Tweet
ไม่รู้ว่าผิดห้องหรือเปล่า เพราะเห็นห้อง Console ส่วนใหญ่จะมีแต่ข่าวกับคำถามไม่เห็นมีรีวิว เลยมาโพสต์ห้องนี้เลยครับ
ทุกคนเคยสังเกตบ้างไหมครับว่า เมื่อใดก็ตามที่เฆมบนฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีจนเกิดเป็นฝนโปรยกระหน่ำลงมา ความเหงา ความรู้สึกสูญเสีย ความโดดเดี่ยว มักกลับเข้ามาในจิตใจของเราทุกคนเสมอ ซึ่งแน่นอนว่าบางคนเลือกที่จะปฏิเสธความทุกข์เหล่านั้น เพียงเพราะว่าภาพแห่งความจริงที่อยู่ตรงหน้าคือ ความรักและครอบครัวที่แสนจะอบอุ่นที่สามารถลบความเศร้าหมองเหล่านั้นออกจาก จิตใจ แต่ทั้งนี้ใช่ว่าคนบนโลกทุกคนจะต้องรู้สึกแบบเดียวกันเสมอไป...
*ทั้งสองย่อหน้าต่อจากนี้อาจมีการสปอยเนื้อเรื่องบางส่วน ถ้าไม่ต้องการรู้ให้ข้ามไปครับ*
Ethan Mars คือหนุ่มสถาปนิกไฟแรง ผู้ซึ่งมีครอบครัวที่น่ารักเหมือนหลากหลายครอบครัวในโลก เขามีภรรยาและลูก 2 คนนามว่า Jason และ Shaun ซึ่งจะว่าไปแล้วครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้ก็ดูรักใคร่ปองดองกันดี จนอยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังพาลูกๆ เดินเที่ยวอยู่ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางกรุง จู่ๆ Jason ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ Ethan พยายามตามหาลูกของเขาจนในที่สุดเขาก็พบกับลูกของเขา แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น.. ซึ่งต่อมาเขาได้รับจดหมายปริศนาพร้อมหน้าหนังสือพิมพ์ที่ลงตีพิมพ์ข่าว เกี่ยวกับ Origami Killer ที่ก่อคดีลักพาตัวเด็กและฆ่า ซึ่งเหยื่อแต่ละรายที่ถูกฆ่าล้วนจมน้ำทั้งหมด..
Ethan กลัวสุดขีด เขากลัวลูกของเขาอีกหนึ่งคนจะหายตัวไป แต่แล้วสวรรค์ก็เหมือนกลั่นแกล้ง Ethan อีกครั้ง...
ทุกอย่างกลับกลายเป็นความเศร้า น้ำตาไหลออกมาเหมือนเม็ดฝนที่กำลังร่วงหล่นจากฟากฟ้า Ethan กำลังจะหมดหวัง แต่แล้วจู่ๆ เหมือนสวรรค์เห็นใจเขา Ethan ได้พบกับสาวสวยนามว่า Madison Paige ที่อ้างว่าตนเป็นช่างถ่ายภาพ Madison ยอมตกลงใจจะช่วย Ethan ในการค้นหาลูก (ด้วยความสงสาร) ซึ่งเมื่อ Ethan ได้สืบเสาะเบาะแสเกี่ยวกับลูกของเขาลึกลงไปเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกถึงตัวฆาตกร Origami Killer ว่าอยู่ใกล้ตัวเขาจนเขากลับคิดไปเองว่า "หรือเราเป็นฆาตกรกันแน่" ซึ่งระหว่างที่ Ethan และ Madison กำลังสืบหาเบาะแสอยู่นั้น อีกฝั่งของเมือง Norman Jayden ตำรวจ FBI หนุ่มหล่อและ Scott Shelby นักสืบอิสระ อดีตตำรวจก็กำลังตามหาเบาะแสของฆาตกร Origami Killer ตามวิถีทางของแต่ละคนเช่นกัน
เรื่องราวของทั้ง 4 คนจะเป็นอย่างไร "คุณคือผู้กำหนดชะตากรรมของพวกเขา" จงอย่าลืมว่าการตัดสินใจเล็กๆ เพียงครั้งเดียวอาจเปลี่ยนแปลงอนาคตของ 4 คนนี้ได้ไปตลอดกาล...
