Announcement

Collapse
No announcement yet.

ปุ่มปรับ Hz ( 0 - 200 Hz )บน subwoofer มีไว้เพื่ออะไร และต้องปรับอย่างไร

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • ปุ่มปรับ Hz ( 0 - 200 Hz )บน subwoofer มีไว้เพื่ออะไร และต้องปรับอย่างไร

    สอบถามหน่อยครับ บน subwoofer( ของผม klipsch sw350 ) จะมีปุ่มปรับค่า Hz ให้เลือกระหว่าง 0 - 200 Hz อยากรู้ว่ามันมีความสำคัญยังไงบ้างคับ และเวลาจะปรับเป็นเท่าไหร่ ต้องดูจากอะไร และจะมีผลกับเสียงยังไงบ้างครับ

  • #2
    เอาไว้ตัด crossover เสียงความถี่ต่ำเพื่อให้เสียงกลมกลืนกับคู่หน้า ปกติก็ให้ตัดเยื้องกับความถี่ต่ำที่คู่หน้าลงได้นิดหน่อย

    Comment


    • #3
      วางพื้นปรับประมาณ80-100 Hz วางหิ้งประมาณ100-120 Hz ลองไปปรับดู อย่าลืมหาตำแหน่งวางซับดีๆด้วยนะครับ

      Comment


      • #4
        Originally posted by Aof555 View Post
        วางพื้นปรับประมาณ80-100 Hz วางหิ้งประมาณ100-120 Hz ลองไปปรับดู อย่าลืมหาตำแหน่งวางซับดีๆด้วยนะครับ
        +1 ตามนั้นเลยครับ ที่สำคัญหาตำเหน่งวางซับดีๆครับ วางตำเหน่งไม่ดี เสียงห่วยทันที ครับ

        Comment


        • #5
          เดี๋ยวไปลองก่อนครับ ของผมวางพื้นครับ........ขอบคุณ comment ทุกคนคับ

          Comment


          • #6
            ผมชอบที่ 50 มากกว่า หุหุ

            แต่ถ้าที่ซาวการ์ดปรับได้ก็ปรับไปแล้วก็ไม่ต้องไปสนใจมันนะครับ
            แน่นอนกว่าครับ

            Comment


            • #7
              Originally posted by mooh View Post
              ผมชอบที่ 50 มากกว่า หุหุ

              แต่ถ้าที่ซาวการ์ดปรับได้ก็ปรับไปแล้วก็ไม่ต้องไปสนใจมันนะครับ
              แน่นอนกว่าครับ
              ไม่ทราบว่าใช้ลำโพงยี่ห้ออะไรรุ่นอะไรครับจะไปหาฟังดูหน่อย เท่าที่ผมลองมากับตัวเอง
              การที่สามารถปรับซับลงมาถึง50Hz ได้ต้องมีลำโพงหลักที่ความถี่ต่ำลงได้ดีจนถึงระดับ
              20-30 Hz เลยนะครับ เพราะถือว่าเป็นความถี่ครึ่งหนึ่งของจุดตัด
              และถ้าหากลำโพงหลักลงได้ไม่ถึง25HZ จะเป็นการแสดงต่ำแหน่งที่ตั้งซับได้ชัดเจนครับ

              Comment


              • #8
                เท่าที่เคยใช้มาถ้าฟังเพลง ตั้งตัดให้มันใกล้คู่หน้าเสียงมันจะกลมกลืนดีเช่นคู่หน้ารองรับต่ำได้ 55Hz อาจจะตั้ง Sub ตัดสัก 55-65Hz(แต่ถ้า Sub กับคู่หน้าเป็นยี้ห้อและซีรี่เดียวกันบ้างครั้งตัดสูงๆมันก็ยังกลืนกันอยู่)

                แต่ถ้าใช้คู่หน้าชุดเดียวกับด้านบนมาดูหนังไม่เน้นความกลมกลืนตั้งตัดสูงๆสัก 70-80Hz ก็ตูมตามดี(แต่ฟังเพลงแล้วไม่เนียนไปกับคู่หน้า)


                อันนี้สมัยใช้คู่หน้าเป็น MS-Carnival และ Sub เป็น MS-Carnival เหมือนกันตัดตัดไว้สูงๆฟังเพลงเสียงก็ยังกลมกลืนกันอยู่(ลำโพงลงต่ำได้ 55Hz ตัด Sub ที่ 80-85Hz ยังฟังเพลงเนียนๆ)



                อันนี้ต่อมาเปลี่ยนคุ่หน้าเป็น MS-Aviano และ Sub เป็น Klipsch Sub-10 ตัดไว้สูงๆไม่ได้เลยฟังเพลงเสียงไม่กลมกลืนกัน(ลำโพงคู่หน้าลงต่ำได้ 45Hz ตัด Sub ที่ 50-55Hz ถึงจะฟังเพลงแล้วกลมกลืนกัน)

                Last edited by JO; 13 Oct 2011, 19:17:23.

                Comment


                • #9
                  ปรับไปที่ความถี่ประมาณ 50-60 Hz เพื่อเติมความรู้สึกบางอย่างที่ลำโพง วูฟเฟอร์ ให้ไม่ได้
                  ความดัง เอาแค่พอรู้สึก
                  แยกให้ออกครับ ระหว่าง ซับวูฟเฟอร์ กับ วูฟเฟอร์
                  ความเคยชินของคนทั่วไป มักจะปรับความย่านความถี่ของ ซับวูฟเฟอร์ เกยซ้อน กับ วูฟเฟอร์ และมักจะเร่งเสียง ซับวูฟเฟอร์ ดังจนเกินพอดี
                  Last edited by soh; 14 Oct 2011, 10:26:22.

