อันนี้เป็นเพียงรีวิวสั้น ๆ มีจุดประสงค์เพื่อจะมาบอกข้อมูลเกี่ยวกับแบตเตอรี่ของเจ้า MacBook Pro ตัวนี้ที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันหลายแห่งเหมือนกัน สำหรับคนที่ใช้ MacBook Pro รุ่น Aluminum ธรรมดา อาจจะเอาเหตุผลข้อดีและข้อเสียของผมมาดูว่าถึงเวลาเปลี่ยนเครื่องมาเป็น Unibody หรือไม่ก็ได้ เนื่องจากผมจะเปรียบเทียบเจ้า MacBook Pro 17" Unibody ตัวนี้กับ MacBook Pro 17" ตัวเก่าของผม นี่ไม่ใช่รีวิวอย่างละเอียดแต่อย่างไรนะครับ
การสั่งซื้อ/กล่อง
ผมสั่งซื้อผ่าน Apple Online Store Thailand ในตอนแรกครับ หลังจากที่ประกาศเปิดตัวในวัน MacWorld เลย เพียงแต่ว่าเมื่อสั่งไปแล้วเห็นวันที่ Delivery Date แล้วรู้ตัวว่าไม่มีทางได้รับทันแน่ ก็เลยคุยกับคนที่บ้านไว้ว่าถ้าเจ้า MBP ตัวนี้มา ช่วยส่งต่อมาที่เมลเบิร์นได้ไหม แต่พอปลายเดือนมกราคม มานั่งตรวจสอบข้อมูลดูอีกที พบว่าการส่งของเข้าออสเตรเลีย หากของไม่ว่าจะเป็นสินค้าชนิดในก็ตาม มือหนึ่ง มือสอง จะต้องเจอภาษี 10% หมด นั่นหมายความว่าผมต้องจ่ายเพิ่มอีก 10,000 บาท ผมเลยเปลี่ยนใจสั่งผ่าน Apple Online Store Australia แทน
ข้อดีของการสั่งจากออสเตรเลียช่วงต้นปีคือหากใช้ Education Store แล้วจะได้ Rebate หากซื้อพร้อมกับไอพ็อดรุ่นใดก็ได้อีก AUD 179 คือเราต้องซื้อทั้งคอมพิวเตอร์ทั้งไอพ็อดรุ่นใดก็ได้ผ่านทาง Online Education Store หรือ Authorized Campus Reseller โดยต้องจ่ายราคานักศึกษาตามปกติทั้งบนตัวเครื่องและตัวไอพ็อด หลังจากนั้นเราต้องส่งบาร์โค้ด (UPC) ของทั้งตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และไอพ็อดกลับไปให้แอปเปิล (เพื่อป้องกันการนำไปขายต่อ) หลังจากนั้นแอปเปิลถึงจะส่งเป็นเช็คเงินสดกลับมาให้
สำหรับตัว MBP ถึงแม้มันเป็น Pre-order ก็จริง แต่แอปเปิลได้ทำการเลื่อนวัน Shipping Date มาเป็นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เช่นเดียวกันกับคนอื่น ๆ ที่สั่งสเปคจอ Glossy และไม่มี SSD ซึ่งแอปเปิลจะยังไม่ทำการส่งของจนกว่าสัปดาห์ถัดไป แต่เท่าที่อ่าน ๆ ดูตามเว็บต่าง ๆ รู้สึกว่าแอปเปิลเริ่มที่จะทำการส่งของล่วงหน้าก่อนวัน Shipping Date ทั้งรุ่น Glossy และ Matte โดยเครื่องผมออกจากโรงงานที่ Shanghai ในวันที่ 18 แต่เครื่องถึงมือผมวันที่ 23 โดยรวมแล้วไม่นับว่านานมากนัก เนื่องจากว่ามันเป็นช่วงสุดสัปดาห์พอดี เครื่องผมจริง ๆ ถึงเมลเบิร์นวันที่ 21 ตอนเช้า แต่อย่างไรก็ตามต้องรอจนถึงวันจันทร์อยู่ดีถึงจะได้ของ
ภายในกล่องนั้นก็ไม่ต่างกับกล่องของ MacBook หรือ MacBook Pro รุ่น Unibody อื่น ๆ คือมีแค่...
