วันนี้ขอเล่าสองเรื่องเลยละกันครับ
ควบสองไปเลย แต่ชิ้นที่สองนี่เป็น rare item จริงๆครับ
คือหายากมากในเมืองไทย เพราะยังไม่วางขายจ้า

ใครที่พึ่งไปงาน BAV มาก็จะไม่พบในห้องของร้าน Hi-end Audio นะครับ
เนื่องจากข้าพเจ้าได้ขอยืมตัวเดโมกลับมาทดสอบก่อนงานจะจัดครับ อิอิ
ทำให้ทางร้านไม่มีลำโพงชุดนี้นำออกไปให้ได้ทดสอบกันครับ (เอ้า ฮา)
มาลองดูกันก่อนครับว่า Focal Book หน้าตาเป็นอย่างไร บอกได้ว่า เกินคาดแน่นอนครับ

ทางร้านใส่กระเป๋าโดยเฉพาะมาให้เลยครับ
แต่ผมอยากจะบอกว่า เค้าไม่แถมนะครับ
แล้วก็ไม่แน่ใจด้วยว่ากระเป๋านั้นมีขายไหม แต่คุณภาพกระเป๋านั้นดีแน่นอน

ด้านบนมีสองซิบนะครับ ช่องนึงใส่เจ้า XS Book
ส่วนอีกช่องมีไว้สำหรับใส่ notebook ตัวเก่งของท่านครับ

ช่องสำหรับใส่ notebook

และช่องสำหรับใส่ XS Book ซึ่งใส่ได้พอดีและแน่นมากๆครับ

ลองดูหน้าตาอันสวยงามนะครับ เรียบหรูดูดี
และผมว่ามองๆไปมันก็คล้ายๆหนังสือจริงๆครับ
ได้ชื่อว่า Focal XS Book ก็ไม่แปลกครับ

เปิดหน้ากากมาชมหน้าตาด้านในกันซะหน่อย
ดอก Mid-Bass ขนาด 4นิ้ว สร้างเสียงได้ใหญ่โตและเต็มพื้นที่

ดอก tweeter มีตัวปกป้องกันกระแกเอาไว้ ถึงจะมีตัวป้องกัน แต่ก็ควรระวังไว้ด้วยนะจ๊ะ

ด้านล่างมียางรองมาให้เรียบร้อย บอกไว้ก่อนว่าเหนียวหนึบล่ะครับ
วางแล้วนิ่งมั่นคงแน่อนจ้า แถมยังเชิดลำโพงขึ้นยิงเข้าหูเราอีกตาหาก

Port ด้านหลังครับ
โดยลำโพงตัวหลักจะมี input เป็น 3.5mm และ RCA ครับ พร้อมทั้งช่องเสียบสายไฟ
และด้านบนสุดคือรูเสียบสายลำโพงไปยังลำโพงอีกตัวครับ

