นานน้าน ~ นานๆ ทีจะมีเกมแอ็กชั่นพันธุ์ตะวันออกสายคอนโซลจ๋าโยกย้ายบั้นท้ายตัวเองมาฝากตัวฝากใจกับเกมเมอร์ฝั่งพีซีกันบ้างนะครับ ยิ่งเคสนี้ก็เรียนตามตรงว่าค่อนข้างเซอร์ไพรส์ทีเดียวกับเกม Killer is Dead - Nightmare Edition ผลงานล่าสุดของนาย Goichi Suda หรือ Suda51 ซึ่งโลดแล่นให้กับเครื่องคอนโซลมาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว
เสียงตอบรับอยู่ในระดับกลางๆ มีทั้งคนที่โปรดปรานและพาลยี้ตามสามัญ กระนั้นสำหรับชาวพีซีมันกลับดูน่าสนใจอยู่บ้างเนื่องด้วยฟีเจอร์เอาใจวัยรุ่นชายสุขภาพดีที่ชวนให้จั๊กจี้หัวใจอยู่ไม่น้อย เดาว่าผู้สนใจเกมนี้ส่วนมากก็อาจจะเพราะเจ้า Gigolo Mode อันเป็นไม้เด็ดเรียกแขกชั้นดีนี่แหละครับ
ก่อนจะพูดถึงมินิเกมทรงคุณค่าแห่งปี เราก็มาดูตรงส่วนเกมเพลย์หลักๆ กันก่อนดีกว่า สำหรับ Killer is Dead ? Nightmare Edition เป็นเกมแอ็กชั่นเดินฟันที่เหมือนจะสมัยนิยมแต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว อาจด้วยสไตล์การทำเกมของคุณ Suda51 จึงทำให้มันดูมีสไตล์และเปี่ยมคลาสแบบแปลกๆ ทั้งกราฟิก รูปแบบการเล่น และการเล่าเรื่องที่รู้สึกว่าเท่ดีแท้
ด้านความโดดเด่นซึ่งน่าจะเป็นเฟิร์สอิมเพรสชั่นสำหรับหลายต่อหลายคนก็คงหนีไม่พ้นกราฟิกที่เล่นโทนขาวดำทึมๆ อึนๆ แซมด้วยความฉูดฉาดของสีจี๊ดๆ เป็นระยะ จะว่าไปก็คล้ายๆ ภาพยนตร์เรื่อง Sin City อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้ทะมึนขนาดนั้น และคุณภาพโดยรวมกลับไม่ได้งดงามอะไรนัก ฉากของเกมก็ไม่ได้กว้างมากมายเพราะเดินเรื่องเป็นเส้นตรง ทั้งยังละเลยพวกรายละเอียดฉากในหลายๆ ช่วง โดยเฉพาะหากเป็นฉากกว้างๆ ก็จะเห็นได้ชัดเลยว่ามันออกจะโล่งไปนิด ซ้ำเท็กซ์เจอร์ยังหยาบอีกต่างหาก (ต้นไม้นี่เป็นก้อนเลย)
อย่างไรก็ตามทางทีมพัฒนาได้อาศัยการทำเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ซึ่งดูเจ๋งและสวยงามเข้ามาช่วยกลบเกลื่อนราคีที่มีไปได้อย่างชาญฉลาด แต่ด้วยการที่เกมล็อก FPS ไว้ที่ 30 เฟรม ทำให้ไม่ว่าเครื่องคุณจะแรงขนาดไหนก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงอาการเกมหน่วงเป็นบางช่วงไปได้ ถึงจะไม่ดูร้ายแรงอะไร ทว่าแน่นอนว่ามันลดทอนความลื่นไหลที่พีซีของคุณพยายามจะมอบให้ไปไม่น้อยเลย
ขณะที่การเดินเรื่องของเกมจะต่างจากเกมอื่นตรงที่แบ่งเป็นมิชชั่น แต่จะมีเนื้อเรื่องหลักคลุมอยู่หลวมๆ อีกชั้นหนึ่ง มองเผินๆ แล้วอาจดูว่าจริงจัง ทว่าตัวเกมก็มักจะมีมุกตลกแนวๆ อนิเมญี่ปุ่นแทรกเข้ามาบ่อยครั้ง ซึ่งคอเกมตะวันตกผู้ชอบการเดินเรื่องซีเรียสอาจไม่พอใจนัก ส่วนผมที่ค่อนข้างยืดหยุ่นกับเรื่องแนวๆ นี้และเส้นตื้นอยู่ไม่น้อยกลับชอบมัน และคิดว่าการยิงมุกแต่ละช็อตก็ค่อนข้างจะถูกจังหวะ ส่งให้การเดินเรื่องของเกมไม่ได้หลุดอะไรไปมากนัก แต่ผลจากการที่ตัวเกมสั้น (ประมาณ 10 ชั่วโมงจบ) แถมยังโยนผู้เล่นเข้าไปสู่เนื้อเรื่องสุดแฟนตาซีเลยแบบไม่อธิบายอะไรให้มากความ ก็อาจทำให้ผู้เล่นงงและไม่อินอยู่บ้าง กระนั้นเอาเข้าจริงเนื้อเรื่องหลักของเกมก็ไม่ได้มีอะไรมากอยู่แล้ว แม้จะมีการหักมุมในตอนท้ายให้ร้อง "หืม?" อยู่ราวๆ 2 ครั้งก็ตามเถอะ
