Announcement

Collapse
No announcement yet.

PH ในน้ำกลั่น

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • PH ในน้ำกลั่น

    PH ในน้ำกลั่น
    ผมเคยอ่านไปเจอว่าในน้ำกลั่นที่เราซื้อมาใส่ระบบน้ำ มันมีความเป็นกรดไม่เหมาะกับเอามาใส่ในระบบ

    ซึ่งความคิดเดิมของผมคือ น้ำกลั่นคือน้ำที่บริสุทธิ์ไม่เจอปนสารใดๆ(แต่มาเจอแบบนี้เริ่มลังเลครับ)
    ใครพอมีความรู้ว่าน้ำกลั่นที่ซื้อมาใช้กันไม่ว่าของ ptt หรือ ขวดขุ่นๆขายทั่วไป มันผสมอะไรมาเปล่าครับ o_o"

    หรือใครมี PH มิเตอร์ลองให้หน่อยก็ดีครับ

    ขอบคุณครับ ^_^

  • #2
    จากกระทู้//www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V4857304/V4857304.html//www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V4859650/V4859650.htmlในการวัดจะพิจารณาค่า EC กับค่า pH


    น้ำกลั่นคืออะไรครับ กินได้ไหม มีประโยชน์หรือโทษไหม ได้ยินว่าบริสุทธิ์น่าจะกินแทนน้ำทั่วไปดี ช่วยตอบที

    ข้อมูลจากการประปาส่วนภูมิภาคบอกว่า น้ำกลั่น คือ น้ำที่ได้จากการควบแน่นด้วยเครื่องกลั่นน้ำ (ควบแน่นก็คือการต้มน้ำให้กลายเป็นไอแล้วทำให้ไอน้ำเย็นลงจนกลายเป็นหยดน้ำอีกครั้ง เพื่อกำจัดเอาแร่ธาตุทุกชนิดให้แยกตัวออกไป) จึงมีความบริสุทธิ์สูงมาก มีเกลือแร่ละลายน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย

    ในเรื่องคุณภาพแล้วอาจมีธาตุทองแดงเจือปนอยู่บ้าง หากกลั่นด้วยเครื่องกลั่นที่ทำด้วยขดลวดทองแดง นอกจากนี้ ค่าพีเอช (pH) หรือค่าความเป็นกรดด่างของน้ำกลั่นจะค่อนข้างไปทางกรด มักวัดได้ต่ำกว่า 6 (ค่าระดับ 7 คือเป็นกลาง, ต่ำกว่าเป็นกรด และมากกว่าเป็นด่าง)

    ทั้งนี้ เพราะว่าน้ำดิบที่เข้าเครื่องกลั่น มักมีคาร์บอเนตและไบคาร์บอเนตละลายอยู่ ซึ่งจะแตกตัวให้คาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อก๊าซนี้ละลายน้ำจะทำให้น้ำกลั่นมีฤทธิ์เป็นกรด

    ถ้าต้องการให้น้ำกลั่นมีค่าเป็นกลาง ก็ทำได้ง่ายๆ โดยต้มให้เดือด เพื่อไล่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นานอย่างน้อย 15 นาที ตัวกำหนดคุณภาพน้ำที่นิยมใช้วัดความบริสุทธิ์ของน้ำกลั่น คือ ค่าสารละลาย (Total dissolved solids) มักจะมีค่าประมาณ 1 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยมีค่าการนำไฟฟ้า (Conductivity) ประมาณ 2-3 ไมโครซีเมนต่อเซนติเมตร ซึ่งมีความหมายว่าน้ำกลั่นคือน้ำที่ปราศจากคุณสมบัติทางด้านเคมี และแบคทีเรีย

    เนื่องจากน้ำกลั่นมีความบริสุทธิ์สูงมาก ไม่มีแร่ธาตุ ในทางการแพทย์จึงนำไปใช้ในการเตรียมสารละลายต่างๆ เช่น ทำน้ำเกลือ เป็นต้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีแบคทีเรีย ดังนั้น ไม่ควรนำมาดื่ม

    ในด้านห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ก็ใช้ในการเตรียมน้ำยาต่างๆ

