ทุกเรื่องราวมีที่มา
ปี 2013
เด็กชายคนหนึ่งนามว่า "Artyom" (Артём) เกิดขึ้นในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงมอสโครว์ โดยหารู้ไหมว่าอีกไม่กี่เดือน โลกจะถึงวันดับศูนย์ด้วยความโลภ สงครามและความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ด้วยกันเอง

A New Dark Age
ลมหนาวกำลังพัดผ่านเข้ามา ฤดูกาลได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าหวาดกลัว โดยหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดนิวเคลียร์มากที่สุดคงเป็นกรุงมอ สโครว์ ประเทศรัสเซีย ซึ่งผู้คนในประเทศนั้นที่ยังรอดชีวิตอยู่ ต่างต้องหาสถานที่อยู่ใหม่อย่างเร่งด่วน เพราะว่าบนพื้นโลกเต็มไปด้วยอากาศที่เป็นพิษ อีกทั้งลมหนาวที่พัดผ่านมาก็ดูจะช่างรุนแรงเกินกว่าจะมีมนุษย์คนใดจะสามารถ อาศัยอยู่ได้
วันเดือนปีล่วงเลยผ่านไป มีคนกลุ่มหนึ่งค้นพบสถานที่ๆ ปลอดภัยและดูเหมือนจะเป็นสถานที่ๆ ดีที่สุดในเวลานั้น นั่นก็คือ "สถานีรถไฟใต้ดินของเมือง" ที่มีทางเชื่อมต่อกันหลากหลายเส้นทาง โดยกลุ่มคนที่ยังมีชีวิตรอดต่างพากันแยกย้าย อาศัยอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ที่สามารถอยู่ได้จนเกิดเป็นสังคมขึ้น

แผนที่ของสถานีรถไฟใต้ดินใน กรุงมอสโครว์ ประเทศรัสเซีย
ปี 2033
20 ปีผ่านไปจากเหตุการณ์ในปีนั้น สังคมใต้ดินของมนุษย์ดูจะสงบเรียบร้อย ในขณะที่บนพื้นโลก พืช สัตว์ต่างๆ ที่โดนสารกัมมันตรังสีจากระเบิดนิวเคลียร์ในครั้งนั้น กำลังมีการเปลี่ยนแปลงทาง DNA จนในที่สุดก็เกิดเป็นสิ่งที่น่ากลัว ในขณะที่เหล่ากลุ่มโจร พวกคอมมิวนิสต์หรือแม้แต่ทหารฝ่ายตรงข้าม (Nazis) ก็ยังไม่ละเลิกการก่อการร้ายและคุกคามชีวิตของชาวเมืองมอสโครว์แต่อย่างใด เพราะฉะนั้นเหล่าบรรดาชาวเมืองต่างต้องพยายามปกป้องชีวิตจากพวกศัตรูเหล่า นั้น ด้วยกองกำลังและอาวุธเท่าที่จะหาและผลิตได้
ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะใช้ชีวิตในวงโคจรหลังสงครามล้างโลกอย่างสมบูรณ์ และตามวัฏจักรที่ควรจะเป็น แต่แล้วในวันหนึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อกลุ่มกองกำลังที่กำลังรักษาประตูเข้าสู่สถานีรถไฟใกล้สถานี VDNH ถูกโจมตีด้วยบางสิ่งบางอย่าง ที่ไม่ใช่พวกสัตว์กลายพันธุ์หรือกลุ่มโจรต่างๆ ซึ่งภายหลังทุกคนต่างเรียกสิ่งเหล่านั้นว่า "The Dark One" และแน่นอนทุกคนต่างคิดว่าสิ่งที่เรียกว่า "The Dark One" ต้องไม่มาดีอย่างแน่นอน
ซึ่งดูเหมือนชายคนหนึ่งนามว่า "Artyom" ก็เหมือนจะสัมผัสกับสิ่งเหล่านั้นได้เช่นกัน ซึ่ง Artyom สามารถสัมผัสสิ่งที่เรียกว่า "The Dark One" ได้ลึกซึ้งกว่าทุกคน แน่นอนว่า Artyom ไม่ทราบสาเหตุของ The Dark One ว่าต้องการอะไร เขาเป็นศัตรู เอเลี่ยน พวกกลายพันธ์หรือสิ่งที่ไม่มีตัวตนกันแน่ คงไม่มีใครสามารถหาคำตอบของเหตุการณ์นี้ได้นอกจาตัวของ "Artyom" เอง...
พูดถึงเกมชื่อแปลกๆ อย่าง Metro 2033 ที่ดูจากหน้าเกมแล้วเหมือนจะเป็นเกม Action FPS ที่ลอกเลียน S.T.A.L.K.E.R, Fallout และ F.E.A.R มาเต็มๆ แต่เมื่อคุณได้ทดลองเล่นในรอบแรกแล้ว ผมเชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องเปลี่ยนความคิดเหล่านั้นไปอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ท่านจะได้เจอไม่ใช่เพียงแค่สัตว์กลายพันธุ์หรือลีลาแอ็คชั่น เหมือนเกม Action FPS เกมอื่น แต่เกมนี้คือเกม Survivor Action ที่เน้นความสมจริง เนื้อเรื่องที่น่าติดตาม เกินความคาดหมาย อีกทั้งตัวเกมยังมีความยากอยู่ในระดับฮาร์ดคอร์อีกด้วย
ซึ่งเกม Metro 2033 เป็นผลงานของค่ายน้องใหม่แต่ฝีมือไม่ใหม่นามว่า 4A Games โดยตัวเกมสร้างจากนิยายขายดีของ Dmitry Glukhovsky ในชื่อ Metro 2033 เช่นกัน อีกทั้งผู้เขียนนิยายเล่มดังกล่าวยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาบทและเนื้อเรื่อง ของตัวเกมด้วย ซึ่งสำหรับในส่วนของกราฟฟิกทาง 4A Games ได้พัฒนาเอนจิ้นขับเคลื่อนตัวเกมขึ้นมาเองในชื่อ 4A Engine ที่มีคุณสมบัติในการรองรับชุดคำสั่ง DirectX 11 และ PhysX จาก NVIDIA ด้วย ทำให้ทุกท่านสามารถเชื่อใจได้เลยครับว่ากราฟฟิกของเกมนี้ต้องงดงามอย่างแน่ นอน

