สวัสดีครับ ทุกท่าน
และแล้ว เกมที่ผม(และหลายท่าน) รอคอยมานานกว่า 2 ปี ก็ได้ออกมาให้ชื่นใจซะที
นั่นคือ Splinter Cell Conviction นับเป็นภาคที่ 5 แล้วนะครับสำหรับ ซีรีย์นี้ และแถมเป็นภาคที่มีเรื่องเม้าท์เยอะที่สุดเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่
- ข่าวการวางจำหน่ายในปลายปี 2008 แล้วมันก็เลื่อน
- การกลับไปรีโปรเจคเพราะรูปแบบการเล่นซ้ำกับ AC ภาคแรก (กลับไปรีโปรเจคทั้งหมดมาจริงๆ)
- ข่าวการวางกลางปี 2009 แล้วมันก็เลื่อน
- ข่าวการวางปลายปี 2009 แล้วก็เลื่อน
- ไหนจะข่าวว่า ลุง Michael Ironside ผู้พากย์เสียง Sam Fisher มาตั้งแต่ภาคแรก ตัดสินใจเลิกพากย์ (แต่แกก็กลับมาจนได้ เย้..)
- ข่าวการวาง กพ. 2010 มันก็ยังจะเลื่อน (สุดท้ายมาจบที่ พค.2010)
แต่ที่แน่ๆ การเอาเกมกลับไปรีโปรเจคใหม่จนมาเป็น Conviction นี้ถือว่าดีที่สุดแล้วล่ะ เพราะตัว เก่าเหมือนกับ AC เอามากๆ
ว่าแล้วผมก็ฝ่าฝันอุปสรรค(รถติดมากในรอบ 5ปี) ไปเอาลุงแซมแกกลับบ้านมาด้วยได้
คำเตือน : เหมือนเคยครับ รูปใหญ่และค่อนข้างเยอะ ขนาดไม่เกิน 1600*900 ครับ แต่ก็ใหญ่อยู่ (ใครเคยอ่าน Review Mini At first sight ของ AC2 ที่ผมเคยนำเสนอไปจะเข้าใจดี)
(ขอ รีวิว ตัวกล่อง กับภาพในเกมนิดหน่อยแล้วกับครับ เนื่องจากบทความ รีวิวเกี่ยวกับเกมนี้ได้มีผู้นำเสนอไปมากแล้ว เดี๋ยวเบื่อผมกันพอดี)
Splinter Cell ตั้งแต่ ภาค 1-2-3-4 และ 5 Conviction ดูขนาดกล่องเกมก็รู้ว่าซีรีย์นี้ อายุไม่น้อยแล้ว อิอิ
เทียบกับกล่องเกมอื่น/ค่ายอื่นๆ
เห็นมีข่าวว่า เกมนี้จะใช้ กระดาษรีไซเคิลหรืออะไรซะอย่าง และจะไม่มีคู่มือให้ แต่นี่ปกติดี (ไม่รู้ของ โซนต่างประเทศเป็นไง รู้แค่โซนบ้านเรามีครบเหมือนเดิม เย้..)
มีให้แค่เนี้ย คู่มือ กล่องนอก/ใน และ DVD
ในเกมลุงแกใช้แค่ปืนกับ บลูทูธ เลยหามาประกอบฉากหน่อย (ในเกมมีตัวพ่อมัน USP .45 แต่หามาได้แค่ USP Compact 9มม.)
