Announcement

Collapse
No announcement yet.

ขาย Anthem AVM60 Pre-Pro 11.2ch Atmos ตัวจบ สัญชาติฝรั่ง พร้อมไมค์อัจฉริยะ Auto ARC

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • [ขาย] ขาย Anthem AVM60 Pre-Pro 11.2ch Atmos ตัวจบ สัญชาติฝรั่ง พร้อมไมค์อัจฉริยะ Auto ARC

















    ราคานี้ให้ไวจ้า ช้าอด!! Pre-Pro 11.2ch สัญชาติฝรั่ง Anthem AVM60

    ตัวจบสำหรับคนเล่น 11ch. สภาพกริ๊บกล่องครบไร้รอยขนแมว

    ขาย 82,900 ไลน์ไอดี akesudteen14

    จุดเด่น

    - ไมค์ Auto และโปรแกรม Anthem ARC Genesis (เพิ่งปล่อยอัพเดตล่าสุดเมื่อกลางปี) ที่มีความแม่นยำสูงมากน้องๆ DiRac วัดละเอียดถึง 10 ตำแหน่ง ตั้งไมต์กดออโต้ >> เสียงดีเลย

    - True-Balanced XLR Pre-Out ใช้ Premium 32-bit / 768 kHz Differential-Output ทำให้คุณภาพเสียงดีมาก สงัด Noise Floor ต่ำมาก รายละเอียดในการโยนเสียงแต่ละ CH ชัดเจน

    - คุณภาพเสียงที่เป็น The Best สำหรับคอ Cinema ดูหนังสนุกขึ้นแน่นอน ทั้งน้ำหนัก ไดนามิกและรายละเอียดการแพนเสียง แบบ Immersive Sound ที่แท้ทรู

    ------------------------------------------------------------------

    .....................................................................

    รีวิวยาวๆจากเพจ What's that sound ครับ

    Review Anthem AVM60 - Preamplifier Processors

    เราได้อะไรจากการเล่น Pre? ทำไมต้องเล่น Pre-Pro ในเมื่อ AVR ให้ได้ทุกอย่างแล้ว ถ้าติดว่ากำลังไม่พอขับลำโพงก็เอา power มาต่อช่อง preout ก็ได้ ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆ? Pre แผงวงจรนิดเดียวไม่หนัก ทำไมจะยัดรวมในบอดี้เดียวกันร่วมกับ AVR ไม่ได้? คำถามนี้ดังก้องในหัวผมรอบที่ล้านแล

    คำตอบที่ผมคิดขึ้นมาได้คือ ถ้าเราเปลี่ยนลำโพงตัวใดตัวหนึ่งในระบบ เราก็จะได้แค่เสียงเปลี่ยนเฉพาะแชนแนลนั้นๆ หรือถ้าเปลี่ยนซับ ก็ได้แค่ความถี่ต่ำ

    แต่ถ้าเปลี่ยน Pre หรือตัวประมวลผลทั้งภาพและเสียง เสียงจะเปลี่ยนได้หมดทั้งระบบ ตั้งแต่เบส ยันกลาง ยันแหลม ไปจนการแพนเสียง ไปจนบรรยากาศต่างๆ เหมือนเปลี่ยนสมองกล เปลี่ยนความคิดของระบบ นั่นแหละ คุ้มหรือเปล่า แล้วจริงมั๊ย?

    อย่ากระนั้นเลย ตอนนี้เราตัดสินใจยก AVR ตัวเก่าที่ไม่รองรับระบบเสียงสมัยใหม่อะไรเลยไม่ว่าจะ DTS-X, Dolby Atmos อย่าง Harman AVR370 ปลดระวางออกไป และยก Anthem AVM60 มาแทน ไม่ใช่เพราะหวังเรื่องคุณภาพเสียงหรอก (จริงๆก็หวัง) แต่ผมรอและจะอัพเกรดระบบเสียงมานานแล้ว และ "รอ" ให้ทุกอย่างมันค่อนข้างนิ่งก่อน ให้ระบบเสียงต่างๆมันออกมาครบก่อน และนี่ก็เป็นเวลาที่ดีที่จะอัพมาตรฐานในระบบเสียงในห้องเรา เพราะเราต้องทำรีวิวสินค้ามากมาย บางทีต้องทดสอบเสียง ต้องทำการฟันธงว่าแต่ละตัวมันเสียงยังไง ดีหรือไม่ ดังนั้นมาตรฐานของอุปกรณ์ในห้องจึงเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้ (ห้องฟังก็เป็นลำดับถัดไปที่จะปรับปรุง)

