ไมค์ก็ตามท่านๆด้านบนแนะนำแล้วกันครับ
แต่ถ้าเป็นผม ไม่เสี่ยงมากกับงบเท่านี้
และไม่ได้ซีเรียจเรื่องซาวน์ด เอาแค่พอฟังได้ละก้อ
ไมค์จากพวกหูฟังนี่แหละครับ เอาที่แบบยื่นๆมาจ่อปากนะ
อันเป็นกระเปาะแบบใส้กรอกไม่แนะนำครับ มันคอลโทลเวลาร้องยาก
จะให้ดีหน่อยก็เลือกๆที่มียี่ห้อหน่อยแล้วกัน
ผมเคยใช้ของ ครีเอทีฟ ก็ดีนะ มันรับเสียงไวดี ไม่ต้องเอารุ่นแพงครับ
ที่ผมแนะนำไมค์จากพวกหูฟังเพราะ
มันเป็น mic condenser คือความไวในการรับเสียงมากกว่า
มีผลดีกับท่านที่อัดเสียงจากการ์ดออนบอร์ด หรือซาวน์ดที่ไม่มีปรีไมค์ในตัว
ที่จริงในซาวน์ดการ์ดทุกตัวมีปรีไนตัวก็จริงแต่เอาไว้ใช้งานเบาๆมากกว่า เช่นไมค์หูฟัง ที่ไวและไม่ต้องขยายอะไรมาก
แต่ถ้าเป็นไมค์ แบบ dynamic mic ทั่วไป ขับไม่ออกแน่นอนครับ
ต้อง Boot สัญญาณสถานเดียว ซึ่งคำว่า Boot เนี่ยก็แรงขึ้นนะ
แต่ก็จะแจมมาด้วยสัญญาณรบกวนเพียบเช่นกันครับ
อ๊ะๆหูฟังเป็น mic condenser เนี่ยต้องมีไฟเลี้ยงนะจ๊ะ แน่นอนครับไมค์หูฟังก็ใช้ไฟเลี้ยงเช่นกัน
ดังนั้นจะเห็นไดว่า ที่แจ๊ค มันจะไม่ใช่ 2 ขั้วนะครับ เป็นแจ๊ค 3 ขั้วแบบ TRS
ถ้าท่านไปซื้อไมค์มาเองซึ้งจากที่ท่านๆด้านบนแนะนำ ก็ดีครับ
แต่ถ้าซาวน์ดการ์ดเป็นแค่ออนบอร์ด หรือไม่มีปรีไมค์แยกวุ่นวายแน่ๆ
วุ่นวายที่ 1 ทำสาย สายที่จะเอามาทำท่านต้องเป็นแจ๊ค mini trs to xlr นะครับ
ถ้าทำเป็นก็ถือว่าดีครับ ทำไว้ใช้ได้นาน มีสายแล้วยืมไมค์ดีๆใครมาอัดก็ได้ ตัวอย่างรูป
ตัวอย่างสายที่ 1


และต่อแบบนี้
แต่ตัว TRS ต้องเป็น mini นะครับ ในรูปผมไปหามาให้ดูเฉยๆ
ตัวอย่างสายที่ 2 ถ้าไม่ใช่แจ๊ค mini trs แล้วไปใช้แจ๊ค Phone Mono ธรรมดา แบบนี้

หรือซื้อมาทำเองแล้วต่อแบบนี้

ที่สายไมค์สำเร็จส่วนมากทำออกมาขาย แล้วซื้อ อแดปเตอร์มาต่อเอา
ไม่ว่าท่าจะเอาอแดปเตอร์อันไหนมาต่อมันก็ช๊อตจ้า แต่ถ้าขยับดีๆอาจใช้ได้
แล้วยินดีต้องรับเสียงจี่จากสัญญาณรบกวนได้เลย
และบางทีอาจมีเสียงช๊อตได้ครับ แต่ถ้าถามว่าสายแบบนี้ใช้ได้มั๊ย
ตอบว่าได้ครับ แต่ต้องขยับแจ๊คนิดนึง ขยับถูกก็ดี ขยับไม่ถูกก็ช๊อต
แต่ถ้าได้สายแบบ ตัวอย่างที่หนึ่ง เสียบปุ๊บไม่ต้องขยับ ร้องเลยจร้า
นี่ตัวอย่างสายของผมที่ทำเองและไมค์ผมเองครับ