อักษรสีเขียวที่ไม่ชอบเลย (DRM ตามเคย เบื่อจริงๆ)
บทวิจารณ์(รูปแบบการเล่น)
แน่นอนว่าผมเองเป็นแฟนพันธุ์แท้ของซีรีย์ Tom Clancy's Splinter Cell นี้อย่างเหนียวแน่นเลยก็ว่าได้ ภาคนี้จึงเป็นอีกภาคนึงที่ผมรอคอยมานานแสนนาน(นานจริงๆอะแหละ 2ปีที่กระท่อนกระแท่น) ถ้าจะเอ่ยถึง Splinter Cell ที่เราๆคุ้นเคยกันอย่างดีคือการลอบเร้นจารกรรมข้อมูล ซึ่งเพียงแค่เสียงสัญญาณดังครั้งเดียวคุณก็ต้องกลับไปเล่นใหม่เลยทีเดียว แน่ล่ะว่าคุณต้องใจเย็นเอามากๆ เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจจะต้องเล่นด่านเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา จนลุกออกจากที่นั่งไปเลยก็ได้ (ใครไม่เชื่อท้าให้เล่นแบบ Action ในภาค 1-2 เลยอิอิ)
การฉีกแนวออกมาเป็น Action ที่มากขึ้นนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ SC (Splinter Cell ขอเรียกย่อๆ) พยายามจะทำ ในภาค 3 SC:Chaos Theory เคยลองให้สามารถเลือกอุปกรณ์ที่จะใช้ในแต่ละด่าน ซึ่งเกมเปิดโอกาสให้ลุยได้ แต่พอเข้าจริงๆ วิธีเดิมๆมันก็เป็นสิ่งที่ควรจะทำมากกว่า เนื่องจากว่าลุงแซมไม่สามารถทนทานกระสุนได้เกิน 3 นัด และทั้งมุมมองยิงผ่านหัวไหล่ มันเป็นอะไรที่ขัดกับระบบ การต่อสู้โดยใช้ปืนเป็นอย่างมาก และ ซีรีย์ก็ยังพยายามทำรูปแบบนี้อีกใน ภาค 4 SC: Double Agent ที่จะสามารถเลือกที่จะลุยได้ (แต่ก็ไม่เวิรก์) แถมยังมีทางเลือกที่ให้ผู้เล่นเลือกกระทำ ซึ่งจะมีผลต่อรูปแบบภายในเกม (อันนี้เข้าท่ามากๆ) แต่สุดท้ายมันก็ดูเหมือนไม่สุดเท่าไร่ แถมภาค4 ก็มาตกม้าตายเพราะการ Port มาลง PC อย่างลวกๆ ทำให้รูปแบบอินเตอร์แอคทีฟดูวุ่นวายยุ่งเหยิงไปหมด อีกอย่างคือกราฟฟิกดูแปลกๆ ถึงจะมีแพทช์ ออกมาแก้ (แต่ก็ไม่ทันแล้วลุงง)
ใน Conviction นี้ ผมถือว่าออกมาแก้ตัวได้อย่างสมศักดิ์ศรีของซีรีย์นี้ได้อย่างมีฝีมือเลยทีเดียว แต่บางท่านอาจยังไม่รู้ว่าภาคที่คุณเล่นกันอยู่ปัจจุบันนี้เป็นการรีโปรเจคออกมาใหม่เกือบๆทั้งหมดเลย เนื่องจาก Conviction ในช่วงแรกมีกำหนดการจะออกวางแต่ รูปแบบการเล่นมันดันไปเหมือนกันเป๊ะๆ กับ Assassin Creed ภาคแรก จึงทำให้ทีมพัฒนาต้องรีบม้วนเสื่อเอาตัวเกมไปรีโปรเจคทำใหม่ทันที (เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้วเพราะกลับมาคราวนี้ กลับมาได้อย่างสมการรอคอยจริงๆ) จากที่ผมสัมผัส Conviction มา ตัวเกมได้ฉีกแนวออกมาได้ไกลกว่าที่เคยทำ คือเราสามารถบู๊ ยิงกราด ระเบิดภูเขาเผากระท่อมกันได้อย่างสนุกมือ ซึ่งพลังชีวิตของลุงแซม เป็นในแบบของเกม Action ไปเลย (จากเดิมเป็นหลอดพลังต้องเก็บกระเป๋ายา) คือเมื่อถูกยิงหน้าจอจะเป็นสีแดงขึ้นเรื่อยๆจนตาย นอกจากว่าจะหาที่กำบังพักฟื้น ใครนึกไม่ออกก็เหมือนๆ เกม FPS สมัยนี้ เช่น COD MW และในภาคนี้จะมีอาวุธให้เลือกใช้ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว อีกทังสามารถเก็บอาวุธจากศัตรูมาใช้ได้ทั้งหมด แซมสามารถใช้สภาพแวดล้อมต่างๆในการต่อสู้ได้เป็นอย่างดี เช่นยิง ถังน้ำมันให้ระเบิดใส่ศัตรู หรือเพียงแค่ใช้เบี่ยงเบนความสนใจของศัตรูเพื่อที่จะหลบฉากออกไปจากจุดเดิมก็ได้ หรือจะยิงโคมไฟให้ตกมาใส่ศัตรูก็ไม่ว่ากัน
ในภาคนี้ยังใส่ระบบ "Mark & Execute" คือแซมสามารถ Tag หัวเป้าหมายที่จะสังหารไว้ได้ (กี่เป้าหมายแล้วแต่ความสามารถของอาวุธปืนนั้นๆ) ซึ่งในตอนปกติจะเป็นเครื่องหมายสีเทา และจะเป็นสีแดงพร้อมใช้งานก็ต่อเมื่อลุงแซมต้องสังหารศัตรูด้วยมือเปล่า ก็จะสามารถกดใช้งาน Execute ได้โดยลุงแซมแกจะเกิดภาพสโลว์โมชั่น แล้วสังหารเหยื่อทีละคนตามที่ Mark ไว้ (ดูจากภาพในรีวิวได้เลยครับ) นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งระบบคือ "Last Know Position" คือเราสามารถใช้ตำแหน่งสุดท้ายที่เราอยู่หลอกศัตรู เพื่อที่จะแอบไปตลบหลังศัตรูได้อีกทาง....
