Announcement

Collapse
No announcement yet.

[Review] อย่ามองข้ามสายแถมหรือสายถูก USB แถมหรือถูกก็มีดี

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • [Review] อย่ามองข้ามสายแถมหรือสายถูก USB แถมหรือถูกก็มีดี

    วันนี้มีเรื่องเล่าน่าติดตามมาเล่าให้ฟังครับ
    หลายๆท่านช่วงหลังๆอ่านรีวิวของผมอาจจะเบื่อ อาจจะบอกว่าโอ๊ย DAC แต่ละตัวราคาสูงไป
    รีวิวของราคาหลักพันต้นๆหรือหลักร้อยบ้างได้ไหม มีแต่ของรีวิวหลักเหยียดๆหมื่นทั้งนั้น
    ผมเลยจัดให้ครับ คราวนี้เป็นการเป็นการประชันกันระหว่างของแถมและของถูก อิอิ



    ไหนๆช่วงนี้ผมบ้า DAC ก็เลยจัด USB มาเล่นซะเลย แต่บอกไว้ก่อนว่าผมใช้แต่ของถูกนะ
    ของแพงผมไม่มีปัญญาซื้อมาลองครับ วันนี้ไม่ได้มาแบบ A-B Test แต่วันนี้มาแบบ A-B-C-D Test เลยครับ

