Announcement

Collapse
No announcement yet.

เคยได้ยินคนบอกว่าจัดเรียงข้อมูล HDD บ่อยๆ

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • #31
    Originally posted by themad View Post
    ไม่เกี่ยวครับ สมัยเมื่อสิบกว่าปีก่อน ลงวินโดวส์ 3.11 ฟอร์แมตอาทิตย์ละครั้ง ทำตั้งหลายปี ไม่เห็นพังเลย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยฟอร์แมตเพราะไม่มีเวลา กว่าจะลงไดร์เวอร์โปรแกรมหมด หมดเป็นวันพอดี จะ ghost ก็โปรแกรมเก่าไป มีปัญหาบ้างละ ไม่อัพเดต บลาๆๆๆ เลยทนๆใช้ไป ครบๆปี ทนไม่ไหวอืดอาดค่อยหาเวลาลงใหม่

    เรื่องของเรื่องคือของสมัยนี้มันฮ่วยแตกไม่ค่อยทน ทั้งของเกรดตลาด และเกรด HIEND เจ๊งง่ายเหมือนๆกัน บทจะไปก็ไปไม่ออกอาการเลย อันเนื่องจาก

    ต้องลดต้นทุนสินค้า -> พนักงานทำงานไม่ค่อยดีต้องทำให้ได้มากๆ->หลุด QC ทั้งๆที่ตั้งใจให้หลุดเพราะเดี๋ยวไม่มีของ และหลุดไปไม่เจอเอง -> ผู้ซื้อซวยเจอของไม่ดี เอาไปเคลม คืนโรงงาน ->โทษฝ่ายผลิต QC บลาๆๆๆ -> ขู่ลาออก ขึ้นเงิน ไม่อยากทำแล้ว เร่งเหลือเกิน โฮะๆๆๆบลาๆๆๆ (หางานสบายๆทำดีก่า????) -> คนงานขาดแคลนทั่วโลก เนื่องจากขยายตัวเกินอัตราคนที่มี มีแต่แรงงานไร้ฝีมือ เข้าๆออกๆ สอนงานไม่ทันไรก็ลาออก (ทำงานมันน่าเบื่อ) -> วัยรุ่นอยากเป็นดารา เป็นนักร้อง เป็นเกาหลี ไม่ค่อยมีแรงงานในโรงงาน -> !@#$%^&(()) เป็นวงจรอุบาทว์

    ไม่ใช่แค่ HDD หรอก ทุกอย่างในโลกนี้ เดี๋ยวนี้เป็นแบบนี้หมด ไม่ว่าจะรถ มือถือ กะละมัง ถังถ้วยไม่ทันใช้ก็บุบแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า
    +100000 ให้เลย ทะลุเต็มพิกัด เห็นด้วยอย่างแรง

    ----------------------
    ส่วนคุณ deeeeluxe ไดร์ฟ C จะอยุ่ด้านนอกน่ะครับ อ่านจากด้านนอกจะเร็วที่สุดครับ ให้รอบที่น้อยกว่า วงในครับ เหมือน CD แต่กลับกัน CD ต้องอ่านจากวงใน ด้วยความเร็วสูงมากๆ เมื่อมันไปถึงวงนอกถึงทำงานน้อยลงครับ
    ไดร์ฟ C ลง OS จะอยู่นอกสุดเสมอ จนถึง F จะอยู่ในสุด จะทำงานช้าสุด และรอบ HDD ต้องสูงตามไปด้วย ลองใช้ HD Tune ทดลองดูแล้วจะเห็นผลครับ

    Comment


    • #32
      ผมเสียดายฮาด์ดิกยี้ห้อ maxter น่าจะยี้ห้อนี้ทนมากๆสมัยผมเล่นคอมใหม่ๆไม่ค่อยรู้เรืองพอมีปัญหาชักปลั๊กอย่างเดียว นับครั้งไม่ถ้วน แต่มันทนมากๆเสียดายที่ยี้ห้อนี้เลิกกิจการไป พอมาสมัยนี้ นิดๆหน่อยมันพังแล้วห่วยๆสุดๆ

      Comment


      • #33
        Originally posted by cleaning View Post
        ผมเสียดายฮาด์ดิกยี้ห้อ maxter น่าจะยี้ห้อนี้ทนมากๆสมัยผมเล่นคอมใหม่ๆไม่ค่อยรู้เรืองพอมีปัญหาชักปลั๊กอย่างเดียว นับครั้งไม่ถ้วน แต่มันทนมากๆเสียดายที่ยี้ห้อนี้เลิกกิจการไป พอมาสมัยนี้ นิดๆหน่อยมันพังแล้วห่วยๆสุดๆ
        Maxtor ยังไม่เลิกกิจการนะครับ แต่ว่าแปลงร่างกลายเป็น Seagate ไป เพราะว่าโดนควบรวมกิจการครับ

