สวัสดีค๊า! กลับมาเจอกับหนูนัทกันอีกแล้วนะคะ หลังจากหายหน้าหายตาไปจากการเขียนรีวิวเกมซะนาน คิดถึงกันบ้างหรือเปล่าคะ แหะๆ สำหรับวันนี้นัทเองก็ได้นำเกมออนไลน์ระดับเทพมารีวิวให้เพื่อนๆได้อ่านกันอีกแล้วค่ะ โดยเกมนี้ถือได้ว่าเป็นเกมออนไลน์ที่ถูกจับตามองมากที่สุดในครึ่งปี 2010 เลยก็ว่าได้ค่ะ นั้นก็คือ “Final Fantasy XIV” ซึ่งได้เปิด Close Beta Test ไปเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้มีเพื่อนๆคนไทยบางกลุ่มโชคดีได้เข้าไปร่วมทดสอบในครั้งนี้ด้วย แน่นอนว่าตัวนัทเองก็ได้เข้าไปทดสอบและสัมผัสมาด้วยเช่นกันถือว่าโชคดีมากๆเลยทีเดียวค่ะ
โดยการทดสอบ Close Beta Test ในครั้งนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากช่วง Close Alpha Test มากพอสมควรค่ะ ซึ่งก็มีการอัพเดตและแก้ไขความสมดุลของเกมให้ดูน่าเล่นยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของระบบเกมเพลย์ที่จากเดิมยังช้าๆอยู่ และดูไม่ค่อยจะทันใจวัยรุ่นซักเท่าไหร่ แต่ในรอบนี้ก็ได้มีการอัพเดตทำให้ดูรวดเร็วและลื่นไหลมากขึ้น หรือจะเป็นทั้งในเรื่องกราฟฟิคที่ทางทีมงาน Square-Enix ได้พัฒนาให้ดูละเอียดและสมจริงมากกว่าในช่วงทดสอบครั้งก่อนด้วยค่ะ โดยวันนี้นัทจะมาพูดถึงรายละเอียดทั้งหมดที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมและมาเล่าสู่กันฟังว่าภายในเกมมีระบบอะไรที่น่าสนใจให้พวกเราได้สัมผัสกันบ้างค่ะ ถ้าเพื่อนๆที่เป็นสาวก Final Fantasy ไม่ว่าจะภาคใดก็ตามก็ไม่ควรพลาดกับข้อมูลที่จะนำเสนอให้เพื่อนๆได้อ่านกันในวันนี้ค่ะ
การสร้างตัวละครช่วงเริ่มต้นของเกม
ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่ดินแดน Eorzea เลยก็ว่าได้ค่ะ หลังจากที่ล็อกอินไอดีเรียบร้อยเพื่อนๆจำเป็นต้องสร้างตัวละครของตัวเอง 1 ตัวค่ะ โดยในช่วงทดสอบที่ผ่านมาเราสามารถสร้างตัวละครได้สูงสุดที่ 3 ตัว ( ถ้าเป็นในช่วงเปิดบริการเต็มรูปแบบการสร้างตัวเพิ่มจำเป็นต้องเสียค่าบริการเพิ่มทุกๆเดือน ) เมื่อกดสร้างแล้วระบบจะให้เราเลือกเผ่าที่ต้องการจะเล่น 1 เผ่า โดยมีชนเผ่าทั้งหมดด้วยกัน 5 เผ่า ได้แก่ Hyur , Miqo'te , Lalafell , Elezen , Roegadyn แต่ละชนเผ่านั้นจะมีการแบ่งเพศเอาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งบางเผ่านั้นก็ไม่ได้มีเพศฝั่งตรงข้าม เช่น เผ่า Miqo'te จะไม่มีเพศชายให้เราเลือกเล่น ( น่าเสียดายถ้ามีให้เลือกจะได้เห็นตัวละครผู้ชายมีหางน่ารักๆคล้ายๆ Zidane ในภาค IX เพียงแต่ไม่มีหู ) เป็นต้นค่ะ
