะสำหรับงานที่ใช้Workload สูงสุด และงานที่ใช้จำนวนเยอะ เช่น 16 Bays ขึ้นไป
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราสามารถเลือก HDD ให้เหมาะสมกับงานและงบประมาณได้ด้วยตัวเราเอง
    โดยส่วนตัว ชอบการออกแบบรวมถึงวัสดุที่ใช้และความง่ายในการติดตั้งไม่ต้องมีเครื่องมือช่วยใดๆ ความประหยัดพื้นที่จัดวางได้สวยงามลงตัว
    สำหรับครั้งนี้ได้รับการสนับสนุน DS218+ จาก SYNOLOGY และ WD RED ขนาด 2TB จาก WD และWorkshopดีๆจาก OVERCLOCKZONE.COM ชุดคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในWORKSHOP จาก GVIEW ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ


    ครั้งหน้าจะพาไปติดตั้งระบบปฏิบัติการบน DS218+ ที่มีชื่อว่า DiskStation Manager จาก SYNOLOGY กัน
    บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจากงาน ?Bulid Your Own Cloud With Nas?
    กดอ่านรายละเอียดของWorkshop By SYNOLOGYครั้งแรกในประเทศไทย ที่นี่

  • #2
    ตกลงแล้วใช้ CLOUD ส่วนตัว ยังไงครับโดยไม่ต้องไปพี่งพาผู้ให้บริการข้างนอก

    private ip ใช้ได้ป่าวครับ

    Comment


    • #3
      สงสัยผมต้องซื้อ WD RED ขนาด 6-8 TB กับแรม มาใส่เพิ่มประสิทธิภาพให้ NAS Synology ทำเป็นคลาวด์ภายในบ้าน คราวนี้จะได้ดูหนังดูซีรีส์ฟินกันยาวๆ ไม่ต้องเสียเวลาไปเสียบ External Harddrive อีกแล้วครับ

      Comment


      • #4
        8TB ได้หนังกี่เรืองครับ แล้วจะดูหมดเหรอครับ 555+

        Comment


        • #5
          Originally posted by noktualek View Post
          8TB ได้หนังกี่เรืองครับ แล้วจะดูหมดเหรอครับ 555+
          แค่การ์ตูน One Piece ก็ 600 GB แล้วครับ

          ถ้าซื้อ 8TB ก็ซื้อเผื่ออนาคตครับ เพราะตอนนี้ก็มีอุปกรณ์รวมกันประมาณ 7-8 TB อยู่แล้วครับ มีเยอะขนาดนี้ยังเต็มเลยครับ > <

          Comment

          Working...
          X