Announcement

Collapse
No announcement yet.

[CR] รีวิวคีย์บอร์ด ที่ว่ากันว่าเป็นที่สุดแห่งคีย์บอร์ด Realforce Hi-Pro

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • [CR] รีวิวคีย์บอร์ด ที่ว่ากันว่าเป็นที่สุดแห่งคีย์บอร์ด Realforce Hi-Pro

    Update (01/05/2016) เปรียบเทียบ Feeling ระหว่าง Realforce vs Unicomp vs Novatouch
    Update (07/03/2016) สาเหตุที่ไม่มีตัวนูน ๆ ตรง F และ J
    Update (05/02/2016) การใส่ Keycap Topre แบบธรรมดากับคีย์บอร์ด High profile ข้อมูลอยู่ที่ Rep #3 ครับ




    สวัสดีครับชาว overclockzone ทุกท่าน วันนี้ผมจะมารีวิวคีย์บอร์ดที่ใช้ Topre หรือเป็นที่รู้จักกันคือ electrostatic capacitive non-contact keyboard switch ยี่ห้อ Realforce รุ่น 104 UG Hi-Pro

    ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับผู้ผลิตคีย์บอร์ด Realforce กันก่อนละกันครับ


    คีย์บอร์ด Realforce นั้นเป็นคีย์บอร์ดที่ผลิตขึ้นมาโดยบริษัท Topre ชื่อเต็ม ๆ คือ Tokyo Press Kogyo ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ามากมายรวมถึงคีย์บอร์ดด้วยโดยบริษัทนี้จะทำคีย์บอร์ดขายอยู่แค่ 2 ยี่ห้อหลัก ๆ ก็คือ Realforce กับ Type Heaven โดยที่ Realforce นั้นเริ่มผลิตเพื่อจำหน่ายแก่ลูกค้าทั่วไปตั้งแต่ปี 2001 เพียงแต่ก่อนหน้านั้นก็มีการผลิตเพื่อใช้ในองค์กรเหมือนกันเช่นพวกธนาคาร หุ้น โดยใช้กันมาตั้งแต่ปี 1983 ละแหละครับ

    นอกจากนี้คีย์บอร์ดที่ใช้ Topre สวิตซ์อีกก็จะมีพวก Happy Hacking Keyboard, Leopold รวมถึง CM Storm Novatouch ด้วยเช่นกันครับ

    มาถึงคีย์บอร์ดที่ผมจะรีวิววันนี้กันครับ

    คีย์บอร์ดตัวนี้เป็นของยี่ห้อ Realforce ชื่อรุ่น 104UG Hi-Pro ย่อมาจากคำว่า High-Profile ครับ

    เป็น Topre switch แบบทรงสูงและปุ่มเป็นแบบ spherical keycap หรือเรียกสั้น ๆ ว่าปุ่มทรงกลมครับผม Spec ของเจ้าตัวนี้ก็ตามรูปเลยครับ



    ลักษณะการกดของรุ่นนี้จะเป็นแบบ Uniform 45g ก็คือใช้น้ำหนักการกดเท่ากันหมดคือ 45g ครับ (แต่ใน spec ก็มีการระบุเอาไว้ว่า + - เหมือนกัน) และเป็นแบบ Soft tactile ก็อารมณ์แบบสัมผัสที่อ่อนนุ่มครับ

    เริ่มด้วยการ package

    การ package ของ Realforce ตัวนี้หน้าตากล่องจะค่อนข้างธรรมดาไม่มีลวดลายอะไรให้สะดุดตาเป็นพิเศษครับ



    แต่ตัวกล่องทำมาได้พอดีกับคีย์บอร์ดพอดีเป๊ะ ไม่หลวมเกินไป หรือแน่นเกินไปแต่อย่างใด เลยทำให้การขนส่งทางไกลค่อนข้างปลอดภัยเลย และด้านในก็จะมีการหุ้มคีย์บอร์ดด้วยซองพลาสติคอีกชั้นนึงเพื่อกันขี้ฝุ่นเข้า



    ส่วนอันนี้เป็นหน้าตาเมื่อทำการแกะซองพลาสติคออก



    ของที่แถมมาให้ภายในกล่องก็มีเล็กน้อยจริง ๆ ครับ คือคู่มือการรับประกัน กับตัวคีย์บอร์ดแค่ 2 อย่าง

    ในส่วนของงานประกอบ

    วัสดุที่ใช้ทำเป็นกรอบของตัวคีย์บอร์ดเป็นพลาสติคแบบ ABS สีเทาอ่อน ๆ และมีการขัดผิวให้หยาบ ๆ เพื่อเพิ่มความสวยงาม



    ในส่วนของ logo จะเป็นการเพ้นลงไปในพลาสติคที่ใช้เป็นกรอบเลยครับ ดูแล้วมีความทนทานดี logo นี่บอกทั้งชื่อบริษัทกับยี่ห้อคีย์บอร์ดเลย



    ในส่วนของปุ่ม ปุ่มของตัวนี้เป็น PBT (polybutylene terephthalate) ซึ่งจะให้ feeling ที่แตกต่างกับปุ่มแบบ ABS โดยจากความรู้สึกผมคือ มันจะให้สัมผัสที่รู้สึกแน่นกว่าครับ
    นอกจากนี้การ paint ตัวอักษรของคีย์บอร์ดรุ่นนี้เป็นแบบ Dye Sublimation คือการเอาสีผสมลงไปในพลาสติคที่ใช้ทำ keycap เลยครับ เลยจะเห็นได้ว่าตัวหนังสือจไม่นูนออกมานอก keycap เลย

