เช่นr9 3900x แต่ใส่แค่2060 เพราะปกติผมเห็นแต่ละโพสมันจะขวดที่ cpuกัน
Announcement
Collapse
No announcement yet.
อยากทราบว่าถ้าcpu แรงมากๆ แต่vgaต่ำหรือกลางๆ ตัวvgaจะดรอป หรือเต็มประสิทธิภาพ
Collapse
X
-
แล้วแต่เกม
ไม่เกี่ยวกับขวด
ถ้า cpu รันเกมได้ดี ประมวลผลได้ดี ส่งงานให้การ์ดจอได้มากพอ การ์ดจอก็จะทำงานได้ตามที่ควรจะเป็น
ซึ่งก็ขึ้นอยู่ว่าแต่ละเกม เขียนเกมออกมาได้ดีแค่ไหนอีกด้วย
คงไม่ต้องไปกลัวครับ ถ้าระบบของเรารันเกมได้ดีพอ การ์ดจอก็ทำงานตามหน้าที่ของมันได้เต็มที่อยู่เเล้ว
ส่วนตัวมองว่า 3900x ถือเป็น cpu ที่ดีในแง่มัลติเธรด เธรดจำนวนมาก
แต่ในการเล่นเกมปัจจุบัน มันยังไม่ได้เรียกเธรดเยอะขนาดนั้น มีไม่กี่เกมที่จะเห็นผลต่าง
เรียกได้ว่า i3 i5 ที่ราคาถูกกว่ามาก ยังอาจจะได้ fps ไม่ต่างกัน เอา 3900x ไปใช้งานเฉพาะด้านจะเหมาะกว่า
จะเอามาคู่ 2060 ผมมองว่าในแง่เล่นเกม ถือว่าไม่คุ้มค่าอย่างแรง
กลับกันลด cpu เป็นรุ่นต่ำกว่า แล้วไปใส่การ์ดจอที่แรงขึ้น ยังเห็นผลชัดเจนกว่าครับ
ตัวอย่างของการมีเธรดเยอะ แต่ไม่เหมาะกับการเล่นเกมบางเกม
คงต้องลุ้นว่าอนาคตจะมีการปรับปรุงให้ทำงานได้เต็มที่กว่านี้ไหม
ไม่เช่นนั้นเธรดน้อยกว่า แต่ความเร็วเยอะกว่า ก็ได้เปรียบอยู่ดีLast edited by taibkk; 6 Nov 2019, 15:34:51.
-
ลองระบุจอที่ใช้ เกมที่เล่นดูครับ
cpu ที่แรงจะได้เปรียบในแง่การประมวลผล ส่งงานให้การ์ดจอได้เยอะกว่า ปั่นเฟรมได้นิ่งกว่า ยิ่งปั่นเฟรมสูง ๆ จะเห้นผลชัดเจน
แต่ถ้าเฟรมที่ได้ ไม่ได้สูงเว่ออะไร ไม่ว่าจะ 1080p 1440p 4k ก็ตาม
ภาระของ cpu ก็ลดลง แต่ gpu ทำหน้าที่ของมันตามปกติครับ คือการแสดงผลกราฟิกนั่นเอง ยิ่งปรับกราฟิกสูง ความละเอียดสูง ยิ่งมีภาระเยอะ
ยกตัวอย่าง
Comment
-
Originally posted by art8647 View Postครับผม เพราะว่ามี2060 อยู่แล้ว แต่cpuมันเก่าแล้วi5 2400 เลยว่าจะอัพ cpu แบบกะไม่เปลี่ยนอีกไปยาวๆเลยครับพี่มีความเห็นยังไงมั่งครับ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องfpsเยอะก็ได้ครับแค่60ผมก็พอใจสำหรับเกมส์ แต่ทำงานไปด้วยครับผม
ยกตัวอย่างคนซื้อ ryzen 1000 ตัวท้อป หรือ 7700k เมื่อ 3 ปีก่อน พอผ่านมา 2-3 ปี ประสิทธิภาพก็หล่นไปเยอะพอสมควร