    Anthem AVM60

    เป็น Pre-Precessor สัญชาติแคนาดา ภายใต้เจ้าของเดียวกับลำโพง Paradigm โดย Anthem นั้นทำทั้ง Pre ทำทั้ง Power ครบชุด มีไลน์สินค้าครบถ้วนหลายรุ่น แต่วันนี้ขอพูดถึง pre อย่างเดียว power ไว้ว่ากันวันหลัง

    ไลน์ผลิตภัณฑ์ pre ของ Anthem นั้นมีแค่ 2 ตัว เริ่มต้นที่ Anthem AVM60 ที่เราจะพูดถึงกันนี่แหละครับ อีกตัวนั้นเป็นรุ่นแพงของเค้า ที่เราก็ไม่ขอพูดถึงในวันนี้

    ราคาค่าตัว Anthem AVM60 นั้น บ้านเราราคาขายอยู่ที่ 150,000 บาท นี่คือตัวเริ่มต้นของเค้า และไม่มีตัวที่ราคาต่ำกว่านี้แล้วด้วย แน่นอนว่าราคาแพงกว่า AVR ของค่ายญี่ปุ่นตัวท๊อปสองตัวรวมกันซะอีก....... คืองบนี้ซื้อ Yamaha 3060 คู่กับ Marantz 7010 ยังเหลือตังค์ทอนเลยครับท่านผู้ชม อิอิ

    Specification

    Anthem AVM60 นั้นรองรับการประมวลผลทั้งภาพและเสียงที่ 11.2 แชนแนล รองรับระบบเสียง Dolby Atmos และ DTS:X

    ฟีเจอร์เด่นๆอย่างอื่นก็มีดังนี้

    - สามารถรองรับการเซ็ทอัพต่างๆ ได้ถึง 4 ชุด (Speaker Profile Memories) เผื่อเอาไว้ยก Pre เอาไปใช้ในงานต่างๆกัน ใช้กับชุดลำโพงหรือห้องอื่นๆได้ โดยไม่ต้องเซ็ทใหม่

    - ใช้ Quad Core Digital Processing ในการประมงลผลซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันดียังไง

    - ให้ ARC หรือ Anthem Room Correction พร้อมใมค์คุณภาพสูงมาในกล่องด้วย ตัวนี้ก็เหมือนกับพวก YPAO ของ Yamaha หรือ Audyssey ของ Marantz นั่นแหละครับ แต่ต่างกันตรงที่ ARC ของ Anthem นั้นไฮโซกว่าตรงที่ใช้คอมในการเซ็ทอัพและจูนเสียง โดยใช้ไมค์คุณภาพสูงที่ให้มานั้นต่อเข้ากับช่อง USB ของคอม ที่ดาวน์โหลดโปรแกรม ARC เอาไว้แล้ว เสร็จแล้วคอมจะหา Anthem AVM60 ของเราเจอเองแบบไร้สาย (คอมและ Anthem ต้องต่อ wifi อยู่) เสร็จแล้วระบบจะปรับโดยใช้ไมค์ที่ต่อกับคอม และทำการพลอตกราฟลงโปรแกรมในคอม และทำการปรับแต่งให้ตามขั้นตอนครับ ซึ่งเราก็สามารถเข้าไปดึง EQ และปรับค่าอะไรต่างๆได้โดยตรงจากโปรแกรมในคอมเลย ตรงนี้ถ้าเป็น AVR ค่ายญี่ปุ่นจะต่อไมค์กับ AVR แล้วจบ ไม่มี user interface หรือกราฟอะไรให้ดูกันอีกแล้ว

    - ใช้ Premium 32-bit / 768 kHz DAC

    - รองรับ 4K และ High Dynamic Range (HDR)

