Announcement

Collapse
No announcement yet.

(CR) Mechanical Keyboard ราคาหลักหมื่น!!! Ducky 104UB DK45S

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • (CR) Mechanical Keyboard ราคาหลักหมื่น!!! Ducky 104UB DK45S


    สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิว Mechanical Keyboard ที่ว่ากันว่าสัมผัสการพิมพ์ของ Switch ชนิดนี้เทพที่สุด พิมพ์มันที่สุด ราคาที่แพงอย่างที่สุด และหายากสุดๆ ครับ

    ตัวที่รีวิวก็คือ Ducky 104UB DK45S (หรือ Realforce Taiwan Edition) ครับ
    (พยายามถ่ายให้เหมือนเพจ Ducky แต่กล้องกับฉากหลังไม่อำนวย 555)
    Attached Files
    Last edited by xีหมาทอด; 20 Jan 2016, 15:51:10.

  • #2
    เด่วๆ ทำไมเนื้อหามันขาดตอน

    ปล. ป่ะเรามาตั้งสมาพันธ์แห่ง Realforce กัน

    Comment


    • #3
      เริ่มจากพัสดุที่รับมา สภาพโดนแม่ไม้ไปรษณีย์ไทยมา อัดซะน่วมเลย

      20160114_141239.jpg

      เปิดกล่องมาก็เจอกล่องสีดำๆ จากที่ดูรีวิวมาก็มีแค่รุ่นนี้แหละที่เป็นกล่องสี สวยดี... แต่ถ้าเป็นกล่องกากๆ แล้วขายถูกๆ จะดีกว่าอะ

      20160114_141523.jpg

      - - - Updated - - -

      เดวค่อยๆ ตามมา พิมพ์สดเลย อิอิ

      Comment


      • #4
        เปิดกล่องมาจะเจอเจ้าคีย์บอร์ดครับ ข้างในจะมีของแถมเล็กๆ น้อยๆ น่ารักดี *-*

        20160114_141637.jpg
        20160114_141755.jpg

        Comment


        • #5
          20160115_093751.jpg
          20160115_093859.jpg
          20160115_093911.jpg

          ตัวนี้เป็นคีย์บอร์ดที่บริษัท Ducky ได้ co-band กับ Realforce เป็นรุ่น Limited Edition เดาว่าผลิตไม่น่าเกิน 500 ตัว ที่สิงคโปรมีเหลือ 6 ตัว จัดว่าหายากใช้ได้ครับ

          Comment


          • #6
            เริ่มจากสภาพเจ้าตัวก่อน อิอิ

            ดูจากภาพนอกจะเหมือนกับ Keyboard บ้านๆ แต่จริงๆ แล้วเจ้านี่มีงานประกอบและวัสดุที่ดีมากๆ ดีกว่า CM Novatouch ซะอีก
            เรื่องของการดีไซน์ ผมไม่ชอบตรงขอบที่มันมนๆ กับขอบด้านบนที่โคตรหนาครับ ดูไม่ค่อยสวยเท่าไรเลย ส่วนเรื่องการใช้สีอันนี้ชอบมากครับ บอดี้สีเทาเกือบดำ Keycap สีขาว ดูสะอาดตา ดูมีราคา (แรงมากด้วย -*-) และเด่นเป็นสง่ามาก แทบไม่ต้องแต่งเพื่มเลย ส่วนตัวผมว่ามันดูดีกว่า Realforce ซีรี่ย์อื่นพอสมควรเลย (อย่างเจ้า 104UG Hi Pro การใช้สีมันดูสกปรก วางข้างถังขยะอย่างกับขยะอิเล็กทรอนิกส์ในความคิดผมครับ - -*)

            **อันนี้เน้นว่าเป็นวิจารณญานส่วนบุคคลครับ**

            เจ้าตัวนี้หนักประมาณ 1.4 กิโล หนักพอๆ กับ Ducky Shine 3 แต่เบากว่า YOS, THJ ครับ

            Comment


            • #7
              งานวัสดุเป็นพลาสติกขัดด้านสีดำอย่างดีมากๆ งานเนียน แน่นหนามาก อารมณ์เหมือนพลาสติกตันๆ งานพลาสติกดีกว่า Keyboard cherry MX แทบทุกรุ่น จะมี Corsair Strafe ที่งานพลาสติกยังพอสู้ได้ แต่งานประกอบ Ducky ตัวนี้กินขาดครับ จับปุ๊บรู้ทันที

