Announcement

Collapse
No announcement yet.

ค่า CL บน Ram

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • ค่า CL บน Ram

    ค่าCLบนRamมันคืออะไรคับ ถ้าใช้เดิมๆๆ ระหว่าง 8-8-8-21 กับ 9-9-9-24 มันต่างกันไหมคับ

  • #2
    Memory Timing ค่าที่สำคัญต่อประสิทธิภาพ
    การที่จะบอกว่าหน่วยความจำแต่ละตัวมี ประสิทธิภาพในการทำงานมากน้อยขนาดไหน ถ้าเป็นหน่วยความจำที่มีความเร็วแตกต่างกันสองตัวเราก็อาจจะเทียบได้จากความ เร็วในการทำงานของหน่วยความจำว่าเป็นเท่าไร แต่ถ้าหน่วยความจำสองตัวมีความเร็วในการทำงานที่เท่ากันเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าตัวไหนทำงานได้ดีกว่ากัน คำตอบของคำถามนี้ก็คือแตกต่างด้วยค่า Memory Timing นั่นเอง
    ประสิทธิภาพของหน่วยความจำนอกจากจะขึ้นอยู่กับ ความเร็วและแบนด์วิธในการทำงานแล้ว ยังขึ้นอยู่กับความเร็วของการตอบสนองต่อคำสั่งใดคำสั่งหนึ่ง หรือเวลาที่รอก่อนที่จะเริ่มหรือจบขั้นตอนการทำงานของการอ่านหรือเขียน ข้อมูล เรื่องเหล่านี้ก็คือความล่าช้าของเมมโมรีหรือเวลาในการตอบสนอง (timings) เมมโมรีไทม์มิงควบคุมวิธีการเรียกใช้เมมโมรีและอาจเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ ประสิทธิภาพโดยรวมในพีซีของคุณดีในหรือเลวลงได้
    การทำงานของหน่วยความจำจะมีการจัดเรียงในลักษณะ ของสเปรดชีต โดยแบ่งออกเป็นแถว (Rows) และคอลัมน์ (Colums) สัญญาณพื้นฐานจะถูกส่งไปยังหน่วยความจำเพื่ออ่านหรือบันทึกข้อมูล รวมทังกำหนดตำแหน่งและทำการควบคุมต่างๆ
    การกำหนดตำแหน่งก็คือการบอกที่อยู่ของจุดที่ใช้ จัดเก็บข้อมูลในเมมโมรีแบงก์ ในขณะที่สัญญาณควบคุมก็คือคำสั่งต่างๆ ที่จำเป็นจำหน่ายการอ่านและบันทึกข้อมูล ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีความล่าช้าเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการประมวลผลหรือจบการทำ งานของสัญญาณคอนโทรล ฟอร์แมตมาตรฐานสำหรับความล่าช้าของหน่วยความจำจะตัวเลข 4 ชุดคั่นด้วยขีดจากซ้ายไปขวา อาทิ 5-5-5-15 (CAS-tRP-tRCD-tRAS) ตัวเลขเหล่านี้เป็นตัวแทนว่าความล่าช้าแต่ละแบบมีวงรอบสัญญาณนาฬิกามากน้อย ขนาดไหน คุณสามารถตรวจสอบค่าพวกนี่ได้จากไบออสของเมนบอร์ด ซึ่งไบออสของเมนบอร์ดแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็อาจจะแสดงตัวเลขชุดนี้แตกต่าง กันได้ แม้ว่าจะเป็นหน่วยความจำตัวเดิมก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อเราทำการปรับค่าไบออสให้ทำงานร่วมกับหน่วยความจำแบบ Auto

    มาถึงตรงนี้หลายคนก็คงจะเกิดคำถามขึ้นมาอีกว่า แล้วค่า 5-5-5-15 หรือ CAS-tRP-tRCD-tRAS นี่มันคืออะไร ไปดูกันเลยครับว่าความหมายเหล่านี้หมายถึงอะไรกันบ้าง