เมื่อเลือกเผ่าและเพศที่ต้องการจะเล่นแล้ว ระบบจะให้เราปรับแต่งตัวละครค่ะ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง,ทรงผม,น้ำเสียงตัวละคร หรือแม้กระทั่งปรับแต่งใบหน้าก็มีเช่นกัน แต่ก็น่าเสียดายนะคะที่ไม่มีให้ปรับขนาดหน้าอกตัวละครของเพศหญิงไว้ด้วย จึงทำให้บางคนแถวนี้ถึงกับร้องไห้กระซิกๆกันเลยทีเดียว เมื่อสร้างตัวละครปรับแต่งอะไรเสร็จเรียบร้อย ถึงเวลาที่จำเป็นต้องเลือกสมาคมสายอาชีพของตัวเองค่ะ อยากบอกไว้ก่อนนะคะว่าก่อนทดสอบถึงจุดนี้นัทคิดว่าจะมีแค่ 2 สมาคมได้แก่ Disciples Of War ( นักรบ ), Disciples Of Magic ( นักเวทย์ ) เท่านั้น แต่พอเอาจริงๆกลับตรงกันข้ามเลย คือระบบจะให้เราเลือกสมาคมอาชีพทั้งหมด 4 สมาคมได้แห่ง Disciples Of War ( นักรบ ), Disciples Of Magic ( นักเวทย์ ), Disciples Of The Land ( ผู้เก็บเกี่ยว ), Disciples Of The Hand ( ผู้สร้าง ) นั้นหมายความว่า ในช่วงแรกของเกมเราจำเป็นต้องเลือกสายใดสายหนึ่ง เป็นอาชีพหลักของตัวละคร แล้วหลังจากนั้นเมื่อเราดำเนินเนื้อเรื่องภายในเกมแล้ว ก็จะสามารถเปลี่ยน Class ได้อย่างอิสระภายหลังค่ะ
แล้วเมื่อเลือกสมาคมอาชีพที่ต้องการแล้ว ระบบจะดำเนินให้เรากำหนดวัน เดือน เกิดของเรา แล้วนอกจากนี้ยังมีระบบราศีที่ถูกเพิ่มเข้ามาในภาคนี้อีกด้วยค่ะ ตรงจุดนี้นัทเองไม่แน่ใจว่าเรื่องระบบราศีจะมีผลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับตัวละครมากแค่ไหน ขออภัยเพื่อนๆที่หาข้อมูลจุดนี้มาฝากกันไม่ได้ เอาไว้โอกาสหน้าถ้าได้ข้อมูลเมื่อไหร่จะรีบมาบอกกล่าวทันทีค่ะ
เมื่อกำหนดราศีเสร็จเรียบร้อย ก็จะได้เลือกเมือง ซึ่งในตอนทดสอบจะมีเมืองให้เราแค่ 1 เมืองค่ะ เมื่อเลือกเมืองเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาที่เราจะตะลุยในโลกแฟนตาซีกันเสียที นั่งซะเมื่อยตูดกันเลยทีเดียวค่ะว่าจะได้เข้าเกม แหะๆ เอาละพร้อมแล้วก็ไปกันเลยค่ะ
การผจญภัยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
เมื่อกดเริ่มเกมเราจะพบว่า เราอาศัยกับชนเผ่าอื่นๆได้เรือลำหนึ่ง ซึ่งได้มุ่งหน้าหาดินแดนใหม่ๆ ในจุดนี้ถ้าใครได้ทดลอง Benchmark ของ FFXIV ฉากคัทซีนที่เราจะเห็นก็คือฉากเดียวกันใน Benchmark นั้นเองค่ะ เพียงแต่ตัวละครที่ดำเนินเรื่องคือตัวเรานั้นเองค่ะ เมื่อผ่านไปซักระยะตัวเกมจะให้เราบังคับตัวละครของเราค่ะ โดยการบังคับตัวละครนั้นจะใช้ปุ่ม W A S D เพื่อเป็นการบังคับให้ตัวละครได้เคลื่อนไหวนั้นเอง แล้วหลังจากนั้นเราจะพบกับฉากที่เรือของเราที่อาศัยมาด้วยนั้นกำลังถูกพายุโหมกระหน่ำ และขณะเดียวกันก็มีมอนสเตอร์จู่โจมเรือ แล้วเราก็จะเข้าโหมดการฝึกสอนต่อสู้ทันทีค่ะ
