Dishonored

Arkane Studios ทีมพัฒนาสัญชาติฝรั่งเศษผู้ที่เคยฟากผลงานอย่าง Dark Messiah of Might and Magic และร่วมพัฒนา Bioshock 2 กับ 2K Marine นั้น ใน Q4 ของปี 2012 ทาง Arkane Studios ได้มีผลงานชิ้นล่าสุดของตัวเองที่มีชื่อว่า Dishonored เกมแนว First person stealth/shooting โดยผู้เล่นจะได้สวมบทเป็นนักฆ่าบนพื้นหลังของโลกยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมผสมกับเรื่องของมนต์ดำและทฤษฏีสมคบคิด...
Dishonored ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทเป็น Corvo Attano องค์รักษ์เอกของพระราชินี โดยเหตุการณ์ของเนื้อเรื่องจะมาเกิดขึ้นตอนที่ Corvo เดินทางไปพบพระราชินีที่ tower of Dunwall หลังจากไปทำภารกิจในต่างแดน ระหว่างที่ Corvo กำลังสนทนากับองค์ราชินีอยู่นั้น ได้มีกลุ่มนักฆ่าใช้ Teleport เข้ามาเพื่อสังหารองค์ราชินีและได้ทำการลักพาตัวเจ้าหญิง Emily หนีไป หลังจากเกิดเหตุการณ์ Corvo ได้ถูกขุมขังเนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายในการปลงพระชนองค์ราชินี หลังจากการสิ้นผู้สืบทอดราชบัลลังค์ลอร์ด Regent ได้เข้ามาควบคุมเมือง Dunwall แทน หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านไป 6 เดือน Corvo ได้ตื่นขึ้นมาในที่ขุมขังและพบว่ามีใครบางคนกำลังพยายามช่วยเหลือเค้าออกจากทีขุมขังเมื่อ Corvo หนีออกมาได้เค้าได้พบว่าผู้ช่วยเค้าคือพลเอก Havelock แห่งราชวงศ์ Havelock ได้ทำการยื่นข้อเสนอให้ Corvo ทำงานเป็นนักฆ่าเพื่อสังหารผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดที่อยู่เบื่องหลังในการลอบสังหารองค์ราชินีและเพื่อทำการหาเบาะแสขององค์หญิง Emily เพื่อช่วยเหลือองค์หญิงจากที่ขุมขัง...

Assassin mask !!!
ในเกม Dishonored ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทเป็นนักฆ่าที่สามารถใช้เวทย์มนต์ต่างๆ ในการเล่นได้ ซึ่งส่วนนี้ที่ช่วยเพิ่มมิติในการเล่นให้กับเกมนี้เป็นอย่างมาก เวทมนต์ต่างๆ ของเกมนี้ถูกออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์อย่างเช่น เคลื่อนที่ในระยะใกล้อย่างรวดเร็ว(Blink) เข้าสิงร่างสิ่งมีชีวิต ทำลายศพให้การเป็นฝุ่น หรือแม้แต่กระทั่งหยุดเวลา ผนวกเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ ของผู้เล่นทั้งหน้าไม้ กับดักสลิง เครื่องเจาะเข้าระบบรักษาความปลอดภัย ไปจนถึงมีดสปริง ซึ่งทำให้การทำภารกิจแต่ละครั้งของเกมนี้ค่อนข้างหลากหลาย แต่ถึงยังไงพระเอกจริงๆ ที่ช่วยให้สิ่งต่างๆ ทั้งเวทย์มนต์และอุปกรณ์เหล่านี้ดูโดดเด่นขึ้นอยู่ที่ Level design ชั้นยอดของเกมนี้ การออกแบบฉากของ Dishonored ทำให้การเล่นแบบ Sand box ของเกมนี้เป็นไปตามจิตนการของผู้เล่นอย่างได้เต็มที่ ผู้เล่นจะพบหนทางในการทำภารกิจมากมายในทุกๆ ภารกิจเสมอ อย่างภารกิจลอบสังหารภารกิจหนึ่ง ผู้เล่นต้องไปฆ่าเป้าหมายในสถานเริงรมย์ในเมือง ผู้เล่นสามารถบุกไปตรงๆ ฝ่าด้านป้องกันของหน่วยรักษาความปลอดภัยด้วยอาวุธและพลังเวทย์ทั้งหมดที่มีเพื่อสังหารเป้าหมายหรือจะลอบเล้นไปตามท่อระบายอากาศของอาคารไปยังระเบียงห้องเป้าหมายและทำการวางกับดักที่เตียงนอนก่อนจะหนีออกมาอย่างไร้ล่องลอย ไปจนถึงสิ่งร่างหนูเพื่อหนีการตรวจจับจากยามไปยังห้องเป้าหมายเพื่อลงมือสังหารเป้าหมายอย่างเลือดเย็นก็ได้ จิตนการในการเล่นเหล่านี้ผู้เล่นจะได้พบตลอดการเล่น Dishonored เลยทีเดียว...

