Announcement

Collapse
No announcement yet.

อยากทราบความแตกต่างระหว่าง ซับที่ยิงออกด้านหน้า และซับที่ยิงลงพื้นครับ

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • #16
    เพิ่มให้อีกหน่อยครับ
    เท่าที่เคยฟังมา Active Subwoofer ที่พอจะกำหนดตำแหน่งเสียงต่ำได้ด้วยตัวมันเอง
    โดยไม่ต้องอาศัยเสียงกลางจากลำโพงซ้ายขวามาช่วย
    อย่างน้อยต้องราคาแสนขึ้นครับเช่น
    JL Audio Fathom F113
    http://home.jlaudio.com/products_subs.php?prod_id=371

    วิธีทดลองฟังเรื่องตำแหน่งเสียง
    คือเปิดแต่ Subwoofer ครับ
    ถอดลำโพงอื่นออก

    ทดลองดูเองได้ครับ
    Last edited by 282117; 21 May 2011, 23:23:54.

    Comment


    • #17
      ขอบคุณครับ^^

      Comment


      • #18
        ซับวูฟเฟอร์สำหรับฟังเพลง

        ?ครั้งแรกคิดว่าจะนำมาเสริมความถี่ต่ำๆ เป็นการแก้ไขข้อจำกัดของลำโพงเล็ก เพื่อจะได้ฟังเพลงได้หลากหลายแนวและไม่จำกัดระดับความดัง แต่เอาเข้าจริงปรับเซ็ทเท่าไรก็ไม่เข้า ไม่กลมกลืน เสียงของซับวูฟเฟอร์กลายเป็นส่วนเกิน เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจในระบบ สุดท้ายต้องยอมแพ้เพราะไม่ใช้เสียงดีกว่าใช้?

        นั่นคือปัญหาที่นักเล่นเกือบทุกคนที่นำแอ็คทีฟซับวูฟเฟอร์ (ส่วนใหญ่จะออกแบบมาสำหรับดูหนัง) มาใช้งานในแบบออดิโอ 2 แชนแนล หรือจะเรียก 2.1 แชนแนลก็ตามแต่

        หลายคนยอมแพ้โดยการเลิกใช้ซับวูฟเฟอร์ บางคนอาการหนักถึงกับขายลำโพงเล็กทิ้งไปด้วย เพื่อไปซื้อลำโพงที่ใหญ่ขึ้นเพราะอยากได้เบสส์ที่ลงได้ต่ำลึกกว่าเดิม

        แล้วก็วนเวียนเปลี่ยนลำโพงไปๆมาระหว่างลำโพงเล็กกับลำโพงใหญ่ เพราะมันมีได้มีเสียกันไปคนละแบบบนก็ไม่สุดล่างก็ไม่สุด เมื่อนำมาใช้ฟังเพลงแบบเอาจริง

        อะไรคือปัญหาของแอ็คทีฟซับวูฟเฟอร์พวกนี้?

        ปัญหาเรื่องซับวูฟเฟอร์ฟ้องตำแหน่งที่ตั้งของตู้ซับฯ มักมาจากตัวตู้ที่ไม่แข็งแรงเพียงพอ เฉพาะผนังตู้หนาๆอย่างเดียวนั้นไม่พอ ตู้ซับวูฟเฟอร์ที่ดีๆต้องมีการคาดดามโครงของตู้ มีทั้งการคาดเป็นแนวเหมือนเพิ่มกระดูกเข้าไปโดยรอบตู้ และมีส่วนที่จะดึงหรือตรึงผนังตู้ด้านตรงกันข้ามเข้าด้วยกันปัญหาเรื่องซับวูฟเฟอร์ฟ้องตำแหน่งตู้จึงไม่ได้เกิดขึ้นกับแอ็คตีฟซับวูฟเฟอร์ทุกรุ่น บางรุ่นสอบผ่านในเรื่องนี้