    ลักษณะของ keycap ตัวนี้จะเป็นการเล่นสีระหว่าง พื้นหลังสีเทา กับตัวหนังสือสีดำครับ มองดูแล้วก็สวยแบบยุคเก่า ๆ ดีครับ





    ในส่วนของ Keycap

    จากที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า keycap ตัวนี้เป็นแบบ High-Profile และเป็น Spherical keycap ซึ่งเป็นคีย์บอร์ดที่ถูกออกแบบมาเพื่อการพิมพ์โดยเฉพาะ โดยจุดเด่นของ keycap ชนิดนี้ก็คือ

    keycap เป็นทรงสูง มีการโค้งเพื่อรับองศาของนิ้วมือ และเป็นร่องกลม ๆ ลงไปเพื่อช่วยให้กด keycap ได้ง่ายขึ้น ซึ่งดู ๆ แล้วก็เหมือนปุ่มพิมพ์ดีดในสมัยก่อนเลยแหละครับ

    สังเกตได้จากปุ่ม Backspace ที่มีการโค้งปุ่มลงเล็กน้อยเพื่อรับการกดของนิ้วมือ





    ลักษณะพิเศษของ keycap ชนิดนี้อีกอย่างก็คือ ผิวสัมผัสมันจะหยาบ ๆ หน่อยครับ คือถ้าเอามือลูบ ๆ คลำ ๆ บริเวณผิวหน้า keycap จะรู้สึกได้เลยว่ามันหยาบ ๆ

    ผมลองถู ๆ ดูแล้วก็รู้สึกดีกับผิวหน้าแบบนี้เป็นพิเศษเลยอ่ะครับ คือมันมีความรู้สึกช่วยให้การพิมพ์มีความกระชับมากขึ้น

    อันนี้ผมลองเทียบผิวหน้า keycap ของ Realforce กับ Filco ให้ดูครับ

    จะเห็นว่าผิวหน้า keycap ของ Realforce ถ้าสังเกตดี ๆ จะมีลักษณะหยาบๆ ผิวหน้าไม่เรียบผิดกับของ Filco ที่เรียบสนิท







    ส่วนรูปนี้เป็นการเปรียบเทียบให้ดูความแตกต่างของ keycap แบบ ABS ที่เป็นของ Filco กับ PBT ที่เป็น Realforce ครับ




    High-Profile layout

    จากความพิเศษของ keycap ชนิดนี้แล้ว เมื่อนำมาใส่กับคีย์บอร์ดก็จะทำให้เกิดความโค้งขึ้นของปุ่ม ทำให้ลักษณะการพิมพ์แตกต่างไปจากเดิม

    ลักษณะการวางตัวอักษรแบบ High-Profile จะมีการวางพวก F1 - F12 ให้อยู่ต่ำกว่าตัวเลข 1 ถึง + และปุ่ม ctrl, spacebar ก็จะอยู่ต่ำกว่า Shift ทั้งสองข้างครับ




    และผมก็ลองทำการเปรียบเทียบองศาของปุ่มระหว่างแบบ High-profile กับแบบทั่วไปดู โดยขอเทียบกับ Filco

    โดยจะทำการเปรียบเทียบ 2 แบบคือ แบบปรับระดับความสูงของคีย์บอร์ด (ยกขาตั้งขึ้น) กับแบบไม่ปรับความสูงครับ

    แบบแรก แบบไม่ปรับความสูง





    จะเห็นว่าของ Filco ระดับของตัวหนังสือจะค่อย ๆ ไล่ระดับแบบขั้นไดขึ้นไปเรื่อย ๆ

    แต่ของ Realforce นั้นช่วงแถวกลาง (ไม่นับแถวของ F1 กับ ctrl) จะมีการโค้งเว้าที่ดูเนียนกว่าของ Filco ค่อนข้างมากครับ

    และเมื่อลองมาจากทางฝั่งของ numpad ก็จะเห็นองศาของปุ่มในอีกมุมนึง





    ของ Filco จะดูราบเรียบไปหมดไร้มิติ แต่ของ Realforce จะมีแค่ตรง numpad กับพวก Insert Home ที่อยู่ในระนาบเดียวกัน แต่ฝั่งของตัวหนังสือนี่ก็จะโค้งขึ้นต่อเหมือนเดิม

    แบบสอง มีการปรับความสูง








    ของ Filco ก็จะไม่ค่อยต่างจากไม่ยกขาตั้งซักเท่าไหร่ ก็ราบเรียบเหมือนเดิมเป็นแบบขั้นบันไดขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ส่วนของ Realforce นี่ความโค้งของปุ่มในแต่ละแถวจะเห็นได้ชัดขึ้น เมื่อทำการยกขาตั้งขึ้น

    โดยส่วนตัว จากการใช้คีย์บอร์ดมา ผมจะเป็นประเภทที่ต้องยกขาตั้งขึ้นตลอด ไม่งั้นพิมพ์ไม่ถนัด แต่กลับกันพอมาใช้ตัว High Profile ถึงแม้จะไม่ยกขาตั้งขึ้นก็สามารถพิมพ์ได้อย่างเพลิดเพลินเหมือนเดิม
    และยิ่งยกขาตั้งขึ้น feeling ในการพิมพ์ก็เปลี่ยนไปอีก โดยจะมีความรู้สึกว่าปุ่มแต่ละปุ่มมันนูนขึ้นมารองรับมือเรา ทำให้ขยับนิ้วมือนิดหน่อยก็สามารถกดถึงแล้วประมาณนั้นเลยครับ อารมณ์แบบทุกปุ่มมันเรียงหน้าเข้ามาที่นิ้วมือเพื่อให้เรากดได้ง่ายขึ้นประมาณนั้นเลย