                  Comment


                  • #10
                    ผมขี้เกียจพิมพ์ก็อปมาวางเลยล่ะกัน เครดิตคุณชุมพล มุสิกานนท์
                    ข้อมูลมีประโยชน์น่าอ่านดีครับ

                    มีท่านผู้อ่านเป็นจำนวนมากที่เล่นเครื่องเสียงในระบบโฮมเธียเตอร์อันประกอบไปด้วยลำโพงหลัก ลำโพงเซนเตอร์ ลำโพงเซอร์ราวนด์ และลำโพงแอ็คทีฟซับวูฟเฟอร์ ท่านเหล่านี้มีคำถามคล้ายๆ กัน คือ จะปรับตั้งค่าต่างๆ ที่ตัวรีซีฟเวอร์อย่างไร? และโดยเฉพาะที่ผมถูกถามบ่อยครั้งที่สุด คือ การปรับตั้งซับวูฟเฟอร์อย่างไรให้ถูกต้อง? คำถามนี้น่าจะรวมไปถึงการหาตำแหน่งจัดวางซับวูฟเฟอร์ที่เหมาะสมที่สุดภายในห้อง
                    ด้วย เพราะแม้ว่าคุณจะปรับตั้งค่าอะไรต่างๆ ให้กับซับวูฟเฟอร์อย่างถูกต้องแล้ว แต่ถ้าคุณนำมันไปวางไว้ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมก็อาจจะทำให้เสียงความถี่ต่างๆ (เบสส์) บางเกินไป หรือไม่ก็บวมคราง สถานเบาอาจจะแค่ "ฟ้องตำแหน่ง........." ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างความรำคาญหูทั้งนั้น

                    ในทางทฤษฎีเสียง ความถี่ต่ำหรือเสียงเบสส์ ไม่มีทิศทางเหมือนกับเสียงกลางและเสียงแหลม ดังนั้น เราน่าจะวางซับวูฟเฟอร์ไว้ตรงไหนของห้องก็ได้ แต่ในทางปฏิบัติคุณจะต้องเลือกตำแหน่งที่วางให้ซับวูฟเฟอร์ เพื่อให้ให้เสียงออกมาผสมผสานกลมกลืนกับลำโพงหลักตัวอื่นๆ มากที่สุด ไม่ว่าคุณจะใช้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ที่มาพร้อมกับลำโพงแซทเทิลไลท์ หรือเป็นซับวูฟเฟอร์คนละยี่ห้อที่ซื้อมาภายหลังก็ตาม คุณควรจะพิถีพิถันในการเซ็ทอัพ เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด ผมมีขั้นตอนการปรับตั้งค่าซับวูฟเฟอร์อย่างง่ายๆ มาฝากกันดังต่อไปนี้ครับ

                    1. สำรวจและวางแผนการจัดชุดเครื่องเสียงก่อนที่จะซื้อ รวมทั้งอ่านคู่มือที่ให้มากับสินค้าก่อนทุกครั้ง ตำแหน่งที่ให้ปริมาณเสียงเบสส์มากที่สุด คือ การวางซับวูฟเฟอร์ของคุณไว้ชิดมุมห้องด้านใดด้านหนึ่ง เนื่องจากมีเรื่องการสะท้อนเสียงมาเกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตาม การวางซับวูฟเฟอร์ในลักษณะนี้ไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากว่าจะให้เสียงเบสส์ที่มีแต่ปริมาณแต่ไม่ได้คุณภาพ หรือจะได้เสียงเบสส์ที่บวมมากเกินไปจนกลบรายละเอียดของหัวโน้ตไปหมด ในคู่มือติดตั้งซับวูฟเฟอร์ส่วนมากจะแนะนำให้วาง***งจากผนังห้องทั้งสองด้านมาประมาณ 5-6 ฟุต ซึ่งถ้าหากซับวูฟเฟอร์ของคุณเป็นชนิดยิงออกหน้า มีท่อระบายลมออกด้านหลัง คุณจะต้องเว้นระยะ***งจากผนังห้องมากขึ้น ปัจจุบันยังมีแอ็คทีฟซับวูฟเฟอร์ชนิดยิงลงพื้นขายอยู่ในท้องตลาด ซับวูฟเฟอร์ลักษณะนี้ไม่ต้องการระยะ***งจากผนังเท่ากับชนิดชนิดที่ยิงออกด้านหน้า แต่สำหรับการฟังเพลงแล้ว ซับวูฟเฟอร์ชนิดยิงออกด้านหน้าจะให้รายละเอียดของเบสส์ที่ดีกว่าอยู่บ้าง ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าได้เซ็ทอัพลงตัวที่สุดแล้วทั้งสองแบบ



                    2. หาผู้ช่วยเหลือสักคน เวลาที่จะทำการเซ็ตอัพซับวูฟเฟอร์ เพื่อความสะดวกและย่นระยะเวลา ไม่เช่นนั้นหากคุณทำมันอยู่คนเดียวแล้วล่ะก็ คุณจะต้องเดินกลับไปกลับมาเหมือนกับเสือติดจั่น โดยเฉพาะในช่วงเวลาของการปรับตั้งครั้งสุดท้ายที่เป็นการลด / เพิ่มระดับต่างๆ ที่ต้องการความละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง

                    3. เซ็ทอัพลำโพงคู่หน้าให้ได้ตำแหน่งที่เหมาะสมเสียก่อน

                    4. หาตำแหน่งที่วางซับวูฟเฟอร์ วิธีที่ง่ายที่สุด คือ ขณะที่ยังปิดซับวูฟเฟอร์อยู่ ให้คุณตั้งค่ารีซีฟเวอร์ของคุณไปที่ SUBWOOFER = OFF แล้วลองสังเกตว่าเวลาคุณนั่งฟังเพลงหรือดูหนังอยู่นั้น คุณได้ยินเสียงเบสส์ออกมาจากตำแหน่งใด ให้เอาซับวูฟเฟอร์ไปวางไว้ ณ ตำแหน่งนั้น โดยที่ยังไม่ต้องใส่สไปค์ เพราะยังต้องขยับหาตำแหน่งที่ดีกว่าอีกครั้ง (คุณอาจจะต้องการคนช่วยฟังในขั้นตอนนี้ หากยังไม่แน่ใจในการฟังจำแนกตำแหน่ง)

                    5. ขั้นตอนของการเชื่อมต่อสาย คุณต้องปิดเครื่องเสียงทั้งหมดก่อน หมุนปุ่ม VOLUME ของซับวูฟเฟอร์ไปที่ 0 ปรับ CROSSOVER ให้อยู่ในตำแหน่งประมาณ 150 Hz อย่าเพิ่งเปิดซับวูฟเฟอร์ ต่อสายสัญญาณจากรีซีฟเวอร์มาเข้าซับวูฟเฟอร์ หรือถ้าเป็นการต่อเข้าช่อง INPUT ของลำโพง ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าต่อถูกขั้วแล้ว

                    6. ปรับตั้งระดับเสียงให้ซับวูฟเฟอร์ เปิดซับวูฟเฟอร์ ค่อยๆ เพิ่มระดับโวลุ่มของซับวูฟเฟอร์ทีละน้อย ในตอนแรกเสียงที่ได้ยินจากซับวูฟเฟอร์จะแตกต่างจากเสียงที่ออกมาจากลำโพงหลัก ค่อยๆ จูนจนกระทั่งเสียงเริ่มจะผสมผสานกลมกลืนกับลำโพงหลัก เพิ่มระดับเสียงจนเริ่มจะแตกต่างอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นให้ปรับโวลุ่มลดลงไปยังตำแหน่งที่เสียงกลมกลืนกันมากที่สุด จดระดับนี้ไว้ในกระดาษเพื่อจะได้ทราบการเปลี่ยนแปลง

                    ในขั้นตอนนี้ คุณอาจจะใช้แผ่นพิเศษที่เป็น SOUND CHECK สำหรับการเซ็ทอัพ หรือทดสอบเครื่องเสียงโดยเฉพาะก็ได้

                    7. ปรับตั้งค่าครอสโอเวอร์ เพื่อเลือกจุดตัดแบ่งความถี่ที่เหมาะสม วิธีการในขั้นตอนนี้ คือ เริ่มลดระดับของปุ่มตั้งค่าครอสโอเวอร์ลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคุณได้ยินเสียงจากซับวูฟเฟอร์ และเสียงลำโพงด้านซ้ายขวาแยกจากกัน ค่อยๆ หมุนปุ่มกลับมาทีละนิดจนกระทั่งเสียงของลำโพงกลมกลืนกันดี ระดับที่นิยมตั้งจุดตัดให้ครอสโอเวอร์ของลำโพงซับวูฟเฟอร์ คือ 80-100 Hz ถ้าหากลำโพงซ้าย / ขวา ของคุณเป็นลำโพงวางพื้นขนาดไม่ใหญ่มาก หรือ 100-120 Hz ถ้าลำโพงของคุณเป็นลำโพงชั้นวางบนขาตั้ง



                    อย่างไรก็ตาม การเลือกจุดตัดให้ซับวูฟเฟอร์ทำงานตั้งแต่ 80 Hz ลงไปนั้น หมายถึงว่าลำโพงคู่หลักจะต้องตอบสนองลงไปได้อย่างราบเรียบจนไปถึง 40 Hz หรือความถี่เป็นครึ่งหนึ่งของความถี่ที่จุดตัด ในความเป็นจริงหาลำโพงอย่างนั้นยากครับ ดังนั้น จุดตัดครอสโอเวอร์จึงมักจะอยู่ราวๆ 100 Hz ซึ่งจะมีความยาวคลื่นประมาณ 8.5 เมตร ครึ่งหนึ่งของความยาวคลื่นเท่ากับ 4.25 เมตร ซึ่งสูสีกับความกว้างของห้องฟังทั่วๆ ไป แต่หากตัดที่สูงขึ้นกว่านี้ หรือห้องกว้างกว่านี้ ตำแหน่งของซับวูฟเฟอร์ก็จะปรากฏออกมาชัดเจนขึ้น ในห้องขนาดใหญ่มากๆ จึงจำเป็นต้องใช้ซับวูฟเฟอร์คู่