สายไฟ สายลำโพง และสายสัญญาณแบบ mini to mini
ซึ่งสายสัญญาณมีคุณภาพดีพอสมควรเลยครับ ไม่ต้องไปหามาเปลี่ยนนะเปลืองเงินครับ
====================================
ผมต้องบอกไว้เลยว่าเจ้า XS Book เนี่ยคือลำโพง near field ตัวจริง
เอาไว้ฟังหน้าคอมตัวจริง สิ่งที่ผมได้พบจากการนำเจ้า XS Book มาทดสอบ
ต้องบอกว่าสิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ มันเปลี่ยนโต๊ะคอมผม (ซึ่งมีสภาพรกรุงรังไม่น่าดูมากๆ)
ให้กลายเป็นเวทีอย่างแท้จริง คือทั้งโต๊ะจะถูกปกคลุมไปด้วยอารมณ์แห่งเสียงเพลง
คือเสียงมันจะคลุมไปทั่วๆโต๊ะเลยล่ะครับ
ไม่ได้โม้นะ แต่อยากให้ไปลองกันดูก่อนครับว่าของเค้าดีจริงๆ
ถ้าเป็นสมัยผมยังเล่นลำโพงมัลติมีเดียล่ะก็ ผมไม่สน S530D แล้ว
ผมสอย Focal XS Book + Musiland 03 US ล่ะ ถึงจะแพงกว่าหน่อย แต่เสียงดีกว่าเยอะเลย
สาย mini to mini ที่ให้มาก็มีคุณภาพดีพอสมควรเลยครับ เรียกว่าไม่ต้องหาเปลี่ยนหรอก
เข้ากันดีอยู่แล้วด้วย แค่หา DAC ในงบซัก 5k-10k มาเข้าคู่กันไม่ให้มันน้อยหน้าเจ้านี่หน่อย
จะดูหนังหรือฟังเพลงในระยะ***ง1เมตร รับรองหาอะไรมากินยากละครับ
เสียงยังคงความเป็น Focal XS Series อยู่ แนวเสียงคล้ายๆ Focal XS 2.1 มากๆ
ความต่างกันอีกนิดหน่อยคือ XS Book มันไม่ค่อนขี้ฟ้องครับ
แหลมอาจจะไม่สุด หางเบสอาจจะสั้นไปหน่อย
แต่ผมได้ทดสอบเจ้านี่แบบเบินแล้ว โดยรวมเรียกว่าแจ่มแจ๋วเลย
ไม่มีอาการพุ่งหรือจัดใดๆทั้งสิ้น ขนาดผมจับคู่กับ Audio-GD NFB11 ซึ่งขี้ฟ้องพอตัว
สายสัญญาณก็ใช้ที่แถมมากับ Focal Bird นั่นแหละ
โดยต้นทางก็ยังคงเป็น Musiland 01 + สาย coax บ้านๆพื้นๆอยู่ ไม่ได้ใช้ Black Cat เน้อ มันจะเว่อไป
เสปคคร่าวๆนะครับ
Type: 2-way bass-reflex active loudspeaker
Drivers: Polyglass 4" midbass 19mm Aluminum tweeter
Frequency response (+or-3dB): 50Hz ? 22kHz
Low frequency point: 44Hz
Crossover frequency: 3,000Hz
Dimensions (HWD): 11" x 4.5" x 7.875"
Net weight: 11lbs.
จะเห็นว่า Driver ใหญ่ 4นิ้วนี่ได้เปรียบมาก เพราะสร้างเสียงใหญ่ๆได้ดีจริงๆ
ถึงเบสจะลงได้แค่ 50Hz แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะมันคือ 2.0 ลงได้ 50Hz มันก็มาตรฐานอยู่แล้ว
ดูหนังยังสนุกเลย ไม่ต้องลงถึง 20Hz หรอกครับ
ผมเทสด้วยเพลงบรรเลงจากวง symphonic wild band นะครับ
เนื่องจากเครื่องดนตรีเยอะ มันจะต้องใช้ศักยภาพของลำโพงค่อนข้างเยอะ
โดยแทรคที่ใช้ประจำคือ
Dvorak Symphony No.9 in E minor, op.95 'From the New World' - I. Adagio - Allegro molto
ลองหาฟังกันดูครับ รายละเอียดเยอะมาก แต่เป็นบทเพลงที่มีเนื้อหาค่อนข้างน่าติดตาม และมีช่วงทำนองที่สวยงามครับ