ระบบการต่อสู้ในภาคนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมพอสมควรเพราะจากข้อมูลที่ได้มา ได้บอกว่า Close Alpha Test ในรอบที่ก่อนหน้านี้ระบบการต่อสู้ช้าถึงช้ามาก จนทำให้ทีมงานได้มีการอัพเดตและพัฒนาระบบต่อสู้ให้รวดเร็วและลื่นไหลมากขึ้นค่ะ แต่ก่อนที่เราจะสู้นั้น เราจะอยู่ในโหมดสันติ ซึ่งจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นโหมดต่อสู้ก่อนถึงจะโจมตีมอนสเตอร์ตัวนั้นๆได้ค่ะ แต่ถ้าตัวละครอยู่ในโหมดต่อสู้จะไม่สามารถฟื้นฟูค่าพลัง HP และ MP ได้จำเป็นต้องกลับเข้าสู่โหมดสันติก่อน
สำหรับระบบการต่อสู้ในภาคนี้หลังจากที่เราเข้าโหมดต่อสู้ จะมีเกจอยู่ 2 อย่างที่จำเป็นต้องใช้ในการต่อสู้ทุกๆครั้ง นั้นก็คือ TP และ Stamina โดยหน้าที่ทั้งสองหลอดจะแตกต่างกันค่ะ รายละเอียดมีดังต่อไปนี้
TP สำหรับค่า TP ที่มีอยู่ภายในเกม Final Fantasy XIV จะแตกต่างจากภาค XI อยู่พอสมควรค่ะ เพราะว่าในภาคเดิมค่า TP จะนำมาใช้เฉพาะกับท่าโจมตีของอาวุธเท่านั้น หรือที่เรียกกันว่า “ Weapon Skill ” แต่ว่าในภาค XIV ได้เปลี่ยนความสามารถไปนิดหน่อยค่ะ คือ จะมี Skill บางท่าที่จำเป็นต้องใช้ค่า TP เพื่อให้ Skill สามารถทำงานได้ โดยแต่ละสกิลจะกินค่า TP ไม่เท่ากันดังนั้นต้องคำนวณการใช้สกิลที่กำหนดค่า TP ด้วยค่ะ เพื่อไม่ให้สะดุดเวลาเล่นในรูปแบบปาร์ตี้นั้นเอง
Stamina สำหรับค่า Stamina หรือค่าความเหนื่อย สำหรับเกม Final Fantasy XIV ได้ถูกเพิ่มระบบนี้เข้ามาค่ะ หน้าที่หลักของมันคล้ายๆกับ Final Fantasy XIII คือ Realtime กึ่งๆ Turnbase ค่า Stamina มีไว้ในการออกคำสั่งต่างๆเช่นการโจมตี หรือใช้ Skill เป็นต้น โดยเจ้าหลอด Stamina จะเพิ่มขึ้นเองเรื่อยๆ แล้วนอกจากนี้ Skill แต่ละท่านั้นจะกินค่า Stamina มากน้อยขึ้นอยู่กับความแรงของสกิล และ อาวุธที่ใช้อีกด้วยค่ะ ดังนั้นเมื่อเห็นว่าค่า Stamina ของตัวเองเหลือน้อยให้พยายามเดินไปรอบๆเพื่อให้หลอดเพิ่มขึ้นมากพอสมควรแล้วบู๊ต่อได้เลยค่ะ
