Announcement

Collapse
No announcement yet.

Review : Dell Ultrasharp Calibration Solution ระบบ คาลิเบต แบบ Hardware LUT ของ Dell

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • Review : Dell Ultrasharp Calibration Solution ระบบ คาลิเบต แบบ Hardware LUT ของ Dell

    Review : Dell Ultrasharp Calibration Solution ระบบ Calibrate แบบ Hardware LUT ของจอ Dell เพื่อสีที่สมจริงและ Smooth ยิ่งขึ้น


    Review + How to การใช้งานระบบ Hardware Calibrate ของ Dell ครับ (เอาไปประยุคใช้ได้กับ EIZO และ NEC ครับ)





    สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกท่าน วันนี้ผมจะมารีวิวระบบ การจัดการสีสันและ Calibrate สุดพิเศษระบบนึงที่มีอยู่ในจอดีๆ ระดับกลางๆ ขึ้่นไป เช่น Dell, EIZO, NEC และอื่นๆ ครับ

    โดยระบบนี้ไม่เหมือนการ Calibrate จอทั่วไปครับ


    ท้าวความก่อนว่าการ Calibrate จอทั่วไปนั้น ทำในระดับ software level (80%-100%) + hardware level (0-20%) ครับ

    แต่การ Calibrate จอผ่านทาง Internal LUT อย่าง Dell, EIZO, NEC ในรุ่นที่รองรับนั้น ทำในระดับ hardware level (90-100%) + software level (0-10%) ครับ



    ซึ่งการ Calibrate นั้นผมเคยทำกระทู้ไว้อยู่ เรื่องเกี่ยวกับการ Calibrate โดยเฉพาะนะครับ จะไม่ขอท้าวความกลับไปยาวมาก เอาแค่อย่างย่อๆ ให้เพื่อนๆ ทุกท่านเข้าใจง่ายๆ กรณีขี้เกียจกลับไปอ่านนะครับ



    การ Calibrate สีนั้นคือ การทำให้สีที่แสงบนจอภาพของเรานั้นถูกต้องเที่ยงตรง เพราะทุกจอออกมาจากโรงงานสีเพี้ยนหมด ถ้าเราดูอยู่จอเดียวอาจจะบอกว่าไม่เพี้ยน แต่จริงๆ แล้วเพี้ยนมหาศาลเลยครับ ถ้าดูเทียบกับจอที่่ผ่านการ Calibrate ถูกต้องแล้วนั้น เรียกว่าอยู่กันคนละโลกเลยก็ว่าได้ครับ






    ตัวอย่างคร่าวๆ คงประมาณนี้ครับ แต่ภาพพวกนี้ไม่สามาถสื่อถึงของจริงได้จริงๆ ครับ ของจริงยังมีเรื่องของ ความเที่ยงตรงของแสงสีขาว (อุณหภูมิแสงขาว) ความเที่ยงตรงของสีต่างๆ RGB balance gamma และอื่นๆ อีกเยอะเลยครับ

  • #2
    หลายท่านสงสัยว่าการ Calibrate ทำไปทำไม ในเมื่อจอคนอื่นเพี้ยน ตรงจุดนี้เป็นเรื่องของ referrence ครับ

    ภาพที่ปรับแต่งมาโดย สำนักใหญ่ๆ ทั้งข่าว ทีวี รายการต่างๆ ซีรี หนัง หรือรูปภาพ ทำบนจอที่ Calibrate แล้วเช่นกันครับ


    ประโยชน์ที่เราจะได้คือ

    1. ได้เห็นสีที่ถูกต้องเที่ยงตรง ตามที่คนทำ content อยากให้เห็น ซึ่งมักจะเป็นสีที่สวยกว่าสีเพี้ยนๆ มาก เพราะงานสีในวงการภาพยนต์ หรือซีรี่ หรืออื่นๆ นี่ ลงทุนปรับสีกันทีเป็น 10 เป็น 100 ล้าน บาท เพื่อให้ออกมาสวยงามสมจริง ลองดูตัวอย่างก่อนหลังภาพยนต์ที่ยังไม่ได้ย้อมสีสิครับ The Lord of the Rings อย่างกับละครช่อง 7 แต่พอย้อมแล้ว โอว นี่มันึคืออัลไล


    http://www.youtube.com/watch?v=M4zRMLbZZxw

    2. กรณีจอเรามีสีที่อ้างอิงได้ referrence ได้ เวลาทำภาพ ถึงแม้ภาพที่ทำจะถูกนำไปเปิดบนจอเพี้ยน ก็จะไม่เพี้ยนสุดโต่ง เพราะภาพที่เราได้ออกมาเป็นค่ากลาง เหมือนภาพยนต์ เป็นต้นครับ

