WRC 3 FIA World Rally Championship
สวัสดีครับ ช่วงนี้เกมขับรถออกบ่อยก็เจอกันถี่ๆหน่อยเนอะ ถึงแม้จะไม่ถี่มากแต่ 2 ครั้งในเดือนเดียวสำหรับผมก็เร็วแล้วล่ะ
คราวนี้มาพบกับเกมเอาใจขาซิ่งทางฝุ่นหรือแรลลี่ด้วย WRC 3 เกมที่ได้รับลิขสิทธิ์จาก FIA โดยตรงครับ โดยภาคนี้ออกมาเป็นภาคที่ 3 แล้วจาก WRC อันแรกที่ออกมาในปี 2010 และ WRC 2 ในปี 2011 ตามลำดับ สำหรับคนที่ติดตามมาโดยตลอดจะเห็นว่าในแต่ละภาคนั้นก็มีการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มาถึงภาคล่าสุดนี้จากที่เห็นในตัวอย่างแล้วก็บอกได้เลยว่าเกมต้องดีขึ้นกว่าภาคเก่าๆอย่างแน่นอน แล้วของจริงจะเป็นอย่างไร ดีขึ้นจริงไหม มากน้อยแค่ไหน ไปดูกันเลยครับ
เปิดเข้าเกมมาก็ดูที่เมนูกันก่อนเลย เปิดมาปั๊ปก็ต้องอึ้งทึ่งเสียวเพราะหน้าตามันอย่างกับเกมตู้หยอดเหรียญเลยทีเดียว
วิธีกดเข้าหน้าเมนูปรับแต่งต่างๆถ้าไม่ใช้จอยแล้วต้องกดปุ่ม F Keys ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกมาก
ก่อนจะงงไปมากกว่านี้เรามาดูกันเป็นหัวข้อไปเลยดีกว่าครับ
Driving Physics
ระบบการขับในภาคนี้ได้รับการปรับปรุงมากอย่างเห็นได้ชัด ตัวรถที่มีแต่ understeer ในภาคเก่าๆนั้นหายไปแล้ว อาการรถเป็นธรรมชาติขึ้น มี under/over steer ในระดับที่รับรู้ได้ การถ่ายน้ำหนักก็พอมีอยู่บ้าง ความแตกต่างของรถกับหน้า ขับหลัง แสะขับสี่เห็นได้ชัด มีการเบรกแล้วล๊อกล้อที่รู้สึกได้ทันที ส่วนเบรกมือนั้นออกจะแปลกๆอยู่สักนิดตรงที่ต้อง counter steer แบบ full lock หรือหมุนกลับแบบสุดถึงจะได้ผล รวมๆแล้วอาการถึงจะเป็นธรรมชาติขึ้นแต่ก็ยังออกอาการแข็งๆอยู่ดี จะว่ายังไงดีล่ะ คือการขับมันไม่ลื่นไหลมีไดนามิคเหมือนเกมขับรถปัจจุบันอย่างที่ควรเป็น ตัวรถนั้นถ้าขับปกติแล้วจะหนึบเป็นตุ๊กแกเกาะอยู่กับพื้นเลย เวลาที่เอนทำท่าจะคว่ำนั้นถึงจะแก้ได้ง่ายแต่ก็ให้ความรู้สึกว่าแข็ง ไม่ลื่นไหลอยู่ดี อย่างไรซะรถแต่ละคันก็มีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเองและมีถึง 9 รูปแบบให้เลือกเล่น ทำให้การขับนั้นหลากหลายมากขึ้น
ตัวรถในเกมนั้นสามารถอัพเกรดและปรับแต่งได้ด้วย ทั้งนี้การอัพเกรดนั้นไม่มีอะไรเห็นข้างนอกเลยว่าถูกอัพเกรดไปมากแค่ไหน แม้แต่ชิ้นส่วนเพิ่มแรงกดหรือ downforce ไม่ว่าจะใส่ระดับไหนโมเดลรถก็ยังคงเดิม สิ่งที่แตกต่างคือเวลาเอาลงไปขับเท่านั้น การปรับแต่งในเกมนี้ทำได้หลายอย่างและค่อนข้างละเอียดเพราะเป็นขีดมาให้ปรับ และส่งผลกับการขับอย่างชัดเจนมาก ถ้าปรับดีๆจากที่รถหนึบเป็นตุ๊กแกอยู่แล้ว จะกลายเป็นตุ๊กแกติดกาวตราช้างทันที
นอกจากนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการแข่งแรลลี่คือระบบความเสียหาย ยังไงซะคนเราต้องมีพลาดไปเฉี่ยวชนอะไรบ้างล่ะ ความเสียหายในเกมนี้นั้นทำได้ดีครับ สามารถส่งผลถึงระบบการขับได้เลย
โดยรวมแล้วเป็นระบบการขับที่เข้าใจและเข้าถึงได้ง่ายครับ
การใช้อุปกรณ์ต่างๆนั้น ตัวเกมก็รองรับอยู่พอสมควรทั้งจอยแพดและพวงมาลัย โดยเฉพาะเมื่อใช้จอยแพดระบบ Xinput (หรือจอย Xbox360 ทั้งของ Microsoft และ 3rd Partyอื่นๆ)แล้วนั้น การปรับแต่งจะทำได้จำกัดอยู่แค่ปรับปุ่มเท่านั้น ไม่สามารถปรับ deadzone, saturation, linearity ได้เลย ซึ่งถึงแม้จะสะดวกสำหรับคนใช้จอยของ Microsoft ก็จริง แต่คนที่ใช้จอย Xinput ยี่ห้ออื่นนั้นค่อนข้างลำบากเพราะตัวเกมตั้ง Deadzone มาให้ค่อนข้างสูง ถ้าจอยไม่เบี้ยวแบบของ Microsoft แล้วต้องโยกอนาลอกออกไปเยอะทีเดียวกว่ารถจะเริ่มเลี้ยว การตอบสนองเวลาใช้จอยแพดนั้นทำได้ดีเยี่ยม ถึงแม้วิ่งบนทางฝุ่นแล้วจะไม่สั่นยกเว้นเวลาออกข้างทางก็ตาม แต่เอฟเฟกต่างๆก็มีมาพอให้เล่นได้อย่างสนุกครับ การตอบสนองของรถเวลาใช้จอยแพดนั้นทำได้อย่างดีมาก