ซึ่งสิ่งที่ผมชื่นชอบมากๆของภาคนี้คือ ระบบบอกภารกิจที่ต้องทำ ซึ่งจะเป็นตัวอักษรสีขาวๆ ปรากฏอยู่ตามที่ต่างๆเหมือนๆกับลุงแกคิดอยู่ในหัว ที่สำคัญการเค้นความจริงจาก AI ทั้งหลายได้เปลี่ยนจากการ ล๊อกคอแล้วเอาปืนจ่อหัว/มีดจ่อคอ แล้วถามดีๆ คุณจะไม่ได้เห็นมันอีกแล้ว ครั้งนี้ลุงแซมแกเอาใจสายฮาร์ดคอร์ โดยการเค้นถามแบบโหดๆ โดยการจับบีบคอเหวี่ยงใส่กำแพง ชกหน้า จับหัวโขกข้าวของ จนกว่า AI ผู้เคราะห์ร้ายจะยอมบอก ซีรีย์ได้ฉีกแนวออกไปได้อย่างสวยงามไม่ดูขัดตาอย่างที่ผมเคยแอบคิดไว้ตอนแรกที่ได้ยินโปรเจคการเปลี่ยนแปลงนี้ แน่นอนว่าในฐานะแฟนพันธุ์แท้ของซีรีย์นี้ ภาคนี้ได้ใจผมไปเต็มๆ
กราฟฟิค 9 คะแนน
ในด้านกราฟฟิค ภาคนี้ได้ใจผมไปเต็มๆ เนื่องจากลองเปิด All High / 16X All ภาพสวยงามมากๆ ลบเหลี่ยมไปได้เนียนๆ ที่สำคัญมันลื่นไหลอย่างไม่น่าเชื่อ ต้องขอบคุณ เอนจิ้น Unreal 2.5 จริงๆ
ระบบการเล่น-การบังคับ 7.5 คะแนน
ระบบการเล่นนี้ถือเป็นของใหม่สำหรับซีรีย์นี้จริงๆ (จากย่องๆ เสี่ยงต่อไขข้อเข่า มาเป็นวิ่งยิงไม่กลัวโรคหอบ)เป็นอะไรที่มีแปลกใหม่และสนุกขึ้นจริงๆ ในส่วนของการบังคับ ในเกมแซมสามารถหลบเข้าที่กำบัง (เหมือนๆกับ GOW /Rainbow Six Vegas1-2 และอีกหลายๆเกม) แต่ที่มันยังดูไม่ลื่นไหลสักเท่าไร่ ซึ่งการวิ่งหลบเข้าที่กำบังของแซมยังดูเชื่องช้า และขาดความต่อเนื่องอยู่
ระบบเซฟเกม 2 คะแนน
ระบบเซฟเกมเนื่องจากเป็นระบบที่ต้องต่อ Internet
ระบบเสียงในเกม 9.5 คะแนน
ระบบเสียงในเกมถือว่าสุดยอดมากๆ ในเกมมีให้ปรับ ทั้งระบบ 2.1 และ 5.1 อีกด้วย แต่ขอตินิดเดียวคือ เสียงพูดเบาไปนิด แต่เสียงปืน เสียงระเบิด กระจกแตก อื่่นๆ ดูดีมากๆ เช่นถ้ายิงปืนในที่โล่งๆ จะมีเสียงก้องๆโหวงๆ แต่ถ้าในที่แคบ/ห้อง/อาคาร เสียงจะทึบๆ ดูสมจริงมากๆ
สรุป ผมให้ 7 คะแนน
นับว่าเป็นการฉีกออกจากแนวเดิมได้อย่างลงตัวเลยล่ะ ที่อยู่ๆจับเอาลุงแซมมาบู๊แหลก ระเบิดภูเขาเผากระท่อมกันไป แต่ใครจะคิดเหมือนผมไหมนะ ว่าเนื้อเรื่องนี้มัน คล้ายๆกับ Series 24 มากๆเลย AI ถือว่าฉลาดพอตัวเลยล่ะ (ซึ่งผมเล่นในระดับ Realistic) ศัตรูมีการยิงกดดันแล้วตีโอบเข้ามา และเมื่อมีอะไรผิดปกติมันจะตื่นตัวคอยระวังภัย และที่สำคัญคุณอยู่ในที่มืดก็จริง แต่ระยะ2-3เมตรมันก็เห็นคุณได้ (ต่างกัน Velvet Assassin จริงๆ ที่อยู่จนจมูกแทบชนกันมันก็ไม่เห็นเรา) กราฟฟิกทำมาได้สวยงาม แถมเปิดเอฟเฟค สูงสุดในเกมแล้วไม่มีอาการสะดุดให้อารมณ์เสียอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่เป็นระบบเซฟออนไลน์(อีกแล้ว) และขณะเล่นเกม ผมหลุดจากเกมถึง 4 ครั้ง (ในขณะที่เล่น AC 2 ไม่เคยหลุดแม้แต่ครั้งเดียว-*-) ตัวเกมมี 11 ด่านซึ่งจริงๆแล้ว ซีรีย์นี้มันมีด่านประมาณนี้แหละครับ เพียงแต่ภาคนี้ใช้เวลาเล่นในแต่ล่ะด่านค่อนข้างจะเคลียร์ได้ไว ซึ่งผมเองก็รู้สึกว่า แหม... อยากมันส์ต่ออะจบแล้วหรอ ผมว่าข้อดีของการมีจำนวน Chapter ไม่ยาวมากมันลดความเยิ่นเย้อ น่าเบื่อได้มากเลย (บางเกมยาวมาก มีแต่น้ำ เนื้อนิดเดียว)นี่ถือเป็นข้อดี คล้ายๆกับ COD:MW แต่สุดท้ายไม่ว่าผมจะพูดถึงตัวเกมนี้อย่างไร มันก็อยู่ที่ตัวคุณน่ะแหละที่ตัดสินว่ามันเยี่ยมยอดจนคุณกลายเป็นแฟนซีรีย์นี้(เหมือนผม) หรือจะเล่นแค่ครั้งเดียวแล้วโยนแผ่นมันเข้าตู้ตลอดกาล ผมเป็นแค่สื่อกลางระหว่างคุณกับเกมนี้เท่านั้น
ภาพทำออกมาสวยงามใช้ได้
ภาพในโหมด Co-op/Deniable ops
ระบบ Mark & Execute (ถ่ายกันให้ดูชอทต่อเนื่องเลย อิอิ)
กับความมันส์ 11 ด่าน (ขออนุญาต ป้ายสีดำ 4 ด่านสุดท้ายกลัวสปอยล์ อิอิ)
เครื่องที่ใช้ทดสอบ
OS : Windows 7 Professional
CPU Intel Core 2 Quad Q8200 2.33 Ghz
Ram 3 Gb
Geforce GTX 280 1024Mb
Keyboard+Mouse/XBOX 360 Controller
เปิดทุดอย่างสุดหมด All High / 16X All = ไหลลื่น ทั้ง ฟิสิกส์ ทั้งแสงเงา
ปล.ผมเคยลองตัวบิทมาลองเล่นดู (เอามาลองเล่น Deniable op) เปิดเอฟเฟคสุด มีกระตุกบ้าง ยิ่งตอนด่านในอิรักนี่กระตุก+สะดุดเลย แต่ปัญหานี้ไม่เกิดตอนผมเล่นกับแผ่นแท้นะครับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแผ่นแท้พึ่งอัพแพทต์ไปหรือเปล่า แต่ถือว่าดีแล้วล่ะอิอิ
ผมไม่มีโอกาสได้ลองระบบ Coop/Co-Ops เนื่องจากไม่ทราบว่าทาง Server Uplay เป็นอะไร จึงไม่ได้พูดถึงเรื่องของรูปแบบการเล่น ในโหมด Multiplayer ต้องขออภัย (มีโอกาสจะมาเพิ่มให้ครับผม)
หมายเหตุ : จริงๆอยากลงภาพลุงแซมเยอะๆ แต่กลัวจะเป็นภาพสปอยล์
คำแนะนำ : Splinter Cell 2002 (ภาคแรก) เนื้อเรื่องสนุกสุดเท่าที่เคยสัมผัสซีรีย์นี้มา (เนื้อเรื่องได้อารมณ์อ่านพวก ฟิกชั่นสายลับเลยทีเดียว)
เนื่องจากผมไม่ได้สั่งจองล่วงหน้า ผมเลยได้มาในราคา 699.-
ผมขอให้ชื่อในภาคนี้ว่า "The Man of Conviction"
อันนี้ รีวิวเก่าของผม Splinter Cell ของปี 2002
http://forums.overclockzone.com/foru...59#post8205659
และแล้ว เกมที่ผม(และหลายท่าน) รอคอยมานานกว่า 2 ปี ก็ได้ออกมาให้ชื่นใจซะที
นั่นคือ Splinter Cell Conviction นับเป็นภาคที่ 5 แล้วนะครับสำหรับ ซีรีย์นี้ และแถมเป็นภาคที่มีเรื่องเม้าท์เยอะที่สุดเลยก็ว่าได้ ตั้งแต่
- ข่าวการวางจำหน่ายในปลายปี 2008 แล้วมันก็เลื่อน
- การกลับไปรีโปรเจคเพราะรูปแบบการเล่นซ้ำกับ AC ภาคแรก (กลับไปรีโปรเจคทั้งหมดมาจริงๆ)
- ข่าวการวางกลางปี 2009 แล้วมันก็เลื่อน
- ข่าวการวางปลายปี 2009 แล้วก็เลื่อน
- ไหนจะข่าวว่า ลุง Michael Ironside ผู้พากย์เสียง Sam Fisher มาตั้งแต่ภาคแรก ตัดสินใจเลิกพากย์ (แต่แกก็กลับมาจนได้ เย้..)
