
สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับรีวิวเกมขับรถ คราวนี้มาแปลกหน่อยเพราะเป็นรีวิวแบบ co-op เขียนร่วมกันระหว่าง Tunza! และผม Beaver_XT ครับ ขอเชิญพบกับรีวิว Formula 1 2011 ได้ ณ บัดนี้!!!
ก่อนอื่นมาดูแบบ Video Review กันโลด

แล้วก็มาต่อกันด้วยบทความแบบยาวๆ
คำเตือน รีวิวนี้ยาวมากจนคนเขียนเองยังตกใจว่าเขียนอะไรกันได้มากมายขนาดนี้ โปรทำตัวให้ว่างก่อนอ่าน เตรียมขนมนมเนยน้ำมาให้พร้อม แล้วเริ่มอ่านกันได้เลยครับ
ในการแข่งรถทั้งหมดนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแข่งรถสูตร 1 หรือ Formula 1 นั้นคือที่สุดทางด้านเทคโนโลยี ในช่วงเวลาหลายปีมานี้ถ้าจะได้สัมผัลกับการแข่ง F1 ในรูปแบบเกมก็ค่อนข้างจะหายากสักนิด ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่มันจำกัดอยู่ในเฉพาะกลุ่มคนเล่น racing simulation เท่านั้น แถมยังมีออกมาหลายทีมงาน หลายรูปแบบจนแทบไม่รู้จะเลือกของใครเล่นดี ที่แน่ๆคือไม่มีอะไรที่มาจากลิขสิทธิ์ Formula 1 โดยตรง จนกระทั่ง Codemasters ได้สิทธิ์ในการสร้างเกม F1 มาตั้งแต่ปี 2009 โดย F1 2009ทำลง PSP, Wii และ iPhone ซึ่งตัวผมเองก็ได้ลองสัมผัสอยู่และขอบอกว่าทำได้น่าประทับใจทีเดียวกับเกมนี้บนเครื่อง Wii ต่อมาก็เป็น F1 2010 ที่ลง multiplatform ทั้ง PS3, Xbox360 และที่ขาดไม่ได้คือ PC ที่สร้างความประทับใจ(หรือบาดแผลในใจก็ไม่ทราบได้)ให้กับคนรักและติดตามการแข่ง F1 ไปไม่มากก็น้อย
F1 2011 ผลิตโดย Codemasters Birmingham โดยใช้เอนจิ้น EGO 2.0 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ใช้ผลิตเกมแข่งรถชื่อดังอย่าง DiRT3 มาแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเกมนี้เป็นภาคต่อมาจากเกม F1 2010 ในปีที่แล้วโดยมีฟีเจอร์ใหม่ๆและพัตนาระบบเกมส์ขึ้นมากพอสมควร
มาจนถึงภาคใหม่นี้ ก็นับว่าเป็นภาคที่ 2 ที่ลงให้กับ multiplatform แล้ว ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆตามการแข่ง F1 ที่จัดขึ้นในปี 2011 นี้ด้วยเช่นกัน โดยสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาก็จะมี
- KERS (Kinetic Energy Recovery System)

ปุ่มมหัศจรรย์
ระบบเก็บพลังงานจากการเบรกไปแปลงและนำกลับมาช่วยเร่งความเร็วให้กับรถได้ถึง 80 แรงม้า ระบบนี้สามารถใช้ได้ตลอดการแข่งทั่วทั้งสนาม และในแต่ละรอบจะมีจำนวนจำกัด ตัว KERS จะชาร์จใหม่จนเต็มเมื่อวิ่งครบรอบ
- DRS (Drag Reduction System)

ปีกมหัศจรรย์
ระบบปีกหลังพับได้ (จริงๆน่าจะเรียกว่าเปิดได้มากกว่า) เพื่อลดแรงกดหรือแรงต้าน ส่งผลให้ความเร็วสูงสุดมากขึ้น สามารถใช้ได้ตลอดทั้งสนามในรอบ practice และ qualify ส่วนในการแข่งจริงนั้นสามารถใช้ได้หลังจากวิ่งครบ 2 รอบแล้วแบ่งเป็น
1. ตั้งแต่รอบที่ 3 ในการแข่งเป็นต้นไป
2. ในกรณีที่มี safety car ออกมา ต้องรอหลังจาก safety car กลับไปแล้วและวิ่งครบ 2 รอบ จึงจะใช้งานได้
นอกจากนี้ยังใช้ได้แค่เฉพาะช่วง DRS Activation Zone เท่านั้น และมีเงื่อนไขคือเมื่อผ่านจุด DRS Detection แล้วรถเราต้องอยู่ห่-างจากคันหน้าไม่เกิน 1 วินาที
นอกจากสิ่งที่เพิ่มมาใหม่ สิ่งที่เปลี่ยนไปอีกอย่างก็คือยาง
ยางรถนั้นเป็นหัวใจสำคัญในการแข่งรถมาก โดยเฉพาะ F1 ที่มียางให้เลือกหลายแบบตามสถาณการณ์ต่างๆ มาถึงปีนี้การแข่งได้เปลี่ยนไปใช้ยางของ Pirelli ซึ่งมีคุณสมบัติต่างกับของภาคที่แล้วอย่างมาก ยางในภาคนี้นั้นสึกเร็ว และจะให้เวลาดีที่สุดเพียงไม่กี่รอบในการวิ่งเท่านั้น เมื่อสึกถึงจุดที่เรียกว่าไม่มีแรงเกาะแล้วคราวนี้หล่ะหายนะจะบังเกิด เพราะจากการแข่ง F1 รถของเราแทบจะแปลงสภาพกลายเป็น D1 (แข่งดริฟท์) ไปเลยทีเดียว
อารัมภบทมามากแล้ว มาดูกันเลยดีกว่าว่าตัวเกมนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง
ระบบการขับ หรือ Driving Physics
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าในเกมนี้นั้นใช้เอนจิ้น EGO 2.0 สืบทอดมาจาก DiRT 3 ในขณะที่ DiRT3 จะเอียงไปทางอาเขตซะมาก แต่ทาง F1 2011 จะเอียงไปทาง Simulation จนแทบจะเป็น Sim เต็มตัวก็ว่าได้ การขับทุกอย่างมีไดนามิคและจังหวะสอดคล้องกันได้อย่างลงตัว


