Announcement

Collapse
No announcement yet.

ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่อง BUSของRAM

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่อง BUSของRAM

    มีเมนบอร์ดที่รองรับBUS1066แต่CPU ที่ใช้มีBUSแค่800
    จะเอาRAM BUS1066 ใส่ได้หรือไม่
    ผลที่ได้จะต่างกับRAM BUS800อย่างไร

  • #2
    ใส่ได้ครับ (ส่วนตัวผมว่าบัสมันไม่ค่อยเห็นผลเท่าไรนะ เห็นก็เห็นนิดหน่อย CL น่าจะเห็นผลกว่า)

    ส่วนเรื่องของบัส

    มันไม่เหมือนกันครับ บัสCPU กับ RAM ของใครของมัน(แล้วแต่ว่าบอร์ดกำหนดให้ใครได้เท่าไร)

    แต่มันจะมีผลตอนที่ส่งข้อมูลระหว่างกัน

    เช่น CPU 800 Ram 1066

    CPU ส่งข้อมูลให้แรมได้ดี เพราะบัสแรมกว้าง

    แต่พอแรมส่งกลับไป CPU จะเกิดคอขวด เนื่องจาก บัสแรมใหญ่กว่า

    ในการ OC จึงมีการทดแรม 1-1 เพื่อให้ช่องทางเท่ากัน ไม่เกิดคอขวดครับ



    (ผิดถูกขออภัยนะจ้ะ ตามความเข้าใจของข้าพเจ้า)
    Last edited by 5-zigen; 29 Jan 2011, 22:38:15.

    Comment


    • #3
      ใส่ได้ครับ 1066 อ่ะ

      เร็วกว่า 800 นิดนึงครับบัส 1066 อ่ะนะ

      I5 750 บัส CPU เท่าไหร่ครับ ใช่ FSB 1333 ปะครับ

      Comment


      • #4
        ไม่ได้กวนนะครับ ทำไมต้องเน้นตัวใหญ่ด้วยอะ อยากรู้จริง ๆ ตัวธรรมดากลัวคนอื่นไม่เห็นหรอครับ

        Comment


        • #5
          Originally posted by toptakachi View Post
          ไม่ได้กวนนะครับ ทำไมต้องเน้นตัวใหญ่ด้วยอะ อยากรู้จริง ๆ ตัวธรรมดากลัวคนอื่นไม่เห็นหรอครับ
          เน้น สิทธิของผมด้วยอ่ะครับ

          Comment


          • #6
            เข้าใจเลย หลังถามคนอืนมานาน ตอบเคลียดีครับ ว่าแต่ในการ OC บางคนทดแรม 4:5 เพราะอะไรหรอคับ

            Comment


            • #7
              Originally posted by t-force View Post
              เข้าใจเลย หลังถามคนอืนมานาน ตอบเคลียดีครับ ว่าแต่ในการ OC บางคนทดแรม 4:5 เพราะอะไรหรอคับ
              อันนี้ผมก็ไม่ทราบนะ แต่คิดว่าน่าจะเป็นเทคนิคส่วนตัวหรือข้อจำกัดบางอย่างนะ

              เช่นแบบ บัสแรมหรือCPUมัน***งกันเกินไปจนทำให้ 1-1 ไม่ได้

              (แบบว่าทำให้ลงตัวกันยาก หรือไม่ได้เลย) ยิ่งเป็นพวกแรมเทพๆ บัสสูงๆ ยิ่งทำยาก

              ของผมเองยัง 2-8 เลย แรม DDR3 ด้วย ผมเองก็ทดไม่ค่อยเป็น เลยปล่อยๆมันไป 55+

              Comment


              • #8
                pc ที่เราใช้กันในปัจจุบัน ใช้การติดต่อของแรมแบบ synchronous
                ถ้าดูบนแผงแรม จะเห็นไอซีตัวเล็กๆอยู่ตัวนึง (เล็กกว่าเม็ดแรม) เป็นไอซีแบบ eeprom เรียกว่า spd
                spd ตัวนี้ จะเก็บค่าคุณสมบัติของแรมตัวนั้นๆ ซึ่งเกือบทั้งหมด เป็นค่าเกี่ยวกับเวลาที่แรมตัวนั้นต้องการใช้
                เวลาบูทคอม จะมีการอ่านค่าจาก spd มาให้ชิพเซ็ท เพื่อกำหนดความเร็วในการติดต่อ

