
เกริ่นนำ...
หลังจากที่ผมร้างราการเขียนบทความรีวิว (แบบเป็นทางการ) ไปนานมากๆ มันทำให้อารมณ์ที่ผมอยากจะถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อของสักชิ้น (ที่ผมใช้) ให้คนอื่นได้รับรู้ มันพลอยเหือดแห้งตามไปด้วย
ทั้งๆ ที่ในใจลึกๆ ของผมนั้น ผมอยากจะเขียนแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆ ได้รับทราบถึงอุปกรณ์ที่ผมใช้ทั้งในด้านดีและด้านลบอยู่หลายชิ้นด้วยกัน แต่ด้วยเวลาและหน้าที่การงานในห้วงนี้ที่มันเยอะแยะมากมายเสียเหลือเกิ๊น
มันจึงมาบดบังความอยากรู้ อยากลองและอยากถ่ายทอดเรื่องราวด้าน Head-fi ให้คนอื่นได้รับฟัง อย่างบทความนี้...ก็เป็นอะไรที่ผมต้องใช้กำลังใจของตัวเองพอสมควรที่จะเรียบเรียงข้อมูลต่างๆ ให้เป็นเรื่องเป็นราวและเป็นทางการแบบนี้
แต่ด้วยความที่เจ้า B&W PV1 Subwoofer มันเป็นอะไรที่ช่วยเปิดประสบการณ์ในการรับฟังของผมไปอีกขั้น แถมมันยังเป็นซับวูฟเฟอร์ที่ยังไม่มีใครกล่าวถึงในเมืองไทยอีกด้วย ผมก็เลยตัดสินใจที่จะเข็นบทความฉบับนี้ขึ้นมา
สำหรับเจ้า B&W PV1 Subwoofer นั้น เท่าที่ผมทราบข้อมูลและจากประสบการณ์ตรงของผม มันถือเป็นซับที่ฉีกและปฏิวัติหลักในการออกแบบซับวูฟเฟอร์ที่ยากจะหาซับวูฟเฟอร์ทั่วไปมาเทียบเคียงกับมันได้
เพราะถ้าใครได้เห็นตัวจริงและได้ฟังเสียงจริงของมันแล้ว ผมเชื่อมั่นและรับประกันเลยว่า... First Impresstion จะต้องบังเกิดขึ้นกับทุกๆ คนอย่างแน่นอน (ผมมั่นใจ!!! แต่ไม่ฟันธงน่ะ 555)
เพียงแต่ปริมาณความประทับใจของแต่ละคนอาจจะมากหรือน้อยแตกต่างกันไป ทั้งนี้ก็คงขึ้นอยู่กับเพดานบินในการฟังซับวูฟเฟอร์ของแต่ละคนแล้วว่า...ใครเคยฟังและเคยใช้ซับวูฟเฟอร์มามากน้อยแค่ไหน
สำหรับตัวผมนั้น ถือว่า...ประสบการณ์ในการผ่านซับมีอยู่พอประมาณ คือ...ไม่มากและไม่น้อย ส่วนใหญ่ก็จะอาศัยความมั่วนิ่มโดยไปตีซี้กับคนขายและขอฟังเสียงตาม Showroom เครื่องเสียงที่เราสนใจ
ดังนั้น...ระดับความประทับใจที่ผมมีต่อซับวูฟเฟอร์ตัวนี้ จึงจัดอยู่ในขั้น " มากๆ " (คือประทับใจมากกว่าคำว่ามากปกติ) ส่วนจะมากขนาดไหนก็ลองตามมาอ่านกันดูแล้วกันครับ


แต่ก่อนที่จะลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องเสียง...ผมขอพูดถึงเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกของมันเสียก่อน สำหรับตัวตู้ของเจ้า PV1 มันทำจากอลูมิเนียมขึ้นรูปเป็นทรงกลมโค้งมล (ตอนแรกไม่ทันอ่านข้อมูลโดยละเอียด...ผมนึกว่าเป็นพลาสติคแข็งขึ้นรูป)
งานประกอบ รวมถึงวัสดูและการทำสี...เข้าขั้นเนี๊ยบถึงเนี๊ยบมาก พูดง่ายๆ ว่า...เห็นแล้วสมราคาค่าตัวและสมเป็นแบรนด์ B&W จริงๆ เพราะถ้าใครเป็นแฟนของเครื่องเสียงยี่ห้อนี้ คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า...อุปกรณ์ทุกชิ้นของ B&W มันเนี๊ยบได้ใจขนาดไหน

ส่วนตัวดอกวูฟเฟอร์ เป็นดอก mica/aluminium ขนาด 8 นิ้วซึ่งมีอยู่ 2 ดอกด้วยกัน คืออยู่ทางด้านซ้ายและขวา
ส่วนจุดเชื่อมต่อต่างๆ จะอยู่ใต้ฐานด้านล่างไม่ได้อยู่ด้านหลังเหมือนซับทั่วไป ซึ่งจุดนี้แหละที่ผมคิดว่า...มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัว

สำหรับข้อดีคือ...ภาพรวมของซับจะดูสวยงามในเวลาใช้งานจริง เพราะจะไม่มีสายระเกะระกะให้รกสายตา พูดง่ายๆ ว่า...เป็นของใช้ที่สามารถนำมาใช้เป็นของโชว์หรือของตกแต่งบ้านได้
ส่วนข้อเสียคือ...เวลาจะเสียบหรือจะถอดสายสัญญาณหรือสายไฟแต่ละครั้ง ทำได้ยากลำบากมาก เพราะซับมันหนักมาก (ราวๆ 20กิโล)
เวลาจะเปลี่ยนสายก็ต้องจับมันเอียงจนเกือบจะหงายท้อง ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการทำให้ซับเป็นรอยได้ (ของผมมีแล้ว 2 ฮือๆ ฮือๆ)
และที่ดูจะเป็นข้อเสียประการสำคัญที่สุดก็คือ...เรื่องสายไฟ โดยเฉพาะคนที่ใช้สายไฟเส้นใหญ่ๆ และใช้ท้าย IEC (เลข8) ตัวใหญ่ เพราะตัวท้าย IEC จะยื่นไปยันกับพื้นเวลาคว่ำซับวูฟเฟอร์ลงหลังจากทำการเสียบสายไฟเสร็จแล้ว
อย่างสายที่ผมใช้อยู่ทุกวันนี้ ผมใช้สายไฟของ Furutech 3TS762 + Furutech FI-8N(R) พอเสียบสายไฟปุ๊บสรุปว่า...ผมคว่ำซับวูฟเฟอร์วางกับพื้นไม่ได้ เพราะท้าย IEC มันค้ำยันกับพื้นอยู่
งานนี้...ผมเลยต้องไปหาซื้อไม้เมเปิลชนิดหนึ่ง (ที่เค้าใช้ทำกีต้าร์และเปียโนระดับเทพ ซึ่งนักเล่นเครื่องเสียงท่านหนึ่งแนะนำให้ผมหามาวางใต้ซับวูฟเฟอร์) เพื่อจะได้เทิร์นให้ตัวซับวูฟเฟอร์สูงขึ้น ท้าย IEC จะได้ไม่ยันกับพื้น
และที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ...เพื่อให้เสียงเบสมีคุณภาพที่ดีขึ้นอีกด้วย


แต่ด้วยเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงในครั้งนี้...ผมจึงได้พบกับอภินิหารของไม้ชนิดนี้อย่างที่ตัวผมเองก็ไม่อยากที่จะเชื่อว่ามันจะมีผลกับเสียงแบบสัมผัสได้ขนาดนี้ (แต่มันก็เป็นไปแล้ว...จริงๆ) ส่วนไม้ตัวนี้!!! มันจะมีผลต่อเสียงอย่างไรนอกเหนือจากเทิร์นซับให้สูงขึ้น เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังอีกที
ดังนั้น...สำหรับเรื่องการดีไซน์ตำแหน่งจุดเชื่อมต่อของเจ้า PV1 แม้มันจะดูเรียบร้อยและทำให้ซับในยามใช้งานดูสวยงามเกลี้ยงเกลาดีก็จริง แต่สำหรับผมรวมถึงคนที่อยากจะอัพเกรดสายไฟ จุดนี้ถือว่า... Function & Design ไม่ผ่านหรือสอบตกอย่างแร๊ง


ลำดับต่อมาที่ผมจะกล่าวถึงคือเรื่องระบบ Fine-turning ของเจ้า PV1 ภาพรวมถือว่ามันเป็นซับวูฟเฟอร์ที่มีตัวปรับระดับต่างๆ ค่อนข้างละเอียดมาก
อย่างตัวปรับระดับความถี่ต่ำ (Low-pass Frequency) ของเจ้า PV1 สามารถรองรับช่วงความถี่ต่ำสุดได้ถึง 40Hz สูงสุดที่ 140Hz
นอกจากนี้...เจ้า PV1 ยังมีตัวปรับระดับ Equalisation Switch ให้เลือกถึง 3 โหมด ซึ่งฟังคชั่นนี้...ถือว่ามีความสำคัญมิใช่น้อยเลย เพราะมันจะช่วยลดทอนและปรับจูนเสียงย่านความถี่ต่ำของเจ้า PV1 ให้เข้ากับลำโพงคู่หน้าของเรามากที่สุดเท่าที่มันจะทำได้
ส่วนฟังคชั่นที่เหลือก็จะเป็นฟังคชั่นที่ซับทั่วไปควรจะมี นั่นก็คือ...ตัวปรับระดับเสียงและตัวปรับ PHASE เพียงแต่ PHASE ของเจ้า PV1 จะใช้ค่า (+) (-) แทน
เท่าที่ทราบ...ฟังคชั่นนี้มันมีความแตกต่างจากการปรับ PHASE ของซับทั่วไปตรงที่มันเป็นเสมือนตัวปรับโหมดระหว่างโหมดดูหนังและโหมดฟังเพลง
ประมาณว่า...ถ้าอยากให้เสียงย่านความถี่ต่ำมีความเป็นดนตรีมากๆ และให้ปริมาณพอเหมาะกับการฟังเพลง ก็ให้เปรับ PHASE เป็น (-) แต่ถ้าอยากได้เบสแบบ Boomy เพื่อรองรับการดูหนังแบบสะใจวัยโจ๋ ก็ให้ปรับ PHASE เป็น (+) แทน
เท่าที่ผมลองเล่นดูก็เห็นผลต่างพอสมควรถึงมากมายเลยทีเดียว แต่ด้วยสภาพห้องและองค์ประกอบต่างๆ ทั้งเรื่องคน สัตว์และสิ่งของ ผมรู้สึกว่า...การปรับเฟสเป็น (-) ก็เพียงพอแล้วสำหรับการดูหนังและฟังเพลงของผม
เสียดายที่ห้องผมมันไม่มีความเป็น Acoustic เอาเสียเลย ไม่งั้นผมคงได้เห็นศักยภาพของมันมากกว่านี้
หลังจากที่พูดถึงเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกและฟังคชั่นโดยรวมของเจ้า PV1 กันไปแล้ว เราก็มาว่าถึงเรื่องเสียงของมันกันต่อเลยดีกว่า...
Comment