                    8. การปรับเฟส โดยที่ปรับไว้ที่ 0 องศา ก่อน เร่งโวลุ่มที่ตู้ซับวูฟเฟอร์ให้ดังกว่าระดับที่ตั้งไว้ในข้อ 6. เล็กน้อย ลองฟังดูว่าเสียงเบสส์ที่ดังออกมานั้นมีอาการ "หุบ" หรือไม่ ถ้า "หุบ" และซาวนด์สเตจผิดรูปผิดร่าง บิดเบี้ยว ให้ลองเปลี่ยนสวิทช์เฟสไปที่ 180 องศา แล้วฟังใหม่ ถ้าเสียงดีกว่าเดิมให้ลดโวลุ่มของซับวูฟเฟอร์ลงไปอยู่ในตำแหน่งเดิม ก่อนเร่งขึ้น แล้วจดไว้ในกระดาษเพื่อจะได้ทราบความเปลี่ยนแปลง

                    9. ใส่สไปค์ให้ตู้ซับวูฟเฟอร์ โดยให้ปลายแหลมจิกลงบนพื้น แล้วปรับจูนโดยละเอียดอีกครั้ง โดยให้ผู้ช่วยของคุณลงมือแล้วคุณเป็นผู้นั่งฟัง

                    10. หากทำตามขั้นตอนต่างๆ แล้วพบว่าเสียงเบสส์ในห้องมีความดังไม่สม่ำเสมอในจุดต่างๆ เช่น พอจะโน้มตัวไปข้างหน้า ปรากฏว่าเบสส์หายวูบไปเลย แสดงว่ามีแสตนดิ้งเวฟในห้อง แล้วอาจต้องขยับซับวูฟเฟอร์ออกจากตำแหน่งเดิม หรือเพิ่มอุปกรณ์ปรับสภาพอะคูสติกจำพวก TRAP เข้าไปที่มุมห้อง.

                    Comment


                    • #11
                      กระทู้ล่าสุดนี่ ละเอียดดีแท้....ขอบคุณนะครับ ถือว่ามา share ๆ กันคับ

                      Comment


                      • #12
                        Originally posted by Aof555 View Post
                        ผมขี้เกียจพิมพ์ก็อปมาวางเลยล่ะกัน เครดิตคุณชุมพล มุสิกานนท์
                        ข้อมูลมีประโยชน์น่าอ่านดีครับ

                        มีท่านผู้อ่านเป็นจำนวนมากที่เล่นเครื่องเสียงในระบบโฮมเธียเตอร์อันประกอบไปด้วยลำโพงหลัก ลำโพงเซนเตอร์ ลำโพงเซอร์ราวนด์ และลำโพงแอ็คทีฟซับวูฟเฟอร์ ท่านเหล่านี้มีคำถามคล้ายๆ กัน คือ จะปรับตั้งค่าต่างๆ ที่ตัวรีซีฟเวอร์อย่างไร? และโดยเฉพาะที่ผมถูกถามบ่อยครั้งที่สุด คือ การปรับตั้งซับวูฟเฟอร์อย่างไรให้ถูกต้อง? คำถามนี้น่าจะรวมไปถึงการหาตำแหน่งจัดวางซับวูฟเฟอร์ที่เหมาะสมที่สุดภายในห้อง
                        ด้วย เพราะแม้ว่าคุณจะปรับตั้งค่าอะไรต่างๆ ให้กับซับวูฟเฟอร์อย่างถูกต้องแล้ว แต่ถ้าคุณนำมันไปวางไว้ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมก็อาจจะทำให้เสียงความถี่ต่างๆ (เบสส์) บางเกินไป หรือไม่ก็บวมคราง สถานเบาอาจจะแค่ "ฟ้องตำแหน่ง........." ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างความรำคาญหูทั้งนั้น

                        ในทางทฤษฎีเสียง ความถี่ต่ำหรือเสียงเบสส์ ไม่มีทิศทางเหมือนกับเสียงกลางและเสียงแหลม ดังนั้น เราน่าจะวางซับวูฟเฟอร์ไว้ตรงไหนของห้องก็ได้ แต่ในทางปฏิบัติคุณจะต้องเลือกตำแหน่งที่วางให้ซับวูฟเฟอร์ เพื่อให้ให้เสียงออกมาผสมผสานกลมกลืนกับลำโพงหลักตัวอื่นๆ มากที่สุด ไม่ว่าคุณจะใช้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ที่มาพร้อมกับลำโพงแซทเทิลไลท์ หรือเป็นซับวูฟเฟอร์คนละยี่ห้อที่ซื้อมาภายหลังก็ตาม คุณควรจะพิถีพิถันในการเซ็ทอัพ เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด ผมมีขั้นตอนการปรับตั้งค่าซับวูฟเฟอร์อย่างง่ายๆ มาฝากกันดังต่อไปนี้ครับ