ส่วนถ้าใครใช้จอยพวงมาลัยแบมี Force Feedback แล้ว ถึงแม้ตัวเกมจะโฆษณามาว่าระบบ FFB ปรับปรุงใหม่ ไฉไลกว่าเดิมก็จริง แต่เมื่อได้สัมผัสจริงๆแล้วต้องขอบอกว่าผิดหวังอยู่พอสมควร เอาด้านดีก่อนละกัน คือการสั่นที่น่ารำคาญตอนวิ่งเฉยๆนั้นลดลงไปเยอะแล้ว มาถึงข้อเสียกันบ้าง ตัวเกมยังให้ feedback ในส่วนของแรงยึดเกาะเท่ากันตลอดทุกพื้นผิว ทำให้ไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าตัวรถนั้นอยู่ในสภาวะใดนอกจากถึงเวลาที่ไถลโดยเฉพาะเวลาที่ใช้เบรกมือแล้วต้อง counter steer นั้น เกมจะบังคับให้หมุน full lock ตลอด ไม่มีอาการกึ่งกลางเลย นอกจากนี้เกมยังมีฟิลเตอร์กรองพวงมาลัยอีก ทำให้ความรู้สึกในการเลี้ยวนั้นด้านชาสุดๆ ไม่ดีเลย์นะ แต่มันด้าน รวมๆแล้ว feedback จากพวงมาลัยไม่สัมพันธ์กับสิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอสักเท่าไหร่ มีไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร
ยังก่อนยังไม่หมด เกมนี้ทำท่าเหมือนจะรองรับ multiple controller แต่ทำได้ในกรณีที่จอยทุกตัวมี profile จากตัวเกมเท่านั้น และห้ามไม่ให้ปุ่มซ้ำกัน เช่นจอยแรกมีปุ่ม 1-12 จอยตัวที่ 2 มีปุ่ม 1-20 จอยตัวที่สองจะไม่สามารถใช้ปุ่ม 1-12 ได้เพราะไปซ้ำกับจอยแรก เรียกง่าย ๆ ก็ไม่รองรับการใช้งานจอยหลายตัวพร้อมกันนั่นล่ะ
สรุปแล้วเกมนี้ใช้ gamepad เล่นสนุกที่สุดครับ
Gameplay
ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าในเกมนี้นั้นมีรถให้เลือกเล่นได้ 9 เสปค 36 คันดังนี้
WRC รถแรลลี่ WRC เสปคปัจจุบัน มีให้เลือก 4 คัน
Class 2 หรือเสปค Super 2000 มีให้เลือก 5 คัน
Class 2 หรือเสปค Group N Rally มีให้เลือก 3 คัน
2000 แรลลี่เสปคยุค 2000 มีให้เลือก 3 คัน
?90 แรลลี่เสปคยุค 1990 มีให้เลือก 4 คัน
?80 แรลลี่เสปค Group B มีให้เลือก 5 คัน
?70 แรลลี่เสปคยุค 1970 มีให้เลือก 2 คัน
2 WD PRO ขับหน้ารุ่นโปร มีให้เลือก 5 คัน
2 WD Rookie ขับหน้ารุ่นมือใหม่ มีให้เลือก 5 คัน
ถ้าดูจากหน้าเมนูแล้วหลักๆจะมีการเข้าเล่นอยู่3แบบคือ
WRC Experience
เข้าไปแล้วเลือกได้ 3 แบบทั้ง
- Single Stage เล่นแค่ Rally Stage เดียว
- Single Rally เล่นแค่การแข่งเดียว ทุก Stage เรียงกัน
- Championship เล่นทั้งการแข่ง WRC โดยที่เซฟความก้าวหน้าไว้แล้วมาเล่นต่อได้
แต่ละการแข่งนั้นสามารถเพิ่มเป็น Hot Seat ได้ คือสามารถใช้เครื่องเดียว ตั้งไว้ว่าจะเล่นกี่คนแล้วก็สลับกันเล่น
ในโหมดนี้จะเลือกใช้ได้ 3 อย่างคือ WRC, Class 2, Class 3
Road to Glory
เรียกง่ายๆคือโหมดอาชีพ โดยเราจะเล่นเพื่อเก็บแต้มเป็นดาวแล้วปลดล๊อครถ ชุดแต่ง ลายรถ ลายสปอนเซอร์ และการแข่งขันไปเรื่อยๆครับ มีทั้งการแข่งในโหมดนี้มีหลายรูปแบบทั้งแรลลี่ทั่วไป, Special Stage, Head 2 Head รวมไปถึงแบบมันส์อย่างวิ่งชนป้าย (เหมือนกับ Gate Crasher ใน DiRT2 นั่นล่ะ) ในโหมดอาชีพนี้จะมีรถให้เลือกใช้ทุกเสปคครับ แต่ต้องเก็บแต้มมาปลดล๊อคนั่นล่ะ