แล้วนอกจากนี้ยังมีระบบเปลี่ยนของสวมใส่ขณะต่อสู้ได้ด้วย แต่เมื่อเปลี่ยนของชิ้นนั้นแล้วค่าความสามารถของมันจะลดลงครึ่งหนึ่งเป็นระยะเวลา 30 วินาที นั้นหมายความว่าเราสามารถเปลี่ยน Class ระหว่างต่อสู้ได้ด้วย เพราะการเปลี่ยนอาวุธจะทำให้ตัวละครของเราเปลี่ยน Class เองได้ทันที โดยไม่ต้องไปคุยกับ NPC เพื่อเปลี่ยนเหมือนในภาค XI แต่การที่จะเปลี่ยน Class ระหว่างต่อสู้นั้น จำเป็นต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีค่ะ เพราะในระยะ 30 วินาทีนั้นเราจะอ่อนแอลงมาจากเดิมครึ่งหนึ่งนั้นเอง
เมื่อการต่อสู้จบลงฉากคัทซีนก็จะดำเนินต่อไปจนเราพบกับหมู่เกาะที่เราเดินทางมานั้นเอง เมื่อมาถึงเราจะพบกับเมืองประจำหมู่เกาะแห่งนี้ที่มีพื้นที่ใหญ่มากๆ และเมื่อเดินทางเข้ามายังใจกลางเมือง ที่นี่ก็คือ สมาคมนักเดินทางค่ะ โดยสมาคมนักเดินทางจะมี NPC ที่จะมอบการ์ด Guildleves ให้แก่นักเดินทางทั้งหลายค่ะ ถ้าเราเล่นอาชีพสาย DoW ( นักรบ ) หรือ DoM ( นักเวทย์ ) ก็จะได้รับการ์ด Guildleves ที่เกี่ยวข้องกับการฆ่ามอนเตอร์เป็นหลักค่ะ แต่ถ้าเราเล่นอาชีพ DoL ( ผู้เก็บเกี่ยว ) หรือ DoH ( ผู้สร้าง ) จะได้รับการ์ด Guildleves ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บของหรือหาสิ่งของเป็นต้นค่ะ
โดยเงื่อนไขในการผ่านนั้นจะบอกในการ์ด Guildleves ของทุกๆใบ โดยจะมีการจับเวลาราวๆ 30 นาทีขึ้นไป พร้อมกับบอกสถานที่ ที่มีมอนสเตอร์หรือสิ่งที่ต้องค้นหาอยู่ในแผนที่ และมีการแบ่งค่าแรงค์ ( Rank ) หรือระดับความยากให้ผู้เล่นได้เลือกอีกด้วย โดยจะมีการแบ่งรูปแบบ ลุยคนเดียว หรือ ปาร์ตี้ ให้เพื่อนๆได้เลือกกันค่ะ แล้วเมื่อเราทำเงื่อนไขสำเร็จ ก็จะมีเพลงประกอบที่เรียกว่า “ Victory Fanfare ” บรรเลงขึ้นมาบ่งบอกว่าเราได้ทำเควส หรือ มิชชั่นนั้นๆสำเร็จแล้วค่ะ โดยเพลงที่ประกอบจะคล้ายคลึงกับภาคแรกค่ะ ถ้าใครเป็นสาวกก็ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง แล้วนอกจากนี้ถ้าเราใช้เวลาในการผ่านเควสน้อยกว่าเวลาที่กำหนดมาก็จะได้รับค่าตอบแทนที่สูงกว่าปกติ พร้อมกับเควสการ์ด Guildleves ยังสามารถทำซ้ำได้เรื่อยๆค่ะ
แล้วนอกจากนี้ที่สมาคมนักเดินทางยังมี NPC มอบหมายเควสอีกรูปแบบหนึ่ง นั้นก็คือ “ Main Quest ” โดยเงื่อนไขการทำจะเป็นการเดินพูดคุยกับ NPC เดินไปเดินมาตามที่เควสได้รับมอบหมาย นอกจากนี้บางครั้งยังมีการมอบการ์ด Guildleves เพื่อให้เราไปฆ่ามอนสเตอร์หรือทำเงื่อนไขตามที่การ์ดบอกมาให้สำเร็จค่ะ และยังมีคัทซีนให้เราได้ชมอีกด้วยค่ะ แล้วเมื่อทำเควสนี้ไปซักระยะตัว Main Quest ก็จะเริ่มกลายเป็นเควสเนื้อเรื่องของ Final Fantasy ที่จะให้เราได้ผจญภัยและเจอเนื้อเรื่องต่างๆค่ะ