- เครื่องคอมพิวเตอร์
- คู่มือ/ซีดีสำหรับการติดตั้งใหม่/ผ้าเช็ดคอม
- ที่ชาร์จ/สายต่อเข้ากับเต้าปลั๊กไฟ/ Duckhead
ตอนแกะกล่องที่แปลกหน่อยก็คือรอบ ๆ ตัวเครื่อง (ใต้พลาสติกที่ห่อมาตอนแรก) จะมีฝุ่นเหมือนเป็นผงแป้งขาว ๆ เกาะมานิดหน่อย ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร (จากรูปข้างใต้ จะเห็นเลยว่ามันมีวง ๆ อยู่ทางลำโพงด้านซ้ายสองวง)
สเปกเครื่อง
ไม่มีอะไรมากเหมือนกันจริง ๆ เพราะว่าสามารถหาได้ที่เว็บแอปเปิลทั่วไปอยู่แล้ว แต่ผมสั่งเป็นเวอร์ชั่น CTO คือเปลี่ยนซีพียูกับเปลี่ยน HDD ให้ดีขึ้นหน่อย
- Intel Core 2 Duo 2.93GHz
- RAM 4GB DDR3 1066MHz
- การ์ดจอ NVIDIA GF 9400M + 9600M GT 512MB
- จอ 1920x1200
- Hitashi HDD 320GB 7200RPM
- SuperDrive
- แบตเตอรี่ที่ถอดเปลี่ยนไม่ได้
เปรียบเทียบสิ่งต่าง ๆ กับ MBP 17" Aluminum ธรรมดา
อันนี้ผมเปรียบเทียบจากผู้ใช้งานระบบ Consumer นะครับ มาจากการใช้งานแบบ First Impression ล้วน ๆ ไม่ได้เกิดจากการทดสอบหลาย ๆ ครั้งหรือมีตัวแปรอะไรมากมายอย่างใด รุ่นที่ผมเอามาเปรียบเทียบคือรุ่น MBP 17" Aluminum รุ่นแรก (Core Duo 2.16GHz / Radeon X1600)
- จอภาพ จากที่แอปเปิลโฆษณามามากว่าจอนี้ดีกว่าตัวเก่ามาก จากสายผู้ใช้ระดับ Consumer แบบผม ผมก็ไม่ได้เห็นมันเปลี่ยนแปลงไปมากมายอะไรนะครับ แต่เรื่องสีกับเรื่องแสงสว่างนั้นเปลี่ยนไปมากเลย เพราะว่าจอตัวเก่าผมใช้จอ Matte จะเห็นว่าบนจอ Glossy สีดำนี้ดำสนิทกว่าจริง ๆ แสงสว่างจะปรับให้สว่างพอสู้แสงอาทิตย์แรงจ้าของออสเตรเลียได้สบาย ๆ ประมาณว่าเล่นกลางสนามหญ้าไม่มีปัญหา (แต่แมลงวันกวนจริง ๆ)
- ลำโพง รู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าลำโพงที่ใช้ใน UMBP 17" ในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นแย่ลงกว่ามาก เบสแทบจะไม่เหลือเลย ทำให้ MBP 17" Aluminum ชนะไปในเรื่องนี้ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความดัง UMBP 17" หากเปิดเสียงดังสุด ๆ ถือว่าดังกว่ารุ่นก่อนมากครับ
- พอร์ตต่าง ๆ ซึ่งถูกย้ายมาอยู่ทางด้านซ้ายทั้งหมด ถือว่าเป็นเรื่องแย่ขึ้นสำหรับผม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเอา USB Port มาวางติดกันสามอันนี่ทำให้ความสะดวกหลาย ๆ อย่างในการเสียบเข้าและดึงออกนั้นแทบไม่เหลือเลย MBP 17" Aluminum ตัวเก่าจะมี USB อยู่ด้านขวาหนึ่งช่อง และด้านซ้ายอีกสองช่อง ความสะดวกสบายในจุดนี้เลยหายไปทันที นอกจากนี้แล้วแอปเปิลยังได้ตัดพอร์ต Firewire 400 ออกไปอย่างสิ้นเชิง เช่นเดียวกับบน Unibody MacBook และ Unibody MacBook Pro 15" และเหลือเพียงแค่ Firewire 800 เท่านั้น หากใช้งานหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ดูเหมือนจะสิ้นหวังพอสมควร
