จำเป็นไหมที่ต้องDefragment ไดร์ฟอื่นที่ไม่ใช่Drive C

[wichapons]

เท่าที่ผมทราบคือ Defragment คือการจัดเรียงข้อมูลให้ HDD อ่านไฟล์ง่ายขึ้น คำถามคือมีข้อเสียอะไรไหมครับ

[chivas01]

ข้อดีคือ ทำให้การอ่านข้อมูลในแต่ละไดว์ไวขึ้น(ไวกว่าไม่defragยกเว้นSSD)
ข้อเสีย อันนี้ไม่ทราบแน่ชัดเหมือนกันเพราะผมทำไม่บ่อย2-4อาทิตย์ต่อครั้งขึ้นอยู่กับมีข้อมูลเพิ่มมากแค่ไหน
แต่ทำไว้ไม่เสียหายหรอกครับ เหมือนเวลาเราจะอ่านหนังสือจากหน้า 1-2-3-4-5 แต่ถ้าท่านไม่defragเลยก็จะกลายเป็นว่า1-5-4-2-3(ไม่รู้ว่าเห็นภาพไหมแต่ประมาณนี้คือจะอ่านแบบโดดข้ามแล้วย้อนกลับมาอ่านแล้วข้ามไปอีก)

[plearak]

ถ้าเป็น ssd ควรปิดฟังก์ชันนี้เพราะทำให้อายุการใช้งานสั้นลงเยอะ

ฟังก์ชันนี้มันทำให้การอ่านเขียนดีขึ้น แต่ก็ทำให้ hdd ร้อน ทำงานหนัก อายุสั้นลง ก็แลกกันครับ

[sensona]

สำหรับ /ssd/hdd ผมไม่เคย defrag นะคับ คือปิด schedule ไปเลย

[bunyawat]

SSD ไม่จำเป็นต้องทำครับไม่มีผล เนื่องจากเป็นการเข้าถึงข้อมูลเเบบ Random access

[m shifu]

ถ้าตามวิกี เค้าบอกว่า การอ่าน/เขียน HDD เป็น random-access เหมือนกันครับ
Data is accessed in a random-access manner

https://en.wikipedia.org/wiki/Hard_disk

ส่วนเรื่องจำเป็นไหมที่ต้อง Defragment ไดร์ฟอื่นที่ไม่ใช่ Drive C
ต้องตอบว่าไม่จำเป็น
แม้แต่ Drive C ก็ไม่จำเป็น
เพราะไม่ทำ Defragment เราก็ใช้คอมได้ปกติ ไม่มีปัญหาอะไร

คอมที่ร้านผม celeron 266MHz ปกติจะเปิดใช้ทุกวันตั้งแต่ปี 1998
ถึงตอนนี้ก็ 17 ปีละ ไม่เคยทำ Defragment เลยครับ

[m shifu]

แถมตัวที่ผมใส่ในเน็ตบุ๊ค ใช้เป็น drive c ,d

ใช้มา 23524 ชม. ไม่เคยทำ Defragment เลย
ก็เร็วดี ไม่มีปัญหาอะไรครับ

[kaikimao]

defrag เป็นการจัดการไฟล์ที่เกิด fragment (พื้นที่ไฟล์ไม่ต่อเนื่องกัน)

ตัวอย่าง
* จิ๊กรูปมาจากนี่ >> http://blogs.msdn.com/b/e7/archive/2...rovements.aspx

1) ไฟล์ a b c ใช้พื้นที่ดิสก์ต่อเนื่องกัน, เวลาดิสก์เรียกข้อมูลไฟล์ ก็ทำการอ่านต่อเนื่องกันได้เลย)
2) ไฟล์ a มีข้อมูลเพิ่มขึ้น, จะไปใช้ sector ที่ว่างแรกสุดที่เจอ (กรณีนี้หัวอ่านต้องวิ่งหลายรอบ เพื่อเรียกใช้ไฟล์ A ครบ)
3) หลังการ defrag เสร็จแล้ว พื้นที่ก็จะกลับไปที่เดิม


