เกม Cilvilization V นี้เป็นเกมวางแผนแบบพลัดตาเดินโดยมีจุดมุ่งหมายในการเล่นคือนำพาชาติที่ผู้เล่นเลือกชนะชาติอื่นๆ ด้วยเงื่อนไขต่างๆ โดยบทสรุปชิ้นนี้ถูกทำมาเพื่อให้ผู้ที่ไม่เคยเล่นภาคก่อนๆ ของ Serie นี้ได้เข้าใจถึงพื้นฐานการเล่นโดยรวมโดยที่จะไม่พยายามกำหนดแนวทางในการเล่นมากนักเพราะเกมแนววางแผนผู้เล่นควรเป็นคนกำหนดเองว่าต้องการจะเล่นในรูปแบบไหน
ถ้าบทสรุปชิ้นนี้มีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใดต้อง ขอ อภัยมาณที่นี้ด้วยครับ
บทที่ 1 เริ่มต้นอารยธรรม
เมื่อผู้เล่นเริ่มเล่นเกมนี้ตัวเกมจะทำการให้ยูนิตเรามา 2 ชนิดคือ Settler(1) และ Warrior(2) โดยที่ Settler นั้นจะเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานให้กับเมืองที่ผู้เล่นต้องการจะสร้างและ Warrior เป็นยูนิตในการรบที่เอาไว้ต่อสู้ ปกป้องเมืองและยูนิตที่ต่อสู้ไม่ได้(Settler และ Worker)ของผู้เล่นซึ่งเราจะมาพูดถึงในบทต่อๆ ไปเกี่ยวกับยูนิตที่ใช้ในการรบของเกมนี้ ต่อไปผมจะอธิบาย User Interface ตอนเริ่มเกมซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
3. เมนูคำสั่งของยูนิตที่ผู้เล่นทำการเลือกในภาพจะเป็นยูนิต Settler จะมีคำสั่งสร้างเมือง เดิน ข้ามไปยังยูนิตอืาน พักตา และ เลื่อนแถบคำสั่งพิเศษออกมา
4. รายละเอียดของยูนิตชนิดที่ผู้เล่นเลือก
5. แผนที่โลก
6. เป็นปุ่ม Option เพื่อเปิดรายละเอียดในหน้าแผนที่ว่าผู้เล่นต้องการให้แสดงอะไรบ้างเช่นทรัพยากร ทรัพยากรพิเศษ และ Grid(เส้นตาราง) เป็นต้น
7. เป็นปุ่มเพื่อขยายมุมมองให้ผู้เล่นมองในมุมมองของแผนที่ 2 มิติ(Strategy View)เพื่อให้ผู้เล่นสามารถเห็นรายละเอียดในมุมกว้างได้อย่างครบถ้วน(ในภาพที่ 2)
8. ปุ่มแสดงรายละเอียดต่างๆ ของเกมเช่น เงื่อนไขการชนะมีชาติไหนทำสำเร็จแล้วบ้าง, รายละเอียดชนชาติอื่นๆ รวมถึงรายละเอียดการพัฒนาของชาติของผู้เล่น
9. แสดงรายละเอียดของ Policy(นโยบายการปกครอง) ซึ่งเราจะพูดถึงในภายหลัง
10. แสดงหน้าต่างของที่ปรึกษาภายในเกมโดยระหว่างการเล่นผู้เล่นสามารถกดเข้าไปอ่านคำแนะนำในการเล่นจากปุ่มนี้ได้
11 .หน้าต่างแสดงรายละเอียดทางการทูต ซึ่งเราจะพูดถึงในภายหลัง
12. แถบแสดงรายละเอียดโดยรวมโดยแถบนี้จะแสดง Turn ที่ผู้เล่นใช้ในขณะนั้น ผู้เล่นเล่นไปแล้วกี่ปี รวมถึงรายละเอียดต่างๆ อย่าง ทอง ความสุขประชากร ทรัพยากรต่างๆ ค่าวัฒณธรรม ซึ่งเราจะพูดถึงในภายหลัง
13. ปุ่มให้หน้าจอแสดงรายละเอียดของ เทคโนโลยีที่กำลังวิจัย ยูนิตทั้งหมดของผู้เล่น เป็นต้น
เมื่อผู้เล่นเข้าใจคำสั่งเบื้องต้นในหน้าจอแล้ว ต่อมาเราจะมาพูดถึงการก่อสร้างเมืองกันดังที่กล่าวไปแล้วในการสร้างเมืองนั้นผู้เล่นจะต้องใช้ยูนิตที่มีชื่อว่า Settler ในการก่อสร้างโดยการคลิกที่ยูนิต Settler แล้วเลือกไปที่รูปเมืองในเมนูคำสั่งของยูนิต แต่ก่อนที่ผู้เล่นจำทำการสร้างผู้เล่นต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่าทรัพยากรของเกมนี้หลักๆ มีอยู่ 4 ประเภทคือ อาหาร, กำลังการผลิต, ทองและทรัพยากรพิเศษซึ่งในหน้าจอแผนที่จะถูกแทนที่ด้วย เหรียญทอง, รูปค้อน, วงกลมสีเขียวและรูปที่แตกต่างจากทรัพยากรอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัดอย่างช้างกับเพรชในรูปตามลำดับ โดยความสามารถของทรัพยากรแต่ละชนิดจะแตกต่างกันดังนี้
- อาหารเอาไว้สำหรับเลี้ยงดูประชากรในเมืองยิ่งมีเยอะจำทำให้เมืองเรามีประชากรมากขึ้นผลดีคือเราจะมีแรงงานในการทำงานในเมืองเยอะขึ้น
- กำลังการผลิตไว้สำหรับการสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในเมืองยิ่งเยอะสิ่งก่อสร้างในเมืองนั้นจะถูกสร้างได้ไว
- ทองเอาไว้สำหรับบำรุงรักษาสิ่งก่อสร้างต่างๆ รวมถึงเอาไว้ซื้อสิ่งก่อสร้างและยูนิตต่างๆ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการทูต ซึ่งเราจะพูดถึงในภายหลัง
- ทรัพยากรพิเศษเอาไว้ใช้ในการสร้างยูนิตหรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่ต้องใช้ทรัพยากรนั้นๆ ในการสร้างและเพิ่มความสุขให้กับประชากร
ดังนั้นก่อนที่ผู้เล่นจำทำการสร้างเมืองจึงจำเป็นต้องเลือกชัยภูมิที่ให้ผลตอบแทนแก่เมืองให้คุ้มค่ามากที่สุด...
