Announcement

Collapse
No announcement yet.

[เล่าสู่กันฟัง] B&W PV1 Subwoofer ซับวูฟเฟอร์ที่มีมากกว่าคำว่า Design จริงๆ

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • [เล่าสู่กันฟัง] B&W PV1 Subwoofer ซับวูฟเฟอร์ที่มีมากกว่าคำว่า Design จริงๆ




    เกริ่นนำ...


    หลังจากที่ผมร้างราการเขียนบทความรีวิว (แบบเป็นทางการ) ไปนานมากๆ มันทำให้อารมณ์ที่ผมอยากจะถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อของสักชิ้น (ที่ผมใช้) ให้คนอื่นได้รับรู้ มันพลอยเหือดแห้งตามไปด้วย

    ทั้งๆ ที่ในใจลึกๆ ของผมนั้น ผมอยากจะเขียนแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆ ได้รับทราบถึงอุปกรณ์ที่ผมใช้ทั้งในด้านดีและด้านลบอยู่หลายชิ้นด้วยกัน แต่ด้วยเวลาและหน้าที่การงานในห้วงนี้ที่มันเยอะแยะมากมายเสียเหลือเกิ๊น

    มันจึงมาบดบังความอยากรู้ อยากลองและอยากถ่ายทอดเรื่องราวด้าน Head-fi ให้คนอื่นได้รับฟัง อย่างบทความนี้...ก็เป็นอะไรที่ผมต้องใช้กำลังใจของตัวเองพอสมควรที่จะเรียบเรียงข้อมูลต่างๆ ให้เป็นเรื่องเป็นราวและเป็นทางการแบบนี้

    แต่ด้วยความที่เจ้า B&W PV1 Subwoofer มันเป็นอะไรที่ช่วยเปิดประสบการณ์ในการรับฟังของผมไปอีกขั้น แถมมันยังเป็นซับวูฟเฟอร์ที่ยังไม่มีใครกล่าวถึงในเมืองไทยอีกด้วย ผมก็เลยตัดสินใจที่จะเข็นบทความฉบับนี้ขึ้นมา

    สำหรับเจ้า B&W PV1 Subwoofer นั้น เท่าที่ผมทราบข้อมูลและจากประสบการณ์ตรงของผม มันถือเป็นซับที่ฉีกและปฏิวัติหลักในการออกแบบซับวูฟเฟอร์ที่ยากจะหาซับวูฟเฟอร์ทั่วไปมาเทียบเคียงกับมันได้

    เพราะถ้าใครได้เห็นตัวจริงและได้ฟังเสียงจริงของมันแล้ว ผมเชื่อมั่นและรับประกันเลยว่า... First Impresstion จะต้องบังเกิดขึ้นกับทุกๆ คนอย่างแน่นอน (ผมมั่นใจ!!! แต่ไม่ฟันธงน่ะ 555)

    เพียงแต่ปริมาณความประทับใจของแต่ละคนอาจจะมากหรือน้อยแตกต่างกันไป ทั้งนี้ก็คงขึ้นอยู่กับเพดานบินในการฟังซับวูฟเฟอร์ของแต่ละคนแล้วว่า...ใครเคยฟังและเคยใช้ซับวูฟเฟอร์มามากน้อยแค่ไหน

    สำหรับตัวผมนั้น ถือว่า...ประสบการณ์ในการผ่านซับมีอยู่พอประมาณ คือ...ไม่มากและไม่น้อย ส่วนใหญ่ก็จะอาศัยความมั่วนิ่มโดยไปตีซี้กับคนขายและขอฟังเสียงตาม Showroom เครื่องเสียงที่เราสนใจ

    ดังนั้น...ระดับความประทับใจที่ผมมีต่อซับวูฟเฟอร์ตัวนี้ จึงจัดอยู่ในขั้น " มากๆ " (คือประทับใจมากกว่าคำว่ามากปกติ) ส่วนจะมากขนาดไหนก็ลองตามมาอ่านกันดูแล้วกันครับ





    แต่ก่อนที่จะลงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องเสียง...ผมขอพูดถึงเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกของมันเสียก่อน สำหรับตัวตู้ของเจ้า PV1 มันทำจากอลูมิเนียมขึ้นรูปเป็นทรงกลมโค้งมล (ตอนแรกไม่ทันอ่านข้อมูลโดยละเอียด...ผมนึกว่าเป็นพลาสติคแข็งขึ้นรูป)

    งานประกอบ รวมถึงวัสดูและการทำสี...เข้าขั้นเนี๊ยบถึงเนี๊ยบมาก พูดง่ายๆ ว่า...เห็นแล้วสมราคาค่าตัวและสมเป็นแบรนด์ B&W จริงๆ เพราะถ้าใครเป็นแฟนของเครื่องเสียงยี่ห้อนี้ คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า...อุปกรณ์ทุกชิ้นของ B&W มันเนี๊ยบได้ใจขนาดไหน



    ส่วนตัวดอกวูฟเฟอร์ เป็นดอก mica/aluminium ขนาด 8 นิ้วซึ่งมีอยู่ 2 ดอกด้วยกัน คืออยู่ทางด้านซ้ายและขวา

    ส่วนจุดเชื่อมต่อต่างๆ จะอยู่ใต้ฐานด้านล่างไม่ได้อยู่ด้านหลังเหมือนซับทั่วไป ซึ่งจุดนี้แหละที่ผมคิดว่า...มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัว



    สำหรับข้อดีคือ...ภาพรวมของซับจะดูสวยงามในเวลาใช้งานจริง เพราะจะไม่มีสายระเกะระกะให้รกสายตา พูดง่ายๆ ว่า...เป็นของใช้ที่สามารถนำมาใช้เป็นของโชว์หรือของตกแต่งบ้านได้

    ส่วนข้อเสียคือ...เวลาจะเสียบหรือจะถอดสายสัญญาณหรือสายไฟแต่ละครั้ง ทำได้ยากลำบากมาก เพราะซับมันหนักมาก (ราวๆ 20กิโล)

    เวลาจะเปลี่ยนสายก็ต้องจับมันเอียงจนเกือบจะหงายท้อง ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการทำให้ซับเป็นรอยได้ (ของผมมีแล้ว 2 ฮือๆ ฮือๆ)

    และที่ดูจะเป็นข้อเสียประการสำคัญที่สุดก็คือ...เรื่องสายไฟ โดยเฉพาะคนที่ใช้สายไฟเส้นใหญ่ๆ และใช้ท้าย IEC (เลข8) ตัวใหญ่ เพราะตัวท้าย IEC จะยื่นไปยันกับพื้นเวลาคว่ำซับวูฟเฟอร์ลงหลังจากทำการเสียบสายไฟเสร็จแล้ว

    อย่างสายที่ผมใช้อยู่ทุกวันนี้ ผมใช้สายไฟของ Furutech 3TS762 + Furutech FI-8N(R) พอเสียบสายไฟปุ๊บสรุปว่า...ผมคว่ำซับวูฟเฟอร์วางกับพื้นไม่ได้ เพราะท้าย IEC มันค้ำยันกับพื้นอยู่

    งานนี้...ผมเลยต้องไปหาซื้อไม้เมเปิลชนิดหนึ่ง (ที่เค้าใช้ทำกีต้าร์และเปียโนระดับเทพ ซึ่งนักเล่นเครื่องเสียงท่านหนึ่งแนะนำให้ผมหามาวางใต้ซับวูฟเฟอร์) เพื่อจะได้เทิร์นให้ตัวซับวูฟเฟอร์สูงขึ้น ท้าย IEC จะได้ไม่ยันกับพื้น

    และที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ...เพื่อให้เสียงเบสมีคุณภาพที่ดีขึ้นอีกด้วย






    แต่ด้วยเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงในครั้งนี้...ผมจึงได้พบกับอภินิหารของไม้ชนิดนี้อย่างที่ตัวผมเองก็ไม่อยากที่จะเชื่อว่ามันจะมีผลกับเสียงแบบสัมผัสได้ขนาดนี้ (แต่มันก็เป็นไปแล้ว...จริงๆ) ส่วนไม้ตัวนี้!!! มันจะมีผลต่อเสียงอย่างไรนอกเหนือจากเทิร์นซับให้สูงขึ้น เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังอีกที

    ดังนั้น...สำหรับเรื่องการดีไซน์ตำแหน่งจุดเชื่อมต่อของเจ้า PV1 แม้มันจะดูเรียบร้อยและทำให้ซับในยามใช้งานดูสวยงามเกลี้ยงเกลาดีก็จริง แต่สำหรับผมรวมถึงคนที่อยากจะอัพเกรดสายไฟ จุดนี้ถือว่า... Function & Design ไม่ผ่านหรือสอบตกอย่างแร๊ง