        Comment


        • #34
          Seagate ไม่เล่น ตอนนี้ให่เลือกขอ WD และ Samsung

          Comment


          • #35
            ผม defragment อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ทำแบบนี้มา 2 ปีแล้วครับ ทุกวันนี้ยังปกติดีอยู่ครับ

            Comment


            • #36
              Originally posted by nununu View Post
              ถ้าถึงยุค SSD เมื่อไร พวกนี้ก็คงไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ
              มันคืออะไรเหรอครับ พอดีมือใหม่ ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่ แหะๆ

              แล้วพวกโปรแกรมดีแฟรกต่างๆ ถ้าเราไม่ไปปิดออปชั่นออโต้จะเป็นอะไรไหมครับ
              เหมือนมันดีแฟรกอยู่ตลอดเลย ผมเลยปิดไปกลัวHDDพัง
              อย่างเช่น ของIobit ของฟรี ถ้าไม่ไปปิดเหมือนมันดีแฟรกตลอดเลย

              แล้วที่ว่าดีแฟรกอยู่ ไฟดับ ทำให้HDD พังเลย จริงไหมครับ

              ถามเยอะเลย ไม่อยากตั้งใหม่ ขอบคุณทุกคำตอบนะครับ

              Comment


              • #37
                Solid State Drive ถ้าผมมีเงินเหลือพอก็อยากลงทุนกับเจ้าตัวนี้เหมือนกันนะ O_o"

                Comment


                • #38
                  17 ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ Hard Disk

                  ความเชื่อที่ 1 : การฟอร์แมต HDD.บ่อยๆ อาจทำให้อายุการใช้งานของ HDD.สั้นลง

                  ข้อเท็จจริง : การฟอร์แมต HDD.ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม จะไม่ส่งผลต่อการทำงานของ HDD.แต่อย่างใด ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่หลายๆ คนจะคิดว่ามีส่วนทำให้อายุการใช้งานสั้นลง แต่จริงๆ แล้ว เป็นความเชื่อที่ผิดๆ เท่านั้น การฟอร์แมต HDD. ไม่ถือเป็นการทำงานที่จะทำให้ HDD.ต้องแบกรับภาะหนัก หัวอ่านของ HDD.จะไม่มีการสัมผัสกับแผ่นจานข้อมูลแต่อย่างใด (Platter) ระหว่างการฟอร์แมต สรุปแล้วก็คือ เราสามารถฟอร์แมต HDD. 30 ครั้งต่อวัน ทุกวันเลยก็ได้ อายุการใช้งานมันก็จะไม่ต่างจากจาก HDD. อื่นๆ เลย

                  ความเชื่อที่ 2 : การฟอร์แมต HDD.จะทำให้มีข้อมูล หรือปฎิกรณ์ ;อะไรสักอย่าง วางซ้อนเพิ่มบนแผ่นดิสก์ ซึ่งมีผลทำให้เกิด;bad sector ได้

                  ข้อเท็จจริง : การฟอร์แมตจะไม่ทำให้เกิดข้อมูล หรืออะไรทั้งนั้นที่แผ่น HDD. เนื่องจาก HDD.เป็นระบบปิด ดั้งนั้นฝุ่นหรือปฏิกรณ์จะ ยากที่จะเข้าไปยังดิสก์ได้ และแม้จะมีฝุ่นก็ตามแต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฝุ่นจะต้องมากับการฟอร์แมต

                  ความเชื่อที่ 3 : การฟอร์แมต HDD. จะมีความเค้นต่อเข็มหัวอ่าน (head actuator) สูง

                  ข้อเท็จจริง : การฟอร์แมตมีการอ่านในแต่ละเซ็กเตอร์อย่างต่อเนื่อง และเป็นลำดับชั้น เช่น เซ็กเตอร์ที่ 500 เซ็กเตอร์ที่ 501 เซ็กเตอร์ที่ 502 และต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ ทำให้มีการเคลื่อนตัวของเข็มหัวอ่านน้อยมาก ดังนั้น ข้อเท็จจริงของความเชื่อนี้ก็คือ การฟอร์แมตจะไม่มีความเค้นสูงต่อเข็มหัวอ่าน HDD.