อะมาถึงเรื่องไมค์ต่อ ในกรณีที่เป็นซาวน์ดการ์ดออนบอร์ดและ
ไม่มีไมค์ปรีแอมป์นะครับที่ผมแนะนำให้ใช้ไมค์จากหูฟังเพราะ
สัญญาญที่ได้เวลาอัดเสียงมันแรงกว่าพวกไมค์ชัวส์ หรือไมค์คาราโอเกะตัวละสี่ห้าร้อยบาท
ซึ่งเป็นไมค์เหล่านั้นเป็น dynamic mic ต้องมีปรีไมค์ช่วยถึงจะใช้งานได้ดี
แต่เสียงที่ได้จากไมค์หูฟังนั้นแรงก็จริงครับ แต่จะออกบางกว่าคือไม่ค่อยมีเนื้อหนังของเสียงเท่าไหร่
แต่เสียงพุ่งจู๊ดๆเนื่องจากความแรง เวลาอัดระวังสัญญาณจะพีคด้วยนะจ๊ะ
เอาน่ามีเสียงไว้ก่อน แรงไว้ก่อนครับ ท่องไว้ Demoๆๆๆๆ
แต่ถ้าท่านเลือกใช้ไมค์ dynamic mic ก็ย่อมได้ จะได้เนื้อเสียงที่ดีหนาและเป็นธรรมชาติกว่า
แต่ท่านต้อง Boot pre mic ด้วยนะครับ

ถ้าไม่ Boot เสียงจะเบามากๆ เดี๋ยวจะหาว่าไมค์ที่ยืมมาไม่ดีไม่ได้น๊า จบครับ
ป.ล. ถ้าหาสายมาทำเองและท่านมีเพียงซาวน์ดการ์ดออนบอร์ด
ผมอยากให้หาสายเล็กๆคุณภาพดีๆมาใช้มากกว่านะครับ เมตรละไม่เกิน 30 บาท
พวก Canare bleden หรือ amphenol ซึ่งในการทำงานแบบสัญญาณอ่อนๆ เล็กไวใหญ่ช้าครับ
คิดง่ายๆ ลองเปรียบกับสายยางน้ำ แรงดันน้ำเท่ากัน สายเล็กกับสายใหญ่ อันไหนไปไวและแรงกว่ากัน!!!
ทฤษฏีคิดเองครับ ผิดถูกอย่าว่ากันเน้อ
แต่ถ้าเป็นผม ไม่เสี่ยงมากกับงบเท่านี้
และไม่ได้ซีเรียจเรื่องซาวน์ด เอาแค่พอฟังได้ละก้อ
ไมค์จากพวกหูฟังนี่แหละครับ เอาที่แบบยื่นๆมาจ่อปากนะ
อันเป็นกระเปาะแบบใส้กรอกไม่แนะนำครับ มันคอลโทลเวลาร้องยาก
จะให้ดีหน่อยก็เลือกๆที่มียี่ห้อหน่อยแล้วกัน
ผมเคยใช้ของ ครีเอทีฟ ก็ดีนะ มันรับเสียงไวดี ไม่ต้องเอารุ่นแพงครับ
ที่ผมแนะนำไมค์จากพวกหูฟังเพราะ
มันเป็น mic condenser คือความไวในการรับเสียงมากกว่า
มีผลดีกับท่านที่อัดเสียงจากการ์ดออนบอร์ด หรือซาวน์ดที่ไม่มีปรีไมค์ในตัว
ที่จริงในซาวน์ดการ์ดทุกตัวมีปรีไนตัวก็จริงแต่เอาไว้ใช้งานเบาๆมากกว่า เช่นไมค์หูฟัง ที่ไวและไม่ต้องขยายอะไรมาก
แต่ถ้าเป็นไมค์ แบบ dynamic mic ทั่วไป ขับไม่ออกแน่นอนครับ
ต้อง Boot สัญญาณสถานเดียว ซึ่งคำว่า Boot เนี่ยก็แรงขึ้นนะ
แต่ก็จะแจมมาด้วยสัญญาณรบกวนเพียบเช่นกันครับ
อ๊ะๆหูฟังเป็น mic condenser เนี่ยต้องมีไฟเลี้ยงนะจ๊ะ แน่นอนครับไมค์หูฟังก็ใช้ไฟเลี้ยงเช่นกัน
ดังนั้นจะเห็นไดว่า ที่แจ๊ค มันจะไม่ใช่ 2 ขั้วนะครับ เป็นแจ๊ค 3 ขั้วแบบ TRS
ถ้าท่านไปซื้อไมค์มาเองซึ้งจากที่ท่านๆด้านบนแนะนำ ก็ดีครับ
แต่ถ้าซาวน์ดการ์ดเป็นแค่ออนบอร์ด หรือไม่มีปรีไมค์แยกวุ่นวายแน่ๆ
วุ่นวายที่ 1 ทำสาย สายที่จะเอามาทำท่านต้องเป็นแจ๊ค mini trs to xlr นะครับ
ถ้าทำเป็นก็ถือว่าดีครับ ทำไว้ใช้ได้นาน มีสายแล้วยืมไมค์ดีๆใครมาอัดก็ได้ ตัวอย่างรูป
ตัวอย่างสายที่ 1