เมื่อหลายปีก่อนหลายคนคงจำเกมแนว Interactive Movie เกมหนึ่งนามว่า Fahrenheit (Indigo Prophecy) ของค่าย Quantic Dream ได้ (ลงทั้ง Play Station 2 และ PC) ซึ่งเกมๆ นั้นถือว่าเป็นการเปิดรูปแบบการเล่นที่แปลกแหวกแนว และเนื้อเรื่องที่น่าติดตามแบบภาพยนตร์ฮอลลีวูดมากเสียจนทำให้ผู้เล่นหลายคน หลงรักเกมนี้ได้ไม่ยาก (แต่พวกที่ไม่ชอบอะไรละเอียดๆ ไม่ชอบเกมภาษาอาจเกียจเข้าไส้ได้เช่นกัน) ซึ่งในวันนี้เมื่อยุค Next-Gen เข้ามา ค่าย Quantic Dream ก็ขอคลอดเกมใหม่สไตล์ Film-Noir thriller กับชื่อ Heavy Rain กับเขาบ้าง โดยการกลับมาในครั้งนี้จะเป็นแบบ Exclusive เฉพาะเครื่องเกม Play Station 3 ของทาง Sony เท่านั้น ซึ่งจุดเด่นของเกมๆ นี้ก็ยังคงเอกลักษณ์ของ Quantic Dream ไว้กล่าวคือการดำเนินเกมจะเป็นในลักษณะ Interactive Movie ที่เน้นการใช้จังหวะในการกดปุ่มตามที่เกมบอกไว้นั่นเอง
ปล. เกมนี้ต้องการพื้นที่ในการติดตั้งพวก Data Files ประมาณ 4.20GB นะครับ แล้วอย่าลืมอัพ Patch เป็น 1.02 กันด้วย
มาเข้าสู่การวิจารณ์กันครับ ซึ่งในเรื่องแรกผมขอพูดถึงเรื่องกราฟฟิกของเกมกันหน่อยครับ สำหรับกราฟฟิกของเกมนี้ถึงแม้รายละเอียดของวัตถุหรือสิ่งของอาจจะไม่มากและ มีเหลี่ยมๆ บ้าง แต่ความคมชัดของ Texture ก็อยู่ในระดับสูงทีเดียว โดยเฉพาะใบหน้าของตัวละครที่มีการเก็บรายละเอียดมาได้อย่างยอดเยี่ยม และกราฟฟิกในส่วนของเม็ดฝนที่ตกลงมากระทบตัวละครและสิ่งของรวมถึงน้ำที่ขัง อยู่บนพื้นถนนก็ทำออกมาได้อย่างสวยงามและเหมือนจริงมากๆ สำหรับในส่วนของแสงและเงาที่ผมรู้สึกว่าเกมทำออกมาได้ดีครับ โดยเฉพาะฉากที่มีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่องผ่านเม็ดฝนที่ร่วงหล่นลงมา มันช่างสวยงามจับใจผมจริงๆ อีกทั้งเรื่องของการที่ผู้ผลิตนำระบบ Motion Capture มาใช้จับการแสดงตัวละครจากคนจริงๆ ทำให้การเคลื่อนไหวของเกมนี้ทำออกมาได้เป็นธรรมชาติมากๆ ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า แววตา การกรอกลูกตาไปมา หรือแม้แต่การเดิน การพริ้วไหว ตกกระทบของสิ่งของ ซึ่งความจริงแล้วก็คงต้องยกความดีความชอบให้กับระบบฟิสิกส์จาก Havok ด้วยส่วนหนึ่ง
แต่ทั้งนี้ผมมีข้อสังเกตเล็กน้อยในเรื่องของระบบการโหลดฉากของเกม ที่ค่อนข้างนานมากๆ อีกทั้งการแสดงผลบางฉากที่มีรายละเอียดของกราฟฟิกมากๆ (โดยเฉพาะการสวมใสแว่น ARI) อาจเกิดการกระตุกขึ้นได้ แต่ก็ไม่ได้บ่อยจนน่ารำคาญ