4A Engine สามารถสร้างภาพที่งดงามของเมืองใต้ดินได้อย่างสวยงามไร้ที่ติจริงๆ
โดยในส่วนของกราฟฟิกก็อย่างที่กล่าวไปแล้วครับว่า สวยงามไร้ที่ติจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อเปิดใช้งานชุดคำสั่ง DirectX 11 จะพบว่าวัตถุต่างๆ มีมิติที่มากขึ้น อีกทั้งในส่วนของระบบ Advanced Depth of Dield (มีในฟังค์ชั่นของ DirectX 11) ก็สามารถสร้างชัดลึกชัดตื้นได้อย่างสวยงามเหมือนชมภาพยนตร์เลยครับ แต่ทั้งนี้การปรับออฟชั่นกราฟฟิกที่สูงขึ้นของเกมนี้จะกินทรัพยากรเครื่อง ค่อนข้างมากเกินความจำเป็น อย่างชุดคอมพ์ที่ผมใช้ทดสอบ ซึ่งประกอบด้วยด้วยกราฟฟิกการ์ด Radeon HD 5870 + Intel Core i5 750 @ 3.21GHz + RAM G.Skill Trident 1600MHz 4GB ปรับทุกอย่างสูงสุดหมดและใช้ฟังค์ชั่น DirectX 11 (ที่ความละเอียดหน้าจอ 1280x800) พบว่าเฟรมเรทที่ได้จะวิ่งกันสนุกสนานตั้งแต่ 11- 70 fps โดยเฉพาะช่วงที่เจอฉากที่มีฝุ่นหรือเอ็ฟเฟ็กรวมทั้งตัวละครจำนวนมาก เฟรมเรทที่ได้จะตกไปอยู่ราว 10-12 fps เรียกได้ว่ากระตุกเป็นเจ้าเข้าเลยทีเดียว
ที่นี้ผมขอพูดถึงความประทับใจอีกหนึ่งอย่างของออฟชั่นกราฟฟิกเกมนี้ นั่นก็คือการทำ Motion Blur แบบเฉพาะวัตถุที่เคลื่อนไหว (ต้องใช้ DirectX 10 ขึ้นไป) ซึ่งถึงแม้จะเป็นเอ็ฟเฟ็กส่วนประกอบเล็กๆ แต่มันก็สามารถสร้างความเหมือนจริงให้กับตัวเกมได้มาก โดยเฉพาะพวกบรรดาสัตว์กลายพันธ์ทั้งหลายที่มีการเคลื่อนที่ๆ ว่องไวมาก ซึ่งเวลาที่พวกสัตว์เหล่านั้นอยู่ด้วยกันเป็นจำนวนมากเอ็ฟเฟ็ก Motion Blur ก็สร้างความมหัศจรรย์ของภาพได้ดีทีเดียว