    ------------------------

    ก่อนจะไปดูเนื้อหาอื่นๆ ผมขอสอดแทรกเนื้อหาเล็กๆน้อยๆก่อนครับว่าทำไม USB ถึงมีผลต่อเสียง
    หลายๆท่านอาจจะหาว่าพวกเล่นเครื่องเสียงแล้วเลือกซื้อสาย USB หลักพันหรือหลักหมื่นนั้นเสียเงินฟรี
    เพราะท่านคิดว่ามันเป็นการส่ง DATA ธรรมดาๆ
    ผมจะนำข้อมูลมาเสนอให้ได้อ่านและพิจารณาดูกันก่อนนะครับ ซึ่งผมจะข้อพูดแบบบ้านๆละกันครับ
    เพราะผมเองก็ไม่ได้รู้เรื่องการส่ง data ลึกซึ้งอะไร และท่านอื่นๆจะได้อ่านแล้วเข้าใจง่ายด้วย
    แล้วหลักจากท่านอ่านแล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันว่า ท่านคิดว่าอย่างไร ท่านยอมรรับกันไหม
    ถ้าท่านยอมรับหรือเปิดใจก็อ่านต่อได้เลย แต่หากท่านไม่เชื่อหรือไม่เห็นด้วยไม่ว่าจะเหตุผลใดๆก็ตาม
    ขอให้ท่านกดปิดรีวิวนี้ได้เลยครับ จะได้ไม่ต้องอ่านให้เสียเวลาและมาคิดว่าพวกผมนั้นบ้าหรือเพี้ยนครับ
    ก่อนอื่นผมอยากให้แยกการการส่งข้อมูลผ่านทางช่อง USB ก่อนครับ
    ปกติแล้วการส่งข้อมูลผ่านทางสาย USB มีหลายแบบ แต่ผมขอยกตัวอย่างแค่ 2 แบบละกันครับ
    - แบบแรกที่ผมเลือกมาคือแบบที่เราโอนย้ายข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการคัดลอก หรือการย้ายที่อยู่ไฟล์
    - แบบที่สองที่คือการเล่นไฟล์แบบ realtime เน้นย้ำกันอีกรอบว่า realtime นะครับ
    มันต่างกันอย่างไร หลายๆท่านอาจจะบอกว่าผม copy ไฟล์ไป มันก็สมบูรณ์ดีนิ ไม่เห็นจะเพี้ยนเลย
    แล้วเอาสายถูกๆมาเล่นไฟล์เพลง เสียงมันจะแย่กว่าสายแพงๆได้อย่างไร
    ผมอธิบายอย่างง่ายๆว่าการโอนถ่ายข้อมูลหรือย้ายไฟล์ต่างๆ คอมพิวเตอร์จะมีการเช็คข้อมูล
    คือโอนถ่ายข้อมูลไปก็เช็คไปด้วยว่าปลายทางที่รับนั้นได้ข้อมูลเหมือนต้นฉบับหรือไม่
    ถ้าข้อมูลตรงกันก็จะส่งข้อมูลชุดต่อไป แต่หากข้อมูลไม่ตรงกันก็จะทำการส่งข้อมูลชุดเดิมซ้ำจนกว่าจะเหมือนเดิม
    ดังนั้นการตัดลอกไฟล์หรือการย้ายโอนไฟล์ต่างๆจะไม่มีปัญหาเลยครับ
    ส่วนการเล่นไฟล์แบบ realtime นั้นอย่างที่พวกผมทำอยู่คือการเล่นเพลงผ่านสาย USB มาเข้าที่ DAC
    ซึ่งการเล่นไฟล์แบบนี้เป็นการส่งข้อมูลที่ realtime ครับ คือจะไม่มีการเช็คข้อมูลใดๆทั้งสิ้น
    นั่นหมายถึงว่าตัวส่งก็มีหน้าที่ส่งอย่างเดียว ตัวรับก็มีหน้าที่รับอย่างเดียว
    ไม่มีใครมาคอยตรวจสอบว่าข้อมูลที่ปลายทางจะเหมือนข้อมูลจากต้นฉบับหรือเปล่า
    ดังนั้นหากมีข้อมูลผิดเพี้ยนไปเมื่อ DAC รับข้อมูลมาแล้วก็ต้องเล่นไปตามระเบียน ไม่มีการร้องขอข้อมูลชุดเดิม
    ลองคิดเล่นๆว่าถ้ามีการร้องขอข้อมูลชุดเดิมแล้วเวลาเล่นเพลงจะเป็นอย่างไรหากข้อมูลผิดพลาด
    มันก็คงต้องหยุดเล่น หรือเพลงขาดหายไป ดังนั้นสาย USB ที่มีคุณภาพที่ดีกว่าก็จะสามารถโอนถ่ายข้อมูลได้ดีกว่า
    เอาแค่นี้พอ เล็กๆน้อยๆ ให้เข้าใจง่ายๆครับ พวก jitter หรือ clock เรายังไม่พูดถึงกัน เพราะผมก็ไม่รู้เรื่อง ฮ่าๆๆ
    ท่านสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากอากู๋นะครับ นอกจากนี้ยังมีเรื่องกระแสไฟอีกครับ
    เพราะภายในสาย USB 2.0 จะมีสายตัวนำ 4เส้นด้วยกัน 2เส้นไว้รับส่งข้อมูล
    ส่วนอีกสองเส้นเป็นไฟ 5V ซึ่งถ้าสาย USB ไม่มีไฟ 5V นี่อุปกรณ์ก็จะไม่สามารถทำงานได้
    ไม่ว่า DAC ตัวนั้นจะต้องต่อไฟเพิ่มหรือไม่ก็ตามครับ ใครเล่นเครื่องเสียงจะรู้ดีกว่า
    ระบบไฟนั้นเป็นหัวใจหลักอย่างนึงของเครื่องเสียงเลยทีเดียว
    ดังนั้นสาย USB ที่จ่ายไฟได้ดีย่อมให้เสียงที่ดีตามไปด้วย
    เอาแค่นี้แหละ พอหอมปากหอมคอ

    ------------------------------------


    หลังจากโม้เรื่องหลักการไปแล้วทีนี้มาชมชุดทดสอบของผมกันดีกว่า
    ชุดทดสอบของผมวันนี้เพรียมพร้อมหน่อยครับมาเต็มกำลังด้วยชุดสองชุด เรียกว่าจัดเต็ม !!!