รถในโหมดนี้จะเป็นรถของเราเองซึ่งสามารถแต่งลายได้เองตามที่ปลดล๊อคมา รวมไปถึงสามารถแต่งป้ายทีเบียนเองได้ด้วย เมื่อแต่งแล้วก็สามารถเข้าไปเชยชมได้ครับ
ส่วนป้ายใหญ่อันสุดท้ายคือ Multiplayer
ในโหมดนี้นั้นก็แข่งเก็บแต้มอัพเลเวลไปเรื่อยๆ แต่อัพแล้วก็ไม่เห็นจะได้อะไรนอกจากกอเอี๊ยว่าเราเลเวลเท่าไหร่ ในโหมดนี้มีรถให้เลือกได้ 3 แบบเหมือนกับ WRC Experience คือ WRC, Class 2, Class 3 ครับ
พอเข้าไปแข่งนั้น การแข่งจะเริ่มพร้อมกันทุกคนแล้วเห็นคันอื่นเป็น Ghost Car ซึ่ง Ghost ของเกมนี้พิเศษตรงที่เราเห็นแต่ละคนเป็นสีๆ ดูน่ารักไปอีกแบบ
ยังก่อนยังไม่หมด ยังมีอีกโหมดนึงคือ Quick Start เป็นปุ่มเล็กๆอยู่ด้านล่างให้กด Space Bar ซึ่งเมื่อกดแล้วเกมจะสุ่มเลือกรถกับสนามมาให้เล่นทันทีครับ
โดยรวมแล้วความสนุกของเกมนี้ไม่ได้อยู่ที่ระบบการขับ แต่ความสนุกนั้นมาจากความท้าทายของสนามที่ทั้งแคบและคดเคี้ยวต่างหาก
แต่ละสนามทำได้ดีมากทั้งรูปแบบเลย์เอาท์และอุปกรณ์ประกอบฉากต่างๆ เอาเป็นว่าส่วนตัวผมไม่ได้ดู WRC มาหลายปีแล้ว แต่นั่งรถผ่านภูมิทัศน์รูปแบบ WRC บ่อยต้องขอยอมรับว่าเกมนี้นั้นดึงเอาเอกลักษณ์และบรรยากาศของการแข่งขันออกมาได้อย่างดีครับ และหากเราขับๆไปแล้วพลาดก็ไม่ต้องตกใจว่าต้องย้อนเล่นใหม่ตั้งแต่ต้นเพราะเกมมี replay หรือการย้อนเวลามาให้เหมือนกับเกมของ Codemasters ครับ
มาทางด้านการใช้งานบ้าง Interface ของเกมนี้เป็นอะไรที่สับสนเอาเรื่อง การเข้าหน้าต่างปรับแต่งก็อย่างที่บอกไปข้างต้นแล้วว่าต้องบนคีย์บอร์ดต้องกดปุ่ม F Keys ไม่ได้มีหน้าจอเมนูมาให้เลือก ทำให้เกมให้มีบรรยากาศเหมือนเกมตู้มาก แต่ถ้าใช้จอย Xinput จะสังเกตุได้ว่าแต่ละปุ่มนั้นสีตรงกับปุ่มบนจอยครับ ทำให้รู้สึกว่าเอ๊ะ นี่ผู้ผลิตมันเห็นสถาบัตยกรรม Xbox360 กับ PC ใกล้เคียงกันเลยพอร์ตมา(แบบลวกๆ)กันคนบ่นว่า PC เป็นลูกเมียน้อยหรือเปล่า
ส่วน AI ของเกมนี้ปรับได้หลายระดับตั้งแต่ช้าอีเดียตไปยันเร็วระดับเอเลี่ยน แต่เราไม่เห็นหรอกว่า AI มันขับยังไง เห็นแต่เวลาที่แปะลงมาบนตารางครับ
Graphics
กราฟฟิคของเกมนี้ก็ได้รับการพัฒนาจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด แสงเงาต่างๆดูจัดจ้านตระการตา ควันก็ดูดีขึ้น แม้กระทั่งเม็ดฝนที่อยู่บนตัวรถนั้นทำได้สวยงามมาก ทางด้านโมเดลรถด้านนอกทำได้สวย รวมไปถึงเวลาเกิดความเสียหายก็ทำได้ละเอียดดี ส่วนในตัวรถนั้นมันช่างด้านและไร้สีสันยิ่งนัก
ถึงแม้โมเดล(ด้านนอก)จะดูดีแต่ระบบลดรอยหยักทำงานได้ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะภาพยังหยักอย่างเห็นได้ชัด ขับเร็วๆก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่พออยู่ในอู่แล้วมันดูระคายเคืองสายตาเสียนี่กระไร
นอกจากนี้ตัวเกมยังล๊อคอัตราส่วนไว้ที่ 16:9 ดังนั้นใครใช้จอรุ่นเก่าอย่าง 16:10 หรือ 5:4, 4:3 ก็เตรียมพบกับขอบดำบน-ล่างได้เลย นอกจากนี้ยังทำให้เกมนี้ไม่รองรับการใช้งานหลายจอแบบ AMD Eyefinity และ Nvidia Surround ด้วยครับ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับเกมยุคนี้ อย่างไรก็ดีเกมนี้ไม่ได้กินเสปกมากกว่าภาคเก่ามากมายนัก กราฟฟิคลื่นไหลไม่มีหน่วงเลยตลอดเกมครับ ถ้าเล่นภาคเก่าได้ภาคนี้ก็ไม่น่ามีปัญหา
Sound
เช่นเคย จะมีอะไรดีเท่าได้ฟังเอง