- คีย์บอร์ด ถึงแม้ว่าคีย์บอร์ดลักษณะ Chiclet แบบนี้จะถูกนำมาใช้โดยแอปเปิลตั้งแต่ MacBook รุ่นขาว/ดำแล้วก็ตาม แต่ผมก็ไม่เคยได้ใช้มันเป็นคีย์บอร์ดหลักซะทีจนถึงตอนนี้ เริ่มรู้สึกชอบในความเด้งของมันครับ เมื่อใช้แล้วลีมคีย์บอร์ดตัวเก่าไปได้เลย แต่นี่เป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคลล้วน ๆ
- Trackpad จริง ๆ แล้วแอปเปิลได้ตั้งค่า Default ของ Trackpad ให้ในลักษณะที่คนที่เคยใช้ Trackpad แบบเก่านั้นสามารถมาใช้งานได้ทันทีโดยไม่สับสน คือได้ตั้งค่ามาไม่ให้มี Tap Click แต่เป็นลักษณะให้วางนิ้วโป้งค้างไว้ในส่วนที่ควรจะเป็นปุ่ม (ครึ่งล่าง) จากนั้นใช้นิ้วอื่น ๆ แกว่งไป ๆ มา ๆ แต่เท่าที่ใช้งานผมว่าไอ้การกดเพื่อคลิกไปทั้งอันแบบนี้มันไม่ใช่ไม่สะดวก แต่มันเสียงดังมากครับ ผมเชื่อว่าถ้าเอาไปใช้ในห้องสมุด คนข้าง ๆ คนเดินมาทุบหัวแน่นอน
- รูปร่าง ความหนัก เรื่องนี้จากที่ใช้เครื่องที่หนักกว่ามาก่อน ผมไม่รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปมากนักครับ ส่วนขนาดจริง ๆ แล้วรุ่นนี้ใหญ่กว่ากว่ารุ่นเก่า แต่บางกว่า กระเป๋าสำหรับใส่รุ่นเดิมสามารถนำมาใช้ด้วนได้ทันที แต่พวก Hard Case ทั้งหลายที่ดีไซน์มาให้พอดีกับขนาดของรุ่นเก่าจะไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้ครับ
- ความร้อน แฟน ๆ คนชอบใช้โน้ตบุคบนตักดีใจได้ เพราะว่ารุ่นนี้เย็นกว่ารุ่นก่อนมากครับ อันนี้เปรียบเทียบจากการใช้งานแค่ Surf Web ตามปกติเท่านั้น ไม่นับการใช้งานที่ต้องใช้ CPU มากผิดปกติ จากการใช้โปรแกรม smcFanControl จะเห็นได้ว่าแอปเปิลได้ตั้งพัดลมให้หมุนที่ต่ำสุดที่ 2000rpm อยู่แล้ว ต่างกับรุ่นก่อนที่อยู่ที่ 1000rpm ความร้อนการใช้งานปกติจะประมาณ 44~48 องศาเซลเซียสครับ
- Optical Drive เสียงเบากว่ามากเมื่อเทียบกับตัวเก่าในขณะที่ใส่แผ่นเข้าไป และถอดแผ่นออกมา แต่เวลาหมุนแผ่น/อ่านแผ่นจริง ๆ ความดังก็ไม่ต่างกันมากครับ
แบตเตอรี่
อันนี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนรอคอยรวมถึงตัวผมด้วย ที่อยากจะรู้จริง ๆ ว่าแอปเปิลพูดจริงหรือเปล่าหรือว่าอย่างไร หลังจากที่ผมได้ทำการ Calibrate แบตตัวนี้แล้วตามที่แอปเปิลบอก อยากจะบอกครับว่าใช้อย่างไรก็ไม่เคยได้ 8 ชั่วโมง
มาดูตอนที่ผมเพิ่ง Calibrate แบตเตอรี่เสร็จ เครื่องนี้แบตเตอรี่มีความจุทั้งหมด 12933 mAh