การกลับมาอิีกครั้งที่ Tower of Dunwall
ที่น่าประทับใจไม่แพ้รูปแบบการเล่นของเกม Dishonored ยังมีเรื่องของงานศิลป์ในเกมนี้ที่ทำออกมาได้อย่างปราณีตและงดงาม งานศิลป์ต่างๆ ในโลกของ Dishonored ยังกับหลุดออกมาจากนวนิยายวิทยาศาสตร์ในโลกยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเรื่องใดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ด้วยการเล่นที่หลากหลายของเกมนี้และ Achievement อันท้าทายยังช่วยเพิ่ม Replay value ของเกมนี้ขึ้นอย่างมาก แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายทั้งๆ ที่เกมนี้มีคุณค่าให้กลับมาเล่นซ้ำได้หลายๆ รอบแต่กลับไม่มีโหมด New game + ให้ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ารำคาญของเกมนี้มาก ผู้เล่นต้องเริ่มเล่นใหม่ตั้งแต่ต้นทุกครั้งถ้าต้องการทดลองใช้เวทย์มนต์ที่แตกต่างๆ จากเดิมในการทำภารกิจที่เคยทำมาแล้วทุกครั้ง นอกจากข้อเสียดังกล่าวแล้ว เรื่องของ A.I. ก็เป็นสิ่งที่น่าผิดหวังของเกมนี้ ผู้เล่นจะะพบมันศัตรูยิงโดนพวกเดียวกันเองอยู่ตลอด รวมถึงอาการเลิกไล่ล่าผู็เล่นเอาดื้อๆ หลังจากที่ผู็เล่นทิ้งระยะออกจากจุดที่เกิดเหตุไปแล้วแบบไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้างในการเล่น

สรุป
ด้วยรูปแบบการเล่นที่เปิดกว้างผสมกับเวทย์มนต์สุดสร้างสรรค์และการออกแบบฉากชั้นยอดทำให้เกม Dishonored เป็นเกม FPS ที๋โดดเด่นมากๆ สำหรับคนที่กำลังหาเกม FPS ที่แตกต่างจากเกมในปัจจุบันและชื่นชอบเกม FPS ที่มีการออกแบบฉากที่เปิดกว้างและมีอิสระในการเล่นแบบเกม Deus EX และ Crysis คุณจะไม่ผิดหวังกับ Dishonored แน่นอน
9.1/10
+ Level design ชั้นยอด
+ รูปแบบการเล่นแบบ Sand box
+ การควบคุมที่ลื่นไหลไม่ติดขัด
+ เวทย์มนต์ Blink
+ งานศิลป์งดงาม
+ มีคุณค่าให้นำกลับมาเล่นซ้ำ
- A.I. ไม่ฉลาดพอและยังแสดงพฤติกรรมที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง
- ไม่มีโหมด New game +
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
** Dishonored ใช้เวลาในการเล่นแต่ละรอบอยู่ที่ 10-14 ชม.
** Dishonored มีฉากจบอยู่ 3 แบบขึ้นอยู่กับการกระทำภายในเกมของผู้เล่น
** Dishonored รูปแบบการเล่นจะคล้ายๆ เกม Deus EX Human revolution ในการควบคุมที่ลื่นไหลกว่าและฉากบู๊ที่รวดเร็วสะใจกว่า