                เช่น ถ้าใช้ e5200 กับแรม 1066 ชิพเซ็ทจะกำหนดให้แรมทำงานที่ความเร็ว 800
                หรือ ถ้าใช้ atom 330 กับแรม 1066 ชิพเซ็ทจะกำหนดให้แรมทำงานที่ความเร็ว 533
                ทั้งสองตัวอย่างข้างบน ถ้าเราใส่แรม 800 แทน 1066 แรมก็จะทำงานที่ความเร็วเท่าเดิมไม่แตกต่างกัน
                แรม 1066 เกือบทั้งหมดในท้องตลาด ก็คือแรม 800 ที่เค้าคัด(ทดสอบ) โดยการเพิ่มไฟเลี้ยง นั่นเอง

                pc ที่เราใช้กันในปัจจุบัน มีระบบ cache ที่จะช่วยให้ cpu ไม่ต้องเรียกใช้แรม
                โดย cpu จะทำงานกับ cache แทนแรม จะเห็นว่า นับวัน cpu ยิ่งมีขนาดของ cache มากขึ้นเรื่อยๆ
                และถ้าเราดูผลการทดสอบ จะเห็นว่า cpu ที่มี cache มาก จะช่วยให้โปรแกรมทำงานได้เร็วขึ้นมาก

                สรุปว่า การใช้แรมความเร็วสูงๆ จึงไม่ค่อยจะมีผลให้การทำงานเร็วขึ้นครับ
                ท่านมีคอมอยู่กับตัวแล้ว สามารถลองทดสอบได้เอง โดยการตั้งบัสแรมให้ทำงานที่ต่ำกว่า 800 เช่น 667
                แล้วลองใช้งานจริงดูครับ จะเห็นว่า ไม่แตกต่างกันเลย

                ในการ OC บางคนทดแรม หมายถึง ทำให้แรมทำงานที่ความถี่ต่ำลง เพราะ ถ้าไม่ทด แรมมันทำงานเกินความสามารถครับ
                แต่บางครั้ง ทดลงจนสุด มันก็ยังเกินความสามารถของแรมตัวนั้น ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้แรมที่มีบัสสูงขึ้น
                คนที่ชอบ OC โดยการเพิ่มบัสสูงๆ จึงชอบใช้แรมบัสสูงๆ จะได้ไม่ติดปัญหาว่าเกินความสามารถของแรมครับ

                Comment


                • #9
                  Originally posted by m shifu View Post
                  pc ที่เราใช้กันในปัจจุบัน ใช้การติดต่อของแรมแบบ synchronous
                  ถ้าดูบนแผงแรม จะเห็นไอซีตัวเล็กๆอยู่ตัวนึง (เล็กกว่าเม็ดแรม) เป็นไอซีแบบ eeprom เรียกว่า spd
                  spd ตัวนี้ จะเก็บค่าคุณสมบัติของแรมตัวนั้นๆ ซึ่งเกือบทั้งหมด เป็นค่าเกี่ยวกับเวลาที่แรมตัวนั้นต้องการใช้
                  เวลาบูทคอม จะมีการอ่านค่าจาก spd มาให้ชิพเซ็ท เพื่อกำหนดความเร็วในการติดต่อ