- ข่าวการวาง กพ. 2010 มันก็ยังจะเลื่อน (สุดท้ายมาจบที่ พค.2010)
แต่ที่แน่ๆ การเอาเกมกลับไปรีโปรเจคใหม่จนมาเป็น Conviction นี้ถือว่าดีที่สุดแล้วล่ะ เพราะตัว เก่าเหมือนกับ AC เอามากๆ
ว่าแล้วผมก็ฝ่าฝันอุปสรรค(รถติดมากในรอบ 5ปี) ไปเอาลุงแซมแกกลับบ้านมาด้วยได้
คำเตือน : เหมือนเคยครับ รูปใหญ่และค่อนข้างเยอะ ขนาดไม่เกิน 1600*900 ครับ แต่ก็ใหญ่อยู่ (ใครเคยอ่าน Review Mini At first sight ของ AC2 ที่ผมเคยนำเสนอไปจะเข้าใจดี)
(ขอ รีวิว ตัวกล่อง กับภาพในเกมนิดหน่อยแล้วกับครับ เนื่องจากบทความ รีวิวเกี่ยวกับเกมนี้ได้มีผู้นำเสนอไปมากแล้ว เดี๋ยวเบื่อผมกันพอดี)
Splinter Cell ตั้งแต่ ภาค 1-2-3-4 และ 5 Conviction ดูขนาดกล่องเกมก็รู้ว่าซีรีย์นี้ อายุไม่น้อยแล้ว อิอิ
เทียบกับกล่องเกมอื่น/ค่ายอื่นๆ
เห็นมีข่าวว่า เกมนี้จะใช้ กระดาษรีไซเคิลหรืออะไรซะอย่าง และจะไม่มีคู่มือให้ แต่นี่ปกติดี (ไม่รู้ของ โซนต่างประเทศเป็นไง รู้แค่โซนบ้านเรามีครบเหมือนเดิม เย้..)
มีให้แค่เนี้ย คู่มือ กล่องนอก/ใน และ DVD
ในเกมลุงแกใช้แค่ปืนกับ บลูทูธ เลยหามาประกอบฉากหน่อย (ในเกมมีตัวพ่อมัน USP .45 แต่หามาได้แค่ USP Compact 9มม.)