    - มี DTS Play-Fi ให้มาด้วย สามารถเล่นเพลง ฟังวิทยุได้โดยมีคุณภาพสูงกว่า internet radio และดีกว่าช่องทางอื่นๆ

    ตัวนี้ข้อเสียคือไม่มี ฺBluetooth และก็พวกฟีเจอร์ต่างๆอาจจะไม่เยอะหรือหวือหวาเท่าปรีฝั่งญี่ปุ่นนะครับ

    แนวเสียง Anthem AVM60

    Anthem ก็คือ Anthem แนวเสียงพูดให้เข้าใจง่ายๆสามคำจบก็คือ "แนวดูหนัง"

    แนวเสียง ชัด สด รายละเอียดสูง เบสหนัก แพนเสียงรอบตัวดี แยกแยะรายละเอียดต่างๆดี ด้วยแนวเสียงที่เกือบจะครบเครื่องทุกอย่างแบบนี้เราไม่ค่อยเห็นใน pre หรือแม้แต่ AVR ฝั่งญี่ปุ่นตัวไหนเลยก็ว่าได้ ส่วนใหญ่เราจะได้อย่างเสียอย่าง คือถ้าได้รายละเอียด ก็จะเบสไม่หนัก หรือเบสหนักก็จะเสียงจัดไป หรืออย่างมากก็บาล้านทุกๆอย่างมา แต่ไปไม่ค่อยสุด

    แนวเสียงแบบ Anthem นี้ ถ่ายทอดกรรมพันธ์ DNA มาเหมือนกันหมด ทั้ง AVR ของเค้าซีรี่ย์ MRX และใน pre ก็เป็นแนวเสียงเดียวกันหมด แนวเสียงแบบนี้ ถ้าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีอายุหน่อย ก็อาจจะไม่ชอบ เพราะว่ามันจะหนัก และสดเกินไป เพราะผมได้ยินผู้ใหญ่หลายท่านบ่นว่า มันไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนทางฝั่งญี่ปุ่น

    ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่ชอบครับ แต่ Anthem เค้าจะแนวนี้อยู่แล้ว ถ้าชอบฟังสบายผมแนะนำให้ผ่านไปดูตัวอื่นแทน

    ทีนี้เพื่อความง่าย ผมจะขออธิบายแนวเสียงของ AVM60 ในแต่ละแง่มุม เทียบกับแนวเสียงของ AVR ญี่ปุ่นค่ายต่างๆ เพื่อคนอ่านที่ใช้ AVR ค่ายนั้นๆเข้ามาอ่าน และกำลังตัดสินใจจะเปลี่ยนจาก AVR มาใช้ Anthem AVM60 จะได้เกิดความเข้าใจง่ายและเห็นภาพ โดยทั้งนี้ผมจะเปรียบเทียบกับ HarmanKardon AVR370 ตัวเก่าที่เราใช้ด้วย และเราจะไม่เปรียบกับ pre ค่ายอื่นในราคาใกล้เคียงกันนะครับ เพราะรีวิวนี้เรารีวิว Anthem AVM60 ตัวอื่นเราจะยังไม่พูดถึง

    ซึ่งเอาจริง ในราคานี้ตัวเปรียบก็มีตัวเดียว (Marantz 8802) และนี่ก็เป็น pre ค่ายฝรั่งตัวเดียวในราคานี้ด้วยในท้องตลาดที่มีให้เล่น

    1. รายละเอียด

    Anthem AVM60 เป็น pre ตัวนึงที่ให้รายละเอียดต่างๆ เสียงเล็กเสียงน้อยได้พรั่งพรูมากที่สุดในตลาดเมื่อเทียบกับ pre อื่นๆ หรือแม้แต่ avr ที่เคยฟังมา เอาง่ายๆ นาทีแรกที่คุณยก pre / avr ตัวเก่าออก แล้วเอา AVM60 มาเสียบ แล้วลองเปิดฟังเสียงแค่นาทีแรก แค่นี้ก็รับรู้ได้ถึงความแตกต่างแบบมหาศาลแล้ว

    ไม่ต้องฟังแบบจับผิดอะไรเลย ไม่ต้องเพ่ง ไม่ต้องสังเกต แค่ฟัง.....