              20160115_094250.jpg

              ส่วนของ Keycap เป็น Thin PBT สีขาว (ฝั่งซ้ายเป็น Thick PBT) ปุ่ม Spacebar เป็น ABS มุมองศาจัดว่ารับกับมือดีมากๆ ปริ้นแบบ Dye subliminate น่าจะทนมือพอสมควร จากประสบการณ์ Dye sub ผ่านมือผมยังลอกได้ครับ แต่กับคนอื่นไม่น่าไม่ลอกครับ จะมี Double Shot ที่ตอนนี้ผมยังพังด้วยการกดไม่ได้ 555

              Comment


              • #8
                และตรงแถบสถานะมุมขวาบนนี่ไม่ได้เอาสติกเกอร์มาแปะครับ เป็นพลาสติกอย่างดีมากๆ เมื่อก่อนเคยเข้าใจผิดด้วยเพราะสีมันหลอกตา (ถ้ามันเป็นสติกเกอร์จริงๆ คงปล่อยไปสอย HHKB แทน 555)

                20160115_093911.jpg

                งานขาตั้งดูแข็งแรง แน่นหนาดีมากๆ ไม่เหมือนเจ้า Filco, Ducky Shine 3 ที่ก็องแก๊งไปไหนก็ไม่รู้ เจ้า Filco เคยตู้ม! ไปทีนึงขาหักเลยครับ ไม่น่าเลย แต่ส่วนตัวชอบงานขาตั้ง HHKB มากกว่า ใหญ่อย่างกับตอหม้อ รถทับไม่น่าพัง

                Comment


                • #9
                  ต่อไปก็ในส่วนของที่ให้มาครับ

                  ข้างในกล่องจะมีคีย์บอร์ด, Keycap W, A, S, D, Esc สีแดง ที่ดึง Keycap แบบ Ducky และก็ใบรับประกัน (แถมเยอะดี)

                  20160114_141755.jpg
                  Last edited by xีหมาทอด; 15 Jan 2016, 20:44:52.

                  Comment


                  • #10
                    และทีเด็ดตัวนี้คือ "Hybrid Capasitive Switch" หรือ Topre switch ครับ

                    20160115_094107.jpg

                    โดยฟิลลิ้งคล้าย Cherry MX Brown แต่สัมผัสการพิมพ์ของมันนั้นดีสุดๆ ครับ การตอบสนองไวมากๆ ไม่กระด่างเหมือน Cherry MX มันมีความนุ่มนวล เด้งดึ๋ง พร้อมกับความแน่น แข็งแรงอย่างมาก อธิบายยากจริงๆ -*- STRONG.. STRONG... STRONG!!!!

                    s_3596360.jpg ._.

                    โดยตัวนี้ใช้สวิตซ์ Topre Silent ซึ่งเสียงเงียบมากครับ กดปรกติเสียงแทบไม่ออกมาเลย เบากว่า Cherry Silent นิดหน่อยครับ เหมาะกับคนรักเมีย 555
                    และฟิลลิ้งตัวนี้จัดว่าดีมากๆ ครับ ส่วนตัวเคยกด HHKB, Type Heaven, CM Novatouch (ยืมเพื่อนมากด *-*) ในความคิดผม HHKB, Realforce ฟิลลิ้งมาสุดแต่คนละแนว ส่วนตัวชอบสไตล์ของ Realforce มากกว่า

                    เสียงคร่าวๆ ประมาณนี้ครับ (อันนี้ผมกดแรงมากๆ ครับ เสียงมันลั่นไปหน่อย)

                    Last edited by xีหมาทอด; 15 Jan 2016, 21:24:27.