    ถ้าถามว่าชอบแบบไหน อันนี้ตอบค่อนข้างยากครับเพราะแต่ละแบบมันมีเอกลัษณ์เฉพาะตัวจริง ๆ คือถ้าใช้แบบไม่ยก จะอารมณ์คล้าย ๆ กับการจับเมาส์แบบ Claw คือต้องใช้มือของเราในการจิ้มลงไปในแต่ละปุ่ม ยิ่งถ้ากดรัว ๆ ก็เหมือนกับการจิ้มอะไรที่มันนิ่มแต่เด้ง รัว ๆ เลยครับ ส่วนถ้าใช้แบบยกขาตั้งขึ้นจะคล้าย ๆ กับการจับเมาส์แบบ Palm คือวางมืออย่างสบาย ๆ ไม่ต้องอะไรกับมันมากก็สามารถพิมพ์ได้อย่างเพลิดเพลินแล้วประมาณนั้นเลยครับ

    - - - Updated - - -

    ถัดมาเป็นพระเอกของแหล่งกำเนิด feeling ทั้งหลายแหล่ นั่นก็คือ Topre switch ครับ



    ประกอบไปด้วย


    - Switch Mounting Plate ที่ทำหน้าที่ครอบตัวสวิตซ์เอาไว้และกันพวกขี้ฝุ่นหรือน้ำหกเข้าไปใน Circuit board
    - Key Switch Plunger เป็นแกนที่ทำหน้าที่เสียบกับ Keycap
    - Key Switch Housing เป็นตัวครอบที่ยึดตัว Plunger ไว้อีกที



    และด้านใต้ของ Plunger คือส่วนที่ทำให้คนใช้เกิดความรู้สึกดี ๆ ในการพิมพ์นั่นก็คือ

    - Rubber Dome ทำให้เกิดสัมผัสที่รู้สึกว่าสู้มือ ประมาณว่ามันเด้งกลับสู้นิ้วเรา
    - Spring คอยทำหน้าที่ในการส่งสัญญาณให้กับตัว Capacitive sensor

    โดยหลักการคร่าว ๆ จะเป็นการอาศัยหลักการ ความสามารถในการประจุกระแสไฟฟ้า (Capacitance) เมื่อมีแรงกดลงไปจะทำให้เกิดไฟฟ้าขึ้นละก็ถูกตรวจวัดด้วย Capacitive sensor

    ส่วนหน้าตาของ Rubber dome ที่ว่ามีหน้าตาแบบนี้เลยครับ
    (ยืมรูปมาจาก http://imgur.com/a/JUwMi เนื่องจากผู้เขียนเองลองแกะแล้ว แต่ดันไขน็อตที่ช่วยให้เปิดเผยความลับไม่ได้ )

    ฝรั่งเขาเรียกว่า Cloud of moobs



    ดู ๆ แล้วเกรดของ Rubber dome ตัวนี้ดีกว่า Rubber dome ทั่วไปที่อยู่ในคีย์บอร์ดรุ่นประหยัดค่อนข้างมากครับ



    ถ้ดมาเป็นจุดเด่นของคีย์บอร์ดรุ่น Hi-Pro นั่นก็คือ Topre สวิตซ์จะมีลักษณะแตกต่างจาก Topre ทั่วไปคือจะมี Housing หรือฝาครอบตัวแกนสวิตซ์ Topre ที่สูงกว่า Topre แบบทั่วไปครับ

    เพื่อป้องกันไม่ให้แกนมันโยกเวลาพิมพ์ คล้าย ๆ กับการเอาไม้มาค้ำให้แน่นหนาขึ้นครับ โดยตัวที่ไม่มีก็จะเป็นพวกปุ่ม enter shift อะไรพวกนี้ครับ







    สำหรับตัว plate จากรูปด้านบนจะเป็นสีดำสนิท ด้านล่างก็คือแผง pcb นั่นเอง แต่แงะให้ดูไม่ได้เพราะดันขันน็อตที่ต่อกับสายดินไม่ออก

    - - - Updated - - -

    ถัดมาเป็นในส่วนของความรู้สึกที่ได้จาก Topre สวิตซ์ครับ อันนี้อิงจากประสบการณ์ส่วนตัวล้วน ๆ ครับ


    จากการที่ทดลองใช้มาประมาณครึ่งเดือน ตอนแรก ๆ ก็ยอมรับเลยว่าไม่ชินกับลักษณะปุ่มแบบนี้จริง ๆ แต่ก็ลองพิมพ์ไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็มีความรู้สึกว่ามันสบายมือกว่าพวกปุ่มทรงกระบอกทั่วไปค่อนข้างเยอะครับ


    ฟิลลิ่งแรกเริ่มจากการที่ได้สัมผัสมันครั้งแรก ความประทับใจแรกพบนั้นค่อนข้างมีน้อยกว่าตอนที่ได้ไปลองกด Blue สวิตซ์ครั้งแรกอีกครับ แต่ความรู้สึกแรกที่รู้เลยทันทีคือมันเด้งสู้มือจริงๆ
    มันเป็นความรู้สึกเด้งที่ไม่แข็งกระด้างแต่มีความนิ่มแฝงเอาไว้ให้รับรู้ด้วยปลายนิ้วครับ พูดง่าย ๆ คือฟิลลิ่งมันให้ความรู้สึกที่เด้งและนุ่ม การเด้งของปุ่มเด้งได้ไวกว่าคีย์บอรดยางทั่วไปเยอะมากครับ


