สำหรับการรีวิวเกม Command & Conquer 4 Tiberian Twilight ในครั้งนี้ผมจะไม่ขอกล่าวถึงเนื้อเรื่องของตัวเกมนะครับ เพราะผมเคยได้กล่าวไปคร่าวๆ แล้วตอน Preview ตัว Beta เพราะฉะนั้นในเวอร์ชั่นเต็มผมจะนำเสนอเฉพาะความรู้สึกของผมระหว่างที่ได้ เล่น Command & Conquer 4 Tiberian Twilight ครับ
ซึ่งสำหรับใครที่ต้องการชมเนื้อเรื่องบางคร่าวๆ ของภาคนี้สามารถเข้าไปชมได้โดย >คลิกที่นี่<
แรกเริ่มที่ผมเห็นเกม Command & Conquer 4 Tiberian Twilight วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในใจผมคิดขึ้นมาทันทีว่า "นี่ถึงเวลาที่ต้องรีวิวเกมนี้แล้วใช่ไหมนี่" ผมส่ายหัวไปมาอยู่ 3-4 รอบ จนในที่สุดก็ต้องยอมตัดสินใจฝืนความรู้สึกลองเล่นและรีวิวออกมาเป็นบทความ ที่ท่านได้อ่านอยู่นี้แหละครับ
Command & Conquer 4 Tiberian Twilight ถือว่าเป็นภาคสุดท้ายของซีรีย์ Command & Conquer ซึ่งในภาคนี้รูปแบบการเล่นค่อนข้างเปลี่ยนไปมากจากแนว RTS (Real Time Strategy) ไปสู่แนว MMORTS (Massively Multiplayer Online Real Time Strategy) ผสม RPG (Role Playing Game) ซึ่งหลายคนฟังมาถึงตรงนี้อาจทำหน้าตาไม่เชื่อ แต่ผมจะขอยืนยันครับว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ โดยในเกมนอกจากเราจะต้องวางแผนในการวาง Unit และจัดสรรค่าต่างๆ แล้ว เกมยังให้ผู้เล่นต้องแบกภาระเก็บ Level อีก ซึ่งการอัพ Level แต่ละระดับจะทำให้สามารถปลดล็อคพวกอาวุธใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงพวก Achievement ต่างๆ ด้วย (อย่างนี้ผมตะบี้ตะบันอยากเล่่นให้จบแบบคนใจร้อน ก็ไม่ได้สิ)

นรกแล้ว!! เน็ทหลุด ทำไงดีนี้ SHITT!! Fxxk!! @$#$@$
นอกจากแนวเกมที่เปลี่ยนไปแล้วระบบป้องกันลิขสิทธิ์แบบ DRM ก็เป็นอะไรที่ปวดใจคนไทยมาก เนื่องจากในภาคนี้เวลาเข้าเล่นเกมแต่ละครั้งคุณจะต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ท และ Log in ผ่าน EA Account ทุกๆ ครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าถ้าระหว่างที่เล่นๆ อยู่แล้วเน็ทเกิดหลุดขึ้นมาเกมก็จะหลุดออกด้วย
ที่นี้มาในส่วนของรีวิวกันบ้างครับ ซึ่งในเรื่องแรกผมขอพูดถึงจุดเด่นของเกมก่อนเลย ก็คือในเรื่องของภาพกราฟฟิกที่ต้องยอมรับเลยครับว่าทำออกมาได้สวยงาม Texture ต่างๆ ดูมีรายละเอียดดี รวมถึงเอ็ฟเฟ็กที่ทำออกมาก็ค่อนข้างดีเช่นกัน แถมเกมยังไม่กินสเป็กอีกด้วย แต่ทั้งนี้สำหรับฉาก Cutscene ที่ยังคงเอกลักษณ์โดยใช้นักแสดงจริงๆ เล่นอยู่ในภาคนี้ กลับดูไม่โดดเด่นและพาลให้คนดูๆ แล้วรำคาญด้วยการแสดงที่ดูไม่น่าเชื่อถือและเหมือนทางผู้สร้างเลือกนักแสดง มาไม่สมบทบาทเลย

