สวัสดีครับทุกคน ผมเป็นผู้โชคดดีจากกิจกรรม unboxing ของกลุ่ม ชมรมคนรัก Gaming gear ระดับเทพ นะครับผม
ในวันนี้ผมจะมารีวิวตัวหูฟัง HyperX Cloud Stinger Core (Wireless + 7.1) ให้ทุกคนได้ชมกันนะครับ
ก่อนจะไปรับชมผมขอบอกไว้ก่อนว่าส่วนตัวผมไม่เคยใช้เจ้าตัวหูฟังในค่าย HyperX มาก่อนเลยครับด้วยความที่งบไม่ถึง ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสแรกที่ได้ลองและได้ใช้ จึงไม่สามารถเทียบกับตัวอื่นๆค่ายหรือความรู้ประสบการณ์จากตัวอื่นๆนะครับถ้าข้อมูลผิดพลาดไปยังไงต้องขออภัยด้วยนะครับ
มาเริ่มกันเลย
unboxing
เปิดกล่องมานะครับ เราจะได้อุปกรณ์มา 3 ชิ้นเลยครับ 1 คือตัว หูฟัง 2 คือตัว USB ที่เป็นตัวเชื่อมสัญญาณ และ 3.สายชาจ Type-C ครับผม
ในส่วนของตัวหูฟังนะครับ วัสดุเป็นพลาสติกเรียบๆ ดูสวยงามหรูหราครับ ตัวนี้ไม่มีไฟ RGB นะครับเน้นเรียบง่ายเลยดูหรู ส่วนตัวผมก็ชอบนะครับ เมื่อดึงออกมาก็จะมีก้านเหล็กด้านในให้ความทนทานในการใช้งานครับ
ส่วนลดและเพิ่มเสียง การ Mute ไมค์ และการเปิดปิดจะอยู่ที่ฝั่งซ้ายของหูฟังเลยครับซึ่งว่าสะดวกดีนะครับในส่วนนี้เพราะว่า ถ้าเราเล่นเกมแนว FPS มือขวามที่เราควบคุมเมาส์ถือว่าจำเป็นทีเดียว ถ้าสมมติเกิดปัญหา
เสียงลดหรือเสียงไม่ดังพอเราสามารถปรับได้ในขณะที่เรายังควบคุมเมาส์ได้อยู่ทำให้ไม่เสียจังหวะในการยิงและมุมมองนะครับ ซึ่งการ Mute ไมค์ของรุ่นนี้ก็คือสามารถพับไมค์ขึ้นเพื่อเป็นการ Mute ได้เลยครับ
ตรงที่ครอบหูตัวนี้ใช้เป็นผ้าตาข่ายร่วมกับฟองน้ำนนะครับ ซึ่งผมที่เคยใช้แบบหนังของรุ่นอื่นมาถือว่าใส่ได้สบายหูมากและไม่มีการอับ และไม่มีการลอกหรือหลุดของตัวหนังด้วยครับแต่เรื่องการเก็บเสียงหนังอาจจะเก็บ
เสียงรอบข้างได้ดีกว่านิดนึงแล้วแต่ความชอบครับตรงนี้ ซึ่งข้างบนที่ข้างบนหัวก็ใช้เป็นผ้าตาข่ายแบบเดียวกันครับ และก็สลักชื่อแบรนด์ไว้บนที่คาดสวยงามครับ
[/
ต่อมาเรื่องประสบการณ์ด้านเสียงนะครับ
เรื่องเสียงของตัวนี้ครับ เราสามารถโหลด driver ของทาง hyperx มาใช้งานเพื่อเปิดระบบ 7.1 ในโปรแกรมนะครับ ซึ่งตัวผมใช้ win10 โหลดจาก microsoft sotre เลยครับ
แล้วกดเปิดใช้งานโปรแกรมเลย
เรื่องเสียงสำหรับการเล่นเกมนะครับ ส่วนตัวผมเล่นพวก RB6 PUBG ประมาณนี้นนะครับ รู้สึกว่าทำได้ทีเดียวในการแยกเสียงไม่มีหลงทางซ้ายขวาครับเสียงชัดมากๆ ว่าศัตรูเดินมาจากทางไหน
เสียงโดรนวิ่งทางไหน เสียงกับดักอะไรแบบนี้ และการที่ตัวหูฟังเป็นไวเลส ก็ไม่ได้ทำให้เสียงดีเลย์มากครับถือว่าทำได้ดี แล้วเสียงของไมค์ก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว ปกติไมค์หูฟังตัวเก่าผมจะตัดเสียงพวกคีย์บอร์ดหรือ