บทที่ 2 เมือง
ในบทนี่้เราจะมาพูดถึงรายละเอียดในการบริหารจัดการเมืองต่างๆ ของผู้เล่นกันครับ เมื่อผู้เล่นทำการกดไปที่เมืองของผู้เล่นจะปรากฎหน้าต่างดังภาพนี้ครับ
1. หน้าจอแสดงรายละเอียดของเมือง
- ที่รูปหน้าคนสีเขียวบอกจำนวนประชากรของเมืองนั้น เมื่อเป็นสีแดงหมายถึงอาหารสำหรับเลี้ยงประชากรในเมืองนั้นไม่เพียงพอ
- Food บอกอาหารที่เหลือหลังจากหักลบกับจำนวนประชากรในเทืองนั้น อาหารที่เหลือจะถูกนำไปเพิ่มเป็นประชากรในเมืองหลังจากถึงเกณฑ์ที่กำหนด
- Production บอกกำลังการผลิตของเมืองนั้นจะถูกนำไปคำนวนกับสิ่งก่อสร้างที่ผู้เล่นกำลังสร้างว่าต้องใช้กี่ Turn ถึงจะสร้างเสร็จ
- Gold บอกรายได้ของเมืองนั้น(รายได้ทั้งหมดจะถูกนำไปคำนวนกับเมืองทั้งหมดหักลบกับค่าบำรุงสิ่งก่อสร้างและยูนิต)
- Science บอกค่าความก้าวหน้าในเทคโนโลยี ซึ่งเราจะพูกฃดถึงในภายหลัง
- Culture บอกค่าวัฒนธรรมจากเมืองนั้น ซึ่งใช้ในการขยายอณาเขตของเมืองและเพิ่มนโยบายการปกครองที่จะพูดถงในภายหลัง
- รูปหกเหลี่ยมสีม่วงจะบอกว่าอีกี่ Turn เมืองเราถึงจะขยายอณาเขต ซึ่งอณาเขตที่ขยายจะบอกเป็นเส้นสีม่วงในหมายเลข 9
2. Purchase เป็นการใช้ทองซื้อสิ่งก่อสร้างหรือยูนิตทันทีโดยที่ไม่ต้องทำการสร้าง
3. Add to Queue หรือ Product เมือ่ทำการกดปุ่มจะมีหน้าต่างรายการสิ่งก่อสร้างหรือยูนิตมาให้เราเลือกสร้าง
4. แสดงรายละเอียดของสิ่งก่อสร้างที่เมืองกำลังสร้างเช่น สิ่งก่อสร้างนั้นใช้เวลาอีกกี่ Turn ถึงจะเสร็จ, จำนวน Product ทั้งหมดที่ใช้, ค่าบำรุงรักษา และความสามารถของสิ่งก่อสร้างนั้นดังในรูป Granary ใช้เวลาอีก 10 Turn ใช้ Product ทั้งหมด 100 มีค่าบำรุงรักษา 1 Gold ต่อ Turn และเมื่อสร้างเสร็จจะทำให้อาหารบวกขึ้นอีก 2 แก่เมืองนั้น เป็นต้น
5. หน้าต่างแสดงรายละเอียดการทำงานของประชากรโดยหน้าต่างนี้ผู้เล่นสามารถเลือกให้เมืองนั้น Focus ไปที่ทรัพยากรที่เราต้องการได้
6. หน้าต่างแสดงอัตราการเกิดของ Great Prople โดยค่านี้จะได้มาก็ต่อเมื่อผู้เล่นทำการสร้างสิ่งก่อสร้างที่มีการบวกค่า Great People ชนิดนั้นๆ เช่นเมื่อผู้เล่นทำการสร้างปีรามิดจะทำการบวกค่า Great Engineer มาหให้ โดยเรื่อง Great Prople จะทำการพูดถึงในภายหลัง
7. เป็นหน้าต่างแสดงสิ่งก่อสร้างพิเศษที่สามารถนำประชากรไปทำงานแทนพื้นที่รอบนอกเมือง โดยการไปคลิกที่วงกลมรูปคนสีดำเมื่อคลิกแล้ววงกลมรูปคนจะเปลี่ยนสีดังภาพ โดยค่าต่างๆ ที่ได้จะขึ้นอยู่กับว่าสิ่งก่อสร้างนั้นไว้ทำอะไรเช่น Library จะเพิ่มค่า Science, Market จะเพิ่มกำลังการผลิตทองให้กับเมือง, Workshop จะเพิ่มปริมาณ Product ให้เมืองเป็นต้น และเมื่อผู้เล่นคลิกที่สิ่งก่อสร้างนั้นจะเป็นการทำลายสิ่งก่อสร้างที่ผู้เล่นเลือก
8. Wonder เป็นหน้าต่างแสดงสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ที่มีอยู่ในเมืองทั้งหมด
** Building(ไม่เห็นในภาพโดยแถบนี้จะอยู่ด้านล่าง Wonder) เป็นหน้าต่างแสดงรายละเอียดของสิ่งก่อสร้างที่นอกเหนือจากที่กล่าวไปและเมื่อคลิกซ้ายที่สิ่งก่อสร้างนั้นจะเป็นการขายสิ่งก่อสร้างนั้นทิ้งดังภาพด้านล่าง
9. แสดงรายละเอียดการเก็บเกี่ยวทรัพยากรของเมืองนั้น โดยวงกลมรูปหน้าคนสีเขียวหมายถึงช่องนั้นกำลังถูกเก็บเกี่ยวอยู่(จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนประชากรของเมืองนั้น) โดยผู้เล่นสามารถไปคลิกเพื่อล็อคช่องผลผลิตที่ผู้เล่นต้องการได้(จะขึ้นเป็นรูปกุญแจสีเขียว) เมื่อทำการล็อคไม่ว่าผู้เล่นไปกดแทบ
Citizen Management ให้ Focus ไปที่ผลผลิตต่างๆ ช่องที่ทำการล็อคไว้ก็จะไม่เปลี่ยนเหมาะกับพื้นที่ที่บวกค่าพิเศษให้
นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถปรับพื้นที่เก็บเกี่ยวรอบๆ เมืองด้วยยูนิตที่มีชื่อว่า Worker(สำหรับพื้นดิน) และ Work Boat(สำหรับน้ำ) ได้ด้วยการนำWorker หรือ Work Boat ไปที่พื้นที่ที่ผู้เล่นต้องการปรับแล้วเลือกสิ่งก็สร้างที่ต้องการเพื่อพัฒนาพื้นที่นั้นให้มีทรัพยากรที่ผู้เล่นต้องการมากขึ้นได้ดังนี้
- Farm(ฟาร์ม) เป็นการทำให้พื้นที่นั้นบวกอาหารมากขึ้น Farm ไม่สามารถสร้างได้ที่พื้นน้ำแข็งและทะเลทรายที่ไม่มีอาหารอยู่
- Mine(เหมือง) เป็นการเพิ่ม Product และในบางพื้นที่จะเป็นการเก็บเกี่ยวทรัพยากรพิเศษอย่างเช่น เพรช เหล็ก อลูมีเนียม ยูเรเนี่ยม เป็นต้น ในการสร้าง Mine ต้องการการวิจัย Mining ก่อนและ Mine สามารถสร้างได้ในพื้นที่เนินเขาเท่านั้น(Hill)
- Trading Post เป็นการเปลี่ยนพื้นที่นั้นให้มีการเพิ่มปริมาณทองมากขึ้น ในการสร้าง Trading Post ต้องการการวิจัย Trapping ก่อน Trading Post สามารถสร้างได้ทุกพื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นน้ำแข็ง
- Lumbermill(โรงสีไม้) เป็นการเพิ่ม Product ให้กบพื้นที่นั้นในการสร้าง Lumbermill จำเป็นต้องวิจัย Engineering ก่อน Lumbermill สามารถสร้างได้ในพื้นที่ป่าเท่านั้น
- Camp เป็นการสร้างแคมป์เลี้ยงสัตว์ป่าโดยทรัพยากรที่ได้เพิ่มแล้วแต่ชนิดของสัตว์นั้น ในการจะสร้าง Camp จำเป็นต้องวิจัย Trapping ก่อน Camp สามารถาร้างได้เฉพาะพื้นที่ที่มี Ivory, Fur, Deer เท่านั้น
- Pasture เป็นการสร้างคอกเลี้ยงสัตว์โดยทรัพยากรที่ได้เพิ่มแล้วแต่ชนิดของสัตว์นั้น ในการสร้าง Pasture จำเป็นต้องวิจัย Animal Husbandry ก่อน Pasture สามารถสร้างได้ในพื้นที่ที่มี Horse, Cattle, Sheep เท่านั้น
- Plantation เป็นการสร้างสวนโดยทรัพยากรที่ได้เพิ่มแล้วแต่ชนิดของพื้นที่นั้นว่ามีผลไม้อะไรอยู่ ในการสร้าง Plantation จำเป็นต้องวิจัย Calendar ก่อน Plantation สามารถสร้างได้ในพื้นที่ Bananas, Dye, Silk, Spices, Sugar, Cotton, Wine, Incense เท่านั้น
- Quarry เป็นการสร้างเหมืองหินโดยเมื่อทำการสร้างเมืองนั้นจะมีหินอ่อนมาใช้ได้ โดยหินอ่อนนอกจากเพิ่มทองในพื้นที่นั้นแล่วยังเพิ่มค่าความสุขให้กับประชากรด้วย การสร้าง Quarry ต้องการการวิจัย Masonry ก่อน Quarry สามารถสร้างได้เฉพาะพื้นที่ทีมี Marble เท่านั้น