จากการใช้งานแบบธรรมดาจริง ๆ แถมไม่เปิด Bluetooth และยังไม่ได้ต่อ Wireless ด้วย ระบบแจ้งว่าควรจะอยู่ได้ประมาณ 7 ชั่วโมง 28 นาที สุดท้ายเมื่อใช้งานแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ทั้งวัน บางเวลาก็ไม่ได้เล่นเน็ตด้วย สุดท้ายตอนเย็นจับเวลาแล้วเครื่องดับด้วยเวลา 7 ชั่วโมง 2 นาที อันนี้เปิดจอภาพที่ Brightness 50% (9 ก้อนหากกดปุ่ม F1/F2 เพื่อปรับ) และใช้การ์ดจอออนบอร์ด 9400M
หากหนีมาเปลี่ยนเป็นการใช้งานลักษณะเดียวกันแต่ด้วยการ์ดจอแยก 9600M GT 512MB แล้ว เหลือ 5 ชั่วโมง 33 นาที นับว่า************************งจากที่แอปเปิลได้อ้างไว้ 7 ชั่วโมงมากครับ
ตอบโต้กรณี "หลุมพราง"
จากการใช้งานมาได้สองสามวันมานี้ โดยรวมแล้วคิดว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ สำหรับผมแล้วคิดว่าคุ้มครับ เนื่องจากผมถือว่าในเมื่อผมใช้มันหลาย ๆ ชั่วโมงต่อวัน หากนำราคาเครื่องมาหารกับจำนวนชั่วโมงที่ใช้แล้ว มันคุ้มกว่ารองเท้าบางคู่ของผมเสียอีก
เท่าที่ใช้งานเจ้า UMBP 17" นี้แล้วกลับมาดูบทความที่แล้ว จากมุมมองของผมผมไม่เชื่อหรอกครับว่านี่มันเป็นของเล่นของคนรวยหรือเป็นหลุมพรางทางการตลาดหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมว่ามันขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ความชอบของแต่ละคนที่อาจจะชอบ OS X และขนาดของจอภาพ บางคนอาจจะชอบแบตเตอรี่ที่ถอดไม่ได้ก็ได้ และมันก็ไม่จำเป็นที่ผู้ใช้คอมเครื่องนี้ต้องตรงกับคุณสมบัติ 3 ประการแต่อย่างไร ผมรับรองว่าคอมเครื่องนี้ คุ้มกว่า TalkingDict ราคา 3000 กว่าบาทที่ผมซื้อแน่นอน
อีกอย่าง คอมขนาดใหญ่แบบนี้ มันก็ไม่ใช่สำหรับทุกคนอยู่แล้วครับ มันมีตลาดของมันเอง ส่วนตัวของผม ถึงแม้ผมจะเป็นผู้ใช้ระดับ Consumer แต่ผมก็มีความจำเป็นที่ต้องใช้มันในลักษณะ Desktop Replacement หรือว่าเอามาใช้แทนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบเต็มรูปแบบนั่นเอง ด้วนความจำเป็นที่ว่าผมต้องไปกลับเมืองไทย/ออสเตรเลียทุก ๆ 3 เดือน เป็นไปไม่ได้ที่เราจะนั่งแบก Desktop ไป ๆ มา ๆ และนี่ไม่ใช่เพราะว่าผมอยากเท่ห์แน่นอน เพราะผมเอามันตั้งอยู่บนโต๊ะผมตลอดเวลา ไม่ได้เอาไปโชว์ใครที่ไหนที่มหาวิทยาลัย
ผมไม่ได้มาเพื่อปกป้องแอปเปิลนะครับ แต่ตามหลักเหตุผลของผม ผมเชื่อว่าท่ามกลางยุค Subprime อย่างไรก็ตามตลาดนี้มันก็มีอยู่ และมันก็ไม่ใช่ตลาดที่เล็กขนาดที่ต้องตรงกับคุณสมบัติ 3 ประการนั้นด้วย
สรุป