                        1. สำรวจและวางแผนการจัดชุดเครื่องเสียงก่อนที่จะซื้อ รวมทั้งอ่านคู่มือที่ให้มากับสินค้าก่อนทุกครั้ง ตำแหน่งที่ให้ปริมาณเสียงเบสส์มากที่สุด คือ การวางซับวูฟเฟอร์ของคุณไว้ชิดมุมห้องด้านใดด้านหนึ่ง เนื่องจากมีเรื่องการสะท้อนเสียงมาเกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตาม การวางซับวูฟเฟอร์ในลักษณะนี้ไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากว่าจะให้เสียงเบสส์ที่มีแต่ปริมาณแต่ไม่ได้คุณภาพ หรือจะได้เสียงเบสส์ที่บวมมากเกินไปจนกลบรายละเอียดของหัวโน้ตไปหมด ในคู่มือติดตั้งซับวูฟเฟอร์ส่วนมากจะแนะนำให้วาง***งจากผนังห้องทั้งสองด้านมาประมาณ 5-6 ฟุต ซึ่งถ้าหากซับวูฟเฟอร์ของคุณเป็นชนิดยิงออกหน้า มีท่อระบายลมออกด้านหลัง คุณจะต้องเว้นระยะ***งจากผนังห้องมากขึ้น ปัจจุบันยังมีแอ็คทีฟซับวูฟเฟอร์ชนิดยิงลงพื้นขายอยู่ในท้องตลาด ซับวูฟเฟอร์ลักษณะนี้ไม่ต้องการระยะ***งจากผนังเท่ากับชนิดชนิดที่ยิงออกด้านหน้า แต่สำหรับการฟังเพลงแล้ว ซับวูฟเฟอร์ชนิดยิงออกด้านหน้าจะให้รายละเอียดของเบสส์ที่ดีกว่าอยู่บ้าง ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าได้เซ็ทอัพลงตัวที่สุดแล้วทั้งสองแบบ



                        2. หาผู้ช่วยเหลือสักคน เวลาที่จะทำการเซ็ตอัพซับวูฟเฟอร์ เพื่อความสะดวกและย่นระยะเวลา ไม่เช่นนั้นหากคุณทำมันอยู่คนเดียวแล้วล่ะก็ คุณจะต้องเดินกลับไปกลับมาเหมือนกับเสือติดจั่น โดยเฉพาะในช่วงเวลาของการปรับตั้งครั้งสุดท้ายที่เป็นการลด / เพิ่มระดับต่างๆ ที่ต้องการความละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง

                        3. เซ็ทอัพลำโพงคู่หน้าให้ได้ตำแหน่งที่เหมาะสมเสียก่อน

                        4. หาตำแหน่งที่วางซับวูฟเฟอร์ วิธีที่ง่ายที่สุด คือ ขณะที่ยังปิดซับวูฟเฟอร์อยู่ ให้คุณตั้งค่ารีซีฟเวอร์ของคุณไปที่ SUBWOOFER = OFF แล้วลองสังเกตว่าเวลาคุณนั่งฟังเพลงหรือดูหนังอยู่นั้น คุณได้ยินเสียงเบสส์ออกมาจากตำแหน่งใด ให้เอาซับวูฟเฟอร์ไปวางไว้ ณ ตำแหน่งนั้น โดยที่ยังไม่ต้องใส่สไปค์ เพราะยังต้องขยับหาตำแหน่งที่ดีกว่าอีกครั้ง (คุณอาจจะต้องการคนช่วยฟังในขั้นตอนนี้ หากยังไม่แน่ใจในการฟังจำแนกตำแหน่ง)

                        5. ขั้นตอนของการเชื่อมต่อสาย คุณต้องปิดเครื่องเสียงทั้งหมดก่อน หมุนปุ่ม VOLUME ของซับวูฟเฟอร์ไปที่ 0 ปรับ CROSSOVER ให้อยู่ในตำแหน่งประมาณ 150 Hz อย่าเพิ่งเปิดซับวูฟเฟอร์ ต่อสายสัญญาณจากรีซีฟเวอร์มาเข้าซับวูฟเฟอร์ หรือถ้าเป็นการต่อเข้าช่อง INPUT ของลำโพง ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าต่อถูกขั้วแล้ว

                        6. ปรับตั้งระดับเสียงให้ซับวูฟเฟอร์ เปิดซับวูฟเฟอร์ ค่อยๆ เพิ่มระดับโวลุ่มของซับวูฟเฟอร์ทีละน้อย ในตอนแรกเสียงที่ได้ยินจากซับวูฟเฟอร์จะแตกต่างจากเสียงที่ออกมาจากลำโพงหลัก ค่อยๆ จูนจนกระทั่งเสียงเริ่มจะผสมผสานกลมกลืนกับลำโพงหลัก เพิ่มระดับเสียงจนเริ่มจะแตกต่างอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นให้ปรับโวลุ่มลดลงไปยังตำแหน่งที่เสียงกลมกลืนกันมากที่สุด จดระดับนี้ไว้ในกระดาษเพื่อจะได้ทราบการเปลี่ยนแปลง

                        ในขั้นตอนนี้ คุณอาจจะใช้แผ่นพิเศษที่เป็น SOUND CHECK สำหรับการเซ็ทอัพ หรือทดสอบเครื่องเสียงโดยเฉพาะก็ได้

                        7. ปรับตั้งค่าครอสโอเวอร์ เพื่อเลือกจุดตัดแบ่งความถี่ที่เหมาะสม วิธีการในขั้นตอนนี้ คือ เริ่มลดระดับของปุ่มตั้งค่าครอสโอเวอร์ลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคุณได้ยินเสียงจากซับวูฟเฟอร์ และเสียงลำโพงด้านซ้ายขวาแยกจากกัน ค่อยๆ หมุนปุ่มกลับมาทีละนิดจนกระทั่งเสียงของลำโพงกลมกลืนกันดี ระดับที่นิยมตั้งจุดตัดให้ครอสโอเวอร์ของลำโพงซับวูฟเฟอร์ คือ 80-100 Hz ถ้าหากลำโพงซ้าย / ขวา ของคุณเป็นลำโพงวางพื้นขนาดไม่ใหญ่มาก หรือ 100-120 Hz ถ้าลำโพงของคุณเป็นลำโพงชั้นวางบนขาตั้ง