มาในส่วนของการออกแบบตัวละคร การเคลื่อนไหว รวมถึง AI ก็ต้องยอมรับครับว่าทาง 4A Games ยังทำมาได้แค่พอใช้เท่านั้น เนื่องจากผมมีความรู้สึกว่าตัวละครมี Action ที่ดูแข็งๆ มาก อีกทั้งเรื่องของการออกแบบหน้าตาและรูปร่างของตัวละครรวมถึงพวกบรรดาสัตว์ ประหลาด ค่อนข้างจะเหมือนกันแทบทุกตัว ทำให้เกิดความสับสนในการจดจำชื่อและหน้าตาของตัวละครได้ อีกทั้งในส่วนของการเคลื่อนไหวของตัวละครก็ยังอาจมีบั๊กเดินติดนู้นติดนี่ อยู่บ้าง อย่างมีอยู่ฉากหนึ่งผมได้รับภารกิจให้ตามตา Miller ไป แต่ที่นี้พี่แกดันเดินไปติดท่อน้ำ ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้ ซึ่งแน่นอนว่าผมก็เล่นต่อไม่ได้เช่นกัน ผมเลยต้อง Restart ฉากนั้นใหม่ อาการต่างๆ ถึงจะหายไป และสุดท้ายในส่วนของ AI บางครั้งอาจมีอาการเอ๋อๆ แสดงให้เห็นบ้าง อย่างบางทีเมื่อทีมเราพบศัตรูยิงสวนมา ทีมของเรากลับไม่ยิงตอบโต้ ต้องรอให้ผู้เล่นยิงตอบกลับเป็นคนแรกก่อนทีมของเราถึงจะยิงตามหรือแม้แต่บาง ครั้งศัตรูเดินมาถึงหน้าของเราแล้ว แต่กลับยืนแข็งทื่อไม่ทำอะไรจนผมสามารถนำมีดปลายปืนจิ้มสบายๆ เลย
สำหรับในส่วนของบทและเนื้อเรื่องของเกม ซึ่งผมถือว่าเป็นจุดเด่นมากๆ ของเกมนี้ เพราะด้วยเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม ซึ่งต้องขอบอกก่อนเลยครับว่าเนื้อเรื่องของเกมนี้ไม่ได้เกี่ยวกับโลกหลัง สงครามนิวเคลียร์เหมือนกับเกมอื่นๆ แต่เกมนี้มีเนื้อเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังของผู้คน ความไม่ไว้ใจกัน ความหวาดระแวง ความสูญเสีย ความเสียสละ หรือแม้แต่ความเชื่อเรื่องภูติผีปีศาจที่เกมสามารถแสดงออกมาได้อย่างยอด เยี่ยม แต่ทั้งนี้ใช่ว่าทุกอย่างจะดูดีไม่มีที่ติ เพราะในส่วนของบทแล้ว ผมว่ายังขาดสีสันและความคิดสร้างสรรค์ในการวางโครงเรื่องสักเล็กน้อย เพราะอย่างฉากที่ตัวละครมักมอบภารกิจที่หลากหลายให้ตัวเอกทำ ตัวละครมักจะชอบพูดอะไรซ้ำๆ กันอย่างเช่น "ฉันมีภารกิจให้นายทำ นายต้องไปทำนู้นทำนี่คนเดียวนะ" ย้ำชัดอีกครั้งว่าคนเดียว ซึ่งผมบอกตรงๆ ว่าเป็นบทพูดที่ฟังแล้วรู้สึกเซ็งและเหมือนทางผู้ผลิตไม่รู้จะงัดมุขอะไรมา เล่นเพื่อให้ตัวเองต้องทำภารกิจคนเดียวแล้ว หรือแม้กระทั่งการวางเรื่องราวการปรากฏตัวของตัวละครหลากหลายตัวที่ไม่มีที่ มาที่ไป จะมาก็มา จะไปก็ไป หรือจะตายก็สามารถตายได้อย่างดื้อๆ ทำให้ผู้เล่นไม่สามารถอินไปพร้อมกับตัวละครที่มากมายได้เลย
และสุดท้ายในเรื่องของบทที่ขอบอกว่าเป็นเส้นตรงมากๆ กล่าวคือถ้าใครที่คาดหวังว่าเกมนี้จะเป็นเกม Action FPS กึ่ง RPG เลือกทำ Quest ย่อย Quest หลัก หรือจะเลือกเดินเที่ยวเมืองได้เหมือน S.T.A.L.K.E.R. ละก็ ผมขอบอกว่าคุณต้องผิดหวังแน่ๆ เพราะเกมนี้เขาเน้นเล่นเป็น Chapter เป็นด่านๆ จบหนึ่งฉากคือจบ ไม่สามารถกลับไปสถานที่เก่าๆ ที่เล่นผ่านมาได้