    ชุดแรกทุกท่านคงคุ้นเลยนะครับประกอบไปด้วย
    DDC : Musiland 01 US
    Coaxial Cable : Veloce Black cat
    DAC : Audio-GD NFB7
    Int Amp : Moon i.5 (ชื่อใหม่ 220i)
    Speaker : Usher s520 signature + ขาตั้ง KTT 4 เสารุ่น U24
    Speaker Wire : Viablue SC-2
    RCA Cable : DIY
    สายไฟใช้ของแถม


    ชุดที่สองประกอบด้วย
    DDC : Musiland 01 US
    DAC : Audio-GD NFB11
    Headphone : ATH AD-700



    ว่าแล้วเรามาดูของที่ทดสอบกันครับ
    ประกอบไปด้วยสาย USB 4เส้น
    - เส้นแรกได้แก่ USB แถมจาก Musiland 01 US
    - เส้นที่สองคือ USB สีฟ้าๆหาซื้อได้ทั่วไป
    - เส้นที่สาม USB ยี่ห้อดัง หาซื้อได้ไม่ง่ายเท่าไหร่ ยี่ห้อนี้นามว่า OKER
    - เส้นสุดท้าย USB แถมจาก Audio-GD NFB7



    -----------------------------

    มาลองดูเส้นแรกกันก่อน USB แถมจาก Musiland





    เป็น USB แถมที่สั้นมากครับ ไม่รู้จะงกไปไหน ทั้งเส้นยาวแค่ 30cm
    เส้นนี้แนวเสียงประมาณว่า เบสมากทิ้งหางเสียงครางไว้ให้ชม เสียงเปียโน กลวงๆหน่อย
    แต่มันก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบครับ บางทีผมก็ชอบเส้นนี้เหมือนกันนะ


    -----------------------------


    ต่อกันด้วยเส้นที่สองเลยละกัน





    เส้นนี้ยาวประมาณ 1.5m ในราคาประมาณ 100 บาท
    ผมเห็นหลายๆท่านนิยมเอาไปลากยาวๆใช้กับ HDD Docking กัน
    เส้นนี้ให้เสียงเบสที่บางลงปลายเสียงค่อนข้างแข็ง แต่มีความโปร่งในตัว เสียงสูงพริ้วไหว
    เบสกระชับค่อนข้างมาก เส้นนี้ก็มีดีไม่น้อยเช่นกัน โดยรวมแล้วดีกว่าเส้นแรกเกือบทุกประการ
    ฟังครั้งแรกถึงกับติดใจ แต่พอลองเรรื่อยๆ ยังไม่ถึงกับใช่ซะทีเดียว

    -----------------------------



    มาถึงเส้นทีสาม เส้นนี้เป็นยี่ห้อดังจากจีน นั่นตือ OKER นั่นเองครับ



    เส้นนี้ยาวประมาณ 1.5m ผมได้มาในราคาประมาณ 150บาทครับ
    ตัวสายเป็นสีน้ำตาลใสๆ หัวชุบทอง และมี ferrite ติดมาด้วย




    อ่อมาถึงตรงนี้ผมขอนอกเรื่องนิดนึงครับ เวลาไปซื้อสายถูกๆ
    คนขายมักจะบอกว่าสายนี้หัวชุบทองอย่างดี แถมเป็นสายถัก คุณภาพสูงแน่นอน
    คือผมอยากจะบอกว่าเรื่องหัวชุบทองนั้น สายถูกๆไม่ได้ใช้ทองคำหรือทอง 24kนะครับ
    ใช้ทองอะไรผมก็ไม่รู้แหละ อาจจะเป็นทองเหลืองผสมอะไรก็ว่ากันไปครับ แบบหัวทองของ OKER นั่นก็ใช่เลยครับ
    เป็นทองอะไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่ทองที่ใช้ในงาน Audio Grade แน่ๆ
    ส่วนเรื่องสายถัก คือปัจจุบันคนเราเรียกผิดกันไปหมดแล้วครับ สายถักของพ่อค้าคือแบบนี้