    ลำดับต่อมาที่ผมจะกล่าวถึงคือเรื่องระบบ Fine-turning ของเจ้า PV1 ภาพรวมถือว่ามันเป็นซับวูฟเฟอร์ที่มีตัวปรับระดับต่างๆ ค่อนข้างละเอียดมาก

    อย่างตัวปรับระดับความถี่ต่ำ (Low-pass Frequency) ของเจ้า PV1 สามารถรองรับช่วงความถี่ต่ำสุดได้ถึง 40Hz สูงสุดที่ 140Hz

    นอกจากนี้...เจ้า PV1 ยังมีตัวปรับระดับ Equalisation Switch ให้เลือกถึง 3 โหมด ซึ่งฟังคชั่นนี้...ถือว่ามีความสำคัญมิใช่น้อยเลย เพราะมันจะช่วยลดทอนและปรับจูนเสียงย่านความถี่ต่ำของเจ้า PV1 ให้เข้ากับลำโพงคู่หน้าของเรามากที่สุดเท่าที่มันจะทำได้

    ส่วนฟังคชั่นที่เหลือก็จะเป็นฟังคชั่นที่ซับทั่วไปควรจะมี นั่นก็คือ...ตัวปรับระดับเสียงและตัวปรับ PHASE เพียงแต่ PHASE ของเจ้า PV1 จะใช้ค่า (+) (-) แทน

    เท่าที่ทราบ...ฟังคชั่นนี้มันมีความแตกต่างจากการปรับ PHASE ของซับทั่วไปตรงที่มันเป็นเสมือนตัวปรับโหมดระหว่างโหมดดูหนังและโหมดฟังเพลง

    ประมาณว่า...ถ้าอยากให้เสียงย่านความถี่ต่ำมีความเป็นดนตรีมากๆ และให้ปริมาณพอเหมาะกับการฟังเพลง ก็ให้เปรับ PHASE เป็น (-) แต่ถ้าอยากได้เบสแบบ Boomy เพื่อรองรับการดูหนังแบบสะใจวัยโจ๋ ก็ให้ปรับ PHASE เป็น (+) แทน

    เท่าที่ผมลองเล่นดูก็เห็นผลต่างพอสมควรถึงมากมายเลยทีเดียว แต่ด้วยสภาพห้องและองค์ประกอบต่างๆ ทั้งเรื่องคน สัตว์และสิ่งของ ผมรู้สึกว่า...การปรับเฟสเป็น (-) ก็เพียงพอแล้วสำหรับการดูหนังและฟังเพลงของผม

    เสียดายที่ห้องผมมันไม่มีความเป็น Acoustic เอาเสียเลย ไม่งั้นผมคงได้เห็นศักยภาพของมันมากกว่านี้

    หลังจากที่พูดถึงเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกและฟังคชั่นโดยรวมของเจ้า PV1 กันไปแล้ว เราก็มาว่าถึงเรื่องเสียงของมันกันต่อเลยดีกว่า...

  • #2
    ...

    Pre-Test..........


    หลังจากที่ผมได้เจ้า PV1 มาวันแรก (คือเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา) ผมก็รีบจับมันมา Pre-Test ก่อนที่จะทำการทดสอบจริงที่กำลังจะกล่าวถึงนี้ (คือ...หลังจากเบิร์นผ่านไปเกิน 100 ช.ม.)

    ในวินาทีแรกที่ผมได้ยินเสียงเบสที่ออกมาจาก PV1 ผมและคนรอบข้าง (ที่ต่างมาช่วยลุ้น) ถึงกับอึ้งไปตามๆ กันในพละกำลังและน้ำเสียงที่ได้ยิน

    เพราะ้เท่าที่ผมเคยใช้และเคยฟังซับวูฟเฟอร์มาหลายตัว ยังไม่มีซับตัวไหนที่ให้เสียงในย่านความถี่ต่ำได้ดีขนาดนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้ Burn-in เลยสักตัว ด้วยความสงสัยผมก็เลยก้มๆ เงยๆ แตะๆ จับๆ เจ้า PV1 ที่วางอยู่ใต้โต๊ะทำงานของผม

    พอจับตัวตู้ซับเท่านั้นแหละ!!! ผมก็ถึงบางอ้อและทราบถึงเหตุผลที่แท้จริงว่า...ทำไม!!! เสียงย่านความถี่ต่ำที่ออกมาจากเจ้า PV1 มันถึงแสดงออกมาได้ดีทั้งๆ ที่มันยังไม่ได้เบิร์นเสียงเลยสักกะนิด

    ที่เป็นแบบนี้ก็เป็นเพราะ...ตัวตู้ซับมันนิ่งมากๆ และเท่าที่ผมทราบข้อมูลมา ทางทีมออกแบบเจ้าซับตัวนี้ เค้าได้รับแรงบันดาลใจหรือ Conceptual Design มาจาก The Pressure Vessel หรือถังแรงดันสูงอย่างเจ้าอุปกรณ์สำรวจทะเลน้ำลึกอย่างรูปข้างล่างนี้



    อีกทั้งใครงสร้างภายในตัวตู้ มันยังถูกออกแบบเพื่อลดแรงอัดอากาศรวมถึงแรงสั่งสะเทือนที่เกิดขึ้นจากตัวดอกลำโพงอีกด้วย โดยทีมออกแบบเค้าได้รับแรงบันดาลใจในเรื่องโครงสร้างจาก รูปทรงของฟองสบู่ รวมถึงสถาปัตยกรรมของ Antonio Gaudi และโครงสร้า้งของโบสถ์ Sagrada Familia ใน Barcelona



    ด้วยเหตุนี้...มันถึงทำให้ตัวตู้ซับของเจ้า PV1 ไม่มีแรงกระทำใดๆ เกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว แม้ในเวลาที่ดอกวูฟเฟอร์เกิดอาการสั่นกระพือราวกับเจ้าเข้าก็ตาม (ข้อย้ำอีกทีว่า...ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียวจริงๆ)

    พูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าผมจะเปิดเพลงที่มีจังหวะเบสกระแทกกระทั้นขนาดไหน หรือเปิดหนังที่มีซาวน์เอฟเฟคตูมตามสนันหวั่นไหวอย่าง Saving. หรือ Tranformer ตัวตู้ซับ PV1 มันกลับนิ่งกริ๊บ!!! และไม่มีอาการสั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

    จุดนี้แหละที่ทำให้ผมถึงกับอึ้งปนงงในสิ่งที่ได้เห็นและเสียงที่ได้ยิน เพราะตู้ซับทั่วไปที่ผมเคยเทส (ส่วนใหญ่จะราคาปานกลางค่อนไปทางสูง และราคาถูก)

    แทบทุกยี้ห้อ ตัวตู้จะต้องได้รับผลกระทบหรือมีอาการสั่นไหวบ้างไม่มากก็น้อย ในเวลาที่ดอกวูฟเฟอร์มันกระพือหรือในช่วงที่เราเปิดเพลงหรือเปิดหนังที่มีจังหวะเดินเบสแบบหนักๆ

    แต่สำหรับเจ้า PV1 มันดูเหมือนกับว่า...ดอกวูฟเฟอร์กับตัวตู้ซับมันเป็นเอกเทศต่อกัน เมื่อตัวตู้ซับมันนิ่งขนาดนี้...เสียงย่านความถี่ต่ำที่ออกมาจากเจ้า PV1 มันก็เลยมีคุณภาพและไม่มีอาการผิดเพี้ยนเหมือนซับทั่วๆ ไป

    ดังนั้น...แม้ผมจะไม่ได้เป็นทายาทของ John Bowers แต่ผมก็กล้ารับประกันแทนคุณลุงจอห์นซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์นี้ว่า...คุณจะไม่มีวันได้พบกับอาการเบสบวมหรือเบสครางในซับรุ่นนี้อย่างแน่นอน (แต่ถ้าอาการเบสล้นไม่รับประกันน่ะครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับตำแหน่งการวางและระดับของเสียงเบสที่เราตั้งเอาไว้)

    นอกจากมันจะให้คุณภาพของเสียงเบสที่ดีตั้งแต่ยังไม่ได้ burn-in แล้ว PV1 ยังเป็นซับวูฟเฟอร์ที่ set-up ง่ายและไม่เรื่องมาก เท่าที่ผมลองขยับตำแหน่งการวางซับ ทั้งวางแบบชิดผนังด้านใดด้านหนึ่ง หรือวางแบบลอยๆ หรือวางใต้โต๊ะ (ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ผมวางอยู่ในปัจจุบัน)