MacBook Pro 17" Unibody หรือที่บางคนเรียกว่า Unibody MacBook Pro 17" หรือ UMBP หรือ NMBP ก็แล้วแต่นั้น ก็เป็นคอมพิวเตอร์ธรรมดาเครื่องหนึ่งที่เหมาะสมกับคนเฉพาะกลุ่มครับ จากขนาด น้ำหนัก และราคาของมัน กับสิ่งที่มันทำได้ มันไม่ใช่คอมพิวเตอร์ที่เพอร์เฟคสำหรับทุกคนแน่นอน (คล้าย ๆ กับ MacBook Air นั่นล่ะ) แต่สำหรับใครที่ใช้ MacBook Pro 17" ตัวเก่าอยู่แล้วลังเลที่จะเปลี่ยน ถ้ามีคุณสมบัติ 3 ประการ (ฉบับผม) ต่อไปนี้: เครื่องเก่าเริ่มไม่ไหวแล้ว, เงินพอแล้ว, ทำใจกับแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนเองไม่ได้ได้แล้ว ก็เปลี่ยนเถอะครับ
credit : Blognone.com
การสั่งซื้อ/กล่อง
ผมสั่งซื้อผ่าน Apple Online Store Thailand ในตอนแรกครับ หลังจากที่ประกาศเปิดตัวในวัน MacWorld เลย เพียงแต่ว่าเมื่อสั่งไปแล้วเห็นวันที่ Delivery Date แล้วรู้ตัวว่าไม่มีทางได้รับทันแน่ ก็เลยคุยกับคนที่บ้านไว้ว่าถ้าเจ้า MBP ตัวนี้มา ช่วยส่งต่อมาที่เมลเบิร์นได้ไหม แต่พอปลายเดือนมกราคม มานั่งตรวจสอบข้อมูลดูอีกที พบว่าการส่งของเข้าออสเตรเลีย หากของไม่ว่าจะเป็นสินค้าชนิดในก็ตาม มือหนึ่ง มือสอง จะต้องเจอภาษี 10% หมด นั่นหมายความว่าผมต้องจ่ายเพิ่มอีก 10,000 บาท ผมเลยเปลี่ยนใจสั่งผ่าน Apple Online Store Australia แทน
ข้อดีของการสั่งจากออสเตรเลียช่วงต้นปีคือหากใช้ Education Store แล้วจะได้ Rebate หากซื้อพร้อมกับไอพ็อดรุ่นใดก็ได้อีก AUD 179 คือเราต้องซื้อทั้งคอมพิวเตอร์ทั้งไอพ็อดรุ่นใดก็ได้ผ่านทาง Online Education Store หรือ Authorized Campus Reseller โดยต้องจ่ายราคานักศึกษาตามปกติทั้งบนตัวเครื่องและตัวไอพ็อด หลังจากนั้นเราต้องส่งบาร์โค้ด (UPC) ของทั้งตัวเครื่องคอมพิวเตอร์และไอพ็อดกลับไปให้แอปเปิล (เพื่อป้องกันการนำไปขายต่อ) หลังจากนั้นแอปเปิลถึงจะส่งเป็นเช็คเงินสดกลับมาให้
สำหรับตัว MBP ถึงแม้มันเป็น Pre-order ก็จริง แต่แอปเปิลได้ทำการเลื่อนวัน Shipping Date มาเป็นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เช่นเดียวกันกับคนอื่น ๆ ที่สั่งสเปคจอ Glossy และไม่มี SSD ซึ่งแอปเปิลจะยังไม่ทำการส่งของจนกว่าสัปดาห์ถัดไป แต่เท่าที่อ่าน ๆ ดูตามเว็บต่าง ๆ รู้สึกว่าแอปเปิลเริ่มที่จะทำการส่งของล่วงหน้าก่อนวัน Shipping Date ทั้งรุ่น Glossy และ Matte โดยเครื่องผมออกจากโรงงานที่ Shanghai ในวันที่ 18 แต่เครื่องถึงมือผมวันที่ 23 โดยรวมแล้วไม่นับว่านานมากนัก เนื่องจากว่ามันเป็นช่วงสุดสัปดาห์พอดี เครื่องผมจริง ๆ ถึงเมลเบิร์นวันที่ 21 ตอนเช้า แต่อย่างไรก็ตามต้องรอจนถึงวันจันทร์อยู่ดีถึงจะได้ของ
ภายในกล่องนั้นก็ไม่ต่างกับกล่องของ MacBook หรือ MacBook Pro รุ่น Unibody อื่น ๆ คือมีแค่...