                        อย่างไรก็ตาม การเลือกจุดตัดให้ซับวูฟเฟอร์ทำงานตั้งแต่ 80 Hz ลงไปนั้น หมายถึงว่าลำโพงคู่หลักจะต้องตอบสนองลงไปได้อย่างราบเรียบจนไปถึง 40 Hz หรือความถี่เป็นครึ่งหนึ่งของความถี่ที่จุดตัด ในความเป็นจริงหาลำโพงอย่างนั้นยากครับ ดังนั้น จุดตัดครอสโอเวอร์จึงมักจะอยู่ราวๆ 100 Hz ซึ่งจะมีความยาวคลื่นประมาณ 8.5 เมตร ครึ่งหนึ่งของความยาวคลื่นเท่ากับ 4.25 เมตร ซึ่งสูสีกับความกว้างของห้องฟังทั่วๆ ไป แต่หากตัดที่สูงขึ้นกว่านี้ หรือห้องกว้างกว่านี้ ตำแหน่งของซับวูฟเฟอร์ก็จะปรากฏออกมาชัดเจนขึ้น ในห้องขนาดใหญ่มากๆ จึงจำเป็นต้องใช้ซับวูฟเฟอร์คู่

                        8. การปรับเฟส โดยที่ปรับไว้ที่ 0 องศา ก่อน เร่งโวลุ่มที่ตู้ซับวูฟเฟอร์ให้ดังกว่าระดับที่ตั้งไว้ในข้อ 6. เล็กน้อย ลองฟังดูว่าเสียงเบสส์ที่ดังออกมานั้นมีอาการ "หุบ" หรือไม่ ถ้า "หุบ" และซาวนด์สเตจผิดรูปผิดร่าง บิดเบี้ยว ให้ลองเปลี่ยนสวิทช์เฟสไปที่ 180 องศา แล้วฟังใหม่ ถ้าเสียงดีกว่าเดิมให้ลดโวลุ่มของซับวูฟเฟอร์ลงไปอยู่ในตำแหน่งเดิม ก่อนเร่งขึ้น แล้วจดไว้ในกระดาษเพื่อจะได้ทราบความเปลี่ยนแปลง

                        9. ใส่สไปค์ให้ตู้ซับวูฟเฟอร์ โดยให้ปลายแหลมจิกลงบนพื้น แล้วปรับจูนโดยละเอียดอีกครั้ง โดยให้ผู้ช่วยของคุณลงมือแล้วคุณเป็นผู้นั่งฟัง

                        10. หากทำตามขั้นตอนต่างๆ แล้วพบว่าเสียงเบสส์ในห้องมีความดังไม่สม่ำเสมอในจุดต่างๆ เช่น พอจะโน้มตัวไปข้างหน้า ปรากฏว่าเบสส์หายวูบไปเลย แสดงว่ามีแสตนดิ้งเวฟในห้อง แล้วอาจต้องขยับซับวูฟเฟอร์ออกจากตำแหน่งเดิม หรือเพิ่มอุปกรณ์ปรับสภาพอะคูสติกจำพวก TRAP เข้าไปที่มุมห้อง.
                        จดๆๆ เลยอ่าคับ ฟามรุ้

                        Comment


                        • #13
                          ปรบมือให้เลยครับ ++++++++++ ผู้รู้จริง


                          Originally posted by Aof555 View Post
                          ผมขี้เกียจพิมพ์ก็อปมาวางเลยล่ะกัน เครดิตคุณชุมพล มุสิกานนท์
                          ข้อมูลมีประโยชน์น่าอ่านดีครับ

                          มีท่านผู้อ่านเป็นจำนวนมากที่เล่นเครื่องเสียงในระบบโฮมเธียเตอร์อันประกอบไปด้วยลำโพงหลัก ลำโพงเซนเตอร์ ลำโพงเซอร์ราวนด์ และลำโพงแอ็คทีฟซับวูฟเฟอร์ ท่านเหล่านี้มีคำถามคล้ายๆ กัน คือ จะปรับตั้งค่าต่างๆ ที่ตัวรีซีฟเวอร์อย่างไร? และโดยเฉพาะที่ผมถูกถามบ่อยครั้งที่สุด คือ การปรับตั้งซับวูฟเฟอร์อย่างไรให้ถูกต้อง? คำถามนี้น่าจะรวมไปถึงการหาตำแหน่งจัดวางซับวูฟเฟอร์ที่เหมาะสมที่สุดภายในห้อง
                          ด้วย เพราะแม้ว่าคุณจะปรับตั้งค่าอะไรต่างๆ ให้กับซับวูฟเฟอร์อย่างถูกต้องแล้ว แต่ถ้าคุณนำมันไปวางไว้ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมก็อาจจะทำให้เสียงความถี่ต่างๆ (เบสส์) บางเกินไป หรือไม่ก็บวมคราง สถานเบาอาจจะแค่ "ฟ้องตำแหน่ง........." ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างความรำคาญหูทั้งนั้น