เสียงของเกมนี้ได้รับการพัฒนาเช่นกัน เสียงเครื่องยนต์ต่างๆได้อารมณ์เพิ่มขึ้น เสียงเอฟเฟกเวลาเฉี่ยวชนก็ทำได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเวลาขับไปเฉี่ยวต้นไม้เนี่ย เสียงเร้าใจมากๆครับ นอกจากนี้เสียงของรถแต่ละคันยังต่างกันแบบแยกได้ทันที แต่ถึงจะได้อารมณ์และแตกต่างกันเท่าไหร่ แต่เสียงในเกมนี้ก็ยังออกโทนแห้ง ๆ ไม่ค่อยอวบอิ่มเท่าไหร่นัก ยังไงซะพัฒนามาจากภาคเก่าได้ถึงขนาดนี้ก็ดีแล้ว
ถัดจากเสียงรถแล้วก็มาถึงเสียงของ co-driver บ้าง ในเกมนี้เราสามารถปรับจังหวะการบอก pace note ให้เร็วหรือช้าได้ แต่มันจะมาเป็นชุดๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะโอเค แต่บางครั้งจังหวะการบอกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำให้เราไม่รู้ว่าที่บอกมันจะมาตอนไหนกันแน่ ถ้าปรับให้เร็วหรือช้ามันก็จะไปพร้อมกันทั้งชุด บางทีกว่าจะบอกเสร็จที่จะเกิดมันก็พุ่งมาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว เล่นไปสักพักบางสนามอาจเกิดความรำคาญได้ว่าบางทีก็บอกล่วงหน้าซะโอเวอร์ แต่บางทีไม่ต้องบอกไอที่ตรูกำลังเห็นอยู่ก็ได้ มันช้าไปแล้ว
เพลงประกอบในเกมนี้เลือกมาได้ทันสมัยปัจจุบัน โดยจะเป็นแนว electro และ dub-step ทั้งนั้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้เล่นแต่สำหรับผมแล้วไม่คิดว่าเพลงพวกนี้จะฮิตอยู่ได้นาน แถมฟังมาฟังไปนอกจากเบื่อแล้วยังน่ารำคาญอีกต่างหาก
มาดูคะแนนกันเลย
Driving Physics: 7.7
พัฒนาขึ้น ขับสนุกขึ้น แต่จะดีกว่านี้อีกถ้าระบบการขับและการบังคับลื่นไหล และช่วยทำให้ Force Feedback มีค่าพอที่จะต่อพวงมาลัยเล่นทีเถิด
Gameplay: 8.5
ครบถ้วนแทบทุกอย่างของ Rally แบบ Stage มีรถครอบคลุมตั้งแต่คลาสสิคถึงปัจจุบัน เสียที่เมนูใช้งานค่อนข้างยากและการเล่นแบบผู้เล่นหลายคนเลือกรถได้ไม่หลากหลาย
Graphic: 8
สวยงามขึ้นแทบทุกด้าน ถึงไม่อลังการแต่ก็ยังสวย ยกเว้นรอยหยักและตัวเกมล๊อกอัตราส่วนจอ
Sound : 8
เสียงรถดีขึ้นแต่แห้ง และช่วยทำไทม์มิ่ง pace note ให้ดีกว่านี้ด้วยจะดีมาก
Overall : (7.7*6)/10)+((8.5*2)/10)+(8/10)+(8/10) = 7.92
สรุป WRC 3 นั้นพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นทุกด้าน ถึงแม้จะไม่ได้เลิศหรูเหมือนเกมเจ้าอื่น แต่พอดีพอที่จะชนะใจคอทางฝุ่นแบบไม่ฮาร์ดคอร์ได้แล้ว
ข้อดี
- พัฒนาจากภาคที่แล้วในทุกๆด้าน
- มีรถให้เลือกหลายหลายยุค
- สนามสวยงามและเลย์เอาท์ดี
- โหมดผู้เล่นเดี่ยวสามารถแต่งรถได้ และมีการแข่งแบบเล่นสนุกเช่นวิ่งชนป้าย
ข้อเสีย
- จัวหวะการบอก pace note ยังไม่ค่อยคงที่
- ล๊อกอัตราส่วนหน้าจอ และไม่รองรับการใช้งานหลายจอ
- โหมดการเล่นหลายคนไม่หลากหลายเท่าไหร่
เหมาะสำหรับ
- แฟนการแข่งทางฝุ่นโดยเฉพาะ WRC
- แฟนเกมขับรถทั่วไป ด้วยระบบการขับที่เล่นได้สนุกและเข้าใจง่าย ทำให้เล่นได้สนุกทุกคน
ไม่เหมาะสำหรับ
- คนที่ต้องการใช้พวงมาลัย Force Feedback แล้วให้ได้อาการรถทุกแบบ เพราะมันแทบไม่บอกอะไรเลย
- แฟนบอย Richard Burns Rally เพราะระบบการขับเกมนี้(รวมไปถึง Force Feedback) ไม่ฮาร์ดคอร์ขนาดนั้น
สำหรับรีวิว WRC 3 ก็หมดเพียงเท่านี้ ทีแรกกะจะเขียนน้อยๆนั่นล่ะ ไปไงมาไงได้ขนาดนี้ก็ไมรู้(อีกแล้ว) ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาตลอด สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