Kane นี่นายจะเกียจพวก GDI ไปถึงไหนนี่
ในส่วนของระบบ Gameplay อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า เป็นภาคที่แปลกประหลาดมาก เพราะจากแนว RTS ที่มีรูปแบบการเล่นอันเป็นเอกลักษณ์คือ การสร้าง Unit ต่างๆ จะต้องใช่แร่เป็นส่วนประกอบ อีกทั้งต้องมีการสร้างโรงงานไฟฟ้า สร้างโน้นสร้างนี่เพื่อจะสามารถสร้างบางสิ่งต่อไปได้ กลับถูกปรับเปลี่ยนไปเป็นให้ผู้เล่นยึดพวกค่า Upkeep ต่างๆ เป็นหลัก ซึ่งแน่นอนว่ามันสามารถสร้าง Unit ขึ้นได้เรื่อยๆ ตราบใดที่ค่า Upkeep เหล่านั้นยังไม่เต็ม (แต่ละ Unit ที่สร้างจะมีใช้ค่า Upkeep ต่างๆ ไม่เท่ากัน) และสุดท้ายฐานแม่ในภาคนี้ยังสามารถระเบิดทิ้งและสร้างใหม่โดยเราสามารถปรับ เปลี่ยนแผนการเล่นได้อีกด้วย
มาที่อีกหนึ่งส่วนตามที่ผมได้กล่าวไปข้างต้นว่า เกมในภาคนี้มันเป็นแนว MMORTS ก็ตรงที่ต้องมีการเก็บ Level อัพเกรดสิ่งของรวมถึงเรื่องของ Skill พิเศษของ Unit ต่างๆ ที่สามารถเรียกใช้งานได้ ซึ่งผมในฐานะคนที่เคยเป็นแฟนเกมของ Westwood กลับรู้สึกไม่ชอบใจเอามากๆ เพราะแน่นอนว่ามันทำให้เสียความเป็นเอกลักษณ์ของซีรีย์ Command & Conquer ไป แต่ทั้งนี้ถ้ามองในมุมกลับกัน ผมว่าบางที EA เขาอาจจะอยากลองอะไรใหม่ๆ เพื่อขยายกลุ่มแฟนเกมหรือบางทีอาจจะอยากลองสร้างความแปลกใหม่เป็นการปิดท้าย ก็เป็นได้ (แต่ผมว่ามัน Fail ว่ะ EA)

ที่นี้มาที่เรื่องของเสียงเอ็ฟเฟ็กและดนตรีประกอบ ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นมาก โดยเฉพาะดนตรีประกอบที่ผมได้ชื่นชมไปแล้วตั้งแต่ในเวอร์ชั่น Beta ซึ่งแต่ละเพลงที่ทางผู้ผลิตได้เลือกสรรและผลิตออกมาช่างฟังแล้วดูยิ่งใหญ่ และบางเพลงก็ฟังดูแล้วลุ้นระทึก ตื่นเต้นได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ

สุดท้ายมาในส่วนของการควบคุมหลักๆ แล้วสำหรับเกมนี้เมาส์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะแน่นอนว่าปุ่มบนคีย์บอร์ดจะมีหน้าที่เพียงแค่เป็นการสั่งคีย์รัดเท่า นั้น ซึ่งสำหรับในภาคนี้ก็ทำออกมาใช้งานไม่ยุ่งยาก และสำหรับใครที่ไม่ชินกับปุ่มกดเมาส์แบบใหม่ ก็สามารถสั่งใช้งานแบบ Classic ได้โดยเข้าไปปรับที่ Option บริเวณ Main Menu ครับ
Conclusion
สงสัยงานนี้จะจบไม่สวยซะแล้วสำหรับซีรีย์ Command & Conquer เพราะหลายๆ ส่วนพี่ EA แกเล่นปรับเปลี่ยนมันซะจนไม่ชิ้นดี ถึงขนาดผมเองยังทนเล่นจนจบไม่ได้จริงๆ (มันทั้งน่าเบื่อ และง่วงนอนมากๆ) แต่ทั้งนี้ถึงแม้หลายๆ ส่วนจะดูเลวร้าย แต่ในเรื่องของภาพกราฟฟิกและระบบ Multiplayer ผมกลับมองว่าสนุกและน่าเล่นมากที่สุด เพราะแน่นอนในภาคนี้ทาง EA ได้ปรับเปลี่ยนให้เน้นการเล่นแบบรวดเร็ว และความมันส์ระดับภาพยนตร์แอ็คชั่นสงคราม บู๊รล้างผลาญ ทำให้การเล่นในโหมด Multiplayer ใน 1 Match จะจบลงได้ค่อนข้างรวดเร็ว อีกทั้งอย่างที่บอกไว้ครับว่าภาพกราฟฟิกและดนตรีประกอบของเกมนี้ทำออกมาได้ ดีมากๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วสำหรับพ่อแม่พี่น้องที่เป็นแฟนซีรีย์ Command & Conquer มาตั้งแต่ภาคแรก และคาดหวังกับภาคนี้ไว้มาก ผมก็ต้องแสดงความเสียใจด้วยนะครับ เพราะเกมที่คุณเคยชื่นชอบมันตายไปพร้อมกับ Westwood แล้ว แต่ทั้งนี้ถ้าพ่อแม่พี่น้องคนใดที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ หรือชอบเล่นเกมแนว MMO ผมว่าท่านอาจจะชื่นชอบเจ้า Command & Conquer 4 Tiberian Twilight ก็เป็นได้ครับ

เอาน่า ถึงเกมจะไม่ดีแต่อย่างน้อยเอกลักษณ์ที่ให้เราสามารถเลือกฝ่ายเล่นได้ก็ยัง อยู่ (ควรดีใจไหมนี่)

ที่มา: GamerTechZone.com
ชมภาพ Screenshot อีกมากมายได้ที่ http://www.gamertechzone.com/index.p...ilight?start=1
ซึ่งสำหรับใครที่ต้องการชมเนื้อเรื่องบางคร่าวๆ ของภาคนี้สามารถเข้าไปชมได้โดย >คลิกที่นี่<
แรกเริ่มที่ผมเห็นเกม Command & Conquer 4 Tiberian Twilight วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ในใจผมคิดขึ้นมาทันทีว่า "นี่ถึงเวลาที่ต้องรีวิวเกมนี้แล้วใช่ไหมนี่" ผมส่ายหัวไปมาอยู่ 3-4 รอบ จนในที่สุดก็ต้องยอมตัดสินใจฝืนความรู้สึกลองเล่นและรีวิวออกมาเป็นบทความ ที่ท่านได้อ่านอยู่นี้แหละครับ
Command & Conquer 4 Tiberian Twilight ถือว่าเป็นภาคสุดท้ายของซีรีย์ Command & Conquer ซึ่งในภาคนี้รูปแบบการเล่นค่อนข้างเปลี่ยนไปมากจากแนว RTS (Real Time Strategy) ไปสู่แนว MMORTS (Massively Multiplayer Online Real Time Strategy) ผสม RPG (Role Playing Game) ซึ่งหลายคนฟังมาถึงตรงนี้อาจทำหน้าตาไม่เชื่อ แต่ผมจะขอยืนยันครับว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ โดยในเกมนอกจากเราจะต้องวางแผนในการวาง Unit และจัดสรรค่าต่างๆ แล้ว เกมยังให้ผู้เล่นต้องแบกภาระเก็บ Level อีก ซึ่งการอัพ Level แต่ละระดับจะทำให้สามารถปลดล็อคพวกอาวุธใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงพวก Achievement ต่างๆ ด้วย (อย่างนี้ผมตะบี้ตะบันอยากเล่่นให้จบแบบคนใจร้อน ก็ไม่ได้สิ)