- เครื่องคอมพิวเตอร์
- คู่มือ/ซีดีสำหรับการติดตั้งใหม่/ผ้าเช็ดคอม
- ที่ชาร์จ/สายต่อเข้ากับเต้าปลั๊กไฟ/ Duckhead
ตอนแกะกล่องที่แปลกหน่อยก็คือรอบ ๆ ตัวเครื่อง (ใต้พลาสติกที่ห่อมาตอนแรก) จะมีฝุ่นเหมือนเป็นผงแป้งขาว ๆ เกาะมานิดหน่อย ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร (จากรูปข้างใต้ จะเห็นเลยว่ามันมีวง ๆ อยู่ทางลำโพงด้านซ้ายสองวง)
สเปกเครื่อง
ไม่มีอะไรมากเหมือนกันจริง ๆ เพราะว่าสามารถหาได้ที่เว็บแอปเปิลทั่วไปอยู่แล้ว แต่ผมสั่งเป็นเวอร์ชั่น CTO คือเปลี่ยนซีพียูกับเปลี่ยน HDD ให้ดีขึ้นหน่อย
- Intel Core 2 Duo 2.93GHz
- RAM 4GB DDR3 1066MHz
- การ์ดจอ NVIDIA GF 9400M + 9600M GT 512MB
- จอ 1920x1200
- Hitashi HDD 320GB 7200RPM
- SuperDrive
- แบตเตอรี่ที่ถอดเปลี่ยนไม่ได้
เปรียบเทียบสิ่งต่าง ๆ กับ MBP 17" Aluminum ธรรมดา
อันนี้ผมเปรียบเทียบจากผู้ใช้งานระบบ Consumer นะครับ มาจากการใช้งานแบบ First Impression ล้วน ๆ ไม่ได้เกิดจากการทดสอบหลาย ๆ ครั้งหรือมีตัวแปรอะไรมากมายอย่างใด รุ่นที่ผมเอามาเปรียบเทียบคือรุ่น MBP 17" Aluminum รุ่นแรก (Core Duo 2.16GHz / Radeon X1600)
- จอภาพ จากที่แอปเปิลโฆษณามามากว่าจอนี้ดีกว่าตัวเก่ามาก จากสายผู้ใช้ระดับ Consumer แบบผม ผมก็ไม่ได้เห็นมันเปลี่ยนแปลงไปมากมายอะไรนะครับ แต่เรื่องสีกับเรื่องแสงสว่างนั้นเปลี่ยนไปมากเลย เพราะว่าจอตัวเก่าผมใช้จอ Matte จะเห็นว่าบนจอ Glossy สีดำนี้ดำสนิทกว่าจริง ๆ แสงสว่างจะปรับให้สว่างพอสู้แสงอาทิตย์แรงจ้าของออสเตรเลียได้สบาย ๆ ประมาณว่าเล่นกลางสนามหญ้าไม่มีปัญหา (แต่แมลงวันกวนจริง ๆ)
- ลำโพง รู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าลำโพงที่ใช้ใน UMBP 17" ในเรื่องคุณภาพเสียงนั้นแย่ลงกว่ามาก เบสแทบจะไม่เหลือเลย ทำให้ MBP 17" Aluminum ชนะไปในเรื่องนี้ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความดัง UMBP 17" หากเปิดเสียงดังสุด ๆ ถือว่าดังกว่ารุ่นก่อนมากครับ
- พอร์ตต่าง ๆ ซึ่งถูกย้ายมาอยู่ทางด้านซ้ายทั้งหมด ถือว่าเป็นเรื่องแย่ขึ้นสำหรับผม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเอา USB Port มาวางติดกันสามอันนี่ทำให้ความสะดวกหลาย ๆ อย่างในการเสียบเข้าและดึงออกนั้นแทบไม่เหลือเลย MBP 17" Aluminum ตัวเก่าจะมี USB อยู่ด้านขวาหนึ่งช่อง และด้านซ้ายอีกสองช่อง ความสะดวกสบายในจุดนี้เลยหายไปทันที นอกจากนี้แล้วแอปเปิลยังได้ตัดพอร์ต Firewire 400 ออกไปอย่างสิ้นเชิง เช่นเดียวกับบน Unibody MacBook และ Unibody MacBook Pro 15" และเหลือเพียงแค่ Firewire 800 เท่านั้น หากใช้งานหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ดูเหมือนจะสิ้นหวังพอสมควร