    รายละเอียดที่ว่าผมหมายถึง ดีเทลต่างๆของหนัง ความสงัด เสียงกร้อบแกร้บๆเวลาฉากทีตัวละครในหนังทำอะไรสักอย่างเงียบๆ มันได้ชัดมาก

    ถ้าเทียบกับแนวเสียง AVR ที่ผมเคยฟังมา ผมคิดว่ารายละเอียดที่ผมเคยฟังและใกล้เคียงตัวนี้มากที่สุดคงหนีไม่พ้น Yamaha ผมจำความรู้สึกครั้งสุดท้ายที่รีวิว Yamaha 3050 เมื่อปีที่แล้วได้ รายละเอียดกรุ๊กกริ๊กๆ ของหนังเล็กๆน้อยๆที่ได้ยินมนัรู้สึกว่ามาเยอะดี แต่อันนั้นพอฉากแอคชั่นปุ๊ป เราจะรู้สึก ทำไมเบสบางๆ

    AVM60 เอาง่ายๆ เรื่อ Man of Steel ฉากสู้กันที่มีกระจกแตก ฉากนั้นของเดิมผมใช้ HK AVR370 กระจกแตกก็เพล้งออกมา แต่พอใช้ AVM60 ฉากกระจกแตกมันพรูสาดเข้ามาหล่นตรง teen ที่โซฟา บางฉากสาดพุ่งมาเข้าหน้าเลยก็มี

    เทียบกับแนวเสียง AVR

    แย่ที่สุด : Harman AVR370

    ดีที่สุด : Yamaha Aventage 30x0

    AVM60: ทำได้ดีกว่า Yamaha Aventage 30x0 ไปอีกหลายสเตป

    2. การแยกแยะตำแหน่งเสียง และบรรยากาศรอบๆตัว

    ในส่วนของบรรยากาศรอบๆตัวนั้นตัว AVM60 ขอบอกสั้นๆว่า เพิ่งรู้สึกว่าลำโพงเซอร์ราวด์มีประโยชน์มากพอๆกับลำโพงหลักก็วันนี้แหละ มันเหมือนปลุกชีพให้ลำโพงเซอราวด์ในห้องกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผมไม่ทราบว่ามันทำยังไง แต่ลำโพงเซอราวด์ผมทำงานเยอะกว่าเดิม เสียงชัดกว่าเดิมมาก เสียงกร้อปแกร้ปๆ เสียงลม เสียงลูกกระสุนพุ่งเฉี่ยวหู เสียงดนตรีที่เป็นฉากเสริมอย่างเช่นเรื่อง 300 ภาค2 ดังและชัดและ clear ได้ยินรายละเอียดแม้แต่เล็กๆน้อยๆจนหมดสิ้น ถ้าคุณเป็นคนชอบเสพย์เสียงเล็กเสียงน้อย ชอบเสพย์บรรยากาศลม ฝน เสียงสนทนาของผู้คน ตัวนี้ทำได้ดีมากครับ

    ในส่วนของรายละเอียดรอบๆตัวนั้น ตรงนี้ต้องบอกว่า AVM60 ทำหน้าที่แยกแยะตำแหน่งเสียงในแต่ละ layer และแยกเสียงที่ออกมาพร้อมๆกันได้ดีเช่นกัน ยกตัวอย่างหนังที่มีรายละเอียดเสียงเยอะๆ เราอาจจะได้ยินเสียงปืน ได้ยินเสียงดนตรีประกอบ และได้ยินเสียงสนทนา และได้ยินเสียงลูกกระสุนหลายสิบลูกวิ่งผ่านหน้าไปพร้อมๆในวินาทีเดียวกัน AVM60 แยกแยะตำแหน่งของวัตถุแต่ละขิ้นได้แม่นยำ และชัดเจนว่า "อะไรมันเกินตรงไหน" และไม่มั่ว ไม่เป็นปื้นๆเป็นก้อนๆ อยู่ใกล้ๆ เหมือนอย่างที่เคย ตรงนี้ภาษาเทคนิคเค้าเรียก Immersive Sound