** ทุกพื้นที่ในน้ำที่มีทรัพยากรอย่าง Fish, Pearls, Whales และ Oil ต้องใช้ Work Boat ในการสร้างโดยทรัพยากรที่ได้เพิ่มแล้วแต่ชนิดของพื้นที่นั้น
หลังจากที่ทราบถึง UI. เมืองและทรัพยากรต่างๆ ไปแล้วผมอยากทิ้งท้านเรื่องการบริหารจัดการเมือง เพราะการควบคุมการสิ่งก่อสร้างแต่ละเมืองค่อนข้างสำคัญมากในการเล่น การที่ผู้เล่นจะทำการสร้างสิ่งก็สร้างสักอย่างค่อนข้างมีผลกระทบกับการพัฒนาประเทศค่อนข้างสูง ดังนั้นเวลาผู้เล่นทำการสร้างอะไรควรคำนึงถึงเมืองนั้นๆ ด้วยว่ามันจำเป็นต้องมีหรือไม่เช่น เมืองที่มีกำลังผลิตอาหารอยู่เยอะมากแต่ขาดแคลน Product ผู้เล่นก็ไม่ควรไปสร้างสิ่งก็สร้างที่เพิ่มอาหารหรือลดค่าความต้องการการเติบโตของประชากรอย่าง Granary และ Hospital แต่ควรไปสร้าง Workshop หรือ Factory แทนเพื่อลดรายจ่ายค่าบำรุงรักษาสิ่งก็สร้างของเมืองลงไว้คอยให้เมืองมีเรทการเจริญเติบโตช้าหรือหยุดการเจริญเติบโตค่อยไปสร้างก็ยังไม่สาย นอกจากนี้การเลือกการเก็บเกี่ยวผลผลิตก็สำคัญไม่แพ้กันเช่นสมมุติว่าผู้เล่นกำลังต้องการสร้าง Wonder หรือสิ่งก็สร้างที่มีผลกระทบต่อเมืองนั้นใหญ่ๆ ผู้เล่นก็ควรจะเน้นไปที่การเก็บเกี่ยว Product เพื่อเร่งสิ่งก่อสร้างนั้นให้เสร็จโดยไว หรือตอนที่ผู้เล่นขาดแคลนทองในการบำรุงรักษาสิ่งก่อสร้างและยูนิตผู้เล่นก็ควรไปเน้นการเก็บเกี่ยวทองแทนทรัพยากรอย่างอื่น เป็นต้น
บทที่ 3 ประชากร การเจริญเติบโตของเมือง และยุคทอง
หลังจากที่เราได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดของเมืองในเบื้องต้นกันมาแล้วในบทนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเติบโตของเมืองและประโยชน์ของมันกันครับ ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดของส่วนนี้กันก่อนว่ามันมีอะไรบ้าง
จากภาพดังกล่าวนี้ เราจะเห็นว่าเมืองนี้บอกว่าเรามีประชากรอยู่ 5 หน่วย(1) ผลิตอาหารได้ทั้งหมด 12 หน่วยจากพื้นที่รอบๆ เมือง 10 และจากสิ่งก่อสร้าง 2(2) มีการบริโภคอาหารภายในเมือง 10 หน่วย(3) และต้องใช้ปริมาณอาหารอีกเท่าไหร่ถึงจะมีประชากรเพิ่มขึ้น(4) และอีกกี่ Turns(5) โดยการเกิดของประชากรนั้นจะนำมาจากปริมาณอาหารที่เหลือจากการบริโภค ณ ปัจจุบันนำมาบวกทบเข้าไปเรื่อยๆ จนถึงค่าที่กำหนดประชากรในเมืองเราก็จะเพิ่มขึ้นโดยการบริโภคอาหารของประชากร 1 หน่วยจะมีการบริโภคอาหาร 2 หน่วยเสมอดังภาพที่เห็น ข้อดีของปริมาณประชากรในเมืองคือยิ่งเรามีประชากรมากเท่าไหร่การเก็บเกี่ยวทรัพยากรของเมืองก็ยิ่งมากตามจำนวนประชากรดังภาพข้างบน จากภาพเราจะเห็นว่าการเก็บเกี่ยวทรัพยากรมี 1 ช่องในเมืองและนอกเมืองอีก 4 ช่อง จากประชากรทั้งหมด 5 หน่วย นอกจากนี้ยิ่งเมืองเรามีประชากรมากเท่าไหร่ค่าเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเราก็สูงตามจำนวนประชากรไปด้วย(โดยเรื่องนี้ผมจะขออธิบายในบทต่อไปครับ) นอกจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตและค่าความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์แล้วผลประโยชน์ที่ได้จากประชากรคือการเกิดของยุคทองซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
จากภาพเราจะเห็นว่าประชากรของประเทศเรามีทั้งหมด 61 หน่วย(1) ที่ไม่มีความสุขทั้งหมดคือ 33 หน่วย(2) แต่ค่าความสุขของประชากรที่เราเก็บเกี่ยวได้ทั้งหมดมี 94 หน่วย(3) ซึ่งพอมาหักลบกันแล้วจะเหลือ 61 หน่วย(4) ค่าความสุขที่เหลือจะถูกนำไปบวกเพิ่มเพื่อเข้าสู่ยุคทองดังภาพข้างล่าง
จากภาพเราจะเห็นว่า เรามีค่าความสุข 48 หน่วย การเกิดของยุคทองต้องใช้ทั้งหมด 3000 หน่วย ตอนนี้เราสะสมได้มาแล้ว 1873 หน่วย ดังนั้นการเกิดยุคทองยังต้องการอีก 1127 หน่วย ดังนั้นในการที่จะเกิดยุคทองต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 24 Turns ถ้าค่าความสุขเราคงที่ ตอนนี้อาจมีคำถามจากใครหลายๆ คนว่ายุคทองมีประโยชน์อะไรบ้าง ประโยชน์ทีได้รับจากยุคทองคือความก้าวหน้าของเมืองและเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เมื่อเกิดยุคทองทุกพื้นที่ ที่มีค่า Gold และ Product จะบวกโบนัสค่า Gold และ Product มากขึ้นจนกว่าจะหมดยุคทองซึ่งจะทำให้ชนชาติของเราก้าวหน้าเร็วกว่าคนอื่นได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดยุคทอง ส่วนปัจจัยที่ทำให้ประชากรมีความสุขเมื่อเกิดยุคทองมีดังต่อไปนี้
1. Buildings(สิ่งก่อสร้าง)
- Circus บวก 3 Happiness ค่าบำรุงรักษา 3 Golds ต้องทำการวิจัย Horseback Riding และในเมืองที่ทำการสร้างต้องมีคอกม้าหรือฟาร์มเลี้ยงช้างอย่างใดอย่างหนึ่ง
- Colosseum บวก 4 Happiness ค่าบำรุงรักษา 3 Golds ต้องทำการวิจัย Construction ก่อน
- Theatre บวก 5 Happiness ค่าบำรุงรักษา 5 Golds ต้องทำการวิจัย Printing Press ก่อน และในเมืองที่ทำการสร้างต้องสร้าง Colosseum มาก่อน
- Stadium บวก 6 Happiness ค่าบำรุงรักษา 6 Golds ต้องทำการวิจัย Mass Media ก่อน และในเมืองที่ทำการสร้างต้องสร้าง Theatre มาก่อน
Wonder
- The Hanging Gardens บวก 3 Happiness ต้องทำการวิจัย Mathematics ก่อน
- Notre Dame บวก 5 Happiness ต้องทำการวิจัย Education ก่อน
- Eiffel Tower บวก 8 Happiness ต้องทำการวิจัย Radio ก่อน
2. Luxury Resources
- Cotton, Dyes, Furs, Gems, Gold, Incense, Ivory, Marble, Pearls, Silk, Silver
, Spices, Sugar, Whales, Wine
**บวก 5 Happiness ทุกประเภท
2.1 นอกจากนี้พื้นที่ของ Luxury Resources แต่ละประเภทยังมีผลผลิตอย่าง Gold, Food และ Product ในแต่ละพื้นที่และ Luxury Resources บางประเภทยังสามารแปรเปลี่ยนเป็นค่าโบนัสพิเศษต่างๆ จากสิ่งก่อสร้างได้ดังนี้
- Circus บวก 3 Happinessต้องการ Ivory
- Mint บวก 3 Gold ต้องการ Gold หรือ Silver
- Monastery บวก 2 Culture ต้องการ Incense หรือ Wine
**นอกจากนี้ Luxury Resources ยังมีผลทำให้เกิดวัน "We Love the King Day" ด้วย โดยเงื่อนไขการที่จะเกิดวันนี้ได้นั้นเราต้องรอให้เมืองต่างๆ ของประเทศเราแจ้งข่าวมาว่าประชากรในเมืองนั้นต้องการ Luxury Resources ชนิดไหนและเมื่อเราหามาได้ภสยใน 20 Turns ก็จะทำให้เกิดวันดังกล่าวขึ้นโดยผลที่ได้ก็คืออัตราการเอกดของประชากรในเมืองนั้นบวกเพิ่ม 25% เป็นเวลา 20 Turns
3. นโยบายการปกครองก็จะมีโบนัสกับค่าความสุขของปนะชากรภายในประเทศเราด้วยซึ่งผมจะขอพูดถึงในภายหลัง
ประชากรที่มีจำนวนมากก็ใช่แต่จะมีแต่ผลดีเสมอไปเพราะยิ่งประชากรของประเทศเรามีมากเท่าไหร่ความต้องการของประชากรก็มีมากตามเท่านั้นและเมื่อค่าความสุขของประชากรเราไม่เพียงพอที่จะให้มวลรวมของชนชาติเราเป็นบวกเมื่อไหร่ประชากรในประเทศเราทั้งหมดก็จะเกิดความไม่พอใจขึ้นซึ่งผลที่ตามมาคืออัตราการเกิดของประชากรของทุกเมืองมีอัตราเกิดช้าลงจนถึงหยุดเกิด ไม่สามารถขยายเมืองโดยการสร้าง Setller ได้และการถูกลบค่าโบนัสของยูนิตที่ทำการรบลงอย่างมหาศาล ดังนั้นการวางแผนบริหารประชากรจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักเสมอว่าเวลาไหนควรเร่งและเวลาไหนควรให้ชะลอการเจริญเติบโตเพื่อผลประโยชน์โดยรวมของชาติ...