และต่อแบบนี้

แต่ตัว TRS ต้องเป็น mini นะครับ ในรูปผมไปหามาให้ดูเฉยๆ
ตัวอย่างสายที่ 2 ถ้าไม่ใช่แจ๊ค mini trs แล้วไปใช้แจ๊ค Phone Mono ธรรมดา แบบนี้

หรือซื้อมาทำเองแล้วต่อแบบนี้

ที่สายไมค์สำเร็จส่วนมากทำออกมาขาย แล้วซื้อ อแดปเตอร์มาต่อเอา
ไม่ว่าท่าจะเอาอแดปเตอร์อันไหนมาต่อมันก็ช๊อตจ้า แต่ถ้าขยับดีๆอาจใช้ได้
แล้วยินดีต้องรับเสียงจี่จากสัญญาณรบกวนได้เลย
และบางทีอาจมีเสียงช๊อตได้ครับ แต่ถ้าถามว่าสายแบบนี้ใช้ได้มั๊ย
ตอบว่าได้ครับ แต่ต้องขยับแจ๊คนิดนึง ขยับถูกก็ดี ขยับไม่ถูกก็ช๊อต
แต่ถ้าได้สายแบบ ตัวอย่างที่หนึ่ง เสียบปุ๊บไม่ต้องขยับ ร้องเลยจร้า
นี่ตัวอย่างสายของผมที่ทำเองและไมค์ผมเองครับ

อะมาถึงเรื่องไมค์ต่อ ในกรณีที่เป็นซาวน์ดการ์ดออนบอร์ดและ
ไม่มีไมค์ปรีแอมป์นะครับที่ผมแนะนำให้ใช้ไมค์จากหูฟังเพราะ
สัญญาญที่ได้เวลาอัดเสียงมันแรงกว่าพวกไมค์ชัวส์ หรือไมค์คาราโอเกะตัวละสี่ห้าร้อยบาท
ซึ่งเป็นไมค์เหล่านั้นเป็น dynamic mic ต้องมีปรีไมค์ช่วยถึงจะใช้งานได้ดี
แต่เสียงที่ได้จากไมค์หูฟังนั้นแรงก็จริงครับ แต่จะออกบางกว่าคือไม่ค่อยมีเนื้อหนังของเสียงเท่าไหร่
แต่เสียงพุ่งจู๊ดๆเนื่องจากความแรง เวลาอัดระวังสัญญาณจะพีคด้วยนะจ๊ะ
เอาน่ามีเสียงไว้ก่อน แรงไว้ก่อนครับ ท่องไว้ Demoๆๆๆๆ
แต่ถ้าท่านเลือกใช้ไมค์ dynamic mic ก็ย่อมได้ จะได้เนื้อเสียงที่ดีหนาและเป็นธรรมชาติกว่า
แต่ท่านต้อง Boot pre mic ด้วยนะครับ

ถ้าไม่ Boot เสียงจะเบามากๆ เดี๋ยวจะหาว่าไมค์ที่ยืมมาไม่ดีไม่ได้น๊า จบครับ
ป.ล. ถ้าหาสายมาทำเองและท่านมีเพียงซาวน์ดการ์ดออนบอร์ด
ผมอยากให้หาสายเล็กๆคุณภาพดีๆมาใช้มากกว่านะครับ เมตรละไม่เกิน 30 บาท
พวก Canare bleden หรือ amphenol ซึ่งในการทำงานแบบสัญญาณอ่อนๆ เล็กไวใหญ่ช้าครับ
คิดง่ายๆ ลองเปรียบกับสายยางน้ำ แรงดันน้ำเท่ากัน สายเล็กกับสายใหญ่ อันไหนไปไวและแรงกว่ากัน!!!
ทฤษฏีคิดเองครับ ผิดถูกอย่าว่ากันเน้อ
Comment