อักษรสีเขียวที่ไม่ชอบเลย (DRM ตามเคย เบื่อจริงๆ)
บทวิจารณ์(รูปแบบการเล่น)
แน่นอนว่าผมเองเป็นแฟนพันธุ์แท้ของซีรีย์ Tom Clancy's Splinter Cell นี้อย่างเหนียวแน่นเลยก็ว่าได้ ภาคนี้จึงเป็นอีกภาคนึงที่ผมรอคอยมานานแสนนาน(นานจริงๆอะแหละ 2ปีที่กระท่อนกระแท่น) ถ้าจะเอ่ยถึง Splinter Cell ที่เราๆคุ้นเคยกันอย่างดีคือการลอบเร้นจารกรรมข้อมูล ซึ่งเพียงแค่เสียงสัญญาณดังครั้งเดียวคุณก็ต้องกลับไปเล่นใหม่เลยทีเดียว แน่ล่ะว่าคุณต้องใจเย็นเอามากๆ เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจจะต้องเล่นด่านเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา จนลุกออกจากที่นั่งไปเลยก็ได้ (ใครไม่เชื่อท้าให้เล่นแบบ Action ในภาค 1-2 เลยอิอิ)
การฉีกแนวออกมาเป็น Action ที่มากขึ้นนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ SC (Splinter Cell ขอเรียกย่อๆ) พยายามจะทำ ในภาค 3 SC:Chaos Theory เคยลองให้สามารถเลือกอุปกรณ์ที่จะใช้ในแต่ละด่าน ซึ่งเกมเปิดโอกาสให้ลุยได้ แต่พอเข้าจริงๆ วิธีเดิมๆมันก็เป็นสิ่งที่ควรจะทำมากกว่า เนื่องจากว่าลุงแซมไม่สามารถทนทานกระสุนได้เกิน 3 นัด และทั้งมุมมองยิงผ่านหัวไหล่ มันเป็นอะไรที่ขัดกับระบบ การต่อสู้โดยใช้ปืนเป็นอย่างมาก และ ซีรีย์ก็ยังพยายามทำรูปแบบนี้อีกใน ภาค 4 SC: Double Agent ที่จะสามารถเลือกที่จะลุยได้ (แต่ก็ไม่เวิรก์) แถมยังมีทางเลือกที่ให้ผู้เล่นเลือกกระทำ ซึ่งจะมีผลต่อรูปแบบภายในเกม (อันนี้เข้าท่ามากๆ) แต่สุดท้ายมันก็ดูเหมือนไม่สุดเท่าไร่ แถมภาค4 ก็มาตกม้าตายเพราะการ Port มาลง PC อย่างลวกๆ ทำให้รูปแบบอินเตอร์แอคทีฟดูวุ่นวายยุ่งเหยิงไปหมด อีกอย่างคือกราฟฟิกดูแปลกๆ ถึงจะมีแพทช์ ออกมาแก้ (แต่ก็ไม่ทันแล้วลุงง)
ใน Conviction นี้ ผมถือว่าออกมาแก้ตัวได้อย่างสมศักดิ์ศรีของซีรีย์นี้ได้อย่างมีฝีมือเลยทีเดียว แต่บางท่านอาจยังไม่รู้ว่าภาคที่คุณเล่นกันอยู่ปัจจุบันนี้เป็นการรีโปรเจคออกมาใหม่เกือบๆทั้งหมดเลย เนื่องจาก Conviction ในช่วงแรกมีกำหนดการจะออกวางแต่ รูปแบบการเล่นมันดันไปเหมือนกันเป๊ะๆ กับ Assassin Creed ภาคแรก จึงทำให้ทีมพัฒนาต้องรีบม้วนเสื่อเอาตัวเกมไปรีโปรเจคทำใหม่ทันที (เป็นความคิดที่ถูกต้องแล้วเพราะกลับมาคราวนี้ กลับมาได้อย่างสมการรอคอยจริงๆ) จากที่ผมสัมผัส Conviction มา ตัวเกมได้ฉีกแนวออกมาได้ไกลกว่าที่เคยทำ คือเราสามารถบู๊ ยิงกราด ระเบิดภูเขาเผากระท่อมกันได้อย่างสนุกมือ ซึ่งพลังชีวิตของลุงแซม เป็นในแบบของเกม Action ไปเลย (จากเดิมเป็นหลอดพลังต้องเก็บกระเป๋ายา) คือเมื่อถูกยิงหน้าจอจะเป็นสีแดงขึ้นเรื่อยๆจนตาย นอกจากว่าจะหาที่กำบังพักฟื้น ใครนึกไม่ออกก็เหมือนๆ เกม FPS สมัยนี้ เช่น COD MW และในภาคนี้จะมีอาวุธให้เลือกใช้ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว อีกทังสามารถเก็บอาวุธจากศัตรูมาใช้ได้ทั้งหมด แซมสามารถใช้สภาพแวดล้อมต่างๆในการต่อสู้ได้เป็นอย่างดี เช่นยิง ถังน้ำมันให้ระเบิดใส่ศัตรู หรือเพียงแค่ใช้เบี่ยงเบนความสนใจของศัตรูเพื่อที่จะหลบฉากออกไปจากจุดเดิมก็ได้ หรือจะยิงโคมไฟให้ตกมาใส่ศัตรูก็ไม่ว่ากัน
ในภาคนี้ยังใส่ระบบ "Mark & Execute" คือแซมสามารถ Tag หัวเป้าหมายที่จะสังหารไว้ได้ (กี่เป้าหมายแล้วแต่ความสามารถของอาวุธปืนนั้นๆ) ซึ่งในตอนปกติจะเป็นเครื่องหมายสีเทา และจะเป็นสีแดงพร้อมใช้งานก็ต่อเมื่อลุงแซมต้องสังหารศัตรูด้วยมือเปล่า ก็จะสามารถกดใช้งาน Execute ได้โดยลุงแซมแกจะเกิดภาพสโลว์โมชั่น แล้วสังหารเหยื่อทีละคนตามที่ Mark ไว้ (ดูจากภาพในรีวิวได้เลยครับ) นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งระบบคือ "Last Know Position" คือเราสามารถใช้ตำแหน่งสุดท้ายที่เราอยู่หลอกศัตรู เพื่อที่จะแอบไปตลบหลังศัตรูได้อีกทาง....
