ในระหว่างการประชุมอัลตราบรอดแบนด์ (UBBF) ประจำปี 2566 คุณคิม จิน (Kim Jin) รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ธุรกิจออปติกของหัวเว่ย (Huawei) ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษที่การประชุมสุดยอดเครือข่ายออปติคอลสีเขียว (Green All-Optical Network Summit) ในหัวข้อ "นวัตกรรม F5.5G เร่งการเติบโตระลอกใหม่" (F5.5G Innovation, Accelerating New Growth) โดยหัวเว่ยได้วิเคราะห์ข้อกำหนดต่าง ๆ ในการยกระดับการเชื่อมต่อ อันเป็นผลจากความเจริญก้าวหน้าของเครือข่ายกิกะบิตและประสบการณ์ความเร็วระดับ 10Gbps ในอนาคต จึงได้เปิดตัว 6 อัปเกรดทางเทคนิคเพื่อก้าวสู่ยุค F5.5G การอัปเกรดเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการปรับปรุงประสบการณ์ สถาปัตยกรรม และประสิทธิภาพโดยรวม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานเร่งวงจรธุรกิจในทางบวก และบรรลุความสำเร็จทางธุรกิจในระหว่างการพัฒนาสู่ F5.5G อย่างราบรื่น นอกจากนี้ หัวเว่ยยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในอุตสาหกรรมร่วมกันส่งเสริมความสมบูรณ์และการนำ F5.5G มาใช้ และบรรลุเป้าหมาย "10Gbps ทุกแห่ง" อย่างค่อยเป็นค่อยไป
อัปเกรดจาก FTTR เป็น FTTR-B โดยขยับขยายจากบ้านสู่ธุรกิจองค์กร
เทคโนโลยี FTTR มีการนำไปใช้แล้วประมาณ 10 ล้านครัวเรือน โดย FTTR-B ของหัวเว่ยนำ FTTR ไปใช้กับองค์กร เพื่อมอบการเชื่อมต่ออย่างเหนือชั้นในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น อาคารพาณิชย์ ร้านค้าขนาดเล็กและขนาดกลาง และวิทยาเขตขนาดเล็ก รองรับแบนด์วิดท์ 2Gbps และผู้ใช้งานพร้อมกันได้ 300 ราย
อัปเกรดจากไวไฟระดับพรีเมียมเป็นบรอดแบนด์ระดับพรีเมียม เร่งสร้างรายได้จากประสบการณ์
ไวไฟระดับพรีเมียมมีการนำไปใช้ในเครือข่ายลูกค้ามากกว่า 60 แห่งทั่วโลก ซึ่งเมื่ออัปเกรดแล้ว บรอดแบนด์ระดับพรีเมียมจะประเมินผู้ใช้อย่างแม่นยำ โดยอาศัยการวิเคราะห์บิ๊กดาต้า และดำเนินการเดินระบบและซ่อมบำรุง (O&M) ในเชิงรุก ทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถทางการตลาดที่แม่นยำและความพึงพอใจในบรอดแบนด์ของผู้ใช้ และยังลดอัตราการเสียลูกค้าด้วย
อัปเกรดจาก 10G PON เป็น 50G PON วิวัฒนาการสู่ยุคประสบการณ์ 10 Gbps อย่างไหลลื่น
หัวเว่ยร่วมกับผู้ให้บริการ 85 ราย ได้ติดตั้งพอร์ต 10G PON มากกว่า 17 ล้านพอร์ต ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมแล้ว 50G PON ของหัวเว่ยเพิ่มแบนด์วิดท์อัปสตรีมได้ 20% และลดเวลาแฝงจากระดับ ms เป็นระดับ us ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนด QoS ของบริการต่าง ๆ
ยกระดับครั้งใหม่ให้กับ Alps-WDM Enhanced เร่งพัฒนาบริการทั้งหมด
Alps-WDM ได้รับการติดตั้งใช้งานในเครือข่ายเชิงพาณิชย์และเครือข่ายทดสอบมากกว่า 50 แห่งทั่วโลก โดย Alps-WDM Enhanced ช่วยยกระดับโมดูลสวิตช์ออปติคัลทั้งหมด และเปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการขยาย OTN ไปยังไซต์ CO ย่อยได้ ตอบสนองความต้องการได้ในสถานการณ์และบริการรูปแบบต่าง ๆ พร้อมปรับปรุงการใช้เครือข่ายไลฟ์ซ้ำ รวมถึงความสามารถในการปรับใช้ที่ยืดหยุ่น
อัปเกรดจาก 400G เป็น 800G เพื่อให้ได้ความจุมากเป็นพิเศษ พร้อมด้วยการส่งข้อมูลเครือข่ายแกนหลักระยะไกลพิเศษ
หัวเว่ยได้ติดตั้งโซลูชัน 400G บนเครือข่ายมากกว่า 100 แห่งทั่วโลก โซลูชัน Super 400G/800G ของหัวเว่ย มีการอัปเกรดวัสดุ อัลกอริธึม และโครงสร้าง โดยปรับปรุงระยะการส่งข้อมูลได้ 20% และลดการใช้พลังงานลง 50% ซึ่งโมดูล WSS ในแบนด์ Super C+L นั้นใช้การสลับแถบความถี่ต่าง ๆ แบบออปติคัลล้วนบนโมดูลเดียวกัน ช่วยเพิ่มความจุของเส้นใยเดี่ยวและอุปกรณ์ได้ถึง 100%
ยกระดับจากแผนที่เวลาในการตอบสนองเป็นการรับประกัน SLA เพื่อเร่งสร้างรายได้จาก SLA ของเครือข่าย
สายส่วนตัวระดับพรีเมียมแบบ OTN ของหัวเว่ย มอบการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้พร้อมเวลาแฝงแบบตายตัวสำหรับองค์กรมากกว่า 10,000 แห่ง การอัปเกรดนี้ใช้ฟังก์ชันแนะนำเส้นทางที่เหมาะสมที่สุด เพื่อปรับปรุงความสามารถในการสร้างรายได้ตาม SLA พร้อมลดเวลาในการทำ TTM เหลือเพียงหลักวัน และทำให้เครือข่ายทำงานได้กว่า 99.999% ซึ่งจะเข้ามาปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มรายได้ให้ผู้ใช้
หัวเว่ยนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เน้น F5.5G ตามที่เปิดตัวในการประชุมอัลตราบรอดแบนด์เมื่อปี 2565 ทั้ง 8 ข้อไปต่อยอด เพื่อเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ และเปิดตัวอีก 6 อัปเกรดทางเทคนิคในครั้งนี้ เพื่อปรับปรุงขีดความสามารถของเครือข่ายอย่างเต็มที่ และส่งเสริมอุตสาหกรรมให้ก้าวไปสู่ยุค F5.5G ต่อไป โดยคุณคิม จิน กล่าวว่า "ในอนาคตข้างหน้า เราจะเดินหน้าพัฒนาโซลูชันที่ดีที่สุดสำหรับ F5.5G ซึ่งเราหวังที่จะทำงานร่วมกับผู้ให้บริการระดับโลกและพันธมิตรในอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรม พร้อมบรรลุวิสัยทัศน์ OptiX ไปทุกที่ และ 10Gbps ทุกหนแห่ง"
ติดต่อ
ริต้า เผิง (Rita Peng)
อีเมล: pengqiuyu1@huawei.com
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/224...7_38850575.jpg
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/224...7_38850729.jpg