บทที่ 4 ก้าวหน้าสู่ยุคใหม่
เรื่องที่ผมจะอธิบายในบทนี้เป็นเรื่องที่สำคัญในการเล่นเกมนี้มากๆ นั้นคือเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยี ไม่ว่าในยุคไหนๆ ชาติที่ยิ่งใหญ่กว่าชาติอื่นๆ มักจะเป็นชาติที่มีเทคโนโลยีก้าวล่ำกว่าใครทั้งสิ้น ในบทนี้เราจะมาอธิบายเรื่องรายละเอียดของการที่ทำให้เทคโนโลยีเราพัฒนาและสิ่งก็สร้างที่ช่วยเพิ่มความก้าวหน้าของเทคโนโลยีของเมืองกัน ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ User Interface ของหน้าวิจัยเทคโนโลยีกันก่อนว่ามีอะไรบ้าง
1. รูปวงกลมสีฟ้าจะบอกค่า Science ทั้งหมดของผู้เล่นว่าได้มาต่อ Turn เท่าไหร่
2. บอกว่าผู้เล่นกำลังวิจัยเทคโนโลยีอะไรอยู่แล้วอีกกี่ Turns จะเสร็จ(ในรูปอีก 7 Turns)
เมื่อผู้เล่นกดเข้าไปในการวิจัยเทคโนโลยีจะขึ้นหน้าต่างดังรูปนี้
1. บอกยุคที่ผู้เล่นกำลังอยู่
2. แผนผังเทคโนโลยีโดยสีเขียวคือเทคโนโลยีที่ผู้เล่นสามารถวิจัยได้ สีฟ้าคือเทคโนโลยีที่ผู้เล่นเลือกทำการวิจัย สีทองคือเทคโนโลยีที่ทำการวิจัยแล้วและสีดำคือเทคโนโลยีที่ยังทำการวิจัยไม่ได้
โดยเทคโนโลยีต่างๆ จะต้องการค่า Science มากน้อยขึ้นอยู่กับยุคว่าทันสมัยแค่ไหน โดยนำค่า Science ของผู้เล่นมาหารกับค่าวิจัยทั้งหมดของเทคโนโลยีที่ผู้เล่นเลือกออกเป็นจำนวน Turns ที่ต้องใช้ทั้งหมด โดยเมื่อผู้เล่นเริ่มเล่นจะมีค่า Science มาให้ฟรีๆ แล้วแต่ระดับความยากที่ผู้เล่นเลือกบวกกับจำนวนประชากรในเมืองโดยจะเพิ่ม Science 1 ต่อประชากร 1 คนนอกจากนี้ยังมีสิ่่งก่อสร้างที่เพิ่มค่า Science อีกดังต่อไปนี้
- Library บวก 1 Science ทุกๆ ประชากรในเมือง 2 คน ในการสร้าง Librery ต้องทำการวิจัย Writing ก่อน
- Paper Maker บวก 1 Science ทุกๆ ประชากรในเมือง 2 คน ในการสร้าง Paper Maker ต้องทำการวิจัย Writing ก่อนสามารถสร้างได้เฉพาะชนชาติจีนเท่านั้น
- University บวกค่า Science 50% ในเมืองที่ทำการสร้างและบวก 2 Science จากป่าดิบชื้นที่เมืองนั้นเลือกเป็นที่เก็บเกี่ยวผลผลิต ในการสร้าง University นั้นต้องทำการวิจัย Education และในเมืองนั้นต้องมี Library ก่อน
- Wat บวก Science 100% ในเมืองที่ทำการสร้าง ในการสร้าง Wat ต้องทำการวิจัย Education ก่อน สามารถสร้างได้เฉพาะชนชาติสยามเท่านั้น
- Public School บวกค่า Science 50% ในเมืองที่ทำการสร้าง ในการสร้าง Public Schoo ต้องทำการวิจัย Scientific Theory และในเมืองที่ทำการสร้างจำเป็นต้องมี University ก่อน
- Observatory บวกค่า Science 50% ในเมืองที่ทำการสร้าง ในการสร้าง Observatory ต้องทำการวิจัย Astronomy ก่อนและเมืองนั้นต้องติดกับภูเขาถึงจะสร้างได้
- Research Lab บวก Science 100% ในเมืองที่ทำการสร้าง ในการสร้าง Research Lab ต้องทำการวิจัย Plastics ก่อนและในเมืองนั้นต้องมี Public School
นอกจากนี้สิ่งปลูกสร้างที่กล่าวไปนี้ยังสามารถนำประชากรในเมืองเข้าไปทำงานได้เพื่อเพิ่มค่า Science ดังภาพนี้
ในรูปจะเห็นว่า Librery มีช่อง Scientists 2 ช่องให้ผู้เล่นสามารถนำประชากรเข้าไปทำงานได้แต่การทำแบบนี้ต้องแลกมากับการเก็บเกี่ยวทรัพยากรรอบเมืองที่ลดน้อยลงไป 1 ช่อง ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของผู้เล่นว่าต้องการอย่างไรนอกจากสิ่งปลูกสร้างที่เพิ่มค่า Science แล้วการพัฒนาเทคโนโลยียังสามารถใช้ Great Prople อย่าง Great Scientist ได้ด้วยโดย Great Scientist จะมีความสามารถพิเศษอยู่ 3 อย่างคือทำให้เกิดยุค Golden Age(ไม่แนะนำ), วิจัยเทคโนโลยีให้เสร็จทันที 1 อย่าง และสามารถสร้าง Academy ได้ 1 ช่องในพื้นที่รอบๆ เมืองเพื่อให้พื้นที่นั้นมีทรัพยากร Science บวก 5 เพิ่มขึ้นมาให้เมืองนั้นสามารถเก็บเกี่ยวพร้อมทรัยากรอื่นๆ ได้ โดยการเกิดของ Great Scientist จะมาจากสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ต่างๆ ที่ให้ค่า Scientist โดยเมื่อครบถึงค่าที่กำหนดการเกิด Great Scientist จะออกมาจากเมืองนั้น สิ่งก็สร้างที่บวกค่า Scientist นั้นมีดังนี้
- The Great Library บวก Scientist 1 หน่วย ต้องการการวิจัย Writing
- The Oracle บวก Scientist 1 หน่วย ต้องการการวิจัย Philosophy
- The Porcelain Tower บวก Scientist 2 หน่วย ต้องการการวิจัย Education
- The Kremlin บวก Scientist 1 หน่วย ต้องการการวิจัย Acoustics
- Brandenburg Gate บวก Scientist 2 หน่วย ต้องการการวิจัย Military Science
นอกจากที่กล่าวไปการเร่งค่าวิทยาศาสตร์สามารถทำได้โดยการวิจัย Philosophy เพื่อให้มีคำสั่งเร่งค่าวิทยาศาสตร์โดยการเปลี่ยนจากค่า Product ภายในเมือง 25% ไปเป็นค่าวิทยาศาสตร์ได้ดังภาพต่อไปนี้
และเมื่อวิจัย Philosophy ยังสามารถเร่งค่าวิจัยด้วยการร่วมมือกันทางการทูตได้ด้วยโดยใช้เงินในการเร่งค่าวิทยาศาสตร์ร่วมกันของทั้ง 2 ชนชาติผลที่ได้รับคือค่าโบนัส Research ใน 30 Turns โดยจะได้ทั้ง 2 ชนชาติที่ได้ทำสัญญาร่วมกันดังภาพตัวอย่างด้านล่าง โดยการใช้สัญญาเรื่องการ Research นี้ชนชาติทั้ง 2 ต้องทำการวิจัย Philosophy ก่อนถึงจะทำได้ โดยรายละเอียดทางการทูตในเรื่องนี้จะขอยกไปพูดในบทต่อๆ ไปครับ