                  เช่น ถ้าใช้ e5200 กับแรม 1066 ชิพเซ็ทจะกำหนดให้แรมทำงานที่ความเร็ว 800
                  หรือ ถ้าใช้ atom 330 กับแรม 1066 ชิพเซ็ทจะกำหนดให้แรมทำงานที่ความเร็ว 533
                  ทั้งสองตัวอย่างข้างบน ถ้าเราใส่แรม 800 แทน 1066 แรมก็จะทำงานที่ความเร็วเท่าเดิมไม่แตกต่างกัน
                  แรม 1066 เกือบทั้งหมดในท้องตลาด ก็คือแรม 800 ที่เค้าคัด(ทดสอบ) โดยการเพิ่มไฟเลี้ยง นั่นเอง

                  pc ที่เราใช้กันในปัจจุบัน มีระบบ cache ที่จะช่วยให้ cpu ไม่ต้องเรียกใช้แรม
                  โดย cpu จะทำงานกับ cache แทนแรม จะเห็นว่า นับวัน cpu ยิ่งมีขนาดของ cache มากขึ้นเรื่อยๆ
                  และถ้าเราดูผลการทดสอบ จะเห็นว่า cpu ที่มี cache มาก จะช่วยให้โปรแกรมทำงานได้เร็วขึ้นมาก

                  สรุปว่า การใช้แรมความเร็วสูงๆ จึงไม่ค่อยจะมีผลให้การทำงานเร็วขึ้นครับ
                  ท่านมีคอมอยู่กับตัวแล้ว สามารถลองทดสอบได้เอง โดยการตั้งบัสแรมให้ทำงานที่ต่ำกว่า 800 เช่น 667
                  แล้วลองใช้งานจริงดูครับ จะเห็นว่า ไม่แตกต่างกันเลย

                  ในการ OC บางคนทดแรม หมายถึง ทำให้แรมทำงานที่ความถี่ต่ำลง เพราะ ถ้าไม่ทด แรมมันทำงานเกินความสามารถครับ
                  แต่บางครั้ง ทดลงจนสุด มันก็ยังเกินความสามารถของแรมตัวนั้น ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้แรมที่มีบัสสูงขึ้น
                  คนที่ชอบ OC โดยการเพิ่มบัสสูงๆ จึงชอบใช้แรมบัสสูงๆ จะได้ไม่ติดปัญหาว่าเกินความสามารถของแรมครับ


                  OCZ ไม่สิ้นคนเก่ง

                  Comment


                  • #10
                    ขอบคุณทุกท่านเลยครับได้ความรู้อีกเยอะเลย

                    Comment


                    • #11
                      Originally posted by m shifu View Post
                      pc ที่เราใช้กันในปัจจุบัน ใช้การติดต่อของแรมแบบ synchronous
                      ถ้าดูบนแผงแรม จะเห็นไอซีตัวเล็กๆอยู่ตัวนึง (เล็กกว่าเม็ดแรม) เป็นไอซีแบบ eeprom เรียกว่า spd
                      spd ตัวนี้ จะเก็บค่าคุณสมบัติของแรมตัวนั้นๆ ซึ่งเกือบทั้งหมด เป็นค่าเกี่ยวกับเวลาที่แรมตัวนั้นต้องการใช้
                      เวลาบูทคอม จะมีการอ่านค่าจาก spd มาให้ชิพเซ็ท เพื่อกำหนดความเร็วในการติดต่อ

                      เช่น ถ้าใช้ e5200 กับแรม 1066 ชิพเซ็ทจะกำหนดให้แรมทำงานที่ความเร็ว 800
                      หรือ ถ้าใช้ atom 330 กับแรม 1066 ชิพเซ็ทจะกำหนดให้แรมทำงานที่ความเร็ว 533
                      ทั้งสองตัวอย่างข้างบน ถ้าเราใส่แรม 800 แทน 1066 แรมก็จะทำงานที่ความเร็วเท่าเดิมไม่แตกต่างกัน
                      แรม 1066 เกือบทั้งหมดในท้องตลาด ก็คือแรม 800 ที่เค้าคัด(ทดสอบ) โดยการเพิ่มไฟเลี้ยง นั่นเอง

                      pc ที่เราใช้กันในปัจจุบัน มีระบบ cache ที่จะช่วยให้ cpu ไม่ต้องเรียกใช้แรม
                      โดย cpu จะทำงานกับ cache แทนแรม จะเห็นว่า นับวัน cpu ยิ่งมีขนาดของ cache มากขึ้นเรื่อยๆ
                      และถ้าเราดูผลการทดสอบ จะเห็นว่า cpu ที่มี cache มาก จะช่วยให้โปรแกรมทำงานได้เร็วขึ้นมาก

                      สรุปว่า การใช้แรมความเร็วสูงๆ จึงไม่ค่อยจะมีผลให้การทำงานเร็วขึ้นครับ
                      ท่านมีคอมอยู่กับตัวแล้ว สามารถลองทดสอบได้เอง โดยการตั้งบัสแรมให้ทำงานที่ต่ำกว่า 800 เช่น 667
                      แล้วลองใช้งานจริงดูครับ จะเห็นว่า ไม่แตกต่างกันเลย

                      ในการ OC บางคนทดแรม หมายถึง ทำให้แรมทำงานที่ความถี่ต่ำลง เพราะ ถ้าไม่ทด แรมมันทำงานเกินความสามารถครับ
                      แต่บางครั้ง ทดลงจนสุด มันก็ยังเกินความสามารถของแรมตัวนั้น ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้แรมที่มีบัสสูงขึ้น
                      คนที่ชอบ OC โดยการเพิ่มบัสสูงๆ จึงชอบใช้แรมบัสสูงๆ จะได้ไม่ติดปัญหาว่าเกินความสามารถของแรมครับ
                      ถ้าเป็นอย่างนี้ก็แย่เลย งั้นพวก E7xxx ก็ใช้ DDR3 ที่เกิน 1066 ไปอย่างไร้ค่า
                      แล้วพวก core i ทั้งหลายล่ะครับ ไม่มี FSB แล้ว ถึงมีก็แค่ 100
                      อีกอย่างแล้วหลังๆมาไม่บอก FSB แต่บอกเป็น Bus/Core Ratio แทน
                      Last edited by tawat_kun; 29 Jan 2011, 23:40:30.

                      Comment


                      • #12
                        Originally posted by tawat_kun View Post
                        ถ้าเป็นอย่างนี้ก็แย่เลย งั้นพวก E7xxx ก็ใช้ DDR3 ที่เกิน 1066 ไปอย่างไร้ค่า
                        แล้วพวก core i ทั้งหลายล่ะครับ ไม่มี FSB แล้ว ถึงมีก็แค่ 100
                        อีกอย่างแล้วหลังๆมาไม่บอก FSB แต่บอกเป็น Bus/Core Ratio แทน
                        ลองเปรียบเทียบ E6800 3.33 GHz ราคา 2990 กับ E7600 3.06 GHz ราคา 4490 (jib)
                        ทั้งสองตัวนี้ ใส่บอร์ดตัวเดียวกันได้ เพราะ สร้างขึ้นมาบนแผ่นเวเฟอร์เดียวกัน มีโครงสร้างเหมือนกันทุกอย่าง
                        ทั้งสองตัวนี้ ใช้บัส 1066 เท่ากัน แน่นอนว่าบัสแรมเท่ากันด้วย
                        คล๊อกของ E7600 ช้ากว่า E6800 อยู่ 266 MHz แต่ทำไมกลับมีราคาแพงกว่าถึง 1500 บาท
                        ก็เพราะว่า เวลาทำงานจริงๆ E7600 เร็วกว่า E6800 ครับ