    ตรงจุดนี้ผมว่านี้คือความคุ้มค่าต่อราคาค่าตัวของ AVM60 ที่สุด ดูราคา อือ.....โอเคแพง แต่พอสัมผัสความรู้สึกตรงนี้แล้วเรารู้สึกว่า ไอ้ที่จ่ายไปแพงๆนั้น มันคุ้มก็ตรงการแยกแยะตำแหน่งเสียงได้อย่างน่าอัศจรรย์เนี่ยแหละ

    จะยกตัวอย่างฉากกระสุนปืนลูกซองที่พุ่งมาเข้าหน้าของหนังบางเรื่อง แต่เดิมนั้นลูกซองก็ตูมแล้วก็ฟุบมาเข้าหน้า แต่ AVM จะให้เสียง ตูมและพุ่งมาตรงหน้าและรู้ว่ากระสุนนั้น "มันกระจาย" อยู่เต็มแผงหน้า คือกระสุนมันไม่ได้เกาและแต่ละเม็ดได้ยินรายละเอียดและรู้สึกว่ากระสุนไหนเข้าเป้า ไม่เข้าเป้า ฟังดูเหมือนเว่อร์ แต่มันรู้สึกได้เช่นนั้นครับ

    เทียบกับแนวเสียง AVR

    แย่ที่สุด : Harman AVR370

    ดีที่สุด : Yamaha Aventage 30x0, Pioneer LX8x

    AVM60: ทำได้ดีกว่า Yamaha Aventage 30x0 ไปอีกหลายสเตป

    3. น้ำหนักเสียงเบส

    ในส่วนของความกระแทกกระทั้น เสียงเบส เบสคุณภาพที่ให้เสียงกระชับ ไม่ใช่บวมๆกลวงๆนั้น อันนี้ AVM60 แพ้อยู่ตัวเดียว นั่นคือ Harman AVR370 ซึ่งตรงนี้ก็ต้องบอกว่าต้องให้ AVR370 เค้า เพราะมันทำมาดีอย่างเดียวจริงๆ นั่นคือเบส อย่างอื่นแย่หมด สไตล์อเมริกันเบสไม่แพ้ใครอยู่แล้วครับ

    ตัว AVM60 ให้น้ำหนักเสียงเบส ให้แรงกระแทก ถ้าเทียบกับ AVR แบรนด์ญี่ปุ่นด้วยกันทุกตัว ผมกล้าพูดว่า ดีกว่า AVR ทุกตัวของญี่ปุ่นครับ ถ้าคุณเคยเล่นค่ายญี่ปุ่นมาก่อนแล้วมาใช้ AVM60 ตรงนี้คือการพัฒนาครั้งมโหฬาร เสียงเบสที่คุณได้ยินมันช่างตื่นตาตื่นใจเสียเหลือเกิน และไม่ใช่แค่เสียงเบส เสียงกลางต่ำไปจนถึงเบสต้นๆก็กระแทกมากๆสะใจโจ๋เหลือเกิน คุณจะไม่เคยได้ยินเบสแบบนี้แน่นอนใน AVR ญี่ปุ่นตัวไหน โดยเฉพาะกับ Yamaha เมื่อเทียบกันแล้วแนวเสียงเบสต่างกันฟ้ากับเหว

    ฉากในหนัง Man of Steel ฉากที่ต่อสู้กัน แล้ว Superman ต่อยอัดไปที่ตัวร้าย เสียง effect น้ำหนักหมัดมันโครมสะใจดีมาก ถ้าจะหา pre ที่ให้ความสะใจในการดูหนังแอคชั่นที่ดีกว่านี้ในราคาพอๆกันนี้หรือต่ำกว่า บอกตรงๆว่าผมนึกไม่ออก จะมีก็แค่ตัวเดียวนั่นคือ Harman แต่รายนี้เค้าออกจากวงการ AVR และหยุดพัฒนาไปแล้ว เสียงย่านอื่นๆเช่นกลาง แหลมก็ไม่เอาอ่าวเอาทะเลเลย เบสเต็มทั้งเรื่องไปหมด เหมือนประมาณว่าภาคประมวลผลของ Harman มองสัญญาณอะไรที่เข้ามาแล้วก็จับโยนไปเป็นย่านเบสหมด รายละเอียดจุ๊กๆจิ๊กๆ ถูกแปลงไปเป็นเบสหมด