    ในด้านอุตสาหกรรม ใช้ในการเจือจางต่างๆ เช่น ใช้ในการเติมแบตเตอรี่ เพื่อเจือจางน้ำกรด อันนี้ข้างขวดจะเขียนว่าห้ามดื่ม เนื่องจากอาจไม่สะอาดในกระบวนการกลั่นกรอง และอาจมีสารละลายอื่นๆ ที่เติมลงมาเพื่อประโยชน์ในการใช้สอย เช่น กรดกำมะถัน ส่วนนี้ทำให้น้ำกลั่นบางยี่ห้อมีราคาแพงกว่ายี่ห้ออื่นๆ

    มีแพทย์ชื่อนายแพทย์โจเซฟ เมอร์โคลา (Joseph Mercola) ได้เขียนบทความเรื่อง "การตายก่อนวัยอันควรเนื่องจากการดื่มน้ำกลั่น" ไว้ระบุว่า เมื่อดื่มน้ำกลั่นเป็นประจำ จะเกิดการดึงแคลเซียมออกจากกระดูกและหัวใจอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดปัญหาโรคกระดูกพรุน และกล้ามเนื้อหัวใจที่มีธาตุแคลเซียม แมกนีเซียม จะไม่เพียงพอ ก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

    การดื่มน้ำกลั่นหรือน้ำที่ปราศจากเกลือแร่ย่อมทำให้เกิดภาวะร่างกายขาดเกลือแร่หลัก รวมทั้งเกลือแร่ที่หายาก น้ำกลั่นจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งน้ำที่ดีหรือน้ำในอุดมคติ ต้องมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ เนื่องจากร่างกายมี pH 7.4 ถ้าเมื่อใด pH ในเลือดเป็น 6.8 จะเกิดอาการกรดเป็นพิษ การที่จะมีฤทธิ์เป็นด่างนี้คือน้ำจะต้องมีเกลือแร่ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ละลายอยู่
    Last edited by koonkub; 18 Apr 2013, 01:18:14.

    Comment


    • #3
      Originally posted by koonkub View Post
      http://www.bloggang.com/viewdiary.ph...oup=1&gblog=36

      น้ำกลั่นคืออะไรครับ กินได้ไหม มีประโยชน์หรือโทษไหม ได้ยินว่าบริสุทธิ์น่าจะกินแทนน้ำทั่วไปดี ช่วยตอบที

      ข้อมูลจากการประปาส่วนภูมิภาคบอกว่า น้ำกลั่น คือ น้ำที่ได้จากการควบแน่นด้วยเครื่องกลั่นน้ำ (ควบแน่นก็คือการต้มน้ำให้กลายเป็นไอแล้วทำให้ไอน้ำเย็นลงจนกลายเป็นหยดน้ำอีกครั้ง เพื่อกำจัดเอาแร่ธาตุทุกชนิดให้แยกตัวออกไป) จึงมีความบริสุทธิ์สูงมาก มีเกลือแร่ละลายน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย

      ในเรื่องคุณภาพแล้วอาจมีธาตุทองแดงเจือปนอยู่บ้าง หากกลั่นด้วยเครื่องกลั่นที่ทำด้วยขดลวดทองแดง นอกจากนี้ ค่าพีเอช (pH) หรือค่าความเป็นกรดด่างของน้ำกลั่นจะค่อนข้างไปทางกรด มักวัดได้ต่ำกว่า 6 (ค่าระดับ 7 คือเป็นกลาง, ต่ำกว่าเป็นกรด และมากกว่าเป็นด่าง)

      ทั้งนี้ เพราะว่าน้ำดิบที่เข้าเครื่องกลั่น มักมีคาร์บอเนตและไบคาร์บอเนตละลายอยู่ ซึ่งจะแตกตัวให้คาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อก๊าซนี้ละลายน้ำจะทำให้น้ำกลั่นมีฤทธิ์เป็นกรด

      ถ้าต้องการให้น้ำกลั่นมีค่าเป็นกลาง ก็ทำได้ง่ายๆ โดยต้มให้เดือด เพื่อไล่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นานอย่างน้อย 15 นาที ตัวกำหนดคุณภาพน้ำที่นิยมใช้วัดความบริสุทธิ์ของน้ำกลั่น คือ ค่าสารละลาย (Total dissolved solids) มักจะมีค่าประมาณ 1 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยมีค่าการนำไฟฟ้า (Conductivity) ประมาณ 2-3 ไมโครซีเมนต่อเซนติเมตร ซึ่งมีความหมายว่าน้ำกลั่นคือน้ำที่ปราศจากคุณสมบัติทางด้านเคมี และแบคทีเรีย