                        E7600 ทำงานได้เร็วกว่า E6800 ทั้งๆที่คล๊อกต่ำกว่า ที่เป็นแบบนี้ เพราะ E7600 มี cache ที่มากกว่า E6800 นั่นเอง
                        ระบบ cache จะลดความสำคัญของบัสแรม จึงไม่ควรให้ความสำคัญกับบัสแรมมากนักครับ
                        ถ้าท่านใช้ ddr 1333 กับ E7600 แรมจะวิ่งที่ 1066
                        จะให้แรมวิ่งที่ 1333 ท่านก็ต้องดันบัส E7600 ไปที่ 333 เพราะมันทำงานแบบ synchronous

                        เมื่อก่อน ระบบบัสข้อมูลของคอม มีแค่อันเดียว เรียกว่า data bus
                        i/o ram cpu ฯลฯ ใช้ร่วมกันหมด แปลว่า บัสแรม กับบัส cpu เป็นบัสอันเดียวกัน
                        ต่อติดกันตรงๆ ลายปริ๊นท์เส้นเดียวกัน ไม่มีชิพเซ็ท ไม่มีเมมคอนโทรลเลอร์
                        มายุค pentium pro เค้าแยกเป็นสองบัส เรียกว่า dib
                        fsb เป็นบัสนอก bsb เป็นบัสใน ไม่ได้โฆษณา เพราะคนออกแบบไม่รู้ว่ามันต้องโฆษณา คนทั่วไปก็เลยไม่รู้จัก
                        คนเริ่มมารู้จักชื่อ fsb นี้ ตอน p3 เพราะเค้าโฆษณา
                        ปรากฏว่า มันใช้ได้ผล p3 ขายดีมาก แสดงว่า คนจบนิเทศน์ เก่งกว่า วิศวะกรที่เป็นคนออกแบบ ฮา ฮา

                        หลังจากนั้นก็เริ่มมีชื่อชวนเชื่อตามมาอีกเป็นชุด เพราะมันใช้ได้ผล
                        ปัจจุบันนี้ ระบบบัสข้อมูลของคอม มันแยกออกหลายบัสมากๆๆๆ
                        เช่น สะพานแสนดี h67 จะใช้ คริสตอล 25 MHz เป็นต้นกำเนิด ผ่านวงจร pll ได้ความถี่ 2.4 GHz ส่งไปให้ระบบบัสต่างๆใช้
                        แต่ละระบบบัสรับมา ก็ต้องเอามาหาร เอามาคูณอีกที
                        บัส dmi ใช้ 2.5 GHz / 625 MHz / 250 MHz
                        บัส pcix ใช้ 2.5 GHz / 625 MHz / 500 MHz / 250 MHz / 125 MHz
                        บัส fdi ใช้ 2.7 GHz / 270 MHz / 450 MHz
                        บัส sata ใช้ 3.0 GHz / 1.5 GHz / 300 MHz / 150 MHz
                        บัส usb ใช้ 480 MHz / 240 MHz / 48 MHz / 24MHz
                        นอกจากนี้ ยังมีอีกนะ เช่น บัส pci 33 MHz , DisplayPort 120 MHz ฯลฯ
                        ทั้งหมดนี้ มาจาก xtal 25 MHz ตัวเดียว ผูกพันกันแบบ synchronous
                        การจะเข้าใจระบบบัสยุคนี้ จึงไม่ง่ายนะ คนอธิบายก็กลุ้มเหมือนกัน
                        คนที่ oc โดยการเพิ่มบัส ก็เลยปวดหมอง เพราะ เพิ่มทีเดียว ไปทั้งยวง ล๊อกค่า pcix ให้เป็น 100 MHz เหมือนแบบเก่าไม่ได้

                        จริงๆมันไม่ใช่เรื่องแย่ หรือไม่แย่
                        เพียงแต่ระบบมันเปลี่ยนไป มันซับซ้อนมากขึ้น เราก็ต้องเปลี่ยนตามเท่านั้นเอง
                        เหมือนท่านเปลี่ยนจาก xp มาใช้ 7 เมนูคำสั่ง มันก็ไม่ได้อยู่ที่เดิม ใช้ใหม่ๆทำอะไรไม่ถูก
                        ยังกะเล่นซ่อนหา ไอค่อนที่เคยใช้หาแทบตายกว่าจะเจอ เจอทีดีใจหยั่งกะถูกสาวหอมแก้ม
                        แต่พอถามคนใช้ 7 เห็นส่วนใหญ่บอก ไม่กลับไปใช้ xp แระ