หน้าตาของ Rune ที่เอาไว้อัพเกรดพลังของผู้เล่น

รอยสักเวทย์มนต์

Dishonored มี Achievement ท้าทายให้เก็บมากมาย

Arkane Studios ทีมพัฒนาสัญชาติฝรั่งเศษผู้ที่เคยฟากผลงานอย่าง Dark Messiah of Might and Magic และร่วมพัฒนา Bioshock 2 กับ 2K Marine นั้น ใน Q4 ของปี 2012 ทาง Arkane Studios ได้มีผลงานชิ้นล่าสุดของตัวเองที่มีชื่อว่า Dishonored เกมแนว First person stealth/shooting โดยผู้เล่นจะได้สวมบทเป็นนักฆ่าบนพื้นหลังของโลกยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมผสมกับเรื่องของมนต์ดำและทฤษฏีสมคบคิด...
Dishonored ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทเป็น Corvo Attano องค์รักษ์เอกของพระราชินี โดยเหตุการณ์ของเนื้อเรื่องจะมาเกิดขึ้นตอนที่ Corvo เดินทางไปพบพระราชินีที่ tower of Dunwall หลังจากไปทำภารกิจในต่างแดน ระหว่างที่ Corvo กำลังสนทนากับองค์ราชินีอยู่นั้น ได้มีกลุ่มนักฆ่าใช้ Teleport เข้ามาเพื่อสังหารองค์ราชินีและได้ทำการลักพาตัวเจ้าหญิง Emily หนีไป หลังจากเกิดเหตุการณ์ Corvo ได้ถูกขุมขังเนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายในการปลงพระชนองค์ราชินี หลังจากการสิ้นผู้สืบทอดราชบัลลังค์ลอร์ด Regent ได้เข้ามาควบคุมเมือง Dunwall แทน หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านไป 6 เดือน Corvo ได้ตื่นขึ้นมาในที่ขุมขังและพบว่ามีใครบางคนกำลังพยายามช่วยเหลือเค้าออกจากทีขุมขังเมื่อ Corvo หนีออกมาได้เค้าได้พบว่าผู้ช่วยเค้าคือพลเอก Havelock แห่งราชวงศ์ Havelock ได้ทำการยื่นข้อเสนอให้ Corvo ทำงานเป็นนักฆ่าเพื่อสังหารผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดที่อยู่เบื่องหลังในการลอบสังหารองค์ราชินีและเพื่อทำการหาเบาะแสขององค์หญิง Emily เพื่อช่วยเหลือองค์หญิงจากที่ขุมขัง...

Assassin mask !!!
ในเกม Dishonored ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทเป็นนักฆ่าที่สามารถใช้เวทย์มนต์ต่างๆ ในการเล่นได้ ซึ่งส่วนนี้ที่ช่วยเพิ่มมิติในการเล่นให้กับเกมนี้เป็นอย่างมาก เวทมนต์ต่างๆ ของเกมนี้ถูกออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์อย่างเช่น เคลื่อนที่ในระยะใกล้อย่างรวดเร็ว(Blink) เข้าสิงร่างสิ่งมีชีวิต ทำลายศพให้การเป็นฝุ่น หรือแม้แต่กระทั่งหยุดเวลา ผนวกเข้ากับอุปกรณ์ต่างๆ ของผู้เล่นทั้งหน้าไม้ กับดักสลิง เครื่องเจาะเข้าระบบรักษาความปลอดภัย ไปจนถึงมีดสปริง ซึ่งทำให้การทำภารกิจแต่ละครั้งของเกมนี้ค่อนข้างหลากหลาย แต่ถึงยังไงพระเอกจริงๆ ที่ช่วยให้สิ่งต่างๆ ทั้งเวทย์มนต์และอุปกรณ์เหล่านี้ดูโดดเด่นขึ้นอยู่ที่ Level design ชั้นยอดของเกมนี้ การออกแบบฉากของ Dishonored ทำให้การเล่นแบบ Sand box ของเกมนี้เป็นไปตามจิตนการของผู้เล่นอย่างได้เต็มที่ ผู้เล่นจะพบหนทางในการทำภารกิจมากมายในทุกๆ ภารกิจเสมอ อย่างภารกิจลอบสังหารภารกิจหนึ่ง ผู้เล่นต้องไปฆ่าเป้าหมายในสถานเริงรมย์ในเมือง ผู้เล่นสามารถบุกไปตรงๆ ฝ่าด้านป้องกันของหน่วยรักษาความปลอดภัยด้วยอาวุธและพลังเวทย์ทั้งหมดที่มีเพื่อสังหารเป้าหมายหรือจะลอบเล้นไปตามท่อระบายอากาศของอาคารไปยังระเบียงห้องเป้าหมายและทำการวางกับดักที่เตียงนอนก่อนจะหนีออกมาอย่างไร้ล่องลอย ไปจนถึงสิ่งร่างหนูเพื่อหนีการตรวจจับจากยามไปยังห้องเป้าหมายเพื่อลงมือสังหารเป้าหมายอย่างเลือดเย็นก็ได้ จิตนการในการเล่นเหล่านี้ผู้เล่นจะได้พบตลอดการเล่น Dishonored เลยทีเดียว...