    แบบนี้ไม่ได้เรียกสายถักนนะครับ แบบนี้เรียกหุ้มตาข่ายหรือหนังงู
    ซึ่งตาข่ายที่ใช้ในสายราคาถูกก็ทำจากพลาสติกครับ
    ไม่มีคุณสมบัติป้องกันคลื่นใดๆทั้งสิ้น
    แต่ถ้าหากเป็นตาข่ายที่ใช้ในอุปกรณ์ Audio
    นั้นจะมีคุณสมบัติป้องกันคลื่นรบกวนบางชนิดได้ครับ
    ซึ่งสายถักของแท้ต้องหน้าตาประมาณนี้ครับ คือเอาสายตัวนำมาถักกัน ไม่ใช่เอาฉนวนมาถักกันครับ



    ซึ่งในรูปที่ผมนำมาให้ดูเป็นการถักแบบ 3เส้นและ 8เส้นครับ
    ดังนั้นเวลาไปซื้อก็ได้หลงเชื่อคำกล่าวอ้างของพ่อค้าที่ขาดความรู้นะครับ อิอิ

    ขอกลับเข้าฝั่งก่อนออกไปอ่าวไทย -*-
    สายของ Oker นั้นให้เสียงที่มีเนื้อมากที่สุดในบรรดาสาย USB 4เส้นนี้
    แถมเบสก็ไม่ครางเหมือนสายแถมของ Musiland นะจ๊ะ มิติและความโปร่งยังสู้เส้นสีน้ำเงินไม่ได้
    สรุปว่าเส้นนี้ได้เนื้อและได้ความอุ่นเพิ่มมาอีกนิดนึง



    -----------------------------


    สุดท้ายสายแถมของ Audio-GD ซึ่งแถมมากับ NFB7







    เป็นสายหน้าตาบ้านๆ
    เส้นนี้มีทีเด็ดคือมีไดนามิคที่ดี ไล่ความดังเบาได้ดีที่สุดใน 4เส้นที่ทดสอบ
    และยังมีการแยกมิติที่เด็ดขาดที่สุดในบรรดา 4เส้นนี้มากที่สุดอีกเช่นกัน
    ส่วนเรื่องน้ำเสียงก็ละม้ายคล้ายเส้นสีน้ำเงินครับเพียงแต่ปลายแหลมนั้นมีความเป็นประกายมากกว่า



    -----------------------------

    สรุปส่งท้าย ไม่ใช่ว่าสายเส้นไหนจะดีที่สุดนะครับ
    เพียงแต่สายแต่ละเส้นก็มีบุคลิกต่างกัน เราก็ควรจะจับคู่ให้เหมาะสมกับชุดของเราครับ
    อย่างผมผมเลือกเส้นแถมจาก Audio-GD มาแมชกับชุดวางหิ้งของผม
    แต่ถ้าใช้กับชุดหูฟังผมก็อยากใช้ Oker มากกว่า แต่ติดที่ว่าผมต้องเลือกเพียงเส้นเดียว
    ดังนั้นผมก็สลับๆกันใช้ไปนั่นแหละครับทั้งสองเส้น ฮ่าๆ
    สรุปว่าของแถมและของถูกก็มีดีเหมือนกัน อย่าไปมองข้ามมันเชียวนะครับ
    ไม่ว่าจะของแถมหรือของถูก ถ้าเราพอใจกับมัน เราก็ใช้งานมันได้อย่างไม่มีเคอะเขิลแน่นอนจ้า
    จบละครับสำหรับรีวิวของคนงบน้อยในวันนี้ ไว้พบกันใหม่ฉบับหน้าจ้า สวัสดีครับ

    เครดิต : http://laohaifang.com/node/90
    Last edited by TroRuwA; 3 Nov 2011, 18:25:40.