                    Comment


                    • #11
                      อธิบายให้คนธรรมดาจะเข้าถึงยากมากๆ งั้นขออธิบายสไตล์เป็นแนวเพลงครับ
                      คือสไตล์ของเจ้า Realforce จะเป็น Metal เด่นชัด กดอารมณ์แบบ ตู้ม ตู้ม ตู้ม ๆ ๆ ๆ อารมณ์เร้าใจมาก 555 ถ้าตัวที่ใช้สวิตซ์ Cherry มาสไตล์นี้ก็มี Ducky ครับ

                      อารมณ์ราวๆ นี้เลย


                      ส่วน HHKB จะเป็นแนว Pop จ๋ามาก คือมันออกแนวนุ่มนวล หนักแน่น มีเสน่ห์ที่มันน่าตึงดูด ต้องลองไปฟังพวกเพลง Michael Jackson, J-POP อะ ถ้าในฝั่ง Cherry ก็ Filco, CM Quickfire ครับ

                      ที่ผมคิดคนส่วนใหญ่จะชอบ Pop มากกว่า Metal ครับ และก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ชอบ HHKB (ในสวิตซ์ Topre) หรือ Filco (สวิตซ์ Cherry) มากที่สุดครับ

                      ปล. ตัวที่ผมคิดว่าฟิลลิ้งมาสุดเท่าที่เคยจับก็มีแบรน Filco, Ducky (Year of the บลาๆๆ, shine 3 ลงมา), DAS, Vortex และ Leopold สำหรับ Cherry และ HHKB, Realforce สำหรับ Topre ครับ


                      ....ไหลไปไกลแระ พิมพ์มันเกิน 55555

                      Comment


                      • #12
                        กลับมาต่อเจ้า Topre ต่อ นอกจากฟิลลิ้งการกดที่ดีมากอยู่แล้ว เจ้าสวิตซ์ขึ้นชื่อเรื่องของความทนทานต่อสภาพอากาศเป็นอย่างมาก
                        โดยโครงสร้างประกอบด้วย rubber dome หุ้ม spring ทรงกรวย ทำงานโดยตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กเอา โดยไม่มีหน้าสัมผัสใดๆ เลย

                        ซึ่งจากโครงสร้าง rubber dome จะช่วยกันฝุ่น ความชื้นได้เป็นอย่างดีครับ ถ้าใช้งานอย่างสะบุสมบัน Topre ทนกว่า Cherry เป็น 10 เท่าครับ

                        ซึ่งก็พิสูจน์มาแล้วจาก HHKB คีย์บอร์ดของเพื่อนผมเอง โดยเพื่อนผมแล้วได้ทำน้ำหกใส่เต็มๆ แผง ซึ่งผมเห็นคาตาคือเพื่อนกูรีบย้ายของแทบทุกอย่างยกเว้นเจ้าคีย์บอร์ดนี่แหละ ถามไปก็ตอบว่า "คีย์บอร์ดตัวนี้แค่สะบัดๆ เช็ดๆ ก็ใช้ต่อได้แล้ว แต่ของอย่างอื่นโดนน้ำก็เจ็งสิ" แล้วที่อึ้งคือระหว่างที่สะบัดน้ำออกยังไม่ถอดสาย USB เลย แถมหกใส่มา 4-5 รอบแล้ว ไม่มีอาการรวน เอ๋อเลยครับ - -*

                        ถ้าเป็น Cherry แค่น้ำเข้าหยดเดียวก็เจ๊งแล้วครับ ถ้าหกทั้งแผงแกะล้างสถานเดียว "Mechanical ส่วนใหญ่ทนกระแทกแต่กลัวน้ำครับ"

                        *** ขอไม่จุ่มน้ำเทสครับ
                        Last edited by xีหมาทอด; 15 Jan 2016, 21:01:00.

                        Comment


                        • #13
                          ต่อมาในส่วนของการตอบสนอง

                          เจ้า Topre ไวกว่าสวิตซ์ Mechanical ทั่วไปมากๆ ครับ

                          มีหลายค่ายที่ได้เคลมว่าสวิตซ์กูไวสุดอย่างเช่น Romer G, QS1 บลาๆๆ ว่ากันตรงๆ จากที่กดไม่ต่างจาก Cherry เท่าไรครับ
                          Romer G, QS1 ไวกว่า Cherry MX ราวๆ 25% ที่ไวกว่าก็แค่ระยะการกดสั้นกว่าเดิม

                          ...เจ้า Cherry ยังมีแบบ ML ด้วยนะ แน่นอนว่าแทบไม่มีใครรู้จัก 555
                          .
                          .
                          แต่เจ้า Topre ไวกว่า Cherry ประมาณ 3 เท่าครับ คิดเป็น % ก็ 300 เอง...