เทคโนโลยีนั้นมีความสำคัญในการเล่นเกมนี้อย่างมากนอกจากจะใช้เป็นเงื่อนไขในการชนะเกมนี้แบบเทคโนโลยีแล้ว(เงื่อนไขการชนะจะพูดถึงในภายหลัง) ยังทำให้ผู้เล่นสามารถสร้างสิ่งก็สร้างใหม่ๆ ที่ทำให้เมืองของผู้เล่นก้าวหน้าได้และก็เรื่องของกำลังทหาร คงเป็นฝันร้ายๆ แน่ๆ ถ้าระหว่างที่ผู้เล่นพัฒนาเมืองอยู่ชาติตรงข้ามเกิดประกาศสงครามกับผู้เล่นพร้อมส่งกองรถถังมาประชิดชายแดนแต่ผู้เล่นมีแค่ทหารม้าไม่กี่กองคอยรับมือ ดังนั้นเทคโนโลยีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลยอีกเรื่องหนึ่ง แต่ผู้เล่นก็ควรจะดูสมดุลในการพัฒนาด้วยว่าเมืองนั้นพร้อมที่จะทำการเพิ่มค่า Science หรือไม่ยกตัวอย่างเช่นผู้เล่นต้องการจะเพิ่มค่า Scince ในเมืองเมืองหนึ่งแต่เมืองที่ผู้เล่นเลือกนั้นมีประชากรอยู่แค่ 4 คนเท่านั้น แทนที่จะเอาเวลาไปสร้าง Library, University หรือ Public School เพื่อเพิ่มค่า Scince ให้เมืองนั้นสู้ผู้เล่นไปสร้างสิ่งก็สร้างเพื่อเพิ่มอาหารให้กับเมืองดูจะคุ้มกว่ายกตัวอย่างเช่น เมืองขนาด 4 บวก Science 4 + Library 2 + University 3 = 9 แล้วกว่าจะสร้างทั้งหมดเสร็จมันก็ดูไม่คุ้มเท่าการสร้าง Granary และไปเร่งการพัฒนา Farm รอบๆ เมือง ใน Turns ที่เท่ากัน เมืองที่เน้นไปที่การพัฒนา Food ให้กับเมืองจนมีขนาด 12 ก็จะได้ Science + 12 หน่วยแถมยังมีประชากรไว้เก็บเกี่ยวผลผลิตเพิ่มได้ด้วยถึงตอนนี้จะเริ่มสร้างพวก Library หรือ University ก็ยังไม่สายเผลอๆ อาจใช้ Turns น้อยกว่าในการสร้างเมืองแบบแรกที่ยกตัวอย่างไป นอกจากการเพิ่มปริมาณประชากร การขยายเมืองและการสร้างสิ่งปลูกสร้างที่เพิ่มค่า Science ให้กับตัวเมืองแล้วอีกวิธีที่จะทำให้ค่า Science เพิ่มแบบก้าวกระโดดคือนโยบายการปกครองที่จะพูดถึงในภายหลังครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่ผู้เล่นจะเพิ่มประชากร สร้างสิ่งก็สร้างใหม่ๆ หรือขยายเมืองต้องคิดด้วยว่าผลที่ได้มันคุ้มที่จะเสียไหม เพราะการกระทำทุกอย่างมันจะมี Effect กลับมาเสมอทั้งค่าบำรุงรักษาสิ่งก็สร้างที่มากขึ้น ความสุขของประชากรที่ลดลง และโนโยบายการปกครองที่ต้องใช้ค่า Culture มากขึ้นต่อเมืองที่ขยาย
บทที่ 4 วัฒนธรรมและนโยบายการปกครอง
ในบทนี้เราจะมาพูดถึงค่าสุดท้ายที่ถูกนำเข้ามาใช้ในการเล่นเกมนี้อย่าง Culture หรือค่าวัฒนธรรม โดยค่า Culture นี้มีประโยชน์หลักๆ 3 อย่างคือ
1. ขยายอณาเขตรอบๆ เมืองของเรา
2. เพิ่มนโยบายการปกครอง
3. ชนะชนชาติอื่นด้วยการสร้าง Utopia Project
แต่ก่อนอื่นเรามารู้ละเอียดของค่าวัฒนธรรมกันก่อนครับดังภาพต่อไปนี้
จากภาพเราจะเห็นว่าค่า Culture ต่อ 1 Turn ประเทศเราได้ทั้งหมด 347 หน่วย(1) ตอนนี้เรามีทั้งหมด 877 หน่วยต้องการมั้งหมด 4295 หน่วยถึงจะได้ Policy(นโยบายการปกครอง) 1 หน่วย(2) อีก 10 Turns ถึงจะครบตามที่กำหนด(3) ค่า Culture มากจากเมืองทั้งหมด 297 หน่วย(4) แปลงมาจากค่าความสุขของประชากร 30 หน่วย(5) และรัฐอิสระ(City-States) 20 หน่วย(6) ซึ่งรายละเอียดที่กล่าวไปนั้นเป็นผลรวมของชนชาติเราทั้งหมด ต่อไปเราจะมาดูรายละเอียดที่เล็กลงโดยการมาดูปริมาณค่า Culture และการจัดการค่า Culture ในเมืองกันครับ ดังภาพต่อไปนี้
จากภาพด้านบนเราจะเห็นรายละเอียดค่า Culture ของเมืองนี้ว่าผลิตต่อ Turn ได้ 212 หน่วย(1) ขณะนี้มีสะสม 396 หน่วย ต้องการ 575 หน่วยถึงจะขบาบพื้นที่เพิ่มอีก 1 ช่อง(2) ใช้เวลา 1 Turn ในการขยายพื้นที่(3) และที่มาของค่า Culture ในเมืองนี้(4) จากภาพดังกล่าวเราคงจะพอเห็นภาพรวมกันแล้วว่าค่า Culture นี้มาจากไหนหลักๆ ก็คือสิ่งปลูกสร้างภายในเมือง นโยบายการปกครอง และ โบนัสจากรัฐอิสระ โดยจะขออธิบายรายละเอียดสิ่งปลูกสร้างที่เพิ่มค่า Culture กันก่อนว่ามีอะไรบ้าง
Buildings
- Monument ค่าดูแลรักษา 1 Gold ความสามารถคือเพิ่มค่า Culture 2 หน่วย
- Krepost สิ่งปลูกสร้างพิเศษของรัซเซีย ต้องทำการวิจัย Bronze Working ก่อน ค่าดูแลรักษา 1 Gold ความสามารถคือเพิ่มค่า Culture สำหรับขยายพื้นที่รอบๆ เมือง 50%(ไม่มีผลกับค่า Culture ที่เอาไว้สะสม) และบวก 15 XP สำหรับยูนิตภาคพื้นดิน
- Burial Tomb สิ่งปลูกสร้างพิเศษของอียิป ต้องทำการวิจัย Philosophy ก่อน ความสามารถคือเพิ่มค่า 2 Culture, 2 Happiness และให้ Gold 2 เท่าสำหรับศัตรูที่สร้างสิ่งปลูกสร้างนี้ไว้
- Mud Pyramid Mosque สิ่งปลูกสร้างพิเศษของจักรวรรดิซองไฮ ต้องทำการวิจัย Philosophy ก่อน ความสามารถคือเพิ่มค่า Culture 5 หน่วย
- Temple ต้องทำการวิจัย Philosophy ก่อนและในเมืองที่สร้างต้องทำการสร้าง Monument ก่อน ค่าดูแลรักษา 2 Gold ความสามารถคือเพิ่มค่า Culture 3 หน่วย
- Monastery ต้องทำการวิจัย Theology ก่อนและในเมืองนั้นต้องมี Incense หรือ Wine ให้เก็บเกี่ยว ค่าดูแลรักษา 2 Gold ความสามารถคือเพิ่มค่า Culture 2 หน่วย
- Mughal Fort สิ่งปลูกสร้างพิเศษของอินเดีย ต้องทำการวิจัย Chivalry และในเมืองนั้นต้องสร้าง Walls ก่อน ค่าดูแลรักษา 3 Gold ความสามารถคือเพิ่มค่า Culture 2 หน่วย บวกค่า Defend ให้กับเมือง 9 หน่วยและเมื่อทำการวิจัย Flight จะมอบ Gold ให้
- Wat สิ่งปลูกสร้างพิเศษของชนชาติสยาม ต้องทำการวิจัย Education ก่อน ค่าดูแลรักษา 2 Gold ความสามารถคือเพิ่มค่า Culture 3 หน่วยและบวกโบนัสค่า Science 50% ให้กับเมืองที่สร้าง
- Opera House ต้องทำการวิจัย Acoustics และในเมืองนั้นต้องสร้าง Temple หรือ Burial Tomb หรือ Mud Pyramid ก่อน ค่าดูแลรักษา 3 Gold ความสามารถคือเพิ่มค่า Culture 5 หน่วย
- Museum ต้องทำการวิจัย Archaeology และในเมืองนั้นต้องสร้าง Opera House ก่อน ค่าดูแลรักษา 3 Gold ความสามารถคือเพิ่มค่า Culture 5 หน่วย
- Broadcast Tower ต้องทำการวิจัย Radio และในเมืองนั้นต้องสร้าง Museum ก่อน ความสามารถคือเพิ่มค่า Culture เป็น 2 เท่าในเมืองที่สร้าง