  • #2
    ขอบคุณครับ

    Comment


    • #3
      อยากบอกว่าสาย RCA อมรถูกๆในบางแง่มุมนี่กินราคาแพงๆได้ด้วยนะ
      โดยเฉพาะช่วงกลางต่ำ ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน ทำไมพวกแพงถึงมีแต่เสียงสูง รายละเอียดดี
      แต่ กลาง ทุ้ม ดันไม่ค่อยจะมีกัน

      Comment


      • #4
        Originally posted by milestone View Post
        อยากบอกว่าสาย RCA อมรถูกๆในบางแง่มุมนี่กินราคาแพงๆได้ด้วยนะ
        โดยเฉพาะช่วงกลางต่ำ ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน ทำไมพวกแพงถึงมีแต่เสียงสูง รายละเอียดดี
        แต่ กลาง ทุ้ม ดันไม่ค่อยจะมีกัน
        น่าจะเพราะชุบเงินทั้งหมดรึเปล่าครับพี่
        สายบางยี่ห้อ บางทีก็ผสมสายชุบดีบุกเข้าไปบางส่วนให้ได้เสียงต่ำที่ดีขึ้น
        ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าสายถูกๆบางครั้งผมกลับชอบมากกว่าสายแพงๆก็มี
        อย่างสายไฟ Hifi tuning เส้นละ 8พัน ผมลองแล้วดันไม่โดน
        ใช้สายแถมแล้วโดนกว่า หรือเรามันหูดีบุก หูตะกั่ว

        Comment


        • #5
          กลับกรุงเทพแล้วเหรอ?

          ไม่มีสายUSBทำเองบ้างเหรอ

          edit:
          ุ่ถ้าได้กลับกรุงเทพจะัส่งสายUSBของSorch ไปให้ลอง สนใจมั้ย?
          Last edited by ManiacMaew; 3 Nov 2011, 20:59:50.

          Comment


          • #6
            กลับถึงตั้งแต่วนจันทร์ละครับ จริงๆรีวิวนี้เขียนไว้ตั้งแต่วันพฤหัสที่แล้ว
            แต่พอะดีวันศุกร์ไปหัวหินเลยไม่มีโอกาสเอาลงครับ
            สาย usb ทำเองมีครับ แพงเอาเรื่องด้วยครับ
            สายของ sorch ก็น่าสนใจครับพี่ อยากลองเหมือนกัน
            พี่ส่งลงทะเบียนมาก็ได้ครับ ช่วยนี้เงียบทุกบอร์ดเลยครับ 555
            Last edited by TroRuwA; 3 Nov 2011, 21:14:13.

            Comment


            • #7
              รอน้ำลด ไม่รู้สายจะเน่าสนิมกินมั้ย ทิ้งไว้บนชั้นที่บ้าน

              edit:


              ไอ้สายแบบนี้ผมเรียกแบบมีชีลด์ บางทีก็ใช้ชีลด์เป็นเส้นกราวน์ดกัน ไม่รู้เรียกผิดถูก แต่ไปสั่งร้านที่ บ้านหม้อเขาก็สั่งแบบนี้แล้วได้มา
              ช่วยเรื่องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอกมากกว่าน่ะ (ไม่ใช่ที่กวนกันเองภายในระหว่างเส้นย่อยน่ะ)
              Last edited by ManiacMaew; 3 Nov 2011, 21:16:56.

