Announcement

Collapse
No announcement yet.

อยากรู้เกี่ยวกับ power supply

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • อยากรู้เกี่ยวกับ power supply

    อยากรู้เกี่ยวกับ power supply มันเขียนข้างๆว่า 115v-220V มันคืออะไรครับ
    แล้วจะใช้ไฟ 110 v ที่ญี่ปุ่นได้ป่าวครับ ของผมมันเป็น power supply แบบ mini นะครับ

  • #2
    ได้ครับ 100%

    Comment


    • #3
      ได้ครับ

      Comment


      • #4
        115v-220V หมายถึง ใช้ได้กับไฟตั้งแต่ 115 โวลท์ จนถึง 220 โวลท์
        ซึ่งโดยทั่วไป อุปกรณ์ไฟฟ้าจะถูกออกแบบให้ใช้กับไฟที่ไม่ใช่แบบที่ท่านยกตัวอย่าง
        หมายถึงว่า จริงๆอุปกรณ์นั้นสามารถใช้กับไฟได้ค่านึง แต่เค้ากลับติดฉลากไว้อีกค่านึง

        ถ้าท่านอยู่ใน กทม. แล้วมีมิเตอร์วัดไฟ ลองวัดดูว่าไฟบ้านท่านเท่าไหร่ ของผมวัดได้ 230V
        แต่ผมมีเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชิ้นที่แปะว่า 220V ก็ใช้ได้ปกติครับ
        เพราะปกติ ถ้าเค้าจะให้ใช้กับไฟ 220V ก็จะออกแบบให้ใช้กับไฟได้ไม่ต่ำกว่า 220+-10% ก็คือ 198-242V เป็นอย่างต่ำ
        แล้วตามหลักวิชาจริงๆควรแปะฉลากว่า 198-242V แต่บ้านเราแปะ 220V เพราะคนทั่วไปเข้าใจง่ายกว่า

        ญี่ปุ่นจริงๆใช้ไฟ 100V ไม่ใช่ 110V
        เคยรู้มาว่า มีบางที่ของญี่ปุ่นที่ไม่ได้ใช้ไฟ 100V จะใช้ไฟ 120V ซึ่งเป็นส่วนน้อยมาก ซึ่งไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ยังใช้แบบนั้นรึเปล่า
        ถ้าตามสเปค ระบุว่า 115v-220V ตอบตามวิชาการ ต้องตอบว่า ใช้ไม่ได้ เพราะไฟเข้าต่ำกว่าที่ระบุ
        แต่อุปกรณ์สเปคแบบนั้น(ไม่ใช่ฉลาก)จริงๆ ผมยังไม่เคยเห็น
        จึงเข้าใจว่า คนเขียนฉลาก จะเหมือนกับที่ติดว่า 220V แต่ใช้จริงไม่ใช่
        เหมือนกับพวก psu ที่ติดว่า 230V only ซึ่งเราใช้ที่ไม่ใช่ 230V เราก็ใช้ได้ แล้วมัน only ตรงไหน

        ท่านข้างบนว่าใช้ได้ ผมก็ว่าน่าจะใช้ได้ เพราะเค้าติดฉลากไม่ถูกต้องครับ

        Comment


        • #5
          แหมทำเป็นถามว่า ติด230V Only แล้วมันONLYตรงใหนอีกนะ ตัวเองนะรู้ดีกว่าใคร

          ตรงที่มันตัดออก ในHardwaresecretเรียกว่าDouble Voltage บ้านเราเรียกว่าอะไรครับ
          มันตัดทิ้งแล้วใส่ คอยด์แบบActive PFC กับC filterเข้าไป แล้วทำไมมันไม่ทำให้เป็นActiveไปเลย

          Comment


          • #6
            ตกลงน่าจะใช้ได้ใช่ป่าวครับ

            Comment


            • #7
              ซื้อ UPS ที่จ่ายไฟออกเท่ากับ PSU ท่าน หรือ ซื้อ PSU ที่ญี่ปุ่นไปเลยครับชัวร์กว่า