        ยกปัญหาเรื่องอิเลคทรอนิคส์ครอสส์โอเวอร์คุณภาพไม่ดีพอ (โดยเฉพาะในช่วงไฮพาสส์) ออกไป เพราะบางท่านไม่ได้ใช้อิเลคทรอนิคส์ครอสส์โอเวอร์ของซับวูฟเฟอร์ เพียงนำแอ็คทีฟซับมาต่อให้มันทำงานทับย่านความถี่ต่ำๆไปกับลำโพงเดิม โดนพยายามตัดให้ซับฯทำงานที่ความถี่ต่ำที่สุด

        แต่ปัญหาที่หนักหนากว่าเรื่องฟ้องตำแหน่งตู้ซับและเรื่องครอสส์โอเวอร์ และเกิดกับแอ็คตีฟซับวูฟเฟอร์แทบทุกรุ่นก็คือ ความอืด หรือจะเรียกความเฉื่อยของช่วงความถี่ต่ำๆก็ได้

        พอช่วงความถี่ต่ำๆจากซับวูฟเฟอร์อืดหรือช้ากว่าความถี่ต่ำของลำโพงเล็ก แทนที่จะเสริมหรือต่อราก (ถ้าต่อยอดคงเป็นความถี่สูงๆ เป็นซูเปอร์ทวีตเตอร์นะครับ) ให้กับลำโพงเดิม มันเลยกลายเป็นเสียงรบกวนไป

        เสียงโดยรวมคือความถี่ต่ำๆที่หนืดๆไม่มีความฉับพลัน มีน้ำหนัก แต่ขาดความแน่น นำมาซึ่งความอึดอัด อุดอู้ แย่กว่านั้นคือยังไปทำให้กลางแหลมทึมๆ ทึบๆ ลงมาอีกต่างหาก

        อะไรคือต้นเหตุของปัญหา?

        ยกปัญหาเรื่องไดรเวอร์และอุปกรณ์แอ็คทีฟ ทั้งอิเลคทรอนิคส์ครอสส์โอเวอร์และแอมปลิฟายเออร์ออกไป เพราะปัญหาเบสส์อืด เบสส์ช้า นั้นเกิดขึ้นไม่เว้นแม้แต่แอ็คทีฟซับวูฟเฟอร์หรูๆ แพงๆ ซึ่งใช้ไดรเวอร์และอุปกรณ์เกรดสูงๆทั้งสิ้น ปัญหาคือ ขนาด
        โดยปกติหากต้องการความถี่ต่ำที่ลงได้ลึกสัก 25 Hz (-3dB) จากไดรเวอร์ขนาด 12? โดยไม่ใช้วงจรอิเลคทรอนิคส์มาช่วย เราจำเป็นต้องใช้ตู้ลำโพงที่มีขนาดความจุอย่างน้อย 100 ลิตรและต้องออกแบบเบสส์โหลดดิ้งแบบตู้เปิดและบางครั้งอยากจะได้ต่ำลงไปอีกสัก 2-3 Hz นั้นอาจต้องใช้ตู้ใหญ่เพิ่มขึ้นมาเป็น 150-200 ลิตร แน่นอนมันอาจเป็นเบสส์ที่ดีมีคุณภาพ ขับไม่ยากนัก เรียกว่าเป็นโหลดที่เฟรนด์ลี่กับแอมป์พอสมควร แต่ตู้ใหญ่ขนาดนั้นยากที่จะมีใครยอมให้เข้าไปอยู่ในบ้านด้วย

        โชคดีที่มีวงจรอิเลคทรอนิคส์ที่สามารถเข้ามาจัดการให้ได้ความถี่ต่ำที่ต่ำลึก โดยไม่ต้องใช้ตู้ขนาด 2-3 ร้อยลิตร แต่โชคร้ายอยู่ที่ไปลดขนาดของตู้ลงมามากเกินไป