                  ความเชื่อที่ 4 : การดีแฟรกเมนต์ (defragmenting) HDD.จะมีความเค้นที่หัวอ่านสูง

                  ข้อเท็จจริง : ข้อนี้ถือว่าเป็นเรื่องจริง เพราะการดีแฟรกเมนต์ต้องอาศัยการควานหาตำแหน่งของเซ็กเตอร์อย่างสูง เนื่องจากการดีแฟรกเมนต์ก็คือการจัดระเบียบเซ็กเตอร์ต่างๆ เพื่อไม่ให้หัวอ่านต้องทำงานหนักเวลาที่ใช้หาข้อมูลในการใช้งานจริง ดังนั้น แม้ในกระบวนการดีแฟร็กเมนต์ จะทำให้เข็มหัวอ่านมีความเค้นสูงก็ตาม แต่หลังจากที่ได้ทำการดีแฟรกเมนต์แล้ว เข็มหัวอ่านก็ไม่ต้องทำงานหนัก เหมือนก่อนที่จะทำการดีแฟรกเมนต์ เพราะจะหาเซ็กเตอร์ได้เร็วขึ้น สะดวกขึ้น

                  ความเชื่อที่ 5 : ถ้า HDD.ของคุณมี bad sector อยู่แล้ว การฟอร์แมต HDD.จะยิ่งทำให้ เกิดเซ็กเตอร์เสียเพิ่มขึ้น

                  ข้อเท็จจริง : ถ้า HDD. ของคุณมีเซ็กเตอร์เสียอยู่แล้ว แน่นอนว่าเมื่อใช้งานไปเรื่อยๆ จะต้องพบเซ็กเอตอร์เสียเพื่มขึ้นเรื่อยๆ การฟอร์แมตแล้วเห็นเซ็กเตอร์เสียเพิ่มขึ้นนั้น สาเหตุไม่ได้เป็นเพราะการฟอร์แมต เพียงแต่ว่าการฟอร์แมตจะทำให้เราได้พบเห็นเซ็กเตอร์ที่เสียเพิ่มขึ้นนั่นเอง เพราะยูทิลิตี้สำหรับทำการฟอร์แมตนั้น จะสแกนและตรวจสอบ HDD.ด้วย ทำให้พบเห็นเซ็กเตอร์ที่เสียเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา

                  ความเชื่อที่ 6 : การดาวน์โหลดโปรแกรมและไฟล์ต่างๆ จากอินเตอร์เน็ตจำนวนมาก จะทำให้ อายุการใช้งานของ HDD.สั้นลง

                  ข้อเท็จจริง : การดาวน์โหลดจากอินเตอร์เน็ตไม่ทำให้อายุการใช้งานของ HDD.ลดน้อยลงไป HDD.จะมีการหมุนอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะมีการดาวน์โหลดไฟล์ หรือว่าไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม ดังนี้โอกาสที่จะเสียขณะทำการดาวน์โหลด กับขณะที่เปิดคอมพิวเตอร์ไว้เฉยๆ ก็มีเท่ากัน อายุการใช้งานท่าเดิม

                  ความเชื่อที่ 7 : พลังงาน (กระแสไฟ) ที่ไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเซ็กเตอร์เสีย

                  ข้อเท็จจริง : กระแสไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอ กับกระแสไฟฟ้าถูกตัดทันทีทันใด จะไม่ก่อให้เกิดเซ็กเตอร์เสีย เพราะในช่วงที่กระแสไฟไม่เพียงพอ หรือมีการตัดกระแสไฟนั้น เข็มหัวอ่านจะพักตัวโดยอัตโนมัติเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อแผ่นดิสก์ ดังนั้น จึงไม่มีทางที่จะมีการสร้างเซ็กเตอร์เสียได้ ที่เสียหายก็อาจเป็นความเสียหายของ OS.มากกว่า

                  ความเชื่อที่ 8 : ระบบกำลังไฟ หรือระบบสำรองไฟที่มีราคาถูก และไม่มีคุณภาพ อาจจะบั่นทอน อายุการใช้งานของ HDD.เรื่อย ๆ และทำให้ HDD.ตายลงอย่างช้าๆ