ระบบอื่นๆที่น่าสนใจและสิ่งที่เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมเข้ามาในภาคนี้
สำหรับเพื่อนๆที่ไม่เคยเล่นหรือสัมผัสเกม Final Fantasy ในภาค XI มาก่อนคงจะคิดว่าเราสามารถผจญภัยในโลกกว้างได้คนเดียวเหมือนเกมออนไลน์อื่นๆใช่ไหมละคะ ซึ่งนัทจะบอกว่าคิดผิดอย่างแรงเลยค่ะ เพราะว่าระบบเกมในภาค XI นั้นตัวเกมไม่ได้สนับสนุนการเล่นคนเดียวเสียเท่าไหร่นัก ดีไม่ดีถ้าคิดจะมาเล่นคนเดียวแบบไม่มีเพื่อนซัก 4-5 คนด้วยละก็ มีแต่ตายกับตายค่ะ เพราะมีเกมเมอร์คนไทยบางคนเคยเล่าให้นัทฟังว่า “ กว่าจะเข้าใจระบบเกมของภาค XI ต้องศึกษาและทำความเข้าใจอยู่นาน บางคนเล่นเป็นปี! ถึงจะเข้าใจระบบทั้งหมด... ” นั้นก็เป็นเพราะว่าระบบเกมต่างๆที่ไม่เหมือนกับเกมออนไลน์ทั่วๆไป จึงทำให้ในภาค XIV มีการพัฒนาและดัดแปลงระบบเดิมให้ดูน่าเล่นมากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าในภาค XIV ยังคงใช้ระบบที่เน้นปาร์ตี้เหมือนเดิม แต่...ก็มีการพัฒนาให้ผู้เล่นสามารถที่จะผจญภัยในโลกกว้างได้อิสระมากขึ้น แต่ก็ยังจำเป็นที่ต้องพึ่งพาปาร์ตี้เหมือนเดิม ( ไม่มีนักผจญภัยคนเดียวอยู่ตัวคนเดียวในโลกกว้างได้หรอกเนอะ ) นอกจากนี้ถ้าใครที่กลัวจะหาปาร์ตี้ไม่ได้ ก็ยังมีระบบ Search ที่สามารถหาปาร์ตี้ในระดับเดียวกับตัวละคร,หาเควสหรือ Mission,หามอนสเตอร์ที่เราต้องการ และอื่นๆที่ระบบ Search สามารถทำได้ ถือได้ว่าเป็นระบบที่อย่างน้อยก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เล่นเป็นอย่างมากค่ะ
มาพูดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวละครของเรากันบ้างดีกว่านะคะ เริ่มต้นจากเลเวลของเกมนี้กันค่ะ โดยเกมนี้จะมีเลเวลทั้งหมด 2 หลอดด้วยกันคือ เลเวลสายอาชีพ และ เลเวลตัวละคร ซึ่งทั้ง 2 หลอดนั้นจะแตกต่างกันค่ะ หลอดเลเวลสายอาชีพ เมื่อเลเวลอัพตามที่กำหนดก็จะได้รับสกิลใหม่ๆมาใช้ หลอดเลเวลตัวละครเมื่ออัพก็จะเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทำให้โจมตีได้แรงและอึดขึ้นนั้นเอง พร้อมกับได้แต้มอัพสถานะตัวละครอีกด้วย
มาต่อกันด้วยเรื่องค่าสถานะตัวละคร กันบ้างดีกว่า หลายคนคงอยากรู้ว่าในภาคนี้มีค่าพวกนี้ให้อัพหรือไม่ คำตอบก็คือมีค่ะ โดยค่าสถานะตัวละคร จะประกอบไปด้วยดังรูปภาพด้านล่างนี้ค่ะ