              Comment


              • #8
                Originally posted by ManiacMaew View Post
                รอน้ำลด ไม่รู้สายจะเน่าสนิมกินมั้ย ทิ้งไว้บนชั้นที่บ้าน

                edit:


                ไอ้สายแบบนี้ผมเรียกแบบมีชีลด์ บางทีก็ใช้ชีลด์เป็นเส้นกราวน์ดกัน ไม่รู้เรียกผิดถูก แต่ไปสั่งร้านที่ บ้านหม้อเขาก็สั่งแบบนี้แล้วได้มา
                ช่วยเรื่องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอกมากกว่าน่ะ (ไม่ใช่ที่กวนกันเองภายในระหว่างเส้นย่อยน่ะ)
                ไว้พี่กลับ กทม แล้วค่อยแจ้งผมก็ได้ครับ ^^
                ส่วนเรื่องชีลนี่เท่าที่ผมแงะสาย USB มามีทุกเส้นเลยครับ
                แต่ถ้าเป็นสายทึบๆบางทีจะเป็นชีลอีกแบบ จะเป็นคล้ายๆฟลอยห่อเอาไว้ครับ

                Comment


                • #9
                  USB นี้ผมฟังไม่ค่อยออกจริงๆครับถ้าสาย อนาล็อกยังพอฟังออกครับ ตอนนี้ยังใช้ สายปริ้นเตอร์ HP ฟังอยู่เลย

                  เรื่องสาย ดิจิตอลนิผมขอแชร์ประสบการณ์ที่เคยฟังๆมาหน่อยนะครับ
                  Coaxial ผมคิดว่ามันต้องเข้าสัญญานจากต้นทางเป็นรูปแบบ SPDIF
                  ก่อนแล้วค่อยส่งมาถอด เป็นสัญญาน ดิจิตอลอนุกรมอีกรอบ
                  I2S Right-Justified, Left-Justified อื่นๆก่อนป้อนไปให้
                  DAC แปลงสัญญาน ดิจิตอลอนุกรมเป็น อนาล็อกอีกที่

                  ต่างกับ USB ที่ติดต่อผ่าน BUS โดยตรงเสร็จแล้วก็แปลงสัญญาน ดิจิตอล ส่งเป็น ดิจิตอลอนุกรม
                  I2S Right-Justified, Left-Justified ส่งให้ DAC โดยตรงเลย ซึ่งจะเห็นว่ามันลดขั้นตอนการแปลง
                  สัญญาน ดิจิตอลไปเป็นสัญญาน SPDIF ก่อน

                  ผมเคยฟังเทียบระหว่าง Coaxial กับ USB เหมือนว่า Coaxial เนื้อเสียงจะดูหนาดีมีเนื้อหนัง
                  แต่เรื่องความเคลียร์ของเนื้อเสียงโดยรวมนั้นรู้สึกว่าจะฟังดูด้อยกว่า USB เล็กน้อยครับ
                  เหมือนว่าฟังจาก USB เสียงจะเรียบๆเฉยๆครับแต่มันสะอาดน่าฟังกว่า อาจจะเพราะขบวนการ
                  การเข้าและถอดสัญญาน ดิจิตอลมันน้อยกว่า

                  อันนี้ก็แล้วแต่หูใครหูมันนะครับ ขึ้นกับชิบที่ใช้เข้าสัญญานและถอด
                  สัญญานโดยตรงด้วยอันนี้มีผล 100% ครับฟังออกเลย
                  อันนี้ผมฟังเทียบระหว่า DIR9001 กับ PCM2707 ครับ
                  CS8412CP ยังไม่เคยฟังสั่งไปของยังไม่มาครับติดน้ำ ToT
                  Last edited by MONOLAB; 3 Nov 2011, 21:47:00.

                  Comment


                  • #10
                    เรื่อง USB นี่บอกตรงๆครับว่า DAC ราคาต่ำกว่า1หมื่นบาทผมก็ฟังลำยากเหมือนกันครับ
                    นี่เลยล่อตัวใหญ่เลย ฟังง่ายหน่อยครับ แหะๆ

                    Comment


                    • #11
                      เข้ามา confirm สาย USB มีผลต่อเสียงครับ

                      เรื่องสาย USB ที่เว็บบอร์ดเฮียมั่นคงเป็นกระทู้เดือด hot hit เหมือนกัน เพราะ non member บางคนเข้ามาตลกมันดูราวกับไสยศาสตร์ Voodoo สายที่ปกติใช้โอนข้อมูลกัน แต่พอเปลี่ยนสายให้เกรดดีๆก็ช่วยให้เสียงดีขึ้นได้ ยังมีคนไม่เชื่อในเรื่องนี้เหมือนกัน