ระบบการขับสุดปึ๊ก แม้จะขับจี้แค่ไหนก็ยังมั่นใจ
รถแต่ละทีมจะมีการตอบสนองและควบคุมไม่เหมือนกันโดยดึงจุดเด่นของรถแต่ละทีมออกมาได้ดีเช่นรถของ Redbull จะรู้สึกเบาและควบคุมง่ายขณะที่ McLaren จะรู้สึกหนักกว่าแต่มีความเสถียรในการเข้าโค้ง นอกจากนี้แล้วยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่ส่งผลต่อการควบคุมเช่นสภาพและอุณหภูมิหรือแม้กระทั่งชนิดของยางเอง ซึ่งยาง Option จะให้การยึดเกาะที่มากกว่าทำให้เข้าโค้งและได้อัตราเร่งสูงกว่าแต่ต้องแลกกับสภาพของยางที่หมดเร็วมากซึ่งจะทำให้รถหลุดโค้งและควบคุมได้ยากขึ้นมากในขณะที่ยาง Prime จะให้ประสิทธิภาพที่ต่ำกว่า แต่สภาพของยางจะอยู่ได้นานกว่ามาก อุณหภูมิของยางก็มีผลเช่นกัน ถ้าคุณพึ่งออกมาจากพิท ยางจะยังไม่ได้ความร้อนที่พอเหมาะก็จะทำให้ Grip ของยางนั้นส่งผลได้ไม่เต็มที่ บางคนที่ไม่ระวังอาจจะหลุดโค้งได้ง่ายๆ แต่พอเมื่อวิ่งไปซัก 2-3รอบ อุณหภูมิก็จะสูงขึ้นและทำให้รถคุณขับได้อย่างเต็มที่ และนอกจากนี้ถ้ารถหลุดลงหญ้าหรือบ่อกรวดข้างทางก็จะมีเศษหญ้าและกรวดติดมากับล้อ ทำให้การยึดเกาะหายไปในระยะเวลาหนึ่งทำให้เราต้องวิ่งระวังไปซักพักจนกว่าเศษกรวดและหญ้าจะหลุดออกจากยางไปหมด ในเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิงก็มีผลต่อการขับเช่นกันปัจจัยหลักเลยคือน้ำหนักของรถที่มีมากในขณะเริ่มแข่งก็จะทำให้รถเร่ง เบรค และเข้าโค้งได้ช้ากว่าปกติ แต่พอเมื่อรถวิ่งเผาเชื้อเพลิงไปเรื่อยๆ น้ำมันก็จะพร่องลงและทำให้รถเบาขึ้นซึ่งส่งผลให้รถตอบสนองได้ดีมากขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมก็มีผลเหมือนกัน เช่นสภาพถนน เมื่อเข้าสู่สนามใหม่ๆ สนามจะเป็น Green Track อยู่ ก็คือยังสะอาดและไม่ได้อุณหภูมิ แต่พอมีรถวิ่งไปเรื่อยๆหลายๆครั้งเข้า สนามก็จะเริ่มร้อนขึ้นและมียางเกาะบนผิวสนาม ก็จะทำให้รถยึดเกาะกับสนามได้มากขึ้น สภาพอากาศก็มีผลเช่นเดียวกัน สนามแห้งจะทำให้รถมีแรงยึดเกาะที่ดีที่สุด แต่พอเมื่อเริ่มมีฝนลงมา ฝนก็จะลดอุณหภูมิของสนามและชะล้างเศษยางออกไปทำให้ยางเกาะได้น้อยลง และเมื่อตกมากขึ้นรถก็ต้องลุยน้ำที่นองอยู่บนสนาม ทำให้ยางศูนย์เสียการยึดเกาะและลื่นไถลได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะ kerb หรือขอบถนนที่เราสามารถปืนตัดเข้าไปทำให้ย่นเวลาที่ใช้ในการเข้าโค้งกลับกลายเป็นตัวอันตรายในสภาพเปียกเนื่องจากจะทำให้รถเราหมุนและลื่นไถลได้ง่ายมากเลยทีเดียว แต่เมื่อฝนหยุดตก สนามก็จะค่อยๆแห้งขึ้นโดยเฉพาะ Racing line ที่รถวิ่งผ่านเยอะๆจะแห้งเร็วเป็นพิเศษทำให้เราสามารถมองเห็นพื้นที่แห้งยาวเป็นทางตามสนามซึ่งจะทำให้เราได้การยึดเกาะมากขึ้นกว่านอกลายที่ยังเป็นพื้นที่เปียกอยู่

ปีนี้สไลด์รถได้แล้วนะ
อีกเรื่องที่หลายๆคนที่ติดตาม Developer Diary อยู่อาจจะจำได้ว่าทางผู้พัฒนาเกมออกมาฝอยไว้ซะเยอะเลย ว่าเราสามารถสไลด์รถได้แล้วในภาคนี้ โดยที่หลังไม่ดีดพุ่งออกไปไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบภาคที่แล้ว ทีแรกก็คิดว่าโม้แน่ๆแต่ออกมาแล้วทำได้จริงๆครับ เมื่อรถทำท่าจะหลุดออกจากแรงเกาะสามารถ counter steer เพื่อทำสไลด์ได้อย่างไม่ติดขัด ทำให้การขับนั้นสนุกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ผมไม่ค่อยแนะนำให้ทำหรอกนะ โดยเฉพาะถ้าเปิดการจำลองยางเอาไว้ เพราะยางเรามีจำนวนจำกัด และการสไลด์รถนั้นทำให้ยางสึกเร็วมาก ทำให้อายุของยางหดลงเยอะมาก
นอกจากนี้ทั้งระบบ KERS และ DRS ก็เพิ่มประสบการณ์แปลกใหม่และความเร้าใจให้กับการเล่นยิ่งขึ้น เพราะเมื่อใช้ DRS แล้วอย่าลืมว่าแรงเกาะทางด้านหลังจะลดลงมาก ถ้าใช้ในโค้งนี่ถึงกับรถหมุนเลยทีเดียว มีแค่บางโค้งเท่านั้นที่สามารถใช้ได้โดยไม่มีปัญหาอะไร