    พอใช้ไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มรู้สึกที่จะชอบมันแล้วแหละครับ เพราะว่าสัมผัสที่กดได้ในแต่ละปุ่มมันจะให้ฟิลลิ่งที่ต่างกันเล็กน้อย โดยฟิลลิ่งที่ผมชอบก็ตอนกดฝั่ง numpad นี่แหละครับ มันให้ความรู้สึกที่เพลินดี
    สัมผัสมันจะออกแนวใสๆ แรงต้านน้อยกว่าฝั่งปุ่มตัวอักษรเล็กน้อยแต่ก็คงการเด้งอันล้ำเลิศเอาไว้ประมาณนี้เลยครับ


    ถ้าให้ผมเปรียบ Topre กับ Mechanical switch (จากที่ผมเคยใช้มาก็มี 4 switch อ่ะครับ Blue ของ Razer Blackwidow, Brown ของ Logitech G710+ และ Red กับ Black ก็เป็นของ Filco)


    Mechanical มันจะให้อารมณ์ที่สุดๆ ไปทางใดก็ทางหนึ่งเลยเช่น Blue switch จะได้ความรู้สึกแบบใส ๆ ไม่ค่อยสู้มือ Black แรงต้านเยอะสุด ๆ แต่ไม่ให้ความรู้สึกที่มันเด้งสู้มือ
    ส่วน Red กับ Brown ก็เป็นตัวที่ก้ำกึ่งระหว่าง Blue กับ Black นี่แหละครับ


    ในส่วนของ Topre switch มันจะให้อารมณ์ที่ผสมผสานกันหลากหลาย ถึงแม้ลองกดไปทีแรกจะไม่แสดงฟิลลิ่งที่ชวนให้ประทับใจสุด ๆ ออกมา แต่ถ้าได้ลองกดไปเรื่อย ๆ จะเกิดความเพลิดเพลินในอารมณ์ที่หลากหลายของมันครับ

    หรือถ้ายังนึก feeling มันไม่ออกสำหรับผมก็ประมาณว่าเอา blue มาผสมกับ black switch ครับ คือมีแรงต้าน แต่ไม่ต้องแรงกดเยอะ และอารมณ์ตอนกดลงไปจะใส ๆ แต่มีความนุ่มเพิ่มขึ้นมา ประมาณนี้แหละครับ


    เรื่องเสียงของ Topre switch เสียงจะค่อนข้างดัง แต่เบากว่า blue switch เยอะครับ
    เสียงมันดังแต่ไม่หนวกหูเท่า blue switch เพราะเสียงมันจะออกแนวทุ้ม ๆ ออกเสียงประมาณ Thock Thock นี่แหละครับ


    หรือจะทดลองดูจากคลิปที่ผมทดลองพิมพ์เรื่อยเปื่อยก็ได้ครับ เสียงประมาณนั้นเลย ภาพอาจจะไม่ชัดซักเท่าไหร่เพราะอัดจากกล้องถ่ายรูปราคา 3000 บาท

    Last edited by GreenHerb; 1 May 2016, 21:04:44.

  • #2
    จาก spec ของคีย์บอร์ดตัวนี้ที่ได้บอกไปด้านบนคือ ใช้แรงกด 45 g +- 15 g


    ผมก็ได้ลองทำการทดสอบแบบบ้าน ๆ พิสูจน์ดูว่าในแต่ละส่วนมันใช้แรงกดเท่าไหร่กันแน่
    เนื่องจากจากการใช้มาประมาณครึ่งเดือน ความรู้สึกมันก็บอกเองว่าปุ่มในแต่ละส่วนมันหนักไม่เท่ากัน


    ทดสอบโดยการเอาเหรียญวางบน keycap ซึ่งการทดสอบแบบนี้จะไม่ค่อยถูกต้องมากเท่าไหร่นัก เพราะน้ำหนักของแต่ละปุ่มมันก็ไม่เท่ากัน แรงต้านก็ควรที่จะต่างกันด้วย แต่ก็ถือว่าละไว้ละกัน อิอิ


    เหรียญที่นำมาใช้วางกดลงไปก็คือเหรียญ 1 บาทซึ่ง 1 เหรียญจะหนักประมาณ 2 กรัม และเหรียญ 5 บาท 1 เหรียญ หนักประมาณ 4 กรัม




    โดยปุ่มที่ใช้แรงน้อยสุดคือประมาณ 47 กรัม ผมจึงมัดรวมเหรียญ 1 บาท กับ 5 บาทไว้ และถ้าปุ่มไหนกดไม่ลงก็จะค่อย ๆ เพิ่มเหรียญบาททีละ 1 เหรียญจนกดปุ่มนั้น ๆ ลง





    ภาพบรรยากาศขณะทดสอบ











    และอันนี้คือแรงที่ใช้ในการกดคร่าว ๆ สำหรับคีย์บอร์ดตัวนี้



    โดยฝั่ง numpad และ arrow จะใช้ประมาณ 49 กรัม และฝั่งตัวอักษรประมาณ 51 กรัม

    โดยส่วนตัวที่ผมชอบกดฝั่ง numpad ก็คงเป็นเพราะมันใช้น้ำหนักในการกดที่น้อยกว่า ก็เลยรู้สึกเพลิดเพลินกับมันมากกว่าครับ