                      ตอนต้นปีผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน ตอนซื้อ DAC-AMP มาใช้ก็ไม่ได้สนใจเรื่องสาย USB หรือสายสัญญาณอะไร เพราะเรียน com-sci มาสาย USB ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับทำให้เสียงดีขึ้น จนไปเข้าบอร์ดๆนึงของเมืองนอกที่อธิบายเรื่อง technology สายของ Furutect (อันนั้นสาย AC หรือ Coax จำไม่ได้เหมือนกัน) มันมีผลต่อเสียง ทำให้เริ่มสนใจเรื่องสายสัญญาณอย่าง USB จนพบบทความที่น่าสนใจของ USB เข้าครับนั้นก็คือ

                      http://library.uru.ac.th/webdb/images/ByxtremeUSB4.htm

                      พออ่านบทความใน Link นั้นก็ตรัสทันทีว่ามันไม่ใช่ไสยศาสตร์ Voodoo แน่นอน คนที่เรียน com-sci อย่างผมหรือเด็กวิศวะต่างๆที่เข้ามาขำขันในกระทู้นั้นที่บอร์ดมั่นคงเรื่องของสาย USB มีผลต่อเสียงคงต้องนั้งเงียบๆอ่านกันเลยครับผมว่า :-)

                      Protocal ของUSB ที่ใช้กับการโอนข้อมูลกับการใช้แบบ Streaming multimedia (ภาพและเสียง) จะต่างกัน อย่างที่พงศ์เขียนครับคือแบบ Realtime มันคือการส่งแบบ isochronouse (ในวิชา Network ก็มีสอนครับแต่ไม่กล่าวถึงสาย USB) ซึ่งไม่สนใจว่าปลายทางจะได้ข้อมูลครบหรือไม่ แต่สนใจเพียงเวลาเท่านั้น ดังนั้นขอ confirm เลยว่าสาย USB มีผลต่อเสียงแน่นอน :-D
                      Last edited by FolkTrance; 3 Nov 2011, 23:49:51.

                      Comment


                      • #12
                        ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ ผมเองก็อยากลองหาพวก Transporter มาลองเทียบระหว่าง USB กับ Coax อยู่เหมือนกัน
                        Last edited by kamil; 4 Nov 2011, 00:02:13.

                        Comment


                        • #13
                          คุณTroRuwAอยาก สายที่มาพร้อมมกับ Ayre ด้วยมั้ยครับ เดี๋ยวส่งไปให้ อิอิ

                          สำหรับเรื่องความแตกต่างนั้นสำหรับผมเองผมฟังไม่ออกจริงๆ อาจเป็นเพราะตัว Asynchronous usb

                          ตอนนี้ใช้สายของ viablue ก็โอเคนะครับ ฟังได้เพราะเหมืือนสายของ printer samsung กะ WD เลย

                          เเละก็ไม่แตกต่างกับpolestar เท่าไหร่ [polestarสร้างความรู้สึกในใจว่าดีกว่านิดๆ]

                          แต่ถ้าถามผมเเรื่องสาย coaxcial กับ usb นี่เห็นผลชัดเจนมากครับ

                          ถ้าใครต่อแบบcoaxได้ใช้อันนั้นเสียงดีกว่าusbมากๆ

                          ผมลองกับdacตัวเก่าผมมาแล้ว stello da 220 mkII เสียงต่างกันอย่างกับฟ้้ากะเหวจริิงๆ

                          เสียงUSBมันแห้งกะแดกๆกว่าเยอะเลย เข้าใจว่า Stello ให้ port usb มาแถมๆซะงั้น

                          ส่วนสายcoaxนี่ผลต่างกันนี่ฟังง่ายกว่่าusbเยอะครับ

                          สายทองแดงชุบเงิน สายเงินแกนเดียว สายเงินแกนฝอย เสียงต่างกันครับ

                          สายเดียวกันคอนเนคเตอร์คนละรุ่น ทองแดงชุบทองกับเงินเสียงก็ต่างกันแล้วครับ
                          Last edited by puitam; 4 Nov 2011, 00:45:25.