    CAS : CAS ย่อมากจากคำว่า Column Address Strobe หรือ Column Address Select และบางทีก็มีการเรียกกันในรูปแบบอื่นๆ อีกว่า CAS Latency Time หรือ CAS Timing Delay เป็นต้น CAS คือจำนวนวงรอบสัญญาณนาฬิกา (หรือ Ticks ซึ่งย่อเป็น T) ระหว่างการส่งคำสั่ง READ จนถึงเมื่อข้อมูลส่งมาถึงบัสข้อมูล เราอาจมองว่าเมมโมรีเป็นตารางตำแหน่งของเซลล์ และความล่าช้า CAS จะเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงคอลัมน์ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยกว่าการเปลี่ยนแถว หรืออาจจะอธิบายได้อีกแบบว่า CAS คือจำนวนของสัญญาณนาฬิกาจะเริ่มจากส่วนตำแหน่งการเก็บข้อมูลของคอลัมน์ไปจน ถึงการที่ข้อมูลเดินทางเข้าไปยัง Output Register และค่า CAS นี้บางทีก็เรียกกันแบบทั่วไปว่าค่า CL (CAS Latency) ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่งเข้าใจว่าเป็นตอนที่ DDR ออกมาใหม่ๆ เวลาจะไปซื้อหน่วยความจำนอกจากจะต้องดูความเร็วของหน่วยความจำแล้วเรายังให้ ความสำคัญกับค่า CL ด้วยยิ่งน้อยก็ยิ่งดี แต่เดี๋ยวนี้ค่า CL เพียงอย่างเดียวคงไม่มีความหมายแล้ว เพราะยังมีค่าอื่นๆ อีกที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของหน่วยความจำ

    tRP : tRP ย่อมาจากคำว่า RAS Precharge Delay เป็นความเร็วหรือช่วงเวลาที่ DRAM ใช้สำหรับการยกเลิกการติดต่อกับข้อมูลแถวหนึ่งแล้วไปเริ่มแถวใหม่ หรือพูดง่ายๆ ก็คือการเปลี่ยนเมมโมรีแบงก์นั่นเอง ส่วนตัวย่อ RAS ก็ย่อมาจาก Row Address Strobe หรือ Row Address Select

    tRCD : tRCD ย่อมาจาก RAS to CAS Delay ซึ่งเป็นความล่าช้าจาก RAS ถึง CAS หมายถึงช่วงเวลาระหว่างการติดต่อกับ RAS และ CAS นั่นเอง อาทิเช่นความล่าช้าระหว่างการเรียกใช้เมมโมรีแบงก์ชุดหนึ่งไปจนถึงเมื่อมีคำ สั่งอ่านหรือเขียนส่งไปยังแบงก์นั้น คุณต้องนึกถึงสเปรดชีต Excel ที่มีตัวเลขอยู่ด้านบนและด้านซ้ายเอาไว้ โดยตัวเลขด้านซ้ายเป็นตัวแทนของแถวและตัวเลขด้านบนเป็นตัวแทนของคอลัมน์ ตัวอย่างเช่นเวลาที่คุณใช้เลื่อนตำแหน่งไปยังแถว 20 และย้ายไปถึงคอลัมน์ที่ 20 ก็คือ RAS ไปถึง CAS นั่นเอง

    tRAS : tRAS ย่อมาจาก Active to Precharge หรือ Active Precharge Delay เป็นค่าที่ใช้สำหรับควบคุมความล่าช้าระหว่างคำสั่งเริ่มทำงานและ Precharge ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วก็คือต้องใช้เวลามากน้อยขนาดไหนกว่าที่คำสั่งเริ่มต้นทำ งานจะเริ่มกันได้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง เรื่องนี้มีผลกระทบต่อเวลาในการเริ่มต้นทำงานของแถวที่คุณต้องให้ความสำคัญ เมื่อหน่วยความจาทำงานไปถึงคอลัมน์สุดท้ายของแถวใดแถวหนึ่ง หรือเมื่อมีการเรียกใช้ตำแหน่งของหน่วยความจำที่ต่างออกไปจากเดิมโดยสิ้น เชิง

    tRC : tRC ย่อมาจาก Row Cycle หรือบางครั้งก็เรียกว่า tRFC (Row Refresh Cycle) tRC นี้เป็นช่วงเวลาต่ำสุดระหว่างคำสั่งใหม่ที่มาแทนของเก่าในแบงก์เดียวกัน