    เทียบกับแนวเสียง AVR

    แย่ที่สุด : Yamaha Aventage 30x0

    ดีที่สุด : Harman AVR370

    AVM60: ทำได้ดีกว่า AVR และ Pre ทุกตัวในตลาดที่ราคาเท่ากันหรือต่ำกว่า

    แต่ทำได้ด้อยกว่า Harman ในแง่ปริมาณเบส แต่แยกแยะและให้ปริมาณเบสคุณภาพได้สมจริง และดีกว่าในย่านอื่นๆ

    4. ความสมจริง

    การแยกแยะเสียงหนักเบา การให้เสียงที่เหมือนเหตุการณ์จริงตรงนี้ผมค่อนข้างตกใจเล็กน้อยตอนที่เปิดดูครั้งแรก มันดูสมจริง เสียงต่างๆที่เคยได้ฟังใน avr ตัวอื่น พอมาฟัง AVM60 แล้วรู้สึกโทนเสียงมันต่างออกไปเล็กน้อย ไม่ว่าจะเสียงปืน เสียงสนทนา ความสงัด รายละเอียด

    เช่นฉากกระจกแตก อันนี้จะเห็นชัดที่สุด ลองไปฟังดูเราจะรู้สึกว่า เฮ้ย เสียงมันไม่เหมือนเดิม มันเหมือนจริงมาก หรือฉากเสียงปืนใน 13 days เสียงก็ดูแน่นและสมจริง จากแต่ก่อนอาจจะตูมดังๆ เบสเยอะๆ ทุ้มๆ แต่ AVM60 อาจจะเบสๆไม่เยอะเท่า แต่มันแสดงรายละเอียดของย่านอื่นได้ดีกว่า สมจริงกว่า ฟังแล้วเรารู้สึกว่า เหมือนเราไปอยู่ในฉากนั้นๆร่วมกับตัวละครในหนัง เหมือนไปยืนอยู่ข้างๆปืนที่ถูกยิงออกไปจริงๆ

    ในส่วนของบทสนทนาก็มีการพัฒนาไปในทางที่ดี

    AVM60 ให้รายละเอียด โทนเสียงใกล้เคียงกับการเข้าไปดูหนังโรงได้มากที่สุดตัวนึงแล้วครับ ในโรงดีๆ เราไม่รู้สึกว่าเบสมันเยอะหรือเสียงมันจัดไป และที่สำคัญเสียงมันก็ไม่ได้แอคชั่น มัน ดุกันทุกฉาก ฉากที่เงียบๆมันก็ให้รายละเอียด ฉากแอคชั่นค่อยมาดังและโหม ความรู้สึกแบบนี้มีมาให้เห็นอีกครั้งใน AVM60

    ยกตัวอย่างเช่น Madmax ในหนังฉากที่ตัวพระเอกมันคุยกับสาวๆในทะเลทราย ฉากที่เอาหน้ากากครอบหน้าออก ฉากนั้นได้ความรู้สึกว่าหนังมันสงัดขึ้น เงียบกริ๊ปเหมือนไม่ได้เปิดหนัง บทสนทนาได้ยินเหมือนตัวละครพูดกันใน level ความดังปกติที่คนพูดกัน เสียงพูดชัด clear

    ฉากหลังได้ยินเสียงทรายในทะเลทรายปลิวไปเป็นระยะๆ แต่พอฉากเข้า action โทนเสียงและ level ความดังของเสียงพูดก็แปรเปลี่ยนไปตามที่หนังบันทึกมา ฉากตะเบ็ง ฉากแอคชั่น level เสียงความดังของดนตรีประกอบมันโหมขึ้นได้ในระดับที่หนังที่ดีควรจะเป็นเช่นนั้น ไม่เหมือนกับ AVR370 เดิมที่เคยใช้ ที่โทนเสียงความแตกต่างของ level เสียงในฉากปกติและฉากแอคชั่นนั้น ไม่ค่อยต่างกันเท่าไร่

    เทียบกับแนวเสียง AVR

    แย่ที่สุด : Harman AVR370

    ดีที่สุด : Marantz 7010, Denon X series

    AVM60: ทำได้ดีกว่าทุก AVR แต่เมื่อเทียบกับ pre ในระดับราคาเดียวกันก็มีตัวที่ทำได้ดีพอๆกัน