ชนยับซากกระจายเต็มท้องถนน
ทางด้านระบบความเสียหายในเกมนี้นั้น ทำให้เราต้องพึงสังวรณ์ไว้ว่าอีกสิ่งที่สำคัญในการแข่งคือการที่นักแข่งต้องรักษารถไว้ให้เป็นชิ้นเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ความเสียหายเล็กๆน้อยๆต่อตัวถังรถก็มีส่วนที่ทำให้ประสิทธิภาพของรถตกลงไปเช่นคุณเอาหน้ารถไปชนกำแพงก็จำทำให้ปีกหน้าเสียหายชิ้นส่วนหักพังออกมาก็จะทำให้แรงกดด้านหน้าของรถหายไปตามความเสียหายด้วย ความเสียหายก็จะมีได้หลายระดับตั้งแต่ปีกหน้าแหว่งไปส่วนหนึ่งจนกระทั้งจมูกรถพังหลุดออกไปทั้งชิ้นและนอกจากนี้ถ้าชนแรงๆก็มีถึงขึ้นล้อหลุดออกมาได้เลยซึ่งจะทำให้เราออกจากการแข่งไปเลย ถึงความเสียหายของจมูกและปีกหน้าจะมีหลายหลายระดับ แต่ตัวถังและปีกหลังนั้นแทบจะไม่เห็นความเสียหายนอกจากสีถลอกและขาปีกหลังแหว่งนิดหน่อยไม่ว่าจะโดนชนแรงแค่ไหนก็ตาม อีกอย่างที่แปลกในการชนก็คือการที่เราไปชนกับล้อรถที่กำลังวิ่งอยู่นั้นแทบจะเหมือนชนกับตัวถังธรรมดาถึงแม้จะเอาล้อชนล้อก็ตามกลับไม่เหมือนขับรถล้อเปิดเลยเพราะไม่ว่าชนมุมไหนก็เหมือนกับชนกันชนธรรมดาถึงแม้เราจะสามารถแหย่ล้อรถของเราเข้าไปแทรกในช่องว่างระหว่างล้อของอีกคันได้ก็ตาม นอกจากการชนแล้วก็ยังมีระบบความเสียหายอื่นๆจากตัวรถและวิธีการขับของเราอีกด้วย เช่นถ้าเราหลุดหรือปีนโค้งบ่อยๆก็อาจจะทำให้ยางรับสภาพไม่ไหวเกิดแตกขึ้นได้ หรือถ้าเราเลี้ยงรอบเครื่องสูงมากบ่ายๆก็ทำให้เครื่องยนต์พังได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ระบบ Kers และ DRS ก็สามารถเสียหายได้บางช่วงเหมือนกัน แต่เหมือนจะเป็นการสุ่มพังมากกว่า และเมื่อใช้งานไม่ได้ ทีมงานก็จะซ่อมให้กลับมาใช้งานได้อีกเมื่อเวลาผ่านไปซักพักโดยไม่ต้องเข้าพิทใดๆเลยก็งงๆเหมือนกันว่าทำได้ยังไง
มาต่อกันด้วยระบบควบคุมของเกมนี้ เป็นเกมที่ผมขอบอกว่า?จำเป็น? ต้องใช้จอยพวงมาลัย Force Feedback เลยทีเดียวถ้าหากต้องการฟีลทุกอย่างในการเล่น และยิ่งถ้าหากต้องการขับให้เร็วโดยปลดตัวช่วยทุกอย่างออกแล้วยิ่งจำเป็น เพราะ Force Feedback ของเกมนี้พัฒนาขึ้นจากภาคที่แล้วมาก ที่ทำได้แค่ดีดกลับกับ damper และปีน kerb แต่ภาคนี้สามารถบอกระดับแรงเกาะในแต่ละตอนได้อย่างชัดเจน สามารถวิ่งได้ถึงสุดขีดจำกัดของแต่ละสภาพท้องถนนและสภาพยาง การดีดกลับเมื่อรถเสียการทรงตัวก็ทำได้ดีมากจนน่าตกใจเลยทีเดียว เมื่อปีนขอบทางหรือ kerb นั้นก็สามารถสั่นพร้อมกับแสดงแรงยึดเกาะบนพื้นผิวได้อย่างยอดเยี่ยม เอฟเฟกที่ขาดไปในเกมนี้จากพวก Simulation เต็มตัวก็มีแค่การดีดมาดีดไปจากความขรุขระของถนน การสั่นตอนเปลี่ยนเกียร์ และอาการบีบตัวของล้อหน้าเมื่อเบรกหนักๆ แค่นั้นเอง ซึ่งน้อยเกมนักจะมีเอฟเฟกพวกนี้น่ะนะ เอาเป็นว่าเท่านี้ก็ดีที่สุดในเกมที่ออกมาในปี 2011 ขนถึงปัจจุบันแล้วครับ สรุปสั้นๆง่ายๆกับ Force Feedback ของ F1 2011 คือ ชัดเจน แม่นยำ ให้รายละเอียดที่จำเป็นครบถ้วน เสริมประสบการณ์การเล่นให้ยอดเยี่ยม
สำหรับคนที่ใช้คีย์บอร์ดหรือจอยแพดเล่นเกมนี้ อย่างแรกเลยบอกว่าพอผมได้ลองแล้วไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ถึงแม้การควบคุมจะแม่นยำและเที่ยงตรง แต่เกมจะใส่ฟิลเตอร์มาให้กับอุปกรณ์ input พวกนี้แบบพิเศษ ทำให้เวลาเลี้ยวนั้นจะเลี้ยวช้ามาก ในหลายๆครั้งถึงกับเลี้ยวไม่ทันเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะโค้งแคบๆหรือหักหลบอุบัติเหตุ มีวิธีแก้ให้รับค่าจาก input โดยตรงอยู่คือการไปสั่ง override input device type ให้เป็น steering wheel ซะ เท่านี้โยกแกนอนาลอกไปเท่าไหร่ก็ไม่มีฟิลเตอร์มากวนใจแล้ว แต่ต้องระวังหน่อยเพราะพวงมาลัยจะเร็วมาก หากโยกไม่ระวังรถหมุนเอาง่ายๆเลยครับ และไม่แนะนำให้ทำอย่างยิ่งถ้าใช้คีย์บอร์ดหรือปุ่มดิจิตอลในการคุมพวงมาลัย เพราะกดปั๊ปมันจะเลี้ยวสุดทันที ทีนี้หายหนะบังเกิดแน่นอน
Gameplay

ถูกชนิด ถูกเวลา ภาษิตใหม่การเลือกยางของการแข่ง F1 ปัจจุบัน
ด้วยกฎกติกาใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในการแข่ง F1 ปีนี้ ซึ่งช่วยเพิ่มความตื่นเต้นให้การแข่งก็ได้ถูกนำมาใช้ในเกมด้วยเช่นเดียวกัน ก็คือระบบ KERS และ DRS ที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ยังมีระบบการเผาผลาญเชื้อเพลิงเข้าไปในเกมอีก ซึ่งสามารถปรับได้ทุกเมื่อในขณะขับแข่ง มีให้ปรับ3แบบ คือ lean จะทำให้เครื่องยนต์ส่งแรงน้อยลงเพื่อประหยัดน้ำมัน Standard ก็จะเป็นระดับปกติ และ Rich ที่ทำให้เครื่องส่งกำลังมากขึ้นและผลาญน้ำมันมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ก็เพิ่มโอกาสที่เครื่องยนต์จะพังหรือระเบิดขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งระบบพวกนี้เรียกได้ว่าเพิ่มงานและการวางแผนให้กับนักแข่งเต็มๆ

Safety Car มาแล้ว!!
นอกจากการบังคับรถและบริหารวางแผนการแข่งแล้วก็ยังมีอะไรที่เพิ่มเข้มข้นขึ้นอีกหลายอย่าง เริ่มด้วยจุดเด่นที่มีแฟนๆขอร้องเข้ามามากจนผู้ผลิตต้องยอมเพิ่มเข้ามาในเกมปีนี้ก็คือ Safety Car (ต่อไปนี้ขอย่อว่า SC) ซึ่งจะออกมานำนักแข่งเมื่อมีเหตุอันตรายต่อการแข่งเกิดขึ้นเช่น มีรถชนกันจนทำให้มีรถพังอยู่กลางสนามหรือว่าฝนตกหนักจนแข่งไม่ได้ ซึ่งในเกมนี้จะมี SC ต่อเมื่อเลือกเล่นที่ความยาวการแข่งมากกว่า 20% ถึงกระนั่นผู้เล่นก็ยังหาโอกาสที่ SC จะออกมาได้ยากมากเนื่องจากเหตุการณ์อันตรายดั่งกล่าวแทบจะไม่เกิดขึ้นเลยในขณะแข่ง แต่เมื่อออกมา รถทุกคันจะต้องขับช้าลงและห้ามแซงกันยกเว้นในพิท ในเกมต่อให้คุณเหยียบคันเร่งแค่ไหน เกมก็จะทำการเบรคอัตโนมัติให้คุณเพื่อไม่ให้คุณแซงหรือเข้าไปใกล้คันหน้ามากเกินไป และเมื่อเบรคทิ้งห่-างคันหน้ามากเกินไป รถผู้เล่นจะกลายเป็นใสๆและยอมให้คันที่ตามหลังคุณแซงขึ้นไปจนกว่าคุณจะเร่งความเร็วกลับมาตามหลังดังเดิม ในระหว่างตามหลัง SC อุณหภูมิยางและเบรคของคุณจะตกลงอย่างมากเนื่องจากวิ่งที่ความเร็วต่ำ คุณสามารถเพิ่มอุณหภูมิยางและเบรคได้โดยขับรถโยกซ้ายขวาไปมาหรือเร่งและเบรคเป็นช่วงๆเพื่อให้พร้อมแข่งเมื่อ SC ออกไป ในขณะที่ SC กำลังจะออก ถ้าคุณนำอยู่ก็สามารถช้าลงมาเพื่อดึงจังหวะได้ แต่ถ้าคุณตามหลังใครซักคนอยู่ ระบบเบรคอัตโนมัติจะบังคับให้คุณช้าลงตามและจะปล่อยให้คุณเร่งเมื่อคันหน้าเริ่มเร่งห่-างออกไป ระบบนี้ทำให้คุณหมดสิทธิที่จะฉวยโอกาสแซงคันหน้าเมื่อเข้าสู้โค้งแรกหลังจาก SC ออกไปเลย นอกจากนี้ยังมีธงแดงเพิ่มเข้ามาอีกด้วย ซึ่งหาโอกาสเจอได้ยากกว่า SC หลายเท่านัก เนื่องจากต้องมีรถหลายคันกองพังกันอยู่กลางสนาม จะมีสัญญาณเตือนขึ้นธงแดงและตัดเป็นหน้าเมนูให้เราเลือกว่าจะเริ่มแข่งใหม่ตั้งแต่ต้นหรือว่าจะต่อจากธงแดง ซึ่งเมื่อเลือกแข่งต่อ รถก็จะกลับมาประจำจุดสตาร์ทเรียงตามอันดับที่ขณะธงแดงออกในรอบถัดมา

ของใหม่สดๆร้อนๆ กับสนามอินเดีย
มาดูที่สนามแข่งกันบ้าง สนามแข่งในเกมนี้สร้างมาอย่างดี ทั้งเลย์เอาท์ต่างๆ ทั้งมุมโค้งและการเปลี่ยนระดับต่างๆทำได้อย่างสมจริง พวกรายละเอียดรอบข้างสนามก็ทำได้อย่างดี แม้กระทั่งตึก facilities ต่างๆก็อัพเดตใหม่โดยเฉพาะสนามอังกฤษ ที่แน่ๆคือปีนี้มีสนามใหม่เพิ่มขึ้นมาด้วยก็คืออินเดีย สนามทั้งหมดทำได้อย่างดี รายละเอียดแทบจะครบถ้วน ยกเว้นในบางสนามที่การเลือกยางไม่ตรงกับความเป็นจริงสักเท่าไหร่นักเพราะตอนที่ทำเกมนั้นยังแข่งไม่ถึง เช่นในสนามเกาหลีที่ของจริงใช้ Super Soft (ยางแดง) เป็น Option แต่ในเกมใช้ได้แค่ยางเหลือง และส่วนประกอบในสนามบางจุดนั้นที่เพิ่งปรับปรุงใหม่หลังจากเกมทำไปแล้วเช่นในของจริงมีการถมที่ในบางโค้งของสนาม Spa แต่ในเกมก็ยังเป็นบ่อกรวดอยู่ ซึ่งก็โทษใครไม่ได้ในส่วนนี้ครับ
ส่วนที่สำคัญในเกมแข่งรถไม่แพ้ระบบการขับก็คือคู่แข่งนั่นเอง ซึ่งในเกมก็คือ AI ที่คอยควบคุมรถที่มาแข่งกับเรานี่เอง ใน F1 2011 บอกได้เลยว่าค่อนข้างสมจริงเหมือนกับแข่งกับมนุษย์พอสมควรเลยทีเดียว โดย AI แต่ละคันที่มีเอกลักษณ์และการตัดสินของตัวเอง ดังนั้นเราจะไม่มีทางเห็นรถทุกคันในสนามวิ่งตามกันเป็นเส้นเดียวกันตลอด และนอกจากนี้ AI ไม่ได้แค่แข่งกับเราเท่านั้น มันยังแข่งกันเองด้วย ตัว AI นั้นเรียกได้ว่าดุดันกว่าเกม Sim Racing ไหนๆเลย เราจะเห็นได้ว่ารถ AI จะพยายามโยกซ้ายขวาหาทางแซงกันตลอด ซึ่งเราสามารถใช้จังหวะนี้เป็นตาอยู่แซงขึ้นไปได้เลยเหมือนกัน แต่การแซงนั้นก็ไม่ง่าย เพราะว่า AI จะคอยปิดมุมและบล็อคป้องกันช่องทางแซงที่เราโชว์ให้เห็นว่าจะแซงมันตรงนี้ ซึ่งเราก็ใช้ระบบตรงนี้หลอกให้มันเปิดช่องทางอีกฝั่งได้ แต่ก็ไม่ถึงกับว่าจะกันและเบียดหรือชนเราออกนอกสนาม เพราะ AI เองก็สามารถได้รับโทษจากการขับอัตรายและความเสียหายได้เหมือนกับเราด้วย รวมไปถึงการสามารถปรับตัวเองให้ไปตามสถานะการณ์ของการแข่งได้ด้วย เช่นถ้าหากรถของ AI เสียหาย มันก็จะขับระมัดระวังขึ้นหรือปรับแผนเข้าพิทเร็วกว่ากำหนด หรือถ้าฝนตกลงมา บางคันก็จะยอมเสี่ยงเข้าไปเปลี่ยนยางฝนออกมาก่อนขณะที่บางคันก็เสี่ยงที่จะใช้ยางแห้งแข่งต่อไป แต่จุดที่ไม่บ่นไม่ได้คือ เมื่อ AI โดนน็อครอบในการแข่ง หรืออยู่ในรอบที่ตัวเองไม่ได้จับเวลาในรอบ Practice ที่จำเป็นจะต้องเปิดทางให้เราแซงนั้นกลับสร้างปัญหาให้คนขับได้ไม่น้อยเนื่องจากมันพยายามจะหลบเราแต่เมื่ออยู่ในทางโค้งซึ่งเราจำเป็นต้องใช้ทั้งขอบนอกและในของโค้ง แทนที่จะหลบไปชิดข้างใดข้างหนึ่งแล้วช้าลง ดันกลายเป็นว่า AI เองจะดูเหมือนเดาใจไม่ออกว่าเราจะไปทางไหนก็จะขับโยกส่ายไปมาพยายามจะหลบเราและกลับกลายเป็นขวางทางเราได้ง่ายๆ ซึ่งจุดนี้สามารถทำให้เราเสียจังหวะที่จะไล่แซงหรือหนีคันอื่น หรือแม้กระทั้งชนเราทำให้รถเราได้ความเสียหายได้เลย
เมื่อออกจากทางแข่งมาโรงรถข้างสนามเราสามารถเข้าไปที่หน้าจอคอมหน้าเราเพื่อดูข้อมูลและปรับแต่งตัวรถได้ การปรับแต่ง Setup รถนั้นมีได้ถูกออกแบบมาเป็นแถบเลื่อนซ้ายขวาพร้อมด้วยคำบรรยายด้านล่างทำให้ดูเข้าใจได้ไม่ยาก มีทั้งปรับองศาปีก ช่วงล่าง องศาของล้อ เกียร์และเครื่องยนตร์ ซึ่งการปรับนิดๆหน่อยๆก็มีผลต่อตัวรถและการขับได้ไม่มากก็น้อย แต่ถ้าไม่อยากยุ่งยากกับการจูนก็สามารถหันไปหาทีมช่างข้างรถและเลือก Quick Setup เพื่อได้การปรับแต่งพื้นฐานที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีระบบตัวช่วยอื่นๆอีกที่สามารถช่วยคุณในการขับได้โดยเข้าไปปรับแต่งได้ในเมนูปรับระดับความยาก ซึ่งในนั้นก็จะมีให้เลือกหลายอย่าง เช่น Break Assistที่ช่วยเบรคให้คุณถ้าเข้าโค้งเร็วเกินไป, ABSที่ป้องกันเบรคล้อล็อคทำให้เบรคได้เร็วขึ้น, Traction Controlที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะของรถป้องกันการหมุนและเข้าโค้งง่ายขึ้น, Racing Lineจะเป็นเส้นสีบนถนนที่คอยบอกไลน์และจังหวะเบรคให้คุณ และอื่นๆอีก เช่น ปรับเปิดปิดการใช้ยางและน้ำมัน ซึ่งถ้าปิดแล้ว ยางจะมีคุณภาพดีที่สุดเสมอ ส่วนน้ำมันก็จะเกลี้ยงถังทำให้รถเบา รวมไปถึงความเก่งของ AI อีกด้วย
มาถึงเรื่องของฟีเจอร์พิเศษในการแข่งที่น่าสนใจกันมั่ง เริ่มด้วยอันแรกที่เป็นจุดขายของเกมแข่งรถ Codemasters เลยทีเดียวก็ว่าได้ ก็คือ Flashback ที่ได้ปรากฏตัวครั้งแรกกับ Race Driver : GRID ในปี2008 และอยู่ในทุกเกมแข่งรถของ Codemasters ตั้งแต่นั้นมา ซึ่งใน F1 2011 ก็ได้นำมาใช้ด้วย จุดเด่นของมันก็คือคุณสามารถย้อนเวลาไปได้ระยะเวลานึงเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดอะไรต่างๆได้อย่างดี สมมุติว่าคุณแข่งมา 10กว่ารอบแล้วอยู่ดีๆเผลอชนพังทีเดียวคุณก็ไม่จำเป็นต้องไปเริ่มใหม่ คุณแค่ใช้ Flashback ย้อนเวลาไปก่อนที่คุณจะเข้าโค้งไปแก้ข้อผิดพลาดได้ ซึ่งถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ดีมากเลยทีเดียว และยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในเกมปีนี้ก็คือ Race Director นั่นเอง ในระหว่างแข่งนั้นคุณสามารถกดหยุดเกมแล้วเข้าเลือกเมนู Race Director เพื่อดูรายงานต่างๆของการแข่งเช่น ลำดับของนักแข่งทั้งหมดในสนามในขณะนั้น คนนั้นใช้ยางแบบไหนวิ่งอยู่ เข้าพิทไปแล้วกี่ครั้ง เวลาต่อรอบเท่าไร รวมไปถึงเหตุการณ์ว่าโดนโทษหรือชนอะไรกับใครเมื่อไรด้วย เนื่องจากข้อมูลที่แสดงบนหน้าจอคณะแข่งนั้นจะบอกแค่นักแข่งที่อยู่หน้าและหลังเราและเวลาที่ห่-างกันอย่างละคนเท่านั้น ซึ่งเป็นประโยชน์ในการวางแผนการขับครับ ว่าตอนไหนควรที่จะเร่งทำเวลา ตอนไหนควรที่จะผ่อนหรือค่อยๆขับรักษาหน้ายาง หรือแม้แต่ใช้วางแผนเข้าพิทเพื่อเปลี่ยนแผนการแข่งก็ยังได้ โดยเฉพาะเมื่อเราต้องการแข่งแย่งตำแหน่งในคะแนนสะสมกับใครบางคน ก็สามารถดูตำแหน่งของคนนั้นได้เพื่อกะว่าเราควรเร่งแซงขึ้นไปอีกหรือขับประคองตัวก็เพียงพอแล้ว
ในเรื่องของโหมดการแข่งนั้น หลักๆเลยก็ต้องพูดถึง Career หรือโหมดอาชีพที่ซึ่งคุณจะสามารถเข้าแข่งขันการแข่ง F1 โดยสามารถเลือกชื่อและสัญชาติของตัวคุณเองได้ เนื่องจากเกมนี้ไม่มีการสร้างตัวละครเอง คุณจะสามารถเลือกลายหมวกกันน็อคของตัวเองเพื่อบ่งบอกตัวคุณเท่านั้น ส่วนชุดนั้นก็จะเปลี่ยนไปตามทีมที่คุณอยู่ และถ้าลองสังเกตดีๆจะเห็นว่าชุดนั้นเป็นของตัวละครที่เราเล่นครับ เช่นเล่นเป็นนักแข่งเบอร์ 2 ของ Force India ชุดก็จะเป็นของ Paul Di Resta
เมื่อเข้าโหมดอาชีพครั้งแรกหลังจากกรอกชื่อและสัญชาติผ่านนักข่าวที่สัมภาษณ์เราแล้ว คุณจะต้องเลือกทีมที่จะเข้า ซึ่งมี5ทีมท้ายตารางมาให้เราเลือกเล่นก่อน โดยหลังจากเลือกแล้วคุณจะต้องอยู่กับทีมนั้นอย่างน้อย1ฤดูกาลเต็ม โดยแต่ละทีมก็จะมีเป้าหมายประจำปีของตัวเอง คุณจะเห็นลายของรถและอุปกรณ์ที่จอดอยู่เป็นพื้นหลังในเมนูเปลี่ยนเป็นสีของทีมนั้นๆ ซึ่งหน้าหลักของโหมดอาชีพจะเป็นห้องสำนักงานที่สามารถเช็คเมล์อัพเดทข้อมูลต่างๆเช่นสภาพอากาศและเป้าหมายในการแข่งแต่ละสนาม ซึ่งบางทีมอาจจะผิดหวังเมื่อคุณตกโพเดี่ยม แต่สำหรับบางทีมแค่ติดTop10ก็ดีใจยังกะได้แชมป์


ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ดีใจได้ถ้าทำเป้าหมายสำเร็จ
การแข่งสามารถเลือกได้ว่าจะวิ่งเต็ม session คือ practice หรือซ้อม 3 ครั้ง qualify หรือคัดตัวเรียงตำแหน่งอีก 3 ครั้ง และแข่ง 1 ครั้ง
หรือจะวิ่งแบบสั้น คืออย่างละ 1 ครั้ง
จากนั้นก็สามารถเลือกระยะทางการแข่งว่าจะแข่งยาวขนาดไหน ได้ตั้งแต่
- 100% คือเต็มจำนวนที่แข่งจริง ส่วนใหญ่จะวิ่งกัน 50 กว่ารอบ
- 50% ก็ครึ่งนึง ราวๆ 20กว่ารอบ
- 20% ลดลงมาเหมือน 10กว่ารอบ
- 3รอบ
เมื่อเข้าไปแข่ง การชนะการแข่งไม่ใช่ทุกอย่าง คุณมีหน้าที่มากกว่าการแข่งให้บรรลุเป้าหมายของทีม เพราะคุณจะต้องเอาชนะเพื่อร่วมทีมให้ได้เพื่อแสดงให้คนอื่นเห็นว่าเราสามารถเอาชนะคนที่มีรถแบบเดียวกับเรา และบางสนามทีมก็จะมี R&D (Research and Development) ให้เราทำในช่วง Practice ซึ่งถ้าเราทำสำเร็จก็จะได้อุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของรถขึ้นมา นอกจากอุปกรณ์ที่เราต้องทำเองแล้ว นานๆทีก็จะมีอุปกรณ์พิเศษที่ทีมเอามาติดให้เราเองเพิ่มขึ้นอีกด้วย นอกจากแข่งในสนามแล้ว

David Croft จ้องตาเขม็งเลย
พอออกมานอกสนามบางครั้งก็จะมีนักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์เราถึงเรื่องต่างๆเช่น อาการของรถ รู้สึกยังไงกับทีม ปีหน้าจะตัดสินใจย้ายทีมไหม หรือคิดว่าเรามีโอกาสคว้าแชมป์ไหม ซึ่งการตอบนั้นก็มีผลต่อทั้งทีมของเราและทีมอื่นๆด้วย รวมไปถึงค่าชื่อเสียงของเราที่เอาผลงานในสนามของเรามารวม โดยค่าชื่อเสียงนี้ก็เหมือนกันระดับเลเวลนักขับของเราที่จะเพิ่มขึ้นตามผลงานในสนาม และพอเริ่มถึงกลางฤดูกาล คุณก็อาจจะได้รับเมล์มาจากทีมต่างๆที่ต้องการให้เราเป็นนักขับของทีมนั้นๆ ซึ่งเราจะสามารถตอบตกลงและปิดการเจรจากับทีมอื่นหรือคุณจะรอเพื่อดูทีมที่ถูกใจกว่า แต่ถ้าคุณรอนานมากไปบางทีมก็อาจจะตัดใจถอนสัญญาออกไปก่อนก็ได้ ซึ่งถ้าคุณตัดสินใจอยู่ทีมเดิม คุณก็อาจจะมีโอกาสได้เป็นนักแข่งมือ1 ของทีมที่จะเป็นคนตัดสินการพัตนาของรถได้เอง หรือจะย้ายไปอยู่ทีมที่ดีกว่าเพื่อให้มีโอกาสชนะมากขึ้น และผลการแข่งของแต่ละสนามคุณก็จะสามารถเห็นปฏิกิริยาตอบสนองจากทีมได้ผ่าน Cut Scene ที่เพิ่มเข้ามาในเกมปีนี้ด้วย ซึ่งถ้าคุณไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของทีมในสนามนั้นได้ คุณก็จะเห็นว่าคุณและทีมช่างจะออกอาการหงุดหงิดและมีเรื่องคุยกันแต่ถ้าคุณทำสำเร็จ คุณจะเดินยกมือดีใจและได้รับเสียงปรบมือจากทีมงาน และยิ่งถ้าคุณติดโพเดี่ยมแล้ว คุณจะเห็นตัวคุณนำรถเข้าไปจอดที่ Parc ferme พร้อมกับนักแข่งอีก2คนและแสดงความยินดีกับทีมและนักแข่งกันเอง

ทำผลงานดีมีโปรโมชั่นนะ
นอกจากโหมด Career แล้วก็มีโหมดอื่นๆให้คุณได้เล่นอีกก็คือ Gran Prix ที่คุณสามารถเลือกว่าจะเป็นนักแข่งคนไหน แข่งที่ไหน สภาพอากาศเป็นยังไง แข่งกี่รอบ กี่สนาม ได้หมด ซึ่งก็เหมือนแข่งแบบ Single Player ธรรมดาๆ และก็มีโหมดเกมใหม่ที่เพิ่มมาในปีนี้ก็คือ Proving Grounds ที่จะแบ่งออกมาเป็น2โหมดก็คือ Time Trail ที่เหมือน Practice เลือกรถ สนาม ปรับแต่งรถ แข่งจับเวลา โดยปิดการใช้ยางและน้ำมันออกทั้งหมด อีกโหมดก็คือ Time Attack ที่รถและสนามจะถูกล็อคตามเหตุการณ์ไว้แล้วและจะมีเวลากำหนดให้3ระดับ ทอง เงิน ทองแดง เพื่อให้เราเอาชนะ นอกจากนี้ก็ยังมีโหมด Multiplayer ซึ่งมีโหมดออนไลน์แข่งกันได้พร้อมกันถึง16คน และนอกจากนี้จะมี AI เพิ่มเข้ามาเพื่อให้รถเต็มสนามพอดี และมีโหมด Split Screen ไว้แข่งกับเพื่อนที่บ้านบนจอเดียวกัน และยังมีโหมดพิเศษใหม่ล่าสุดคือ Co-op ที่คุณและเพื่อนจะต้องอยู่ทีมเดียวกันและแข่งกับทีมอื่นและแข่งกันเองเพื่อแย่งกันเป็นมือ1ของทีม ซึ่งก็เหมือนกับโหมด Career แบบ 2 คนนั้นเอง

จะแข่งกับคนอื่นก็เข้าที

แข่งกับคนในบ้านก็เข้าท่า
Graphics

แสงเงาบาดใจ แต่ไม่บาดเข้าไปในลูกตาจนแสบแน่นอน
แสงดูสดและสมจริง ลด Blooming Effect ลงไปจากเกมของ Codemasters ก่อนๆแทบจะหมดทำให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น ทั้งเงาสะท้อนที่ตกกระทบบนตัวรถและเงาสะท้อนบนรถและน้ำทำได้สมจริง รวมไปถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในด้านอนิเมชั่นอย่างเช่น ปีกหน้าที่สามารถสั่นโยกไปมาได้ตามแรงกระแทกของรถ ยางที่หลุดลงข้างทางมีหญ้าและกรวดติดมากับยาง เศษยางที่ร่อนออกมาจากล้อและกองอยู่ตามขอบนอกของโค้งเมื่อแข่งไปนานๆ มือของนักขับที่ขยับไปกดปุ่มบนพวงมาลัยเวลาใช้ DRS หรือ Kers หรือแม้กระทั่งหยดน้ำบนตัวรถในช่วงที่ฝนตกก็ไหลตามตัวรถไปตามความเร็วของรถด้วย
ในด้าน Interface และ Head-up Display ทำได้ค่อนข้างดี ในเมนูหลักจะเป็นแบบเรียงกันทำให้อ่านได้ง่าย การปรับแต่งใน options ต่างๆเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ เข้าใจง่าย แต่ก็มีสิ่งที่แปลกอยู่คือการตั้งจอยเกมอย่างละเอียด ที่ Saturation นั้นเป็น 0 ซึ่งถ้าเกมทั่วไปต้องอยู่ที่ 100 แล้วลดลงมา แต่ในเกมนี้อยู่ที่ 0 แล้วเพิ่มขึ้นไป เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้งงครับ
ตัวเมนู Career ทำเป็นแบบ 3D เหมือนว่าเราอยู่ที่นั่นจริงๆและหันมองไปมาเพื่อเลือกว่าจะทำอะไร และเมื่อเข้าไปใน Garage ของเราแล้วจะให้สภาพเหมือนกับเราอยู่ในตัวรถ พร้อมที่จะแข่งและบอกทีมงานว่าเราจะต้องการอะไร ซึ่งเมื่ออยู่ในรถแล้วเมนูส่วนใหญ่จะเข้าไปในจอมอนิเตอร์ที่อยู่ข้างหน้าเราซึ่งบอกเวลาของนักแข่งคันอื่นเหมือนกันนักแข่งจริงๆที่ดูกัน แต่ก็มีเพิ่มเติมคือดูเส้นทางพัตนาของทีมและปรับแต่ง Set-up ตัวรถก็อยู่ในนั้นด้วย ทางด้าน HUD ดูค่อนข้างจะสะอาดตาเนื่องจากมีบอกแค่อันดับของเรา, นักแข่งที่อยู่หน้าและหลังเรา, รอบที่วิ่งอยู่, เวลาดีที่สุด และเวลาในเซคเตอร์ซึ่งจะโผล่ขึ้นมาเมื่อผ่านเซคเตอร์ก่อนที่จะหายออกไป และตัวบอกความเร็วก็จะเห็นรอบเครื่องแบบอยู่บนพวงมาลัยที่นักแข่งเห็นจริงๆเลย ซึ่งเราจะเลือกมุมกล้องแบบ cockpit เพื่อดูจากพวงมาลัยโดยตรงเลยก็ได้ และยังมี HUD ที่ซ่อนอยู่ 2 อันก็คือหน้าจอบอกสถานะภาพรถซึ่งสามารถกดดูได้3หน้าก็คือ อุณหภูมิของยางและเครื่องยนต์ สภาพและความเสียหายของรถ และข้อมูลอื่นๆเช่น น้ำมันเหลือ-ขาดกี่รอบและเมื่อเราเข้าพิทไปจะออกมาประมาณอันดับที่เท่าไร อีกหน้าจอที่ซ่อนอยู่ก็คือเมนูปรับการใช้น้ำมันและสั่งทีมในพิทว่าครั้งหน้าเราอยากใช้ยางชนิดไหน นอกจากนี้ในจอเราเมื่อฝนตกก็จะมีหยดน้ำมาเกาะบนจอทำให้มองไม่ค่อยชัดและถ้ายิ่งวิ่งตามหลังรถคันอื่นแล้วก็จะเจอน้ำสาดเข้าจอทำให้มองแทบไม่เห็นเหมือนนักแข่งที่ต้องเจอในการแข่งเลย