ซึ่งเราจะเห็นว่าค่าสถานะตัวละคร มีทั้งหมด 2 ฝั่ง คือค่าสถานะ ตัวละคร และ ค่าพลังป้องกันธาตุต่างๆ การที่เราจะสามารถอัพค่าพลังต่างๆได้นั้น จำเป็นต้องให้เลเวลตัวละครของเราเพิ่มก่อน ซึ่งเมื่อเลเวลตัวละครเพิ่มแล้วเราจะได้แต้มมา 4 Point ทั้งค่าสถานะตัวละคร และ ค่าพลังป้องกันธาตุ ก็มีผู้เล่นหลายคนสงสัยว่าถ้าเปลี่ยนอาชีพหรือ Class แล้วสามารถรี ค่าสถานะตัวละคร ได้ไหม คำตอบคือ สามารถรีไปมาได้เรื่อยๆ แต่อาจจะต้องรอเวลาซักระยะจึงจะสามารถรี Status ให้เข้ากับสาย หรือมอนสเตอร์ที่เรากำลังจะไปต่อกรด้วยได้ค่ะ
ระบบต่อมาที่เรียกว่าเป็นระบบที่ขาดไม่ได้ และเป็นระบบที่ในภาค XI นิยมใช้กันนั้นก็คือระบบ Auto-Translation และ Macro หลายคนคงสงสัยว่าทั้งสองระบบมันแตกต่างและใช้งานยังไง จากที่ได้สอบถามผู้ที่เล่นในภาค XI มาก่อนเขาบอกว่า ระบบ Auto-Translation คือระบบที่เอาไว้ช่วยแปลภาษาภายในเกมเวลาพูดคุยค่ะ โดยเกม Final Fantasy XIV จะเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่รวมโซนเอาไว้ด้วยกันได้แก่ โซนญี่ปุ่น,โซนอเมริกาเหนือ,โซนยุโรป เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าการพูดคุยจะเป็นคนละภาษาแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น นัทลงเกมโดยติดตั้งเกมเป็นรูปแบบภาษาอังกฤษ ( โซน US ) เมื่อเข้าสู่เกมแล้วพบผู้เล่นชาวญี่ปุ่นพิมพ์มาเป็นภาษาญี่ปุ่น เราสามารถแปลคำศัพท์ของอีกฝ่ายได้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะแปลได้หมดทุกคำนะคะ ซึ่งจะเป็นคำที่ทาง Square-Enix คิดว่าเป็นประโยคที่ใช้กันบ่อยๆภายในเกม จึงทำให้ระบบนี้เกิดขึ้นใน Final Fantasy ค่ะ
ต่อมาก็คือระบบ Macro หลายคนคงรู้จักกับระบบนี้นะคะ โดยระบบนี้มีหน้าที่ในการจัดปุ่มคีย์ลัด จากเดิมที่เราจะกดเรียงทีละสกิลๆ แต่ Macro จะทำให้กดแค่เพียง 1 ปุ่มก็สามารถโจมตีได้หลากหลายสกิลในครั้งเดียวค่ะ เพียงแต่ว่าเราต้องมีการกำหนดระยะดีเลย์สกิล ช่วงเวลาสกิลต่างๆ เพื่อจะได้จัดเรียงสกิลที่ต้องการได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ ระบบนี้จำเป็นต้องเรียนรู้ซักหน่อย ก็จะเข้าใจได้ไม่ยากเย็นค่ะ
มาถึงระบบสุดท้ายที่เราจะพูดคุยในรีวิวนี้กันแล้วค่ะ นั้นคือระบบ Armory System หรือระบบยืม Skill ค่ะ เมื่อเลเวลอาชีพและเลเวลตัวละครของเราสูงในระดับหนึ่งแล้ว เราสามารถที่จะเปลี่ยนอาชีพไปเล่นอาชีพอื่นได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเล่นอาชีพ Pugilist ไปซักเลเวล 6 จนสามารถได้สกิล Chakra ( เพิ่มเลือดให้กับตัวเอง ) มาใช้แล้ว