**Wonder ทุกสิ่งก่อสร้างอย่างน้อยจะมีบวกค่า Culture 1 หน่วยเสมอ
นอกจากการสร้างสิ่งก่อสร้างเพื่อเพิ่มค่า Culture แล้วเรายังสามารถนำประชากรเราไปทำงานในสิ่งปลุกสร้างที่มีช่องสำหรับใส่คนงาน(Specialist)เหมือนกับการเร่งาวิทยาศาสตร์ดังภาพต่อไปนี้ครับ
โดยการนำประชากรทำงานในสิ่งปลูกสร้างดังภาพด้านบนจะเป็นการผลิตค่า Culture อีกวิธีหนึ่งนอกจากนี้เรายังสามารถเพิ่มค่า Culture จากการเชื่อมความสัมพันธ์ทางการทูตกับ City-State ได้ด้วยซึ่งจะขอยกไปพูดถึงเรื่องของการทูตและรัฐอิสระในบทต่อไปครับ ต่อมาเรามาดูประโยชน์หลักของค่า Culture กันดีกว่านั้นก็คือเรื่องของการนำค่า Culture ไปกำหนดนโยบายการปกครองตามภาพดังต่อไปนี้
จากภาพดังกล่าวเราจะเห็นว่านโยบายการปกครองของเกมนี้ถูกแบ่งเป็น 10 ชนิดหลักๆ และมีรากของการปกครองแต่ละชนิดลงมาอีก 2 ถึง 3 ขั้น โดยการที่จะประกาศใช้นโยบายการปกครองและรากของนโยบายจำเป็นต้องใช้ค่า Culture ที่สะสมมาให้ครบที่กำหนดไว้ตามที่เคยได้กล่าวไปในช่วงต้นๆ ของบทนี้และเมื่อชนชาติเราสามารถกำหนดนโยบายการปกครองได้ครบทั้ง 5 ชนิด ชนชาติเราจะมีสิทธิสร้าง Utopia Project เพื่อชนะเกมในแบบวัฒนธรรมทันที ต่อมาจะมาอธิบายของความสามารถของนโยบายการปกครองต่างๆ กันครับ
1. Tradition การปกครองแบบประเพณีนิยม เมื่อทำการเรื่องสายการปกครองนี้เมืองหลวงชองชนชาติเราจะได้รับอาหารอีก 1 หน่วยทุกๆ Turn
- Aristocracy ลดเวลาในการสร้าง Wonder ลง 33%
- Landed Elite เพิ่มการขยายของประชากรในเมืองหลวง 33%
- Legalism ลดความไม่พอใจของประชากรในเมืองหลวงลง 33%
- Monarchy ลดการใช้ทองในการซื้อที่ดินลง 50%
- Oligarchy เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับยูนิตทหาร 33% เมื่อทำการรบในอนาเขตของประเทศ
2. Liberty การปกครองแบบเสรีนิยม เมื่อทำการเลือกสายการปกครองนี้จะทำให้สามารถสร้างคนตั้งถิ่นฐาน(Settler)ได้เร็วขึ้น 50%
- Citizenship เพิ่มความเร็วในการทำงานให้ Worker 25%
- Collective Rule เมื่อก่อตั้งเมืองจะทำให้อาหารในเมืองนั้นเป็น 50% เพื่อทำให้เกิดประชากรคนที่ 2 ได้เร็วขึ้น
- Representation เพิ่มค่าวัฒนธรรมในทุกๆ เมือง 1 หน่วย
- Republic เพิ่มค่า Product ให้ทุกๆ เมือง 1 หน่วย
3. Honor การปกครองแบบเกียรตินิยม เมื่อทำการเลือกสายการปกครองนี้ จะทำให้ยูนิตในการรบแข็งแกร่งขึ้น 25% เมื่อทำการสู่รบกับคนเถื่อน(Barbarian) และเมื่อคนเถื่อนได้ทำการตั้งแคมป์ใหม่ในพื้นที่ที่เคยพบจะมีการแจ้งเตือนมาทันที
- Discipline เมื่อให้ยูนิตในการรบจัดรูปขบวนโดยการยืนชิดกันจะทำการเพิ่มความแข็งแกร่งในการรบ 15%
- Military Caste เมื่อให้ยูนิตในการรบประจำอยู่ในเมืองจะลดค่าความไม่พอใจของประชากรลง 1 หน่วยต่อ 1 เมือง
- Professional Army ลดทองลง 50 % ในการเลื่อนขั้นยูนิตชนิดนั้น
- Warrior Code เมื่อทำการเลือกรากชนิดนี้จะทำให้เกิด Great Genaral ในเมืองทันที 1 คน
4. Piety การปกครองแบบการเคร่งครัดในทางศาสนา เมื่อเลือกการปกครองสายนี้จะเพิ่มค่าความสุขของประชากรให้กับชนชาติเราทันที 2 หน่วย
- Free Religion ได้รับค่าปลดล็อค Policies 2 หน่วยทันที
- Mandate of Heaven เปลี่ยนค่าควมสุขส่วนเกินของชาติเรา 50% มาเป็นค่าโบนัส Culture
- Organized Religion ลดค่าความต้องการของการเกิดยุคทองลง 25%
- Reformation เมื่อทำการเลือกรากชนิดนี้จะทำให้เกิดยุคทองทันที 6 Turns
- Theocracy ลดค่าความไม่พอใจของประชากรในเมืองที่ไม่ได้ทำการยึดมาลง 20%
5. Patronage การปกครองระบอบอุปถัมภ์นิยม(การทูต) เมื่อเลือกการปกครองสายนี้จะทำให้ค่าความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐอิสระลดช้าลง 25%
- Aesthetics ค่าความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐอิสระน้อยที่สุด 20 %
- Cultural Diplomacy ปริมาณทรัพยากรที่รัฐอิสระให้เพิ่มขึ้น 100% และค่าความสุขจาก Luxury ที่รัฐอิสระให้เพิ่มขึ้น 50%
- Educated Elite รัฐอิสระที่เป็นพันธมิตรกับชนชาติเรามีสิทธิให้ Great Prople กับชนชาติเรา
- Philanthropy เพิ่มค่าความสัมพันธ์กับรัฐอิสระมากขึ้น 25% เมื่อให้ทองกับรัฐอิสระ
- Scholasticism รัฐอิสระที่เป็นพันธมิตรกับเราจะให้โบนัสค่าวิทยาศาสตร์ 33% จากค่าวิทยาศาสตร์ทั้งหมดของรัฐอิสระนั้น
6. Commerce การปกครองแบบพาณิชยศาสตร์(การค้า) เมื่อเลือกการปกครองสายนี้จะทำให้โบนัสทองที่เก็บเกี่ยวในเมืองหลวงเพิ่มขึ้นอีก 25%
- Mercantilism สามารถซื้อยูนิตและสิ่งปลูกสร้างได้ถูกลง 25%
- Merchant Navy เพิ่ม 3 Product ให้กับเมืองทุกเมืองที่ติดทะเล
- Naval Tradition เพิ่มระยะการเดินทางและการมองเห็นให้กับยูนิตทางการรบในทะเลทุกชนิด 1 ช่อง
- Protectionism เพิ่มค่าความสุข 1 หน่วยให้กับ Luxury Resource ทุกชนิด
- Trade Unions ลดค่าบำรุงรักษาเส้นทางทั้งถนนและทางรถไฟลง 20%
7. Rationalism การปกครองแบบเหตุผลนิยม เมื่อเลือกการปกครองสายนี้จะทำให้เกิดยุคทองทันที 5 Turns
- Free Thought เพิ่มค่าวิทยาศาสตร์ 2 หน่วยทันทีใน Trading post ทุกพื้นที่
- Humanism เพิ่มค่าความสุข 1 หน่วยให้กับทุกเมืองที่มีการสร้างมหาลัย(University)
- Scientific Revolution ให้เทคโนโลยีมาทันที 2 เทคโนโลยี
- Secularism เพิ่มค่าวิทยาศาสตร์ 2 หน่วยให้กับการนำคนงานไปทำงานใน Specialist ต่อ 1 คนทุกชนิด
- Sovereignty เมื่อมวลรวมของประชากรในชาติเรามีความสุขจะเพิ่มค่าโบนัสวิทยาศาสตร์ให้ทันที 15%