ในส่วนของ Gameplay ที่ครั้งนี้ Quantic Dream ขอทำให้เป็น Interactive Movie แบบเต็มตัวมากๆ ซึ่งยังคงเอกลักษณ์เฉกเช่นเกม Fahrenheit คือการดำเนินเรื่องด้วยตัวละครหลายตัว ซึ่งในเกมนี้จะใช้ตัวละครดำเนินเรื่อง 4 ตัว โดยจะมีการตัดสลับให้ผู้เล่นได้สัมผัสการผจญภัยของตัวละครทั้ง 4 เรื่อยๆ ตลอดการเล่น อีกทั้งทางผู้ผลิตยังได้ตัดพวก Status แสดงค่าพลังชีวิดอะไรทั้งหลายทั้งแหล่ออกไปจนมด เหลือเพียงแต่หน้าจอเปล่าๆ และคำสั่งในการกดปุ่มต่างๆ เท่านั้น ซึ่งปุ่มเหล่านี้จะปรากฏขึ้นมาเมื่อเราบังคับตัวละครให้ไปยังสิ่งของหรือ วัตถุที่เกมได้ทำชุดคำสั่งเอาไว้ ซึ่งผมถือว่าทางผู้ผลิตเขาทำมาได้ค่อนข้างอิสระมากๆ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรเป็นเส้นตรงเสมอไป การเลือกใช้คำสั่งแต่ละคำสั่งจะนำพาเหตุการณ์ต่างๆ ให้เกิดขึ้นไม่ซ้ำกัน ซึ่งถึงแม้คุณอาจเลือกคำสั่งผิดไป แต่เกมก็ยังสามารถดำเนินต่อจนถึงฉากจบที่มีมากกว่า 20 แบบตั้งแต่ Very Happy จนถึง Very Bad เลยก็ยังได้
สำหรับรูปแบบ Gameplay ที่ผมค่อนข้างประทับใจมากที่สุดก็คือ การใช้แว่น ARI (Added Reality Interface) ของเจ้าหน้าที่ Jayden ในการค้นหาข้อมูลเป็นอะไรที่สร้างความแปลกใหม่ให้กับผมมาก เพราะได้อารมณ์ประมาณ Minority Report มากๆ
มาที่การควบคุมตัวละครอย่างที่ผมได้บอกไปข้างต้นแล้วว่าเกมนี้เน้นไปทาง Interactive Movie ทำให้รูปแบบการบังคับส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การโยกแกน Analog ขวา, การกดปุ่มสามเหลี่ยม, สี่เหลี่ยม X, O, L1, L2, R1, R2 หรือการเขย่าจอยต่างๆ ให้ตรงตามจังหวะที่เกมให้ไว้ ซึ่งในส่วนของระบบดังกล่าวนี้ผมยอมรับครับว่า ทำออกมาได้ค่อนข้างดีมากๆ เพราะการกดปุ่มแต่ละปุ่มผู้เล่นต้องมีสมาธิในการมองภาพพอสมควร เพราะปุ่มกดจะไม่ปรากฏขึ้นมาบนจอแบบนิ่งๆ แต่มันจะปรากฏและแสดงไอคอนขึ้นมาตามความรู้สึกของตัวละคร เช่นถ้าตัวละครกำลังกลัวหรืออยู่ในภาวะเครียดปุ่มกดจะขึ้นมาแบบสั่นๆ ไปมาจนผู้เล่นอาจมองได้ค่อนข้างลำบาก ซึ่งแน่นอนถ้าเรากดพลาด ตัวละครอาจจะเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บได้
ซึ่งนอกเหนือจากการบังคับให้ผู้เล่นกดตามปุ่มที่เกมกำหนดแล้ว ภายในเกมยังเปิดโอกาสให้ผู้เล่นบังคับตัวละครเพื่อเดินสำรวจฉากเพื่อแก้ปิศ นาต่างๆ ด้วย โดยการบังคับการเดินของตัวละครจะใช้การกดปุ่ม R2 ค้างไว้พร้อมด้วยการโยกแกน Analog ด้านซ้ายตามทิศทางที่ต้องการเดิน ซึ่งการเคลื่อนไหวของตัวละครต้องบอกครับว่าอาจจะยังทำมาได้ไม่ดีนัก โดยเฉพาะการเดินของตัวละครที่ดูเชื่องช้าและติดขัดบ้าง อีกทั้งเรื่องของการเปลี่ยนฉากที่บางมุมมองอาจเป็นปัญหาสำหรับผู้เล่นได้