แวะคั่นรายการซักแป็บมาชมรูปกัน หน้าตาเทียบกันระหว่าใส่หน้ากากและถอดหน้ากากออก
เสียงสูงใสกังวาลปิ้งๆเลยล่ะ แต่หางเสียงจะไม่ทอดตัวยาวแบบไกลๆนะครับ
คงเป็นผลมากจาก tweet แบบ Aluminium ส่วนเสียงต่ำนี่ไร้ที่ติเลย ใครอยากฟังเพลงมันส์ๆ
จัดได้ทันที แต่ขอ DAC หรือ Sound Card ที่ให้เสียงพุ่งๆ จัดๆหน่อย รับรอง มันส์แน่นอนครับ
ฟังไปฟังมาแอบเสียดายนิดนึง คือตอนนี้โต๊ะคอมผมตอนนี้ไม่มีฉากด้านหลัง
คือวางแล้วมันโล่งๆด้านหลัง ดังนั้นเวทีด้านลึกจะทดสอบไม่ได้เลย
เพราะมันไม่ได้ตัวสะท้อนเสียงออกมาให้ แต่เสียงตรงกลางระหว่างสองลำโพงก็ไม่หายไปนะครับ
ยังมีโฟกัสที่นิ่งอยู่ ไม่เบลอแต่อย่างใด ลำโพงตัวนี้ฟังยิ่งใกล้ยิ่งเพราะอะ ฟังแบบประชิดเลย
คือทำท่าเหมือนสมัยเรียนมัธยม คือเอามือสองข้างวางบนโต๊ะ แล้วเอาคางไปพสดไว้บนแขนสองข้าง
คล้ายๆท่าที่เวลาเราเรียนแล้วหลับฟุบคาโต๊ะกันนั่นน่ะแหละครับ ฟังแบบนี้แจ่มมากครับ
ระยะ***งประมาณ 30cm ได้อารมณ์มากๆครับ แต่เวลาฟังจริงคงไม่มีใครทำแบบนี้กัน
เป็นลำโพงที่ฟังเบาๆก็ชัด ฟังดังๆก็ไม่เบลอ เอาเพลงบรรเลง classic มาทดสอบมีครบทั้งดังและเบา
ใช้ฟังเพลงนี่เรื่องเบสไม่มีปัญหาเลย คุณภาพมากๆ แต่เสียงทิมปานีหางเสียงแอบสั้นไปนิด
ตอนฟังถ้าใส่หน้ากากผ้า เสียงจะนุ่มละมุนขึ้นนิดหน่อยนะครับ
XS Book ค่อนข้างจู้จี้เรื่องการจัดวางมากครับ เรียกว่าตั้งให้ดีดีเสียงก็ดี
ถ้าตั้งไม่ดี เสียงก็ไม่ค่อยดีล่ะครับ ดังนั้นในจุดนี้ก็ต้องใส่ใจกับ XS Book หน่อยครับ
ลำโพงตัวนี้ห้าม toe-in เยอะนะครับ ไม่งั้นเสียงอู้อี้แน่นอน
และระยะ***งที่ผมแนะนำคือ 1เมตรจริงๆครับ ฟัง***งกว่านี้จะสู้ไม่ได้ล่ะครับ
เจ้า XS Book เรียกว่าครบเครื่องครับ ฟังได้หลายแนว
แต่เพลงร้องแบบนางร้อง (ผู้หญิงร้อง เสียงจะบางไปหน่อย) แต่ถ้าเป็นนายร้อง จะไม่มีปัญหา
ตรงนี้อาจจะแก้ที่การเลือก DAC ไม่ก็สายสัญญาณ เพราะ DAC ของผมเสียงมันก็บางนิดๆครับ
มาถึงบทสรุปแล้วว่าเจ้า XS Book มีดีอยู่แล้วครับ แต่ขอต้นทางดีดีหน่อย
เช่น DAC ในราคา 5k-10k จับคู่ให้ดีดีไปได้ไกลเลยครับ
เรียกว่า Bose M2 มีสั่นๆหนาวๆล่ะ ส่วน C20 หลบไปแน่นอน (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)
อ่านมาจนจะจบแล้ว มีใครสงสัยไหมว่าปุ่มเปิดปิดและตัวปรับวอลุ่มอยู่ไหน