    เท่าที่ฟัง...คุณภาพของเสียงเบสที่ออกมาจาก PV1 มันแทบไม่แตกต่างกันเลย (ที่ใช้คำว่า "แทบ" เพราะมันอาจจะมี แต่ผมฟังไม่ออก)

    ถ้าจะมีก็เพียงแค่เรื่องปริมาณของเสียงเบสเท่านั้นที่แต่ละตำแหน่งจะมีปริมาณของเสียงเบสไม่เท่ากัน แต่ถ้าถามผมว่า...วางตำแหน่งไหนแล้วเวิร์คที่สุด!!! ผมชอบเสียงของมันตอนที่วางอยู่ระหว่างลำโพงคู่หน้าและวางแบบลอยๆ

    เพราะปริมาณของเนื้อเบสที่ออกมากำลังดีฟังแล้วสบายหูกว่าทุกตำแหน่ง แต่ด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ผมเลยต้องจำใจวางอยู่ใต้โต๊ะทำงาน ซึ่งมันก็ส่งผลทำให้ปริมาณของเสียงเบสในบางช่วงมันเยอะเกินไปนิด

    แต่ผมก็แก้ปัญหาด้วยการปรับ Volume Control ลงมาให้อยู่ในระดับที่ผมฟังแล้วโอเค แค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อย

    Comment


    • #3
      .....

      Final Test........


      หลังจากที่วันเวลาผ่านไปได้ประมาณ 2 อาทิตย์ รวมถึงผ่านการ Burn-in ไปแล้วกว่า 150 ชั่วโมงอัพ ก็ถึงเวลาที่ผมจะทำการทดสอบเจ้า PV1 อย่างจริงๆ จังๆ เสียที ซึ่งผลที่ได้จากการทดสอบ (ด้วยหูของผมเอง)ในครั้งนี้ ก็มีดังนี้ครับ...

      *** หมายเหตุ...เนื่องจากผมอยากลงรายละเอียดที่ได้จากการฟังในแต่ละอัลบั้ม เพื่อที่หลายๆ คนจะได้ทราบถึงที่มาที่ไปของบทสรุป แต่ถ้าใครขี้เกียจอ่านในส่วนนี้ (เพราะมันเยอะ) ก็ข้ามไปอ่านบทสรุปด้านล่างได้เลยครับ ***

      สำหรับ System ที่ผมใช้ทดสอบก็เป็นอุปกรณ์รุ่นดึก ดำ ดึ๋ย ที่ผมใช้ทดสอบในทุกๆ ครั้ง

      โดยครั้งนี้มีเจ้า Peachtree Nova มาทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ช่วยประสานให้คู่พระคู่นางคู่ใหม่อย่าง Smallpod และ PV1 ได้ร่วมกันขับกล่อมบทเพลงที่ผมจะใช้ทำการทดสอบในครั้งนี้








      AUDIO...

      *** Estrella Presents Sweet Bossa (Bossa Nova) ***



      เท่าที่ฟังผ่านมาหลายเพลง ผมรู้สึกว่า...เสียงเบสที่ออกมาจาก PV1 มันเข้ากับเพลงแนวนี้ได้ดีทีเดียว

      ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมกลัวว่ามันจะมีอาการเบสล้ำหรือให้สเกลที่โอเวอห์สำหรับเพลงแนวนี้ (เพราะกำลังขับมันตั้ง 500W)

      แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันกลับไม่มีอาการดังกล่าวให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว

      แถมตัวมันเอง...ยังช่วยเสริมให้ภาพรวมของเสียงกลาง มีเนื้อเสียงที่ฟังดูอิ่มและหวานขึ้น และช่วยทำให้เสียงแหลมมีเนื้อและไม่ฟังดูโดดเกินเสียงย่านอื่นจนเกินไป

      อย่างในเพลง Put Your Records On ซึ่งเป็นเพลงที่มีจังหวะการเดินเบสที่ค่อนข้างเนิบช้า และทิ้งจังหวะตลอดทั้งเพลง

      แต่เมื่อฟังผ่าน PV1 มันกลับเป็นความเนิบที่มีน้ำหนัก มีจังหวะจะโคนที่กระชับ ไม่ยาน ไม่ครางและไม่มีอาการเบสอืดย้อย เหมือนกับซับวูฟเฟอร์บางตัวที่ผมเคยเทสด้วยเพลงๆ นี้ (แต่ไม่ใช่ The Ball 2.1 น่ะ)

      ดังนั้น...สำหรับแนวเพลงฟังสบายสไตล์ Bossa อย่างอัลบั้มชุดนี้ PV1 สามารถให้อรรถรสในการรับฟังเพลงแนวนี้ได้ดี และดีกว่าตอนที่ผมฟังผ่าน The Ball 2.1 ค่อนข้างมากเลยทีเดียว




      *** Fearless ของ Taylor Swift (Country pop) ***



      เท่าที่ฟัง...PV1 สามารถตอบสนองเพลงแนวตลาดๆ แบบนี้ได้ดีมากๆ ในเพลงที่มีจังหวะคึกคักสนุกสนานอย่างเพลง You Belong With Me หรือ Tell Me Why

      เสียงกลองที่ออกมาจาก PV1 มันทำให้เพลงเดิมๆ ที่ผมฟังอยู่บ่อยๆ มันฟังไพเราะขึ้นและฟังดูสนุกขึ้น

      เพราะด้วยความที่ PV1 มันให้น้ำหนักของเสียงกลองได้อย่างชัดเจน หัวโน๊ตเบสคม จึงทำให้เสียงกลองกระชับ และมีจังหวะที่ฟังสนุกกว่าตอนที่ฟังผ่าน The Ball 2.1 ค่อนข้างเยอะ

      ดังนั้น...สำหรับอัลบั้มเพลง pop ยอดฮิตติดลมบนที่มีกลื่นอายของเพลงแนว country อย่างอัลบั้มนี้ PV1 สอบผ่านแบบสบายๆ เลยครับ



      *** Heart And Soul ของ Kenny G (Smooth jazz) ***



      เท่าที่ฟังผ่านมาหลายเพลง...จุดเด่นของอัลบั้มชุดนี้และทุกๆ ชุดของ Kenny G ก็คือการเดินจังหวะเบสที่กระชับ หนักแน่น แต่มีจังหวะรับส่งที่สอดคล้องกับเสียงแหลมของ Saxophone

      ซึ่ง PV1 ก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังกับเพลงแนวนี้เลยจริงๆ

      เพราะการให้ Dynamic ของเสียงกลองมันมีน้ำหนัก และมีจังหวะจะโคนที่ชัดเจนมากกว่าตอนที่ผมฟังผ่าน The Ball 2.1 เยอะพอสมควร (หรืออาจจะเยอะมากเสียด้วยซ้ำ)

      อย่างในช่วง Deep Bass ของเพลง G-Walkin' หรือเพลง One Breath

      PV1 มันให้น้ำหนักเสียงย่านความถี่ต่ำในช่วงนี้ได้ลึกและแน่นมากๆ

      Impact ที่เกิดขึ้น มันทำให้ผมสัมผัสถึงมวลของเนื้อเสียงที่ให้ความรู้สึกกลมเกลี้ยงและมีความสะอาดหมดจด อย่างที่ผมไม่เคยได้สัมผัสจากซับวูฟเฟอร์ที่ผมเคยฟังด้วยเพลงนี้มาก่อน (เพิ่งมาเข้าใจคำว่า...เบสสะอาดก็วันนี้แหละ)

      นอกจากมันจะทำได้ดีในเสียงย่านความถี่ต่ำที่มันถนัดแล้ว มันยังช่วยเติมและเสริมเนื้อเสียงย่านกลางและแหลมให้ฟังดูกลมกลืนกันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

      เรียกได้ว่า...มันช่วยทำให้เสียงทุกย่านเกิด Harmonic ที่ฟังดูกลมกลืนกันเป็นอย่างดี

      ดังนั้น...สำหรับเพลงแนวนี้ ผมให้ PV1 สอบผ่านแบบระดับ A+ ไปเลยครับ



      *** Pure - Aquaplus Legend of Acoustics (Soundtrack) ***



      ด้วยความที่อัลบั้มชุดนี้...บันทึกเสียงและัทำดนตรีออกมาได้อย่างละเมียดละไมขั้นเทพทั้งเสียงร้องและเสียงดนตรี

      ดังนั้น...ผมจึงไม่พลาดที่จะหยิบเอาอัลบั้มชุดนี้ มาใช้ทดสอบความสามารถของเจ้า PV1

      อย่างในเพลง Eternal Love PV1 มันทำให้ผมขนลุกตั้งแต่ Intro แรกที่เสียงกลองดังขึ้น (น่าจะเป็นเสียงของกลอง Taiko)

      เพราะเสียงของกลองไทโกะที่มันออกมาจาก PV1 มันทั้งลึก ทั้งแน่น ทั้งมีพลังและมีความก้องกังวาลแบบกเสียงของกลองหนังโบราณ

      โดยที่หางเสียงไม่มีอาการพร่ามัวให้เห็นเหมือนอย่างซับวูฟเฟอร์หลายๆ ตัวที่ผมเคยเทสด้วยเพลงนี้มา

      นอกจากมันจะให้ Details ได้สุดยอดแล้ว!!!