ถ้าจะว่าเรื่องนี้ ต้องเริ่มตั้งแต่ DOS FAT เลย (หาอ่านเพิ่มเลยครับ)

* กับดิสก์สมัยโบราณ ที่ทำงานได้แสนจะช้า - การ defrag ทีนึง ทำให้ประหยัดเวลาภายหลังไปได้เยอะเลยนะครับ

* แต่ดิสก์ปัจจุบัน มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก

เช่นฟีเจอร์นึงใน AHCI (NCQ) - กรณีรูป (2) ถ้ามีการขอให้อ่านไฟล์ A B C
- ดิสก์จะอ่านไฟล์ A1(เก็บเข้าหน่วยความจำดิสก์)
- อ่าน sector ต่อไปของ B C เลย
- หัวอ่านข้ามไปตำแหน่ง A2 แล้วอ่านเข้ามาทีหลัง แล้วเอาให้ OS ใช้งาน
^
แค่อันนี้อย่างเดียว ก็แทบไม่ต้องเสียเวลาทำ defrag แล้วครับ

* ส่วน ssd มีฟีเจอร์อื่นๆ อีก เช่น trim (มีหลายอย่างนะครับ พอดีจำไม่ค่อยได้ )

[wichapons]

แถมตัวที่ผมใส่ในเน็ตบุ๊ค ใช้เป็น drive c ,d

ใช้มา 23524 ชม. ไม่เคยทำ Defragment เลย
ก็เร็วดี ไม่มีปัญหาอะไรครับ

2หมื่นกว่าชั่วโมง ของผมนี้ 8000ชม.ก็เริ่มbad แล้ว ของท่านโหดมากครับ ฮ่าๆ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ

[wichapons]

defrag เป็นการจัดการไฟล์ที่เกิด fragment (พื้นที่ไฟล์ไม่ต่อเนื่องกัน)

ตัวอย่าง
* จิ๊กรูปมาจากนี่ >> http://blogs.msdn.com/b/e7/archive/2...rovements.aspx

1) ไฟล์ a b c ใช้พื้นที่ดิสก์ต่อเนื่องกัน, เวลาดิสก์เรียกข้อมูลไฟล์ ก็ทำการอ่านต่อเนื่องกันได้เลย)
2) ไฟล์ a มีข้อมูลเพิ่มขึ้น, จะไปใช้ sector ที่ว่างแรกสุดที่เจอ (กรณีนี้หัวอ่านต้องวิ่งหลายรอบ เพื่อเรียกใช้ไฟล์ A ครบ)
3) หลังการ defrag เสร็จแล้ว พื้นที่ก็จะกลับไปที่เดิม


ถ้าจะว่าเรื่องนี้ ต้องเริ่มตั้งแต่ DOS FAT เลย (หาอ่านเพิ่มเลยครับ)

* กับดิสก์สมัยโบราณ ที่ทำงานได้แสนจะช้า - การ defrag ทีนึง ทำให้ประหยัดเวลาภายหลังไปได้เยอะเลยนะครับ

* แต่ดิสก์ปัจจุบัน มีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก

เช่นฟีเจอร์นึงใน AHCI (NCQ) - กรณีรูป (2) ถ้ามีการขอให้อ่านไฟล์ A B C
- ดิสก์จะอ่านไฟล์ A1(เก็บเข้าหน่วยความจำดิสก์)
- อ่าน sector ต่อไปของ B C เลย
- หัวอ่านข้ามไปตำแหน่ง A2 แล้วอ่านเข้ามาทีหลัง แล้วเอาให้ OS ใช้งาน
^
แค่อันนี้อย่างเดียว ก็แทบไม่ต้องเสียเวลาทำ defrag แล้วครับ

* ส่วน ssd มีฟีเจอร์อื่นๆ อีก เช่น trim (มีหลายอย่างนะครับ พอดีจำไม่ค่อยได้ )

อ่ออ ประมาณว่าสมัยก่อนเทคโนโลยีของตัวHDDยังจัดเก็บข้อมูลไม่เป็นระบบอยู่ แต่เดี๋ยวนี้แก้แล้วสินะครับ ขอบคุณมากนะครับได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย