สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับรีวิวเกมขับรถนะครับ ครั้งนี่ก็ต้องขออภัยด้วยที่ออกช้าเพราะติดสอบปลายภาค แล้วก็อยากจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการออนไลน์ของเกมนี้เพิ่มด้วย
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
ผ่านมาเป็นภาคที่3แล้วนะครับสำหรับเกมในซีรีส์ของ Dirt โดยฝีมือทีมงาน Codemasters นะครับ
ในภาคแรก ก็จะเป็นการแข่งทางฝุ่นที่เน้นไปทางแรลลี่
ต่อมาภาคที่สองก็มีเรื่องเดี่ยวกับ X Games เพิ่มเข้ามาด้วย มาถึงภาคที่3 มีการเพิ่มการแข่งในรูปแบบจิมคาน่าเข้ามา
นอกจากนี้ของใหม่ยังไม่หมดแค่นั้น ในการแข่งออนไลน์ก็มีอะไรให้เล่นเพิ่มขึ้นมากมายด้วย
เปิดเข้ามาหน้าเมนูแรกของเกม กลับกลายเป็นแบบเดิมๆเหมือนกับภาคแรก หรือเหมือนกับ Grid แล้ว เพื่อเอาใจคนที่บอกว่าอยากให้หน้าเมนูดูโปรฯและจริงจัง
ตรงนี้ถึงจะทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่ผมว่าผมชอบแบบ DiRT 2 หรือ F1 2010 มากกว่า ที่ให้เราได้อยู่ในรถบ้าน(motor home) แล้วไปตามสถานที่ต่างๆ
รูปแบบการแข่งแบบเล่นคนเดียวของเกมนี้หลักๆก็จะแบ่งได้ Rally, Rally Cross ก็จะเหมือนแข่งในสนามทั่วไปแต่เป็นทางฝุ่น, Trailblazer เป็นการแข่งคล้ายๆ rally แต่ไม่มีการบอก pace note รถที่ใช้ก็จะแรงเร็วกว่าของแรลลี่, Gymkhana ที่เพิ่มเข้ามาในภาคนี้ จะเป็นการแข่งเอา style point ต่างๆเช่นกระโดด ดริฟท์ ทำโดนัท อะไรต่างๆ, Land Rush ก็จะเป็นเหมือนกับ rally cross แต่จะเป็นพวกรถกระบะกับบั๊กกี้ ส่วน Head to Head จะเป็นการแข่งกันสองคนอยู่บนสนามเดียวกันแต่ตอนเริ่มจะขับไปคนละด้าน พอหมดรอบทั้ง2คนก็จะขับด้วยระยะทางเท่ากันพอดีแล้วเอาเวลามาเทียบกันครับ
ในการเล่นโหมดอาชีพจะเป็นการแข่งอีเวนท์ต่างๆนะครับ
ในการแข่งนั้น บางการแข่งก็จะเลือกรถได้หลายแบบ แบ่งเป็นยุคๆหรือเสปกต่างกันไปครับ
เวลาเลือกรถ แทนที่เราจะเลือกตัวรถแล้วก็เลือกลายเหมือนภาคที่แล้ว ในภาคนี้เราจะเลือกตามสปอนเซอร์ที่ให้มา ดังนั้นดูด้วยว่าเลือกรถอะไรขับ แล้วได้แต้มเยอะขนาดไหนนะครับ เอาง่ายๆก็เลือกคันขวาสุดนั่นหล่ะ แต้มเยอะสุดแล้ว พอเข้าไปถึงจะเล่นแล้วก็ดูว่าเค้าให้ทำอะไร ถ้าทำสำเร็จก็จะได้แต้มเพิ่ม เอาไว้อัพเลเวลปลดล๊อกรถและลายต่างๆ
แต่พอมาเป็นออนไลน์แล้วนี่สิ มีอะไรที่น่าสนุกกว่าขับรถไปเฉยๆเท่านั้นเยอะครับ
ในการแข่งแบบ Pro Tour ก็จะคล้ายของใน DiRT 2 มีการแบ่งเป็นหมวดๆไป ซึ่งในภาคนี้ก็ทำได้ดีกว่าภาคที่แล้ว มีการแบ่งที่ชัดเจนขึ้น
ตรงนี้ผมเห็นว่าคนเล่นเกมขับรถทั่วไปมักจะขับชนกันเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว ขนาดเล่นปกติที่ไม่ควรจะชนก็ยังชนกันได้
แถมยังมีบางคนที่สร้างความหรรษาและสะใจให้กับตัวเองในการชน ดังนั้นทาง Codemasters เค้าเลยจัดให้ครับ เป็นโหมดชนแหลกแหกกระจาย นั่นก็คือ
- Invasion เป็นการขับชนแผ่นป้ายรูปหุ่นยนต์ แข่งกันว่าใครชนได้มากที่สุด
- Outbreak ชนกันเพื่อติดเชื้อ
- Transporter เป็นการขับชนวงสีเขียวเพื่อเก็บธง แล้วขับไปชนวงสีม่วงเพื่อเข้าโกล ระหว่างนั้นผู้เล่นคนอื่นสามารถชนเราเพื่อแย่งธงได้
ถ้าคิดว่านี่ยังชนกันไม่สะใจแล้ว ผมขอเสนอ
- Cat ?n? Mouse โหมดแมวจับหนู โหมดนี้การแข่งคล้ายปกติครับ มีทั้ง Rally, Rally Cross การเล่นจะแบ่งเป็นทีม ในแต่ละทีมจะมีรถช้าๆเก่าอยู่คันนึง ที่เหลือจะเป็นรถแรงๆ หน้าที่ของคนขับรถเล็กคือขับให้เร็วที่สุดให้นำหน้าคนขับรถเล็กอีกทีม ส่วนคนที่เหลทอต้องคอยชนสะกัดทีมฝ่ายตรงข้ามไม่ให้เช้าเส้นชัยก่อน รับรอง ขนกันสนั่นเมือง
ตามไปไล่บี้กันโลด
ในการเล่นหลายคน นอกจากออนไลน์แล้ว ยังสามารถแบ่งหน้าจอกันเล่นได้ด้วย น่าเสียดายที่สำหรับบางคนที่ใช้จอยค่อนข้างโนเนม ตัวเกมจะไม่รู้จัก ปัญหานี้ได้รับรายงานมาหลายคนเหมือนกัน แต่ของผมตอนเล่นใช้จอย Xbox360 ทั้งสองคน ก็เล่นได้ไม่มีปัญหาครับ
นอกจากนี้อีกอย่างที่เพิ่มเข้ามาคือการอัพโหลดวีดีโอขึ้น Youtube ตรงจากตัวเกม ไม่ต้องมีโปรแกรมเสริมก็อัดวีดีโอโชว์ชาวบ้านได้
น่าเสียดายที่ระบบนี้สามารถอัดได้แค่ 30วินาทีเท่านั้น แถมยังออกมาได้ขนาดแค่ 480p แถมยังไม่ค่อยจะชัดเท่าไหร่อีก
วิธีอัดก็กดเลือก Youtube ระหว่างดูรีเพลย์ กำหนดจุดเริ่มกับสุดท้ายของวีดีโอ แล้วก็คอนเฟิร์ม จากนั้นก็เลือกหัวข้อวีดีโอตามที่เค้ามีมาให้ แล้วก็รอครับ
ตัวอย่างวีดีโอที่อัพจากในเกม
ดังนั้นขอแนะนำว่า คนที่อยากอัดวีดีโอจริงๆ ถ้าเล่นบน PC ให้หา Fraps หรือโปรแกรมอัดคลิปอย่างอื่นมาใช้จะดีกว่าครับ
Driving Physics - ระบบการขับ
การขับในเกมนี้ก็ตามฉบับ Ego Engine เกมทั่วไปเลยครับ ขับเฉยๆน่ะง่าย ขับให้เร็วสิ ต้องใช้ฝีมือ
การขับจะออกไปทางสมจริงสักนิด เร่งเป็นเร่ง เบรกเป็นเบรก เวลารถเหวี่ยงมีการถ่ายน้ำหนักที่ดี ทุกพื้นผิวให้แรงเกาะที่ต่างกันและให้ความรู้สึกในการขับได้อย่างดี รถแต่ละคันแต่ละรูปแบบทั้งขับสี่หรือขับหลังก็มีการแสดงบุคลิคออกมาได้อย่างแจ่มชัด
การตอบสนองพวงมาลัย คันเร่ง เบรกในเกมทำออกมาได้ดีมาก เฉียบคมและแม่นยำ ไม่มีดีเลย์ ขับแล้วรู้สึกดีครับ
คนที่เล่นด้วยเกมแพดจะรู้สึกได้ว่าระบบสั่นนั้นพัฒนาขึ้นไปในทางที่ดีมาก แต่ละพื้นผิวจังหวะการสั่นแตกต่างกันออกไป แค่มีจอยแพดก็สนุกกับเกมได้แล้ว
เมื่อเล่นด้วยจอยพวงมาลัย force feedback ก็ไม่แพ้กัน แต่สำหรับคนที่เล่นภาค2มาจนชินมือแล้วจะสังเกตได้ว่าภาคนี้นั้น แรงจะอ่อนๆหน่อย แต่พอลองปรับเร่งความแรงขึ้นมาแล้ว บอกได้เลยว่าเป็นอะไรที่ดีมากๆครับ เพราะการสื่อสารพื้นผิวต่างๆเวลาปรับเปลี่ยนนั้นมันราบลื่นและสมดุลกันอย่างดี ถือว่าพัฒนาขึ้นจากภาคก่อนมาก ยิ่งเล่นยิ่งติดใจ
ฟิสิกส์ยางกับระบบ suspension ของเกมนี้ก็ได้รับการปรับปรุงมาอย่างดี ทีแรกจะรู้สึกว่ารถมันหนึบกว่าภาคเก่าเยอะจนแทบจะไม่เป็นแรลลี่ แต่การตอบสนองในการเข้าโค้งต่างๆ การถ้ายน้ำหนักต่างๆนั้นทำออกมาได้อย่างดี เพราะระบบนั้นคงที่ แม่นยำ และแน่นอน และยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเล่นจิมคาน่า ที่ต้องใช้ทักษะการขับรถที่แม่นยำในการควบคุม ซึ่งรวมๆแล้วทั้งหมดทำมาได้อย่างลงตัวจริงๆครับ
ในเกมนี้ยังสามารถเปิดตัวช่วยต่างๆได้ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเล่นใหม่ๆก็สามารถเล่นได้โดยง่ายครับ
ถ้าคุณมองหาความสนุกในการขับในแบบฉบับที่ใครๆก็เล่นได้แล้วล่ะก็ รับรองเกมนี้ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
ปัญหามีอยู่อย่างนึงคือเบรกนั้นดูแรงจนโอเวอร์ แถมถ้าปิด ABS ต้องกดอย่างระมัดระวังมาก เพราะล้อล๊อกง่ายมาก ง่ายจนน่าตกใจเลยทีเดียว
มาถึงการขับคนเดียวแล้วก็มาดูเมื่อเฉี่ยวชนกันบ้าง เวลาชนกับคันอื่น การตอบสนองก็เป็นธรรมชาติครับ
เมื่อชนรถนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้มีแค่กับรูปลักษณ์อย่างเดียว ยังส่งผลถึงการขับด้วย นอกจากนี้ยางยังแตกได้ง่ายอีกต่างหาก ดังนั้นขับระวังๆกันหน่อยนะครับ
การปรับแต่งรถในเกมนี้ทำได้น้อย ไม่ต่างจาก DiRT 2 เลย แต่สำหรับคนที่ไม่อยากยุ่งยากกับชีวิตต้องมานั่งจูนนู่นนี่นั่นกว่าจะได้แข่งก็ถือว่าสะดวกและรวดเร็วดีครับ
การปรับแต่งต่างๆให้ผลชัดเจนมาก ดังนั้นถ้าอยากทำเวลาได้ดีๆ ก็หาวิธีจูนซะ ถ้าอยากรู้ว่าอะไรเป็นอะไรสามารถกดเพื่อเรียกคำอธิบายออกมาฟังได้
Gameplay
มาดูทางด้านเกมเพลย์กันบ้าง การเล่นเราก็จะปลดล๊อกอีเวนท์ต่างๆไปเรื่อย ในระหว่างนั้นก็จะมีการปลดล๊อกอีเวนท์พิเศษเช่นขับเก็บสตันท์ใน Battersea
การเก็บแต้มเพื่อปลดล๊อกนั้นก็ใช้วิธีนับคะแนน ซึ่งแค่ได้คะแนนครบก็บลดล็อกได้แล้ว ดังนั้นถ้าไม่ชอบเล่นอะไร แล้วเห็นว่าไปเล่นอย่างอื่นทำให้คะแนนครบได้ ข้ามไปก็ได้ครับ เช่นข้ามการเล่นจิมคาน่าในบางจุดเพราะไม่อยากเล่นเป็นต้น
รถในเกมนี้ ถ้าเป็นการแข่งแรลลี่ก็มีให้เลือกมากมาย แต่พอเป็น Stadium Truck กับบั๊กกี้แล้วมีอยู่แค่อย่างละคันเท่านั้นเอง
สนามถึงจะมีมาก แต่ก็ดูวนมาวนไป ทั้งๆที่เป็นคนละสนามกันนี่หล่ะครับ แต่จะขับผ่านอะไรที่คุ้นตาจากสนามเดิมมาบ้างล่ะ
สิ่งที่ดูจะขาดหายไปในภาคนี้ นอกจากจะเป็นเมนูที่เหมือนรถบ้านแล้ว พวกพลุและระเบิดต่างๆที่เคยมีในภาค2นั้นหายไปหมด ทำให่การแข่งดูจริงจังมากขึ้น แต่พอสลับกันไปๆมาๆแล้วรู้สึกมันเงียบเหงายังไงก็ไม่รู้
แต่ก็มีส่วนชดเชยคือบรรดาคนในทีมของเราจะมาพูดอะไรให้ฟังเกือบจะตลอดเวลา และพูดคุยกันอย่างกับเล่นตลกคาเฟ่ทุกครั้งที่ขึ้นซีซั่นใหม่ สรุปแล้วคือมันขัดกันน่ะครับ จะจริงจังหรือเอาฮากันแน่
ในการแข่งแรลลี่นั้น ส่วนสำคัญชี้เป็นชี้ตายอีกอย่างคือ pace note ที่คอยบอกทางเรานั่นหล่ะครับ ในเกมนี้ทำออกมาได้อย่างดี ทั้งระยะเวลาในการบอก และข้อมูลต่างๆก็ชัดเจนและใช้งานได้จริง
สิ่งที่ยังคงอยู่ในเกมของ Codemasters ตั้งแต่ Grid มาก็คือ Flashback ที่ทำให้สามารถย้อนเวลาไปได้หากมีอะไรผิดพลาด
ทางด้าน AI ก็พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ขับเร็วขึ้นเท่านั้น ยังรู้สึกได้เลยว่าเหมือนเล่นกับคนจริงๆอยู่ แถมยังมีการผิดพลาดนอกจากขับชนข้างทางแล้ว ยังมีขับชนกันเองอีกด้วย
จี้กันติดๆเลยทีเดียว
สำหรับคนที่เป็นแฟนแรลลี่ตัวยงคงไม่ค่อยจะถูกใจสักเท่าไหร่เพราะแรลลี่ในแต่ละด่านนั้นสั้นมาก
โดยรวมแล้วเกมนี้ไม่ใช่เกมสำหรับแฟนๆของการขับแรลลี่ไปตามทางแคบๆ แต่กลายเป็นเกมที่หาความหฤหรรษ์ในการขับบนทางฝุ่นซะมากกว่า เพราะมีหลายโหมดของเกมให้เล่น แถมยังมีรถหลายแบบให้ขับตั้งแต่คลาสสิคจนถึงรุ่นปัจจุบัน ทำไห้ไม่เบื่อได้ง่ายๆครับ
นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งจอกันเล่นสองคนในเครื่องเดียวอย่างที่บอกไปข้างต้นอีกด้วย ซึ่งเกมที่แบ่งจอเล่นได้ในปัจจุบันนี้นี่แทบไม่มีเลยก็ว่าได้ จะเรียกพี่ป้าน้าอามาเล่นสร้างเสริมสัมพันธ์ในครอบครัวก็สนุกไปอีกแบบครับ
ทางด้าน interface ของเมนู ก็ทำออกมาได้อย่างดี เข้าใจง่าย ปุ่มต่างๆก็ไม่สับสน
Graphic
ฝุ่นควันเค้าก็พัฒนาขึ้นเยอะนะเออ
พูดถึงกราฟฟิคแล้ว ต้องบอกเลยว่านี่คือเกมแรลลี่ที่ภาพสวยที่สุดตั้งแต่มีมา และเป็นหนึ่งในเกมขับรถที่ภาพสวยที่สุดด้วย ตัวรถโมเดลทำออกมาได้ละเอียด ถึงแม้โพลิกอนจะดูไม่เยอะและซับซ้อนเท่าไหร่ แต่การลบเหลี่ยมตามขอบทำได้งามมาก รวมไปถึงความเสียหายที่เกิดกับตัวรถดูแล้วสมจริงและสวยงามครับ
ชนยับ... ยับจริงๆ
นอกจากนี้ทิวทัศน์ต่างๆ ทั้งแสงสีที่สาดส่องดูแล้วระรื่นสายตามากครับ มีทั้งกลางวัน กลางคืน หิมะ และฝนตก
นอกจากนี้ในการขับไปตามสนามแรลลี่ บางครั้งก็มีคนวิ่งออกจากทางเพื่อหลบเราด้วย ถือว่าเป็นอะไรที่สร้างอารมณ์ร่วมได้อย่างดีครับ
ในเวลาที่เล่นนั้นเฟรมเรตก็ลื่นไหลไม่มีสะดุดเลยครับ ซึ่งตรงนี้หล่ะ ที่สำคัญสำหรับเกมขับรถ
Sound
ทางด้านเสียงนั้นก็เยี่ยมโดยเฉพาะเสียงเครื่องรถครับทำได้เร้าใจมาก นอกจากนี้เสียงจากแต่ละมุมมองก็จะต่างกันไปด้วย สำหรับสิ่งที่ขาดไปก็จะเป็นเสียงจากกระปุกเกียร์ ซึ่งในรถแข่งจะดังวี๊ดอยู่ตลอดเวลา ผมว่าตัดออกไปนั่นหล่ะดีแล้วเพราะสำหรับบางคนแล้วจะให้มานั่งฟังเสียงวี๊ดๆตลอดเวลามันน่ารำคาญมากๆครับ
ทางด้านเอฟเฟกต่างๆก็ไม่แพ้กันเลย
ส่วนเพลง soundtrack นี่ก็นานาจิตตังนะ แต่ผมว่าบางเพลงมันไม่ค่อยเข้ากับเกมสักเท่าไหร่ และบางคนอาจรู้สึกรำคาญกับเสียงพากย์เวลาแข่งจบอีเวนท์ต่างๆ เช่นบอกว่าแฟนๆเห็นแล้วคลั่งแน่นอน ลองโพสลง youtube สิ อะไรแบบเนี้ย... นี่มาแข่งรถนะครับ ไม่ใช่ตลกคาเฟ่
สำหรับบางคนตรงนี้อาจรู้สึกว่าทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงและไม่เงียบเหงา ชอบแบบไหนก็ตามใจคุณเลยครับ
มาดูคะแนนกันเลย
driving physics: 9.5/10 ไม่ซิมจัด ไม่อาเขตไป รวมกันได้อย่างพอดี เล่นได้ทุกคนพร้อมทั้งมีตัวช่วยสำหรับคนเพิ่งเริ่มเล่นอีกต่างหาก ที่ไม่ให้ 10 เพราะล้อล๊อกง่ายไปนี่หล่ะ ถ้ามแพทช์แก้ระบบเบรกแล้วผมจะเทคะแนนให้เลย
gameplay: 9.5/10 จุดเด่นไม่ได้อยู่ที่แรลลี่ แต่ไปอยู่ที่การเล่นหลายคน ถึงกระนั้นทุกส่วนก็ยังทำออกมาได้ลงตัว น่าเสียดายที่สนามบางสนามสั้นเกินไป
graphics: 10/10 สมดุลทั้งความสวยงามและการใช้ทรัพยากรเครื่อง
sound: 9.5/10 ลงตัวอย่างที่สุด น่าเสียดายที่เพลงบางเพลงไม่ค่อยเข้ากับบรรยากาศ แต่ใครจะสนเล่า ในเมื่อเสียงเครื่องมันแจ่มซะขนาดนี้
Overall: (9.5*6)/10)+((9.5*2)/10)+(10/10)+(9.5/10) = 9.55 สูงที่สุดตั้งแต่เคยให้คะแนนมาเลยนะเนี่ย
สรุป
ดีไปไปซะทุกสิ่ง ยิ่งเล่นยิ่งสนุก รวมๆแล้วข้อเสียของเกมนี้แทบหาไม่ได้จริงๆ ต้องขอยอมรับเลยว่าเป็นเกมขับรถที่สนุกที่สุดตั้งแต่เริ่มปี2011นี้มาเลยครับ ภาพเยี่ยมเสียงยอดการขับเร้าอารมณ์ได้ใจกันไปเต็มๆ
ถ้าเคยเลิกเล่น DiRT 2 เพราะขับยากไป ทำยังไงก็พุ่งลงข้างทาง ลองมาเล่นเกมนี้ดู
ถ้าชอบ DiRT 2 อยู่แล้ว ลองเล่นเกมนี้ดู ถึงจะขับง่าย แต่ใช้ความง่ายนั้นกดเวลาลงได้ขนาดไหนก็ท้าทายไม่หยอกทีเดียวครับ
ข้อดี
- ระบบการขับชั้นเลิศ เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความสมจริงและการทำให้ง่ายในการขับ
- ภาพสวย บรรกากาศดี
- เสียงรถไพเราะ น่าฟัง
- การเล่นคนเดียวสามารถเล่นได้ตั้งแต่สนุกๆ จนไปถึงแบบท้าทายจนตั้งงัดเทคนิกทุกอย่างออกมาใช้
- การเล่นหลายคนสนุกมาก และดึงดูดใจ
ข้อเสีย
- ได้รับรายงานมาว่า สำหรับผู้เล่นหลายคนตัวเกมมีปัญหา DirectX11 ทำให้เกมเด้ง
เหมาะสำหรับ
- ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ที่ชอบเล่นเกมขับรถ เล่นได้ตั้งแต่คนเริ่มเล่นยันโปร
- ครอบครัวลูกสองคน(หรือมากกว่า)ที่อยากหาเกมเล่นด้วยกันโดยใช้คอมพ์หรือคอนโซลเครื่องเดียว
- ผู้ที่สรรหาความสนุกบนทางฝุ่นและ 4 ล้อ
ไม่เหมาะสำหรับ
- แฟนบอย Richard Burns Rally
จบกันไปอีกรีวิวนึงแล้วนะครับ ระบบการขับของเกมที่ใช้ Ego Engine นี่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องเลย
ปลายปีนี้ยังมี F1 2011 จ่อคิวอยู่อีก จากข้อมูลที่ได้มาบอกว่ามีการปรับปรุงระบบการขับครั้งใหญ่ จะเป็นยังไงผมก็แทบอดใจไม่ไหวซะแล้วสิ
พบกันใหม่โอกาสหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
ผ่านมาเป็นภาคที่3แล้วนะครับสำหรับเกมในซีรีส์ของ Dirt โดยฝีมือทีมงาน Codemasters นะครับ
ในภาคแรก ก็จะเป็นการแข่งทางฝุ่นที่เน้นไปทางแรลลี่
ต่อมาภาคที่สองก็มีเรื่องเดี่ยวกับ X Games เพิ่มเข้ามาด้วย มาถึงภาคที่3 มีการเพิ่มการแข่งในรูปแบบจิมคาน่าเข้ามา
นอกจากนี้ของใหม่ยังไม่หมดแค่นั้น ในการแข่งออนไลน์ก็มีอะไรให้เล่นเพิ่มขึ้นมากมายด้วย
เปิดเข้ามาหน้าเมนูแรกของเกม กลับกลายเป็นแบบเดิมๆเหมือนกับภาคแรก หรือเหมือนกับ Grid แล้ว เพื่อเอาใจคนที่บอกว่าอยากให้หน้าเมนูดูโปรฯและจริงจัง
ตรงนี้ถึงจะทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่ผมว่าผมชอบแบบ DiRT 2 หรือ F1 2010 มากกว่า ที่ให้เราได้อยู่ในรถบ้าน(motor home) แล้วไปตามสถานที่ต่างๆ
รูปแบบการแข่งแบบเล่นคนเดียวของเกมนี้หลักๆก็จะแบ่งได้ Rally, Rally Cross ก็จะเหมือนแข่งในสนามทั่วไปแต่เป็นทางฝุ่น, Trailblazer เป็นการแข่งคล้ายๆ rally แต่ไม่มีการบอก pace note รถที่ใช้ก็จะแรงเร็วกว่าของแรลลี่, Gymkhana ที่เพิ่มเข้ามาในภาคนี้ จะเป็นการแข่งเอา style point ต่างๆเช่นกระโดด ดริฟท์ ทำโดนัท อะไรต่างๆ, Land Rush ก็จะเป็นเหมือนกับ rally cross แต่จะเป็นพวกรถกระบะกับบั๊กกี้ ส่วน Head to Head จะเป็นการแข่งกันสองคนอยู่บนสนามเดียวกันแต่ตอนเริ่มจะขับไปคนละด้าน พอหมดรอบทั้ง2คนก็จะขับด้วยระยะทางเท่ากันพอดีแล้วเอาเวลามาเทียบกันครับ
ในการเล่นโหมดอาชีพจะเป็นการแข่งอีเวนท์ต่างๆนะครับ
ในการแข่งนั้น บางการแข่งก็จะเลือกรถได้หลายแบบ แบ่งเป็นยุคๆหรือเสปกต่างกันไปครับ
เวลาเลือกรถ แทนที่เราจะเลือกตัวรถแล้วก็เลือกลายเหมือนภาคที่แล้ว ในภาคนี้เราจะเลือกตามสปอนเซอร์ที่ให้มา ดังนั้นดูด้วยว่าเลือกรถอะไรขับ แล้วได้แต้มเยอะขนาดไหนนะครับ เอาง่ายๆก็เลือกคันขวาสุดนั่นหล่ะ แต้มเยอะสุดแล้ว พอเข้าไปถึงจะเล่นแล้วก็ดูว่าเค้าให้ทำอะไร ถ้าทำสำเร็จก็จะได้แต้มเพิ่ม เอาไว้อัพเลเวลปลดล๊อกรถและลายต่างๆ
แต่พอมาเป็นออนไลน์แล้วนี่สิ มีอะไรที่น่าสนุกกว่าขับรถไปเฉยๆเท่านั้นเยอะครับ
ในการแข่งแบบ Pro Tour ก็จะคล้ายของใน DiRT 2 มีการแบ่งเป็นหมวดๆไป ซึ่งในภาคนี้ก็ทำได้ดีกว่าภาคที่แล้ว มีการแบ่งที่ชัดเจนขึ้น
ตรงนี้ผมเห็นว่าคนเล่นเกมขับรถทั่วไปมักจะขับชนกันเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว ขนาดเล่นปกติที่ไม่ควรจะชนก็ยังชนกันได้
แถมยังมีบางคนที่สร้างความหรรษาและสะใจให้กับตัวเองในการชน ดังนั้นทาง Codemasters เค้าเลยจัดให้ครับ เป็นโหมดชนแหลกแหกกระจาย นั่นก็คือ
- Invasion เป็นการขับชนแผ่นป้ายรูปหุ่นยนต์ แข่งกันว่าใครชนได้มากที่สุด
- Outbreak ชนกันเพื่อติดเชื้อ
- Transporter เป็นการขับชนวงสีเขียวเพื่อเก็บธง แล้วขับไปชนวงสีม่วงเพื่อเข้าโกล ระหว่างนั้นผู้เล่นคนอื่นสามารถชนเราเพื่อแย่งธงได้
ถ้าคิดว่านี่ยังชนกันไม่สะใจแล้ว ผมขอเสนอ
- Cat ?n? Mouse โหมดแมวจับหนู โหมดนี้การแข่งคล้ายปกติครับ มีทั้ง Rally, Rally Cross การเล่นจะแบ่งเป็นทีม ในแต่ละทีมจะมีรถช้าๆเก่าอยู่คันนึง ที่เหลือจะเป็นรถแรงๆ หน้าที่ของคนขับรถเล็กคือขับให้เร็วที่สุดให้นำหน้าคนขับรถเล็กอีกทีม ส่วนคนที่เหลทอต้องคอยชนสะกัดทีมฝ่ายตรงข้ามไม่ให้เช้าเส้นชัยก่อน รับรอง ขนกันสนั่นเมือง
ตามไปไล่บี้กันโลด
ในการเล่นหลายคน นอกจากออนไลน์แล้ว ยังสามารถแบ่งหน้าจอกันเล่นได้ด้วย น่าเสียดายที่สำหรับบางคนที่ใช้จอยค่อนข้างโนเนม ตัวเกมจะไม่รู้จัก ปัญหานี้ได้รับรายงานมาหลายคนเหมือนกัน แต่ของผมตอนเล่นใช้จอย Xbox360 ทั้งสองคน ก็เล่นได้ไม่มีปัญหาครับ
นอกจากนี้อีกอย่างที่เพิ่มเข้ามาคือการอัพโหลดวีดีโอขึ้น Youtube ตรงจากตัวเกม ไม่ต้องมีโปรแกรมเสริมก็อัดวีดีโอโชว์ชาวบ้านได้
น่าเสียดายที่ระบบนี้สามารถอัดได้แค่ 30วินาทีเท่านั้น แถมยังออกมาได้ขนาดแค่ 480p แถมยังไม่ค่อยจะชัดเท่าไหร่อีก
วิธีอัดก็กดเลือก Youtube ระหว่างดูรีเพลย์ กำหนดจุดเริ่มกับสุดท้ายของวีดีโอ แล้วก็คอนเฟิร์ม จากนั้นก็เลือกหัวข้อวีดีโอตามที่เค้ามีมาให้ แล้วก็รอครับ
ตัวอย่างวีดีโอที่อัพจากในเกม
ดังนั้นขอแนะนำว่า คนที่อยากอัดวีดีโอจริงๆ ถ้าเล่นบน PC ให้หา Fraps หรือโปรแกรมอัดคลิปอย่างอื่นมาใช้จะดีกว่าครับ
Driving Physics - ระบบการขับ
การขับในเกมนี้ก็ตามฉบับ Ego Engine เกมทั่วไปเลยครับ ขับเฉยๆน่ะง่าย ขับให้เร็วสิ ต้องใช้ฝีมือ
การขับจะออกไปทางสมจริงสักนิด เร่งเป็นเร่ง เบรกเป็นเบรก เวลารถเหวี่ยงมีการถ่ายน้ำหนักที่ดี ทุกพื้นผิวให้แรงเกาะที่ต่างกันและให้ความรู้สึกในการขับได้อย่างดี รถแต่ละคันแต่ละรูปแบบทั้งขับสี่หรือขับหลังก็มีการแสดงบุคลิคออกมาได้อย่างแจ่มชัด
การตอบสนองพวงมาลัย คันเร่ง เบรกในเกมทำออกมาได้ดีมาก เฉียบคมและแม่นยำ ไม่มีดีเลย์ ขับแล้วรู้สึกดีครับ
คนที่เล่นด้วยเกมแพดจะรู้สึกได้ว่าระบบสั่นนั้นพัฒนาขึ้นไปในทางที่ดีมาก แต่ละพื้นผิวจังหวะการสั่นแตกต่างกันออกไป แค่มีจอยแพดก็สนุกกับเกมได้แล้ว
เมื่อเล่นด้วยจอยพวงมาลัย force feedback ก็ไม่แพ้กัน แต่สำหรับคนที่เล่นภาค2มาจนชินมือแล้วจะสังเกตได้ว่าภาคนี้นั้น แรงจะอ่อนๆหน่อย แต่พอลองปรับเร่งความแรงขึ้นมาแล้ว บอกได้เลยว่าเป็นอะไรที่ดีมากๆครับ เพราะการสื่อสารพื้นผิวต่างๆเวลาปรับเปลี่ยนนั้นมันราบลื่นและสมดุลกันอย่างดี ถือว่าพัฒนาขึ้นจากภาคก่อนมาก ยิ่งเล่นยิ่งติดใจ
ฟิสิกส์ยางกับระบบ suspension ของเกมนี้ก็ได้รับการปรับปรุงมาอย่างดี ทีแรกจะรู้สึกว่ารถมันหนึบกว่าภาคเก่าเยอะจนแทบจะไม่เป็นแรลลี่ แต่การตอบสนองในการเข้าโค้งต่างๆ การถ้ายน้ำหนักต่างๆนั้นทำออกมาได้อย่างดี เพราะระบบนั้นคงที่ แม่นยำ และแน่นอน และยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเล่นจิมคาน่า ที่ต้องใช้ทักษะการขับรถที่แม่นยำในการควบคุม ซึ่งรวมๆแล้วทั้งหมดทำมาได้อย่างลงตัวจริงๆครับ
ในเกมนี้ยังสามารถเปิดตัวช่วยต่างๆได้ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเล่นใหม่ๆก็สามารถเล่นได้โดยง่ายครับ
ถ้าคุณมองหาความสนุกในการขับในแบบฉบับที่ใครๆก็เล่นได้แล้วล่ะก็ รับรองเกมนี้ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
ปัญหามีอยู่อย่างนึงคือเบรกนั้นดูแรงจนโอเวอร์ แถมถ้าปิด ABS ต้องกดอย่างระมัดระวังมาก เพราะล้อล๊อกง่ายมาก ง่ายจนน่าตกใจเลยทีเดียว
มาถึงการขับคนเดียวแล้วก็มาดูเมื่อเฉี่ยวชนกันบ้าง เวลาชนกับคันอื่น การตอบสนองก็เป็นธรรมชาติครับ
เมื่อชนรถนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้มีแค่กับรูปลักษณ์อย่างเดียว ยังส่งผลถึงการขับด้วย นอกจากนี้ยางยังแตกได้ง่ายอีกต่างหาก ดังนั้นขับระวังๆกันหน่อยนะครับ
การปรับแต่งรถในเกมนี้ทำได้น้อย ไม่ต่างจาก DiRT 2 เลย แต่สำหรับคนที่ไม่อยากยุ่งยากกับชีวิตต้องมานั่งจูนนู่นนี่นั่นกว่าจะได้แข่งก็ถือว่าสะดวกและรวดเร็วดีครับ
การปรับแต่งต่างๆให้ผลชัดเจนมาก ดังนั้นถ้าอยากทำเวลาได้ดีๆ ก็หาวิธีจูนซะ ถ้าอยากรู้ว่าอะไรเป็นอะไรสามารถกดเพื่อเรียกคำอธิบายออกมาฟังได้
Gameplay
มาดูทางด้านเกมเพลย์กันบ้าง การเล่นเราก็จะปลดล๊อกอีเวนท์ต่างๆไปเรื่อย ในระหว่างนั้นก็จะมีการปลดล๊อกอีเวนท์พิเศษเช่นขับเก็บสตันท์ใน Battersea
การเก็บแต้มเพื่อปลดล๊อกนั้นก็ใช้วิธีนับคะแนน ซึ่งแค่ได้คะแนนครบก็บลดล็อกได้แล้ว ดังนั้นถ้าไม่ชอบเล่นอะไร แล้วเห็นว่าไปเล่นอย่างอื่นทำให้คะแนนครบได้ ข้ามไปก็ได้ครับ เช่นข้ามการเล่นจิมคาน่าในบางจุดเพราะไม่อยากเล่นเป็นต้น
รถในเกมนี้ ถ้าเป็นการแข่งแรลลี่ก็มีให้เลือกมากมาย แต่พอเป็น Stadium Truck กับบั๊กกี้แล้วมีอยู่แค่อย่างละคันเท่านั้นเอง
สนามถึงจะมีมาก แต่ก็ดูวนมาวนไป ทั้งๆที่เป็นคนละสนามกันนี่หล่ะครับ แต่จะขับผ่านอะไรที่คุ้นตาจากสนามเดิมมาบ้างล่ะ
สิ่งที่ดูจะขาดหายไปในภาคนี้ นอกจากจะเป็นเมนูที่เหมือนรถบ้านแล้ว พวกพลุและระเบิดต่างๆที่เคยมีในภาค2นั้นหายไปหมด ทำให่การแข่งดูจริงจังมากขึ้น แต่พอสลับกันไปๆมาๆแล้วรู้สึกมันเงียบเหงายังไงก็ไม่รู้
แต่ก็มีส่วนชดเชยคือบรรดาคนในทีมของเราจะมาพูดอะไรให้ฟังเกือบจะตลอดเวลา และพูดคุยกันอย่างกับเล่นตลกคาเฟ่ทุกครั้งที่ขึ้นซีซั่นใหม่ สรุปแล้วคือมันขัดกันน่ะครับ จะจริงจังหรือเอาฮากันแน่
ในการแข่งแรลลี่นั้น ส่วนสำคัญชี้เป็นชี้ตายอีกอย่างคือ pace note ที่คอยบอกทางเรานั่นหล่ะครับ ในเกมนี้ทำออกมาได้อย่างดี ทั้งระยะเวลาในการบอก และข้อมูลต่างๆก็ชัดเจนและใช้งานได้จริง
สิ่งที่ยังคงอยู่ในเกมของ Codemasters ตั้งแต่ Grid มาก็คือ Flashback ที่ทำให้สามารถย้อนเวลาไปได้หากมีอะไรผิดพลาด
ทางด้าน AI ก็พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ขับเร็วขึ้นเท่านั้น ยังรู้สึกได้เลยว่าเหมือนเล่นกับคนจริงๆอยู่ แถมยังมีการผิดพลาดนอกจากขับชนข้างทางแล้ว ยังมีขับชนกันเองอีกด้วย
จี้กันติดๆเลยทีเดียว
สำหรับคนที่เป็นแฟนแรลลี่ตัวยงคงไม่ค่อยจะถูกใจสักเท่าไหร่เพราะแรลลี่ในแต่ละด่านนั้นสั้นมาก
โดยรวมแล้วเกมนี้ไม่ใช่เกมสำหรับแฟนๆของการขับแรลลี่ไปตามทางแคบๆ แต่กลายเป็นเกมที่หาความหฤหรรษ์ในการขับบนทางฝุ่นซะมากกว่า เพราะมีหลายโหมดของเกมให้เล่น แถมยังมีรถหลายแบบให้ขับตั้งแต่คลาสสิคจนถึงรุ่นปัจจุบัน ทำไห้ไม่เบื่อได้ง่ายๆครับ
นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งจอกันเล่นสองคนในเครื่องเดียวอย่างที่บอกไปข้างต้นอีกด้วย ซึ่งเกมที่แบ่งจอเล่นได้ในปัจจุบันนี้นี่แทบไม่มีเลยก็ว่าได้ จะเรียกพี่ป้าน้าอามาเล่นสร้างเสริมสัมพันธ์ในครอบครัวก็สนุกไปอีกแบบครับ
ทางด้าน interface ของเมนู ก็ทำออกมาได้อย่างดี เข้าใจง่าย ปุ่มต่างๆก็ไม่สับสน
Graphic
ฝุ่นควันเค้าก็พัฒนาขึ้นเยอะนะเออ
พูดถึงกราฟฟิคแล้ว ต้องบอกเลยว่านี่คือเกมแรลลี่ที่ภาพสวยที่สุดตั้งแต่มีมา และเป็นหนึ่งในเกมขับรถที่ภาพสวยที่สุดด้วย ตัวรถโมเดลทำออกมาได้ละเอียด ถึงแม้โพลิกอนจะดูไม่เยอะและซับซ้อนเท่าไหร่ แต่การลบเหลี่ยมตามขอบทำได้งามมาก รวมไปถึงความเสียหายที่เกิดกับตัวรถดูแล้วสมจริงและสวยงามครับ
ชนยับ... ยับจริงๆ
นอกจากนี้ทิวทัศน์ต่างๆ ทั้งแสงสีที่สาดส่องดูแล้วระรื่นสายตามากครับ มีทั้งกลางวัน กลางคืน หิมะ และฝนตก
นอกจากนี้ในการขับไปตามสนามแรลลี่ บางครั้งก็มีคนวิ่งออกจากทางเพื่อหลบเราด้วย ถือว่าเป็นอะไรที่สร้างอารมณ์ร่วมได้อย่างดีครับ
ในเวลาที่เล่นนั้นเฟรมเรตก็ลื่นไหลไม่มีสะดุดเลยครับ ซึ่งตรงนี้หล่ะ ที่สำคัญสำหรับเกมขับรถ
Sound
ทางด้านเสียงนั้นก็เยี่ยมโดยเฉพาะเสียงเครื่องรถครับทำได้เร้าใจมาก นอกจากนี้เสียงจากแต่ละมุมมองก็จะต่างกันไปด้วย สำหรับสิ่งที่ขาดไปก็จะเป็นเสียงจากกระปุกเกียร์ ซึ่งในรถแข่งจะดังวี๊ดอยู่ตลอดเวลา ผมว่าตัดออกไปนั่นหล่ะดีแล้วเพราะสำหรับบางคนแล้วจะให้มานั่งฟังเสียงวี๊ดๆตลอดเวลามันน่ารำคาญมากๆครับ
ทางด้านเอฟเฟกต่างๆก็ไม่แพ้กันเลย
ส่วนเพลง soundtrack นี่ก็นานาจิตตังนะ แต่ผมว่าบางเพลงมันไม่ค่อยเข้ากับเกมสักเท่าไหร่ และบางคนอาจรู้สึกรำคาญกับเสียงพากย์เวลาแข่งจบอีเวนท์ต่างๆ เช่นบอกว่าแฟนๆเห็นแล้วคลั่งแน่นอน ลองโพสลง youtube สิ อะไรแบบเนี้ย... นี่มาแข่งรถนะครับ ไม่ใช่ตลกคาเฟ่
สำหรับบางคนตรงนี้อาจรู้สึกว่าทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงและไม่เงียบเหงา ชอบแบบไหนก็ตามใจคุณเลยครับ
มาดูคะแนนกันเลย
driving physics: 9.5/10 ไม่ซิมจัด ไม่อาเขตไป รวมกันได้อย่างพอดี เล่นได้ทุกคนพร้อมทั้งมีตัวช่วยสำหรับคนเพิ่งเริ่มเล่นอีกต่างหาก ที่ไม่ให้ 10 เพราะล้อล๊อกง่ายไปนี่หล่ะ ถ้ามแพทช์แก้ระบบเบรกแล้วผมจะเทคะแนนให้เลย
gameplay: 9.5/10 จุดเด่นไม่ได้อยู่ที่แรลลี่ แต่ไปอยู่ที่การเล่นหลายคน ถึงกระนั้นทุกส่วนก็ยังทำออกมาได้ลงตัว น่าเสียดายที่สนามบางสนามสั้นเกินไป
graphics: 10/10 สมดุลทั้งความสวยงามและการใช้ทรัพยากรเครื่อง
sound: 9.5/10 ลงตัวอย่างที่สุด น่าเสียดายที่เพลงบางเพลงไม่ค่อยเข้ากับบรรยากาศ แต่ใครจะสนเล่า ในเมื่อเสียงเครื่องมันแจ่มซะขนาดนี้
Overall: (9.5*6)/10)+((9.5*2)/10)+(10/10)+(9.5/10) = 9.55 สูงที่สุดตั้งแต่เคยให้คะแนนมาเลยนะเนี่ย
สรุป
ดีไปไปซะทุกสิ่ง ยิ่งเล่นยิ่งสนุก รวมๆแล้วข้อเสียของเกมนี้แทบหาไม่ได้จริงๆ ต้องขอยอมรับเลยว่าเป็นเกมขับรถที่สนุกที่สุดตั้งแต่เริ่มปี2011นี้มาเลยครับ ภาพเยี่ยมเสียงยอดการขับเร้าอารมณ์ได้ใจกันไปเต็มๆ
ถ้าเคยเลิกเล่น DiRT 2 เพราะขับยากไป ทำยังไงก็พุ่งลงข้างทาง ลองมาเล่นเกมนี้ดู
ถ้าชอบ DiRT 2 อยู่แล้ว ลองเล่นเกมนี้ดู ถึงจะขับง่าย แต่ใช้ความง่ายนั้นกดเวลาลงได้ขนาดไหนก็ท้าทายไม่หยอกทีเดียวครับ
ข้อดี
- ระบบการขับชั้นเลิศ เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความสมจริงและการทำให้ง่ายในการขับ
- ภาพสวย บรรกากาศดี
- เสียงรถไพเราะ น่าฟัง
- การเล่นคนเดียวสามารถเล่นได้ตั้งแต่สนุกๆ จนไปถึงแบบท้าทายจนตั้งงัดเทคนิกทุกอย่างออกมาใช้
- การเล่นหลายคนสนุกมาก และดึงดูดใจ
ข้อเสีย
- ได้รับรายงานมาว่า สำหรับผู้เล่นหลายคนตัวเกมมีปัญหา DirectX11 ทำให้เกมเด้ง
เหมาะสำหรับ
- ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ที่ชอบเล่นเกมขับรถ เล่นได้ตั้งแต่คนเริ่มเล่นยันโปร
- ครอบครัวลูกสองคน(หรือมากกว่า)ที่อยากหาเกมเล่นด้วยกันโดยใช้คอมพ์หรือคอนโซลเครื่องเดียว
- ผู้ที่สรรหาความสนุกบนทางฝุ่นและ 4 ล้อ
ไม่เหมาะสำหรับ
- แฟนบอย Richard Burns Rally
จบกันไปอีกรีวิวนึงแล้วนะครับ ระบบการขับของเกมที่ใช้ Ego Engine นี่พัฒนามาอย่างต่อเนื่องเลย
ปลายปีนี้ยังมี F1 2011 จ่อคิวอยู่อีก จากข้อมูลที่ได้มาบอกว่ามีการปรับปรุงระบบการขับครั้งใหญ่ จะเป็นยังไงผมก็แทบอดใจไม่ไหวซะแล้วสิ
พบกันใหม่โอกาสหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
Comment