มาที่เรื่องของรูปแบบการเล่นกันบ้าง สำหรับเกมนี้ต้องยอมรับครับว่าเป็นเกมที่มีรูปแบบการเล่นที่สมจริงมาก ไม่ได้เน้น Action เหมือนเกม FPS ทั่วๆ ไป เช่น กระสุนปืนในเกมนี้จะมีให้ใช้น้อย เนื่องจากในเกมหลังจากเหตุการณ์ล้างโลกทำให้สิ่งของต่างๆ หาได้ยากขึ้น อีกทั้งในเรื่องของไฟฉายที่ถือเป็นสิ่งจำเป็นของเกมนี้ ก็จำเป็นต้องมีการชาร์จไฟเมื่อแบ็ตเตอรี่หมดด้วย และสุดท้ายในส่วนของหน้ากากกันสารพิษที่จำเป็นต้องใส่ทุกครั้งหลังขึ้นมาบน ผิวโลกหรือเจอสถานที่ๆ มีสารกัมมันตรังสีตกค้าง ก็สามารถแตกและอากาศหมดได้ ซึ่งแน่นอนว่าคุณต้องรีบหาเปลี่ยนหรือเติมแก็สให้เร็วที่สุดก่อนที่คุณจะ หายใจไม่ออกและเสียชีวิตในที่สุด (ขอบอกว่าถึงช่วงนี้ทีไรกดดันทุกที)
สุดท้ายมาในส่วนของเสียงประกอบและดนตรี ก็ถูกออกแบบมาได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะเสียงของตัวละครเมื่อโดนศัตรูโจมตี จะร้องได้ค่อนข้างหลอนและน่ากลัวมาก หรือแม้แต่เสียงศัตรูจำพวกสัตว์กลายพันธุ์ที่วิ่งมาตบเรา เสียงที่ออกมาก็ค่อนข้างหนักและฟังดูแรงจนผมตกใจทุกครั้งที่โดนรอบกัดข้าง หลังทุกที (นึกแล้วยังสยองอยู่เลย บรึ๊ย!!) ซึ่งช่วงเสียงที่ผมรู้สึกประทับใจมากที่สุดคงเป็นฉากตอนที่เราอยู่ในท่อน้ำ เสียงที่ออกมาค่อนข้างเงียบและดูวังเวงมาก โดยเราจะได้ยินเสียงเหล่าสัตว์กลายพันธ์คำรามอยู่ที่ไหนสักแห่ง ในขณะที่เสียงฝีเท้าเราก็ดังกึกก้องไปทั้งบริเวณ สร้างความหลอนให้ผู้เล่นได้เป็นอย่างดี
ปล. ขอเสริมฉากที่เราต้องเจอวิญญาณขวางประตู และมีทหารมานำเราเข้าไปโดยมีการท่องคาถาภาษาแปลกๆ ประหนึ่งจะเหมือนคาถาไล่พวกภูติผีปีศาจที่ฟังแล้วรู้สึกขนลุกจริงๆ ซึ่งเทื่อเราเดินเข้าไปแล้วสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกมากกว่าก็คือ เหล่าภาพทหารผู้เสียชีวิตไปแล้วในการต่อสู้กับพวกสัตว์กลายพันธุ์ต่างๆ มีมากมายเต็มห้องเลย
Conclusion
สำหรับการรีวิวเกม Metro 2033 ในครั้งนี้อย่างแรกก่อนจะเข้าสู่บทสรุป ผมขอขอบคุณบริษัท Alliance & Link Corporation Co., Ltd ก่อนครับที่อุตสาห์ให้ผมยืมการ์ด Manli Radeon HD 5870 มา ทำให้ผมสามารถรันเกมด้วยโหมด DirectX 11 มาอวดพ่อแม่พี่น้องชาว GTZ ได้
ซึ่งสำหรับเกม Metro 2033 สำหรับผมแล้ว ผมถือว่าเป็นเกมที่จัดอยู่ในเกณฑ์ยอดเยี่ยม ทั้งรูปแบบการเล่น เนื้อเรื่อง และการสร้างปรากฏการณ์ทางกราฟฟิกที่พัฒนาไปอีกหนึ่งขั้น ซึ่งข้อดีหลักๆ ของตัวเกมนี้ผมคงต้องยกให้เรื่องภาพที่สวยงาม โดยเฉพาะเมื่อรันบนชุดคำสั่ง DirectX 11 แต่ทั้งนี้เนื่องจากตัวเกมค่อนข้างกินสเป็กมาก และผมมีความรู้สึกว่าเกมนี้ถูกผลิตขึ้นเพื่อนำมาใช้กับการ์ดบางรุ่นมากไป หน่อย ทำให้เกมนี้เสียสมดุลในส่วนของความเหมาะสมไปเยอะพอสมควร และอีกหนึ่งจุดที่มักมีคนบ่นมากก็คือ เกมมีการเดินเรื่องเป็นเส้นตรงมากเกินไป และไม่มีการปล่อยให้ผู้เล่นได้ลองเดินเที่ยวเมืองใต้ดินที่สวยงามบ้าง ทำให้ผู้เล่นที่เป็นคอ Open World และ RPG อาจเบือนหน้าหนีได้ง่ายๆ อีกทั้งด้วยการที่เกมค่อนข้างสร้างความกดดันให้ผู้เล่นมากเกินไป ทั้งเรื่องของจำนวนกระสุนที่น้อยนิด หรือแม้แต่เรื่องหน้ากากกันสารพิษที่สามารถเสียหายได้ ก็อาจทำให้ผู้เล่นจำนวนมากเกิดความท้อเลิกเล่นกลางคันได้ง่ายๆ

แต่ทั้งนี้ถ้าเรามองข้ามข้อเสียเหล่านั้นและคิดเสียว่า นี่คือเกมที่จำลองสถานการณ์จริงๆ มาประยุกต์กับหนังสือของคุณ Dmitry Glukhovsky ผมว่า 4A Games เขาทำออกมาได้ดีเกินคาดเสียจริงๆ เพราะอย่างน้อยผมรู้สึกว่าเกมๆ นี้สามารถทำให้สโลแกน Fear the Future ติดหูติดตาเราไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียว (คิดแล้วบรึ๊ยย!! มากๆ)
เอาเป็นว่าสุดท้ายนี้ พวกคุณทุกคนจงเปิดใจให้กว้าง พยายามลบภาพเกมแนวหลังสงครามล้างโลกเกมอื่นๆ ออกให้หมด และขอให้ลองใช้ใจและดิกชันนารีไปพร้อมกับเกมนี้ และคุณจะพบว่าโลกหลังสงครามมีอะไรที่คุณคาดไม่ถึงอยู่เต็มไปหมด

Dorapenguin's Note: ผมว่าเกม Metro 2033 เป็นเกมแนว Survivor/Action FPS ที่ยอดเยี่ยมมากๆ เกมหนึ่ง โดยเฉพาะในส่วนของเนื้อเรื่องที่สร้างความแปลกประหลาดและความงงให้กับผู้ เล่นมาก ซึ่งผมคิดว่าใครเล่นเกมนี้จบแล้ว ทุกคนต้องอยากหาหนังสือ Metro 2033 ของ Dmitry Glukhovsky อ่านแน่นอน เพราะเนื้อเรื่องที่คุณจะได้เจอในเกมนี้มันเป็นมากกว่าคำว่าสิ่งที่มองไม่เห็นเสียอีก
ชมภาพประกอบในแบบ DirectX 11 มากกว่านี้ >คลิกที่นี่<
ที่มา: GamerTechZone.com << ท่านสามารถอ่านรีวิวเกมอีกมากมายได้ที่นี่นะครับ
ปี 2013
เด็กชายคนหนึ่งนามว่า "Artyom" (Артём) เกิดขึ้นในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงมอสโครว์ โดยหารู้ไหมว่าอีกไม่กี่เดือน โลกจะถึงวันดับศูนย์ด้วยความโลภ สงครามและความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ด้วยกันเอง