                  ข้อเท็จจริง : ระบบกำลังไฟหรือระบบสำรองไฟที่มีคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน จะไม่ทำให้ HDD.ตายลงอย่างช้าๆ แต่หากระบบไม่สามารถควบคุมกระแสไฟได้ จนทำให้กระแสไฟฟ้าปริมาณมากไหลทะลักสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ อาจทำให้ HDD.ตายในทันที ไม่ใช่ตายลงอย่างช้า ๆ แต่ถ้าไม่สามารถให้กระแสไฟเพียงพอแก่การทำงานได้ ดิสก์ก็แค่มาสามารถทำงานได้เต็มที่ ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ หรืออาจไม่ทำงานเลย แต่ HDD.จะไม่ตาย แต่ OS อาจตายหรือ พิการ

                  ความเชื่อที่ 9 : ถ้า HDD. มีการหมุนความเร็วของดิสก์แบบขึ้นๆ ลงๆ นั่นเป็นเพราะว่า ระบบสำรองไฟในบางครั้งสามารถส่งกระแสไปที่พอสำหรับการทำงานได้ มันจึงหมุนเร็วขึ้น แต่เมื่อมันไม่สามารถให้กระแสไฟที่เพียงพอได้ มันจึง หมุนช้าลง

                  ข้อเท็จจริง : ในกรณีที่กำลังไฟตกฮวบ มันจะทำให้ระบบทั้งหมดถูกตัดไฟ ชะงักการทำงาน และจะทำให้เครื่องแฮงก์ ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่มีการหมุนของ HDD.ให้เห็นอย่างแน่นอน หมุนเร็วขึ้นหมุนลดลงนั้น เป็นการการปกติของ HDD. ที่จะทำการวัดขนาดของดิสก์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเตรียมความพร้อมในการใช้งานแต่ละครั้ง

                  ความเชื่อที่ 10 : เสียงคลิกที่ได้ยินจาก HDD. เกิดจากการพักการทำงานของหัวอ่าน

                  ข้อเท็จจริง : เสียงคลิกที่ได้ยินจากการทำงานของ HDD. อาจเป็นได้ทั้งเสียงการเตรียมพร้อมที่จะเขียนข้อมูล (เหมือนอย่างในความเชื่อที่ 9) หรืออาจเป็นเสียงการสะดุดของหัวอ่านบนแผ่น HDD.

                  ความเชื่อที่ 11 : เข็มหัวอ่านใช้มอเตอร์ในการทำงาน ซึ่งการทำงานของมอเตอร์นี้ อาจล้มได้หากมีการใช้งานมากเกินไป

                  ข้อเท็จจริง : เข็มหัวอ่านในปัจจุบัน ไม่มีการใช้มอเตอร์ในการทำงานแต่อย่างใด ดังนั้น ก็ไม่มีมอเตอร์ที่จะล้มเหลวเมื่อมีการใช้งานมากเกินไป สมัยก่อนนั้น เข็มหัวอ่านเคยใช้มอเตอร์เดินไปยังตำแหน่งที่ต้องการ แต่ปัจจุบัน เข็มหัวอ่านใช้ระบบ Voice Call Mechanism ซึ่งก็คือการใช้แรงแม่เหล็กไฟฟ้าในการเคลื่อนหัวอ่านไปตามตำแหน่งที่ต้องการ

                  ความเชื่อที่ 12 : การจอดพักของหัวอ่าน ทำให้มอเตอร์เข็มหัวอ่านเสื่อมเร็ว

                  ข้อเท็จจริง : ก็เหมือนกับความเชื่อข้อที่ 11 นั่นคือไม่มีมอเตอร์ นอกจากนี้การจอดพักการทำงานของหัวอ่าน HDD. นั้นจะมีขึ้นโดยอัตโนมัติในกรณีที่กระแสไฟถูกตัด หรือ HDD. หยุดการทำงาน ดังนั้นการจอดพักนี้ ไม่ใช่กระบวนการที่มีการทำงานบ่อย หรือที่มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง เข็มหัวอ่านจะมีสปริงคอยควบคุมตำแหน่งของมัน เมื่อมีกระแสไฟเข็มหัวอ่านก็จะอยู่ในตำแหน่งที่มีการต้านแรงของสปริง และเมื่อไม่มีกระแสไฟ เข็มหัวอ่านก็จะถูกดันให้อยู่ในตำแหน่งจอดพัก ดังนั้น แม้ว่าเข็มหัวอ่านจะมีมอเตอร์ลี้ลับนี้จริง การจอดพักของเข็มหัวอ่านก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้มอเตอร์ดังว่ามีการ เสื่อมแต่อย่างใด