หากจะซื้อทำงาน ต้องดูว่าสเกลงานเราขนาดไหน
ถ้าทำงานเล็กน้อย หรืองานไม่ได้อาศัย cpu มากเธรดอะไรนัก ก็ลดรุ่น cpu ลงก็ได้ครับ
แต่ถ้าทำงานจริงจัง หรือเป็นอาชีพ ก็จัดตัวแรงตามงบก็ได้ เพราะยังไงก็ใช้หารายได้คืนอยู่แล้ว
แต่ถ้าจะเอามาเล่นเกมเป็นหลัก ตัด 3900x ทิ้งไปได้เลย
ขายก่อนหมดประกัน แล้วก็อัพเกรดใหม่ ผมว่าใกล้ 3 ปี เปลี่ยนทีกำลังดีครับ อย่าไปคิดยาวไกลกว่านั้นเยอะ
นอกซะจากจะไม่ได้ต้องเอาไปเปรียบเทียบผลกับคนอื่น ๆ ก็ใช้ยันพังก็ได้
เพราะจริง ๆ หลายคน ก็ยังใช้ i5 2400 อยู่เลย ไม่ได้แย่อะไร
ส่วนเรื่องคอขวดอะไรที่เข้าใจมา ผมว่าลบออกจากหัวไปก่อนดีกว่า
เมื่อก่อนผมก็มีคำถาม ขวดไม่ขวด
แต่จริง ๆ มันเป็นคำจำกัดความที่ลวกและแคบไป
ปัจจัยส่งผลที่กระทบการทำงานของอุปกรณ์มันมีอะไรเยอะมากกว่า ที่จะมาถูกระบุว่าขวดหรือไม่ขวดครับLast edited by taibkk; 6 Nov 2019, 15:45:33.
Comment
-
เป็นความเข้าใจผิดกันมากๆเลย เรื่องคอขวด CPU ชอบพูดกันจนน่ากลัวเลยเถิด ทำให้พาลคิดว่าใช้ CPU อ่อนแล้วการ์ดจอจะโดนลดประสิทธิภาพลงไปอีก
การ์ดจอมันก็ทำหน้าที่ของมัน ถ้า CPU ส่งงานให้เยอะก็ทำเยอะ ส่งให้น้อยก็ทำน้อย แค่นั้นเอง
ไม่ใช่ว่า 1070 ถ้าเจอ CPU อ่อนแล้วจะลดเกรดตัวเองไปเป็น 1060 ซะเมื่อไหร่ (ถ้าไม่เจอ CPU อ่อนมากแบบสุดๆ)
คือแค่ได้รับงานมาน้อยก็เลยมีเวลาว่างเยอะ (GPU usage ไม่ถึง 100%)
เรื่องนี้ต้องคิดแยกก่อนแล้วค่อยเอามารวมกันนะครับ
1.GPU ปั่นเฟรมได้เท่าไหร่ในเกมนั้น
2.CPU ปั่นเฟรมได้เท่าไหร่ในเกมนั้น
3.เฟรมเรทที่เห็นในจริงๆในเกม จะเป็นการทำงานร่วมกันของ 2 ข้อบน คือ เริ่มที่ CPU จะสั่งงานให้ GPU วาดภาพขึ้นมาให้เราเห็น
Benchmark ของเกม Gear of War 4 (เกมนี้รายงานผลแยก CPU, GPU ให้ดูด้วยละเอียดดีครับ)
ยกตัวอย่างจริงของผมเอง
i5 3470 + GTX 1060 ได้เฟรมเรทประมาณ 70
i5 3470 + GTX 1070 ได้เฟรมเรทประมาณ 90
ต่อมาอัพเกรด CPU
i5 9400F + + GTX 1070 ได้เฟรมเรทประมาณ 110
เห็นมั้ยว่า GTX 1070 ต่อให้ใช้กับ CPU อ่อนกว่า(จะเรียกคอขวดก็ได้) ยังไงก็ได้เฟรมเรทสูงกว่า GTX 1060
มันไม่ได้ถูกลดชั้นลงเป็น 1060 แต่อย่างใด