กรุงมอสโครว์ ก่อนและหลังจากเหตุการณ์วันล้างโลก
A New Dark Age
ลมหนาวกำลังพัดผ่านเข้ามา ฤดูกาลได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าหวาดกลัว โดยหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากระเบิดนิวเคลียร์มากที่สุดคงเป็นกรุงมอ สโครว์ ประเทศรัสเซีย ซึ่งผู้คนในประเทศนั้นที่ยังรอดชีวิตอยู่ ต่างต้องหาสถานที่อยู่ใหม่อย่างเร่งด่วน เพราะว่าบนพื้นโลกเต็มไปด้วยอากาศที่เป็นพิษ อีกทั้งลมหนาวที่พัดผ่านมาก็ดูจะช่างรุนแรงเกินกว่าจะมีมนุษย์คนใดจะสามารถ อาศัยอยู่ได้
วันเดือนปีล่วงเลยผ่านไป มีคนกลุ่มหนึ่งค้นพบสถานที่ๆ ปลอดภัยและดูเหมือนจะเป็นสถานที่ๆ ดีที่สุดในเวลานั้น นั่นก็คือ "สถานีรถไฟใต้ดินของเมือง" ที่มีทางเชื่อมต่อกันหลากหลายเส้นทาง โดยกลุ่มคนที่ยังมีชีวิตรอดต่างพากันแยกย้าย อาศัยอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ที่สามารถอยู่ได้จนเกิดเป็นสังคมขึ้น

แผนที่ของสถานีรถไฟใต้ดินใน กรุงมอสโครว์ ประเทศรัสเซีย
ปี 2033
20 ปีผ่านไปจากเหตุการณ์ในปีนั้น สังคมใต้ดินของมนุษย์ดูจะสงบเรียบร้อย ในขณะที่บนพื้นโลก พืช สัตว์ต่างๆ ที่โดนสารกัมมันตรังสีจากระเบิดนิวเคลียร์ในครั้งนั้น กำลังมีการเปลี่ยนแปลงทาง DNA จนในที่สุดก็เกิดเป็นสิ่งที่น่ากลัว ในขณะที่เหล่ากลุ่มโจร พวกคอมมิวนิสต์หรือแม้แต่ทหารฝ่ายตรงข้าม (Nazis) ก็ยังไม่ละเลิกการก่อการร้ายและคุกคามชีวิตของชาวเมืองมอสโครว์แต่อย่างใด เพราะฉะนั้นเหล่าบรรดาชาวเมืองต่างต้องพยายามปกป้องชีวิตจากพวกศัตรูเหล่า นั้น ด้วยกองกำลังและอาวุธเท่าที่จะหาและผลิตได้
ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะใช้ชีวิตในวงโคจรหลังสงครามล้างโลกอย่างสมบูรณ์ และตามวัฏจักรที่ควรจะเป็น แต่แล้วในวันหนึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อกลุ่มกองกำลังที่กำลังรักษาประตูเข้าสู่สถานีรถไฟใกล้สถานี VDNH ถูกโจมตีด้วยบางสิ่งบางอย่าง ที่ไม่ใช่พวกสัตว์กลายพันธุ์หรือกลุ่มโจรต่างๆ ซึ่งภายหลังทุกคนต่างเรียกสิ่งเหล่านั้นว่า "The Dark One" และแน่นอนทุกคนต่างคิดว่าสิ่งที่เรียกว่า "The Dark One" ต้องไม่มาดีอย่างแน่นอน
ซึ่งดูเหมือนชายคนหนึ่งนามว่า "Artyom" ก็เหมือนจะสัมผัสกับสิ่งเหล่านั้นได้เช่นกัน ซึ่ง Artyom สามารถสัมผัสสิ่งที่เรียกว่า "The Dark One" ได้ลึกซึ้งกว่าทุกคน แน่นอนว่า Artyom ไม่ทราบสาเหตุของ The Dark One ว่าต้องการอะไร เขาเป็นศัตรู เอเลี่ยน พวกกลายพันธ์หรือสิ่งที่ไม่มีตัวตนกันแน่ คงไม่มีใครสามารถหาคำตอบของเหตุการณ์นี้ได้นอกจาตัวของ "Artyom" เอง...
--------------------------------------------------