มากับฝน
ส่วนทางด้านมุมมองต่างๆก็ได้ระบการพัฒนาขึ้นมามาก โดยเฉพาะมุมมองในค๊อกพิท จากเดิมที่เห็นแต่ขอบรถกับขอบฟ้า ตอนนี้มุมจะสูงขึ้นมาให้เห็นถนนได้ดีขึ้น สามารถมองและใช้มุมมองนี้ได้ง่ายขึ้นครับ
นอกจากรายละเอียดที่ตัวรถและในสนามแล้วก็ยังมีรายละเอียดอื่นๆที่เพิ่มความสมจริงเข้าไปอีกเช่น สัญญาณไฟและกรรมการโบกธงข้างสนามเวลามีธงเหลือง บนฟ้าจะมีฝูงนกบินผ่านในบางครั้ง เศษใบไม้ปลิวว่อนทั่วสนามโดยเฉพาะยิ่งตอนก่อนฝนตกจะมีให้เห็นปลิวกันเยอะมากเพิ่มอารมณ์ให้เหมือนพายุกำลังมา สภาพอากาศและท้องฟ้าที่เปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่แดดออกจ้าจนกระทั้งเริ่มมีเมฆปกคลุมแล้วฟ้าค่อยๆมืดจนไปถึงฝนตกหนักหรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนของวันตั้งแต่กลางวันไปกลางคืน
Sound
ในเรื่องเสียงนั้นก็ใส่รายละเอียดลงมาพอสมควร เริ่มด้วยเรื่องเพลงกันก่อน เพลงในเกมนี้แบ่งได้เป็น2ชุดด้วยกัน ซึ่งในเมนูหลัก หน้าโหลดเกม และฉาก Cut Scene จะเป็นเพลง BGM ที่ทำมาเพื่อเกมนี้โดยเฉพาะซึ่งให้บรรยากาศกับเกมได้ดี ส่วนที่เหลือก็จะเป็นเพลง BGM ที่อยู่ในห้อง Career, Garage และตอน Replay หลังแข่งจบ ซึ่งได้เพลงมาจากหลากหลายศิลปินด้วยกัน ส่วนใหญ่จะเป็นแนวเทคโนปนๆกับร็อคซึ่งเพิ่มอารมณ์ให้เราตื่นตัวแต่ก็ไม่ถึงกับหนักมากไปจึงทำให้เราสามารถเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงได้ ซึ่งเพลงในห้อง Career และ Garage นั้น จะใช้ฟีเจอร์พิเศษของ Codemasters ก็คือ Rapture3D ที่จะทำเสียงเพลงที่เราได้ยินเป็นเหมือนกับได้ยินวิทยุที่เราเปิดทิ้งไว้ในห้องนั้นจริงๆ
มาในส่วนของเสียงเครื่องยนต์ ซึ่งเสียงเครื่องยนต์ของแต่ละรุ่นก็จะไม่เหมือนกัน เช่นเสียงเครื่องของทีมที่ใช้เครื่อง Cosworth จะไม่เหมือนกันทีมที่ใช้ Mercedes และยังใส่รายละเอียดในด้านของเสียงเครื่องตอนที่วิ่งลอดใต้สะพานหรือเข้าอุโมงค์ก็จะได้ยินเสียงก้องของเครื่องที่สะท้อนจากกำแพงมา ในเรื่องของเสียงยางเวลาเบรคล็อคหรือลื่นสไลด์บนถนนแห้งกับเปียกก็ยังไม่เหมือนกันด้วย และเสียงเวลาเราหลุดลงหญ้าหรือบ่อกรวดก็ทำได้ดีมีเสียงเศษทรายกระทบกับตัวถังใต้รถหรือแม้แต่ขับออกมาแล้วก็ยังมีเสียงอยู่ซักพักเนื่องจากยังมีเศษกรวดติดมากับล้อด้วยนอกจากนี้ก็ยังมีเสียงเปิด-ปิดปีกหลังจากการใช้งาน DRS อีกด้วย ซึ่งเอฟเฟกต่างๆเหล่านี้นอกจากจะช่วยเสริมอารมณ์ในการเล่นแล้ว ยังเป็นข้อมูลของสถานะรถให้กับเราได้อีกด้วย
น่าเสียดายที่มีเสียงหนึ่งที่หายไป สำหรับแฟนการแข่ง F1 คงเข้าใจกันดีว่าในปีนี้นั้น FIA เปิดโอกาสให้ทีมปล่อยไอเสียออกมาจากรถในขณะที่ถอนคันเร่งได้ (blown diffuser) ไอเสียที่ว่านี้จะนำไปกดรถลงตอนที่ปล่อยคันเร่งเพื่อโค้ง ซึ่งไม่ได้มีแค่แรงกดเท่านั้น สิ่งนี้มาพร้อมกับเสียงด้วย แต่ในเกมนี้กลับไม่มีเสียงที่ว่านั้นครับ โดยส่วนตัวรู้สึกเสียดายนิดๆอยู่เหมือนกัน
แต่เสียงที่สำคัญอีกอย่างนึงนั้นมีแน่นอน คือเสียงของ race engineer หรือช่างของเรานั่นเอง ถึงแม้ในด้านเสียงของช่างที่คุยกับเราในช่วงแข่งนั้นจะไร้อารมณ์มากถึงแม้ว่าเราจะชนะก็ตามแต่เวลาแข่งก็คอยบอกข้อมูลอะไรหลายๆอย่างให้เราเรื่อยๆเช่น "รถข้างหลังกำลังไล่เข้ามา พยายามหนีให้ได้" หรือว่า "ถ้าจะไล่ข้างหน้า ต้องทำเวลาต่อรอบเร็วกว่าเท่านี้ๆ " หรือเวลาที่กำลังซ้อมอยู่แล้วปรับส่วนผสมน้ำมันไว้สูงจนน้ำมันใกล้จะหมดก็จะวิทยุมาบอกเราว่า ?น้ำมันใกล้หมดถังแล้ว เข้าพิทภายในอีก 2 รอบ?
ส่วนในด้านเสียงประกอบต่างๆที่เป็นพื้นหลังในเมนูก็เสริมให้บรรยากาศของการแข่งได้อย่างดีถึงแม้จะอยู่ในเมนู คุณก็จะได้ยินเสียงรถแข่งวิ่งผ่านไกลๆ เสียงผู้คน เสียงชัตเตอร์ จากนักข่าวที่คอยสัมภาษณ์นักแข่งคนอื่นอยู่ หรือว่าเสียงอุปกรณ์จากทีมงานซึ่งกำลังปรับแต่งรถให้เราอยู่ ซึ่งถึงแม้เราจะอยู่นอกสนามก็ยังมีบรรยากาศการแข่งขันอยู่ นอกจากนี้ยังมีเสียงเอฟเฟคนอกสนามอย่างเสียงคนดูที่คอยเชียร์เวลาเราวิ่งผ่านหรือเสียงลมที่ปะทะเข้ามาเวลาเราวิ่งเร็วๆ