              Comment


              • #8
                Originally posted by aekdakar View Post
                ตกลงน่าจะใช้ได้ใช่ป่าวครับ
                ผมคิดว่าใช้ได้ครับ

                Originally posted by Nero Angel View Post
                แหมทำเป็นถามว่า ติด230V Only แล้วมันONLYตรงใหนอีกนะ ตัวเองนะรู้ดีกว่าใคร

                ตรงที่มันตัดออก ในHardwaresecretเรียกว่าDouble Voltage บ้านเราเรียกว่าอะไรครับ
                มันตัดทิ้งแล้วใส่ คอยด์แบบActive PFC กับC filterเข้าไป แล้วทำไมมันไม่ทำให้เป็นActiveไปเลย
                หมายถึงว่า ถ้าฉลากติด 230V only ก็ต้องแปลว่า น้อยกว่าก็ไม่ได้ มากกว่าก็ไม่ได้ ต้อง 230V เป๊ะๆถึงจะได้อ่ะครับ
                ถ้าน้อยกว่าก็ได้ 229V ก็ได้ มากกว่าก็ได้ 231V ก็ได้ มันก็ไม่ only ตามคำศัพท์อ่ะครับ
                เหมือนเราบอกแฟนว่า only you ก็ต้องมีแฟนคนเดียวอ่ะครับ
                only you แล้ว น้องแฟนก็ได้ เพื่อนแฟนก็ได้ คนใช้ก็ได้ แบบนี้ก็ไม่ใช่ only you จริงมั้ย อิ อิ


                จริงๆผมไม่ค่อยได้อ่านเนื้อหาพวกเว็บต่างๆเท่าไหร่ แต่ชอบเว็บ Hardwaresecret ที่เค้าชำแหละให้ดู
                มีตัดออกด้วยเหรอครับ ไม่รู้ว่าที่ว่าตัดคือตรงไหน ต้องเอาวงจรมาให้ดู จะได้ตอบได้ตรงจุดครับ เพราะปกติจะเพิ่มวงจรเข้าไปครับ

                Comment


                • #9
                  PASSIVE
                  วงจรHalf bidge(หรือเปล่า)คาปา2ตัว200Vที่อยู่ติด rectifying bridge Hardwaresecretเรียกคาปา2ตัวนี้ว่าVoltage Doubler บ้านเราเรียกว่าอะไรไม่รู้ ช่างบ้านเราผมลองไปถามแล้วบอกว่าไม่รู้ว่ามันเรียกอะไรนะ
                  ไม่รู้ว่าไม่บอกหรือไม่รู้จริงๆ
                  http://www.hardwaresecrets.com/artic...Supplies/327/5




                  230only มันทำแบบนี้แล้ว ในรูปผมมองไม่เห็นPFC controller เข้าใจเอาเองว่าตัดตรงนี้เพื่อลดต้นทุน เลยใช้ได้แค่ไฟประมาณ200v-230v ช่วงเดียวมั้ง


                  sonar

                  Apex



                  มีเวบที่ชำแหละละเอียดกว่าHardwaresecretอีกครับ

                  Comment


                  • #10
                    Originally posted by m shifu View Post
                    115v-220V หมายถึง ใช้ได้กับไฟตั้งแต่ 115 โวลท์ จนถึง 220 โวลท์
                    ซึ่งโดยทั่วไป อุปกรณ์ไฟฟ้าจะถูกออกแบบให้ใช้กับไฟที่ไม่ใช่แบบที่ท่านยกตัวอย่าง
                    หมายถึงว่า จริงๆอุปกรณ์นั้นสามารถใช้กับไฟได้ค่านึง แต่เค้ากลับติดฉลากไว้อีกค่านึง

                    ถ้าท่านอยู่ใน กทม. แล้วมีมิเตอร์วัดไฟ ลองวัดดูว่าไฟบ้านท่านเท่าไหร่ ของผมวัดได้ 230V
                    แต่ผมมีเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชิ้นที่แปะว่า 220V ก็ใช้ได้ปกติครับ
                    เพราะปกติ ถ้าเค้าจะให้ใช้กับไฟ 220V ก็จะออกแบบให้ใช้กับไฟได้ไม่ต่ำกว่า 220+-10% ก็คือ 198-242V เป็นอย่างต่ำ
                    แล้วตามหลักวิชาจริงๆควรแปะฉลากว่า 198-242V แต่บ้านเราแปะ 220V เพราะคนทั่วไปเข้าใจง่ายกว่า