สำหรับในส่วนของเนื้อเรื่องก็คงไม่ตองพูดอะไรมาก เพราะอย่างที่ทราบกันแล้วว่าเนื้อเรื่องของ Heavy Rain ค่อนข้างเข้มข้นตามสไตล์ภาพยนตร์ฆาตกรรมสืบสวนสอบสวนมากๆ ซึ่งแน่นอนว่านอกจากตัวเนื้อเรื่องที่ดูโดดเด่นมากๆ แล้วในส่วนของบทภาพยนตร์ บทพูดและคาแร็กเตอร์ของตัวละครก็ทำออกมาได้ดี อย่างตัวละครทั้ง 5 ตัวได้แก่ Ethan, Laura (ภรรยาคนแรกของ Ethan), Scott, Jayden และ Madison ต่างมีเรื่องราวที่มาที่ไปอย่างชัดเจนมาก ทำให้เราสามารถสัมผัสได้ถึงแก่นของเนื้อเรื่องได้ดียิ่งขึ้น
แต่ทั้งนี้ใช่ว่าในส่วนของบทและเนื้อเรื่องจะไม่มีปัญหาหรือข้อติติงอะไร เพราะเท่าที่ผมได้ลองเล่นมาจนจบเกมแล้ว ผมรู้สึกว่าเนื้อเรื่องหลายๆ ส่วนของเกมๆ นี้ยังไม่ถูกเฉลยให้เคลียร์ในตอนจบ อย่าง แม่ของฆาตกรที่เป็นเหมือนหลักฐานชิ้นสำคัญ ซึ่งเมื่อเราได้สอบปากคำเสร็จแล้ว เกมกลับปล่อยให้หญิงคนนั้นหายไปทั้งๆ ที่เหมือนหญิงคนนั้นจะมีปมอะไรในใจอีกมาก หรือแม้แต่ในส่วนของฉากจบ (Good Ending) ที่จบได้ตามสูตรสำเร็จสไตล์ฮอลลีวูดมากๆ
สุดท้ายในเรื่องของเสียงและดนตรีประกอบของเกมนี้ก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดี เสียงเอ็ฟเฟ็กไม่ว่าจะเป็นฝนตกหรือเสียงเดินบนพื้นผิวต่างๆ ก็แสดงออกมาได้อย่างชัดเจน อีกทั้งดนตรีประกอบที่เป็น Theme หลักของเกมก็ทำออกมาได้หดหู่และเข้ากับบรรยากาศนัวร์ๆ ของเนื้อเรื่องนี้มากๆ
Conclusion
สำหรับเกม Heavy Rain ก็ถือว่าเป็นเกมแนว Film-Noir thriller ที่แฟนๆ หนังฆาตกรรมสยองขวัญน่าจะชื่นชอบเป็นอย่างดี เพราะด้วยเนื้อหาและปมเรื่องที่ค่อนข้างเข้มข้นติดเรท R นิดๆ (เรื่องของความรุนแรงนะ) อีกทั้งรูปแบบการเล่นของเกมที่เป็น Interactive Movie ทั้งหมด (ซึ่งหาเล่นได้ยากมากในปัจจุบัน) ทำให้ผู้เล่นต้องมีสมาธิในการบังคับตัวละครมากๆ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วข้างต้นว่าการตัดสินใจเลือกกระทำอะไรอย่างหนึ่งจะนำ พาไปสู่อีกเหตุการณ์หนึ่งได้อย่างไม่ซ้ำกันเมื่อเล่นในครั้งต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าการที่ผู้ผลิตเลือกให้ฉากจบของตัวละครมีมากถึง 20 กว่าแบบทำให้ผู้เล่นสามารถกลับมาเล่นได้หลายๆ ครั้งโดยที่ไม่เบื่อ แต่ทั้งนี้ถ้าใครที่เกียจเกมภาษาหรือเกมที่ดำเนินเรื่องเชื่องช้าก็อาจจะ เกลียดเกมนี้เข้าไส้ได้เหมือนกัน
ชมภาพ Screenshots อีกมากมาย >คลิกที่นี่<
ที่มา: GamerTechZone.com
ทุกคนเคยสังเกตบ้างไหมครับว่า เมื่อใดก็ตามที่เฆมบนฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีจนเกิดเป็นฝนโปรยกระหน่ำลงมา ความเหงา ความรู้สึกสูญเสีย ความโดดเดี่ยว มักกลับเข้ามาในจิตใจของเราทุกคนเสมอ ซึ่งแน่นอนว่าบางคนเลือกที่จะปฏิเสธความทุกข์เหล่านั้น เพียงเพราะว่าภาพแห่งความจริงที่อยู่ตรงหน้าคือ ความรักและครอบครัวที่แสนจะอบอุ่นที่สามารถลบความเศร้าหมองเหล่านั้นออกจาก จิตใจ แต่ทั้งนี้ใช่ว่าคนบนโลกทุกคนจะต้องรู้สึกแบบเดียวกันเสมอไป...