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เกมจะหมดความสนุกถ้าขาดความลื่นไหล แต่กับ F1 2011 ไม่ต้องเป็นห่วงเลย เกมนี้เรียกได้ว่าเล่นได้ลื่นไหลตลอด เฟรมเรทสม่ำเสมอ กินเสปคไม่มาก ด้วยความต้องการขั้นต่ำแค่ Core 2 @2.2Ghz, Ram2G และ GeForce 7800 ก็ทำให้คุณเล่นได้สบายๆโดยถึงแม้ปรับกราฟฟิคต่ำสุดทั้งหมดนั้นไม่ใช่แค่ไม่น่าเกลียดเพราะว่าก็ถือได้ว่าสวยในระดับหนึ่ง แถมเป็นเกมที่โหลดไม่นานมาก ซึ่งเวลาโหลดก็จะมีสถิติของเราที่ผ่านๆมาออกมาโชว์ให้ดูไปเรื่อยๆจนกว่าจะโหลดเสร็จ ทำให้เรารู้สึกไม่ขาดช่วง จึงเรียกว่าเป็นเกมที่ภาพสวยไม่กินสเปคอีกเกมได้เลยทีเดียว
มาดูคะแนนกันเลยครับ
Driving Physics
Tunza! : 9.7
การขับทำได้สุดยอดมาก ตอบสนองได้ละเอียดอ่อน การเหยียบคันเร่งแรงไปอาจจะทำให้ท้ายรถพุ่งแต่คุณก็อาจจะได้สนุกกับการไถลรถเล่น
Beaver_XT : 9
ระบบการขับยอดเยี่ยม รายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆน้อยๆแต่ละส่วนทำได้อย่างดี Force Feedback เจ๋ง แทบไม่มีอะไรให้ติเลยทีเดียว หักคะแนนไปหน่อยเพราะเลือกที่รักมักที่ชังกับระบบ input ที่ใช้คีย์บอร์ดกับจอยแพดแล้วเลี้ยวช้ามาก
เฉลี่ย = 9.35
Gameplay
Tunza! : 8
มี Kers และ DRS รวมไปถึงสภาพอากาศให้คุณได้ลองเล่นได้อย่างหลากหลาย เรียกได้ว่าแทบไม่มีที่ติ แต่นอกสนามกลับไม่มีอะไรมากโดยเฉพาะ Career กับระบบที่ค่อนข้างจะงงๆจับทางไม่ค่อยได้ ที่ถึงแม้เราจะขับดียังไงในทีมท้ายตาราง ทีมแนวหน้าบางทีมก็ยังไม่มีเหลียวแลถึงแม้เราได้เป็นแชมป์ก็ตาม
Beaver_XT : 9.2
สำหรับแฟนการแข่ง F1 แล้วเป็นอะไรที่สนุก ครบถ้วน ได้อารมณ์เป็นที่สุด ไม่ใช่แค่ตะบี้ตะบันเร่งไปเรื่อยๆแต่ต้องวางแผนในการแข่ง รักษาหน้ายาง กำหนดการเข้าพิทต่างๆด้วย พร้อมฟีเจอร์ race director ที่ช่วยในการตัดสินใจได้ดีขึ้น
ส่วนคนทั่วไปที่อาจจะหาความสนุกจากการวิ่งวนสนามเดียวทีละ 50 กว่ารอบไม่ได้ก็ยังสามารถปรับลดลงมาให้วิ่งน้อยๆได้
เฉลี่ย = 8.6
Graphic
Tunza! : 9.4
ภาพสวยงามพร้อมรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆนาๆทั้งสภาพแวดล้อม แสง สี เงา ต่างๆนาๆ ที่ทำออกมาได้อย่างดี HUD และ Interface ดูสบายตาแต่ยังให้อารมณ์ F1 แต่ก็ยังมีจุดบกพร่องเล็กๆน้อยๆด้าน texture เล็กน้อย
Beaver_XT : 9.5
สวยงามตระการตา ใส่ใจในรายละเอียด แสงเงาเร้าใจและเข้ากันได้อย่างดี
เฉลี่ย = 9.45
Sound
Tunza! : 9.0 /10
เสียงสิ่งแวดล้อมเช่นเสียงฝน เสียงลม และเสียงพื้นหลังในช่วงเมนูทำได้ดีมาก เสียงเครื่องทำดี มีเสียงสะท้อนเมื่อเข้าอุโมงค์ เสียงชนพังดูก้อกแก้กไปหน่อย เพลงจากศิลปินต่างๆนำมาได้ดี แต่ดีไม่เท่าเมื่อเทียบกับภาคที่แล้ว
Beaver_XT : 9.5
สุ้มเสียงเร้าใจทั้งเครื่องยนต์และเอฟเฟกประกอบ น่าเสียดายที่ race engineer น้ำเสียงเบื่อโลกไปนิด แม้ข้อมูลจะแน่นปึ๊กก็ตาม
เฉลี่ย = 9.25
Overall : (9.35*6)/10)+((8.6*2)/10)+(9.45/10)+(9.25/10) = 9.2
สรุป F1 2011 เป็นเกมแข่งรถแนว Simulation ที่เล่นได้ทุกเพศทุกวัย พร้อมด้วยระบบการขับความสนุกตื่นเต้นในทุกๆโค้งพร้อมภาพอันสวยงามสบายตา แถมยังรับประกันตราคุณภาพจาก Codemasters จึงเป็นตัวเต็งเกมแข่งรถในปี2011 ได้ไม่ยากเลย ตัวเกมแทบจะสมบูรณ์แบบในหลายๆด้านทั้งระบบการขับ ภาพ เสียงต่างๆ ถึงแม้จะมีบั๊กบ้างเช่น texture กระพริบแต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ทำลายความสนุกในการเล่นนัก
ข้อดี
- ระบบการขับยอดเยี่ยม
- ภาพสวยตามแบบฉบับเกมยุคปัจจุบัน แต่ไม่ได้กินเสปกมากมาย
- เสียงดี
- อารมณ์เกมต่างๆสื่อออกมาได้ดี
ข้อเสีย
- ไม่มีการอธิบายกฏสำหรับมือใหม่ ทำให้คนที่ไม่รู้จักกับ Formula 1 มาก่อนเล่นแล้วจะงงมาก
- บั๊กเซฟเสียยังคงตามมาหลอกหลอน ดังนั้นแบ๊คอัพเซฟไว้เมื่อมีโอกาสจะดีกว่า
เหมาะสำหรับ
- คนที่ติดตามดูการแข่ง Formula 1 เป็นประจำอยู่แล้วจะรู้สึกสนุกไปกับเกมมากๆ แนะนำเลยว่าต้องเล่นให้ได้
- หากชอบเล่นเกมขับรถอยู่แล้ว มาเล่นเกมนี้อาจจะต้องปรับตัวอยู่สักนิด แต่ก็ยังสนุกได้เพราะระบบการขับทำมาอย่างดี ดังนั้นใครชอบเล่นเกมขับรถอยากให้ลองหามาเล่นกันครับ
- สำหรับคนทั่วไปที่ไม่เคยรู้จักกับการแข่งแบบนี้มาก่อน เริ่มแรกจะรู้สึกลำบากยากเย็นในการเล่นมากๆ แต่ก็ท้าทายไปอีกแบบ ถ้าลองแล้วชอบก็สามารถศึกษาเรื่องของการแข่งเพิ่มได้ทำให้สนุกมากขึ้นได้ครับ
ไม่เหมาะสำหรับ
- แฟนบอย Live For Speed, rFactor และ Grand Prix 4
สำหรับรีวิวเกม Formula 1 2011 แบบ Co-op เขียนกัน 2 คนก็จบลงเท่านี้ พบกันใหม่โอกาสหน้า สำหรับวันนี้สวัสดีครับ
Comment