      Impact ที่เกิดขึ้นยังเป็นระดับ Deep Impact ที่ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงมวลของอากาศที่มาปะทะกับร่างกาย และส่งแรงสั่นสะเทิ้มเข้าไปในใจอยู่เป็นระยะๆ

      หรืออย่างในเพลง Towa ni ซึ่งเป็นเพลงที่เริ่มต้นด้วยจังหวะกลองแบบเนิบช้า เน้นจังหวะ

      จากนั้นก็จะค่อยๆ ไต่ระดับจนกลายเป็นเสียงกลองที่ถาโถมมาราวกับเสียงของฟ้าที่กำลังพิโรธ

      แต่ PV1 ก็สามาถให้ Dyanmic รวมถึง Dynamic Contrast ของเสียงกลองได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกๆ ช่วง

      ไม่ว่าจะเป็นช่วง Peak หรือ Low เสียงเบสมันฟังดูต่อเนื่องรื่นไหล จนทำให้มีรอยต่อของเสียงย่านความถี่ต่ำในช่วงต่างๆ มีความกลมกลืนกันเป็นอย่างมาก

      ภายหลังจากที่ผมฟังอัลบั้มชุดนี้จบลงแล้ว ผมมีความรู้สึกว่า... PV1 มันช่วยรักษาส่วนที่ดีและช่วยเสริมส่วนที่ขาด

      จนทำให้เพลงในอัลบั้มชุดนี้ มีเสน่ห์ชวนฟังและมีพลังมากกว่าตอนที่ผมฟังเพลงในอัลบั้มชุดนี้จากซับวูฟเฟอร์ตัวอื่น...




      *** Super Test Sound - Good person good dream (Sound Test) ***



      เท่าที่ฟังเพลงที่ผมเปิดอยู่บ่อยๆ (คือ Track ที่ 1 , 2 , 3 และ 10)

      PV1 มันให้ Dynamic ของเสียงกระเดื่องได้เ็ด็ดขาดจริงๆ

      โดยเฉพาะในช่วง Deep Bass PV1 มันสามารถถ่ายทอดรายละเอียดได้ลึกถึงใจมากๆ

      และในความลึกที่เราสัมผัสได้นั้น มันยังเต็มไปด้วยมวลของเสียงที่มีความหนักแน่น , กระชับและมีพลัง

      นอกจากนั้น...แรงปะทะหรือ Impact ที่เกิดขึ้น มันยังส่งผ่านความรู้สึกออกมาทางโสตสัมผัสและกายสัมผัสที่ชัดเจน อย่างที่ผมไม่ได้เคยเจอใน The Ball 2.1 มาก่อน

      ดังนั้น...เมื่อเสียงย่านความถี่ต่ำที่ถูกขับออกมาจาก PV1 มาผสมกับเสียงของนักร้องนำที่หวานปานจะหยด

      มันจึงทำทำให้ผมเคลิบเคลิ้มและหมดเวลาไปกับอัลบั้มชุดนี้อยู่หลายรอบ

      งานนี้ต้องบอกว่า...PV1 มันช่วยทำให้ภาพรวมของ Smallpod มันดูโปรขึ้นอีกเยอะเลย




      *** Bowers & Wilkins - Very Audiophile New Recordings (Sound Test) ***



      สำหรับอัลบั้มชุดนี้...ผมเลือกมาเพียงแค่ 2 เพลงเท่านั้น นั่นก็คือเพลง Turned My Upside Down และ Would You Break My Heart ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเพลงของ Sara.K ทั้งคู่

      ส่วนสาเหตุที่ผมเลือก 2 เพลงนี้มาทดสอบ ก็เป็นเพราะมันเป็นเพลงแนว Blues ที่มีจังหวะการเดินเบสที่พริ้วไหวและมีเสน่ห์ตามสไตล์ของเพลงแนวนี้

      เท่าที่ฟังอยู่ 2 รอบ...มันช่วยตอกย้ำในเรื่องการให้ Details ของเสียงย่านความถี่ต่ำที่ออกมาจากเจ้า PV1 ให้มันชัดเจนมากยิ่งขึ้น

      อย่างบางท่อนที่มีการ Slap หรือตบสายเบส เสียงที่ออกมาจาก PV1 มันสามารถถ่ายทอดน้ำหนักและให้อรรถรสที่สมจริง

      ถึงขนาดทำให้ผมหลับตาเห็นภาพของสายกีต้าร์เบสที่กำลังกระพือตามจังหวะการตบสายเบสของนักดนตรีได้เลย

      นอกจาก PV1 มันจะให้น้ำหนักได้อย่างเด็ดขาดแล้ว การให้ Dynamic ก็ทำได้สุดยอดด้วยเช่นกัน เพราะทุกไลน์ของตัวโน๊ตมันฟังดูต่อเนื่องและรี่นไหล

      และที่สำคัญ...PV1 มันช่วยทำให้เนื้อเสียงของเจ๊ Sara ฟังดูอิ่มนุ่มทุ้มลึกและมีเสน่ห์ชวนฟังเอามากๆ

      ที่ผมพูดแบบนี้เพราะตอนที่ผมลองปิดสวิทช์เสียงของ PV1 ให้เเหลือแต่เสียงที่ออกมาจาก Smallpod เพียวๆ ...

      เสียงร้องของเจ๊แกมันช่างมีความแตกต่างจากตอนที่ใช้งานร่วมกับ PV1 จริงๆ (คือเสียงจะไม่อิ่มและไม่มีพลัง)



      *** Freedom - Akon (Hip-Hop) ***



      สำหรับเพลงแนวนี้และโดยเฉพาะของอีตาคนนี้...มันทำออกมาเพื่อคนที่มีเสียงเบสในหัวใจแบบผมจริงๆ

      อย่างในเพลง Right Now (Na Na Na) , Keep You Much Longer , Birthmark ถือเป็นเพลงที่มีเนื้อเบสมาก แถมยังเป็นเบสที่ลงลึกและเดินจังหวะเบสเร็วอีกต่างหาก

      แต่ไม่ว่าจะเจอเสียงเบสในรูปแบบไหน!!! PV1 ก็สามารถควบคุมคุณภาพของเสียงย่านความถี่ต่ำได้อย่างอยู่หมัด และสามารถให้จังหวะเบสได้กระชับฉับไว ถึงใจและสะใจคนประเภท Bass Lover อย่างผมมาก

      ยิ่งในช่วง Deep Bass เสียงของมันสามารถลงได้ลึ๊ก...ลึก (คือลึกมากจริงๆ)

      แถมแรงปะทะที่เกิดขึ้น...ยังเป็นระดับ Deep Impact ที่ให้มวลและแรงปะทะแบบถึงใจอีกด้วย

      ถึงแม้เพลงส่วนใหญ่ในอัลบั้มชุดนี้ จะมีปริมาณของเบสค่อนข้างมาก และส่วนใหญ่จะเป็นเบสที่ค่อนข้างลงต่ำคืออยู่ในช่วง Deep Bass

      แต่ PV1 ก็ยังสามารถควบคุมการให้น้ำหนักของเสียงเบสในช่วงนี้ รวมถึงในช่วงอื่นๆ ได้อย่างดีเยี่ยม โดยไม่มีอาการพร่ามัวให้เห็นเลยแม้แต่น้อย

      และภายหลังจากที่ผมฟังอัลบั้มชุดนี้จบไปหลายรอบ ผมเชื่อว่า...ใครก็ตามที่เป็นพวก Bass Lover ถ้าคุณได้มาฟังเสียงย่านความถี่ต่ำของ PV1 คุณจะต้องหลงรักในเสียงเบสของมันอย่างแน่นอน...ฟันธง!!!