                          Comment


                          • #14
                            Originally posted by MONOLAB View Post
                            USB นี้ผมฟังไม่ค่อยออกจริงๆครับถ้าสาย อนาล็อกยังพอฟังออกครับ ตอนนี้ยังใช้ สายปริ้นเตอร์ HP ฟังอยู่เลย
                            ผมตลกที่ ว่าจากประสบการณ์น้อยนิดที่เคยเทียบมา
                            สายอนาล้อค อินเตอร์คอนเน็คที่ต่อระหว่างDAC/sc>> ไปแอมป์หรือแอมป์หูฟัง
                            ผมกลับแยกไม่ค่อยจะออกแต่ถ้าสายไฟacหรือสายcoax s/pdifผมกลับรู้สึกต่างกันง่ายกว่า
                            อันนี้ก็ไม่รู้หูตัวเองเพี้ยนรึไง

                            Comment


                            • #15
                              มาช่วยสนับสนุนเรื่องสาย USB เปลี่ยนแล้วเสียงดีอันนี้จริงครับ
                              ผมมีแค่ประสบการณ์นิดหน่อยๆ ไม่ได้เรียนอะไรมาหรอกครับ
                              แต่วิจัยเกี่ยวกับ Logic USB BUS พวกนี้มาพอสมควร ทดลองทำ
                              ลองผิดลองถูกหมดไปก็หลายแล้ว = =''

                              เรื่องสัญญาน มีผลครับสำหรับ USB แต่มันน้อยมากเพราะมันส่งมาเป็น ดิจิตอล
                              แต่เรื่อง USB BUS Power VBUS นี้มีเหตุผลสนับสนุนครับว่าทำไมถึงเปลี่ยนสายให้ดีขึ้น
                              เสียงถึงดีขึ้นตามมาเห็นๆเนื่องมาจากวงจร USB RECEIVER ชิบบางตัวยังต้องอาศัย
                              ไฟจาก VBUS ในการทำงานรวมถึง บางวงจรยังใช้ในภาค Logic Buffer ซึ่งการเปลี่ยนสายให้ดีขึ้น
                              ส่งผลให้กระแสะไฟของส่วน VBUS เดินทางมาที่วงจรและไปสุดที่ สาย Ground ได้สะดวกครับ
                              ในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เห็นผลมากที่สุดว่าทำไมเปลี่ยนสาย USB คุณภาพเสียงจึงดีขึ้นครับ
                              ซึ้งสายมันก็คือตัวนำไฟฟ้าดีๆนี้เองถ้าตัวนำแย่คุณภาพก็แย่ตาม ถ้ายิ่งเป็นสายยาวๆด้วย
                              ยิ่งต้องการสายที่มีคุณภาพดีเป็นพิเศษ

                              อันนี้ที่เคยทดลองฟังกับ DAC PCM2702 ซึ่งผมออกแบบวงจรเป็น
                              High Performance BUS Power พอเปลี่ยนสาย USB เป็นสายหนาๆขึ้นนำกระแสะได้ดีขึ้น
                              เสียงเปลี่ยนไปเลยทันทีครับ

                              แต่ยังต้องคำนึ่งถึงคุณภาพกระแสะไฟจาก Power Supply ด้วยนะครับเพราะ
                              ความเสถียรและคุณภาพของไฟในส่วนนี้มีผลต่อ VBUS มาก
                              Last edited by MONOLAB; 4 Nov 2011, 01:08:00.

                              Comment

                              Working...
                              X