*ทั้งสองย่อหน้าต่อจากนี้อาจมีการสปอยเนื้อเรื่องบางส่วน ถ้าไม่ต้องการรู้ให้ข้ามไปครับ*
Ethan Mars คือหนุ่มสถาปนิกไฟแรง ผู้ซึ่งมีครอบครัวที่น่ารักเหมือนหลากหลายครอบครัวในโลก เขามีภรรยาและลูก 2 คนนามว่า Jason และ Shaun ซึ่งจะว่าไปแล้วครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนี้ก็ดูรักใคร่ปองดองกันดี จนอยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังพาลูกๆ เดินเที่ยวอยู่ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางกรุง จู่ๆ Jason ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ Ethan พยายามตามหาลูกของเขาจนในที่สุดเขาก็พบกับลูกของเขา แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น.. ซึ่งต่อมาเขาได้รับจดหมายปริศนาพร้อมหน้าหนังสือพิมพ์ที่ลงตีพิมพ์ข่าว เกี่ยวกับ Origami Killer ที่ก่อคดีลักพาตัวเด็กและฆ่า ซึ่งเหยื่อแต่ละรายที่ถูกฆ่าล้วนจมน้ำทั้งหมด..
Ethan กลัวสุดขีด เขากลัวลูกของเขาอีกหนึ่งคนจะหายตัวไป แต่แล้วสวรรค์ก็เหมือนกลั่นแกล้ง Ethan อีกครั้ง...
ทุกอย่างกลับกลายเป็นความเศร้า น้ำตาไหลออกมาเหมือนเม็ดฝนที่กำลังร่วงหล่นจากฟากฟ้า Ethan กำลังจะหมดหวัง แต่แล้วจู่ๆ เหมือนสวรรค์เห็นใจเขา Ethan ได้พบกับสาวสวยนามว่า Madison Paige ที่อ้างว่าตนเป็นช่างถ่ายภาพ Madison ยอมตกลงใจจะช่วย Ethan ในการค้นหาลูก (ด้วยความสงสาร) ซึ่งเมื่อ Ethan ได้สืบเสาะเบาะแสเกี่ยวกับลูกของเขาลึกลงไปเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกถึงตัวฆาตกร Origami Killer ว่าอยู่ใกล้ตัวเขาจนเขากลับคิดไปเองว่า "หรือเราเป็นฆาตกรกันแน่" ซึ่งระหว่างที่ Ethan และ Madison กำลังสืบหาเบาะแสอยู่นั้น อีกฝั่งของเมือง Norman Jayden ตำรวจ FBI หนุ่มหล่อและ Scott Shelby นักสืบอิสระ อดีตตำรวจก็กำลังตามหาเบาะแสของฆาตกร Origami Killer ตามวิถีทางของแต่ละคนเช่นกัน
เรื่องราวของทั้ง 4 คนจะเป็นอย่างไร "คุณคือผู้กำหนดชะตากรรมของพวกเขา" จงอย่าลืมว่าการตัดสินใจเล็กๆ เพียงครั้งเดียวอาจเปลี่ยนแปลงอนาคตของ 4 คนนี้ได้ไปตลอดกาล...
