Update 14 ธค 2559 : วิธีเช็คแสงรั่วที่ถูกต้อง
สวัสดีครับชาว overclockzone
วันนี้ผมก็มีจอน่าสนใจมารีวิวเล่น ๆ กันอีกอันละครับ
นั่นก็คือจอ Dell U2417H โดยจะเอามาเทียบกับรุ่นเก๋าอย่าง U2414H ครับ
(จอที่ผมเอามารีวิวเป็นจอที่ซื้อมาใช้เอง ลองเอง เจ็บเองครับผม)
โดยรีวิวของผมจะเป็นแบบมินิรีวิวนะครับ คือเน้นข้อแตกต่างหลัก ๆ เอาแต่เนื้อ ๆ ไม่เน้นน้ำซักเท่าไหร่
กลับมาพูดถึงจอ Dell ทั้ง 2 รุ่นนี้กัน
Dell U2414H นั้นเป็นจอที่ออกมาก่อนครับ น่าจะอายุได้ประมาณ 3 ปีแล้ว ซึ่งช่วงแรก ๆ ที่ออกมาก็เป็นที่นิยมกันอย่างมาก
แต่พอ lot หลัง ๆ ก็มีปัญหาเรื่อง QC ตามมาเป็นพรวนเลยทำให้ความนิยมค่อนข้างลดลงจากตอนแรก
ทีนี้ทาง Dell ก็เลยตัดสินใจทำรุ่นใหม่ออกมาโดยสเปคพวกนี้ก็จะคล้าย ๆ กับตัวรุ่นพี่อย่าง Dell U2414H ครับ
แต่ที่ต่างจากตัวรุ่นพี่ก็คือเพิ่มคุณภาพของ QC และเปลี่ยนหน้าตาไปจากเดิมครับ
รุ่นใหม่นี้ก็เลยทำการเปลี่ยนรหัสซะเป็น Dell U2417H ครับ
สิ่งที่ U2417H ปรับปรุงให้ดีกว่า U2414H
หน้าตากล่องของ U2417H จะมีขนาดที่เล็กกว่า U2414h ครับ
เนื่องจากมีการจัดรูปแบบภายในกล่องให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น

เปรียบเทียบลักษณะ รูปร่างระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องที่พึ่งออกใหม่


จะเห็นได้ว่าตัวรุ่นน้อง U2417H ตัวฐานจะมีความกว้างกว่าของรุ่นพี่ U2414H มาก
และสีก็ดูสวยตัดกับ body ดีครับ ประทับใจผมมากครับ
ถัดมาเรื่องแสงรั่ว
ผลก็คือตัวรุ่นน้อง U2417H ก็ยังมีปัญหาแสงรั่วอยู่ครับ
เพียงแต่จะน้อยกว่าตัวรุ่นพี่อย่าง U2414H ค่อนข้างมากครับ

ถ้าดูจากรูปจะเหมือนรั่วทุกมุม แต่ถ้าดูด้วยตาเปล่าจริง ๆ จุดที่สังเกตชัดเจนจริง ๆ ก็ตรงมุมขวาล่างเท่านั้นเองครับ
ตรงจุดอื่นจะมองยาก (ไม่เหมือนในรูปครับ)
เรื่องคาลิเบรตที่ทาง Dell บอกว่ารุ่นนี้คาลิเบรตมาดีกว่ารุ่นพี่ประมาณ 2 เท่า

จากการเอาใบคาลิเบรตมาเทียบกัน ผลก็คือดีกว่าจริง ๆ ครับ
เพราะช่วงสีบางค่านี่แทบจะใกล้ 0 กันเลยทีเดียว
ทีนี้หลายคนก็อาจจะสงสัยว่า
Delta E ต่ำ ๆ แล้วดียังไง
ผมก็เลยทดลองเปิดพื้นหลังสีขาวเทียบให้ดูครับ
โดยการตั้งค่าคือใช้โหมด sRGB
Brightness 40
Contrast 75
อันนี้คือสีของตัวรุ่นพี่อย่าง U2414H