    Memory Bank
    ในการอธิบายตัวย่อทั้งหลายมีการพูดถึงแบงก์ (Bank) เราก็ขอขยายความเรื่อง Bank ของหน่วยความจำสักหน่อย
    ในชิปหน่วยความจำ DDR SDRAM รุ่นใหม่ จะแบ่งส่วนย่อยต่างๆ ออกเป็น 4 ส่วนหรือที่เรียกว่า Bank ซึ่งทุก Bank จะแทนที่ด้วยโซนการทำงานของหน่วยความจำโซนต่างๆ การทำงานในรูปแบบ Bank interleaving จะยอมให้โซนต่างๆ ที่เหมือนกันในชิปหน่วยความจำที่แตกต่างกันสามารถดึงข้อมูลจากตำแหน่งต่างๆ ในแต่ละ Bank หรือโซนมาพร้อมๆ กันได้
    คุณสามารถกำหนดค่าการทำงานของ Bank ในไบออสได้ได้ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้คำว่า Bank interleave หรือไม่ก็ Memory interleave ให้ใช้งานจำนวน Bank ของชิปหน่วยความจำให้ทำการดึงข้อมูลออกมาจากตำแหน่งของข้อมูลตำแหน่งต่างๆ ที่ต้องการพร้อมกันได้ ซึ่งการเซตในค่าส่วนของ Bank interleave นี้จะให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่เร็วที่สุดจะต้องปรับค่าค่าเป็น 4 คือดึงข้อมูลจากโซนต่างๆ ทั้ง 4 โซนมารอส่งข้อมูลไปให้ซีพียูได้ประมวลผลได้พร้อมๆ กันนั่นเอง (แต่ก็มีเมนบอร์ดไม่น้อยเหมือนกันที่ไม่มีออปชันนี้มาให้ปรับ เพราะเมนบอร์ดจะทำการตรวจสอบเอง)

    คำแนะนำสำหรับการปรับแต่ง Memory Timing
    นอกจากเราจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยความ จำได้ด้วยการโอเวอร์คล๊อกแล้วเรายังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้วย การปรับแต่งค่า Memory Timing ได้อีกด้วย ซึ่งเราก็มีคำแนะนำสำหรับการปรับแต่งค่า Timing ต่างๆ ดังนี้

    -ตัวเลขที่น้อยลง = ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น แต่ทำให้ความสามารถในการทำโอเวอร์คล็อกลดลง และอาจทำให้เสถียรภาพลดลงด้วย
    -ตัวเลขที่สูงขึ้น = ประสิทธิภาพที่ลดลง แต่ความสามารถในการทำโอเวอร์คล็อกเพิ่มขึ้น และมีเสถียรภาพมากขึ้นในบางระดับ
    -tRCD และ tRP โดยปกติมีตัวเลขอยู่ระหว่าง 2 ถึง 5 ถ้าหากต้องการเพิ่มความสามารถในการทำโอเวอร์คล็อก ให้ลดตัวเลข tRCD ก่อน
    -CAS ไม่ใช่การกำหนด timings ที่มีความสำคัญสูงสุด ซึ่งต่างจากสิ่งที่พวกเราเคยเรียนรู้มา
    -โดยปกติแล้วความสำคัญของ CAS จะน้อยมากเมื่อเทียบกับ tRP และ tRCD การลดตัวเลขของ CAS มีผลน้อยมากเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของเมมโมรี ในขณะที่การลดตัวเลข tRP และ tRCD จะได้ประสิทธิภาพมากกว่า ถ้าหากคุณเลือกได้ คุณควรกำหนดเป็น 3-3-2.5 มากกว่าที่จะเป็น 4-4-2.0 (tRCD-tRP-CAS)
    -ในหน่วยความจำแบบ DDR ค่า CAS น่าจะมีตัวเลขอยู่ระหว่าง 2.0 หรือ 2.5 แต่ถ้าเป็นหน่วยความจำแบบ DDR2 เราจะพบว่าค่า CAS นั้นจะมีค่าอยู่ระหว่าง 3, 4 หรือ 5 เลยทีเดียว แต่นั่นมันก็ถูกชดเชยด้วยความเร็วของสัญญาณนาฬิกาที่เพิ่มขึ้น
    -tRAS ไม่ควรมีตัวเลขต่ำกว่าผลรวมของ CAS และ tRCD (อ่านข้อความด้านล่าง)
    -tRC ไม่ควรต่ำกว่าผลรวมของ tRAS และ tRP ถ้าหากคุณกำหนดให้ tRAS = 11 และ tRP = 2 ดังนั้น tRC ควรเท่ากับ 13 ส่วน tRFC ควรเท่ากับ tRC+2
    -tRAS มีลักษณะเฉพาะตัว การลดตัวเลขนี้จะก่อให้เกิดปัญหาและประสิทธิภาพที่ลดลงได้

    อ้างอิง : ข้อความแบบละเอียดจำไม่ได้แล้ว Copy มาจากไหน
    แต่สรุป เลขท้ายยิ่งน้อยยิ่งดี