สวัสดีครับ ช่วงนี้เกมขับรถออกบ่อยก็เจอกันถี่ๆหน่อยเนอะ ถึงแม้จะไม่ถี่มากแต่ 2 ครั้งในเดือนเดียวสำหรับผมก็เร็วแล้วล่ะ
คราวนี้มาพบกับเกมเอาใจขาซิ่งทางฝุ่นหรือแรลลี่ด้วย WRC 3 เกมที่ได้รับลิขสิทธิ์จาก FIA โดยตรงครับ โดยภาคนี้ออกมาเป็นภาคที่ 3 แล้วจาก WRC อันแรกที่ออกมาในปี 2010 และ WRC 2 ในปี 2011 ตามลำดับ สำหรับคนที่ติดตามมาโดยตลอดจะเห็นว่าในแต่ละภาคนั้นก็มีการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มาถึงภาคล่าสุดนี้จากที่เห็นในตัวอย่างแล้วก็บอกได้เลยว่าเกมต้องดีขึ้นกว่าภาคเก่าๆอย่างแน่นอน แล้วของจริงจะเป็นอย่างไร ดีขึ้นจริงไหม มากน้อยแค่ไหน ไปดูกันเลยครับ
เปิดเข้าเกมมาก็ดูที่เมนูกันก่อนเลย เปิดมาปั๊ปก็ต้องอึ้งทึ่งเสียวเพราะหน้าตามันอย่างกับเกมตู้หยอดเหรียญเลยทีเดียว
วิธีกดเข้าหน้าเมนูปรับแต่งต่างๆถ้าไม่ใช้จอยแล้วต้องกดปุ่ม F Keys ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกมาก
ก่อนจะงงไปมากกว่านี้เรามาดูกันเป็นหัวข้อไปเลยดีกว่าครับ
Driving Physics
ระบบการขับในภาคนี้ได้รับการปรับปรุงมากอย่างเห็นได้ชัด ตัวรถที่มีแต่ understeer ในภาคเก่าๆนั้นหายไปแล้ว อาการรถเป็นธรรมชาติขึ้น มี under/over steer ในระดับที่รับรู้ได้ การถ่ายน้ำหนักก็พอมีอยู่บ้าง ความแตกต่างของรถกับหน้า ขับหลัง แสะขับสี่เห็นได้ชัด มีการเบรกแล้วล๊อกล้อที่รู้สึกได้ทันที ส่วนเบรกมือนั้นออกจะแปลกๆอยู่สักนิดตรงที่ต้อง counter steer แบบ full lock หรือหมุนกลับแบบสุดถึงจะได้ผล รวมๆแล้วอาการถึงจะเป็นธรรมชาติขึ้นแต่ก็ยังออกอาการแข็งๆอยู่ดี จะว่ายังไงดีล่ะ คือการขับมันไม่ลื่นไหลมีไดนามิคเหมือนเกมขับรถปัจจุบันอย่างที่ควรเป็น ตัวรถนั้นถ้าขับปกติแล้วจะหนึบเป็นตุ๊กแกเกาะอยู่กับพื้นเลย เวลาที่เอนทำท่าจะคว่ำนั้นถึงจะแก้ได้ง่ายแต่ก็ให้ความรู้สึกว่าแข็ง ไม่ลื่นไหลอยู่ดี อย่างไรซะรถแต่ละคันก็มีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเองและมีถึง 9 รูปแบบให้เลือกเล่น ทำให้การขับนั้นหลากหลายมากขึ้น
ตัวรถในเกมนั้นสามารถอัพเกรดและปรับแต่งได้ด้วย ทั้งนี้การอัพเกรดนั้นไม่มีอะไรเห็นข้างนอกเลยว่าถูกอัพเกรดไปมากแค่ไหน แม้แต่ชิ้นส่วนเพิ่มแรงกดหรือ downforce ไม่ว่าจะใส่ระดับไหนโมเดลรถก็ยังคงเดิม สิ่งที่แตกต่างคือเวลาเอาลงไปขับเท่านั้น การปรับแต่งในเกมนี้ทำได้หลายอย่างและค่อนข้างละเอียดเพราะเป็นขีดมาให้ปรับ และส่งผลกับการขับอย่างชัดเจนมาก ถ้าปรับดีๆจากที่รถหนึบเป็นตุ๊กแกอยู่แล้ว จะกลายเป็นตุ๊กแกติดกาวตราช้างทันที
นอกจากนี้สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการแข่งแรลลี่คือระบบความเสียหาย ยังไงซะคนเราต้องมีพลาดไปเฉี่ยวชนอะไรบ้างล่ะ ความเสียหายในเกมนี้นั้นทำได้ดีครับ สามารถส่งผลถึงระบบการขับได้เลย
โดยรวมแล้วเป็นระบบการขับที่เข้าใจและเข้าถึงได้ง่ายครับ
การใช้อุปกรณ์ต่างๆนั้น ตัวเกมก็รองรับอยู่พอสมควรทั้งจอยแพดและพวงมาลัย โดยเฉพาะเมื่อใช้จอยแพดระบบ Xinput (หรือจอย Xbox360 ทั้งของ Microsoft และ 3rd Partyอื่นๆ)แล้วนั้น การปรับแต่งจะทำได้จำกัดอยู่แค่ปรับปุ่มเท่านั้น ไม่สามารถปรับ deadzone, saturation, linearity ได้เลย ซึ่งถึงแม้จะสะดวกสำหรับคนใช้จอยของ Microsoft ก็จริง แต่คนที่ใช้จอย Xinput ยี่ห้ออื่นนั้นค่อนข้างลำบากเพราะตัวเกมตั้ง Deadzone มาให้ค่อนข้างสูง ถ้าจอยไม่เบี้ยวแบบของ Microsoft แล้วต้องโยกอนาลอกออกไปเยอะทีเดียวกว่ารถจะเริ่มเลี้ยว การตอบสนองเวลาใช้จอยแพดนั้นทำได้ดีเยี่ยม ถึงแม้วิ่งบนทางฝุ่นแล้วจะไม่สั่นยกเว้นเวลาออกข้างทางก็ตาม แต่เอฟเฟกต่างๆก็มีมาพอให้เล่นได้อย่างสนุกครับ การตอบสนองของรถเวลาใช้จอยแพดนั้นทำได้อย่างดีมาก