ทีเด็ดจริงๆ ของ Killer is Dead นั้นต้องบอกว่าอยู่ที่แอ็กชั่นของเกมที่สามารถบันดาลให้ผู้เล่นรู้สึกมันส์ในอารมณ์ได้ไม่ยาก คือต้องบอกก่อนว่ามันไม่ใช่แนว Devil May Cry ที่เน้นต่อคอมโบกดท่าผ่าอสุรกายปีศาจกันรัวๆ ทว่าจะมาในรูปแบบของการกดปุ่มฟันแบบต้องรอดูจังหวะจะโคน คือรัวได้แต่ไม่ใช่ไร้การระวัง เพราะหากพลาดโดนสกัดท่าและถูกรุมอัดสกรัมสักชุด พ่อแว่น Mondo ของเราก็อาจลงไปนอนได้ไม่ยาก ศัตรูเกมนี้อัดหนักเอาเรื่องเลยทีเดียว
นอกจากความหนักหน่วงในด้านความรู้สึกรวมไปถึงสุมเสียงในการหวดดาบตะบันศัตรูร้ายแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทัศนาดูสุนทรีไม่แพ้กันหรืออาจจะเหลื่อมชั้นกว่า นั่นก็คือท่วงท่าการสะบัดดาบอันวิจิตรงดงามตระการตาของพ่อแว่น Mondo นั่นเอง แรกๆ อาจไม่เท่าไหร่แต่พอเริ่มซื้อสกิลดาบปลดล็อกลิมิตไปถึงขั้น 3 จนการฟันแต่ละครั้งเริ่มมีริ้วแสงตามมาแล้ว หากไม่นับเรื่องความงามด้านภาพที่เล่นโทนสีตัดกันได้น่าตื่นตา อยากให้ลองสังเกตการวาดดาบแต่ละครั้งของ Mondo ครับ ผมว่ามันดูเป็นศิลปะที่ละเอียดและพลิ้วไหวสายงามจนต้องขอคารวะคนกำกับในส่วนนี้สัก 3 ทีเป็นอย่างต่ำ บันดาลให้ส่วนแอ็กชั่นเป็นชิ้นงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเกมนี้อย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งการสู้กับบอสประจำฉากแต่ละตัวก็ไม่จำเจ ผู้เล่นต้องลองผิดลองถูกอยู่ครู่หนึ่งจึงจะจับทางได้ว่าศัตรูตัวนี้ควรจะสู้อย่างไร เสริมเติมเครื่องปรุงให้ Killer is Dead เป็นเกมที่ลงตัวสำหรับคอแอ็กชั่นอย่างแท้จริง
แต่แม้ส่วนที่ดีที่สุดก็ยังมีรอยด่างพร้อยให้เห็น ด้วยความที่ตัวเกมท้าทายจากความยากในระดับหนึ่งเป็นทุนเดิม เมื่อได้ลองปรับความหินไปอีกระดับ สิ่งที่ผู้เล่นได้รับคือเกมแอ็กชั่นที่ต้องเล่นชิงจังหวะมากกว่าเดิมชนิดที่แทบจะไม่ได้ออกท่าทางอลังการดีงามอะไรทั้งสิ้น ผู้เล่นต้องบล็อก/หลบและสวนเอาอย่างเดียว เป็นเหตุหนึ่งที่อาจกดอรรถรสซึ่งสมควรได้รับให้จมดินไปเสียอย่างนั้น นอกจากนี้มินิเกมโหมด Gigolo ที่แม้จะทำเอาเหล่าชายวัยกลัดมันเลือดสูบฉีดได้มากพอดู แต่การที่ผู้เล่นต้องเล่นอะไรซ้ำๆ กับสาวๆ ผู้เป็น Love Interest ทั้ง 3 คน คนละหลายๆ รอบ มันก็จะกลายเป็นความน่าเบื่อโดยไม่รู้ตัว ขณะที่อีกคนแม้จะมีวิธีจีบแปลกออกไปแต่ชาเลนจ์ที่ให้ทำก็ดันยากบรรลัยจนอาจพาลให้หัวเสียและล้มเลิกความตั้งใจก่อนจะมีโอกาสซั่มคุณเธอก็เป็นได้
อาจพูดได้ว่า Killer is Dead เป็นเกมคอนโซลที่พอร์ตมาไม่ดีนัก เพราะมันยังคงมีบั๊กและข้อผิดพลาดอันไม่อาจมองข้าม ทั้งยังปรับแต่งคุณภาพกราฟิกไม่ได้มากมาย ทว่าก็ไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันว่ามันคือเกมแอ็กชั่นชั้นดีที่นานๆ ทีจะโผล่มาให้ลิ้มลองกันบนพีซี นอกจากนี้ผู้เล่นยังปรับเสียงเป็นญี่ปุ่นซับอังกฤษได้อีกต่างหาก สำหรับผมแล้ว Killer is Dead ? Nightmare Edition ถือเป็นประสบการณ์เล่นเกมที่ยอดเยี่ยมของปีนี้อีกครั้งหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัยครับ
source : tosn, fgmag