        ในการออกแบบลำโพงตู้เปิด ไดรเวอร์ตัวใดตัวหนึ่งจะมีปริมาตรตู้ที่ดีที่สุดสำหรับมัน นั่นหมายความว่าตู้เล็กกว่านั้นเบสส์จะลงได้ต่ำลึกน้อยลง ถ้าตู้ใหญ่กว่านั้นเบสส์อาจลงลึกกว่าแต่ก็ขาดความราบเรียบ เท่ากับไม่ได้อะไรเพิ่มขึ้นมากกว่านั้นอีกแล้ว

        หากต้องการความถี่ต่ำๆ ก็ต้องใช้ไดรเวอร์ขนาดใหญ่ (อย่างน้อยก็ 8? ขึ้นไป) มีพื้นที่ไดอะแฟรมผลักดันอากาศได้มาก ช่วงชัก (Excursion) หรือการขยับตัวเดินหน้าถอยหลังของไดอะแฟรมต้องมีความเป็นอิสระและเคลื่อนตัวได้ระยะยาวๆ

        ทั้งขนาดของไดอะแฟรมกับช่วงชักของไดรเวอร์ รวมกันออกมาเป็นค่าพารามิเตอร์ที่เรียกว่า Vas หรือ ; equivalent volume of compliance หรือค่าการหยุ่นตัวของไดรเวอร์ เมื่อเทียบออกมาเป็นปริมาตรอากาศ มักมีหน่วยเป็นลิตร

        ไดรเวอร์ยิ่งตอบสนองความถี่ได้ต่ำค่า Vas ก็ยิ่งมาก ค่า Vas ที่มากนำมาซึ่งขนาดตู้ต้องใหญ่ เพราะถ้าใช้ตู้เล็กๆความถี่ต่ำก็จะต่ำลึกไม่พอ แถมเบสส์บนๆจะโด่งขึ้นมา

        ขนาดของตู้ลำโพงกับไดรเวอร์แต่ละตัวยังสัมพันธ์กับค่าการหยุดยั้งตัวของไดอะแฟรมหลังจากสัญญาณสิ้นสุดไปแล้ว

        ในอุดมคติเมื่อสัญญาณจากแอมป์สิ้นสุดลงไดอะแฟรมควระหยุดลงทันที

        แต่ในทางปฏิบัติเมื่อสัญญาณจากแอมป์หยุด ไดอะแฟรมต้องอาศัยอีกช่วงระยะหนึ่งในการเคลื่อนตัวแกว่งเดินหน้าถอยหลัง เป็นของแถมก่อนที่จะเข้าเซ็ทตัวสู่ตำแหน่งปกติของมัน

        ค่าการหยุดยั้งของไดรเวอร์เรียกว่า Qts เป็นผลรวมมาจากค่าการหยุดยั้งตัวทางด้านกลไกฉุดรั้งไดอะแฟรมของไดรเวอร์ที่เรียกว่า Qms (มาจากเซอร์ราวนด์หรือขอบลำโพง สไปเดอร์ และน้ำหนักของชุดเคลื่อนไหว) และค่าการหยุดยั้งตัวทางด้านไฟฟ้าที่เรียกว่า Qes (มาจากการออกแบบระบบแม่เหล็กและชุดวอยซ์คอยล์)

        ค่า Q ของไดรเวอร์ยิ่งต่ำการหยุดยั้งตัวหลังจากสัญญาณสิ้นสุดยิ่งดี แต่หากต่ำเกินไปความถี่ต่ำๆจะลงไปได้ไม่ต่ำพอ เรียกว่าอาการโอเวอร์แดมป์ เบสส์จะบางเกินควร

        แต่หากค่า Q สูงเกินไป การแกว่งตัวก็ไม่ยอมหยุดง่ายๆ เรียกว่าอาการโอเวอร์ชู้ท มีปริมาณความถี่ต่ำมาก แต่ขาดความแม่นยำของจังหวะและขาดรายละเอียดของความถี่ต่ำ

        ค่า Qts ยิ่งสูงยิ่งต้องการตู้ลำโพงขนาดใหญ่ เพื่อไม่ให้การตอบสนองความถี่ต่ำโด่งขึ้นมาในช่วงเบสส์บนๆ