      *** John Petrucci - Suspended Animation (Progressive metal) ***



      เท่าที่ฟังอยู่ 3 เพลงคือ... Jaws of Life , Glasgow Kiss และ Tunnel Vision

      PV1 มันให้มิติและรายละเอียดของเสียงกลองชุดและกีต้าร์เบสได้ดีมากๆ

      อย่างเสียงของกลองชุดที่แม้งานนี้มันจะเป็นเพียงแค่พระรอง แต่ PV1 ก็ืำทำให้มันเป็นพระรองที่มีสีสันและมีลีลาที่ไม่แพ้พระเอก

      เพราะ PV1 มันให้รายละเอียดและน้ำหนักของเสียงกลองได้อย่างชัดเจน , มีจังหวะที่กระแทกกระทั้นอย่างที่เสียงกลองแนวนี้มันควรจะเป็น

      อีกทั้ง...มันยังมีหัวโน๊ตเบสที่คม ทำให้เสียงกลองมีสปีดที่รวดเร็วเก็บตัวไว เนื้อเสียงแน่นแต่ไม่นุ่มหู (เหมือนอย่างเสียงกลองในอัลบั้มที่ผ่านๆ มา)

      หรืออย่างในช่วงที่พระเอกออกโรง...ซึ่งก็คือช่วงที่ลุงจอห์นแกโซโลกีต้าร์เบสคู่ใจ

      PV1 ก็สามารถถ่ายทอดรายละเอียดของเสียงเบสและให้ Dynamic Contrast ในช่วงนี้ได้ดี

      ทำให้ความต่อเนื่องระหว่างตัวโน๊ตทั้งช่วง Peak และ Low ฟัังดูลื่นไหลต่อเนื่องและมีพลังแบบบอกไม่ถูก

      นอกจากนั้น...ไลน์ของกีต้าร์เบสยังมีหัวโน๊ตที่คมชัด ทำให้มันสามารถตอบสนองความเปลี่ยนแปลงของเสียงเบสในท่อนโซโลได้อย่างรวดเร็ว

      สรุปง่ายๆ ว่า...ฟังเพลงนี้ผ่านซับตัวนี้แล้ว มันส์มากๆ พ่ะย่ะค่ะ



      *** The Bangkok Acoustic - เพ้อ (Sound Test) ***



      สำหรับอัลบั้มนี้...ผมขอหยิบเฉพาะเพลง Beat of Siam มาทดสอบเพียงเพลงเดียวเท่านั้น

      เพราะเพลงนี้จะมีเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตี รวมถึงเครื่อง Percussion ทั้งของไทยและเทศอยู่มากมาย

      เท่าที่ฟังเพลงนี้อยู่หลายรอบ ผมรู้สึกทึ่งและอึ้งเอามากๆ กับการให้รายละเอียดระดับสุดยอดของเสียงกลองชนิดต่างๆ ที่มีอยู่ในเพลงๆ นี้

      แม้ในบางท่อน...โดยเฉพาะในท่อนท้ายๆ (คือตั้งแต่นาทีที่ 3.30 ขึ้นไป) จะมีเสียงกลองหรือเครื่องตีไม่ต่ำกว่า 4 ชนิดบรรเลงขึ้นพร้อมๆ กัน

      แต่ PV1 ก็สามารถแยกไลน์เสียง รวมถึงให้น้ำหนักและเข้าถึงรายละเอียดของเสียงกลองแต่ละชนิดได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ

      จนทำให้ผมสามารถแยกแยะและเห็นถึงความแตกต่างของเสียงเครื่องตีหรือเสียงกลองแต่ละประเภท

      ที่กำลังบรรเลงขึ้นในช่วงนั้นได้อย่างง่ายดาย (และง่ายกว่าตอนที่ฟังกับ The Ball 2.1 ค่อนข้างมาก)

      แม้ในท่อนดังกล่าวผมจะไม่รู้ว่า...เสียงที่เกิดขึ้นมันมีเสียงของเครื่องตีอะไรบ้าง (เพราะรู้จักชื่อเพียงไม่กี่ชิ้น)

      แต่ผมก็สามารถแยกแยะและเห็นถึงความแตกต่างของเสียงกลองด้วยการฟังรายละเอียดของเสียงที่เกิดขึ้น

      ทั้งในเรื่องการใล่โทนเสียง , การให้น้ำหนัก รวมถึงสเกลของเสียงกลองแต่ละชนิดที่ PV1 มันถ่ายทอดออกมา

      ซึ่งมันถ่ายทอดออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติมากๆ และอาจจะพูดได้ว่า...มากที่สุดในบรรดาซับวูฟเฟอร์ทั้งหมดที่ผมเคยใช้หรือเคยฟังเพลงนี้มาเลยก็ว่าได้

      ประมาณว่า...หลับตาฟังแล้ว มันทำให้ผมสัมผัสรับรู้ได้ว่า...

      "นี่เป็นเสียงของกลองขนาดใหญ่ นี่เป็นเสียงของกลองขนาดเล็ก นี่เป็นเสียงสแนร์ นี่เป็นเสียงทอม นี่เป็นเสียงกลองเบส นี่เป็นเสียงกลองไทย นี่เป็นเสียงของกลองที่ขึงหนังหน้ากลองตึงหรือหย่อน" ประมาณนี้เป็นต้น

      และเพื่อให้ผลการทดสอบมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ผมก็เลยลองปิดสวิทช์เจ้า PV1 แล้วลองฟังท่อนนี้จาก Smallpod แบบเพียวๆ

      ผลสรุปออกมาว่า...เสียงกลองที่เกิดขึ้น มันมีความคุมเครือในเรื่องของการให้น้ำหนัก ทำให้การแยกรายละเอียดของเสียงกลองมันทำได้ยาก

      โดยเฉพาะกลองที่มีโทนเสียงทุ้มต่ำอย่าง Bass Drum เสียงจะจมหายและขาดมิติในด้านลึกลงทันที

      หรืออย่างกลองที่มีโทนเสียงใกล้เคียงกันและอยู่ในช่วงเดียวกัน

      เนื้อเสียงและน้ำหนักจะคลุมเครือจนทำให้เราถึงขั้นต้องเพ่งจ้องฟังกันเลยทีเดียวว่า...นี่มันคือเสียงของกลองอะไร

      ดังนั้น...คุณภาพในการถ่ายทอดเสียง "กลอง" ของ PV1 ผมคงไม่มีคำพูดใดที่จะกล่าวนอกจากคำ 2 คำนี้ครับ...สุโค่ย!!! หรือสุดยอด!!!



      *** Tan Dun - Bitter Love (Sound Test) ***



      สำหรับอัลบั้มชุดนี้ถือเป็นอัลบั้มสุดท้ายสำหรับการทดสอบในครั้งนี้

      ซึ่งผมเจาะจงเอาเฉพาะเพลงที่เขาว่า...หินที่สุดมาทดสอบ นั่นก็คือ Track 14. Secrecy Departing

      เท่าที่ฟังอยู่ 3 รอบ PV1 ก็ยังคงรักษาคุณภาพในเรื่องของการให้รายละเอียดและการให้น้ำหนักของเสียงย่านนี้ได้ดีมากๆ

      ที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะตั้งแต่นาทีที่ 1.38 น.เป็นต้นไป เสียงเบสที่เกิดขึ้นในท่อนดังกล่าวจะมี Dynamic ที่สวิงขึ้นลงและมีน้ำหนักรวมถึงทิศทางที่มีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก

      อีกทั้งเสียงเบสในช่วงดังกล่าว...ยังหลั่งไหลและถาโถมออกมาราวกับคลื่นทะสึนามิที่ทั้งต่อเนื่องและรุนแรง

      แต่ถึงกระนั้น PV1 ก็ยังสามารถถ่ายทอดรายละเอียดของเสียงย่านความถี่ต่ำที่เกิดขึ้นในท่อนดังกล่าวนี้ได้อย่างชัดเจนและแม่นยำในทุกๆ ช่วง

      อีกทั้ง...มันยังให้ Dynamic Contrast ที่ดี มีความต่อเนื่องและรื่นไหล สามารถตอบสนองความเปลี่ยนแปลงของเสียงเบสที่สวิงขึ้นลง จนทำให้รอยต่อของเสียงเบสในช่วงต่างๆ ฟังดูกลมกลืนกันเป็นอย่างมาก

      นอกจากนั้น... Impact หรือแรงปะทะของมวลอากาศที่เกิดขึ้น มันยังหนักแน่น ชัดเจน ไม่มีอาการพร่ามัวเหมือนอย่างซับหลายๆ ตัวที่ผมเคยเทสด้วยเพลงๆ นี้