    3. จะไม่พลาดรายละเอียดต่างๆ ในภาพ เพราะ gamma สูงไปหรือต่ำไป

    4. ได้ชมภาพที่สวยงามจริงๆ และชัดเจนจริงๆ เนื่องจากค่าสีและค่า curve การไล่โทนส่วนมืดและสว่างถูกต้องครับ


    เป็นเหตุผลเดียวกับที่ Hollywood เอย สำนักข่าวเอย นิตยสารเอย ต้อง Calibrate หน้าจอ เพราะถึงแม้คนดูจะไม่ได้ Calibrate แต่สีกลางที่ใช้ทำ content ต้องถูกต้องไว้ก่อน ผลที่ออกมาจะได้ดูได้บนทุกจอ และดูสุดยอดบนจอที่ calibrate แล้วด้วยกันครับ

    Comment


    • #3
      ถามว่าปรับด้วยมือ+ตาได้ไหมสำหรับการ calibrate จอ คำตอบคือแทบเป็นไปไม่ได้ครับ

      1. ปรับผ่าน OSD หริอ Menu บนจอ มีให้ปรับแค่ แดง เขียว น้ำเงิน ซึ่งถ้าพยายามปรับให้ขาว(ซึ่งยากมาก) สมมุติว่าปรับได้ค่อนข้างขาว อุณหภูมิสีตรง มันจะไปเพี้ยนส่วนอื่นแทนครับ เพราะ RGB balance เสียไป gamma เสียไป แม้จะขาวแต่สีอื่นๆ จะดูแปลกๆ ตลกๆ และงงๆ ไม่สวยงามครับ

      2. ปรับผ่านโปรแกรมใน Windows / MAC ก็อีกครับ คล้ายด้านบน อาจจะมีแกนสีเพิ่มมาหน่อย และตัวอย่างให้ปรับง่ายขึ้นนิด แต่สุดท้ายแล้วก็เหมือนเดิม สมดุลอื่นๆ จะเสียไป พาลจะเพี้ยนสาหัสกว่าเดิมเป็นต้นครับ


      การปรับจูนด้วยตาเปล่านั้น ยากพอๆ กับ การชั่งน้ำหนักให้ถูกต้อง 100% ด้วยการใช้มือลองยก หรือการสร้างตึกโดยไม่มีอุปกรณ์วัดช่วย ซึ่งทำได้แต่ผลออกมาดีไม่ดีประมาณว่า ไม่ต้องทำซะยังดีกว่าครับ


      สรุปคือถ้าปรับด้วยมือ+ตาเปล่า ไม่ปรับไปซะยังดีกว่าครับ




      ถามว่าเอา Profile ของคนอื่นที่เป็นจอรุ่นเดียวกันมาใช้ได้ไหม คำตอบคือไม่ได้ครับ

      จอรุ่นเดียวกัน ผลิตติดกัน สียังไม่เท่ากันเลยครับ ข้อจำกัดของการทำ Panel ครับ เป็นเหตุผลที่รุ่นแพงๆ ต้องมี factory calibrate ซึ่งก็พอใช้ได้ในระดับนึงหยายๆ ซึ่งโรงงานต้องวัดทีละตัว จูนทีละตัว เป็นเหตุผลที่มีแต่ในรุ่นแพงๆ และส่วนมากจะหยายๆ ครับ เพราะต้นทุนเพิ่มมหาศาลครับ เรื่องเวลา เรื่องความยุ่งยาก เรื่องใหญ่ครับ

      เป็นเหตุผลให้โรงงานต้องทำ factory calibrate ให้กับรุ่นแพงๆ ทีละตัว ครับ ซึ่งก็ยังออกมาไม่ดี ดูผลทดสอบได้ในเว็บรีวิวจอต่างประเทศทั่วไป หรือดูของผมในกระทู้เก่าๆ ก็ได้ครับ ผลที่ได้ออกมาระดับแค่พอไหว ดีกว่าจอที่ไม่ผ่านอะไรเลย แต่ไม่ 100% ครับ ถ้ามี 100 คะแนนได้ 50 คะแนน (จอทั่้วไป 0 คะแนนครับ) เรื่องความเที่ยงตรง