ซึ่งสิ่งที่ผมชื่นชอบมากๆของภาคนี้คือ ระบบบอกภารกิจที่ต้องทำ ซึ่งจะเป็นตัวอักษรสีขาวๆ ปรากฏอยู่ตามที่ต่างๆเหมือนๆกับลุงแกคิดอยู่ในหัว ที่สำคัญการเค้นความจริงจาก AI ทั้งหลายได้เปลี่ยนจากการ ล๊อกคอแล้วเอาปืนจ่อหัว/มีดจ่อคอ แล้วถามดีๆ คุณจะไม่ได้เห็นมันอีกแล้ว ครั้งนี้ลุงแซมแกเอาใจสายฮาร์ดคอร์ โดยการเค้นถามแบบโหดๆ โดยการจับบีบคอเหวี่ยงใส่กำแพง ชกหน้า จับหัวโขกข้าวของ จนกว่า AI ผู้เคราะห์ร้ายจะยอมบอก ซีรีย์ได้ฉีกแนวออกไปได้อย่างสวยงามไม่ดูขัดตาอย่างที่ผมเคยแอบคิดไว้ตอนแรกที่ได้ยินโปรเจคการเปลี่ยนแปลงนี้ แน่นอนว่าในฐานะแฟนพันธุ์แท้ของซีรีย์นี้ ภาคนี้ได้ใจผมไปเต็มๆ
กราฟฟิค 9 คะแนน
ในด้านกราฟฟิค ภาคนี้ได้ใจผมไปเต็มๆ เนื่องจากลองเปิด All High / 16X All ภาพสวยงามมากๆ ลบเหลี่ยมไปได้เนียนๆ ที่สำคัญมันลื่นไหลอย่างไม่น่าเชื่อ ต้องขอบคุณ เอนจิ้น Unreal 2.5 จริงๆ
ระบบการเล่น-การบังคับ 7.5 คะแนน
ระบบการเล่นนี้ถือเป็นของใหม่สำหรับซีรีย์นี้จริงๆ (จากย่องๆ เสี่ยงต่อไขข้อเข่า มาเป็นวิ่งยิงไม่กลัวโรคหอบ)เป็นอะไรที่มีแปลกใหม่และสนุกขึ้นจริงๆ ในส่วนของการบังคับ ในเกมแซมสามารถหลบเข้าที่กำบัง (เหมือนๆกับ GOW /Rainbow Six Vegas1-2 และอีกหลายๆเกม) แต่ที่มันยังดูไม่ลื่นไหลสักเท่าไร่ ซึ่งการวิ่งหลบเข้าที่กำบังของแซมยังดูเชื่องช้า และขาดความต่อเนื่องอยู่
ระบบเซฟเกม 2 คะแนน
ระบบเซฟเกมเนื่องจากเป็นระบบที่ต้องต่อ Internet
ระบบเสียงในเกม 9.5 คะแนน
ระบบเสียงในเกมถือว่าสุดยอดมากๆ ในเกมมีให้ปรับ ทั้งระบบ 2.1 และ 5.1 อีกด้วย แต่ขอตินิดเดียวคือ เสียงพูดเบาไปนิด แต่เสียงปืน เสียงระเบิด กระจกแตก อื่่นๆ ดูดีมากๆ เช่นถ้ายิงปืนในที่โล่งๆ จะมีเสียงก้องๆโหวงๆ แต่ถ้าในที่แคบ/ห้อง/อาคาร เสียงจะทึบๆ ดูสมจริงมากๆ
สรุป ผมให้ 7 คะแนน
นับว่าเป็นการฉีกออกจากแนวเดิมได้อย่างลงตัวเลยล่ะ ที่อยู่ๆจับเอาลุงแซมมาบู๊แหลก ระเบิดภูเขาเผากระท่อมกันไป แต่ใครจะคิดเหมือนผมไหมนะ ว่าเนื้อเรื่องนี้มัน คล้ายๆกับ Series 24 มากๆเลย AI ถือว่าฉลาดพอตัวเลยล่ะ (ซึ่งผมเล่นในระดับ Realistic) ศัตรูมีการยิงกดดันแล้วตีโอบเข้ามา และเมื่อมีอะไรผิดปกติมันจะตื่นตัวคอยระวังภัย และที่สำคัญคุณอยู่ในที่มืดก็จริง แต่ระยะ2-3เมตรมันก็เห็นคุณได้ (ต่างกัน Velvet Assassin จริงๆ ที่อยู่จนจมูกแทบชนกันมันก็ไม่เห็นเรา) กราฟฟิกทำมาได้สวยงาม แถมเปิดเอฟเฟค