การกลับมาอิีกครั้งที่ Tower of Dunwall
ที่น่าประทับใจไม่แพ้รูปแบบการเล่นของเกม Dishonored ยังมีเรื่องของงานศิลป์ในเกมนี้ที่ทำออกมาได้อย่างปราณีตและงดงาม งานศิลป์ต่างๆ ในโลกของ Dishonored ยังกับหลุดออกมาจากนวนิยายวิทยาศาสตร์ในโลกยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเรื่องใดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ด้วยการเล่นที่หลากหลายของเกมนี้และ Achievement อันท้าทายยังช่วยเพิ่ม Replay value ของเกมนี้ขึ้นอย่างมาก แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายทั้งๆ ที่เกมนี้มีคุณค่าให้กลับมาเล่นซ้ำได้หลายๆ รอบแต่กลับไม่มีโหมด New game + ให้ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ารำคาญของเกมนี้มาก ผู้เล่นต้องเริ่มเล่นใหม่ตั้งแต่ต้นทุกครั้งถ้าต้องการทดลองใช้เวทย์มนต์ที่แตกต่างๆ จากเดิมในการทำภารกิจที่เคยทำมาแล้วทุกครั้ง นอกจากข้อเสียดังกล่าวแล้ว เรื่องของ A.I. ก็เป็นสิ่งที่น่าผิดหวังของเกมนี้ ผู้เล่นจะะพบมันศัตรูยิงโดนพวกเดียวกันเองอยู่ตลอด รวมถึงอาการเลิกไล่ล่าผู็เล่นเอาดื้อๆ หลังจากที่ผู็เล่นทิ้งระยะออกจากจุดที่เกิดเหตุไปแล้วแบบไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้างในการเล่น

สรุป
ด้วยรูปแบบการเล่นที่เปิดกว้างผสมกับเวทย์มนต์สุดสร้างสรรค์และการออกแบบฉากชั้นยอดทำให้เกม Dishonored เป็นเกม FPS ที๋โดดเด่นมากๆ สำหรับคนที่กำลังหาเกม FPS ที่แตกต่างจากเกมในปัจจุบันและชื่นชอบเกม FPS ที่มีการออกแบบฉากที่เปิดกว้างและมีอิสระในการเล่นแบบเกม Deus EX และ Crysis คุณจะไม่ผิดหวังกับ Dishonored แน่นอน
9.1/10
+ Level design ชั้นยอด
+ รูปแบบการเล่นแบบ Sand box
+ การควบคุมที่ลื่นไหลไม่ติดขัด
+ เวทย์มนต์ Blink
+ งานศิลป์งดงาม
+ มีคุณค่าให้นำกลับมาเล่นซ้ำ
- A.I. ไม่ฉลาดพอและยังแสดงพฤติกรรมที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง
- ไม่มีโหมด New game +
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
** Dishonored ใช้เวลาในการเล่นแต่ละรอบอยู่ที่ 10-14 ชม.
** Dishonored มีฉากจบอยู่ 3 แบบขึ้นอยู่กับการกระทำภายในเกมของผู้เล่น
** Dishonored รูปแบบการเล่นจะคล้ายๆ เกม Deus EX Human revolution ในการควบคุมที่ลื่นไหลกว่าและฉากบู๊ที่รวดเร็วสะใจกว่า

หน้าตาของ Rune ที่เอาไว้อัพเกรดพลังของผู้เล่น

รอยสักเวทย์มนต์

Dishonored มี Achievement ท้าทายให้เก็บมากมาย
Comment