      แต่ก็มีบางช่วงอยู่เหมือนกัน ที่ผมฟังแล้วเหมือนเสียงเบสในช่วงลึก (ในบางช่วงไม่ใช่ทุกช่วง) มันจะมีอาการอั้นอยู่นิดๆ (คือ...นิดจริงๆ ประมาณว่าถ้าฟังผ่านๆ ก็ไม่รู้สึกอะไร)

      ในส่วนนี้ผมคิดว่า...สาเหตุมันมันน่าจะมาจาก PV1 ยังเบิร์นไม่เข้าที่ หรืออาจจะมาจากพละกำลังของเจ้า Peachtree Nova ยังไม่มากพอ

      แต่ถ้าให้เดา...มันน่าจะเป็นสาเหตุหลังมากกว่า เพราะเท่าที่ทราบและจากประสบการณ์ตรง พละกำลังของเจ้า Peachtree Nova มันไม่ค่อยจะสู้ดีนักสำหรับเสียงย่านความถี่ต่ำในช่วงนี้

      อีกทั้งอัลบั้มชุดนี้และโดยเฉพาะเพลงๆ นี้ มันยังเป็นเพลงปราบเซียนที่ทำให้เครื่องเสียงของเราไปไม่เป็น ถ้าหากเรา set ระบบไม่ดี (ประโยคนี้เขาว่ามาน่ะ)

      แต่จากภาพรวมทั้งหมด...แม้ผลการทดสอบของเพลงนี้ PV1 มันจะไม่ได้เก่งกาจขนาดทำคะแนนเต็มในระดับ A++ ตามข้อกำหนดหมดทุกเรื่อง (เพราะมันมีตัวแปรเยอะ)

      แต่ถึงอย่างไร...ผมก็มั่นใจว่าคะแนนความสามารถของมันก็ไม่ต่ำกว่า A แน่ๆ



      Video...





      หลังจากที่ผมฟังเพลงอย่างต่อเนื่องมากว่า 10 อัลบั้ม จนหูเริ่มบาน(ที่จริงมากกว่านี้ แต่เขียนแค่นี้ก็พอแรงแล้ว)

      ก็คงถึงเวลาที่จะทำให้หูมันยิ่งบานหนักกว่าเก่า ด้วยการเทสเสียงจากภาพยนต์ทั้งหมด 3 เรื่องได้แก่ Tranformer 2 , Avatar และ Band of Brothers ซึ่งทุกไฟล์ล้วนเป็นไฟล์ระดับ HD 1080i ทั้งสิ้น

      สำหรับการเทสเสียงจากภาพยนต์ในครั้งนี้ ผมได้ใช้ AVR Marantz SR5003 เป็นขุมพลังในการขับเคลื่อนระบบเสียงแทน Peachtree Nova โดยการปล่อยสัญญานเสียงผ่าน Pre-out ของ SR5003 แล้ว Bypass ผ่าน Peachtree เข้า Smallpod และ PV1 ซึ่งผลการทดสอบที่ได้ก็ตามนี้เลยครับ...





      สำหรับเสียงเอฟเฟคระเบิด (โดยเฉพาะเรื่อง Band of Brothers ซึ่งถือเป็นหนังสงครามที่ทำเสียงเอฟเฟคระเบิดและเสียงปืนได้เจ๋งและสมจริงที่สุดเรื่องหนึ่ง)

      PV1 มันสามารถถ่ายทอดพลังเสียงออกมาได้อย่างสมจริงเป็นอย่างมาก

      แม้ในชีวิตจริง...ผมจะไม่เคยได้ยินเสียงระเบิดของจริงแบบใกล้ๆ เหมือนในหนังก็ตาม

      แต่เมื่อฟังเสียงระเบิดที่ออกมาจาก PV1 แล้ว มันทำให้ผมเชื่อสนิทใจว่า...เสียงระเบิดของจริง มันน่าจะเป็นแบบนี้แหละ


      ก็จะไม่ให้ผมพูดแบบนั้นได้อย่างไร...ในเมื่อพละกำลัง รวมถึงมิติและรายละเอียดของเสียงระเบิดที่เกิดขึ้น มันให้ความรู้สึกที่สมจริงอย่างที่ผมไม่เคยได้ยินจากซับตัวไหนที่ผมเคยใช้หรือเคยเทสมาก่อน

      เพราะเสียงระเบิดที่ออกมาจาก PV1 มันให้ทั้งคุณภาพและปริมาณ คือทั้งมีพลัง , ทั้งแน่น , ทั้งลึกและให้ Dynamic ได้ดีมากๆ

      มันทำให้ผมสามารถสัมผัสถึงแรงอัดของเสียงระเบิดที่ดังขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกที่เกิดเสียง จนถึงวินาทีสุดท้ายที่มันจางหายไป

      และในทุกๆ ครั้งที่มีเสียงเอฟเฟคระเบิดดังขึ้น แรงปะทะรวมถึงแรงสั่นสะเทิ้มจะถูกส่งผ่านเข้ามาปะทะตัวผม ในรูปของมวลอากาศและคลื่นความถี่ต่ำที่เรามองไม่เห็น

      แต่สามารถสัมผัสมันได้ด้วยแรงลมอ่อนๆ และอาการสั่นไหวของแรงอัดอากาศที่มันทะลุทะลวงผ่านเข้าไปบีบหัวใจของผม ในทุกๆ ครั้งที่มีเสียงระเบิดดังขึ้น

      หรืออย่างในฉากรบพุ่งที่มีเสียงของกระสุนปืนชนิดต่างๆ วิ่งผ่านไปมาในอากาศ PV1 ก็สามารถถ่ายทอดรายละเอียดในจุดนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม

      มิติของเสียงกระสุนปืนที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด PV1 สามารถให้น้ำหนักและบอกทิศทางของเสียงวิถีกระสุนที่กำลังพุ่งผ่านไปมาได้อย่างชัดเจน , มีน้ำหนักชัดตื้นชัดลึก และมีระยะใกล้ไกล

      มิติเสียงกระสุนของ PV1 จึงไม่แบนราบเป็นหน้ากระดานเหมือนอย่างซับหลายๆ ตัว ที่ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องปริมาณและความสะใจมากกว่าเน้นเรื่องมิติและการให้รายละเอียดของเสียง

      แม้ผมจะไม่รู้ว่าเสียงวิถีกระสุนที่ได้ยินมันเป็นเสียงของปืนชนิดไหน!!! มีชื่อว่าอะไร!!!

      แต่ผมสามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของเสียงกระสุนปืนแต่ละประเภท ที่กำลังวิ่งผ่านไปผ่านมาแบบไม่ต้องจับสังเกตุ

      หรืออย่างเสียงเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งเป็นเสียงที่อยู่ในย่านความถี่ต่ำช่วงลึก

      PV1 ก็สามารถควบคุมน้ำหนักความถี่เสียงช่วงนี้ได้อย่างดีเยี่ยม

      เสียงที่ออกมาแม้จะกระจายตัว แต่ก็มีมวลที่แน่น สัมผัสได้ถึงเสียงของใบพัดที่มันกำลังกระพือกระพัดจนทำให้เกิดแรงปะทะและแรงสั่นสะเทิ้มเบาออกมานอกจอ

      หรืออย่างเสียงกระพือปีกของ "โทรุคมักโต" ในเรื่อง Avatar

      PV1 ก็สามารถถ่อยทอดมิติและให้น้ำหนักของเสียงกระพือปีกได้เป็นอย่างดีเยี่ยม

      เวลาที่เจ้า "โทรุคมักโต" มันกระพือปีกแต่ละครั้ง ผมสัมผัสได้ถึงแรงลมอ่อนๆ และแรงสั้นสะเทิ้มเล็กๆ ที่เกิดขึ้นอยู่เป็นระยะๆ

      หรืออย่างเสียงเอฟเฟคต่างๆ ในเรื่อง Tranformer 2 เพียงแค่ช่วง Intro แรกที่เปิดตัวโลโก Dream Work

      เสียงความถี่ต่ำที่ถูกส่งออกมาจากเจ้า PV1 ก็ทำเอาโสตประสาทของผมตื่นตัวในพลังและมิติที่เกิดขึ้นอย่างที่ผมไม่เคยได้พบใน The Ball 2.1 หรือซับวูฟเฟอร์ตัวอื่นๆ ที่ผมเคยฟังมาก่อน

      ดังนั้น...หลังจากที่ผมเทสเสียงจากภาพยนต์ทั้งหมด 3 เรื่องจนจบ

      ผมรู้สึกว่า...PV1 มันช่วยทำให้ชุด Mini HT หน้าคอมของผม มันดูโปรและให้เสียงที่ลงตัวกว่าแต่ก่อนมาก...ถึงมากที่สุด

      นี่ขนาดห้องทำงานของผมไม่มีจุดไหนที่ถูกหลักอะคูสติกเลยสักจุด แต่ PV1 ก็ยังสามารถควบคุมน้ำหนักและทิศทางของเสียงย่านความถี่ต่ำได้ดีถึงขนาดนี้ ...