เมื่อหลายปีก่อนหลายคนคงจำเกมแนว Interactive Movie เกมหนึ่งนามว่า Fahrenheit (Indigo Prophecy) ของค่าย Quantic Dream ได้ (ลงทั้ง Play Station 2 และ PC) ซึ่งเกมๆ นั้นถือว่าเป็นการเปิดรูปแบบการเล่นที่แปลกแหวกแนว และเนื้อเรื่องที่น่าติดตามแบบภาพยนตร์ฮอลลีวูดมากเสียจนทำให้ผู้เล่นหลายคน หลงรักเกมนี้ได้ไม่ยาก (แต่พวกที่ไม่ชอบอะไรละเอียดๆ ไม่ชอบเกมภาษาอาจเกียจเข้าไส้ได้เช่นกัน) ซึ่งในวันนี้เมื่อยุค Next-Gen เข้ามา ค่าย Quantic Dream ก็ขอคลอดเกมใหม่สไตล์ Film-Noir thriller กับชื่อ Heavy Rain กับเขาบ้าง โดยการกลับมาในครั้งนี้จะเป็นแบบ Exclusive เฉพาะเครื่องเกม Play Station 3 ของทาง Sony เท่านั้น ซึ่งจุดเด่นของเกมๆ นี้ก็ยังคงเอกลักษณ์ของ Quantic Dream ไว้กล่าวคือการดำเนินเกมจะเป็นในลักษณะ Interactive Movie ที่เน้นการใช้จังหวะในการกดปุ่มตามที่เกมบอกไว้นั่นเอง
ปล. เกมนี้ต้องการพื้นที่ในการติดตั้งพวก Data Files ประมาณ 4.20GB นะครับ แล้วอย่าลืมอัพ Patch เป็น 1.02 กันด้วย
มาเข้าสู่การวิจารณ์กันครับ ซึ่งในเรื่องแรกผมขอพูดถึงเรื่องกราฟฟิกของเกมกันหน่อยครับ สำหรับกราฟฟิกของเกมนี้ถึงแม้รายละเอียดของวัตถุหรือสิ่งของอาจจะไม่มากและ มีเหลี่ยมๆ บ้าง แต่ความคมชัดของ Texture ก็อยู่ในระดับสูงทีเดียว โดยเฉพาะใบหน้าของตัวละครที่มีการเก็บรายละเอียดมาได้อย่างยอดเยี่ยม และกราฟฟิกในส่วนของเม็ดฝนที่ตกลงมากระทบตัวละครและสิ่งของรวมถึงน้ำที่ขัง อยู่บนพื้นถนนก็ทำออกมาได้อย่างสวยงามและเหมือนจริงมากๆ สำหรับในส่วนของแสงและเงาที่ผมรู้สึกว่าเกมทำออกมาได้ดีครับ โดยเฉพาะฉากที่มีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่องผ่านเม็ดฝนที่ร่วงหล่นลงมา มันช่างสวยงามจับใจผมจริงๆ อีกทั้งเรื่องของการที่ผู้ผลิตนำระบบ Motion Capture มาใช้จับการแสดงตัวละครจากคนจริงๆ ทำให้การเคลื่อนไหวของเกมนี้ทำออกมาได้เป็นธรรมชาติมากๆ ไม่ว่าจะเป็นสีหน้า แววตา การกรอกลูกตาไปมา หรือแม้แต่การเดิน การพริ้วไหว ตกกระทบของสิ่งของ ซึ่งความจริงแล้วก็คงต้องยกความดีความชอบให้กับระบบฟิสิกส์จาก Havok ด้วยส่วนหนึ่ง
แต่ทั้งนี้ผมมีข้อสังเกตเล็กน้อยในเรื่องของระบบการโหลดฉากของเกม ที่ค่อนข้างนานมากๆ อีกทั้งการแสดงผลบางฉากที่มีรายละเอียดของกราฟฟิกมากๆ (โดยเฉพาะการสวมใสแว่น ARI) อาจเกิดการกระตุกขึ้นได้ แต่ก็ไม่ได้บ่อยจนน่ารำคาญ