มันอยู่ด้านบนของลำโพงตัวหลักครับ
เปิด/ปิด โดยการกดปุ่มวงกลมนี้
และยังทำหน้าที่เป็นวอลุ่มแบบ Digital ด้วยครับ
อยากได้มากขึ้นหรือน้อยลงก็หมุนเอาเลยครับ
และนี่คือข้อเสียใหญ่ๆข้อนึงของเจ้า XS Book ครับ
คือมันไม่มีรีโมทไร้สาย เพราะค่าตัวระดับนี้ก็น่าจะมีได้แล้ว(มั้ง)
แต่ไว้ฟัง Near Field ก็คงไม่จำเป็น (คิดในอีกแง่มุมนึง)
แถมให้อีกนิดครับ เจ้า XS Book เนี่ย
มีความสามารถในการสำรองไฟไว้ได้ประมาณ 1-2 วินาทีครับ
คือถ้าไปดับไปตก ตัวลำโพงยังไม่ดับครับ
มันสำรองไฟให้จ้า ผมแอบไปลองเล่นมาครับ
โดยการปิดสวิชปลั๊กรางไป1-2วิ มันยังไม่ดับครับ
ใครสนใจก็ลองเข้าไปขอลองฟังหรือโทรไปสอบถามที่ร้าน Hi-end Audio มาบุณครอง ชั้น5 ก่อนได้เลยครับ
หรือติดต่ออีกช่องทางได้ที่ http://www.hienaudio.com/index.php
ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าทางร้านจะวางจำหน่ายเมื่อไหร่
แต่ถ้าไปลองฟังแล้วชอบก็จองไว้เลย (แอบเชียร์ออกนอกหน้า >.<)
วันนี้ขอลาไปก่อนจ้า ไว้พบกันเร็วๆนี้กับบทความอันใหม่ครับ เขียนรอไว้แล้ว เหลือแต่เรียบเรียงครับ
สุดท้ายขอขอบคุณร้าน Hi-end Audio ที่ให้หยิบยืมเจ้า Focal XS Book มาทดสอบในครั้งนี้ครับ
Credit : http://laohaifang.com/node/97
ควบสองไปเลย แต่ชิ้นที่สองนี่เป็น rare item จริงๆครับ
คือหายากมากในเมืองไทย เพราะยังไม่วางขายจ้า
ใครที่พึ่งไปงาน BAV มาก็จะไม่พบในห้องของร้าน Hi-end Audio นะครับ
เนื่องจากข้าพเจ้าได้ขอยืมตัวเดโมกลับมาทดสอบก่อนงานจะจัดครับ อิอิ
ทำให้ทางร้านไม่มีลำโพงชุดนี้นำออกไปให้ได้ทดสอบกันครับ (เอ้า ฮา)
มาลองดูกันก่อนครับว่า Focal Book หน้าตาเป็นอย่างไร บอกได้ว่า เกินคาดแน่นอนครับ
ทางร้านใส่กระเป๋าโดยเฉพาะมาให้เลยครับ
แต่ผมอยากจะบอกว่า เค้าไม่แถมนะครับ
แล้วก็ไม่แน่ใจด้วยว่ากระเป๋านั้นมีขายไหม แต่คุณภาพกระเป๋านั้นดีแน่นอน
ด้านบนมีสองซิบนะครับ ช่องนึงใส่เจ้า XS Book
ส่วนอีกช่องมีไว้สำหรับใส่ notebook ตัวเก่งของท่านครับ
ช่องสำหรับใส่ notebook
และช่องสำหรับใส่ XS Book ซึ่งใส่ได้พอดีและแน่นมากๆครับ
ลองดูหน้าตาอันสวยงามนะครับ เรียบหรูดูดี
และผมว่ามองๆไปมันก็คล้ายๆหนังสือจริงๆครับ
ได้ชื่อว่า Focal XS Book ก็ไม่แปลกครับ
เปิดหน้ากากมาชมหน้าตาด้านในกันซะหน่อย