      นี่ถ้ามันไปอยู่ในห้องที่ถูกต้องตามหลักอะคูสติกหรือสงัดกว่านี้ เสียงของมันจะขนาดไหนเนี่ย!!!






      บทสรุปส่งท้าย.......

      หลังจากที่ผมได้ทำการทดสอบเสียงย่านความถี่ต่ำของ PV1 ทั้งจากการดูหนังและฟังเพลงมาถึง 2 รอบ ผมได้ข้อสรุปอย่างหนึ่งว่า...

      PV1 มันเป็นซับวูฟเฟอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูงมากๆ เพราะมันสามารถตอบสนองการใช้งานทั้งดูหนังและฟังเพลงได้อย่างสมบูรณ์แบบ (คือ...ไม่ใช่ทำได้ดีเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง)

      ถ้าจะเอามาดูหนังหรือเอามาทำเป็นซับโฮม...มันก็ถือว่าเป็นซับวูฟเฟอร์ที่ให้พละกำลังและให้มิติของเสียงเอฟเฟคต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม (ขอใช้คำนี้แล้วกัน)

      อย่างที่ผมก็ไม่เคยเจอในซับโฮมรุ่นไหนมาก่อน (หมายถึง...เฉพาะซับที่ผมเคยฟังมาน่ะ)

      ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว...น่าจะมีซับที่ทำได้ดีพอๆ กับ PV1 หรืออาจจะทำได้ดีกว่า

      เพียงแต่เท่าที่ผมลองตระเวนไปฟังตาม Showroom ต่างๆ อยู่หลายยี่ห้อ (ราคาจะอยู่ในห้วง 8k - 60k) ผมยังไม่เห็นซับวูฟเฟอร์ตัวไหนในราคาห้วงนี้ที่ให้เสียงได้ครบเครื่องเท่า PV1 เลยสักตัว


      หรือถ้าพูดถึงในแง่ของการฟังเพลง...ณ.เวลานี้ ผมคงต้องยกให้มันเป็นซับวูฟเฟอร์ที่มีความเป็นดนตรีสูงที่สุดตั้งแต่ผมเคยฟังซับวูฟเฟอร์มา

      เพราะมันสามารถรองรับแนวเพลงและแนวจังหวะการเดินเบสได้ทุกแนวจริงๆ

      (อย่าง The Ball 2.1 ก็ถือเป็นซับมีความเป็นดนตรีสูง ให้รายละเอียดดี แต่ถ้าเทียบกับ PV1 ถือว่ายังตามอยู่ในหลายๆ เรื่อง)

      ถึงแม้กำลังขับของมันจะมีมากถึง 500W คือเกินพอสำหรับการฟังดนตรี แต่เมื่อได้ใช้งานมันจริงๆ แล้ว PV1 กลับจัดระเบียบในเรื่องของพละกำลังและแรงขับได้เป็นอย่างดี

      โดยไม่มีอาการเบสล้ำหน้าหรือให้ปริมาณเบสแบบ Over Scale จนทำให้เสียอรรถรสในการฟังเพลงเลยแม้แต่นิดเดียว

      เพราะเสียงย่านความถี่ต่ำที่ออกมาจาก PV1 มันเป็นเสียงเบสที่สะอาดหมดจด , มีความเป็นธรรมชาติและตรงไปตรงมาเอามากๆ

      อีกทั้ง...การให้รายละเอียดของเสียงเบสในทุกๆ ช่วง ทั้งช่วง Upper Bass , Middle Bass และ Deep Bass

      PV1สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างชัดเจน จนเราสามารถฟังความแตกต่างของเสียงออกด้วยหูของเราแบบไม่ต้องสังเกตสังกาอะไรมากนัก

      และที่สำคัญที่สุด...ไม่ว่า Dynamic ของเสียงดนตรีหรือเอฟเฟคในหนังจะมีความแตกต่างมากมายขนาดไหน

      PV1 ก็สามารถเชื่อมรอยต่อของเสียงย่านความถี่ต่ำในแต่ละช่วงให้มีความกลมกลืนและมีความสอดคล้อง

      ทำให้ Dynamic Contrast ที่เกิดขึ้นมีความรื่นไหลต่อเนื่อง โดยไม่มีอาการเสียงเหลื่อม เสียงล้ำออกมาให้เห็น

      ซึ่งจุดนี้ถือเป็นคุณสมบัติข้อหนึ่งที่ยากจะพบในซับวูฟเฟอร์ทั่วๆ ไป

      ช่วงไหนที่เสียงย่านความถี่ต่ำมันควรจะเป็น Back-up PV1 ก็จะทำให้เสียงย่านนี้เป็นผู้ช่วยที่ดี

      ที่ช่วยเสริมและเติมให้เสียงในย่านกลางฟังดูอิ่มขึ้น นุ่มขึ้น และทำให้เสียงในย่านสูงไม่โดดล้ำ นำหน้าเสียงย่านอื่นมากจนเกินไป

      พูดง่ายๆ ว่า...PV1 มันช่วยทำให้เสียงโดยรวมเกิด Harmonic และเดินไปในทิศทางเดียวกัน โดยไม่มีการแย่งซีนเสียงย่านอื่นให้ขัดหูเหมือนอย่างซับโฮมทั่วไป

      แต่ถ้าช่วงไหนที่เสียงย่านความถี่ต่ำจะต้องมาทำหน้าที่เป็นผู้นำหรือ Leader

      PV1 ก็จะส่งให้เสียงย่านนี้เป็นผู้นำหรือเป็นพระเอกได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้คุณรู้สึกอิ่มเอมไปกับบทเพลงที่มันกำลังบรรเลงอยู่ในขณะนั้น

      ถ้าจะสรุปใจความเพียงสั้นๆ ก็คงจะกล่าวได้ว่า...

      PV1 มันคือซับวูฟเฟอร์หน้าตาดี (มาก) ที่มีความสามารถทั้งบู๊และบุ๋นชนิดหาตัวจับยากตัวหนึ่ง



      ดังนั้น...ถ้ามีใครมาถามผมในตอนนี้ว่า "บุคลิคเสียงของเจ้าซับวูฟเฟอร์ตัวนี้มันเป็นอย่างไร"

      ผมก็คงตอบแบบไม่ต้องคิดว่า... "PV1 มันเป็นซับวูฟเฟอร์ที่ไม่มีบุคลิคเสียง เพราะบุคลิคเสียงของมันก็คือ...สิ่งที่คุณกำลังเปิดฟังอยู่นั่นแหละ"
      [/COLOR]





      หมายเหตุ...การรีวิวในครั้งนี้ เป็นการตัดสินด้วยอารมณ์ความรู้สึกและความชอบส่วนตัวของผู้เขียล้วนๆ ดังนั้น...โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านก่อนตัดสินใจเชื่อครับ

      แต่ขอย้ำว่า...ทุกถ้อยคำที่เขียนออกมา ล้วนเป็นสิ่งที่ออกมาจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นจริงๆ จุดไหนชอบก็เขียนชม จุดไหนไม่ชอบก็เขียนติ ไม่ได้เขียนเกินจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว...
      Last edited by maxxx77; 24 Nov 2010, 17:11:22.

      Comment


      • #4
        ...

        สรุปข้อดี...