ให้เปลี่ยนอาชีพมาเป็น Gladitor หลังจากนั้นเราก็จะสามาถนำสกิล Chakra ไปใช้ให้กับอาชีพ Gladitor ได้ แล้วหลังจากนั้นเราจะกลายเป็นสาย Tank ที่สามารถถือโล่ห์พร้อมกับสามารถ Heal ตัวเองได้ด้วยสกิล Chakra เช่นเดียวกับฝั่ง Mage ถ้าเล่นสาย Conjurer จนเลเวลอาชีพ 6 ก็จะมีสกิล Cure ( เพิ่มเลือดให้กับตัวเองและผู้อื่น ) แล้วเปลี่ยนอาชีพมาเป็น Thaumaturge ก็จะกลายเป็น White Mage หรือนักเวทย์ขาวได้อย่างเต็มตัว เพราะอาชีพสายนี้มีสกิล Regen ด้วยนั้นเองค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับข้อมูลทั้งหมดที่นัทได้นำมาบอกกล่าวกัน น่าเสียดายจริงๆค่ะ ที่ตัวนัทเองไม่เคยเล่น Final Fantasy XI มาก่อนทำให้เมื่อมาสัมผัสภาค XIV แล้วยังรู้สึกงงๆกับระบบเกมที่หลากหลายและแตกต่างจากเกมออนไลน์ทั่วๆไปอีกด้วย ถือได้ว่าเป็นเกมออนไลน์ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะและนัทเองต้องอภัยกับข้อมูลบางอย่างที่ไม่ได้นำมาบอกกล่าวในครั้งนี้ เพราะด้วยเวลาที่จำกัดจำขีดในการเข้าไปทดสอบแต่ละรอบ แต่คิดว่าเมื่อไหร่ที่ตัวเองออกมาอย่างสมบูรณ์ เวลานั้นคงได้พบกับนัทอีกแน่นอนค่ะ สุดท้ายนี้นัทเองต้องขอขอบคุณ Square-Enix ที่เปิดโอกาสให้นัทได้สัมผัสกับเกมระดับตำนานเกมนี้ ขอบคุณพี่ต้นเจ้าของเว๊บ Playinter ที่ให้ไอดีมาทดลองเทสในครั้งนี้ค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆจากเว็บบอร์ดต่างๆที่ให้ข้อมูลข่าวสารที่นัทเองไม่ทราบมาก่อน ร่วมไปถึงการสอนวิธีเล่นเบื้องต้นด้วย จนทำให้บทความนี้ออกมาได้ถึงขนาดนี้ค่ะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
และสุดท้ายนี้สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่สนใจหรือลังเลว่าจะเล่นดีไหมนะ หรือจะซื้อกล่องเพื่อจะเข้าร่วมเล่นในช่วง Open Beta ในช่วงปลายเดือนกันยายน ตอนนี้เว็บไซต์ที่ขายของออนไลน์ก็มีการจัดวางจำหน่ายหลายที่แล้วเช่นกันค่ะ และเพื่อนๆสามารถมาพูดคุยกันเกี่ยวกับ Final Fantasy XIV ได้ในกระทู้นี้ หรือพูดคุยผ่าน TeamSpeak 3 ได้ด้วยเช่นกันค่ะ แต่ถ้าใครที่ไม่มีบัตร ATM หรือ ไม่สะดวกโอนเงินก็สามารถใช้บริการผ่าน Playinter ด้วยบัตรเงินสดทรูมันนี่ได้ค่ะดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ http://ff14.playinter.com/ สำหรับวันนี้นัทเองคงต้องขอตัวก่อนค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามบทความครั้งนี้ด้วยค่ะ สวัสดีค่ะ
Comment