ดอก Mid-Bass ขนาด 4นิ้ว สร้างเสียงได้ใหญ่โตและเต็มพื้นที่
ดอก tweeter มีตัวปกป้องกันกระแกเอาไว้ ถึงจะมีตัวป้องกัน แต่ก็ควรระวังไว้ด้วยนะจ๊ะ
ด้านล่างมียางรองมาให้เรียบร้อย บอกไว้ก่อนว่าเหนียวหนึบล่ะครับ
วางแล้วนิ่งมั่นคงแน่อนจ้า แถมยังเชิดลำโพงขึ้นยิงเข้าหูเราอีกตาหาก
Port ด้านหลังครับ
โดยลำโพงตัวหลักจะมี input เป็น 3.5mm และ RCA ครับ พร้อมทั้งช่องเสียบสายไฟ
และด้านบนสุดคือรูเสียบสายลำโพงไปยังลำโพงอีกตัวครับ
สายไฟ สายลำโพง และสายสัญญาณแบบ mini to mini
ซึ่งสายสัญญาณมีคุณภาพดีพอสมควรเลยครับ ไม่ต้องไปหามาเปลี่ยนนะเปลืองเงินครับ
====================================
ผมต้องบอกไว้เลยว่าเจ้า XS Book เนี่ยคือลำโพง near field ตัวจริง
เอาไว้ฟังหน้าคอมตัวจริง สิ่งที่ผมได้พบจากการนำเจ้า XS Book มาทดสอบ
ต้องบอกว่าสิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ มันเปลี่ยนโต๊ะคอมผม (ซึ่งมีสภาพรกรุงรังไม่น่าดูมากๆ)
ให้กลายเป็นเวทีอย่างแท้จริง คือทั้งโต๊ะจะถูกปกคลุมไปด้วยอารมณ์แห่งเสียงเพลง
คือเสียงมันจะคลุมไปทั่วๆโต๊ะเลยล่ะครับ
ไม่ได้โม้นะ แต่อยากให้ไปลองกันดูก่อนครับว่าของเค้าดีจริงๆ
ถ้าเป็นสมัยผมยังเล่นลำโพงมัลติมีเดียล่ะก็ ผมไม่สน S530D แล้ว
ผมสอย Focal XS Book + Musiland 03 US ล่ะ ถึงจะแพงกว่าหน่อย แต่เสียงดีกว่าเยอะเลย
สาย mini to mini ที่ให้มาก็มีคุณภาพดีพอสมควรเลยครับ เรียกว่าไม่ต้องหาเปลี่ยนหรอก
เข้ากันดีอยู่แล้วด้วย แค่หา DAC ในงบซัก 5k-10k มาเข้าคู่กันไม่ให้มันน้อยหน้าเจ้านี่หน่อย
จะดูหนังหรือฟังเพลงในระยะ***ง1เมตร รับรองหาอะไรมากินยากละครับ
เสียงยังคงความเป็น Focal XS Series อยู่ แนวเสียงคล้ายๆ Focal XS 2.1 มากๆ
ความต่างกันอีกนิดหน่อยคือ XS Book มันไม่ค่อนขี้ฟ้องครับ
แหลมอาจจะไม่สุด หางเบสอาจจะสั้นไปหน่อย
แต่ผมได้ทดสอบเจ้านี่แบบเบินแล้ว โดยรวมเรียกว่าแจ่มแจ๋วเลย
ไม่มีอาการพุ่งหรือจัดใดๆทั้งสิ้น ขนาดผมจับคู่กับ Audio-GD NFB11 ซึ่งขี้ฟ้องพอตัว
สายสัญญาณก็ใช้ที่แถมมากับ Focal Bird นั่นแหละ
โดยต้นทางก็ยังคงเป็น Musiland 01 + สาย coax บ้านๆพื้นๆอยู่ ไม่ได้ใช้ Black Cat เน้อ มันจะเว่อไป
เสปคคร่าวๆนะครับ
Type: 2-way bass-reflex active loudspeaker