                  ความเชื่อที่ 13 : ดิสก์จะมีการหมุนเร็วขึ้นเวลาที่มีการอ่านหรือเขียนข้อมูลเท่านั้น แต่จะหมุนลดลงเมื่อ HDD .ไม่มีกิจกรรม (idle)

                  ข้อเท็จจริง : แผ่นดิสก์ภายใน HDD. หรือที่เรียกว่า platter นั้นมีการหมุนในความเร็วระดับเดียวอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการ อ่าน เขียน หรือ พัก (idle) ยกเว้นแต่เจ้าของเครื่องใช้คำสั่งให้มีการหมุนลดลงในช่วง idle เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน

                  ความเชื่อที่ 14 : การหมุนลดลงจะทำให้ลดความเค้นที่มอเตอร์ขับเคลื่อนแผ่นดิสก์ได้

                  ข้อเท็จจริง : โดยปกติแล้วแผ่นดิสก์จะเริ่มหมุนตอนเครื่อง startup และจะหมุนอยู่อย่างนั้นจน shutdown ในช่วงที่มีการหมุนอยู่นั้น ถือเป็นช่วงที่มีความเค้นสูงสุดต่อตัวมอเตอร์แล้ว ส่วนการรักษาความเร็วของการหมุนให้คงที่นั้น จะใช้กำลังน้อยลงมา หากมีการใช้คำสั่งให้แผ่นดิสก์หมุนลดลงในช่วง idle นั้น ทุกครั้งที่มีการเขียน หรืออ่านไฟล์ใด ๆ ก็จะต้องมีการหมุนเพื่อให้เร็วขึ้นเพื่อให้ได้ความเร็วปกติ ก่อนที่จะอ่านหรือเขียนได้ ดังนั้น ควรที่จะให้ดิสก์มีการหมุนที่ความเร็วคงที่ตลอด เพื่อลดความเค้นที่ตัวมอเตอร์

                  ความเชื่อที่ 15 : การตัดกระแสไฟอย่างทันทีทันใ[คำไม่พึงประสงค์]าจทำให้เกิดเซ็กเตอร์เสีย

                  ข้อเท็จจริง : เซ็กเตอร์เสีย หรือ bad sector นั้น ไม่ได้เกิดจากการปิดหรือการดับเครื่องอย่างทันทีทันใด แต่เมื่อสมัยก่อนนานมาแล้ว ก่อนปิดเครื่องทุกครั้ง ผู้ใช้จะต้องพักจอดหัวอ่าน HDD.ก่อนที่จะสามารถปิดเครื่องได้ แต่ปัจจุบัน ระบบหัวอ่านแบบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะทำการจอดพักตัวเองโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่กระแสไฟฟ้าถูกตัดจากระบบ ด้วยเหตุนี้ จึงไม่เกิดความเสี่ยงว่าจะเกิด bad sector จากกรณีการตัดกระแสไฟ

                  ความเชื่อที่ 16 : เซ็กเตอร์เสียบางอัน เป็นเซ็กเตอร์เสียแบบเวอร์ชัวล์ (คือเป็นที่ซอฟต์แวร์ไม่ใช่ฮาร์ดแวร์) และสามารถแก้ไขได้โดยการทำฟอร์แมต HDD.

                  ข้อเท็จจริง : เซ็กเตอร์เสียแบบเวอร์ชัวล์ไม่มีอยู่จริง เซ็กเตอร์ที่เสียนั้น คือเซ็กเตอร์(หรือช่องอันเป็นส่วนหนึ่งของดิสก์สำหรับการเก็บข้อมูล) ที่ไม่สามารถทำการอ่านหรือเขียนได้ เนื่องจากมีการเสียหารทางกายภาพ เช่น ถูกทำลาย หรือทีการเสื่อมลง ดังนั้น จึงไม่สามารถซ่อมแซมด้วยกระบวนการทางด้านซอฟต์แวร์ได้

                  ความเชื่อที่ 17 : เซ็กเตอร์เสีย สามารถถูกลบได้โดยการฟอร์แมต HDD.