8. Freedom การปกครองแบบอิสระภาพนิยม เมื่อทำการเลือกการปกครองสายนี้จะทำให้ลดค่าความไม่พอใจของคนในชาติเราทันที 50%
- Civil Society ลดการบริโภคอาหารจากการนำคนงานไปทำงานใน Specialist ลง 50%
- Constitution เพิ่มค่าวัฒนธรรม 2 เท่าทันที่ให้กับทุกเมืองที่มีการสร้างสิ่งมหัศจรรย์(Wonder)
- Democracy เพิ่มอัตราการเกิดของบุคคลชั้นยอด(Great People)ภายในเมืองทุกเมือง 50%
- Free Speech ลดความต้องการค่า Culture ในการเพิ่มนโยบายการปกครองลง 25%
- Universal Suffrage เพิ่มค่าป้องกันให้กับทุกเมืองมากขึ้น 33%
9. Autocracy การปกครองระบอบเผด็จการ เมื่อทำการเลือกการปกครองสายนี้จะทำให้ลดค่าบำรุงรักษายูนิตทุกชนิดลง 33%
- Fascism เพิ่มอัตราเก็บเกี่ยว Strategic Resources เช่น น้ำมัน, ถ่านหิน, ยูเรเนี่ยม, อลูมีเนียม มากขึ้นเท่าตัว
- Militarism ลดทองในการซื้อยูนิตลง 33%
- Police State ลดความไม่พอใจของประชากรในเมืองที่ไม่ได้ทำการยึดมาลง 50%
- Populism ยูนิตในการรบทุกชนิดที่บาดเจ็บจะโจมตีแรงขึ้น 25%
- Total War เมื่อเลือกรากของสายการปกครองนี้จพทำให้ยูนิตในการรบทุกชนิดโจมตีแรงขึ้น 33% ทันที 20 Turns
10. Order การปกครองแบบเคร่งครัดในคำสั่ง เมื่อทำการเลือกการปกครองสายนี้จะทำให้ทุกเมืองสามารถสร้างสิ่งก่อสร้างได้เร็วขึ้น 25%
- Communism เพิ่มค่า Product 5 หน่วยให้กับทุกเมือง
- Nationalism เพิ่มโบนัสให้กับยูนิตทางการรบทุกชนิด 25% เมื่ออยู่ในดินแดนของประเทศแม่และพันธมิตร
- Planned Economy ลดความไม่พอใจของประชากรลง 50% ในเรื่องของจำนวนเมือง
- Socialism ลดค่าบำรุงรักษาสิ่งก่อสร้างลง 10% ให้กับทุกเมือง
- United Front เพิ่มอัตราการลดค่าความสัมพันธ์กับรัฐอิสระให้กับชนชาติอื่นเร็วขึ้น 33%
ประโยชน์และการเพิ่มค่า Culture ก็อย่างที่ได้กล่าวมาในบทนี้ทั้งหมดว่ามีอะไรบ้างซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้เล่นเองว่าต้องการจะเพิ่มหรือนำค่า Culture ไปใช้ด้วยวิธีไหนทำอะไรบ้าง สุดท้ายที่ผมอยากทิ้งท้ายคือค่า Culture นั้นดูเหมือนว่าจะมีประโยชน์มากแต่ในความเป็นจริงค่านี้มีความสำคัญน้อยที่สุดในบรรดาค่าที่เกมนี้นำมาให้ใช้ทั้งหมด อาจเพราะการตัดระบบศาสนาภายในภาคนี้ออกไปทำให้ประโยชน์ของค่า Culture ในภาคนี้จึงเหลือแค่ขยายดินแดนซึ่งสามารถไปเน้นการพัฒนาทางการเงินเพื่อซื้อดินแดนแทนได้และเรื่องของนโยบายการปกครองซึ่งดูมีประโยชน์มาก แต่การที่จะเพิ่มนโยบายการปกครองด้วยการเร่งค่า Culture นั้นต้องแลกกับจำนวนเงินต่อ Turns ที่สูงมากเพื่อนำไปร้างสิ่งปลูกสร้างเกี่ยวกับวัฒนธรรมทั้งหลาย มิหนำซ้ำเมื่อเราทำการขยายเมืองขึ้นทุกๆ 1 เมือง ชนชาติเราก็ต้องการค่า Culture มากขึ้นในการเพิ่มนโยบายการปกครอง ซึ่งตอนนี้หลายๆ คนคงมองออกแล้วว่าเมื่อเราต้องการที่จะเร่งกำหนดนโยบายการปกครองเพื่อเอาไปสร้าง Utopia Project เราก็ต้องยอมให้การเพิ่มของค่าวิทยาศาสตร์ช้าลงซึ่งจากที่กล่าวไปทั้งหมดดูเหมือนสิ่งที่ได้จะไม่คุ้มที่จะลงทุนกับค่า Culture มากเท่าไหร่นัก
บทที่ 5 เศรษฐกิจและการค้าขาย
ในบทนี้ผมจะขอพูดถึงเรื่องระบบเศรษฐกิจและการค้าขายภายในเกมนี้กันครับ ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าเมนูที่แสดงเรื่องรายรับรายจ่ายของชนชาติเราเป็นอย่างไรและอยู่ส่วนไหนของหน้าจอ UI. กันบ้างครับ
จากภาพดังกล่าวเราจะเห็นว่าในแถบเมนูหลักจะบอกรายละเอียดทางเศรษฐกิจของชนชาติที่ผู้เล่นแทบจะทุกอย่างอยู่แล้วว่าต่อ 1 Turn เรามีรายได้เท่าไหร่และมีรายจ่ายเท่าไหร่ แต่ผู้เล่นก็สามารถที่จะเจาะลึกลงไปในรายละเอียดได้ที่ปุ่มเรียกหน้าต่าง Economic ซึ่งจะมีหน้าต่างแจกแจงรายละเอียดดังภาพที่ 2 ซึ่งในหน้าต่างนี้จะบอกว่า เรามีรายได้และรายจ่ายทั้งหมดต่อ 1 Turn เท่าไหร่ จากเมืองไหนและจากอะไรบ้าง ซึ่งตรงนี้จะทำให้ผู้เล่นสามารถคำนวนได้ว่าเราควรจะเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายจากเมืองไหนลงบ้างเพื่อทำให้ระบบเศรษฐกิจดดยรวมของชนชาติเราสมดุลที่สุด ต่อมาผมจะขออธิบายเรื่องรายได้และรายจ่ายว่ามันมาจากส่วนไหนบ้าง ก่อนอื่นผมจะขอพูดถึงรายได้ก่อนว่ามาจากไหน โดยรายได้จะมาจาก 5 ส่วนหลักๆ ดังนี้
1. การเก็บเกี่บวทรัพยากรทองรอบๆ เมือง
- ในแต่ละพื้นที่เก็บเกี่ยวทรัพยากรของเมืองต่างๆ นั้นจะมีวงกลมรูปเหรียญทองอยู่เมื่อนำ Citicenz ของเมืองนั้นๆ ไปทำงานในพื้นที่ดังกล่าวจะได้ปริมาณทองเพิ่มตามจำนวนเหรียฐทองในพื้นที่ ที่ Citicenz ทำงานอยู่ นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทองในแต่ละพื้นที่ได้ด้วยการสร้าง Trading Post หรือสร้างสิ่งก็สร้างสำหรับเก็บเกี่ยว Luxury Resources เพื่อปริมาณทองอีก 2 หน่วยต่อทุกพื้นที่ ที่ทำการสร้าง
2. สิ่งปลูกสร้างเพิ่มรายได้ภายในเมือง
- ภายในเมืองแต่ละเมืองเราสามารถเพิ่มปริมาณการเก็บเกี่ยวทองได้ด้วยการสร้างสิ่งปลุกสร้างอย่าง Market(Bazaar สำหรับชนชาติ Arabian) และ Bank(Satraps Court สำหรับชนชาติ Persian) เพื่อเพิ่มปริมาณทองที่เก็บเกี่ยวจากเมืองที่ทำการสร้างอีก 25%
- เมื่อทำการวิจัย Economics ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนกำลังการผลิต(Product) ที่เมืองผลิตออกมาได้ 25% เพื่อเปลี่ยนเป็นทองได้ดังรูปต่อไปนี้
3. เส้นทางการค้าขายระหว่างเมือง
- เมื่อทำการเชื่อมต่อการคมนาคมของเมืองต่างๆ เข้ากับเมืองหลวงไม่ว่าจะด้วยถนน ทางรถไฟหรือแม้แต่ด้วยท่าเรือเราจะได้รายได้เพิ่มจากจำนวนประชากรในเมืองที่ทำการเชื่อมต่อกับเมืองหลวงเป็นปริมาณทองที่ได้เพิ่มมาจาก Trade Route