                          ในทางทฤษฎีเสียง ความถี่ต่ำหรือเสียงเบสส์ ไม่มีทิศทางเหมือนกับเสียงกลางและเสียงแหลม ดังนั้น เราน่าจะวางซับวูฟเฟอร์ไว้ตรงไหนของห้องก็ได้ แต่ในทางปฏิบัติคุณจะต้องเลือกตำแหน่งที่วางให้ซับวูฟเฟอร์ เพื่อให้ให้เสียงออกมาผสมผสานกลมกลืนกับลำโพงหลักตัวอื่นๆ มากที่สุด ไม่ว่าคุณจะใช้ลำโพงซับวูฟเฟอร์ที่มาพร้อมกับลำโพงแซทเทิลไลท์ หรือเป็นซับวูฟเฟอร์คนละยี่ห้อที่ซื้อมาภายหลังก็ตาม คุณควรจะพิถีพิถันในการเซ็ทอัพ เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด ผมมีขั้นตอนการปรับตั้งค่าซับวูฟเฟอร์อย่างง่ายๆ มาฝากกันดังต่อไปนี้ครับ

                          1. สำรวจและวางแผนการจัดชุดเครื่องเสียงก่อนที่จะซื้อ รวมทั้งอ่านคู่มือที่ให้มากับสินค้าก่อนทุกครั้ง ตำแหน่งที่ให้ปริมาณเสียงเบสส์มากที่สุด คือ การวางซับวูฟเฟอร์ของคุณไว้ชิดมุมห้องด้านใดด้านหนึ่ง เนื่องจากมีเรื่องการสะท้อนเสียงมาเกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตาม การวางซับวูฟเฟอร์ในลักษณะนี้ไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากว่าจะให้เสียงเบสส์ที่มีแต่ปริมาณแต่ไม่ได้คุณภาพ หรือจะได้เสียงเบสส์ที่บวมมากเกินไปจนกลบรายละเอียดของหัวโน้ตไปหมด ในคู่มือติดตั้งซับวูฟเฟอร์ส่วนมากจะแนะนำให้วาง***งจากผนังห้องทั้งสองด้านมาประมาณ 5-6 ฟุต ซึ่งถ้าหากซับวูฟเฟอร์ของคุณเป็นชนิดยิงออกหน้า มีท่อระบายลมออกด้านหลัง คุณจะต้องเว้นระยะ***งจากผนังห้องมากขึ้น ปัจจุบันยังมีแอ็คทีฟซับวูฟเฟอร์ชนิดยิงลงพื้นขายอยู่ในท้องตลาด ซับวูฟเฟอร์ลักษณะนี้ไม่ต้องการระยะ***งจากผนังเท่ากับชนิดชนิดที่ยิงออกด้านหน้า แต่สำหรับการฟังเพลงแล้ว ซับวูฟเฟอร์ชนิดยิงออกด้านหน้าจะให้รายละเอียดของเบสส์ที่ดีกว่าอยู่บ้าง ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าได้เซ็ทอัพลงตัวที่สุดแล้วทั้งสองแบบ



                          2. หาผู้ช่วยเหลือสักคน เวลาที่จะทำการเซ็ตอัพซับวูฟเฟอร์ เพื่อความสะดวกและย่นระยะเวลา ไม่เช่นนั้นหากคุณทำมันอยู่คนเดียวแล้วล่ะก็ คุณจะต้องเดินกลับไปกลับมาเหมือนกับเสือติดจั่น โดยเฉพาะในช่วงเวลาของการปรับตั้งครั้งสุดท้ายที่เป็นการลด / เพิ่มระดับต่างๆ ที่ต้องการความละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง

                          3. เซ็ทอัพลำโพงคู่หน้าให้ได้ตำแหน่งที่เหมาะสมเสียก่อน

                          4. หาตำแหน่งที่วางซับวูฟเฟอร์ วิธีที่ง่ายที่สุด คือ ขณะที่ยังปิดซับวูฟเฟอร์อยู่ ให้คุณตั้งค่ารีซีฟเวอร์ของคุณไปที่ SUBWOOFER = OFF แล้วลองสังเกตว่าเวลาคุณนั่งฟังเพลงหรือดูหนังอยู่นั้น คุณได้ยินเสียงเบสส์ออกมาจากตำแหน่งใด ให้เอาซับวูฟเฟอร์ไปวางไว้ ณ ตำแหน่งนั้น โดยที่ยังไม่ต้องใส่สไปค์ เพราะยังต้องขยับหาตำแหน่งที่ดีกว่าอีกครั้ง (คุณอาจจะต้องการคนช่วยฟังในขั้นตอนนี้ หากยังไม่แน่ใจในการฟังจำแนกตำแหน่ง)

                          5. ขั้นตอนของการเชื่อมต่อสาย คุณต้องปิดเครื่องเสียงทั้งหมดก่อน หมุนปุ่ม VOLUME ของซับวูฟเฟอร์ไปที่ 0 ปรับ CROSSOVER ให้อยู่ในตำแหน่งประมาณ 150 Hz อย่าเพิ่งเปิดซับวูฟเฟอร์ ต่อสายสัญญาณจากรีซีฟเวอร์มาเข้าซับวูฟเฟอร์ หรือถ้าเป็นการต่อเข้าช่อง INPUT ของลำโพง ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าต่อถูกขั้วแล้ว