ในส่วนของ Gameplay ที่ครั้งนี้ Quantic Dream ขอทำให้เป็น Interactive Movie แบบเต็มตัวมากๆ ซึ่งยังคงเอกลักษณ์เฉกเช่นเกม Fahrenheit คือการดำเนินเรื่องด้วยตัวละครหลายตัว ซึ่งในเกมนี้จะใช้ตัวละครดำเนินเรื่อง 4 ตัว โดยจะมีการตัดสลับให้ผู้เล่นได้สัมผัสการผจญภัยของตัวละครทั้ง 4 เรื่อยๆ ตลอดการเล่น อีกทั้งทางผู้ผลิตยังได้ตัดพวก Status แสดงค่าพลังชีวิดอะไรทั้งหลายทั้งแหล่ออกไปจนมด เหลือเพียงแต่หน้าจอเปล่าๆ และคำสั่งในการกดปุ่มต่างๆ เท่านั้น ซึ่งปุ่มเหล่านี้จะปรากฏขึ้นมาเมื่อเราบังคับตัวละครให้ไปยังสิ่งของหรือ วัตถุที่เกมได้ทำชุดคำสั่งเอาไว้ ซึ่งผมถือว่าทางผู้ผลิตเขาทำมาได้ค่อนข้างอิสระมากๆ เพราะคุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรเป็นเส้นตรงเสมอไป การเลือกใช้คำสั่งแต่ละคำสั่งจะนำพาเหตุการณ์ต่างๆ ให้เกิดขึ้นไม่ซ้ำกัน ซึ่งถึงแม้คุณอาจเลือกคำสั่งผิดไป แต่เกมก็ยังสามารถดำเนินต่อจนถึงฉากจบที่มีมากกว่า 20 แบบตั้งแต่ Very Happy จนถึง Very Bad เลยก็ยังได้
สำหรับรูปแบบ Gameplay ที่ผมค่อนข้างประทับใจมากที่สุดก็คือ การใช้แว่น ARI (Added Reality Interface) ของเจ้าหน้าที่ Jayden ในการค้นหาข้อมูลเป็นอะไรที่สร้างความแปลกใหม่ให้กับผมมาก เพราะได้อารมณ์ประมาณ Minority Report มากๆ
มาที่การควบคุมตัวละครอย่างที่ผมได้บอกไปข้างต้นแล้วว่าเกมนี้เน้นไปทาง Interactive Movie ทำให้รูปแบบการบังคับส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การโยกแกน Analog ขวา, การกดปุ่มสามเหลี่ยม, สี่เหลี่ยม X, O, L1, L2, R1, R2 หรือการเขย่าจอยต่างๆ ให้ตรงตามจังหวะที่เกมให้ไว้ ซึ่งในส่วนของระบบดังกล่าวนี้ผมยอมรับครับว่า ทำออกมาได้ค่อนข้างดีมากๆ เพราะการกดปุ่มแต่ละปุ่มผู้เล่นต้องมีสมาธิในการมองภาพพอสมควร เพราะปุ่มกดจะไม่ปรากฏขึ้นมาบนจอแบบนิ่งๆ แต่มันจะปรากฏและแสดงไอคอนขึ้นมาตามความรู้สึกของตัวละคร เช่นถ้าตัวละครกำลังกลัวหรืออยู่ในภาวะเครียดปุ่มกดจะขึ้นมาแบบสั่นๆ ไปมาจนผู้เล่นอาจมองได้ค่อนข้างลำบาก ซึ่งแน่นอนถ้าเรากดพลาด ตัวละครอาจจะเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บได้
ซึ่งนอกเหนือจากการบังคับให้ผู้เล่นกดตามปุ่มที่เกมกำหนดแล้ว ภายในเกมยังเปิดโอกาสให้ผู้เล่นบังคับตัวละครเพื่อเดินสำรวจฉากเพื่อแก้ปิศ นาต่างๆ ด้วย โดยการบังคับการเดินของตัวละครจะใช้การกดปุ่ม R2 ค้างไว้พร้อมด้วยการโยกแกน Analog ด้านซ้ายตามทิศทางที่ต้องการเดิน ซึ่งการเคลื่อนไหวของตัวละครต้องบอกครับว่าอาจจะยังทำมาได้ไม่ดีนัก โดยเฉพาะการเดินของตัวละครที่ดูเชื่องช้าและติดขัดบ้าง อีกทั้งเรื่องของการเปลี่ยนฉากที่บางมุมมองอาจเป็นปัญหาสำหรับผู้เล่นได้