        -มีความเป็นดนตรีสูงมาก รองรับแนวเพลงได้ทุกแนวจริงๆ
        -ตอบสนองการใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมทั้งการดูหนังและฟังเพลง
        -ตัวเล็ก(แต่หนัก) และ set-up ง่าย ไม่เรื่องมาก
        -ตำแหน่งการวางไม่มีผลต่อคุณภาพเสียง แต่มีผลต่อปริมาณของเสียงเบส
        -ให้บุคลิคเสียงที่ตรงไปตรงมา มีความเป็นธรรมชาติมาก
        -เป็นซับวูฟเฟอร์ที่ไม่น่าจะเลือกนาย เพราะมันมีบุคลิคเสียงที่เป็นกลางจริงๆ
        -มีระบบ Fine-turning ที่ละเอียด ทำให้ง่ายต่อการปรับจูนเสียงให้เข้ากับลำโพงคู่หน้าที่เราใช้อยู่
        -การออกแบบโครงสร้างภายในและภายนอกตัวตู้ทำได้ดีมากๆ ทำให้ตัวตู้ซับนิ่งและไม่ได้รับผลกระทบที่เกิดจากแรงอัดอากาศและการสั่นไหวของดอกวูฟเฟอร์เลยแม้แต่น้อย
        -เป็นซับวูฟเฟอร์ที่ผมคิดว่าหน้าตาหล่อเหลาที่สุดตัวหนึ่ง สามารถตั้งเป็นของตกแต่งบ้านได้ไม่ดูเกะกะตา และที่สำคัญ...มันให้คุณภาพเสียงได้ดีพอๆ กับหน้าตาของมันอีกด้วย



        สรุปข้อเสีย...

        -ตำแหน่งของจุดเชื่อมต่อสายสัญญาณอยู่ใต้ฐานด้านล่าง ทำให้เวลาถอดสายต่างๆ ทำได้ลำบาก และมีโอกาสเสี่ยงต่อการทำให้ตัวตู้ซับเป็นรอย
        -ไม่มีรีโมทคอนโทรล ทำให้การปรับระดับเสียงต้องเดินไปปรับที่ตัวตู้
        -ตัวปรับระดับ Function ต่างๆ เรียบเสมอกับตัวตู้ซับ ทำให้ปรับระดับลำบาก (ของผมต้องหาเหรียญบาทมาวางอยู่ข้างๆ)
        -ช่องเสียบสายไฟมีพื้นที่ค่อนข้างน้อย ไม่รองรับสายไฟหรือท้าย IEC ที่มีขนาดใหญ่
        -สัญญาณบอกสถานะเปิดปิดเครื่องสังเกตุยาก






        สุดท้าย...ผมขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่อุตส่าห์เสียเวลามาอ่านสิ่งต่างๆ ที่ผมเขียนจนจบครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับของที่มีอยู่ครับ

        Comment


        • #5
          โห...สุดยอดของเทพเลย ราคาไม่อยากจะถาม ใช้ตู้เหลี่ยมๆต่อไปเรา

          Comment


          • #6
            สวยมาก ราคาเท่า L3K เลยป่าวนี่ ^^

            Comment


            • #7
              เห็นรูป ข้างบน กะนึกว่า ขนาดเท่า กำปั้น - -a
              B&W มันดีอย่าง ฟังสบายไม่ค่อยขี้ฟ้อง : )

              Comment


              • #8
                Originally posted by lplline View Post
                เห็นรูป ข้างบน กะนึกว่า ขนาดเท่า กำปั้น - -a
                B&W มันดีอย่าง ฟังสบายไม่ค่อยขี้ฟ้อง : )
                ผมว่ามันขี้ฟ้องพอดูเลยนะ เพลงไม่ดีนี่ซ่าชัดเลย
                128kpbs นี่ไม่ต้องพูดถึง
                ทุกวันนี้เลยเริ่มซื้อ CD ละ จากที่เคยโหลดตลอด( แต่ก็ยังมีโหลดละนะ )

                Comment


                • #9
                  ราคาเมืองไทยแพงเอาเรื่องอยู่ครับ แต่ก็ไม่แพงขนาด L3K

                  สำหรับซับตัวนี้...ผมว่ามันน่าจะเหมาะกับห้องขนาดกลางหรือขนาดเล็ก คือประมาณ 4*8 หรือ 6*8

                  ถ้าใหญ่กว่านี้ ไม่แน่ใจว่า...พละกำลังมันจะเอาอยู่หรือเปล่า เพราะยังไม่เคยลองและไม่มีห้องโฮมที่ใหญ่ขนาดนั้นให้ลอง 555

                  Comment


                  • #10
                    Originally posted by milestone View Post
                    ผมว่ามันขี้ฟ้องพอดูเลยนะ เพลงไม่ดีนี่ซ่าชัดเลย
                    128kpbs นี่ไม่ต้องพูดถึง
                    ทุกวันนี้เลยเริ่มซื้อ CD ละ จากที่เคยโหลดตลอด( แต่ก็ยังมีโหลดละนะ )
                    ผมก็เคยฟังมาน่ะครับ เสียงมันอบอวลดี ออก ตุบตับลูกเดียวเลย แต่ก็แล้วแต่แนวเพลงด้วยแหละ
                    แต่เขาใช้ cd เล่นเอา มะเคยฟังกับ portable เลยย

                    Comment


                    • #11
                      Originally posted by milestone View Post
                      ผมว่ามันขี้ฟ้องพอดูเลยนะ เพลงไม่ดีนี่ซ่าชัดเลย
                      128kpbs นี่ไม่ต้องพูดถึง
                      ทุกวันนี้เลยเริ่มซื้อ CD ละ จากที่เคยโหลดตลอด( แต่ก็ยังมีโหลดละนะ )
                      x2 ครับ


                      เพียงแต่ลำโพงซับวูฟเฟอร์โดยทั่วไป มันจะฟังเรื่องความผิดเพี้ยนออกยากกว่าลำโพง Sattlelite ประมาณว่าถึงเพี้ยนก็ฟังไม่ค่อยออก

                      ดังนั้น...ซับทั่วไปจึงเน้นเรื่องปริมาณและพละกำลังของเสียงเบสมากกว่าจะเน้นเรื่องการให้รายละเอียดเชิงลึก (เช่นการให้ Dynamic หรือการให้น้ำหนักของเสียงเบสตามความเป็นจริง เป็นต้น)

                      มาถึงวันนี้...ผมจึงไม่แปลกใจว่าทำไมมันถึงได้ตำแหน่ง Best Subwoofer ที่ราคาสูงกว่า 500 ปอนด์ (ถ้าซื้อจาก UK ~ 1,000 ปอนด์ , USA ~ 1,500$ , FR ~ 1,500 UERO , TH ~ 80K) จาก What Hi-fi ถึง 6 ปีซ้อน คือตั้งแต่ปี 2005 - 2010
                      Last edited by maxxx77; 24 Nov 2010, 08:55:18.

                      Comment


                      • #12
                        ดูรูปแรกๆเหมือนมันอันเล็กแฮะ

                        Comment


                        • #13
                          ผมก็เคยสนใจเหมือนกัน นานๆจะเห็นซัพที่ไช้ดอกโลหะสักที แถมมาจากบ้าน B&W ด้วย ต้องไม่ธรรมดา

                          อย่างแรกคือทำยังไงให้ดอกลำโพงโลหะที่มีข้อเสียเรื่องน้ำหนักมาก สามารถขับความถี่ฟังเพลงใด้อย่างสมูท

                          วัสดุไม่เจ๋งจริง มีบวมเพราะเก็บตัวไม่ทันแน่ๆ อย่างสองคือการจูนตู้ไม่ให้เดินใด้แม้ไล่ความถี่ต่ำในอัตราเร่งสูง

                          แต่ B&W ถนัดตู้ปิดอยู่แล้ว ไม่น่าจะตกม้าตายหรอกมั้ง

                          ตอนแรกก็แปลกใจว่าทำไมคนเล่นตัวนี้น้อยจัง พอเสิร์ชหาราคาศูนย์ไทยก็ถึงบางอ้อ -*- แหมๆ

                          Comment


                          • #14
                            Originally posted by golf47 View Post
                            ดูรูปแรกๆเหมือนมันอันเล็กแฮะ
                            ทีแรกจ้องเหมือนลูกกะแป๋ง สุดท้ายมันคือกะแป๋งยักษ์สินะครับ(แซวเล่นเน้อครับ)

                            เวนกำล่ะ จริงๆ สวยดีครับ ว่าน่าสนใจดีเหมือนกันแฮ๊ะ กำลังหา Sub แจ่มๆ มาวางอยู่หน่ะ

                            ปล. ท่าทางกะแป๋งยักษ์ ราคาแพงหลาย

                            Comment


                            • #15
                              มาแอบสนเจ้า peachtree audio ไม่ทราบว่าไปกันได้กับ เจ้า 685 ไหมครับ เห็นตัวมันเล็กจัง ลำโพงมัน ไว 89 ที่ 8 ohm อะครับ

                              แล้วนี่ สั่งเข้ามารึเปล่าคับ ค่าเสียหายเท่าไรเนี่ย

                              Comment

                              Working...
                              X