พูดถึงเกมชื่อแปลกๆ อย่าง Metro 2033 ที่ดูจากหน้าเกมแล้วเหมือนจะเป็นเกม Action FPS ที่ลอกเลียน S.T.A.L.K.E.R, Fallout และ F.E.A.R มาเต็มๆ แต่เมื่อคุณได้ทดลองเล่นในรอบแรกแล้ว ผมเชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องเปลี่ยนความคิดเหล่านั้นไปอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ท่านจะได้เจอไม่ใช่เพียงแค่สัตว์กลายพันธุ์หรือลีลาแอ็คชั่น เหมือนเกม Action FPS เกมอื่น แต่เกมนี้คือเกม Survivor Action ที่เน้นความสมจริง เนื้อเรื่องที่น่าติดตาม เกินความคาดหมาย อีกทั้งตัวเกมยังมีความยากอยู่ในระดับฮาร์ดคอร์อีกด้วย
ซึ่งเกม Metro 2033 เป็นผลงานของค่ายน้องใหม่แต่ฝีมือไม่ใหม่นามว่า 4A Games โดยตัวเกมสร้างจากนิยายขายดีของ Dmitry Glukhovsky ในชื่อ Metro 2033 เช่นกัน อีกทั้งผู้เขียนนิยายเล่มดังกล่าวยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาบทและเนื้อเรื่อง ของตัวเกมด้วย ซึ่งสำหรับในส่วนของกราฟฟิกทาง 4A Games ได้พัฒนาเอนจิ้นขับเคลื่อนตัวเกมขึ้นมาเองในชื่อ 4A Engine ที่มีคุณสมบัติในการรองรับชุดคำสั่ง DirectX 11 และ PhysX จาก NVIDIA ด้วย ทำให้ทุกท่านสามารถเชื่อใจได้เลยครับว่ากราฟฟิกของเกมนี้ต้องงดงามอย่างแน่ นอน

4A Engine สามารถสร้างภาพที่งดงามของเมืองใต้ดินได้อย่างสวยงามไร้ที่ติจริงๆ
โดยในส่วนของกราฟฟิกก็อย่างที่กล่าวไปแล้วครับว่า สวยงามไร้ที่ติจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อเปิดใช้งานชุดคำสั่ง DirectX 11 จะพบว่าวัตถุต่างๆ มีมิติที่มากขึ้น อีกทั้งในส่วนของระบบ Advanced Depth of Dield (มีในฟังค์ชั่นของ DirectX 11) ก็สามารถสร้างชัดลึกชัดตื้นได้อย่างสวยงามเหมือนชมภาพยนตร์เลยครับ แต่ทั้งนี้การปรับออฟชั่นกราฟฟิกที่สูงขึ้นของเกมนี้จะกินทรัพยากรเครื่อง ค่อนข้างมากเกินความจำเป็น อย่างชุดคอมพ์ที่ผมใช้ทดสอบ ซึ่งประกอบด้วยด้วยกราฟฟิกการ์ด Radeon HD 5870 + Intel Core i5 750 @ 3.21GHz + RAM G.Skill Trident 1600MHz 4GB ปรับทุกอย่างสูงสุดหมดและใช้ฟังค์ชั่น DirectX 11 (ที่ความละเอียดหน้าจอ 1280x800) พบว่าเฟรมเรทที่ได้จะวิ่งกันสนุกสนานตั้งแต่ 11- 70 fps โดยเฉพาะช่วงที่เจอฉากที่มีฝุ่นหรือเอ็ฟเฟ็กรวมทั้งตัวละครจำนวนมาก เฟรมเรทที่ได้จะตกไปอยู่ราว 10-12 fps เรียกได้ว่ากระตุกเป็นเจ้าเข้าเลยทีเดียว
ที่นี้ผมขอพูดถึงความประทับใจอีกหนึ่งอย่างของออฟชั่นกราฟฟิกเกมนี้ นั่นก็คือการทำ Motion Blur แบบเฉพาะวัตถุที่เคลื่อนไหว (ต้องใช้ DirectX 10 ขึ้นไป) ซึ่งถึงแม้จะเป็นเอ็ฟเฟ็กส่วนประกอบเล็กๆ แต่มันก็สามารถสร้างความเหมือนจริงให้กับตัวเกมได้มาก โดยเฉพาะพวกบรรดาสัตว์กลายพันธ์ทั้งหลายที่มีการเคลื่อนที่ๆ ว่องไวมาก ซึ่งเวลาที่พวกสัตว์เหล่านั้นอยู่ด้วยกันเป็นจำนวนมากเอ็ฟเฟ็ก Motion Blur ก็สร้างความมหัศจรรย์ของภาพได้ดีทีเดียว