    Comment


    • #3
      และอีกหนึ่งการทดสอบก็คือการทดสอบ Key rollover ครับ


      Key rollover คือการทดสอบว่าจะสามารถกดพร้อมกันได้กี่ปุ่ม วิธีการทดสอบนอกเหนือจากการใช้โปรแกรมของ Microsoft ตัวนี้

      http://www.microsoft.com/appliedscie...stingDemo.aspx


      ก็คือการทดลองพิมพ์คำนี้

      the quick brown fox jumps over the lazy dog

      การพิมพ์ก็ให้กด Shift ทั้ง 2 ข้างพร้อมกันแล้วพิมพ์คำดังกล่าว


      ถ้าเป็นคีย์บอร์ดทั่วไปจะได้ผลแบบนี้

      Logitech K120

      QUIC BRO FOX US OVR LAZY DOG

      Anitech

      HE QUIC BROWN OX UMP OVER HE Z OG


      สำหรับ Realforce กับ Filco ได้เป็นแบบนี้ครับ

      THE QUICK BROWN FOX JUMPS OVER THE LAZY DOG

      นั่นคือสามารถกดหลายๆ ปุ่มพร้อมกันและไม่ติด ghostling (คือการที่เมื่อกดปุ่มพร้อมกันหลาย ๆ ปุ่มแล้วตัวหนังสือจะไม่ขึ้น)


      สำหรับเหตุผลที่ผมเลือกซื้อคีย์บอร์ด Topre ตัวนี้ก็เป็นเพราะหลัก ๆ เลยอยากลองปุ่มแบบ High-Profile ดูว่ามันจะให้อารมณ์ที่แตกต่างจากแบบทั่วไปยังไง
      และอีกเหตุผลนึงก็คืออยากรู้ว่า Topre ที่เขาว่ากันเนี่ย feeling จริง ๆ มันเป็นยังไง (ไม่อยากจะจินตนาการละ ลองของจริงเองซะเลยดีกว่า)

      จากที่ใช้มาประมาณครึ่งเดือนผลคือ หลงรักมันไปแล้วแหละครับ ยิ่งตอนที่แงะ keycap Filco กับ Realforce ออกมาเล่นนี่ ยิ่งรู้ถึงคุณภาพของตัว keycap จริง ๆ
      คือตัว Realforce keycap จับแล้วจะรู้สึกเลยว่างานดี ปุ่มมีน้ำหนักและแน่น ให้ความรู้สึกดี แต่พอไปจับ Filco อารมณ์เหมือนพลาสติคง้องแง้งมีดีแค่สีสันไปเลย
      (แต่ก่อนที่จะมาเล่น Realforce ก็คิดว่างาน keycap ของ Filco ก็เนียน ๆ แล้วแหละครับ แต่เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้าอีกนี่สิ)

      ส่วนสำหรับการเอาคีย์บอร์ดแบบ High profile ไปเล่นเกม จากที่ลองเล่นแนว MMORPG ละก็พวก Action กับ FPS ก็ไม่รู้สึกว่าจะกดยากเย็นอะไรเลยครับ แถมยังมีความรู้สึกเพลินมือกว่าทรงปกติเสียอีก

      มาถึงสรุปข้อดีข้อเสียกัน


      ข้อดี

      - Feeling ที่ให้ความรู้สึกเด้ง กระชับ และนุ่ม
      - Keycap ทรงสูง ที่ช่วยให้การกดปุ่มแต่ละปุ่มเข้ามือได้เป็นอย่างดี
      - วัสดุที่สมกับราคาค่าตัวของมัน
      - มีที่เก็บสายให้ด้านหลัง


      ข้อเสีย

      - ไร้ฟังก์ชันใด ๆ ทั้งสิ้นทั้งปรับแต่งเสียงลำโพง
      - ไม่มีลูกเล่นทั้งไฟ มาโคร หรือโปรแกรมตั้งค่า
      - ที่เก็บสายด้านหลังน่าจะมีให้ออกตรงกลาง เพราะอันนี้เป็นเลือกให้สายออกซ้ายหรือขวาครับ
      - ไม่เป็น N-Key rollover (กดได้ทุกปุ่มไม่จำกัด) แต่สามารถกดได้ 8 ปุ่มพร้อมกัน
      - กล่องไม่สวย และหน้าตาคีย์บอร์ดที่ดูบ้าน ๆ (เผื่อบางคนไม่ชอบ อิอิ)
      - ไม่มีปุ่มนูน ๆ ตรง F J และเลข 5 ตรง numpad
      - ลืมข้อนี้ไปเลยคือ ราคาแพงครับ ของผมโดนไป 12000 (ค่าคีย์บอร์ด 10k ค่าฝากซื้อ 1k ค่าส่ง 1k)

      อันนี้คือทดสอบ Key rollover โดยโปรแกรม Switch Hitter (ที่นับได้ 7 ปุ่ม เพราะตอนเอื้อมมือไปกด Print Screen มันดันหายไปปุ่มนึง )




      และหน้าตาของปุ่ม F J และเลข 5 ที่เกลี้ยงเกลาไร้รอยนูน



      สำหรับผมไอนูน ๆ ที่หายไปไม่ค่อยเป็นปัญหาซักเท่าไหร่ เพราะลองวางมือทีไร มือก็ไปอยู่ที่เดิมตลอดก็เลยไม่ค่อยมีปัญหากับตรงส่วนนี้ซักเท่าไหร่
      อีกอย่างคิดว่าที่เขาไม่ทำนูน ๆ มาก็คงเป็นเพราะลักษณะของปุ่มทรงกลมที่เว้าลงไปนี่ด้วยแหละครับ คือมันช่วยให้เข้ามือโดยอัตโนมัติเลย


      สุดท้ายก็อยากบอกว่า

      May the Realforce with you





      ____________________________________________________________________________
      Update (05/02/2016) การเอา keycap ธรรมดามาใส่กับตัว High profile