                    ญี่ปุ่นจริงๆใช้ไฟ 100V ไม่ใช่ 110V
                    เคยรู้มาว่า มีบางที่ของญี่ปุ่นที่ไม่ได้ใช้ไฟ 100V จะใช้ไฟ 120V ซึ่งเป็นส่วนน้อยมาก ซึ่งไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ยังใช้แบบนั้นรึเปล่า
                    ถ้าตามสเปค ระบุว่า 115v-220V ตอบตามวิชาการ ต้องตอบว่า ใช้ไม่ได้ เพราะไฟเข้าต่ำกว่าที่ระบุ
                    แต่อุปกรณ์สเปคแบบนั้น(ไม่ใช่ฉลาก)จริงๆ ผมยังไม่เคยเห็น
                    จึงเข้าใจว่า คนเขียนฉลาก จะเหมือนกับที่ติดว่า 220V แต่ใช้จริงไม่ใช่
                    เหมือนกับพวก psu ที่ติดว่า 230V only ซึ่งเราใช้ที่ไม่ใช่ 230V เราก็ใช้ได้ แล้วมัน only ตรงไหน

                    ท่านข้างบนว่าใช้ได้ ผมก็ว่าน่าจะใช้ได้ เพราะเค้าติดฉลากไม่ถูกต้องครับ
                    กูรู PSU ตัวจริง ต้องคนนี้นี่แล

                    อิอิ

                    Comment


                    • #11
                      ขอบคุณทุกความคิดเห็น

                      Comment


                      • #12
                        Originally posted by Nero Angel View Post
                        PASSIVE
                        วงจรHalf bidge(หรือเปล่า)คาปา2ตัว200Vที่อยู่ติด rectifying bridge Hardwaresecretเรียกคาปา2ตัวนี้ว่าVoltage Doubler บ้านเราเรียกว่าอะไรไม่รู้ ช่างบ้านเราผมลองไปถามแล้วบอกว่าไม่รู้ว่ามันเรียกอะไรนะ
                        ไม่รู้ว่าไม่บอกหรือไม่รู้จริงๆ
                        http://www.hardwaresecrets.com/artic...Supplies/327/5
                        ถ้าหมายถึง C ตัวใหญ่ 2 ตัวนี้นะ
                        http://www.hardwaresecrets.com/fullimage.php?image=5582
                        ให้ดูบทความที่ท่านลิ้งค์มา หน้าแรกเลย ดูรูปที่ 1 มันอยู่ตรง filtering
                        ทำหน้าที่กรองไฟที่เป็น sine ครึ่งท่อนให้เรียบเป็น dc
                        ปกติทั่วไปจะใช้ C ตัวเดียว แต่เนื่องจากเค้าต้องการออกแบบให้ใช้กับไฟได้ 2 ระบบ คือ 110V และ 220V จึง "จำเป็นต้องใช้ C 2 ตัว"
                        โดยที่ C 400V 1 ตัว จะแทนค่าด้วย C 200V 2 ตัว ต่ออนุกรมกันตามที่เห็นนะ อันนี้เป็นเทกนิคของการออกแบบวงจร
                        แล้วจะมีสวิทซ์เลือก 110/220 ซึ่งสวิทซ์นี้จะสลับวงจรของ ไดโอด rectifier กับ C 2 ตัวนี้ให้เข้ากับไฟที่เลือก