สูงสุดในเกมแล้วไม่มีอาการสะดุดให้อารมณ์เสียอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่เป็นระบบเซฟออนไลน์(อีกแล้ว) และขณะเล่นเกม ผมหลุดจากเกมถึง 4 ครั้ง (ในขณะที่เล่น AC 2 ไม่เคยหลุดแม้แต่ครั้งเดียว-*-) ตัวเกมมี 11 ด่านซึ่งจริงๆแล้ว ซีรีย์นี้มันมีด่านประมาณนี้แหละครับ เพียงแต่ภาคนี้ใช้เวลาเล่นในแต่ล่ะด่านค่อนข้างจะเคลียร์ได้ไว ซึ่งผมเองก็รู้สึกว่า แหม... อยากมันส์ต่ออะจบแล้วหรอ ผมว่าข้อดีของการมีจำนวน Chapter ไม่ยาวมากมันลดความเยิ่นเย้อ น่าเบื่อได้มากเลย (บางเกมยาวมาก มีแต่น้ำ เนื้อนิดเดียว)นี่ถือเป็นข้อดี คล้ายๆกับ COD:MW แต่สุดท้ายไม่ว่าผมจะพูดถึงตัวเกมนี้อย่างไร มันก็อยู่ที่ตัวคุณน่ะแหละที่ตัดสินว่ามันเยี่ยมยอดจนคุณกลายเป็นแฟนซีรีย์นี้(เหมือนผม) หรือจะเล่นแค่ครั้งเดียวแล้วโยนแผ่นมันเข้าตู้ตลอดกาล ผมเป็นแค่สื่อกลางระหว่างคุณกับเกมนี้เท่านั้น
ภาพทำออกมาสวยงามใช้ได้
ภาพในโหมด Co-op/Deniable ops
ระบบ Mark & Execute (ถ่ายกันให้ดูชอทต่อเนื่องเลย อิอิ)
กับความมันส์ 11 ด่าน (ขออนุญาต ป้ายสีดำ 4 ด่านสุดท้ายกลัวสปอยล์ อิอิ)
เครื่องที่ใช้ทดสอบ
OS : Windows 7 Professional
CPU Intel Core 2 Quad Q8200 2.33 Ghz
Ram 3 Gb
Geforce GTX 280 1024Mb
Keyboard+Mouse/XBOX 360 Controller
เปิดทุดอย่างสุดหมด All High / 16X All = ไหลลื่น ทั้ง ฟิสิกส์ ทั้งแสงเงา
ปล.ผมเคยลองตัวบิทมาลองเล่นดู (เอามาลองเล่น Deniable op) เปิดเอฟเฟคสุด มีกระตุกบ้าง ยิ่งตอนด่านในอิรักนี่กระตุก+สะดุดเลย แต่ปัญหานี้ไม่เกิดตอนผมเล่นกับแผ่นแท้นะครับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแผ่นแท้พึ่งอัพแพทต์ไปหรือเปล่า แต่ถือว่าดีแล้วล่ะอิอิ
ผมไม่มีโอกาสได้ลองระบบ Coop/Co-Ops เนื่องจากไม่ทราบว่าทาง Server Uplay เป็นอะไร จึงไม่ได้พูดถึงเรื่องของรูปแบบการเล่น ในโหมด Multiplayer ต้องขออภัย (มีโอกาสจะมาเพิ่มให้ครับผม)
หมายเหตุ : จริงๆอยากลงภาพลุงแซมเยอะๆ แต่กลัวจะเป็นภาพสปอยล์
คำแนะนำ : Splinter Cell 2002 (ภาคแรก) เนื้อเรื่องสนุกสุดเท่าที่เคยสัมผัสซีรีย์นี้มา (เนื้อเรื่องได้อารมณ์อ่านพวก ฟิกชั่นสายลับเลยทีเดียว)
เนื่องจากผมไม่ได้สั่งจองล่วงหน้า ผมเลยได้มาในราคา 699.-
ผมขอให้ชื่อในภาคนี้ว่า "The Man of Conviction"
อันนี้ รีวิวเก่าของผม Splinter Cell ของปี 2002
http://forums.overclockzone.com/foru...59#post8205659
Comment