                  ข้อเท็จจริง : การฟอร์แมตในระดับต่ำ จะสามารถทดแทนเช็กเตอร์เสียด้วยเซ็กเตอร์ดีได้ โดยอาศัยพื้นที่ว่างสำรองบน HDD. อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของ HDD. ก็จะลดลงเนื่องจากหัวอ่านจะต้องทำการค้นหาพื้นที่สำรองบน HDD.ด้วย อีกทั้งพื้นที่สำรองบน HDD.นั้นมีจำนวนจำกัด สรุปแล้ว bad sector ก็คือ สัญญาณเตือนภัยอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงข้อบกพร่องบางอย่างของ HDD. แม้ bad sector นั้นจะเกิดจากการชนของหัวอ่าน (crash) เพียงครั้งเดียว แต่ซากที่เหลือจากการชนครั้งนั้น รวมทั้งหัวอ่านที่อาจได้รับความเสียหาย อาจนำมาซึ่งความเสียหายต่อไปในอนาคตได้ เช่น อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนแผ่นดิสก์เพิ่มมากขึ้น หรืออาจทำให้ความเร็วในการหมุน หรือการอ่านลดลง ดังนั้น ถ้ามีข้อมูลที่สำคัญที่ต้องการเก็บรักษาไว้อย่างมั่นคง ควรหัดทำการแบ็คอัพข้อมูล และเปลี่ยน HDD.เมื่อพบว่ามีปัญหาบางอย่าง เช่น การค้นพบ bad sector เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่า HDD.จะสามารถทำงานได้ต่อไป และนานๆครั้งจะพบว่าเกิด bad sector เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นั่นคือสัญญาณบอกว่า HDD. ของคุณมันใกล้ตายแล้วครับ


                  หลายๆคนอาจจะอ่านแล้วงงว่าอะไรมันเป็นอะไร อะเดียวมีข้อมูลประกอบ

                  การทำให้เกิด physical bad sector นั้นสาเหตุหลักที่มาจากไฟ เกิดจาก power supply นั้นจ่ายไฟ ไม่พอ หรือจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ไม่นิ่ง หรือมีการจ่ายไฟไม่คงที่ของไฟฟ้าในการจ่ายไฟจาก power supply นั้นเอง

                  อีกส่วนคือเกิดจากไฟฟ้าในกระแสไฟที่จ่ายให้กับ power supply นั้นจ่ายไฟ ไม่นิ่งซึ่งเป็นปัญหาเช่นเดียวกับข้างต้นที่บอกไป ซึ่งถ้าจะให้ดี แนะนำว่าให้ใช้ UPS ให้การกรองไฟฟ้า เพื่อป้องกันไฟฟ้า ตก, เกิน หรือกระชาก เข้า power supply อีกทีครับ เป็นการถนอมอุปกรณ์คอมฯ ไปในตัวครับ

                  อีกส่วนคือการประกอบเครื่องไม่ได้คุณภาพ เช่นการเสียบสายไฟพวกลำโพง หรือพวก usb port ที่ต่อผิดขั้ว ทำให้เกิดการลัดวงจรภายใน ซึ่งถ้า m/b มีวงจรในการดักจำพวกนี้ก็ไม่มีปัญหาอันใด แต่มันจะไม่มีทุกตัวหล่ะซิ ซึ่งผมเคยเสียบสายลำโพง แล้วมันช็อต เครื่องค้างไปเลย ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุนี้ได้เช่นกันที่ทำให้ h/d มี physical bad sector ได้ครับ

                  อีกเรื่องคือพวกลูกปืนจานหมุนเริ่มเสื่อม หรืออุปกรณ์บางตัวใน h/d มีการเสื่อมเองไปตามการใช้งานครับ

                  อีกเรื่องก็คือเวลาใช้งานมีการเกิด Shock หรือการทำให้ตัว h/d สั่นไหว, กระแทก, สะเทือน และ ตกหล่นจากที่สูงเป็นสาเหตุในการเกิดเช่นกัน บางครั้งตั้งเครื่องไว้ แล้วมีคนมีทุบโต๊ะทำงานของเรา ก็เป็นสาเหตุได้เช่นกัน ซึ่งถ้าไม่รุนแรงมา h/d ก็ไม่มีปัญหา เพราะว่าเดี่ยวนี้สามารถรับแรงการสั่นไหวได้พอสมควรครับ แต่ก็ไม่สมควรทำครับ




                  ที่มา http://www.2poto.com/

                  Comment


                  • #39
                    Ohh อ่านจนตาลาย

                    Comment


                    • #40
                      Originally posted by V-FrIeNd View Post
                      ชิบเซ็ต AMD เปิด NCQ แล้วเน่า Intel ไม่รู้

                      ส่วน Defrag ผมทำแทบทุกชั่วโมงมาปีล่ะ 555+ ตั้งแต่ต่อ RAID ใหม่ๆ
                      ตามนี้เลยคับ ใครบอกนอกเหลือนี้ ก็ มั่วละ