จะเห็นว่าสีออกโทนชมพูครับ
และนี่คือสีของตัวรุ่นน้อง U2417H

จะเห็นว่าขาวกว่าค่อนข้างมากครับ
สรุปส่งท้าย
สำหรับใครที่ถามว่าจะซื้อ Dell U2414H หรือ Dell U2417H ดี ในเมื่อทั้ง 2 ตัวราคา ณ ตอนนี้น่าจะใกล้ ๆ กันแล้วแหละครับ
โดยที่ U2414H สามารถซื้อผ่าน Lazada ถ้าใช้ส่วนลดแล้วก็น่าจะเหลือประมาณ 7800 บาท แต่ !!
--> มีของแถมเป็นลำโพง Dell
--> ประกันนานกว่าคือ 5 ปี
ส่วน U2417H ราคามือหนึ่งที่ถูกที่สุดที่ผมซื้อมาจากพ่อค้าในบอร์ด overclockzone จะตกที่ 8000 บาท + ค่าส่ง 200 ครับ
--> ไม่มีของแถม
--> ประกัน 3 ปี
ซึ่งถ้ามองเรื่องความคุ้มค่าจะเห็นว่าตัว U2414H คุ้มกว่ามาก
แต่ถ้ามองเรื่องความสวยงามแล้วละก็ จัด U2417H เลยครับ ดีกว่าจริง ๆ
ที่ผมชอบ U2417H ก็ตรงที่การคาลิเบรตมาให้นี่แหละครับ
สีสันมันโอเคกว่าตัวรุ่นพี่อย่าง U2414H จริง ๆ
โดยส่วนตัวผมถ้าให้เลือกซื้อ ณ เวลานี้ก็คงจะเอา U2417H นี่แหละครับ
เหตุผลหลัก ๆ คือชอบขาตั้งและชอบค่าที่มันคาลิเบรตมาให้ค่อนข้างดีเป็นอย่างมากครับ
และแล้วก็ขอขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
_____________________________________
เรื่องการเช็คแสงรั่วที่ถูกต้อง Credit จากท่าน grungust
สวัสดีครับชาว overclockzone
วันนี้ผมก็มีจอน่าสนใจมารีวิวเล่น ๆ กันอีกอันละครับ
นั่นก็คือจอ Dell U2417H โดยจะเอามาเทียบกับรุ่นเก๋าอย่าง U2414H ครับ
(จอที่ผมเอามารีวิวเป็นจอที่ซื้อมาใช้เอง ลองเอง เจ็บเองครับผม)
โดยรีวิวของผมจะเป็นแบบมินิรีวิวนะครับ คือเน้นข้อแตกต่างหลัก ๆ เอาแต่เนื้อ ๆ ไม่เน้นน้ำซักเท่าไหร่
กลับมาพูดถึงจอ Dell ทั้ง 2 รุ่นนี้กัน
Dell U2414H นั้นเป็นจอที่ออกมาก่อนครับ น่าจะอายุได้ประมาณ 3 ปีแล้ว ซึ่งช่วงแรก ๆ ที่ออกมาก็เป็นที่นิยมกันอย่างมาก
แต่พอ lot หลัง ๆ ก็มีปัญหาเรื่อง QC ตามมาเป็นพรวนเลยทำให้ความนิยมค่อนข้างลดลงจากตอนแรก
ทีนี้ทาง Dell ก็เลยตัดสินใจทำรุ่นใหม่ออกมาโดยสเปคพวกนี้ก็จะคล้าย ๆ กับตัวรุ่นพี่อย่าง Dell U2414H ครับ
แต่ที่ต่างจากตัวรุ่นพี่ก็คือเพิ่มคุณภาพของ QC และเปลี่ยนหน้าตาไปจากเดิมครับ
รุ่นใหม่นี้ก็เลยทำการเปลี่ยนรหัสซะเป็น Dell U2417H ครับ
สิ่งที่ U2417H ปรับปรุงให้ดีกว่า U2414H
- การคาลิเบรตมาให้จากโรงงานที่มีค่า Delta E หรือความแตกต่างของสีที่ดีกว่าเดิม 2 เท่า
- ตำแหน่งของ USB 3.0 ที่ย้ายมาอยู่ด้านข้างทำให้ใช้งานได้สะดวกกว่าเดิม
- ฐานที่ใหญ่ขึ้นและสีสวยขึ้น (ผมค่อนข้างชอบสีแบบใหม่นะครับ ดูดุดันดี)
- การแพคเกจทำได้ดีขึ้น คือจะมีการวางเป็นบลอค ๆ ง่ายต่อการหยิบและเก็บเมื่อไม่ใช้แล้ว
- ปัญหาแสงรั่วที่น้อยลง แต่ก็ยังมีอยู่ (ที่ว่าน้อยคือเมื่อเทียบกับ U2414H ตัวเก่าของผมนะครับ)
หน้าตากล่องของ U2417H จะมีขนาดที่เล็กกว่า U2414h ครับ
เนื่องจากมีการจัดรูปแบบภายในกล่องให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น