แล้วที่จริงเวลาเล่นเกมจริงๆผมพอใจที่ 60 เฟรม ก็ล็อคไว้เท่านี้ตลอด
สรุปว่ากรณีผมจะใช้ CPU i5 เก่าหรือใหม่ GTX1070 1060 ก็ปั่นได้เกิน 60 เฟรม เรียกว่ายังไม่ต้องอัพ CPU ก็ได้ ฮ่าๆ
Comment
-
Originally posted by rui View Postเป็นความเข้าใจผิดกันมากๆเลย เรื่องคอขวด CPU ชอบพูดกันจนน่ากลัวเลยเถิด ทำให้พาลคิดว่าใช้ CPU อ่อนแล้วการ์ดจอจะโดนลดประสิทธิภาพลงไปอีก
การ์ดจอมันก็ทำหน้าที่ของมัน ถ้า CPU ส่งงานให้เยอะก็ทำเยอะ ส่งให้น้อยก็ทำน้อย แค่นั้นเอง
ไม่ใช่ว่า 1070 ถ้าเจอ CPU อ่อนแล้วจะลดเกรดตัวเองไปเป็น 1060 ซะเมื่อไหร่ (ถ้าไม่เจอ CPU อ่อนมากแบบสุดๆ)
คือแค่ได้รับงานมาน้อยก็เลยมีเวลาว่างเยอะ (GPU usage ไม่ถึง 100%)
เรื่องนี้ต้องคิดแยกก่อนแล้วค่อยเอามารวมกันนะครับ
1.GPU ปั่นเฟรมได้เท่าไหร่ในเกมนั้น
2.CPU ปั่นเฟรมได้เท่าไหร่ในเกมนั้น
3.เฟรมเรทที่เห็นในจริงๆในเกม จะเป็นการทำงานร่วมกันของ 2 ข้อบน คือ เริ่มที่ CPU จะสั่งงานให้ GPU วาดภาพขึ้นมาให้เราเห็น
Benchmark ของเกม Gear of War 4 (เกมนี้รายงานผลแยก CPU, GPU ให้ดูด้วยละเอียดดีครับ)
ยกตัวอย่างจริงของผมเอง
i5 3470 + GTX 1060 ได้เฟรมเรทประมาณ 70
i5 3470 + GTX 1070 ได้เฟรมเรทประมาณ 90
ต่อมาอัพเกรด CPU
i5 9400F + + GTX 1070 ได้เฟรมเรทประมาณ 110
เห็นมั้ยว่า GTX 1070 ต่อให้ใช้กับ CPU อ่อนกว่า(จะเรียกคอขวดก็ได้) ยังไงก็ได้เฟรมเรทสูงกว่า GTX 1060
มันไม่ได้ถูกลดชั้นลงเป็น 1060 แต่อย่างใด
แล้วที่จริงเวลาเล่นเกมจริงๆผมพอใจที่ 60 เฟรม ก็ล็อคไว้เท่านี้ตลอด
สรุปว่ากรณีผมจะใช้ CPU i5 เก่าหรือใหม่ GTX1070 1060 ก็ปั่นได้เกิน 60 เฟรม เรียกว่ายังไม่ต้องอัพ CPU ก็ได้ ฮ่าๆ
ถ้าว่าการ์ดจอแรง
ถ้าคุณกลัวคอขวด cpu แล้วไปซื้อ i9 มาใช้ พอวันหนึ่งถ้ามี cpu ที่แรงกว่า i9 เอามาใช้ เฟรมเรทก็ยังเพิ่มอยู่ดี งั้นก็จะมีคนมาบอกว่า i9 คอขวดนะๆ ทีผ่านๆมาเราคอขวดมาโดยตลอด 55555
เอาง่ายๆ การ์ดจอ แรงขึ้น เฟรมเรทก็เพิ่ม cpu แรงขึ้น มันก็เพิ่มอยู่ดี อยู่ที่เงินและความพอใจล้วนๆครับ เพราะฉะนั้น อย่าไปวิตกับคำว่า "คอขวด" ครับ
Comment
-
ถ้าไม่อยากนั่งเดาว่าคอขวดที่ CPU หรือ GPU ให้ลองไปหาผลทดสอบตามเว็บต่าง ๆ ดูว่าเฟรมเรต (FPS) ของเกมนั้น ๆ (ที่เราอยากจะเล่น) พอใจกับมันขนาดไหน