มาในส่วนของการออกแบบตัวละคร การเคลื่อนไหว รวมถึง AI ก็ต้องยอมรับครับว่าทาง 4A Games ยังทำมาได้แค่พอใช้เท่านั้น เนื่องจากผมมีความรู้สึกว่าตัวละครมี Action ที่ดูแข็งๆ มาก อีกทั้งเรื่องของการออกแบบหน้าตาและรูปร่างของตัวละครรวมถึงพวกบรรดาสัตว์ ประหลาด ค่อนข้างจะเหมือนกันแทบทุกตัว ทำให้เกิดความสับสนในการจดจำชื่อและหน้าตาของตัวละครได้ อีกทั้งในส่วนของการเคลื่อนไหวของตัวละครก็ยังอาจมีบั๊กเดินติดนู้นติดนี่ อยู่บ้าง อย่างมีอยู่ฉากหนึ่งผมได้รับภารกิจให้ตามตา Miller ไป แต่ที่นี้พี่แกดันเดินไปติดท่อน้ำ ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้ ซึ่งแน่นอนว่าผมก็เล่นต่อไม่ได้เช่นกัน ผมเลยต้อง Restart ฉากนั้นใหม่ อาการต่างๆ ถึงจะหายไป และสุดท้ายในส่วนของ AI บางครั้งอาจมีอาการเอ๋อๆ แสดงให้เห็นบ้าง อย่างบางทีเมื่อทีมเราพบศัตรูยิงสวนมา ทีมของเรากลับไม่ยิงตอบโต้ ต้องรอให้ผู้เล่นยิงตอบกลับเป็นคนแรกก่อนทีมของเราถึงจะยิงตามหรือแม้แต่บาง ครั้งศัตรูเดินมาถึงหน้าของเราแล้ว แต่กลับยืนแข็งทื่อไม่ทำอะไรจนผมสามารถนำมีดปลายปืนจิ้มสบายๆ เลย
สำหรับในส่วนของบทและเนื้อเรื่องของเกม ซึ่งผมถือว่าเป็นจุดเด่นมากๆ ของเกมนี้ เพราะด้วยเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม ซึ่งต้องขอบอกก่อนเลยครับว่าเนื้อเรื่องของเกมนี้ไม่ได้เกี่ยวกับโลกหลัง สงครามนิวเคลียร์เหมือนกับเกมอื่นๆ แต่เกมนี้มีเนื้อเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังของผู้คน ความไม่ไว้ใจกัน ความหวาดระแวง ความสูญเสีย ความเสียสละ หรือแม้แต่ความเชื่อเรื่องภูติผีปีศาจที่เกมสามารถแสดงออกมาได้อย่างยอด เยี่ยม แต่ทั้งนี้ใช่ว่าทุกอย่างจะดูดีไม่มีที่ติ เพราะในส่วนของบทแล้ว ผมว่ายังขาดสีสันและความคิดสร้างสรรค์ในการวางโครงเรื่องสักเล็กน้อย เพราะอย่างฉากที่ตัวละครมักมอบภารกิจที่หลากหลายให้ตัวเอกทำ ตัวละครมักจะชอบพูดอะไรซ้ำๆ กันอย่างเช่น "ฉันมีภารกิจให้นายทำ นายต้องไปทำนู้นทำนี่คนเดียวนะ" ย้ำชัดอีกครั้งว่าคนเดียว ซึ่งผมบอกตรงๆ ว่าเป็นบทพูดที่ฟังแล้วรู้สึกเซ็งและเหมือนทางผู้ผลิตไม่รู้จะงัดมุขอะไรมา เล่นเพื่อให้ตัวเองต้องทำภารกิจคนเดียวแล้ว หรือแม้กระทั่งการวางเรื่องราวการปรากฏตัวของตัวละครหลากหลายตัวที่ไม่มีที่ มาที่ไป จะมาก็มา จะไปก็ไป หรือจะตายก็สามารถตายได้อย่างดื้อๆ ทำให้ผู้เล่นไม่สามารถอินไปพร้อมกับตัวละครที่มากมายได้เลย
และสุดท้ายในเรื่องของบทที่ขอบอกว่าเป็นเส้นตรงมากๆ กล่าวคือถ้าใครที่คาดหวังว่าเกมนี้จะเป็นเกม Action FPS กึ่ง RPG เลือกทำ Quest ย่อย Quest หลัก หรือจะเลือกเดินเที่ยวเมืองได้เหมือน S.T.A.L.K.E.R. ละก็ ผมขอบอกว่าคุณต้องผิดหวังแน่ๆ เพราะเกมนี้เขาเน้นเล่นเป็น Chapter เป็นด่านๆ จบหนึ่งฉากคือจบ ไม่สามารถกลับไปสถานที่เก่าๆ ที่เล่นผ่านมาได้