นรกแล้ว!! เน็ทหลุด ทำไงดีนี้ SHITT!! Fxxk!! @$#$@$
นอกจากแนวเกมที่เปลี่ยนไปแล้วระบบป้องกันลิขสิทธิ์แบบ DRM ก็เป็นอะไรที่ปวดใจคนไทยมาก เนื่องจากในภาคนี้เวลาเข้าเล่นเกมแต่ละครั้งคุณจะต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ท และ Log in ผ่าน EA Account ทุกๆ ครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าถ้าระหว่างที่เล่นๆ อยู่แล้วเน็ทเกิดหลุดขึ้นมาเกมก็จะหลุดออกด้วย
ที่นี้มาในส่วนของรีวิวกันบ้างครับ ซึ่งในเรื่องแรกผมขอพูดถึงจุดเด่นของเกมก่อนเลย ก็คือในเรื่องของภาพกราฟฟิกที่ต้องยอมรับเลยครับว่าทำออกมาได้สวยงาม Texture ต่างๆ ดูมีรายละเอียดดี รวมถึงเอ็ฟเฟ็กที่ทำออกมาก็ค่อนข้างดีเช่นกัน แถมเกมยังไม่กินสเป็กอีกด้วย แต่ทั้งนี้สำหรับฉาก Cutscene ที่ยังคงเอกลักษณ์โดยใช้นักแสดงจริงๆ เล่นอยู่ในภาคนี้ กลับดูไม่โดดเด่นและพาลให้คนดูๆ แล้วรำคาญด้วยการแสดงที่ดูไม่น่าเชื่อถือและเหมือนทางผู้สร้างเลือกนักแสดง มาไม่สมบทบาทเลย

Kane นี่นายจะเกียจพวก GDI ไปถึงไหนนี่
ในส่วนของระบบ Gameplay อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า เป็นภาคที่แปลกประหลาดมาก เพราะจากแนว RTS ที่มีรูปแบบการเล่นอันเป็นเอกลักษณ์คือ การสร้าง Unit ต่างๆ จะต้องใช่แร่เป็นส่วนประกอบ อีกทั้งต้องมีการสร้างโรงงานไฟฟ้า สร้างโน้นสร้างนี่เพื่อจะสามารถสร้างบางสิ่งต่อไปได้ กลับถูกปรับเปลี่ยนไปเป็นให้ผู้เล่นยึดพวกค่า Upkeep ต่างๆ เป็นหลัก ซึ่งแน่นอนว่ามันสามารถสร้าง Unit ขึ้นได้เรื่อยๆ ตราบใดที่ค่า Upkeep เหล่านั้นยังไม่เต็ม (แต่ละ Unit ที่สร้างจะมีใช้ค่า Upkeep ต่างๆ ไม่เท่ากัน) และสุดท้ายฐานแม่ในภาคนี้ยังสามารถระเบิดทิ้งและสร้างใหม่โดยเราสามารถปรับ เปลี่ยนแผนการเล่นได้อีกด้วย
มาที่อีกหนึ่งส่วนตามที่ผมได้กล่าวไปข้างต้นว่า เกมในภาคนี้มันเป็นแนว MMORTS ก็ตรงที่ต้องมีการเก็บ Level อัพเกรดสิ่งของรวมถึงเรื่องของ Skill พิเศษของ Unit ต่างๆ ที่สามารถเรียกใช้งานได้ ซึ่งผมในฐานะคนที่เคยเป็นแฟนเกมของ Westwood กลับรู้สึกไม่ชอบใจเอามากๆ เพราะแน่นอนว่ามันทำให้เสียความเป็นเอกลักษณ์ของซีรีย์ Command & Conquer ไป แต่ทั้งนี้ถ้ามองในมุมกลับกัน ผมว่าบางที EA เขาอาจจะอยากลองอะไรใหม่ๆ เพื่อขยายกลุ่มแฟนเกมหรือบางทีอาจจะอยากลองสร้างความแปลกใหม่เป็นการปิดท้าย ก็เป็นได้ (แต่ผมว่ามัน Fail ว่ะ EA)