                      ข้อความข้างล่าง ความเห็นส่วนตัว ใครอ่านแล้วไม่ถูกใจ ก็อย่าว่ากันนะคับ


                      ชิบเซ็ต AMD เปิด NCQ ถ้าต่อ Raid 0 เปิด NCQ แล้วเน่า


                      ปรกติ ถ้าต่อ Raid ของ amd ไดวเวอร์ raid มันจะปิด NCQ สั่งปิดเอาไว้ให้เราแล้วคับ

                      เราไม่ต้องไปทำอะไรคับ ยกเว้นบางคน ต่อ Raid แล้ว อยากลองเปิด NCQ ใน hdd ที่ต่อ Raid

                      เว้นแต่เราไปสั่งเปิด NCQ ในโปรแกรม คุมเองนะ


                      ถ้าต้องการใช้ NCQ โดยไม่ต่อ Raid ก็ต้องไปตั้งให้ บอร์ด ใช้ AHCI คุม hdd หรือ ssd นี่ แทน

                      ไดวเวอร์ AHCI มันจะไปสั่งเปิด NCQ ของ hdd หรือ ของ ssd เอาไว้ให้เราเองคับ

                      เพราะ NCQ เราจะใช้ได้ ต้องใช้ AHCI คับ NCQ ของ hdd หรือ ssd ถึงจะเปิดการทำงานให้เราคับ


                      สรุป ของ AMD คือ

                      ถ้าต่อ Raid มันจะปิด NCQ ให้เราคับ ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา แต่ถ้าดันไปเปิด NCQ ก็ เน่าๆ ไปคับ

                      ถ้าต่อ AHCI มันจะ เปิด NCQ ให้เราเองคับ




                      ส่วนเรื่อง Defrag เนี้ยผม ทำ บ่อย จะตาย hdd ไม่เห็นจะมีปัญหาคับ

                      แถม ผมคิดว่า มันเป็นการ ยืด อายุ hdd ด้วยซ้ำ

                      เพราะ เราทำ Defrag แล้ว หัวอ่าน hdd ไม่ต้องไปเสียเวลา หาข้อมูล ทั้ง hdd คับ

                      แต่เลือก อ่าน ข้อมูล ทีมันเรียงติดกันมาให้เราเลย

                      ทำให้ ประหยัด เวลาหัวอ่าน ประหยัด เวลา การเข้าถึงข้อมูล ประหยัดเวลา หัวอ่านใช้ค้นหาข้อมูล

                      อื่นๆ ต่างๆ นาๆ ขี้เกียจพิมพ์




                      ข้อมูลติดกัน เพราะ Defrag ทำให้ หัวอ่านไม่ต้องทำงานหนัก อ่านปุบเจอครบปับ

                      กับข้อมูลกระจาย ทั่ว hdd ไปหมด กว่าหัวอ่านจะ ไล่หาเจอ แต่ละ เซกเตอร์ เนี้ย ไม่อยากจะคิด แล้วท่านลองคิดดูว่า แบบไหน จะยืดอายุ hdd มากกว่ากันคับ ละหว่างข้อมูลที่ Defrag กับ ข้อมูลที่กระจายทั่ว hdd



                      พูดให้เห็นภาพ ก็ ง่าย นะ คุณ มี ตู้ เอกสาร 10 ตู้ แล้วมี กระดาษที่เราต้องการหาในตู้สัก 10 แผ่น

                      เวลาคุณหา ข้อมูลในกระดาษ 10 แผ่นนั้น ถ้า กระดาษ ทั้ง 10 แผ่นกระจาย ไปทั้ง 10 ตู้ คุณต้องเสียเวลา ในการหาเท่าไหร่ เสียพลังงานเท่าไหร่ กว่าจะหาเจอเท่าไหร่ ต่างๆนาๆ

                      แต่ถ้า Defrag แล้ว กระดาษ ทั้ง 10 แผ่นมาอยู่ในตู้เดียวกันเลย คุณหาปุบ เจอครบปับ ประหยัด หรือไว ไปได้เท่าไหร่คับ

                      แล้วลอง มอง เป็น หัวอ่าน hdd ดูคับ ข้อมูลที่เรียงแล้ว กับ ข้อมูล ที่ที่กระจาย ไปแต่ละ เซกเตอร์ เนี้ย กี่ร้อยล้านคับ 555+