- คีย์บอร์ด ถึงแม้ว่าคีย์บอร์ดลักษณะ Chiclet แบบนี้จะถูกนำมาใช้โดยแอปเปิลตั้งแต่ MacBook รุ่นขาว/ดำแล้วก็ตาม แต่ผมก็ไม่เคยได้ใช้มันเป็นคีย์บอร์ดหลักซะทีจนถึงตอนนี้ เริ่มรู้สึกชอบในความเด้งของมันครับ เมื่อใช้แล้วลีมคีย์บอร์ดตัวเก่าไปได้เลย แต่นี่เป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคลล้วน ๆ
- Trackpad จริง ๆ แล้วแอปเปิลได้ตั้งค่า Default ของ Trackpad ให้ในลักษณะที่คนที่เคยใช้ Trackpad แบบเก่านั้นสามารถมาใช้งานได้ทันทีโดยไม่สับสน คือได้ตั้งค่ามาไม่ให้มี Tap Click แต่เป็นลักษณะให้วางนิ้วโป้งค้างไว้ในส่วนที่ควรจะเป็นปุ่ม (ครึ่งล่าง) จากนั้นใช้นิ้วอื่น ๆ แกว่งไป ๆ มา ๆ แต่เท่าที่ใช้งานผมว่าไอ้การกดเพื่อคลิกไปทั้งอันแบบนี้มันไม่ใช่ไม่สะดวก แต่มันเสียงดังมากครับ ผมเชื่อว่าถ้าเอาไปใช้ในห้องสมุด คนข้าง ๆ คนเดินมาทุบหัวแน่นอน
- รูปร่าง ความหนัก เรื่องนี้จากที่ใช้เครื่องที่หนักกว่ามาก่อน ผมไม่รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปมากนักครับ ส่วนขนาดจริง ๆ แล้วรุ่นนี้ใหญ่กว่ากว่ารุ่นเก่า แต่บางกว่า กระเป๋าสำหรับใส่รุ่นเดิมสามารถนำมาใช้ด้วนได้ทันที แต่พวก Hard Case ทั้งหลายที่ดีไซน์มาให้พอดีกับขนาดของรุ่นเก่าจะไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้ครับ
- ความร้อน แฟน ๆ คนชอบใช้โน้ตบุคบนตักดีใจได้ เพราะว่ารุ่นนี้เย็นกว่ารุ่นก่อนมากครับ อันนี้เปรียบเทียบจากการใช้งานแค่ Surf Web ตามปกติเท่านั้น ไม่นับการใช้งานที่ต้องใช้ CPU มากผิดปกติ จากการใช้โปรแกรม smcFanControl จะเห็นได้ว่าแอปเปิลได้ตั้งพัดลมให้หมุนที่ต่ำสุดที่ 2000rpm อยู่แล้ว ต่างกับรุ่นก่อนที่อยู่ที่ 1000rpm ความร้อนการใช้งานปกติจะประมาณ 44~48 องศาเซลเซียสครับ
- Optical Drive เสียงเบากว่ามากเมื่อเทียบกับตัวเก่าในขณะที่ใส่แผ่นเข้าไป และถอดแผ่นออกมา แต่เวลาหมุนแผ่น/อ่านแผ่นจริง ๆ ความดังก็ไม่ต่างกันมากครับ
แบตเตอรี่
อันนี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนรอคอยรวมถึงตัวผมด้วย ที่อยากจะรู้จริง ๆ ว่าแอปเปิลพูดจริงหรือเปล่าหรือว่าอย่างไร หลังจากที่ผมได้ทำการ Calibrate แบตตัวนี้แล้วตามที่แอปเปิลบอก อยากจะบอกครับว่าใช้อย่างไรก็ไม่เคยได้ 8 ชั่วโมง
มาดูตอนที่ผมเพิ่ง Calibrate แบตเตอรี่เสร็จ เครื่องนี้แบตเตอรี่มีความจุทั้งหมด 12933 mAh
จากการใช้งานแบบธรรมดาจริง ๆ แถมไม่เปิด Bluetooth และยังไม่ได้ต่อ Wireless ด้วย ระบบแจ้งว่าควรจะอยู่ได้ประมาณ 7 ชั่วโมง 28 นาที สุดท้ายเมื่อใช้งานแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ทั้งวัน บางเวลาก็ไม่ได้เล่นเน็ตด้วย สุดท้ายตอนเย็นจับเวลาแล้วเครื่องดับด้วยเวลา 7 ชั่วโมง 2 นาที อันนี้เปิดจอภาพที่ Brightness 50% (9 ก้อนหากกดปุ่ม F1/F2 เพื่อปรับ) และใช้การ์ดจอออนบอร์ด 9400M