** เมืองที่ติดทะเลสามารถสร้างท่าเรือแทนการสร้างถนนเพื่อเชื่อมต่อกับเมืองหลวงได้ โดยที่เมืองหลวงของผู้เล่นต้องติดทะเลและทำการสร้างท่าเรือไว้ในเมืองก่อนหรือไม่ก็ต้องมีเมืองอย่างน้อยหนึ่งเมืองที่มีท่าเรือและทำการสร้างถนนเชื่อมต่อกับเมืองหลวง
** เมื่อทำการสร้าง Wonder อย่าง Machu Picchu จะเพิ่มปริมาณทองจากเส้นทางการค้าขายอีก 20%
4. นโยบายการปกครอง
- นโยบายการปกครองแบบพาณิชยศาสตร์(Commerce)จะช่วยเพิ่มการเก็บเกี่ยวทองในเมืองหลวงเพิ่มขึ้นอีก 25%
5. การทูตและการค้าขายระหว่างประเทศ
- นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถนำผลิตภัณท์ที่ชนชาติเราผลิตได้อย่าง Luxury Resources และ Strategic Resources ไปเสนอขายให้กับชนชาติอื่นได้ดังรูปด้านล่าง(1) และสามารถใช้การทูตในการขอ(ขู่)ทองจากชนชาติอื่นก็ได้ ถ้าชนชาตินั้นมีสัมพันธ์ที่ดีกับชนชาติของผู้เล่น(2)
เมื่อผู้เล่นพอทราบเรื่องรายได้แล้วต่อมาก็มาดูว่ารายจ่ายของประเทศมาจากส่วนไหนบ้าง
1. ค่าบำรุงรักษาสิ่งปลูกสร้างภายในเมือง
- สิ่งก่อสร้างทุกชนิดภายในเมืองนอกจากสิ่งก่อสร้างประเภท Wonder และเพิ่มรายได้อย่าง Market จะเสียค่า Maintenance ต่อ Turn ทุกสิ่งก่อสร้างเสมอ
** ผู้เล่นสามารถลดค่าบำรุงรักษาสิ่งก่อสร้างได้ด้วยการเลือกนโยบายการปกครองแบบ Order และทำการเลือกสาย Socialism เพื่อลดค่าบำรุงรักษาสิ่งก่อสร้างให้กับทุกเมืองลง 10%
2. ค่าบำรุงรักษา Units ต่างๆ
- Unit ทุกชนิดที่ถูกทำการสร้างจะมีค่าบำรุงรักษาเสมอสามารถดูรายละเอียดได้จากเมนูรายละเอียดทางเศรษฐกิจ โดยการคิดค่าบำรุงรักษายูนิตขึ้นอยู่กับระดับความยากที่ผู้เล่นเลือกเล่นด้วย
** ผู้เล่นสามารถลดค่าบำรุงรักษายูนิตได้ด้วยการเลือกการปกครองแบบ Autocracy เมื่อทำการเลือกรูปแบบการปกครองแบบนี้จะทำการลดค่าบำรุงรักษา Units ทุกชนิดลงต่อ Turn ลง 33%
3. ค่าบำรุงรักษาเส้นทางคมนาคม
- ถนนจะเสียค่าบำรุงรักษาต่อ 1 ช่อง เท่ากับ 1 Gold per turn
- รางรถไฟจะเสียค่าบำรุงรักษาต่อ 1 ช่อง เท่ากับ 2 Gold per turn
** ผู้เล่นสามารถลดค่าบำรุงรักษาเส้นทางคมนาคมลงได้ด้วยการเลือกการปกครองแบบ Commerce และทำการเลือกสาย Trade Unions เพื่อลดค่าบำรุงรักษาเส้นทางคมนาคมลง 20%
เมื่อนำรายได้กับรายจ่ายทั้งหมดมาหักลบกันส่วนที่เหลือจะเป็นปริมาณทองที่เหลือไว้สำหรับสำรองในคลังของชนชาติที่ผู้เล่นเลือกซึ่งจะบวกเพิ่มเข้าไปกับปริมาณทองในคลังของเก่าที่มีอยู่ ประโยชน์ของปริมาณทองที่อยู่ในคลังนั้นผู้เล่นสามารถนำไปใช้ซื้อสิ่งก่อสร้างและยูนิตต่างๆ ได้โดยทันทีโดยไม่ต้องสร้างเองซึ่งจะเป็นการทำให้เมืองนั้นพัฒนาแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว หรือแม้แต่นำมาใช้ในการซื้อสินค้าต่างๆ และการกำหนดข้อเรียกร้องต่างๆ กับชนชาติอื่นที่ชนชาติเราต้องการ รวมถึงในการซื้อที่ดิน(ซื้อกับใครหวา ?) รวมถึงร่วมกันลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีกับชนชาติอื่นๆ ได้ เป็นต้น แต่เมื่อใดที่ปริมาณทองในคลังติดลบ จำนวนทองที่ติดลบนั้นจะถูกนำมาลบกับปริมาณค่าวิทยาศาสตร์ที่สามารถผลิตได้ต่อ Turns ของชนชาติที่ผู้เล่นเลือกลงซึ่งตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากเพราะอาจทำให้ชาติที่ผู้เล่นเลือกหยุดการพัฒนาด้านเทคโนโลยีไปเลยก็ได้...
สุดท้ายสิ่งที่ผมอยากฟากไว้กับเรื่องการบริหารทางด้านเศรษฐกิจคือการวางแผนการพัฒนาในแต่ละเมืองเพราะรายจ่ายส่วนใหญ่ที่เสียไปจะมาจากสิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในเมืองซะส่วนใหญ่ เช่น อย่างเมืองไหนมีอาหารรอบๆ เมืองสูงอยู่แล้วมันจำเป็นหรือไม่ที่เมืองนั้นต้องทำการสร้างยุ้งฉางหรือโรงพยาบาล หรือเมืองไหนมีกำลังการผลิตต่ำเราก็ไม่ควรที่จะสร้างสิ่งก่อสร้างประเภทเพิ่มประสิทธิภาพของ Unit ในการรบออกมาเพราะเราคงไม่เอาเมืองนั้นผลิตกองกำลังรบออกมาแน่ๆ นอกจากนี้คือการทำเส้นทางการค้าระหว่างเมืองก็เป็นหนทางเพิ่มรายได้กับชนชาติของผู้เล่นมหาศาลเลยทีเดียวแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเส้นทางระหว่างเมืองนั้นมันคุ้มค่าที่จะสร้างหรือไม่อย่างเช่น เมืองที่ต้องการจะทำการเชื่อมต่อกับเมืองหลวงมีประชากร 4 ก็จะได้ปริมาณทอง 5 ต่อ 1 Turn สำหรับเส้นทางทางการค้าแต่ระยะทางกับเมืองหลวงนั้นมีระยะถึง 15-20 ช่อง มันก็จะกลายเป็นเราเสียค่าบำรุงรักษาถนนสูงกว่าทองที่ได้จากเส้นทางการค้ามันก็ดูไม่คุ้มทุนเท่าไหร่ สู้เราไปสร้างเมืองเพิ่มระหว่างเมืองนั้นกับเมืองหลวงหรือท่าเมืองนั้นติดทะเลการสร้างท่าเรือและหาเมืองที่มีการเชื่อมต่อกับเมืองหลวงและติดทะเลแล้วค่อยสร้างท่าเรือดูจะคุ้มค่ากว่ามาก สุดท้ายการคอยตรวจสอบปริมาณยูนิตว่ามีมากไปไหมก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ถ้า Unit ของชนชาติเรามีปริมาณมากไปก็ควรจะทำลายทิ้งซะ เช่นมีอยู่ครั้งหนึ่งผมสามารถยึด Worker จากชนชาติๆ ต่างๆ มาได้จำนวนมหาศาลซึ่งในช่วงแรกๆ ถึงกลางๆ เกมมันก็มีประโยชน์กับการพัฒนาชนชาติของผมมากแต่เมื่อถึงยุคหนึ่งความจำเป็นของ Worker ผมน้อยลงมากผมก็เลยมานั่งลบยูนิตนั้นทิ้งลงส่วนหนึ่งปรากฏว่าผมสามารถลดค่าใช้จ่ายต่อ Turnห ลงไปได้ถึง 30-40 Gold per turn เลยทีเดียว...
Credit : Civilization Manual Guide และข้อความในกระทู้ Civilization V Faqs ใน VGB
ปล.เรื่องไหนที่ผมพิมพ์ผิดหรือข้อมูลผิดพลาดแย้งได้เลยนะครับ
Comment