    Comment


    • #3
      Originally posted by w32virus View Post
      Memory Timing ค่าที่สำคัญต่อประสิทธิภาพ
      การที่จะบอกว่าหน่วยความจำแต่ละตัวมี ประสิทธิภาพในการทำงานมากน้อยขนาดไหน ถ้าเป็นหน่วยความจำที่มีความเร็วแตกต่างกันสองตัวเราก็อาจจะเทียบได้จากความ เร็วในการทำงานของหน่วยความจำว่าเป็นเท่าไร แต่ถ้าหน่วยความจำสองตัวมีความเร็วในการทำงานที่เท่ากันเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าตัวไหนทำงานได้ดีกว่ากัน คำตอบของคำถามนี้ก็คือแตกต่างด้วยค่า Memory Timing นั่นเอง
      ประสิทธิภาพของหน่วยความจำนอกจากจะขึ้นอยู่กับ ความเร็วและแบนด์วิธในการทำงานแล้ว ยังขึ้นอยู่กับความเร็วของการตอบสนองต่อคำสั่งใดคำสั่งหนึ่ง หรือเวลาที่รอก่อนที่จะเริ่มหรือจบขั้นตอนการทำงานของการอ่านหรือเขียน ข้อมูล เรื่องเหล่านี้ก็คือความล่าช้าของเมมโมรีหรือเวลาในการตอบสนอง (timings) เมมโมรีไทม์มิงควบคุมวิธีการเรียกใช้เมมโมรีและอาจเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ ประสิทธิภาพโดยรวมในพีซีของคุณดีในหรือเลวลงได้
      การทำงานของหน่วยความจำจะมีการจัดเรียงในลักษณะ ของสเปรดชีต โดยแบ่งออกเป็นแถว (Rows) และคอลัมน์ (Colums) สัญญาณพื้นฐานจะถูกส่งไปยังหน่วยความจำเพื่ออ่านหรือบันทึกข้อมูล รวมทังกำหนดตำแหน่งและทำการควบคุมต่างๆ
      การกำหนดตำแหน่งก็คือการบอกที่อยู่ของจุดที่ใช้ จัดเก็บข้อมูลในเมมโมรีแบงก์ ในขณะที่สัญญาณควบคุมก็คือคำสั่งต่างๆ ที่จำเป็นจำหน่ายการอ่านและบันทึกข้อมูล ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีความล่าช้าเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการประมวลผลหรือจบการทำ งานของสัญญาณคอนโทรล ฟอร์แมตมาตรฐานสำหรับความล่าช้าของหน่วยความจำจะตัวเลข 4 ชุดคั่นด้วยขีดจากซ้ายไปขวา อาทิ 5-5-5-15 (CAS-tRP-tRCD-tRAS) ตัวเลขเหล่านี้เป็นตัวแทนว่าความล่าช้าแต่ละแบบมีวงรอบสัญญาณนาฬิกามากน้อย ขนาดไหน คุณสามารถตรวจสอบค่าพวกนี่ได้จากไบออสของเมนบอร์ด ซึ่งไบออสของเมนบอร์ดแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็อาจจะแสดงตัวเลขชุดนี้แตกต่าง กันได้ แม้ว่าจะเป็นหน่วยความจำตัวเดิมก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อเราทำการปรับค่าไบออสให้ทำงานร่วมกับหน่วยความจำแบบ Auto

      มาถึงตรงนี้หลายคนก็คงจะเกิดคำถามขึ้นมาอีกว่า แล้วค่า 5-5-5-15 หรือ CAS-tRP-tRCD-tRAS นี่มันคืออะไร ไปดูกันเลยครับว่าความหมายเหล่านี้หมายถึงอะไรกันบ้าง