                          6. ปรับตั้งระดับเสียงให้ซับวูฟเฟอร์ เปิดซับวูฟเฟอร์ ค่อยๆ เพิ่มระดับโวลุ่มของซับวูฟเฟอร์ทีละน้อย ในตอนแรกเสียงที่ได้ยินจากซับวูฟเฟอร์จะแตกต่างจากเสียงที่ออกมาจากลำโพงหลัก ค่อยๆ จูนจนกระทั่งเสียงเริ่มจะผสมผสานกลมกลืนกับลำโพงหลัก เพิ่มระดับเสียงจนเริ่มจะแตกต่างอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นให้ปรับโวลุ่มลดลงไปยังตำแหน่งที่เสียงกลมกลืนกันมากที่สุด จดระดับนี้ไว้ในกระดาษเพื่อจะได้ทราบการเปลี่ยนแปลง

                          ในขั้นตอนนี้ คุณอาจจะใช้แผ่นพิเศษที่เป็น SOUND CHECK สำหรับการเซ็ทอัพ หรือทดสอบเครื่องเสียงโดยเฉพาะก็ได้

                          7. ปรับตั้งค่าครอสโอเวอร์ เพื่อเลือกจุดตัดแบ่งความถี่ที่เหมาะสม วิธีการในขั้นตอนนี้ คือ เริ่มลดระดับของปุ่มตั้งค่าครอสโอเวอร์ลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคุณได้ยินเสียงจากซับวูฟเฟอร์ และเสียงลำโพงด้านซ้ายขวาแยกจากกัน ค่อยๆ หมุนปุ่มกลับมาทีละนิดจนกระทั่งเสียงของลำโพงกลมกลืนกันดี ระดับที่นิยมตั้งจุดตัดให้ครอสโอเวอร์ของลำโพงซับวูฟเฟอร์ คือ 80-100 Hz ถ้าหากลำโพงซ้าย / ขวา ของคุณเป็นลำโพงวางพื้นขนาดไม่ใหญ่มาก หรือ 100-120 Hz ถ้าลำโพงของคุณเป็นลำโพงชั้นวางบนขาตั้ง



                          อย่างไรก็ตาม การเลือกจุดตัดให้ซับวูฟเฟอร์ทำงานตั้งแต่ 80 Hz ลงไปนั้น หมายถึงว่าลำโพงคู่หลักจะต้องตอบสนองลงไปได้อย่างราบเรียบจนไปถึง 40 Hz หรือความถี่เป็นครึ่งหนึ่งของความถี่ที่จุดตัด ในความเป็นจริงหาลำโพงอย่างนั้นยากครับ ดังนั้น จุดตัดครอสโอเวอร์จึงมักจะอยู่ราวๆ 100 Hz ซึ่งจะมีความยาวคลื่นประมาณ 8.5 เมตร ครึ่งหนึ่งของความยาวคลื่นเท่ากับ 4.25 เมตร ซึ่งสูสีกับความกว้างของห้องฟังทั่วๆ ไป แต่หากตัดที่สูงขึ้นกว่านี้ หรือห้องกว้างกว่านี้ ตำแหน่งของซับวูฟเฟอร์ก็จะปรากฏออกมาชัดเจนขึ้น ในห้องขนาดใหญ่มากๆ จึงจำเป็นต้องใช้ซับวูฟเฟอร์คู่

                          8. การปรับเฟส โดยที่ปรับไว้ที่ 0 องศา ก่อน เร่งโวลุ่มที่ตู้ซับวูฟเฟอร์ให้ดังกว่าระดับที่ตั้งไว้ในข้อ 6. เล็กน้อย ลองฟังดูว่าเสียงเบสส์ที่ดังออกมานั้นมีอาการ "หุบ" หรือไม่ ถ้า "หุบ" และซาวนด์สเตจผิดรูปผิดร่าง บิดเบี้ยว ให้ลองเปลี่ยนสวิทช์เฟสไปที่ 180 องศา แล้วฟังใหม่ ถ้าเสียงดีกว่าเดิมให้ลดโวลุ่มของซับวูฟเฟอร์ลงไปอยู่ในตำแหน่งเดิม ก่อนเร่งขึ้น แล้วจดไว้ในกระดาษเพื่อจะได้ทราบความเปลี่ยนแปลง

                          9. ใส่สไปค์ให้ตู้ซับวูฟเฟอร์ โดยให้ปลายแหลมจิกลงบนพื้น แล้วปรับจูนโดยละเอียดอีกครั้ง โดยให้ผู้ช่วยของคุณลงมือแล้วคุณเป็นผู้นั่งฟัง

                          10. หากทำตามขั้นตอนต่างๆ แล้วพบว่าเสียงเบสส์ในห้องมีความดังไม่สม่ำเสมอในจุดต่างๆ เช่น พอจะโน้มตัวไปข้างหน้า ปรากฏว่าเบสส์หายวูบไปเลย แสดงว่ามีแสตนดิ้งเวฟในห้อง แล้วอาจต้องขยับซับวูฟเฟอร์ออกจากตำแหน่งเดิม หรือเพิ่มอุปกรณ์ปรับสภาพอะคูสติกจำพวก TRAP เข้าไปที่มุมห้อง.

                          Comment

                          Working...
                          X