                        psu พวกที่มีสวิทซ์เลือก 110/220
                        ตอนที่เลือก 110 มันจะกรองไฟแบบ half wave rectifier ประจุไฟเข้า C ตัวใหญ่ทีละตัว (จึงจำเป็นต้องใช้ C 2 ตัว)
                        C 2 ตัวถูกต่ออนุกรมกัน ผลที่ได้ก็เป็นคูณสองของแรงดัน เรียกว่า voltage doubler
                        ส่วนตอนที่เลือก 220 มันจะกรองไฟแบบ full wave rectifier ประจุไฟเข้า C ตัวใหญ่พร้อมกันทั้งสองตัว
                        การ rectifier แบบ full wave ดีกว่า ได้ไฟดีซีที่เรียบกว่า แต่ก็ไม่แตกต่างแบบมีนัยสำคัญ

                        ถ้าออกแบบให้ใช้ไฟช่วงเดียวโดยไม่มีสวิทซ์ให้เลือกเป็นอย่างอื่น เช่น 110V อย่างเดียว หรือ 220V อย่างเดียว
                        ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ C 2 ตัว

                        วงจร active pfc จะเพิ่มวงจร step up switching voltage regulator เข้าไปแทรกตรงส่วนที่ ไดโอด rectifier ต่อกับ C
                        เดิม ไดโอดเรียงกระแสไปประจุ C ตรงๆ ก็ต้องผ่านวงจร step up นี้ก่อน
                        รูปแบบการประจุไฟเข้า C จะเปลี่ยนใหม่เป็นแบบ switching คือประจุด้วยความถี่สูงมาก ตอนนี้ความจำเป็นที่ต้องใช้ C 2 ตัวก็ไม่มีแล้วครับ
                        ถ้าจุดที่ท่านสงสัย คือ C 200V 2 ตัว หายไปกลายเป็น C 400V 1 ตัว
                        ถ้าเป็นจุดนี้ จะเป็นการแทนค่ากันตามธรรมดา ไม่ได้ตัดวงจรอะไรออกไปครับ

                        psu ที่เพิ่มวงจร active pfc เข้าไปแล้ว จะใช้ C 200V 2 ตัวแบบเดิมก็ได้ ไม่ต้องเปลี่ยนเป็น 400V ตัวเดียวก็ได้ครับ
                        เพียงแต่ปกติ ในทางเทกนิคตัวเดียวจะดีกว่า และตัวเดียวต้นทุนถูกกว่า ก็เลยเห็นเปลี่ยนเป็น 400V กันหมด

                        ผมเพิ่มเติมเรื่องวงจรกรองไฟแบบธรรมดาที่ไม่มีวงจร active pfc นะครับ
                        วงจรแบบนี้ ถือเป็นวงจรพื้นฐานที่ใช้อุปกรณ์น้อยสุด ต้นทุนต่ำสุด
                        ในการใช้งานจริง แม้กระทั่งเครื่องเสียงไฮเอนที่มีราคาหลายแสน ก็ใช้วงจรพื้นๆแบบนี้ เพราะเป็นวงจรที่มีความเชื่อถือได้สูงสุด
                        ดังนั้น วงจรกรองไฟแบบนี้ จึงไม่ใช่วงจรที่ไม่ดี แต่ถือว่าเป็นวงจรกรองไฟที่เป็นมาตราฐานของโลกเลยครับ

                        วงจรกรองไฟแบบนี้ จะกินกระแสไฟเป็นยอดแหลมๆสูงๆที่เรียกว่า spike ซึ่งดูแล้วไม่ดี ถือว่าเป็นข้อเสีย
                        แต่ที่ผ่านมาปริมาณอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้วงจรแบบนี้ ยังถือว่าไม่มากมาย วงจรแบบนี้จึงถูกใช้มาตลอดหลายสิบปี ก็ไม่มีใครว่ามีปัญหาอะไร
                        เพิ่งจะมีเรื่อง active pfc ไม่กี่ปีมานี้เอง เพราะหลายประเทศที่เค้าใช้ไฟ 100-120V จะใช้กระแสไฟมากกว่าบ้านเราเท่าตัว
                        สมมุติว่า ใช้กับบ้านเรา มียอดสูง 10A ถ้าไปใช้กับบ้านเค้า จะมียอดสูง 20A มันก็เลยมีปัญหากับระบบการจ่ายไฟจากการไฟฟ้า
                        เมื่อก่อนจำนวนคอมไม่มาก ปัญหาก็ไม่มี ตอนนี้มีคอมกันทุกบ้าน สำนักงานนึงมีคอมเป็นร้อยตัว ปัญหาเรื่องกินไฟเป็น spike จึงเป็นเรื่องใหญ่