      CAS : CAS ย่อมากจากคำว่า Column Address Strobe หรือ Column Address Select และบางทีก็มีการเรียกกันในรูปแบบอื่นๆ อีกว่า CAS Latency Time หรือ CAS Timing Delay เป็นต้น CAS คือจำนวนวงรอบสัญญาณนาฬิกา (หรือ Ticks ซึ่งย่อเป็น T) ระหว่างการส่งคำสั่ง READ จนถึงเมื่อข้อมูลส่งมาถึงบัสข้อมูล เราอาจมองว่าเมมโมรีเป็นตารางตำแหน่งของเซลล์ และความล่าช้า CAS จะเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงคอลัมน์ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยกว่าการเปลี่ยนแถว หรืออาจจะอธิบายได้อีกแบบว่า CAS คือจำนวนของสัญญาณนาฬิกาจะเริ่มจากส่วนตำแหน่งการเก็บข้อมูลของคอลัมน์ไปจน ถึงการที่ข้อมูลเดินทางเข้าไปยัง Output Register และค่า CAS นี้บางทีก็เรียกกันแบบทั่วไปว่าค่า CL (CAS Latency) ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่งเข้าใจว่าเป็นตอนที่ DDR ออกมาใหม่ๆ เวลาจะไปซื้อหน่วยความจำนอกจากจะต้องดูความเร็วของหน่วยความจำแล้วเรายังให้ ความสำคัญกับค่า CL ด้วยยิ่งน้อยก็ยิ่งดี แต่เดี๋ยวนี้ค่า CL เพียงอย่างเดียวคงไม่มีความหมายแล้ว เพราะยังมีค่าอื่นๆ อีกที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของหน่วยความจำ

      tRP : tRP ย่อมาจากคำว่า RAS Precharge Delay เป็นความเร็วหรือช่วงเวลาที่ DRAM ใช้สำหรับการยกเลิกการติดต่อกับข้อมูลแถวหนึ่งแล้วไปเริ่มแถวใหม่ หรือพูดง่ายๆ ก็คือการเปลี่ยนเมมโมรีแบงก์นั่นเอง ส่วนตัวย่อ RAS ก็ย่อมาจาก Row Address Strobe หรือ Row Address Select

      tRCD : tRCD ย่อมาจาก RAS to CAS Delay ซึ่งเป็นความล่าช้าจาก RAS ถึง CAS หมายถึงช่วงเวลาระหว่างการติดต่อกับ RAS และ CAS นั่นเอง อาทิเช่นความล่าช้าระหว่างการเรียกใช้เมมโมรีแบงก์ชุดหนึ่งไปจนถึงเมื่อมีคำ สั่งอ่านหรือเขียนส่งไปยังแบงก์นั้น คุณต้องนึกถึงสเปรดชีต Excel ที่มีตัวเลขอยู่ด้านบนและด้านซ้ายเอาไว้ โดยตัวเลขด้านซ้ายเป็นตัวแทนของแถวและตัวเลขด้านบนเป็นตัวแทนของคอลัมน์ ตัวอย่างเช่นเวลาที่คุณใช้เลื่อนตำแหน่งไปยังแถว 20 และย้ายไปถึงคอลัมน์ที่ 20 ก็คือ RAS ไปถึง CAS นั่นเอง

      tRAS : tRAS ย่อมาจาก Active to Precharge หรือ Active Precharge Delay เป็นค่าที่ใช้สำหรับควบคุมความล่าช้าระหว่างคำสั่งเริ่มทำงานและ Precharge ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วก็คือต้องใช้เวลามากน้อยขนาดไหนกว่าที่คำสั่งเริ่มต้นทำ งานจะเริ่มกันได้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง เรื่องนี้มีผลกระทบต่อเวลาในการเริ่มต้นทำงานของแถวที่คุณต้องให้ความสำคัญ เมื่อหน่วยความจาทำงานไปถึงคอลัมน์สุดท้ายของแถวใดแถวหนึ่ง หรือเมื่อมีการเรียกใช้ตำแหน่งของหน่วยความจำที่ต่างออกไปจากเดิมโดยสิ้น เชิง

      tRC : tRC ย่อมาจาก Row Cycle หรือบางครั้งก็เรียกว่า tRFC (Row Refresh Cycle) tRC นี้เป็นช่วงเวลาต่ำสุดระหว่างคำสั่งใหม่ที่มาแทนของเก่าในแบงก์เดียวกัน