      ดังนั้นถ้าง่ายเช่นนั้นโรงงานมีอุปกรณ์เทพๆ คงใส่ค่าเดียวกันให้ทุกจอตรงเหมือนกันครับ แต่นี่มันทำไม่ได้ เลยต้องมาวัดสีของแต่ละจอ เพื่อออกโปรไฟล์สำหรับจอแต่ละตัว โดยเฉพาะครับ

      Comment


      • #4
        เป็นเหตุผลที่มีอุปกรณ์ Calibrate ออกมาครับ ซึ่งพวกนี้ก็คือเครื่องมือวัดรูปแบบนึงครับ (ตรงส่วนนี้จะอธิบายถึงขั้นตอนการ Calibrate แบบทั่วไป ไปด้วยเลยจะได้เอามาเทียบกับแบบพิเศษในกระทู้นี้ครับ)

        โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วน


        1. Colorimeter หรือ Spectroradiometer แล้วแต่กรณีว่าจะเอาไปใช้ในกรณีไหนครับ เรียกง่ายๆ คือเครื่องวัดสีนั่นเองครับ

        1.1 เครื่องพวกนี้จะมีหลักการทำงานแล้วแต่แบบของเครื่อง มีทั้งวัดว่าสีแต่ละสีมีความเข้มความสว่างเท่าไหร่ และมีทั้งวัดความยาวของคลื่นแสง เพื่อให้ทราบว่าแสงที่ออกมานั้นมีค่าเป็นอย่างไรครับ


        2. ส่วนของ Software ควบคุม ส่วนมากจะแถม Software ควบคุมมาด้วย ครับ โดยเจ้า Software นี้จะทำหน้าที่

        2.1 Generate test pattern หรือ color patch (สีต่างๆ จะแสดงบนจอไว้สำหรับเอาเครื่องวัดไปจ่อเพื่อวัดครับ) โดยจะมีเป็นหลายสิบ หลายร้อย หลายพัน สี แล้วแต่โปรแกรมและการตั้งค่าครับ จะเป็นการวัดว่า สีไหน เพี้ยนไปเท่าไหร่บ้าง สีขาวมีอุณหภูมิเช่นไร และ gamma ถูกต้องหรือไม่ เป็นต้นครับ

        2.2 เมื่อทราบความเพี้ยนแล้ว จะแบ่งเป็น 2 ส่วนครับ

        2.2.1 จะมี interface บอกให้ผู้ใช้ปรับแกนสี R G B ในเมนูของจอเองในระดับนึงก่อน เพื่อให้ได้ white point ที่ถูกต้อง เป็นการลดการใช้ software ให้มากที่สุด เพื่อผลที่ดีที่สุดครับ โดยจะมีบอกว่าสีไหนมากไป หรือน้อยไปแค่ไหน ให้เพิ่มสีไหน หรือ ลดสีไหนครับ

        2.2.2 จะเริ่มวัดสีบนจอ โดยโปรแกรมจะ generate สีออกมาทีละสี ให้เครื่องวัด วัดไปเรื่อยๆ จนครบว่าสีไหน เพี้ยนเท่าไหร่ ความขาวเพี้ยนเท่าไหร่ และ gamma + อื่นๆ เพี้ยนเท่าไหร่ครับ

        2.3 เมื่อทราบหมดแล้ว โปรแกรมจะสร้าง profile ของจอตัวนั้นๆ ออกมา เพื่อให้ Windows หรือ MAC เอาไปใช้ครับ โดยทั้ง Windows และ MAC นั้นรองรับ Profile สีโดย Native ครับ เป็นส่วนหนึ่งของ OS เลยครับ

        2.3.1 ใน Profile สีจะมีค่าต่างๆ บอกว่าสัญญาณที่ส่งจากคอมไปจอ จะต้องชดเชยสีไหนบ้าง สีละเท่าไหร่ ละเอียดยิบทุกสี รวมถึงค่า gamma และอื่นๆ ด้วยครับ