Drivers: Polyglass 4" midbass 19mm Aluminum tweeter
Frequency response (+or-3dB): 50Hz ? 22kHz
Low frequency point: 44Hz
Crossover frequency: 3,000Hz
Dimensions (HWD): 11" x 4.5" x 7.875"
Net weight: 11lbs.
จะเห็นว่า Driver ใหญ่ 4นิ้วนี่ได้เปรียบมาก เพราะสร้างเสียงใหญ่ๆได้ดีจริงๆ
ถึงเบสจะลงได้แค่ 50Hz แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะมันคือ 2.0 ลงได้ 50Hz มันก็มาตรฐานอยู่แล้ว
ดูหนังยังสนุกเลย ไม่ต้องลงถึง 20Hz หรอกครับ
ผมเทสด้วยเพลงบรรเลงจากวง symphonic wild band นะครับ
เนื่องจากเครื่องดนตรีเยอะ มันจะต้องใช้ศักยภาพของลำโพงค่อนข้างเยอะ
โดยแทรคที่ใช้ประจำคือ
Dvorak Symphony No.9 in E minor, op.95 'From the New World' - I. Adagio - Allegro molto
ลองหาฟังกันดูครับ รายละเอียดเยอะมาก แต่เป็นบทเพลงที่มีเนื้อหาค่อนข้างน่าติดตาม และมีช่วงทำนองที่สวยงามครับ
แวะคั่นรายการซักแป็บมาชมรูปกัน หน้าตาเทียบกันระหว่าใส่หน้ากากและถอดหน้ากากออก
เสียงสูงใสกังวาลปิ้งๆเลยล่ะ แต่หางเสียงจะไม่ทอดตัวยาวแบบไกลๆนะครับ
คงเป็นผลมากจาก tweet แบบ Aluminium ส่วนเสียงต่ำนี่ไร้ที่ติเลย ใครอยากฟังเพลงมันส์ๆ
จัดได้ทันที แต่ขอ DAC หรือ Sound Card ที่ให้เสียงพุ่งๆ จัดๆหน่อย รับรอง มันส์แน่นอนครับ
ฟังไปฟังมาแอบเสียดายนิดนึง คือตอนนี้โต๊ะคอมผมตอนนี้ไม่มีฉากด้านหลัง
คือวางแล้วมันโล่งๆด้านหลัง ดังนั้นเวทีด้านลึกจะทดสอบไม่ได้เลย
เพราะมันไม่ได้ตัวสะท้อนเสียงออกมาให้ แต่เสียงตรงกลางระหว่างสองลำโพงก็ไม่หายไปนะครับ
ยังมีโฟกัสที่นิ่งอยู่ ไม่เบลอแต่อย่างใด ลำโพงตัวนี้ฟังยิ่งใกล้ยิ่งเพราะอะ ฟังแบบประชิดเลย
คือทำท่าเหมือนสมัยเรียนมัธยม คือเอามือสองข้างวางบนโต๊ะ แล้วเอาคางไปพสดไว้บนแขนสองข้าง
คล้ายๆท่าที่เวลาเราเรียนแล้วหลับฟุบคาโต๊ะกันนั่นน่ะแหละครับ ฟังแบบนี้แจ่มมากครับ
ระยะ***งประมาณ 30cm ได้อารมณ์มากๆครับ แต่เวลาฟังจริงคงไม่มีใครทำแบบนี้กัน
เป็นลำโพงที่ฟังเบาๆก็ชัด ฟังดังๆก็ไม่เบลอ เอาเพลงบรรเลง classic มาทดสอบมีครบทั้งดังและเบา
ใช้ฟังเพลงนี่เรื่องเบสไม่มีปัญหาเลย คุณภาพมากๆ แต่เสียงทิมปานีหางเสียงแอบสั้นไปนิด
ตอนฟังถ้าใส่หน้ากากผ้า เสียงจะนุ่มละมุนขึ้นนิดหน่อยนะครับ