      หลังจากที่ได้ keycap Ducky ของท่านหมาทอดมา
      โดย keycap เป็นทรงมาตรฐานทั่วไป ไม่ใช่ทรงสูงแต่อย่างใด

      พอใส่เข้าไปแล้วหน้าตาก็จะเป็นแบบนี้



      สิ่งที่เปลี่ยนไปเมื่อทดลองใส่ keycap ทรงเดิมกับแกนที่เป็นแบบ High profile
      -- เสียงอันหนักแน่นและทุ้มๆ แทบจะหายไปเลย เหมือนกับกำลังใช้ Topre silent ก็ไม่เชิง
      -- เนื่องจากแกนของผมเป็น High profile มันก็เลยต้องการ keycap ที่สูงกว่าปกติ ทีนี้พอเอา keycap ความสูงปกติใส่เข้าไป มันก็เลยไม่มีความแน่นเลย
      ประมาณว่ากดไป ปุ่มก็เด้งออกมาหยั่งกับ pop corn ตอนเด้งใหม่ๆ แบบนั้นเลย ยิ่งกดรัวๆ นี่เด้งกันเพลินเลย

      หรือจะดูจากรูปด้านล่างก็ได้ครับ



      จะเห็นได้ชัดเลยว่า keycap แบบ High profile จะสูงกว่าแบบธรรมดาค่อนข้างมาก เลยทำให้ไม่สามารถใส่ keycap แบบปกติทั่วไปได้

      จากการทดลองเล่นกันของผมกับท่านหมาทอด ได้ข้อสรุปคือ

      - Topre แบบปกติที่ตัวแกนไม่มี Housing หรือตัวค้ำแบบ High profile จะสามารถใส่ keycap High profile ได้เพียงแค่จะไม่แน่นเท่าไหร่ แต่กดแล้วไม่เด้งออกมา
      - ในทางกลับกัน Topre ที่มี Housing แบบ High profile จะไม่สามารถใส่ keycap ทรงปกติทั่วไปได้เลย


      ปล. รูปทิ้งท้าย เมื่อ mechanical keyboard ใส่กับ keycap High-Profile








      ____________________________________________________________________________
      Update (07/03/2016) สาเหตุที่ไม่มีปุ่มนูน ๆ ตรง F และ J

      หลังจากที่ได้ลองใช้มาประมาณ 2 เดือนก็พึ่งรู้ข้อเท็จจริงว่าทำไมมันไม่มีปุ่มนูน ๆ ตรง F กับ J
      คำตอบคือมันไม่จำเป็นต้องมีเลยครับ

      เนื่องจากปุ่มที่เป็นแบบ SA Profile ทำให้ keycap ตรง F และ J ถูกออกแบบมาให้มีความลึกที่แตกต่างจากปุ่มอื่น ๆ ทำให้เมื่อเราเอานิ้วมาวางทีไรนิ้วของเราก็จะลงล็อคเองโดยอัตโนมัติตลอด
      เลยทำให้ไม่มีทางหลงกับการวางมือได้เลยครับ

      ถ้ามองไม่เห็นภาพก็ตามรูปเลยครับ






      จะเห็นว่าความลึกของตัว S D F และ J K L นั้นจะแตกต่างกับปุ่มรอบข้างพอสมควรทำให้มันรองรับนิ้วมือของเราได้เป็นอย่างดีนี่แหละครับ
      (ช่างคิดได้จริง ๆ)

      ส่วนสำหรับ Numpad นี่ผมดูแล้วไม่ค่อยจะเห็นความแตกต่างอะไรเลย เหมือนระดับมันก็เท่า ๆ กันหมด



      ปล. ข้อเสียอีกข้อคือ จากที่ลองใช้มาหลายเดือนมีความรู้สึกว่ามันเป็นคีย์บอร์ดที่น่าจะพังยากมาก (อดทดลองบริการของประกันเลย)


      ____________________________________________________________________________
      การเปรียบเทียบ feeling นะครับ

      มาเริ่มต้นด้วยคีย์บอร์ด Unicomp ของท่านหมาทอดกันก่อนนะครับ

      รีวิวท่านหมาทอด http://www.overclockzone.com/forums/...B8%B1%E0%B8%99

      ________________________________

      ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณท่าน xมาทอด สำหรับการส่งคีย์บอร์ดมาให้ทดลองกดเล่นเป็นเวลา 3 วันด้วยนะครับ
      สำหรับคนที่อยากรู้ว่าถ้าเอาคีย์บอร์ดยี่ห้อ Unicomp ที่เป็น Buckling Spring switch ไปเทียบกับ Realforce รุ่น High profile ที่เป็น Topre switch
      จะได้ผลเช่นไร โปรดติดตามดังข้อความด้านล่างได้เลยครับ



      เมื่อคีย์บอร์ดมาส่งถึงที่บ้านผ่านทางไปรษณีย์ไทย ผมก็ได้ทำการแกะกล่องออกมาแล้วเปิดกล่องขึ้นมาก็เจอกับสิ่งที่น่าประหลาดใจทันทีเลยก็คือ keycap ตรงปุ่ม window หลุดออกมาแล้ว
      เนื่องจากตัว keycap ของ Buckling Spring จะมี 2 ชั้นครับคือเปลือกชั้นในที่ไม่มีการสกรีนตัวอักษรใด ๆ กับเปลือกชั้นนอก หน้าตาตามรูปเลยครับ




