คุณสามารถ Calibrate แบตเตอรี่โน้ตบุ๊ครุ่น MacBook หรือ MacBook Pro ของคุณ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน
ในแบตเตอรี่แบบ Lithium จะมีชิปประมวลผลขนาดเล็กฝังอยู่ ซึ่งจะช่วยในการคำนวนค่าพลังงานของแบตเตอรี่ที่ได้ทำการชาร์จไว้ ดังนั้น เราจึงควรทำการ Calibrate แบตเตอรี่อยู่เสมอเมื่อเราได้ใช้งานไปสักระยะ เพื่อการคำนวณค่าพลังงานของแบตเตอรี่ที่แม่นยำ ดังนั้นคุณจึงควรทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เมื่อใช้งานเครื่องโน้ตบุ๊คของคุณครั้งแรกและควรทำซ้ำทุกทุกสองถึงสามเดือน
1. เสียบสายชาร์จเข้ากับเครื่องโน้ตบุ๊ค และชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มจนกระทั่งไฟแสดงสถานะการชาร์จบนขั้วสายชาร์จกลายเป็นสีเขียว และสถานะแบตบนเมนูบาร์ขึ้นว่าชาร์จเต็มแล้ว
2. เมื่อแบตเตอรี่ถูกชาร์จจนเต็มแล้ว ให้ชาร์จต่อไปอีกอย่างน้อย 2 ชั่วโมง (ในระหว่างนี้คุณควรใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณด้วยในขณะที่ปลั๊กอแดปเตอร์ของคุณยังเสียบไว้อยู่)
3. ถอดสายชาร์จออกจากเครื่อง โดยยังคงเปิดเครื่องไว้ในระหว่างที่ไม่ได้เสียบสายชาร์จ ในระหว่างนี้คุณอาจจะใช้งานเครื่องของคุณไปด้วย
เมื่อแบเตอตรี่อ่อน คุณจะเห็นกล่องข้อความเตือนบนหน้าจอแสดงสถานะของแบตเตอรี่
4. ให้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณต่อไป จนกระทั่งเข้าสู่ Sleep Mode. (ให้ Save งานของคุณทุกอย่าง และปิดโปรแกรมทุกโปรแกรมเมื่อแบตเตอรี่จะอ่อนมากมาก ก่อนที่คอมพิวเตอร์จะเข้า Sleep Mode)
5. ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือปล่อยให้เข้าสู่ Sleep Mode อย่างน้อย 5 ชั่วโมง
6. เสียบสายชาร์จ และชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มอีกครั้ง
ที่มา : http://www.uficon.com/howto.php?id=22
ในแบตเตอรี่แบบ Lithium จะมีชิปประมวลผลขนาดเล็กฝังอยู่ ซึ่งจะช่วยในการคำนวนค่าพลังงานของแบตเตอรี่ที่ได้ทำการชาร์จไว้ ดังนั้น เราจึงควรทำการ Calibrate แบตเตอรี่อยู่เสมอเมื่อเราได้ใช้งานไปสักระยะ เพื่อการคำนวณค่าพลังงานของแบตเตอรี่ที่แม่นยำ ดังนั้นคุณจึงควรทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เมื่อใช้งานเครื่องโน้ตบุ๊คของคุณครั้งแรกและควรทำซ้ำทุกทุกสองถึงสามเดือน
1. เสียบสายชาร์จเข้ากับเครื่องโน้ตบุ๊ค และชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มจนกระทั่งไฟแสดงสถานะการชาร์จบนขั้วสายชาร์จกลายเป็นสีเขียว และสถานะแบตบนเมนูบาร์ขึ้นว่าชาร์จเต็มแล้ว
2. เมื่อแบตเตอรี่ถูกชาร์จจนเต็มแล้ว ให้ชาร์จต่อไปอีกอย่างน้อย 2 ชั่วโมง (ในระหว่างนี้คุณควรใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณด้วยในขณะที่ปลั๊กอแดปเตอร์ของคุณยังเสียบไว้อยู่)
3. ถอดสายชาร์จออกจากเครื่อง โดยยังคงเปิดเครื่องไว้ในระหว่างที่ไม่ได้เสียบสายชาร์จ ในระหว่างนี้คุณอาจจะใช้งานเครื่องของคุณไปด้วย
เมื่อแบเตอตรี่อ่อน คุณจะเห็นกล่องข้อความเตือนบนหน้าจอแสดงสถานะของแบตเตอรี่
4. ให้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณต่อไป จนกระทั่งเข้าสู่ Sleep Mode. (ให้ Save งานของคุณทุกอย่าง และปิดโปรแกรมทุกโปรแกรมเมื่อแบตเตอรี่จะอ่อนมากมาก ก่อนที่คอมพิวเตอร์จะเข้า Sleep Mode)
5. ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือปล่อยให้เข้าสู่ Sleep Mode อย่างน้อย 5 ชั่วโมง
6. เสียบสายชาร์จ และชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มอีกครั้ง
ที่มา : http://www.uficon.com/howto.php?id=22
Comment