    5. ความสด ความเฟี้ยวฟ้าว ความมัน

    ตรงนี้ความสด ผมคิดวาคงอยู่ที่เราเอาไปจับกับลำโพงอะไรด้วย ซึ่งส่วนตัวผมเอาไปจับกับ Klipsch RP-280F, RC-62 II, Emotiva XP3,5 โทนเสียงผมว่าบาล้านมาดีมากกกกกๆๆ คือไม่สดจนแสบหู และก็ไม่ทึบจนขาดรายละเอียด แต่ที่แน่ๆโทนเสียงไปทางดุดัน ไม่นุ่มแน่นอน เสียงขึงขัง จัดจ้าน เสียงทุกย่านออกมาพอดีๆกันหมด ย่านสูงไม่ล้ำนำหน้าย่านอื่น ฟังแล้วสบาย จะมีในบางฉากเท่านั้นที่รู้สึกว่าแหลมมันสด และล้ำหน้าไปนิด แต่ยอมรับได้ครับ เพราะลำโพงที่เราใช้ก็สด และ power amp ที่เราใช้ก็สด ถ้าปรับจูนหรือเปลี่ยนอุปกรณ์อื่นๆในระบบคงจะช่วยได้ แต่จะว่าไปยรรยากาศการดูหนังนั้น เสียงแนวนี้ผมว่าดีแล้ว ไม่จัดไป ไม่ทึบไป ถ้าเทียบกับ pioneer อันนั้นเสียงจะสดกว่านี้ครับ แต่ในย่านเบสและกลางก็จะไม่สมดุลขนาด AVM60

    และส่วน Onkyo รหัสเลข 3 หลักเช่น 656, 646, 1030, 3030 อันนั้นก็ติดนุ่มนวลเกินไป ฟังแล้วน่าจะเหมาะกับซิสเต็มฟังเพลงดูหนังเรื่อยๆมากกว่า

    เทียบกับแนวเสียง AVR

    แย่ที่สุด : Onkyo TX-NRxxx

    ดีที่สุด : Pioneer LX series

    AVM60: ทำได้ดีกว่าทุก AVR แต่แพ้ Pioneer LX แต่ความสมดุลของย่านเสียงต่างๆนั้น AVM60 ถือว่าทำได้ดีและน่าฟัง และถ้ายังไม่พอใจก็น่าจะปรับได้ใกล้เคียงกับ Pioneer

    6. การฟังเพลง ความเป็นดนตรี

    ตรงนี้ขอบอกว่าการฟังเพลงออกจะติดแข๊งๆ และเบสเยอะๆหน่อย ตามสไตล์ของ Pre ที่ดูหนังดี และเมื่อเทียบกับการฟังเพลงจาก Pre หรือ AVR ตัวอื่นแล้ว ผมไม่สามารถพูดได้เลยว่า AVM60 ทำได้ดีกว่า คือความนุ่มนวล จังหวะจะโคน หรือความเป็นดนตรีนั้นอาจจะด้อยกว่า AVR ค่ายญี่ปุ่นอย่าง Marantz, Onkyo เสียด้วยซ้ำ

    ยกเว้นว่าเอามาฟังเพลงร๊อคหรือเพลงประเภทเครื่องดนตรีสังเคราห์ หรือเพลงเต้นรำ ที่พอจะฟังดีขึ้นมาบ้าง

    เทียบกับแนวเสียง AVR

    แย่ที่สุด : Harman AVR370

    ดีที่สุด : Denon Xseries, Marantz x010

    AVM60: ทำได้ค่อนข้างมาตรฐานค่อนไปทางต่ำกว่ามาตรฐานเล็กน้อยเมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไปแล้ว มันน่าจะทำได้ดีกว่านี้ครับ ถ้าเทียบกับ AVR ก็ยังพอทนได้ แต่ถ้าเทียบกับ Intrgated Amp แล้วละก็ ขอบอกว่า AVM60 แพ้อยู่หลายขุมเลยทีเดียว