                        อยาก oc เค้าก็ให้ใช้วิธีปรับตัวคูณ cpu แรม มันก็ปรับได้นะ (ต้องซื้อตัว k เป็นการตลาด นิเทศน์เก่งอีกแล้ว)
                        ปรับแล้ว มันก็แรงขึ้นกว่าเมื่อก่อนที่เราดันบัสกันด้วย
                        ลองดูกระทู้ท่าน TWK ที่ประกวด 3DMark06 จะเห็น สะพานแสนดี วิ่งกันห้ากิ๊กเป็นแถว ดันคะแนนไปเฉียดๆสี่หมื่น
                        ลองดูพวกรุ่นเก่าที่ดันบัส ไม่ติดท๊อปเทนเลย เห็นมั้ยครับ ดันบัสสู้ไม่ได้เลย จะ oc ไม่เห็นจำเป็นต้องดันบัสเลยนะ

                        ถ้าลองถามว่า แบบดันบัสได้พาไปไม่ถึงห้ากิ๊ก vs. ปรับได้แต่ตัวคูณแต่พาไปได้เกินห้ากิ๊ก จะเลือกแบบไหน
                        อันนี้ไม่ใช่ถามเล่นนะ เพราะเวลาเราใช้บัสสูงๆ cpu มันจะกินไฟมากขึ้น
                        cpu กินไฟมากขึ้น แปลว่า cpu ร้อนขึ้นนะ
                        cpu ร้อนขึ้น แปลว่า oc ไปได้น้อยลงครับ

                        บัสต่ำ ทำให้เรา oc cpu ได้ไกลครับ
                        บัสสูง ทำให้เรา oc cpu ได้ไม่ไกลครับ
                        ที่เมื่อก่อน เราต้องดันบัส เพราะตัวคูณมันถูกจำกัด เค้าเรียกว่า ลิมิท (ไม่ใช่ lock นะ อันนั้นมันรุ่นเก่ากว่านี้)
                        เช่น E5200 มันจำกัดแค่ 12.5 อยากให้มันเร็วขึ้น ก็ต้องดันบัสอย่างเดียว เลี่ยงไม่ได้
                        ดังนั้น ที่เค้าดันบัสกัน ไม่ใช่ว่าดี มันถูกบังคับนะ ดันบัสมากๆก็ร้อนตับแลบ ต้องใช้น้ำ ใช้ ln แรมก็ร้อนตาม ต้องติดพัดลมอีก
                        เดี๋ยวนี้ มีทางเลือกที่ดีกว่า oc cpu ได้ไกลกว่า ไม่ต้องใช้แรมเทพ ก็แรงกว่าแบบเก่า คุณยายก็ทำได้

                        อ่านถึงตรงนี้ ก็คงเข้าใจแล้วนะครับว่า ปรับตัวคูณอย่างเดียว มันไม่ได้แย่นะ จริงๆดีกว่าด้วยซ้ำ
                        เวลาจะ oc ก็อยากให้เบาๆเรื่องไฟเลี้ยงหน่อย แต๊ปแล้วเอาไปเครม เป็นวัฒนธรรมที่ไม่ควรส่งเสริมนะ

                        Comment


                        • #13
                          ^
                          ^
                          เมพขิงๆ

                          Comment


                          • #14
                            บัสเยอะก็ไม่ดีครับ OC ไม่ได้ ตอนนี้แรมบัส 1066

                            เมื่อก่อนใช้แรมบัส677

                            Comment


                            • #15
                              กระทู้นี้ ผมได้ความรู้มากเลยทีเดียว...

                              Comment

                              Working...
                              X