มาที่เรื่องของรูปแบบการเล่นกันบ้าง สำหรับเกมนี้ต้องยอมรับครับว่าเป็นเกมที่มีรูปแบบการเล่นที่สมจริงมาก ไม่ได้เน้น Action เหมือนเกม FPS ทั่วๆ ไป เช่น กระสุนปืนในเกมนี้จะมีให้ใช้น้อย เนื่องจากในเกมหลังจากเหตุการณ์ล้างโลกทำให้สิ่งของต่างๆ หาได้ยากขึ้น อีกทั้งในเรื่องของไฟฉายที่ถือเป็นสิ่งจำเป็นของเกมนี้ ก็จำเป็นต้องมีการชาร์จไฟเมื่อแบ็ตเตอรี่หมดด้วย และสุดท้ายในส่วนของหน้ากากกันสารพิษที่จำเป็นต้องใส่ทุกครั้งหลังขึ้นมาบน ผิวโลกหรือเจอสถานที่ๆ มีสารกัมมันตรังสีตกค้าง ก็สามารถแตกและอากาศหมดได้ ซึ่งแน่นอนว่าคุณต้องรีบหาเปลี่ยนหรือเติมแก็สให้เร็วที่สุดก่อนที่คุณจะ หายใจไม่ออกและเสียชีวิตในที่สุด (ขอบอกว่าถึงช่วงนี้ทีไรกดดันทุกที)
สุดท้ายมาในส่วนของเสียงประกอบและดนตรี ก็ถูกออกแบบมาได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะเสียงของตัวละครเมื่อโดนศัตรูโจมตี จะร้องได้ค่อนข้างหลอนและน่ากลัวมาก หรือแม้แต่เสียงศัตรูจำพวกสัตว์กลายพันธุ์ที่วิ่งมาตบเรา เสียงที่ออกมาก็ค่อนข้างหนักและฟังดูแรงจนผมตกใจทุกครั้งที่โดนรอบกัดข้าง หลังทุกที (นึกแล้วยังสยองอยู่เลย บรึ๊ย!!) ซึ่งช่วงเสียงที่ผมรู้สึกประทับใจมากที่สุดคงเป็นฉากตอนที่เราอยู่ในท่อน้ำ เสียงที่ออกมาค่อนข้างเงียบและดูวังเวงมาก โดยเราจะได้ยินเสียงเหล่าสัตว์กลายพันธ์คำรามอยู่ที่ไหนสักแห่ง ในขณะที่เสียงฝีเท้าเราก็ดังกึกก้องไปทั้งบริเวณ สร้างความหลอนให้ผู้เล่นได้เป็นอย่างดี
ปล. ขอเสริมฉากที่เราต้องเจอวิญญาณขวางประตู และมีทหารมานำเราเข้าไปโดยมีการท่องคาถาภาษาแปลกๆ ประหนึ่งจะเหมือนคาถาไล่พวกภูติผีปีศาจที่ฟังแล้วรู้สึกขนลุกจริงๆ ซึ่งเทื่อเราเดินเข้าไปแล้วสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกมากกว่าก็คือ เหล่าภาพทหารผู้เสียชีวิตไปแล้วในการต่อสู้กับพวกสัตว์กลายพันธุ์ต่างๆ มีมากมายเต็มห้องเลย
Conclusion
สำหรับการรีวิวเกม Metro 2033 ในครั้งนี้อย่างแรกก่อนจะเข้าสู่บทสรุป ผมขอขอบคุณบริษัท Alliance & Link Corporation Co., Ltd ก่อนครับที่อุตสาห์ให้ผมยืมการ์ด Manli Radeon HD 5870 มา ทำให้ผมสามารถรันเกมด้วยโหมด DirectX 11 มาอวดพ่อแม่พี่น้องชาว GTZ ได้
ซึ่งสำหรับเกม Metro 2033 สำหรับผมแล้ว ผมถือว่าเป็นเกมที่จัดอยู่ในเกณฑ์ยอดเยี่ยม ทั้งรูปแบบการเล่น เนื้อเรื่อง และการสร้างปรากฏการณ์ทางกราฟฟิกที่พัฒนาไปอีกหนึ่งขั้น ซึ่งข้อดีหลักๆ ของตัวเกมนี้ผมคงต้องยกให้เรื่องภาพที่สวยงาม โดยเฉพาะเมื่อรันบนชุดคำสั่ง DirectX 11 แต่ทั้งนี้เนื่องจากตัวเกมค่อนข้างกินสเป็กมาก และผมมีความรู้สึกว่าเกมนี้ถูกผลิตขึ้นเพื่อนำมาใช้กับการ์ดบางรุ่นมากไป หน่อย ทำให้เกมนี้เสียสมดุลในส่วนของความเหมาะสมไปเยอะพอสมควร และอีกหนึ่งจุดที่มักมีคนบ่นมากก็คือ เกมมีการเดินเรื่องเป็นเส้นตรงมากเกินไป และไม่มีการปล่อยให้ผู้เล่นได้ลองเดินเที่ยวเมืองใต้ดินที่สวยงามบ้าง ทำให้ผู้เล่นที่เป็นคอ Open World และ RPG อาจเบือนหน้าหนีได้ง่ายๆ อีกทั้งด้วยการที่เกมค่อนข้างสร้างความกดดันให้ผู้เล่นมากเกินไป ทั้งเรื่องของจำนวนกระสุนที่น้อยนิด หรือแม้แต่เรื่องหน้ากากกันสารพิษที่สามารถเสียหายได้ ก็อาจทำให้ผู้เล่นจำนวนมากเกิดความท้อเลิกเล่นกลางคันได้ง่ายๆ

แต่ทั้งนี้ถ้าเรามองข้ามข้อเสียเหล่านั้นและคิดเสียว่า นี่คือเกมที่จำลองสถานการณ์จริงๆ มาประยุกต์กับหนังสือของคุณ Dmitry Glukhovsky ผมว่า 4A Games เขาทำออกมาได้ดีเกินคาดเสียจริงๆ เพราะอย่างน้อยผมรู้สึกว่าเกมๆ นี้สามารถทำให้สโลแกน Fear the Future ติดหูติดตาเราไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียว (คิดแล้วบรึ๊ยย!! มากๆ)
เอาเป็นว่าสุดท้ายนี้ พวกคุณทุกคนจงเปิดใจให้กว้าง พยายามลบภาพเกมแนวหลังสงครามล้างโลกเกมอื่นๆ ออกให้หมด และขอให้ลองใช้ใจและดิกชันนารีไปพร้อมกับเกมนี้ และคุณจะพบว่าโลกหลังสงครามมีอะไรที่คุณคาดไม่ถึงอยู่เต็มไปหมด

Dorapenguin's Note: ผมว่าเกม Metro 2033 เป็นเกมแนว Survivor/Action FPS ที่ยอดเยี่ยมมากๆ เกมหนึ่ง โดยเฉพาะในส่วนของเนื้อเรื่องที่สร้างความแปลกประหลาดและความงงให้กับผู้ เล่นมาก ซึ่งผมคิดว่าใครเล่นเกมนี้จบแล้ว ทุกคนต้องอยากหาหนังสือ Metro 2033 ของ Dmitry Glukhovsky อ่านแน่นอน เพราะเนื้อเรื่องที่คุณจะได้เจอในเกมนี้มันเป็นมากกว่าคำว่าสิ่งที่มองไม่เห็นเสียอีก
ชมภาพประกอบในแบบ DirectX 11 มากกว่านี้ >คลิกที่นี่<
ที่มา: GamerTechZone.com << ท่านสามารถอ่านรีวิวเกมอีกมากมายได้ที่นี่นะครับ
Comment