เปรียบเทียบลักษณะ รูปร่างระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องที่พึ่งออกใหม่


จะเห็นได้ว่าตัวรุ่นน้อง U2417H ตัวฐานจะมีความกว้างกว่าของรุ่นพี่ U2414H มาก
และสีก็ดูสวยตัดกับ body ดีครับ ประทับใจผมมากครับ
ถัดมาเรื่องแสงรั่ว
ผลก็คือตัวรุ่นน้อง U2417H ก็ยังมีปัญหาแสงรั่วอยู่ครับ
เพียงแต่จะน้อยกว่าตัวรุ่นพี่อย่าง U2414H ค่อนข้างมากครับ

ถ้าดูจากรูปจะเหมือนรั่วทุกมุม แต่ถ้าดูด้วยตาเปล่าจริง ๆ จุดที่สังเกตชัดเจนจริง ๆ ก็ตรงมุมขวาล่างเท่านั้นเองครับ
ตรงจุดอื่นจะมองยาก (ไม่เหมือนในรูปครับ)
เรื่องคาลิเบรตที่ทาง Dell บอกว่ารุ่นนี้คาลิเบรตมาดีกว่ารุ่นพี่ประมาณ 2 เท่า

จากการเอาใบคาลิเบรตมาเทียบกัน ผลก็คือดีกว่าจริง ๆ ครับ
เพราะช่วงสีบางค่านี่แทบจะใกล้ 0 กันเลยทีเดียว
ทีนี้หลายคนก็อาจจะสงสัยว่า
Delta E ต่ำ ๆ แล้วดียังไง
ผมก็เลยทดลองเปิดพื้นหลังสีขาวเทียบให้ดูครับ
โดยการตั้งค่าคือใช้โหมด sRGB
Brightness 40
Contrast 75
อันนี้คือสีของตัวรุ่นพี่อย่าง U2414H

จะเห็นว่าสีออกโทนชมพูครับ
และนี่คือสีของตัวรุ่นน้อง U2417H

จะเห็นว่าขาวกว่าค่อนข้างมากครับ
สรุปส่งท้าย
สำหรับใครที่ถามว่าจะซื้อ Dell U2414H หรือ Dell U2417H ดี ในเมื่อทั้ง 2 ตัวราคา ณ ตอนนี้น่าจะใกล้ ๆ กันแล้วแหละครับ
โดยที่ U2414H สามารถซื้อผ่าน Lazada ถ้าใช้ส่วนลดแล้วก็น่าจะเหลือประมาณ 7800 บาท แต่ !!
--> มีของแถมเป็นลำโพง Dell
--> ประกันนานกว่าคือ 5 ปี
ส่วน U2417H ราคามือหนึ่งที่ถูกที่สุดที่ผมซื้อมาจากพ่อค้าในบอร์ด overclockzone จะตกที่ 8000 บาท + ค่าส่ง 200 ครับ
--> ไม่มีของแถม
--> ประกัน 3 ปี
ซึ่งถ้ามองเรื่องความคุ้มค่าจะเห็นว่าตัว U2414H คุ้มกว่ามาก
แต่ถ้ามองเรื่องความสวยงามแล้วละก็ จัด U2417H เลยครับ ดีกว่าจริง ๆ
ที่ผมชอบ U2417H ก็ตรงที่การคาลิเบรตมาให้นี่แหละครับ
สีสันมันโอเคกว่าตัวรุ่นพี่อย่าง U2414H จริง ๆ
โดยส่วนตัวผมถ้าให้เลือกซื้อ ณ เวลานี้ก็คงจะเอา U2417H นี่แหละครับ
เหตุผลหลัก ๆ คือชอบขาตั้งและชอบค่าที่มันคาลิเบรตมาให้ค่อนข้างดีเป็นอย่างมากครับ
และแล้วก็ขอขอบคุณสำหรับการติดตามครับ

_____________________________________
เรื่องการเช็คแสงรั่วที่ถูกต้อง Credit จากท่าน grungust
Originally posted by grungust
View Post
Comment