        ค่า Qts ที่ใช้อยู่ในไดรเวอร์ซับวูฟเฟอร์ควรมีค่าอยู่ที่ 0.3-0.45

        ค่า Vas สำหรับไดรเวอร์ขนาด 12? ที่ใช้กับซับวูฟเฟอร์มักมีค่าประมาณ 150-250 ลิตร

        ซึ่งหากออกแบบเบสส์โหลดดิ้งแบบตู้เปิดที่ให้เบสส์ราบเรียบโดยไม่ต้องฝืน ไม่ต้องใช้วงจรทางไฟฟ้ามาช่วย ต้องใช้ตู้ใหญ่ตั้งแต่ 60-250 ลิตร!

        เป็นปริมาตรตู้ที่ค่อนข้างใหญ่ถึงใหญ่มากๆ ในบางห้องบางความรู้สึก

        แต่แอ็คทีฟซับวูฟเฟอร์ในท้องตลาดทำอย่างไรกับการออกแบบ ทำไมถึงลดขนาดตู้ลงมาเหลือแค่ 25-40 ลิตรเท่านั้น

        การออกแบบช่วงความถี่ของลำโพงตู้เปิด (โดยทั่วๆไป เช่นลำโพง 2 ทาง 3 ทาง ไม่ใช้ซับวูฟเฟอร์) โดยปกติจะอ้างอิงระดับความดังแถวๆ 100 Hz เป็นจุดกลาง จะปรับจะจูนตู้และท่ออย่างไรก็ไม่ควรให้ความถี่เรสโซแนนซ์ของระบบโด่งขึ้นหรือวูบลงไปกว่าจุด 100 Hz มากนัก เพื่อรักษาสมดุลเสียงที่ถูกต้องเอาไว้

        ฉะนั้นจะเห็นว่าลำโพงไฮเอ็นด์ตู้เปิด 3 ทางที่ใช้ไดรเวอร์ขนาด 10?-12? นั้นจะใช้ปริมาตรตู้ขนาดใหญ่กว่าตู้แอ็คทีฟซับวูฟเฟอร์อย่างชัดเจน

        การออกแบบแอ็คทีฟซับวูฟเฟอร์ที่ใช้ตู้ขนาดเล็กกว่าที่ควรจะเป็น ก็เพราะผู้ออกแบบมองว่ามันเป็นระบบแอ็คทีฟ สามารถปรับความลึกของเบสส์และปรับระดับความดังให้เข้ากับลำโพงที่จะมาใช้งานร่วมด้วย ระดับความดังของความถี่ต่ำไม่ได้อ้างอิงกับความถี่ที่มาจากลำโพงหลัก

        เพราะฉะนั้นจึงยอมให้มีความถี่เรสโซแนนซ์ที่รุนแรง และตอบสนองโด่งปูดขึ้นกว่าตอนใช้งานปกติอาจจะ 2-5 dB ด้วยซ้ำไป แล้วตัดเอาเฉพาะช่วงโด่งของเรสโซแนนซ์ออกมาใช้งาน

        ส่วนความถี่ที่ต่ำกว่านั้นก็ใช้วงจรอิเลคทรอนิคส์ไปยกความถี่ขึ้นมาเพื่อให้มีความถี่ดีต่ำลึกเพียงพอ

        ในช่วงความถี่เรสโซแนนซ์ที่โด่งขึ้นมามากๆนั้น ทั้งอิมพีแดนซ์และเฟสของไดรเวอร์ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง

        การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของอิมพีแดนซ์และเฟสของไดรเวอร์ทำให้ไดรเวอร์เคลื่อนตัวไม่ตรงกับสัญญาณจริงๆที่มาจากแอมป์ และยังมีความถี่คงค้าง (Ringing) มาคอยรบกวนความถี่ใหม่ๆที่ตามมา

        นั่นคือที่มาของเบสส์ที่อืด หนืด ไม่สามารถปรับให้เข้ากับเบสส์ของลำโพงหลัก

        คัดลอกมาจาก http://www.xav-audio.com

        Comment

        Working...
        X