                        วงจร active pfc จะทำให้รูปแบบการกินกระแสไฟเปลี่ยนจาก spike กลายมาเป็น sine
                        ยอดที่เคยสูง 20A อาจจะลดลงเหลือ 2A ช่วยให้ระบบการจ่ายไฟจากการไฟฟ้าของเค้าไม่เกิดปัญหา

                        ส่วนสำคัญของวงจร active pfc ก็คือวงจร step up switching voltage regulator ที่มีไอซีเฉพาะควบคุม
                        วงจรนี้จะใช้ coil ทรานซิสเตอร์ และไดโอดความถี่สูงอีกตัว เป็นตัวประจุไฟให้ C มีแรงดันไฟที่สูงตามที่เค้าออกแบบ เช่น 380V ซึ่งวงจรแบบเดิมจะทำอย่างนี้ไม่ได้
                        แต่ข้อเสียของวงจร step up คือ จะกินกระแสไฟเป็นยอดแหลมถี่ๆมาก เช่น หมื่นครั้งต่อวินาที
                        จึงจำเป็นต้องมีวงจร emi filter เข้ามาช่วยกรองความถี่ตรงนี้

                        psu ที่ไม่ได้ใช้วงจร active pfc ไม่จำเป็นต้องมีวงจร emi filter เพราะมันไม่ได้ทำงานที่ความถี่สูง
                        แต่ psu ที่ใช้วงจร active pfc จำเป็นต้องมีวงจร emi filter เพราะมันทำงานที่ความถี่สูง

                        เลยมาถึง emi filter ละ ชักไกล จบแค่นี้นะครับ

                        Originally posted by ไซย่า View Post
                        กูรู PSU ตัวจริง ต้องคนนี้นี่แล

                        อิอิ
                        ถ้าเป็นเรื่องเลือกซื้อ psu ที่ขายๆกัน ผมรู้ไม่เยอะนะ เพราะผ่านมือไม่เยอะ
                        โดยเฉพาะพวกตัวแพงๆ ผมไม่ได้ใช้เลย เพราะใช้แต่วัตต์ต่ำๆ

                        ส่วนเรื่องวงจร อันนี้เป็นพื้นฐานที่คนที่เรียนมาด้านนี้ต้องรู้กันทุกคนอยู่แล้วครับ
                        วงจรแปลงไฟ ac -> dc เป็นวงจรแรกที่เค้าสอนกัน และเป็นข้อสอบมาตราฐานที่ออกกันด้วย

                        ตอนผมสอบออกแบบวงจรครั้งแรก เค้าให้ออกแบบ 4 วงจร ให้เวลาสามชั่วโมง
                        วงจรอันแรก ก็คือ ให้ออกแบบวงจรจ่ายไฟตรงนี่แหละ
                        ผมทำข้อนี้ก่อน ใช้เวลาเขียนข้อนี้ข้อเดียวสองชั่วโมง เขียนไม่หยุดเลย สามสิบหน้ากระดาษมั้ง แบบว่าอธิบายละเอียดยิบๆ อิ อิ
                        เหลืออีกชั่วโมง ทำข้อสองไปได้นิดเดียว ก็หมดเวลาแล้ว ข้อสามสี่ไม่ได้เขียนเลยแม้แต่นิดเดียว
                        ผมก็เลยเขียนลงท้ายว่า "ผมออกแบบได้หมดแหละ แต่เวลาไม่พอ" แล้วผลสอบออกมา ผมได้ A ( มีคนได้ 4 คนจาก 180 คน) อิ อิ

                        Comment


                        • #13
                          ความรู้ แน่นนๆๆ

                          Comment


                          • #14
                            จดๆ

                            Comment


                            • #15
                              ผมเห็นด้วยกับคำว่า only คับ ^^ ถ้าแกว่งได้ก็ไม่ควรใช้คับ อิอิ

                              Comment

                              Working...
                              X