      ถัดมาในส่วนของ feeling จากที่ผมลองกดมาเป็นเวลา 3 วัน feeling ของตัว Buckling Spring เป็นอะไรที่เพลิดเพลินดีครับคือมันจะค่อนข้างนุ่มนวลกว่า Cherry Mx switch ทุกสีที่ผมเคยใช้มา
      (ที่ผมเคยใช้ก็มี ดำ แดง ฟ้าและน้ำตาลครับ) หรือพูดอีกด้านนึง Buckling Spring มี feeling ที่ดีกว่าพวก mechanical ที่ใช้ cherry switch ทุกตัวเลยแหละครับ

      โดยความรู้สึกผมเอามาพิมพ์เรื่อยเปื่อยกับเอาไปเล่นเกมมันค่อนข้างเพลินมือมากเลยครับ
      สิ่งที่ผมค่อนข้างชอบสำหรับตัว Unicomp ก็คือ layout การวางปุ่มของมันทำได้ดีมากครับให้ความรู้สึกเหมือนกับ layout ของ high profile เลยแหละครับ
      คือองศาการโค้งของแต่ละปุ่มในแต่ละแถวมันเข้ามือได้เป็นอย่างดี ทำให้พอเริ่มชินแล้วสามารถพิมพ์ได้อย่างเพลิดเพลินพอ ๆ กับ Realforce High profile เลยแหละครับ


      สำหรับ feeling เปรียบเทียบระหว่าง Topre รุ่น High profile กับ Buckling spring ถ้าลองใช้ไปเรื่อย ๆ ผมก็ยังคงชอบ Topre มากกว่าอยู่ดีครับ
      เนื่องจากมันมีความนุ่มนวลที่มากกว่าและมีแรงต้านมือที่นิ่มนวลกว่า Buckling spring ครับ


      อีกเหตุผลที่ทำให้ผมเทใจไปให้ Topre switch มากกว่าก็คือตัว Bucking spring เสียงมันดังมากจริง ๆ ครับ
      คือเอาไปพิมพ์งานซักประมาณครึ่งหน้าหูผมก็แทบจะตึงละอ่ะ แถมยังสามารถกลบเสียงทีวีได้เป็นอย่างดีเลยแหละครับ
      อีกเหตุผลคือน้ำหนักที่ใช้ในการกดมันพอ ๆ กับ Black switch (อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ) ทำให้เกิดอาการเมื่อยมือเร็วมากครับ
      ไม่เหมาะกับการเอาไปใช้พิมพ์งานในระยะยาวเลยจริง ๆ


      สรุปปิดท้าย ถ้าอยากได้คีย์บอร์ดที่ feeling ดีกว่า cherry mx ทุกสีที่ผมเคยใช้ ในราคาไม่แรงประมาณ 4000 บาท (รวมส่งกับภาษี)
      โปรดเลือก Unicomp ไปเลยครับ แต่ถ้ามีงบถึงพอเล่น Topre แนะนำไป Topre เลยครับจบข่าวกว่าทุกอย่าง
      โดยส่วนตัวแล้วสำหรับคู่นี้ผมก็ยังคงชอบ Topre อยู่ดีครับผม

      ปล. ความรู้สึกที่จากการใช้งานอ้างอิงจากประสบการณ์ในการใช้คีย์บอร์ดส่วนตัวของผมเองนะครับซึ่งอาจจะขัดใจบางท่านได้ก็ต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยครับ

      ____________________________________________________________________________

      ถัดมาจะเป็นการเปรียบเทียบ feeling ระหว่าง Topre switch ด้วยกันครับ แต่เป็นคนละยี่ห้อกันคือ

      CM Storm Novatouch vs Realforce 104UG-Hi Pro

      สำหรับใครที่สงสัยว่า CM Storm Novatouch หน้าตาเป็นยังไงและมีรายละเอียดยังไงเชิญที่กระทู้ PrimeTime ได้เลยครับ

      http://www.overclockzone.com/forums/...torm-Novatouch

      ___________________________

      ถ้ดมาเป็น CM Storm Novatouch ครับ

      สำหรับคีย์บอร์ด CM Storm Novatouch ที่ผมเอามาเปรียบเทียบนั้น ผมไม่ได้ซื้อมาแต่อย่างใดแต่พอดีมีรุ่นน้องที่รู้จักเขาซื้อเจ้าตัวนี้มาก็เลยไปขอเขากดเล่นซะเลย

      อันนี้เป็นหน้าตากล่องของ Novatouch ครับ



      หน้าตาภายใน โดยของรุ่นน้องจะเป็นรุ่นที่มี screen ไทยละครับ




      จากการที่ผมไปทดลองกดมาผมมีความรู้สึกเฉย ๆ กับ Novatouch มากเลยครับ คือไม่รู้สึกว่ามันจะมีความแตกต่าง โดดเด่น หรือให้สัมผัสที่พิเศษอะไรซักเท่าไหร่
      คือมันจะเหมือนกับ brown sw ที่มีความนุ่มกว่าแต่ถ้าให้เทียบกับ Realforce Hi pro นั้น ความนุ่มของ Novatouch นี่กลายเป็นกระด้างไปเลยครับ
      พูดง่าย ๆ คือถึงแม้จะเป็น Topre เหมือนกันแต่ Realforce นั้นให้ feeling ที่จัดเต็มกว่า (นุ่มกว่าและเด้งสู้มือกว่า)

      Feeling ที่ผมรู้สึกเมื่อลองกด Novatouch ก็คือปุ่มมันกดง่ายเหมือน Red sw และให้สัมผัสเวลากด (Tactile) เหมือน Brown sw แค่นั้นอ่ะครับ
      แต่ไม่รู้สึกถึงความ Unique แต่อย่างใด ซึ่งตรงจุดนี้น่าจะเป็นผลมาจาก keycap ของ Novatouch ด้วยแหละครับ