ส่วนถ้าใครใช้จอยพวงมาลัยแบมี Force Feedback แล้ว ถึงแม้ตัวเกมจะโฆษณามาว่าระบบ FFB ปรับปรุงใหม่ ไฉไลกว่าเดิมก็จริง แต่เมื่อได้สัมผัสจริงๆแล้วต้องขอบอกว่าผิดหวังอยู่พอสมควร เอาด้านดีก่อนละกัน คือการสั่นที่น่ารำคาญตอนวิ่งเฉยๆนั้นลดลงไปเยอะแล้ว มาถึงข้อเสียกันบ้าง ตัวเกมยังให้ feedback ในส่วนของแรงยึดเกาะเท่ากันตลอดทุกพื้นผิว ทำให้ไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าตัวรถนั้นอยู่ในสภาวะใดนอกจากถึงเวลาที่ไถลโดยเฉพาะเวลาที่ใช้เบรกมือแล้วต้อง counter steer นั้น เกมจะบังคับให้หมุน full lock ตลอด ไม่มีอาการกึ่งกลางเลย นอกจากนี้เกมยังมีฟิลเตอร์กรองพวงมาลัยอีก ทำให้ความรู้สึกในการเลี้ยวนั้นด้านชาสุดๆ ไม่ดีเลย์นะ แต่มันด้าน รวมๆแล้ว feedback จากพวงมาลัยไม่สัมพันธ์กับสิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอสักเท่าไหร่ มีไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร
ยังก่อนยังไม่หมด เกมนี้ทำท่าเหมือนจะรองรับ multiple controller แต่ทำได้ในกรณีที่จอยทุกตัวมี profile จากตัวเกมเท่านั้น และห้ามไม่ให้ปุ่มซ้ำกัน เช่นจอยแรกมีปุ่ม 1-12 จอยตัวที่ 2 มีปุ่ม 1-20 จอยตัวที่สองจะไม่สามารถใช้ปุ่ม 1-12 ได้เพราะไปซ้ำกับจอยแรก เรียกง่าย ๆ ก็ไม่รองรับการใช้งานจอยหลายตัวพร้อมกันนั่นล่ะ
สรุปแล้วเกมนี้ใช้ gamepad เล่นสนุกที่สุดครับ
Gameplay
ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าในเกมนี้นั้นมีรถให้เลือกเล่นได้ 9 เสปค 36 คันดังนี้
WRC รถแรลลี่ WRC เสปคปัจจุบัน มีให้เลือก 4 คัน
Class 2 หรือเสปค Super 2000 มีให้เลือก 5 คัน
Class 2 หรือเสปค Group N Rally มีให้เลือก 3 คัน
2000 แรลลี่เสปคยุค 2000 มีให้เลือก 3 คัน
?90 แรลลี่เสปคยุค 1990 มีให้เลือก 4 คัน
?80 แรลลี่เสปค Group B มีให้เลือก 5 คัน
?70 แรลลี่เสปคยุค 1970 มีให้เลือก 2 คัน
2 WD PRO ขับหน้ารุ่นโปร มีให้เลือก 5 คัน
2 WD Rookie ขับหน้ารุ่นมือใหม่ มีให้เลือก 5 คัน
ถ้าดูจากหน้าเมนูแล้วหลักๆจะมีการเข้าเล่นอยู่3แบบคือ
WRC Experience
เข้าไปแล้วเลือกได้ 3 แบบทั้ง
- Single Stage เล่นแค่ Rally Stage เดียว
- Single Rally เล่นแค่การแข่งเดียว ทุก Stage เรียงกัน
- Championship เล่นทั้งการแข่ง WRC โดยที่เซฟความก้าวหน้าไว้แล้วมาเล่นต่อได้
แต่ละการแข่งนั้นสามารถเพิ่มเป็น Hot Seat ได้ คือสามารถใช้เครื่องเดียว ตั้งไว้ว่าจะเล่นกี่คนแล้วก็สลับกันเล่น
ในโหมดนี้จะเลือกใช้ได้ 3 อย่างคือ WRC, Class 2, Class 3
Road to Glory
เรียกง่ายๆคือโหมดอาชีพ โดยเราจะเล่นเพื่อเก็บแต้มเป็นดาวแล้วปลดล๊อครถ ชุดแต่ง ลายรถ ลายสปอนเซอร์ และการแข่งขันไปเรื่อยๆครับ มีทั้งการแข่งในโหมดนี้มีหลายรูปแบบทั้งแรลลี่ทั่วไป, Special Stage, Head 2 Head รวมไปถึงแบบมันส์อย่างวิ่งชนป้าย (เหมือนกับ Gate Crasher ใน DiRT2 นั่นล่ะ) ในโหมดอาชีพนี้จะมีรถให้เลือกใช้ทุกเสปคครับ แต่ต้องเก็บแต้มมาปลดล๊อคนั่นล่ะ