ในกรณีนี้ที่ยกตัวอย่างมาคือ CPU Ryzen 9 3900x มันจะไปตัน GPU แทน
CPU ป้อนงานให้ทัน แต่ GPU ส่งงานไปแสดงผลไม่ทัน
- CPU ไม่ควรจะ 100% ตลอดเวลา (หาก CPU 100% แล้วภาพหน่วง ๆ แสดงว่า CPU ไม่ไหว/คอขวด)
- GPU ควรจะ 90-100% หรือ FPS ไม่ผิดปกติก็พอ
- FPS ควรจะใกล้เคียงกับเว็บทดสอบหรือคลิปบน youtube
- ทดสอบเสร็จแล้วก็ปิด OSD ไม่ต้องไปดูตัวเลขมุมจอเวลาเล่นเกมนัก
Comment
-
Originally posted by rui View Postเป็นความเข้าใจผิดกันมากๆเลย เรื่องคอขวด CPU ชอบพูดกันจนน่ากลัวเลยเถิด ทำให้พาลคิดว่าใช้ CPU อ่อนแล้วการ์ดจอจะโดนลดประสิทธิภาพลงไปอีก
การ์ดจอมันก็ทำหน้าที่ของมัน ถ้า CPU ส่งงานให้เยอะก็ทำเยอะ ส่งให้น้อยก็ทำน้อย แค่นั้นเอง
ไม่ใช่ว่า 1070 ถ้าเจอ CPU อ่อนแล้วจะลดเกรดตัวเองไปเป็น 1060 ซะเมื่อไหร่ (ถ้าไม่เจอ CPU อ่อนมากแบบสุดๆ)
คือแค่ได้รับงานมาน้อยก็เลยมีเวลาว่างเยอะ (GPU usage ไม่ถึง 100%)
เรื่องนี้ต้องคิดแยกก่อนแล้วค่อยเอามารวมกันนะครับ
1.GPU ปั่นเฟรมได้เท่าไหร่ในเกมนั้น
2.CPU ปั่นเฟรมได้เท่าไหร่ในเกมนั้น
3.เฟรมเรทที่เห็นในจริงๆในเกม จะเป็นการทำงานร่วมกันของ 2 ข้อบน คือ เริ่มที่ CPU จะสั่งงานให้ GPU วาดภาพขึ้นมาให้เราเห็น
Benchmark ของเกม Gear of War 4 (เกมนี้รายงานผลแยก CPU, GPU ให้ดูด้วยละเอียดดีครับ)
ยกตัวอย่างจริงของผมเอง
i5 3470 + GTX 1060 ได้เฟรมเรทประมาณ 70
i5 3470 + GTX 1070 ได้เฟรมเรทประมาณ 90
ต่อมาอัพเกรด CPU
i5 9400F + + GTX 1070 ได้เฟรมเรทประมาณ 110
เห็นมั้ยว่า GTX 1070 ต่อให้ใช้กับ CPU อ่อนกว่า(จะเรียกคอขวดก็ได้) ยังไงก็ได้เฟรมเรทสูงกว่า GTX 1060
มันไม่ได้ถูกลดชั้นลงเป็น 1060 แต่อย่างใด
แล้วที่จริงเวลาเล่นเกมจริงๆผมพอใจที่ 60 เฟรม ก็ล็อคไว้เท่านี้ตลอด
สรุปว่ากรณีผมจะใช้ CPU i5 เก่าหรือใหม่ GTX1070 1060 ก็ปั่นได้เกิน 60 เฟรม เรียกว่ายังไม่ต้องอัพ CPU ก็ได้ ฮ่าๆ
ลัทธิคอขวดมันทำให้เกิดลัทธิสอนเด็กให้ซื้อ i7 i9+การ์ดจอถูก รออัพเกรดทีหลัง พอสุดท้ายเด็กหาเงินมาอัพได้ cpu ก็ตกเจนแล้ว วนกลับไปที่คอขวด ซื้อใหม่ทั้งชุดอีก สุดท้ายเด็กก็ได้เล่นภาพระดับการ์ดจอตัวรองเรื่อยไป
Comment
Comment