      สำหรับข้อตำหนิของ Novatouch ในความคิดผมก็คือเรื่อง keycap นี่แหละครับ คือน่าจะทำมาให้สมกับราคาหน่อย
      เนื่องจากการ screen ตัวอักษรก็ยังเป็นแบบ screen ลงไปตรง ๆ ทำให้เวลาจับแล้วรู้สึกถึงความนูนของตัวอักษร
      (ซึ่งจะไม่เหมือนกับของ Realforce ที่เป็นแบบ Dye sub คือตัวอักษรจะถูกผสมลงใน keycap ไปเลยทำให้ไม่รู้สึกถึงความนูนแต่อย่างใด)
      นอกจากนี้น่าจะใช้หมึกที่มันทน ๆ กว่านี้หน่อย เพราะของรุ่นน้องที่ผมไปลองกด สีของตัว W ก็เริ่มจางไปละครับ
      ซึ่งมันไม่สมกับราคาของมันเลย

      อีกจุดนึงที่เป็นข้อแปลกของ Novatouch คือมันเป็นคีย์บอร์ดที่ใช้ Topre sw แต่ดันใส่ keycap ของ Topre ไม่ได้นี่แหละครับ
      ซึ่งก็คงเป็นเพราะการทำ stem keycap มาให้ใส่ keycap ของพวก cherry sw ได้แทน



      โดยปุ่มที่ผมลองเอาไปใงส่ก็คือปุ่มทรงสูงของ Realforce ของผมนี่แหละครับ
      พอเอา keycap ไปใส่ปุ้บ feeling ของ Novatouch ก็ถือว่าดีขึ้นมาอีกหน่อย (เมื่อเทียบกับ keycap เดิม ๆ ของมัน)
      แต่ก็ยังให้ feeling ไม่สุดอยู่ดีเมื่อเทียบกับ Realforce ครับ


      สรุปจากทั้ง 2 คู่นี้ โดยถ้าดูจากราคา Novatouch มือหนึ่งซึ่งตกประมาณ 6700 กับ Realforce ที่ต้องสั่งนอก (โดยอาจจะได้ประมาณ 10000 บาทถ้วน)

      --- ถ้าท่านเป็นคนที่มี keycap cherry mx และเป็นแบบ PBT อยู่แล้วและอยากมาลองเล่น Topre ในราคาไม่แพงมากก็อาจจะแค่ Novatouch ก็ได้ครับ
      --- แต่ถ้าท่านไม่มี keycap ใด ๆ เลยผมแนะนำว่าเอา Realforce ไปเลยครับจบข่าวกว่าไม่เปลืองเงินมาซื้อ keycap เพื่อเอามาเปลี่ยนอีกครับ

      นอกจากนี้ถ้าไม่ดู 2 ข้อนี้ ตามความคิดผม ไหน ๆ คนที่คิดอยากจะเล่น Topre ผมก็อยากแนะนำให้ซื้อ Realforce ไปเลยครับ จบข่าวกว่าแน่นอน
      เพราะไม่ต้องกังวลเรื่อง keycap เดิม ๆ ของ Novatouch ที่ทำมาไม่ค่อยสมราคา อีกอย่างเป็นการเปลี่ยนประสบการณ์ในการใช้ keyboard แบบ High profile ด้วยครับ
      คือมันเป็นทรงที่ผมว่าพิมพ์สนุกดีนะ เพลินมือดี ยิ่งถ้าเครียด ๆ หาอะไรมาพิมพ์เล่นรัว ๆ แบบกดแรง ๆ นี่เสียงเพลินได้ใจดีครับ


      ปล. ที่เขียนมาเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของผมนะครับ ไม่ได้อ้างอิงจากที่ไหน
      ปลล. สำหรับรุ่นน้องของผมหลังจากที่ได้ลองเอา keycap Realforce ไปให้เขาลองกด เขาก็ขาย Novatouch ทิ้งไปเรียบร้อยแล่ว (เหมือนผมไปยุเขายังไงก็ไม่รู้)
      Last edited by GreenHerb; 1 May 2016, 21:02:32.

      Comment


      • #4
        อ่านแล้วเพลินดี อิอิ 0..0

        ปล. น๊อตหวานฉ่ำจริมๆ 555

        Comment


        • #5
          เจิม เตรียมหาเรื่อง!

          Comment


          • #6
            รูปบางรูปชัดไม่ชัดก็เนื่องมาจากถ่ายตอนกลางคืนนะครับ

            ถ่ายกลางคืนนี่ยอมเลย กว่าจะได้รูปชัด ๆ ยากมาก

            ผิดกับถ่ายตอนกลางวันถ่ายไงก็ชัด ฮ่าๆ

            Comment


            • #7
              แหล่มเป็ด..

              Comment


              • #8
                สุดยอดเลยครับ

                Comment


                • #9
                  หน้าตา ... ไม่ใหว

                  Comment


                  • #10
                    ใช่ๆ งั้นๆ

                    Comment


                    • #11
                      หน้าตาธรรมดา
                      แต่ลีลาถือว่าเด็ด

                      Comment


                      • #12
                        หน้าตาสวยๆๆๆ เดี๋ยวงอลอีก

                        Comment


                        • #13
                          ตัวนี้ก็ประมาณว่าหน้าตาเชย ๆ แต่ลีลาชวนให้หลงไหลยาวถึงอนาคตครับ

                          Comment


                          • #14
                            ^ สวยไม่มาก.. แต่ท่ายากกรูเยอะ.. อะไรแบบนี้.. ??

                            Comment


                            • #15
                              โหดมาก อิอิ

                              Comment

                              Working...
                              X