สำหรับในส่วนของเนื้อเรื่องก็คงไม่ตองพูดอะไรมาก เพราะอย่างที่ทราบกันแล้วว่าเนื้อเรื่องของ Heavy Rain ค่อนข้างเข้มข้นตามสไตล์ภาพยนตร์ฆาตกรรมสืบสวนสอบสวนมากๆ ซึ่งแน่นอนว่านอกจากตัวเนื้อเรื่องที่ดูโดดเด่นมากๆ แล้วในส่วนของบทภาพยนตร์ บทพูดและคาแร็กเตอร์ของตัวละครก็ทำออกมาได้ดี อย่างตัวละครทั้ง 5 ตัวได้แก่ Ethan, Laura (ภรรยาคนแรกของ Ethan), Scott, Jayden และ Madison ต่างมีเรื่องราวที่มาที่ไปอย่างชัดเจนมาก ทำให้เราสามารถสัมผัสได้ถึงแก่นของเนื้อเรื่องได้ดียิ่งขึ้น
แต่ทั้งนี้ใช่ว่าในส่วนของบทและเนื้อเรื่องจะไม่มีปัญหาหรือข้อติติงอะไร เพราะเท่าที่ผมได้ลองเล่นมาจนจบเกมแล้ว ผมรู้สึกว่าเนื้อเรื่องหลายๆ ส่วนของเกมๆ นี้ยังไม่ถูกเฉลยให้เคลียร์ในตอนจบ อย่าง แม่ของฆาตกรที่เป็นเหมือนหลักฐานชิ้นสำคัญ ซึ่งเมื่อเราได้สอบปากคำเสร็จแล้ว เกมกลับปล่อยให้หญิงคนนั้นหายไปทั้งๆ ที่เหมือนหญิงคนนั้นจะมีปมอะไรในใจอีกมาก หรือแม้แต่ในส่วนของฉากจบ (Good Ending) ที่จบได้ตามสูตรสำเร็จสไตล์ฮอลลีวูดมากๆ
สุดท้ายในเรื่องของเสียงและดนตรีประกอบของเกมนี้ก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดี เสียงเอ็ฟเฟ็กไม่ว่าจะเป็นฝนตกหรือเสียงเดินบนพื้นผิวต่างๆ ก็แสดงออกมาได้อย่างชัดเจน อีกทั้งดนตรีประกอบที่เป็น Theme หลักของเกมก็ทำออกมาได้หดหู่และเข้ากับบรรยากาศนัวร์ๆ ของเนื้อเรื่องนี้มากๆ
Conclusion
สำหรับเกม Heavy Rain ก็ถือว่าเป็นเกมแนว Film-Noir thriller ที่แฟนๆ หนังฆาตกรรมสยองขวัญน่าจะชื่นชอบเป็นอย่างดี เพราะด้วยเนื้อหาและปมเรื่องที่ค่อนข้างเข้มข้นติดเรท R นิดๆ (เรื่องของความรุนแรงนะ) อีกทั้งรูปแบบการเล่นของเกมที่เป็น Interactive Movie ทั้งหมด (ซึ่งหาเล่นได้ยากมากในปัจจุบัน) ทำให้ผู้เล่นต้องมีสมาธิในการบังคับตัวละครมากๆ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วข้างต้นว่าการตัดสินใจเลือกกระทำอะไรอย่างหนึ่งจะนำ พาไปสู่อีกเหตุการณ์หนึ่งได้อย่างไม่ซ้ำกันเมื่อเล่นในครั้งต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าการที่ผู้ผลิตเลือกให้ฉากจบของตัวละครมีมากถึง 20 กว่าแบบทำให้ผู้เล่นสามารถกลับมาเล่นได้หลายๆ ครั้งโดยที่ไม่เบื่อ แต่ทั้งนี้ถ้าใครที่เกียจเกมภาษาหรือเกมที่ดำเนินเรื่องเชื่องช้าก็อาจจะ เกลียดเกมนี้เข้าไส้ได้เหมือนกัน
ชมภาพ Screenshots อีกมากมาย >คลิกที่นี่<
ที่มา: GamerTechZone.com
Comment