                          เรื่องความไว Topre ผมพอรับรู้ได้ว่าไวกว่า Cherry ครับ

                          เนื่องจากการตอบสนองที่ไวสุดขั้วสิ่งที่ตามมาคือ "ช่วงแรกๆ เวลาเล่นเกมดนตรี จะกดแป๊กบ่อยมาก"
                          เพราะปรกติเวลาผมกดมักจะเผื่อในส่วนของเวลาที่ดีเลย์ก่อนที่โน๊ตจะลงมานิดนึง กดก่อนล่วงหน้าแล้วพอสวิตซ์ตอบสนองโน๊ตไหลลงช่องพอดี แต่กับ Topre กดปุ๊บ ไปเลย แป๊กเลย!! ต้องปรับตัวพอสมควรครับ ที่ยืมเพื่อนคือไม่เคยเอามาใช้เล่นเกมเลย - -

                          Comment


                          • #14
                            ในส่วนของฟังก์ชั้นบ้าง

                            - ไม่มีลูกเล่นอะไรเป็นพิเศษครับ คีย์บอร์ด 199 ก็แบบนี้เลย
                            - 6 Key Rollover กดพร้อมกันได้แค่ 6 ปุ่ม พวกเกมดนตรีที่ต้องกดมากกว่า 6 ปุ่มอย่าง O2 Mania อาจไม่เหมาะครับ
                            - มีที่เบนสายไปทางซ้ายและขวา (แต่ทำไมไม่มีตรงกลางเนี่ย...กูไม่เข้าใจ)

                            20160115_094404.jpg

                            - ในส่วน Spacebar จะมีสปริงสวมตรงแกนเพื่อชดเชยน้ำหนักจาก Keycap ที่หนักกว่าส่วนอื่น (ชอบมาก)

                            ราคาที่ผมโดนไป รวมทุกอย่างก็ประมาณ 12,000 นิดๆ ._____.

                            Comment


                            • #15
                              สรุปข้อดี ข้อเสียกันบ้าง

                              ข้อดี

                              - ฟิลลิ่งการพิมพ์จัดว่าเป็นที่สุดของคีย์บอร์ด
                              - งานประกอบและวัสดุจัดว่าดีมากๆ
                              - การตอบสนองน่าจะไวที่สุดในโลก
                              - มุมองศาของ Keycap รับมือดีมาก
                              - ทนทานต่อสภาพแวดล้อมอย่างมาก
                              - แกะ ทำความสะอาดง่ายมากๆ ไม่ต้องใช้ไขควง (จะรีวิวช่วงต่อไปครับ)


                              ข้อเสีย

                              - ไม่มี N Key Rollover (จริงๆ ขอแค่เกิน 10 ปุ่มก็พอครับ เล่น O2 Mania เพลงยากๆ ไม่ได้เลย)
                              - สายหลบไม่มีช่องตรงกลาง อันนี้เฟลสุดๆ -*-
                              - ไม่เชิงข้อเสีย แต่น่าจะมีฟังก์ชั้นมัลติมีเดียร์ตามสไตล์ Ducky หน่อย
                              - หาความเป็น Ducky ไม่เจอจริงๆ จากแฟนตัวยงเลย
                              - Keycap Spacebar เป็น ABS (อันนี้พอรับได้)
                              - น่าจะมีหลายตัวเลือกเรื่องน้ำหนักสัก 55g, 80g, 120g (มือผมหนักมากครับ)
                              - ราคาจัดว่าอ่วมครับ ซื้อ Mechanical Cherry ดีๆ ได้ 3-4 ตัวครับ

                              - - - Updated - - -

                              ในส่วนของคะแนน

                              - งานประกอบ 8 เต็ม 10 (งานยังสู้พวกเป็ด YOS, YOTH, THJ ไม่ได้ครับ)
                              - ฟิลลิ่งเอาไป 10 เลยครับ
                              - ดีไซน์ผมให้ 8 ครับ (อานิสสงเจ้ามุมองศาของ Keycap ล้วนๆ ถ้าแบบบ้านๆ เอาไป 3 ก็พอ)
                              - ฟังก์ชั้น 0 ครับ เพราะไม่มีเลย *-*

                              *** สุดท้ายนี้จะบอกว่าไม่มีคีย์บอร์ดไหนที่ดีที่สุดในโลกหรอกครับ จะมีก็คีย์บอร์ดที่เหมาะมือคนใช้มากสุดก็เท่านั้นแหละครับ ***

                              Comment

                              Working...
                              X