        2.4 ภาพที่ออกจากคอมไปยังจอ จึงเป็นสัญญาณสีที่ถูกปรับแก้โดย OS ซึ่งอาศัยข้อมูลจาก Profile สีที่เครื่องวัดวัดเอาไว้ ให้เป็นสีที่บวกลบกับความเพี้ยนของจอแล้ว ถูกต้องเที่ยงตรง ประมาณนั้นครับ



        ซึ่ง วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้กันมากที่สุดในการ Calibrate ทั้งตามบ้าน ทั้งใน studio หรืออื่นๆ ครับ

        Comment


        • #5
          ทีนี้มาเข้าเรื่องที่เราจะรีวิวในวันนี้เลยครับ


          วิธีการ Calibrate โดยทั่วไปด้านบนนั้น แม้จะให้ผลที่ดีมาก แต่สำหรับบางงาน หรือบางคน ยังเร้าใจไม่พอครับ มันสุดยอดได้มากกว่านั้นอีกครับ


          รุ่นท็อปของแต่ละค่าย จึงออกสุดยอดนวัตกรรม นี้มาครับ แบ่งเป็น 2 เรื่องนะครับ Color space และ การ Calibrate จาก LUT Hardware ในจอครับ

          Comment


          • #6
            1. Color Spce นั้นคือช่วงขอบเขตของสี ที่จอนั้นๆ หรืองานพิมพ์(เครื่องพิมพ์) หรือฟิล์ม อะไรก็แล้วแต่จะแสดงได้ครับ



            ยกตัวอย่าง ตามภาพด้านบนนะครับ

            สีสันทั้งหมดที่มนุษย์มองเห็นได้คือ ด้านอก

            ด้านในจะเห็นขอบเขตของ sRGB และ adobeRGB ครับ

            จอทั่วไป แสดงสีได้ไม่ครบวงของ sRGB ด้วยซ้ำครับ ไม่ต้องไปพูดถึงขอบเขตสีอื่นๆ ครับ


            ทีนี้จอ wide gamut แสดงได้เกิน sRGB ไปมากๆ ครอบคลุมทุกด้านกว้างกว่าจอทั่วไปมากๆ มากเกิน adobeRGB ในบางแกนด้วยซ้ำครับ


            ทีนี้ Color Spce มันไม่ได้มีแค่ sRGB หรือ adobeRGB

            มันยังมีอีกหลายอย่าง เช่น

            rec 709 ที่ใช้กับภาพยนตร์หรือซีรี่

            หรืออื่นๆ ที่ใช้กับงานพิมพ์เครื่องพิมพ์ระดับสูง


            ทีนี้จอทั่วไปเรื่องพวกนี้อยู่เกินกำลังของมันมาก เพราะลำพัง sRGB ยังไม่สามารถครอบคลุมได้หมดครับ แม้จะเป็นจอคอมราคา 15,000 บาทก็ตาม


            แต่จอเทพๆ ดีๆ wide gamut นั้นครอบคลุมได้ไกลเกินไปมากๆ ทำให้สามารถใช้ Color Spcae ไหนก็ได้ แต่ทีนี้มันจะมีปัญหาครับ wide gamut สมัยก่อน แสดงสีสันได้เยอะจัดจนบางครั้งโปรแกรมที่ไม่มี Color Management ไม่สามารถอ่าน Profile ที่ทำไว้ได้ จะให้สีเพี้ยนไปครับ คือสดเกินขอบเขตที่แท้จริงครับ


            ตรงจุดนี้ จอเทพๆ ยุคใหม่ๆ จึงมากับ Hardware LUT ในตัวเพื่อแก้ปัญหานี้และเพื่อประโยชน์อื่นๆ ครับ



            ด้วยความที่ความสามารถของจอมันเหลือ ประมาณว่า

            จอทั่วไป : เรือพายจะขนรถถังขนไม่ได้

            จอ wide gamut : เรือบรรทุกเครื่องบิน จะขนรถถังกี่คันก็ได้ แล้วแต่จะจัดที่ให้มันเลย


            ทีนี้โรงงานเลยมี function มาให้ท่าน ใส่ Profile ที่ได้จากการวัดลงไปในจอ พร้อม emulate ได้เลยว่าจะให้ฉันทำตัวแสดงผลเท่า Color space ไหน เลือกเลย