รถในโหมดนี้จะเป็นรถของเราเองซึ่งสามารถแต่งลายได้เองตามที่ปลดล๊อคมา รวมไปถึงสามารถแต่งป้ายทีเบียนเองได้ด้วย เมื่อแต่งแล้วก็สามารถเข้าไปเชยชมได้ครับ
ส่วนป้ายใหญ่อันสุดท้ายคือ Multiplayer
ในโหมดนี้นั้นก็แข่งเก็บแต้มอัพเลเวลไปเรื่อยๆ แต่อัพแล้วก็ไม่เห็นจะได้อะไรนอกจากกอเอี๊ยว่าเราเลเวลเท่าไหร่ ในโหมดนี้มีรถให้เลือกได้ 3 แบบเหมือนกับ WRC Experience คือ WRC, Class 2, Class 3 ครับ
พอเข้าไปแข่งนั้น การแข่งจะเริ่มพร้อมกันทุกคนแล้วเห็นคันอื่นเป็น Ghost Car ซึ่ง Ghost ของเกมนี้พิเศษตรงที่เราเห็นแต่ละคนเป็นสีๆ ดูน่ารักไปอีกแบบ
ยังก่อนยังไม่หมด ยังมีอีกโหมดนึงคือ Quick Start เป็นปุ่มเล็กๆอยู่ด้านล่างให้กด Space Bar ซึ่งเมื่อกดแล้วเกมจะสุ่มเลือกรถกับสนามมาให้เล่นทันทีครับ
โดยรวมแล้วความสนุกของเกมนี้ไม่ได้อยู่ที่ระบบการขับ แต่ความสนุกนั้นมาจากความท้าทายของสนามที่ทั้งแคบและคดเคี้ยวต่างหาก
แต่ละสนามทำได้ดีมากทั้งรูปแบบเลย์เอาท์และอุปกรณ์ประกอบฉากต่างๆ เอาเป็นว่าส่วนตัวผมไม่ได้ดู WRC มาหลายปีแล้ว แต่นั่งรถผ่านภูมิทัศน์รูปแบบ WRC บ่อยต้องขอยอมรับว่าเกมนี้นั้นดึงเอาเอกลักษณ์และบรรยากาศของการแข่งขันออกมาได้อย่างดีครับ และหากเราขับๆไปแล้วพลาดก็ไม่ต้องตกใจว่าต้องย้อนเล่นใหม่ตั้งแต่ต้นเพราะเกมมี replay หรือการย้อนเวลามาให้เหมือนกับเกมของ Codemasters ครับ
มาทางด้านการใช้งานบ้าง Interface ของเกมนี้เป็นอะไรที่สับสนเอาเรื่อง การเข้าหน้าต่างปรับแต่งก็อย่างที่บอกไปข้างต้นแล้วว่าต้องบนคีย์บอร์ดต้องกดปุ่ม F Keys ไม่ได้มีหน้าจอเมนูมาให้เลือก ทำให้เกมให้มีบรรยากาศเหมือนเกมตู้มาก แต่ถ้าใช้จอย Xinput จะสังเกตุได้ว่าแต่ละปุ่มนั้นสีตรงกับปุ่มบนจอยครับ ทำให้รู้สึกว่าเอ๊ะ นี่ผู้ผลิตมันเห็นสถาบัตยกรรม Xbox360 กับ PC ใกล้เคียงกันเลยพอร์ตมา(แบบลวกๆ)กันคนบ่นว่า PC เป็นลูกเมียน้อยหรือเปล่า
ส่วน AI ของเกมนี้ปรับได้หลายระดับตั้งแต่ช้าอีเดียตไปยันเร็วระดับเอเลี่ยน แต่เราไม่เห็นหรอกว่า AI มันขับยังไง เห็นแต่เวลาที่แปะลงมาบนตารางครับ
Graphics
กราฟฟิคของเกมนี้ก็ได้รับการพัฒนาจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด แสงเงาต่างๆดูจัดจ้านตระการตา ควันก็ดูดีขึ้น แม้กระทั่งเม็ดฝนที่อยู่บนตัวรถนั้นทำได้สวยงามมาก ทางด้านโมเดลรถด้านนอกทำได้สวย รวมไปถึงเวลาเกิดความเสียหายก็ทำได้ละเอียดดี ส่วนในตัวรถนั้นมันช่างด้านและไร้สีสันยิ่งนัก
ถึงแม้โมเดล(ด้านนอก)จะดูดีแต่ระบบลดรอยหยักทำงานได้ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะภาพยังหยักอย่างเห็นได้ชัด ขับเร็วๆก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่พออยู่ในอู่แล้วมันดูระคายเคืองสายตาเสียนี่กระไร
นอกจากนี้ตัวเกมยังล๊อคอัตราส่วนไว้ที่ 16:9 ดังนั้นใครใช้จอรุ่นเก่าอย่าง 16:10 หรือ 5:4, 4:3 ก็เตรียมพบกับขอบดำบน-ล่างได้เลย นอกจากนี้ยังทำให้เกมนี้ไม่รองรับการใช้งานหลายจอแบบ AMD Eyefinity และ Nvidia Surround ด้วยครับ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับเกมยุคนี้ อย่างไรก็ดีเกมนี้ไม่ได้กินเสปกมากกว่าภาคเก่ามากมายนัก กราฟฟิคลื่นไหลไม่มีหน่วงเลยตลอดเกมครับ ถ้าเล่นภาคเก่าได้ภาคนี้ก็ไม่น่ามีปัญหา
Sound
เช่นเคย จะมีอะไรดีเท่าได้ฟังเอง