การคลิกเมาส์ไม่ค่อยได้พิมพ์ทีไรมีเสียงเข้าไปแน่นอนเพราะเป็นบูลสวิช แต่ตัวนี้ทำได้ดีครับเงียบกริบเลย แต่ส่วนความใสหรือเพราะของเสียงแน่นอนอาจจะสู้พวกไมค์แยกหรือตั้งโต๊ะไม่ได้ขนาดนั้น แต่ในตัวมันเองผมว่าดีมากๆแล้วครับชอบ
ส่วนเรื่องการฟังเพลงหรือ การดูหนังดูคลิปส่วนตัวผมดูการ์ตูนหรือฟังเพลง
ส่วนตัวเบสไม่ได้ไปทางที่ว่าจัดมากแบบตึบๆๆหูแต่เป็นความกลมที่ดี มันคือหูฟังเกมแหละครับเรื่องตัว 7.1 มันทำได้ดีกว่าในเรื่องเกม
แต่ไม่ผิดหวังนะครับถือว่าทำได้ดีมากๆ
หัวข้อต่อมาในการสวมใส่นะครับ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นนะครับว่าตัวนี้ที่ครอบหูเป็นผ้าตาข่ายซึ่งทำให้ไม่อับและใส่สบายด้วยครับ น้ำหนักไม่เยอะเลยเบาๆมากๆ แล้วด้วยความเป็น ไวเลส จึงไม่สายให้เกะกะเวลาใช้งานสะดวกมากๆครับผมชอบตรงนี้
ผมเปิดคลิปอยู่แต่จะเดินไปเอาน้ำที่ตู้เย็นก็ยังฟังได้อยู่ครับเดินไปเดินมาสะดวกแต่พอเริ่มไกลมากๆเสียงจะเริ่มขาดๆหายๆเป็นปกติครับและตอนใส่ผมก็ใส่แว่นเล่นด้วยนะครับแว่นกรองแสง
ส่วนตัวคิดว่าถ้าเป็นแว่นที่ก้านบางไม่ได้หน้าใส่แล้วไม่รู้สึกปวดนะครับ
แต่พอเป็นกรอบหน้าปุ๊ปใส่ไปสักพักจะปวดทันทีแก้ปัญหาโดยเอาขาแว่นไว้บนที่ครอบหู
ให้มันเฉียงขึ้นไปครับช่วยได้ผมทำบ่อยๆ แต่ถ้าใครขาแว่นบางหละก็หายห่วงได้เลยครับ
แต่ข้อเสียอย่างนึงคือการชาจแบต ซึ่งรุ่นนี้ไม่สามรถเสียบสายต่อได้นะครับ ไวเลสเพียวๆ ถ้าเกตแบตหมดแล้วท่านอยู่คนเดียวก็อาจจะเปิดลำโพงเวลาดูหนังหรืออะไรได้แต่ถ้าท่านเล่มเกม
ท่านอาจจะต้องมีหูฟังไว้เผื่อสำหรับการชาจของมันอีกทีถ้าหมดกระทันหัน แต่ปัญหานี้แก้โดยเล่นเสร็จชาจทิ้งไว้เลยครับ เจ้าตัวนี้เป็นพอท type-c ถ้าใครใช้สมาทโฟนที่มีสาย type-c เหมือนกัน
สามารถนำมาชาจกันได้เลยครับผมลองแล้ว
สรุปนะครับ
โดยส่วนตัวผมว่าเจ้า HyperX Cloud Stinger Core (Wireless + 7.1) ทำได้ออกมาดีสมกับราคาของมันทีเดียวทั้งคุณภาพของเสียง การใช้งานที่เรียบง่ายไม่ยุ่งยาก
สะดวกสบายเพราะเป็น ไวเลส ถ้าใครไม่ชอบหูฟังแบบสายและเสียงที่ดีในงบที่ไม่ไปไกลมากๆเกินไปผมว่าตัวนี้ก็ถือว่าเป็นอีกตัวที่น่าสนใจทีเดียว
ซึ่งเจ้าตัว HyperX Cloud Stinger Core มีทั้งแบบสายและ Wireless
ตามงบนะครับ ซึ่งตัว Wireless ราคาจะอยู่ที่ 2,790 บาท และตัวธรรมดาจะอยู่ที่ 1,690 บาทครับผม ยังไงหวังว่าคนที่อ่านบทความรีวิวนี้จะได้ตัดสินใจกันง่ายขึ้นนะครับไม่มากก็น้อย
ขอบคุณทาง HyperX และทางชมรมคนรัก GamingGear ที่ให้เจ้าตัว HyperX Cloud Stinger Core Wireless มาให้ผมได้ใช้และ unboxกัน