            จะ sRGB ไว้ดูเว็บทั่วไป

            จะ rec 709 ไว้ดูภาพยนต์ระดับโครตประทับใจ

            จะ adobeRGB ไว้ทำงานสีชั้นเทพ

            จะ อื่นๆ ไว้ทำงานพิมพ์เฉพาะทาง


            ใช้เครื่องวัดบุคลิคของจอตัวนั้นแล้วอัดลงมาได้เลย กดแค่ปุ่มเดียว ไม่ง้อโปรแกรม เพราะไม่ว่าจะส่งสัญญาณภาพแบบไหนมา จอจะปรับให้ตามที่เราทำ Profile ไว้หมดครับ

            ผลที่ได้คือ ท่านจะได้สีตรงกับการใช้งานตลอดเวลา ไม่ว่าจะใช้งานอะไร ผลก็จะออกมาโครตเทพ epic เป็นต้นครับ ดูหนังนี่เออ มันเป็นแบบนี้นี่เอง บอกไม่ถูกครับ




            2. การ Calibrate ปรับสัญญาณผ่าน LUT (lookup table) ในตัวจอเอง ทำให้การไล่สีหลัง calibrate สมูทธกว่าจอทั่วไป หรือแม้แต่จอที่ calibrate แบบทั่วไปมากๆ ครับ อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลเรื่อง Program ไหนจะอ่าน Profile ไหม เพราะค่าต่างๆ หลักๆ อยู่ในจอหมดแล้วครับ อยู่ใน chip บนจอ กดปุ่มเลือกเอาได้เลย

            Comment


            • #7
              ทีนี้มาดูวิธีการกันครับ


              1. เปิดโปรแกรมที่ใช้เชื่อมโยงกับตัวจอขึ้นมา ทำโดยผู้ผลิตจอออกแบบร่วมกับพวกบริษัทที่ชำนาญด้านสีสัน อย่าง X-Rite ครับ (อย่าเอาไปเทียบกับ Spyder นะครับ บริษัทคนละระดับเลยครับ)

              กรณีของ Dell คือออกแบบร่วมกันระหว่าง Dell และ X-Rite ครับ



              เปิดโปรแกรมขึ้นมาตามภาพนะครับ

              Comment


              • #8
                2. เลือกหน้าต่าง Display Profiling เพื่อทำการ วัดค่าสี และ บุคลิคของจอตัวนั้นๆ เพื่อ Calibrate และทำ Profile ครับ







                จะได้หน้าต่างตามภาพเลยครับ ว่าอยากได้ Color space อะไร มีให้ทุกแบบ หรือจะ custom กำหนดเองก็ได้ว่าแกนไหนตรงไหน เพื่อเลือก color space ที่ถูกใจที่สุดครับ

                สามารถเลือกได้ว่าจะให้จอมีอุณหภูมิแสงขาว กี่องศา จะขาว จะอมเหลือง อมฟ้า ขาวน้อย ขาวมาก ขาวแบบนั้น ขาวแบบนี้ ได้หมดครับ



                หรือจะเลือกให้มีอุณหภูมิสีเท่ากับแสงในห้องก็ได้



                หรือจะเลือกให้เท่ากับจอตัวอื่นๆ ก็ได้สีจะได้เหมือนกัน โดยจะมีหน้าต่างให้ไปวัดเลยครับ 2 วินาทีเสร็จตรงกันเปี๊ยป

                Comment


                • #9
                  3.เลือกรูปแบบของชนิด Profile ตามใจชอบครับ หรือจะ default ก็ได้กรณีไม่เข้าใจ



                  เลือกได้อิสระครับ จะ matrix base หรือจะ lut base จะ version ไหนได้อิสระหมด หรือไม่เข้าใจ ปล่อย auto ก็ได้เช่นกันครับ


                  4.เลือกจำนวนสีที่จะใช้เป็น Sample





                  จะเลือกกี่สีก็ได้ครับ ยิ่งเยอะยิ่งแม่นยำ ยิ่ง smooth เพราะมี sample ให้คำนวนเยอะ แต่จะกินเวลานานขึ้น แต่ด้วยความที่เครื่อง X-Rite i1 นั้นเร็วมากๆ จึงใช้เวลาแค่ 1 - 5 นาทีครับ