                      หัวอ่าน ทำงานแบบไหน กันแน่ ลองคิดดู ที่ ทำให้ hdd เสื่อม เสียไวกว่ากัน



                      ฉนั้น คุณถึงได้ยิน คนอื่น พูดว่า

                      ตู Defrag บ่อยๆ Hdd ไม่เห็น เสียเลย

                      เห็นพวกที่ hdd เสีย เนี้ย ไม่ค่อย Defrag กัน เสียเอา เสียเอา 555555+



                      ฉนั้น ใครบอกว่า Defrag แล้ว hdd พังเร็ว เนี้ย ลองตัดสินใจกันดูคับ


                      ลองคิดดูคับ ว่าหัวอ่าน หาข้อมูลแบบไหน หัวอ่าน เสื่อมไวกว่ากันแน่ๆ คับ

                      อ่าน หรือ เขียน ข้อมูลแบบไหน หัวอ่าน พัง จาน hdd พัง ไปก่อนกันแน่คับ

                      ส่วนมาก นะ ข้อมูลใน hdd หรือ ssd นะ จะ อ่าน มากกว่า เขียน คับ

                      เขียนลง hdd ก็แค่ ตอน ลงโปรแกรม เท่านั้นละคับ ส่วนใหญ่ อ่าน มากกว่า อีก


                      เวลา Defrag ไปแล้วเนี้ย ข้อมูลอันไหนที่มัน เรียงเรียบร้อยไปแล้ว เวลาDefrag รอบใหม่ มันก็ไปเรียง ข้อมูล ที่ กระจายๆ ที่เราลงไปใหม่ ใน hdd นั้นละคับ

                      มันไม่ได้ไปไล่ เรียง ข้อมูลใหม่ทั้ง hdd ทั้งลูกหรอกคับ เวลาเรา Defrag ครั้งต่อไปนะ

                      ยิ่ง Defrag บ่อยๆ ยิ่งดี ทำครั้งต่อไป แปปเดียวเสร็จ ไม่เสียเวลา รอนานๆ เพราะ ข้อมูลมันเรียงกันอยู่แล้ว

                      แต่ถ้าปล่อยไปนานๆ มีข้อมุลใหม่ๆ ยิ่งเยอะเท่าไหร่ก็ ยิ่งนานขึ้นเท่านั้น แถม ยังไม่รวม มัน กระจายปนกันไปหมดอีกตะหาก

                      มีแต่ นานๆ Defrag ที นี่ละ กว่าจะเสร็จ นานมากคับ


                      Defrag hdd นี่ ส่วนตัว ที่ผมใช้งาน Defrag นี้ คือ ตอนที่ ลงโปรแกรม หรือ เกมส์ ลงโปรแกรม ที ลงเกมส์ที ถ้า ขนาดมันใหญ่ 2 GB+ นี้ ลง เสร็จ ก็ สั่ง Defrag ให้มันเรียงข้อมูลให้เรียบร้อยละคับ

                      ลองทดสอบ ดูด้วยตัวเองได้ คับ สั่ง Defrag ครั้งแรก เสร็จ ปุบ ลอง สั่งให้มัน Defrag รอบ 2 ใหม่ ต่อทันทีเลยก็ได้คับ จะเห็นว่า จะใช้เวลา แปปเดียวในการ เช็ค ข้อมูล Defrag แปปเดียว จบ

                      เพราะ ข้อมูล โดน Defrag ไปแล้ว ทำเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มี ข้อมูลใหม่ๆ มันก็ ไม่จับไปเรียงใหม่ ฉนั้น Defrag รอบ 2 ถึงแปปเดียว เสร็จ จบ ไม่ต้อง รอนานเลย

                      หรือ จะทดสอบดูก็ได้คับ สั่งรอบ 3 รอบ 4 โปรแกรมก็จบไวเหมือนกัน เพราะ ข้อมูล มันโดน เรียงไปแล้วตั้งแต่ครั้งแรก พอ โปรแกรมเช็คก็จะไม่จับไปเรียง ซ้ำหรอก มันถึงจบไว นะคับ



                      ผมอธิบายได้แค่่นี้ละคับ อ่านผ่านๆไปก็แล้วกันคับ

                      แก้ไข ข้อความที่พิมพ์ผิด ถ้าตรงไหน ผิดช่วยบอกด้วยนะคับ
                      Last edited by THEFOOL; 1 Aug 2010, 22:50:43.

                      Comment


                      • #41
                        สำหรับผมแล้วคิดว่า

                        น้อยเกิน ก็ พังง่าย

                        มากเกินไป ก็ พังง่าย

                        ******* มาตราถานชายไทย เดือนละครั้ง แหล่ม

                        Comment

                        Working...
                        X