สำหรับวันนี้ผมลาไปก่อนแล้ว สวัสดีครับผม
ในวันนี้ผมจะมารีวิวตัวหูฟัง HyperX Cloud Stinger Core (Wireless + 7.1) ให้ทุกคนได้ชมกันนะครับ
ก่อนจะไปรับชมผมขอบอกไว้ก่อนว่าส่วนตัวผมไม่เคยใช้เจ้าตัวหูฟังในค่าย HyperX มาก่อนเลยครับด้วยความที่งบไม่ถึง ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสแรกที่ได้ลองและได้ใช้ จึงไม่สามารถเทียบกับตัวอื่นๆค่ายหรือความรู้ประสบการณ์จากตัวอื่นๆนะครับถ้าข้อมูลผิดพลาดไปยังไงต้องขออภัยด้วยนะครับ
มาเริ่มกันเลย
unboxing
เปิดกล่องมานะครับ เราจะได้อุปกรณ์มา 3 ชิ้นเลยครับ 1 คือตัว หูฟัง 2 คือตัว USB ที่เป็นตัวเชื่อมสัญญาณ และ 3.สายชาจ Type-C ครับผม
ในส่วนของตัวหูฟังนะครับ วัสดุเป็นพลาสติกเรียบๆ ดูสวยงามหรูหราครับ ตัวนี้ไม่มีไฟ RGB นะครับเน้นเรียบง่ายเลยดูหรู ส่วนตัวผมก็ชอบนะครับ เมื่อดึงออกมาก็จะมีก้านเหล็กด้านในให้ความทนทานในการใช้งานครับ
ส่วนลดและเพิ่มเสียง การ Mute ไมค์ และการเปิดปิดจะอยู่ที่ฝั่งซ้ายของหูฟังเลยครับซึ่งว่าสะดวกดีนะครับในส่วนนี้เพราะว่า ถ้าเราเล่นเกมแนว FPS มือขวามที่เราควบคุมเมาส์ถือว่าจำเป็นทีเดียว ถ้าสมมติเกิดปัญหา
เสียงลดหรือเสียงไม่ดังพอเราสามารถปรับได้ในขณะที่เรายังควบคุมเมาส์ได้อยู่ทำให้ไม่เสียจังหวะในการยิงและมุมมองนะครับ ซึ่งการ Mute ไมค์ของรุ่นนี้ก็คือสามารถพับไมค์ขึ้นเพื่อเป็นการ Mute ได้เลยครับ
ตรงที่ครอบหูตัวนี้ใช้เป็นผ้าตาข่ายร่วมกับฟองน้ำนนะครับ ซึ่งผมที่เคยใช้แบบหนังของรุ่นอื่นมาถือว่าใส่ได้สบายหูมากและไม่มีการอับ และไม่มีการลอกหรือหลุดของตัวหนังด้วยครับแต่เรื่องการเก็บเสียงหนังอาจจะเก็บ
เสียงรอบข้างได้ดีกว่านิดนึงแล้วแต่ความชอบครับตรงนี้ ซึ่งข้างบนที่ข้างบนหัวก็ใช้เป็นผ้าตาข่ายแบบเดียวกันครับ และก็สลักชื่อแบรนด์ไว้บนที่คาดสวยงามครับ
[/
ต่อมาเรื่องประสบการณ์ด้านเสียงนะครับ
เรื่องเสียงของตัวนี้ครับ เราสามารถโหลด driver ของทาง hyperx มาใช้งานเพื่อเปิดระบบ 7.1 ในโปรแกรมนะครับ ซึ่งตัวผมใช้ win10 โหลดจาก microsoft sotre เลยครับ
แล้วกดเปิดใช้งานโปรแกรมเลย
เรื่องเสียงสำหรับการเล่นเกมนะครับ ส่วนตัวผมเล่นพวก RB6 PUBG ประมาณนี้นนะครับ รู้สึกว่าทำได้ทีเดียวในการแยกเสียงไม่มีหลงทางซ้ายขวาครับเสียงชัดมากๆ ว่าศัตรูเดินมาจากทางไหน
เสียงโดรนวิ่งทางไหน เสียงกับดักอะไรแบบนี้ และการที่ตัวหูฟังเป็นไวเลส ก็ไม่ได้ทำให้เสียงดีเลย์มากครับถือว่าทำได้ดี แล้วเสียงของไมค์ก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว ปกติไมค์หูฟังตัวเก่าผมจะตัดเสียงพวกคีย์บอร์ดหรือ