หากหนีมาเปลี่ยนเป็นการใช้งานลักษณะเดียวกันแต่ด้วยการ์ดจอแยก 9600M GT 512MB แล้ว เหลือ 5 ชั่วโมง 33 นาที นับว่า************************งจากที่แอปเปิลได้อ้างไว้ 7 ชั่วโมงมากครับ
ตอบโต้กรณี "หลุมพราง"
จากการใช้งานมาได้สองสามวันมานี้ โดยรวมแล้วคิดว่าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ สำหรับผมแล้วคิดว่าคุ้มครับ เนื่องจากผมถือว่าในเมื่อผมใช้มันหลาย ๆ ชั่วโมงต่อวัน หากนำราคาเครื่องมาหารกับจำนวนชั่วโมงที่ใช้แล้ว มันคุ้มกว่ารองเท้าบางคู่ของผมเสียอีก
เท่าที่ใช้งานเจ้า UMBP 17" นี้แล้วกลับมาดูบทความที่แล้ว จากมุมมองของผมผมไม่เชื่อหรอกครับว่านี่มันเป็นของเล่นของคนรวยหรือเป็นหลุมพรางทางการตลาดหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมว่ามันขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ความชอบของแต่ละคนที่อาจจะชอบ OS X และขนาดของจอภาพ บางคนอาจจะชอบแบตเตอรี่ที่ถอดไม่ได้ก็ได้ และมันก็ไม่จำเป็นที่ผู้ใช้คอมเครื่องนี้ต้องตรงกับคุณสมบัติ 3 ประการแต่อย่างไร ผมรับรองว่าคอมเครื่องนี้ คุ้มกว่า TalkingDict ราคา 3000 กว่าบาทที่ผมซื้อแน่นอน
อีกอย่าง คอมขนาดใหญ่แบบนี้ มันก็ไม่ใช่สำหรับทุกคนอยู่แล้วครับ มันมีตลาดของมันเอง ส่วนตัวของผม ถึงแม้ผมจะเป็นผู้ใช้ระดับ Consumer แต่ผมก็มีความจำเป็นที่ต้องใช้มันในลักษณะ Desktop Replacement หรือว่าเอามาใช้แทนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบเต็มรูปแบบนั่นเอง ด้วนความจำเป็นที่ว่าผมต้องไปกลับเมืองไทย/ออสเตรเลียทุก ๆ 3 เดือน เป็นไปไม่ได้ที่เราจะนั่งแบก Desktop ไป ๆ มา ๆ และนี่ไม่ใช่เพราะว่าผมอยากเท่ห์แน่นอน เพราะผมเอามันตั้งอยู่บนโต๊ะผมตลอดเวลา ไม่ได้เอาไปโชว์ใครที่ไหนที่มหาวิทยาลัย
ผมไม่ได้มาเพื่อปกป้องแอปเปิลนะครับ แต่ตามหลักเหตุผลของผม ผมเชื่อว่าท่ามกลางยุค Subprime อย่างไรก็ตามตลาดนี้มันก็มีอยู่ และมันก็ไม่ใช่ตลาดที่เล็กขนาดที่ต้องตรงกับคุณสมบัติ 3 ประการนั้นด้วย
สรุป
MacBook Pro 17" Unibody หรือที่บางคนเรียกว่า Unibody MacBook Pro 17" หรือ UMBP หรือ NMBP ก็แล้วแต่นั้น ก็เป็นคอมพิวเตอร์ธรรมดาเครื่องหนึ่งที่เหมาะสมกับคนเฉพาะกลุ่มครับ จากขนาด น้ำหนัก และราคาของมัน กับสิ่งที่มันทำได้ มันไม่ใช่คอมพิวเตอร์ที่เพอร์เฟคสำหรับทุกคนแน่นอน (คล้าย ๆ กับ MacBook Air นั่นล่ะ) แต่สำหรับใครที่ใช้ MacBook Pro 17" ตัวเก่าอยู่แล้วลังเลที่จะเปลี่ยน ถ้ามีคุณสมบัติ 3 ประการ (ฉบับผม) ต่อไปนี้: เครื่องเก่าเริ่มไม่ไหวแล้ว, เงินพอแล้ว, ทำใจกับแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนเองไม่ได้ได้แล้ว ก็เปลี่ยนเถอะครับ
credit : Blognone.com
Comment