ที่นี้มาที่เรื่องของเสียงเอ็ฟเฟ็กและดนตรีประกอบ ที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นมาก โดยเฉพาะดนตรีประกอบที่ผมได้ชื่นชมไปแล้วตั้งแต่ในเวอร์ชั่น Beta ซึ่งแต่ละเพลงที่ทางผู้ผลิตได้เลือกสรรและผลิตออกมาช่างฟังแล้วดูยิ่งใหญ่ และบางเพลงก็ฟังดูแล้วลุ้นระทึก ตื่นเต้นได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ

สุดท้ายมาในส่วนของการควบคุมหลักๆ แล้วสำหรับเกมนี้เมาส์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะแน่นอนว่าปุ่มบนคีย์บอร์ดจะมีหน้าที่เพียงแค่เป็นการสั่งคีย์รัดเท่า นั้น ซึ่งสำหรับในภาคนี้ก็ทำออกมาใช้งานไม่ยุ่งยาก และสำหรับใครที่ไม่ชินกับปุ่มกดเมาส์แบบใหม่ ก็สามารถสั่งใช้งานแบบ Classic ได้โดยเข้าไปปรับที่ Option บริเวณ Main Menu ครับ
Conclusion
สงสัยงานนี้จะจบไม่สวยซะแล้วสำหรับซีรีย์ Command & Conquer เพราะหลายๆ ส่วนพี่ EA แกเล่นปรับเปลี่ยนมันซะจนไม่ชิ้นดี ถึงขนาดผมเองยังทนเล่นจนจบไม่ได้จริงๆ (มันทั้งน่าเบื่อ และง่วงนอนมากๆ) แต่ทั้งนี้ถึงแม้หลายๆ ส่วนจะดูเลวร้าย แต่ในเรื่องของภาพกราฟฟิกและระบบ Multiplayer ผมกลับมองว่าสนุกและน่าเล่นมากที่สุด เพราะแน่นอนในภาคนี้ทาง EA ได้ปรับเปลี่ยนให้เน้นการเล่นแบบรวดเร็ว และความมันส์ระดับภาพยนตร์แอ็คชั่นสงคราม บู๊รล้างผลาญ ทำให้การเล่นในโหมด Multiplayer ใน 1 Match จะจบลงได้ค่อนข้างรวดเร็ว อีกทั้งอย่างที่บอกไว้ครับว่าภาพกราฟฟิกและดนตรีประกอบของเกมนี้ทำออกมาได้ ดีมากๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วสำหรับพ่อแม่พี่น้องที่เป็นแฟนซีรีย์ Command & Conquer มาตั้งแต่ภาคแรก และคาดหวังกับภาคนี้ไว้มาก ผมก็ต้องแสดงความเสียใจด้วยนะครับ เพราะเกมที่คุณเคยชื่นชอบมันตายไปพร้อมกับ Westwood แล้ว แต่ทั้งนี้ถ้าพ่อแม่พี่น้องคนใดที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ หรือชอบเล่นเกมแนว MMO ผมว่าท่านอาจจะชื่นชอบเจ้า Command & Conquer 4 Tiberian Twilight ก็เป็นได้ครับ

เอาน่า ถึงเกมจะไม่ดีแต่อย่างน้อยเอกลักษณ์ที่ให้เราสามารถเลือกฝ่ายเล่นได้ก็ยัง อยู่ (ควรดีใจไหมนี่)

ที่มา: GamerTechZone.com
ชมภาพ Screenshot อีกมากมายได้ที่ http://www.gamertechzone.com/index.p...ilight?start=1
Comment