การคลิกเมาส์ไม่ค่อยได้พิมพ์ทีไรมีเสียงเข้าไปแน่นอนเพราะเป็นบูลสวิช แต่ตัวนี้ทำได้ดีครับเงียบกริบเลย แต่ส่วนความใสหรือเพราะของเสียงแน่นอนอาจจะสู้พวกไมค์แยกหรือตั้งโต๊ะไม่ได้ขนาดนั้น แต่ในตัวมันเองผมว่าดีมากๆแล้วครับชอบ
ส่วนเรื่องการฟังเพลงหรือ การดูหนังดูคลิปส่วนตัวผมดูการ์ตูนหรือฟังเพลง
ส่วนตัวเบสไม่ได้ไปทางที่ว่าจัดมากแบบตึบๆๆหูแต่เป็นความกลมที่ดี มันคือหูฟังเกมแหละครับเรื่องตัว 7.1 มันทำได้ดีกว่าในเรื่องเกม
แต่ไม่ผิดหวังนะครับถือว่าทำได้ดีมากๆ
หัวข้อต่อมาในการสวมใส่นะครับ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นนะครับว่าตัวนี้ที่ครอบหูเป็นผ้าตาข่ายซึ่งทำให้ไม่อับและใส่สบายด้วยครับ น้ำหนักไม่เยอะเลยเบาๆมากๆ แล้วด้วยความเป็น ไวเลส จึงไม่สายให้เกะกะเวลาใช้งานสะดวกมากๆครับผมชอบตรงนี้
ผมเปิดคลิปอยู่แต่จะเดินไปเอาน้ำที่ตู้เย็นก็ยังฟังได้อยู่ครับเดินไปเดินมาสะดวกแต่พอเริ่มไกลมากๆเสียงจะเริ่มขาดๆหายๆเป็นปกติครับและตอนใส่ผมก็ใส่แว่นเล่นด้วยนะครับแว่นกรองแสง
ส่วนตัวคิดว่าถ้าเป็นแว่นที่ก้านบางไม่ได้หน้าใส่แล้วไม่รู้สึกปวดนะครับ
แต่พอเป็นกรอบหน้าปุ๊ปใส่ไปสักพักจะปวดทันทีแก้ปัญหาโดยเอาขาแว่นไว้บนที่ครอบหู
ให้มันเฉียงขึ้นไปครับช่วยได้ผมทำบ่อยๆ แต่ถ้าใครขาแว่นบางหละก็หายห่วงได้เลยครับ
แต่ข้อเสียอย่างนึงคือการชาจแบต ซึ่งรุ่นนี้ไม่สามรถเสียบสายต่อได้นะครับ ไวเลสเพียวๆ ถ้าเกตแบตหมดแล้วท่านอยู่คนเดียวก็อาจจะเปิดลำโพงเวลาดูหนังหรืออะไรได้แต่ถ้าท่านเล่มเกม
ท่านอาจจะต้องมีหูฟังไว้เผื่อสำหรับการชาจของมันอีกทีถ้าหมดกระทันหัน แต่ปัญหานี้แก้โดยเล่นเสร็จชาจทิ้งไว้เลยครับ เจ้าตัวนี้เป็นพอท type-c ถ้าใครใช้สมาทโฟนที่มีสาย type-c เหมือนกัน
สามารถนำมาชาจกันได้เลยครับผมลองแล้ว
สรุปนะครับ
โดยส่วนตัวผมว่าเจ้า HyperX Cloud Stinger Core (Wireless + 7.1) ทำได้ออกมาดีสมกับราคาของมันทีเดียวทั้งคุณภาพของเสียง การใช้งานที่เรียบง่ายไม่ยุ่งยาก
สะดวกสบายเพราะเป็น ไวเลส ถ้าใครไม่ชอบหูฟังแบบสายและเสียงที่ดีในงบที่ไม่ไปไกลมากๆเกินไปผมว่าตัวนี้ก็ถือว่าเป็นอีกตัวที่น่าสนใจทีเดียว
ซึ่งเจ้าตัว HyperX Cloud Stinger Core มีทั้งแบบสายและ Wireless
ตามงบนะครับ ซึ่งตัว Wireless ราคาจะอยู่ที่ 2,790 บาท และตัวธรรมดาจะอยู่ที่ 1,690 บาทครับผม ยังไงหวังว่าคนที่อ่านบทความรีวิวนี้จะได้ตัดสินใจกันง่ายขึ้นนะครับไม่มากก็น้อย
ขอบคุณทาง HyperX และทางชมรมคนรัก GamingGear ที่ให้เจ้าตัว HyperX Cloud Stinger Core Wireless มาให้ผมได้ใช้และ unboxกัน
สำหรับวันนี้ผมลาไปก่อนแล้ว สวัสดีครับผม