      Memory Bank
      ในการอธิบายตัวย่อทั้งหลายมีการพูดถึงแบงก์ (Bank) เราก็ขอขยายความเรื่อง Bank ของหน่วยความจำสักหน่อย
      ในชิปหน่วยความจำ DDR SDRAM รุ่นใหม่ จะแบ่งส่วนย่อยต่างๆ ออกเป็น 4 ส่วนหรือที่เรียกว่า Bank ซึ่งทุก Bank จะแทนที่ด้วยโซนการทำงานของหน่วยความจำโซนต่างๆ การทำงานในรูปแบบ Bank interleaving จะยอมให้โซนต่างๆ ที่เหมือนกันในชิปหน่วยความจำที่แตกต่างกันสามารถดึงข้อมูลจากตำแหน่งต่างๆ ในแต่ละ Bank หรือโซนมาพร้อมๆ กันได้
      คุณสามารถกำหนดค่าการทำงานของ Bank ในไบออสได้ได้ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้คำว่า Bank interleave หรือไม่ก็ Memory interleave ให้ใช้งานจำนวน Bank ของชิปหน่วยความจำให้ทำการดึงข้อมูลออกมาจากตำแหน่งของข้อมูลตำแหน่งต่างๆ ที่ต้องการพร้อมกันได้ ซึ่งการเซตในค่าส่วนของ Bank interleave นี้จะให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่เร็วที่สุดจะต้องปรับค่าค่าเป็น 4 คือดึงข้อมูลจากโซนต่างๆ ทั้ง 4 โซนมารอส่งข้อมูลไปให้ซีพียูได้ประมวลผลได้พร้อมๆ กันนั่นเอง (แต่ก็มีเมนบอร์ดไม่น้อยเหมือนกันที่ไม่มีออปชันนี้มาให้ปรับ เพราะเมนบอร์ดจะทำการตรวจสอบเอง)

      คำแนะนำสำหรับการปรับแต่ง Memory Timing
      นอกจากเราจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของหน่วยความ จำได้ด้วยการโอเวอร์คล๊อกแล้วเรายังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้วย การปรับแต่งค่า Memory Timing ได้อีกด้วย ซึ่งเราก็มีคำแนะนำสำหรับการปรับแต่งค่า Timing ต่างๆ ดังนี้

      -ตัวเลขที่น้อยลง = ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น แต่ทำให้ความสามารถในการทำโอเวอร์คล็อกลดลง และอาจทำให้เสถียรภาพลดลงด้วย
      -ตัวเลขที่สูงขึ้น = ประสิทธิภาพที่ลดลง แต่ความสามารถในการทำโอเวอร์คล็อกเพิ่มขึ้น และมีเสถียรภาพมากขึ้นในบางระดับ
      -tRCD และ tRP โดยปกติมีตัวเลขอยู่ระหว่าง 2 ถึง 5 ถ้าหากต้องการเพิ่มความสามารถในการทำโอเวอร์คล็อก ให้ลดตัวเลข tRCD ก่อน
      -CAS ไม่ใช่การกำหนด timings ที่มีความสำคัญสูงสุด ซึ่งต่างจากสิ่งที่พวกเราเคยเรียนรู้มา
      -โดยปกติแล้วความสำคัญของ CAS จะน้อยมากเมื่อเทียบกับ tRP และ tRCD การลดตัวเลขของ CAS มีผลน้อยมากเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของเมมโมรี ในขณะที่การลดตัวเลข tRP และ tRCD จะได้ประสิทธิภาพมากกว่า ถ้าหากคุณเลือกได้ คุณควรกำหนดเป็น 3-3-2.5 มากกว่าที่จะเป็น 4-4-2.0 (tRCD-tRP-CAS)
      -ในหน่วยความจำแบบ DDR ค่า CAS น่าจะมีตัวเลขอยู่ระหว่าง 2.0 หรือ 2.5 แต่ถ้าเป็นหน่วยความจำแบบ DDR2 เราจะพบว่าค่า CAS นั้นจะมีค่าอยู่ระหว่าง 3, 4 หรือ 5 เลยทีเดียว แต่นั่นมันก็ถูกชดเชยด้วยความเร็วของสัญญาณนาฬิกาที่เพิ่มขึ้น
      -tRAS ไม่ควรมีตัวเลขต่ำกว่าผลรวมของ CAS และ tRCD (อ่านข้อความด้านล่าง)
      -tRC ไม่ควรต่ำกว่าผลรวมของ tRAS และ tRP ถ้าหากคุณกำหนดให้ tRAS = 11 และ tRP = 2 ดังนั้น tRC ควรเท่ากับ 13 ส่วน tRFC ควรเท่ากับ tRC+2
      -tRAS มีลักษณะเฉพาะตัว การลดตัวเลขนี้จะก่อให้เกิดปัญหาและประสิทธิภาพที่ลดลงได้

      อ้างอิง : ข้อความแบบละเอียดจำไม่ได้แล้ว Copy มาจากไหน
      แต่สรุป เลขท้ายยิ่งน้อยยิ่งดี
      ขอบคุนคับ

      Comment

      Working...
      X