      เนื่องจากน้ำกลั่นมีความบริสุทธิ์สูงมาก ไม่มีแร่ธาตุ ในทางการแพทย์จึงนำไปใช้ในการเตรียมสารละลายต่างๆ เช่น ทำน้ำเกลือ เป็นต้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีแบคทีเรีย ดังนั้น ไม่ควรนำมาดื่ม

      ในด้านห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ก็ใช้ในการเตรียมน้ำยาต่างๆ

      ในด้านอุตสาหกรรม ใช้ในการเจือจางต่างๆ เช่น ใช้ในการเติมแบตเตอรี่ เพื่อเจือจางน้ำกรด อันนี้ข้างขวดจะเขียนว่าห้ามดื่ม เนื่องจากอาจไม่สะอาดในกระบวนการกลั่นกรอง และอาจมีสารละลายอื่นๆ ที่เติมลงมาเพื่อประโยชน์ในการใช้สอย เช่น กรดกำมะถัน ส่วนนี้ทำให้น้ำกลั่นบางยี่ห้อมีราคาแพงกว่ายี่ห้ออื่นๆ

      มีแพทย์ชื่อนายแพทย์โจเซฟ เมอร์โคลา (Joseph Mercola) ได้เขียนบทความเรื่อง "การตายก่อนวัยอันควรเนื่องจากการดื่มน้ำกลั่น" ไว้ระบุว่า เมื่อดื่มน้ำกลั่นเป็นประจำ จะเกิดการดึงแคลเซียมออกจากกระดูกและหัวใจอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดปัญหาโรคกระดูกพรุน และกล้ามเนื้อหัวใจที่มีธาตุแคลเซียม แมกนีเซียม จะไม่เพียงพอ ก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

      การดื่มน้ำกลั่นหรือน้ำที่ปราศจากเกลือแร่ย่อมทำให้เกิดภาวะร่างกายขาดเกลือแร่หลัก รวมทั้งเกลือแร่ที่หายาก น้ำกลั่นจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งน้ำที่ดีหรือน้ำในอุดมคติ ต้องมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ เนื่องจากร่างกายมี pH 7.4 ถ้าเมื่อใด pH ในเลือดเป็น 6.8 จะเกิดอาการกรดเป็นพิษ การที่จะมีฤทธิ์เป็นด่างนี้คือน้ำจะต้องมีเกลือแร่ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ละลายอยู่
      สุดยอดครับ ความรู้ใหม่ในรอบ 20 ปี

      Comment


      • #4
        Originally posted by koonkub View Post
        http://www.bloggang.com/viewdiary.ph...oup=1&gblog=36

        น้ำกลั่นคืออะไรครับ กินได้ไหม มีประโยชน์หรือโทษไหม ได้ยินว่าบริสุทธิ์น่าจะกินแทนน้ำทั่วไปดี ช่วยตอบที

        ข้อมูลจากการประปาส่วนภูมิภาคบอกว่า น้ำกลั่น คือ น้ำที่ได้จากการควบแน่นด้วยเครื่องกลั่นน้ำ (ควบแน่นก็คือการต้มน้ำให้กลายเป็นไอแล้วทำให้ไอน้ำเย็นลงจนกลายเป็นหยดน้ำอีกครั้ง เพื่อกำจัดเอาแร่ธาตุทุกชนิดให้แยกตัวออกไป) จึงมีความบริสุทธิ์สูงมาก มีเกลือแร่ละลายน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย

        ในเรื่องคุณภาพแล้วอาจมีธาตุทองแดงเจือปนอยู่บ้าง หากกลั่นด้วยเครื่องกลั่นที่ทำด้วยขดลวดทองแดง นอกจากนี้ ค่าพีเอช (pH) หรือค่าความเป็นกรดด่างของน้ำกลั่นจะค่อนข้างไปทางกรด มักวัดได้ต่ำกว่า 6 (ค่าระดับ 7 คือเป็นกลาง, ต่ำกว่าเป็นกรด และมากกว่าเป็นด่าง)

        ทั้งนี้ เพราะว่าน้ำดิบที่เข้าเครื่องกลั่น มักมีคาร์บอเนตและไบคาร์บอเนตละลายอยู่ ซึ่งจะแตกตัวให้คาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อก๊าซนี้ละลายน้ำจะทำให้น้ำกลั่นมีฤทธิ์เป็นกรด