                  Comment


                  • #10
                    4.หน้าจอเตรียม Calibrate



                    หน้านี้จะให้เลือกว่าจะใช้อุปกรณ์ตัวไหน และแสดงค่าว่าอุปกรณ์พร้อมไหม รวมทั้งให้เลือกว่าจะอัดใส่ช่อง Profile ไหนของจอ กรณีนี้ผมอัดใส่ CAL2 ครับ ซึ่ง Profile นี้จะไปปรากฏบน Menu ของจอ เวลาจะกดใช้ กดเลือกได้เลยที่ตัวจอครับ


                    http://www.youtube.com/watch?v=TwpntrojBTE

                    ตามคลิปเลยครับ

                    Comment


                    • #11
                      5. ขันตอนการวัด



                      http://www.youtube.com/watch?v=oPu-rWYFSHA

                      ในขั้นตอนนี้จะเห็นในคลิปเลยว่า โปรแกรมจะบอกให้เปิดฝาครอบเลนส์ของเครื่องวัดออก ไฟที่เครื่องวัดจะกระพริบๆ และให้เราเอาไปวางไว้ในตำแหน่งบนจนครับ

                      พอวางเสร็จโปรแกรมก็จะเริ่มวัดค่าสีต่างๆ ครับ ไล่ไปเรื่อยๆ เช่นในคลิปสีเขียวสีเดียว ไล่ไปหลายสิบเขียวครับ ว่าเขียวไหน เพี้ยนไปเท่าไหร่ เพื่อแก้ไขครับ

                      Comment


                      • #12
                        6. เมื่อวัดเสร็จ



                        ก็จะมาหน้านี้ครับ โดยจะแสดงว่าสีที่วัดได้กับสีที่ต้องการต่างแค่ไหนครับ

                        Comment


                        • #13
                          7. ทำ Profile





                          โปรแกรมจะให้เราตั้งชื่อ Profile เพื่อให้ง่ายแก่การจำ และแสดงให้ดูว่าได้มาตรงตามที่ต้องการไหม พร้อมทั้งโชว์ curve ว่าเท่ากันทุกสีทับเป็นเส้นเดียวสมบูรณ์ไหม balance ไหม





                          พร้อมทั้งมีภาพก่อนและหลังให้ด้วยว่า ดีขึ้นแค่ไหน ของจริงๆ ดีขึ้นกว่านั้นเยอะครับ เพราะจอท่านที่อ่านแสดงผลได้แค่นิดเดียวเท่านั้นครับ ต้องดูด้วยตาที่เครื่องจริงเท่านั้นครับ ว่าสุดยอดแค่ไหน



                          เป็นอันว่าเสร็จสิ้นครับ จะทำอีกกี่ Profile กี่แบบก็ย้อน Process เดิมๆ ด้านบนเลยครับ แก้แค่การตั้งค่า

                          เพียงเท่านี้ก็จะมี Profile ให้ท่านเลือกในจออย่างง่ายๆ แล้วครับ

                          Comment


                          • #14


                            แต่ของผม ผมไม่พอใจแค่นั้นผมต่อด้วย Program Calibrate เทพสุดในโลกอย่าง dispcalGUI ต่อครับ ละเอียดมากๆ ถ้าตั้งค่าละเอียดๆ เครื่อง Spyder 4 ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง แต่ เครื่อง X-Rite i1 ใช้เวลา 20 กว่านาที ที่ค่าเดียวกันครับ โดย X-Rite แม่นกว่ามากด้วยครับ

                            Comment


                            • #15
                              โดย Profile ที่ได้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนครับ

                              1. ในจอเองถูกต้องแม่นยำระดับ 90% แม่นกว่าจอที่ Calibrate จากโรงงานทั่วไปหลายเท่า และแม่นกว่าที่ Calibrate ด้วย software เดิมๆ ของ Spyder เยอะครับ

                              2. ในส่วนของ Profile สีใน Windows จะใช้ก็ได้ ไม่ใช้ก็ได้ เพิ่มความแม่นยำเป็น 100% ค่า Delta E น้อยระดับ 0.0x ครับ เอาไว้ referrence ได้เลย


                              โดยไม่ว่าโปรแกรมจะรองรับ color management ไหมก็จะได้ใช้ความแม่นยำอย่างน้อยที่ 90% ครับ และอยู่ที่ 100% แทบจะตลอดเวลาครับ

                              Comment

                              Working...
                              X