XS Book ค่อนข้างจู้จี้เรื่องการจัดวางมากครับ เรียกว่าตั้งให้ดีดีเสียงก็ดี
ถ้าตั้งไม่ดี เสียงก็ไม่ค่อยดีล่ะครับ ดังนั้นในจุดนี้ก็ต้องใส่ใจกับ XS Book หน่อยครับ
ลำโพงตัวนี้ห้าม toe-in เยอะนะครับ ไม่งั้นเสียงอู้อี้แน่นอน
และระยะ***งที่ผมแนะนำคือ 1เมตรจริงๆครับ ฟัง***งกว่านี้จะสู้ไม่ได้ล่ะครับ
เจ้า XS Book เรียกว่าครบเครื่องครับ ฟังได้หลายแนว
แต่เพลงร้องแบบนางร้อง (ผู้หญิงร้อง เสียงจะบางไปหน่อย) แต่ถ้าเป็นนายร้อง จะไม่มีปัญหา
ตรงนี้อาจจะแก้ที่การเลือก DAC ไม่ก็สายสัญญาณ เพราะ DAC ของผมเสียงมันก็บางนิดๆครับ
มาถึงบทสรุปแล้วว่าเจ้า XS Book มีดีอยู่แล้วครับ แต่ขอต้นทางดีดีหน่อย
เช่น DAC ในราคา 5k-10k จับคู่ให้ดีดีไปได้ไกลเลยครับ
เรียกว่า Bose M2 มีสั่นๆหนาวๆล่ะ ส่วน C20 หลบไปแน่นอน (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)
อ่านมาจนจะจบแล้ว มีใครสงสัยไหมว่าปุ่มเปิดปิดและตัวปรับวอลุ่มอยู่ไหน
มันอยู่ด้านบนของลำโพงตัวหลักครับ
เปิด/ปิด โดยการกดปุ่มวงกลมนี้
และยังทำหน้าที่เป็นวอลุ่มแบบ Digital ด้วยครับ
อยากได้มากขึ้นหรือน้อยลงก็หมุนเอาเลยครับ
และนี่คือข้อเสียใหญ่ๆข้อนึงของเจ้า XS Book ครับ
คือมันไม่มีรีโมทไร้สาย เพราะค่าตัวระดับนี้ก็น่าจะมีได้แล้ว(มั้ง)
แต่ไว้ฟัง Near Field ก็คงไม่จำเป็น (คิดในอีกแง่มุมนึง)
แถมให้อีกนิดครับ เจ้า XS Book เนี่ย
มีความสามารถในการสำรองไฟไว้ได้ประมาณ 1-2 วินาทีครับ
คือถ้าไปดับไปตก ตัวลำโพงยังไม่ดับครับ
มันสำรองไฟให้จ้า ผมแอบไปลองเล่นมาครับ
โดยการปิดสวิชปลั๊กรางไป1-2วิ มันยังไม่ดับครับ
ใครสนใจก็ลองเข้าไปขอลองฟังหรือโทรไปสอบถามที่ร้าน Hi-end Audio มาบุณครอง ชั้น5 ก่อนได้เลยครับ
หรือติดต่ออีกช่องทางได้ที่ http://www.hienaudio.com/index.php
ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าทางร้านจะวางจำหน่ายเมื่อไหร่
แต่ถ้าไปลองฟังแล้วชอบก็จองไว้เลย (แอบเชียร์ออกนอกหน้า >.<)
วันนี้ขอลาไปก่อนจ้า ไว้พบกันเร็วๆนี้กับบทความอันใหม่ครับ เขียนรอไว้แล้ว เหลือแต่เรียบเรียงครับ
สุดท้ายขอขอบคุณร้าน Hi-end Audio ที่ให้หยิบยืมเจ้า Focal XS Book มาทดสอบในครั้งนี้ครับ
Credit : http://laohaifang.com/node/97
Comment