        ถ้าต้องการให้น้ำกลั่นมีค่าเป็นกลาง ก็ทำได้ง่ายๆ โดยต้มให้เดือด เพื่อไล่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นานอย่างน้อย 15 นาที ตัวกำหนดคุณภาพน้ำที่นิยมใช้วัดความบริสุทธิ์ของน้ำกลั่น คือ ค่าสารละลาย (Total dissolved solids) มักจะมีค่าประมาณ 1 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยมีค่าการนำไฟฟ้า (Conductivity) ประมาณ 2-3 ไมโครซีเมนต่อเซนติเมตร ซึ่งมีความหมายว่าน้ำกลั่นคือน้ำที่ปราศจากคุณสมบัติทางด้านเคมี และแบคทีเรีย

        เนื่องจากน้ำกลั่นมีความบริสุทธิ์สูงมาก ไม่มีแร่ธาตุ ในทางการแพทย์จึงนำไปใช้ในการเตรียมสารละลายต่างๆ เช่น ทำน้ำเกลือ เป็นต้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีแบคทีเรีย ดังนั้น ไม่ควรนำมาดื่ม

        ในด้านห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ก็ใช้ในการเตรียมน้ำยาต่างๆ

        ในด้านอุตสาหกรรม ใช้ในการเจือจางต่างๆ เช่น ใช้ในการเติมแบตเตอรี่ เพื่อเจือจางน้ำกรด อันนี้ข้างขวดจะเขียนว่าห้ามดื่ม เนื่องจากอาจไม่สะอาดในกระบวนการกลั่นกรอง และอาจมีสารละลายอื่นๆ ที่เติมลงมาเพื่อประโยชน์ในการใช้สอย เช่น กรดกำมะถัน ส่วนนี้ทำให้น้ำกลั่นบางยี่ห้อมีราคาแพงกว่ายี่ห้ออื่นๆ

        มีแพทย์ชื่อนายแพทย์โจเซฟ เมอร์โคลา (Joseph Mercola) ได้เขียนบทความเรื่อง "การตายก่อนวัยอันควรเนื่องจากการดื่มน้ำกลั่น" ไว้ระบุว่า เมื่อดื่มน้ำกลั่นเป็นประจำ จะเกิดการดึงแคลเซียมออกจากกระดูกและหัวใจอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดปัญหาโรคกระดูกพรุน และกล้ามเนื้อหัวใจที่มีธาตุแคลเซียม แมกนีเซียม จะไม่เพียงพอ ก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

        การดื่มน้ำกลั่นหรือน้ำที่ปราศจากเกลือแร่ย่อมทำให้เกิดภาวะร่างกายขาดเกลือแร่หลัก รวมทั้งเกลือแร่ที่หายาก น้ำกลั่นจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งน้ำที่ดีหรือน้ำในอุดมคติ ต้องมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ เนื่องจากร่างกายมี pH 7.4 ถ้าเมื่อใด pH ในเลือดเป็น 6.8 จะเกิดอาการกรดเป็นพิษ การที่จะมีฤทธิ์เป็นด่างนี้คือน้ำจะต้องมีเกลือแร่ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ละลายอยู่
        save

        Comment


        • #5
          Originally posted by koonkub View Post
          http://www.bloggang.com/viewdiary.ph...oup=1&gblog=36

          น้ำกลั่นคืออะไรครับ กินได้ไหม มีประโยชน์หรือโทษไหม ได้ยินว่าบริสุทธิ์น่าจะกินแทนน้ำทั่วไปดี ช่วยตอบที

          ข้อมูลจากการประปาส่วนภูมิภาคบอกว่า น้ำกลั่น คือ น้ำที่ได้จากการควบแน่นด้วยเครื่องกลั่นน้ำ (ควบแน่นก็คือการต้มน้ำให้กลายเป็นไอแล้วทำให้ไอน้ำเย็นลงจนกลายเป็นหยดน้ำอีกครั้ง เพื่อกำจัดเอาแร่ธาตุทุกชนิดให้แยกตัวออกไป) จึงมีความบริสุทธิ์สูงมาก มีเกลือแร่ละลายน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย

          ในเรื่องคุณภาพแล้วอาจมีธาตุทองแดงเจือปนอยู่บ้าง หากกลั่นด้วยเครื่องกลั่นที่ทำด้วยขดลวดทองแดง นอกจากนี้ ค่าพีเอช (pH) หรือค่าความเป็นกรดด่างของน้ำกลั่นจะค่อนข้างไปทางกรด มักวัดได้ต่ำกว่า 6 (ค่าระดับ 7 คือเป็นกลาง, ต่ำกว่าเป็นกรด และมากกว่าเป็นด่าง)