    Pre ตัวนี้เหมาะกับใคร

    เราอยากให้คุณตัดสินใจให้ดีๆ เพราะการเดินเข้ามาและเลือกใช้ pre นั้น มันย่อมหมายความว่าคุณต้องลงทุนเพิ่มมากขึ้นอีกเยอะ กับเสียงที่ดีขึ้น ลองถามตัวเองว่า คุ้มมั๊ยกับสิ่งที่ได้เพิ่มเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดเสียง บรรยากาศรอบตัว เบส และความสนุกในการดูหนัง ลองเลื่อนขึ้นไปอ่านหัวข้อด้านบนสักนิด ก่อนตัดสินใจ เพราะไม่แน่ว่า AVR หรือ pre ตัวเก่าของคุณ อาจจะทำได้ในบางแง่มุมได้ดีกว่า และแง่มุมนั้น มันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ของคุณก็ได้

    แต่โดยรวมแล้ว AVM60 สำหรับผม ถือว่ายกระดับเสียงในหลายๆด้านในอย่างสมดุล ไม่ว่าจะเป็นเบส บรรยากาศ การแยกแยะรายละเอียดเสียง ซึ่งต้องยอมรับว่ามันทำได้ดีจริง

    ถ้าคุณชอบดูหนัง ชอบเสียงสไตล์แน่นๆ แนวหนักๆ ชอบรายละเอียดเยอะๆ

    และคุณฝันอยากได้จะบรรยากาศในการดูหนังดีๆของ Yamaha มาผสมกับเบสของ HarmanKardon และก็ยังอยากได้ความสดของการดูหนังที่สุดจะมันของ Pioneer

    AVM60 มันเอาทุกอย่างมาไว้ในเครื่องนี้จริงๆ แนวเสียงแบบนี้ คุณชอบมั๊ยต้องลองถามใจตัวเองดู ผมตอบแทนคุณไม่ได้ แต่คุณต้องตัดสินใจเอง

    ข้อดี

    1. ให้รายละเอียดเสียงที่ดีมากกๆๆๆๆ การแยกแยะวัตถุแต่ละชิ้น เสียงแต่ละเสียงที่เกิดขึ้นรอบๆตัว เบสที่หนัก แรงกระแทก อิมแพคก็มีให้แบบถึงตัว รายละเอียดเสียง กลาง แหลม ก็สมดุลกันดี โดยรวมแล้วดูหนังสนุก ดุดัน

    2. ใช้คอมพิวเตอร์ในการเซ็ทอัพ และให้ไมค์ที่คุณภาพดีระดับนึงมาให้ใช้ โปรแกรม ARC ที่ใช้จูนเสียงนั้น ดีและละเอียดระดับนึงเลย

    ตัวนี้สามารถจูนกราฟแบบละเอียดแยกแต่ละแชนแนลได้เลย ว่ากราฟเสียงของลำโพงต่างๆของเราตัวไหนมีย่านไหนที่ดรอป เป็นหลุมลงไปบ้าง และมีย่านไหนโด่งขึ้นมา

    มันทำให้เราเห็นภาพชัดเจนว่าเราขาดย่านไหน เช่น Subwoofer เราจะเห็นว่าย่านไหนหาย ตรงนี้สำคัญมาก เพราะเราสามารถจูน eq เพื่อดึงมันขึ้นไปได้ในระดับนึง

    ซึ่งโปรแกรมจะคำนวณและปรับให้แบบออโต้ด้วย โดยจะพล๊อตกราฟอุดมคติที่ดีที่สุด ที่ควรจะเป็นมาให้ดูว่าเป็นแบบไหน และของเราสามารถปรับขึ้นไปได้แค่ไหน

    ซึงก็ไม่ 100% หรอกครับ แต่มันก็ทำได้ดี ทีนี้เราก็สามารถรู้และดึง eq หรือใช้อุปกรณ์มาปรับเพิ่มเองได้

    3. มี DTS Play-Fi มาให้ด้วย ตัวนี้คือตัวที่ใช้คอนเนคกับมือถือและเล่นเพลงจากสถานีต่างๆได้คล้ายๆ Internet radio แต่คุณภาพเสียงดีกว่า มีเพลงให้เลือกตามแนวเพลงที่เราชอบ และมีค่ายเพลงไทยให้ฟังด้วย
Working...
X