เสียงของเกมนี้ได้รับการพัฒนาเช่นกัน เสียงเครื่องยนต์ต่างๆได้อารมณ์เพิ่มขึ้น เสียงเอฟเฟกเวลาเฉี่ยวชนก็ทำได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเวลาขับไปเฉี่ยวต้นไม้เนี่ย เสียงเร้าใจมากๆครับ นอกจากนี้เสียงของรถแต่ละคันยังต่างกันแบบแยกได้ทันที แต่ถึงจะได้อารมณ์และแตกต่างกันเท่าไหร่ แต่เสียงในเกมนี้ก็ยังออกโทนแห้ง ๆ ไม่ค่อยอวบอิ่มเท่าไหร่นัก ยังไงซะพัฒนามาจากภาคเก่าได้ถึงขนาดนี้ก็ดีแล้ว
ถัดจากเสียงรถแล้วก็มาถึงเสียงของ co-driver บ้าง ในเกมนี้เราสามารถปรับจังหวะการบอก pace note ให้เร็วหรือช้าได้ แต่มันจะมาเป็นชุดๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะโอเค แต่บางครั้งจังหวะการบอกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำให้เราไม่รู้ว่าที่บอกมันจะมาตอนไหนกันแน่ ถ้าปรับให้เร็วหรือช้ามันก็จะไปพร้อมกันทั้งชุด บางทีกว่าจะบอกเสร็จที่จะเกิดมันก็พุ่งมาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว เล่นไปสักพักบางสนามอาจเกิดความรำคาญได้ว่าบางทีก็บอกล่วงหน้าซะโอเวอร์ แต่บางทีไม่ต้องบอกไอที่ตรูกำลังเห็นอยู่ก็ได้ มันช้าไปแล้ว
เพลงประกอบในเกมนี้เลือกมาได้ทันสมัยปัจจุบัน โดยจะเป็นแนว electro และ dub-step ทั้งนั้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้เล่นแต่สำหรับผมแล้วไม่คิดว่าเพลงพวกนี้จะฮิตอยู่ได้นาน แถมฟังมาฟังไปนอกจากเบื่อแล้วยังน่ารำคาญอีกต่างหาก
มาดูคะแนนกันเลย
Driving Physics: 7.7
พัฒนาขึ้น ขับสนุกขึ้น แต่จะดีกว่านี้อีกถ้าระบบการขับและการบังคับลื่นไหล และช่วยทำให้ Force Feedback มีค่าพอที่จะต่อพวงมาลัยเล่นทีเถิด
Gameplay: 8.5
ครบถ้วนแทบทุกอย่างของ Rally แบบ Stage มีรถครอบคลุมตั้งแต่คลาสสิคถึงปัจจุบัน เสียที่เมนูใช้งานค่อนข้างยากและการเล่นแบบผู้เล่นหลายคนเลือกรถได้ไม่หลากหลาย
Graphic: 8
สวยงามขึ้นแทบทุกด้าน ถึงไม่อลังการแต่ก็ยังสวย ยกเว้นรอยหยักและตัวเกมล๊อกอัตราส่วนจอ
Sound : 8
เสียงรถดีขึ้นแต่แห้ง และช่วยทำไทม์มิ่ง pace note ให้ดีกว่านี้ด้วยจะดีมาก
Overall : (7.7*6)/10)+((8.5*2)/10)+(8/10)+(8/10) = 7.92
สรุป WRC 3 นั้นพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นทุกด้าน ถึงแม้จะไม่ได้เลิศหรูเหมือนเกมเจ้าอื่น แต่พอดีพอที่จะชนะใจคอทางฝุ่นแบบไม่ฮาร์ดคอร์ได้แล้ว
ข้อดี
- พัฒนาจากภาคที่แล้วในทุกๆด้าน
- มีรถให้เลือกหลายหลายยุค
- สนามสวยงามและเลย์เอาท์ดี
- โหมดผู้เล่นเดี่ยวสามารถแต่งรถได้ และมีการแข่งแบบเล่นสนุกเช่นวิ่งชนป้าย
ข้อเสีย
- จัวหวะการบอก pace note ยังไม่ค่อยคงที่
- ล๊อกอัตราส่วนหน้าจอ และไม่รองรับการใช้งานหลายจอ
- โหมดการเล่นหลายคนไม่หลากหลายเท่าไหร่
เหมาะสำหรับ
- แฟนการแข่งทางฝุ่นโดยเฉพาะ WRC
- แฟนเกมขับรถทั่วไป ด้วยระบบการขับที่เล่นได้สนุกและเข้าใจง่าย ทำให้เล่นได้สนุกทุกคน
ไม่เหมาะสำหรับ
- คนที่ต้องการใช้พวงมาลัย Force Feedback แล้วให้ได้อาการรถทุกแบบ เพราะมันแทบไม่บอกอะไรเลย
- แฟนบอย Richard Burns Rally เพราะระบบการขับเกมนี้(รวมไปถึง Force Feedback) ไม่ฮาร์ดคอร์ขนาดนั้น
สำหรับรีวิว WRC 3 ก็หมดเพียงเท่านี้ ทีแรกกะจะเขียนน้อยๆนั่นล่ะ ไปไงมาไงได้ขนาดนี้ก็ไมรู้(อีกแล้ว) ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาตลอด สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
Comment