          ทั้งนี้ เพราะว่าน้ำดิบที่เข้าเครื่องกลั่น มักมีคาร์บอเนตและไบคาร์บอเนตละลายอยู่ ซึ่งจะแตกตัวให้คาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อก๊าซนี้ละลายน้ำจะทำให้น้ำกลั่นมีฤทธิ์เป็นกรด

          ถ้าต้องการให้น้ำกลั่นมีค่าเป็นกลาง ก็ทำได้ง่ายๆ โดยต้มให้เดือด เพื่อไล่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นานอย่างน้อย 15 นาที ตัวกำหนดคุณภาพน้ำที่นิยมใช้วัดความบริสุทธิ์ของน้ำกลั่น คือ ค่าสารละลาย (Total dissolved solids) มักจะมีค่าประมาณ 1 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยมีค่าการนำไฟฟ้า (Conductivity) ประมาณ 2-3 ไมโครซีเมนต่อเซนติเมตร ซึ่งมีความหมายว่าน้ำกลั่นคือน้ำที่ปราศจากคุณสมบัติทางด้านเคมี และแบคทีเรีย

          เนื่องจากน้ำกลั่นมีความบริสุทธิ์สูงมาก ไม่มีแร่ธาตุ ในทางการแพทย์จึงนำไปใช้ในการเตรียมสารละลายต่างๆ เช่น ทำน้ำเกลือ เป็นต้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีแบคทีเรีย ดังนั้น ไม่ควรนำมาดื่ม

          ในด้านห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ก็ใช้ในการเตรียมน้ำยาต่างๆ

          ในด้านอุตสาหกรรม ใช้ในการเจือจางต่างๆ เช่น ใช้ในการเติมแบตเตอรี่ เพื่อเจือจางน้ำกรด อันนี้ข้างขวดจะเขียนว่าห้ามดื่ม เนื่องจากอาจไม่สะอาดในกระบวนการกลั่นกรอง และอาจมีสารละลายอื่นๆ ที่เติมลงมาเพื่อประโยชน์ในการใช้สอย เช่น กรดกำมะถัน ส่วนนี้ทำให้น้ำกลั่นบางยี่ห้อมีราคาแพงกว่ายี่ห้ออื่นๆ

          มีแพทย์ชื่อนายแพทย์โจเซฟ เมอร์โคลา (Joseph Mercola) ได้เขียนบทความเรื่อง "การตายก่อนวัยอันควรเนื่องจากการดื่มน้ำกลั่น" ไว้ระบุว่า เมื่อดื่มน้ำกลั่นเป็นประจำ จะเกิดการดึงแคลเซียมออกจากกระดูกและหัวใจอย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดปัญหาโรคกระดูกพรุน และกล้ามเนื้อหัวใจที่มีธาตุแคลเซียม แมกนีเซียม จะไม่เพียงพอ ก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

          การดื่มน้ำกลั่นหรือน้ำที่ปราศจากเกลือแร่ย่อมทำให้เกิดภาวะร่างกายขาดเกลือแร่หลัก รวมทั้งเกลือแร่ที่หายาก น้ำกลั่นจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งน้ำที่ดีหรือน้ำในอุดมคติ ต้องมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ เนื่องจากร่างกายมี pH 7.4 ถ้าเมื่อใด pH ในเลือดเป็น 6.8 จะเกิดอาการกรดเป็นพิษ การที่จะมีฤทธิ์เป็นด่างนี้คือน้ำจะต้องมีเกลือแร่ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ละลายอยู่
          ไม่ต้องมีคำบรรยาย ขอบคุณครับน้า

          Comment


          • #6
            สรุปแล้วเราควรทำเยี่ยงไรดีขอรับ

            Comment


            • #7
              ขอบคุณมากครับคุณกุน ข้อมูลแน่นปึกเลยครับ ^_^
              สรุปมันมีหลายเกตุ ส่วนมากจะเป็นกรดอ่อนถ้าขั้นตอนการผลิดใช้ทองแดง แต่ถ้าเอาไปต้มก่อนก็ช่วยได้
              สงใสต่อไปไม่อยากเสี่ยงก็เอาน้ำดื่มไปต้มแล้วเอามาใช้อย่างที่ไปอ่านเจอซะแล้ว ^_^

              Comment


              • #8
                กลั่นใช้เองเลย แบบสมัยประถม

                Comment

                Working...
                X