ก่อนอื่นขอ ออกตัว ก่อนว่า preview นี้สำหรับผู้ที่สนใจ หรือ ลังเลว่าจะกดดีไหม น่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย ส่วนเรื่อง performance จะไม่ขอพูดถึง

ปี ค.ศ. 1789 เมฆหมอกแห่งความวุ่นวายแผ่ขยายเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งปารีส ปีศาจที่ชื่อว่าความอดอยากบุกจู่โจมคร่าชีวิตของชาวเมืองตามท้องถนน เหล่าราษฎรผู้ซึ่งสิ้นไร้ไม้ตอกต่างเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากบรรดากษัตริย์ชนชั้นสูง แต่ทุกสุ้มเสียงได้รับเพียงแค่การเมินเฉย จนกระทั่งความอดทนของประชาชนถึงขีดสุด
การปฏิวัติจึงถือกำเนิดขึ้น?
ในยามที่เปลวเพลิงแห่งการปฏิวัติลุกโหม ยังมีชายหนุ่มผู้หนึ่งซึ่งเลือกเดินตามรอยเท้าของเหล่าวีรบุรุษมือสังหาร เขาได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังปฏิวัติ คอยพิทักษ์เหล่าคนดีให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของความชั่วร้ายและแท่นกิโยติน เพื่อหวังว่ามันจะช่วยลบล้างความผิดบาปที่เขาเคยก่อไว้ในอดีต
ทว่า? การปฏิวัติไม่อาจวางไว้บนแผ่นหลังของบุรุษเพียงคนเดียว
แต่มันเป็นหน้าที่ของ "เรา" ทุกคน?

เมื่อพญาอินทรีโผบิน
มือสังหารทุกคนย่อมมีทางเดินเป็นของตนเอง สำหรับ Arno Dorian ตัวเอกในภาคนี้นั้น เส้นทางของเขาคือการไถ่บาปที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อบุญธรรม เหตุการณ์ครั้งนั้นได้กลายเป็นเหมือนโซ่ตรวนแห่งความผิดบาปที่ดึงตัวเขาให้ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามอันยาวนานระหว่างเหล่ามือสังหารและเทมพลาร์ในที่สุด
ประสบการณ์อันเลวร้ายในอดีตบ่มเพาะ Arno ให้เติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และคารมคมคายตามแบบฉบับหนุ่มฝรั่งเศส เมื่อผนวกเข้ากับฝีดาบที่คมกริบและสติปัญญาอันเฉียบแหลมด้วยแล้ว เดาได้ไม่ยากเลยว่ามือสังหารคนนี้คงเป็นพญาอินทรีที่ร้ายกาจไม่แพ้รุ่นพี่รายก่อนๆ แน่
นอกจาก Arno ซึ่งรับบทเป็นตัวเอกของภาคนี้แล้ว ผู้เล่นอาจจะยังได้กระทบไหล่กับเหล่าเซเล็บคนดังในประวัติศาสตร์จริงแบบมากมายนับไม่ถ้วนอีกด้วย อาทิ มาร์กี เดอ ซาด (Marquis de Sade) พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (Louis XIV) นโปเลียน (Napoleon) รอแบ็สปีแยร์ (Robespierre) หรือแม้แต่ มิราโบ (Mirabeau) แต่พวกเขาจะมีบทบาทหน้าที่อย่างไร เป็นมิตรหรือศัตรู มือสังหารหรือเทมพลาร์นั้น? ยังคงเป็นปริศนารอการพิสูจน์
ปารีสเมืองในฝัน หรือมันจะเป็นแค่ภาพลวง?
"ปารีส" ในปัจจุบันอาจเป็นเมืองที่หลายๆ คนเฝ้าฝันที่จะได้ลองไปท่องเที่ยวชมความงาม ความหรูหราของทั้งผู้คนและสถาปัตยกรรมดูสักครั้ง แต่ปารีสใน AC U (ตัวย่อ) นี้อาจไม่ใช่ที่ที่น่าไปสักเท่าไหร่ นั่นก็เพราะที่นี่คือสมรภูมิที่นองไปด้วยเลือดและความโกลาหลทุกหย่อมหญ้า เป็นที่ที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายทุกตารางนิ้ว เป็นนครปารีสที่กำลังตกอยู่ในห้วงมืดของ "การปฏิวัติฝรั่งเศส"
สิ่งที่ทำให้การปฏิวัติฝรั่งเศสถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่วุ่นวายที่สุด ก็เพราะว่ามันเป็นการปฏิวัติที่มีประชาชนชาวฝรั่งเศสเป็นหัวใจหลัก ตัวเกมจึงได้เลือกถ่ายทอดความโกลาหลในครั้งนี้ด้วยการเพิ่มจำนวนของ NPC ให้มีมากกว่า 5,000 คนในฉากเดียว เพื่อให้ปารีสในภาคนี้เป็นปารีสที่สมจริงที่สุด และในเมื่อขึ้นชื่อว่าการปฏิวัติแล้ว ภายในเมืองจึงเต็มไปด้วยเหตุการณ์ความวุ่นวายต่างๆ มากมาย ทั้งการต่อสู้ระหว่างกลุ่มประชาชนกับกลุ่มทหาร การชุมนุมน้อยใหญ่ และการฉกชิงวิ่งราวตามรายทาง ซึ่งผู้เล่นจะสามารถเข้าไปมีบทบาทในการช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ด้วย
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจในภาคนี้คือตัวสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยเอนจิ้นตัวใหม่นาม Anvil และจำนวนของทีมพัฒนาที่ Ubisoft เคยโฆษณาว่ามีถึงเก้าทีมด้วยกัน ถือเป็นสิ่งเครื่องการันตีว่าทุกสภาพแวดล้อมภายในเกมจะคงรายละเอียดความวิจิตรตระการตาเอาไว้อย่างครบถ้วนตามแบบฉบับ Assassin's Creed แต่แค่สถาปัตยกรรมที่ละเอียดสวยงาม คงไม่ทำให้ปารีสมีชีวิตชีวาได้เท่าที่ควร ดังนั้น Ubisoft จึงตั้งใจเปลี่ยนอาคารบ้านเรือนนับร้อยนับพันให้เป็นที่ที่คุณสามารถเดินเข้าไปสำรวจได้อย่างอิสระ เป็นสถานที่ที่มือสังหารของเราจะต้องทำภารกิจ และลงมือสำรวจเพื่อไขความลับที่ถูกซุกซ่อนอยู่ รวมไปถึงเป็นสถานที่สำหรับการแวะพักผ่อน ร่วมกิจกรรม Social Club จับจ่ายซื้อของ หรือแม้แต่เป็นทางเลือกใหม่สำหรับการลอบเร้นหลบหนีศัตรูด้วย
"ปฏิวัติ" ระบอบการเล่น
หากให้พูดถึงระบบที่ถูกยกเครื่องทั้งหมด บางที FG เล่มเดียวอาจจะยังบรรยายไม่พอ แต่โดยรวมแล้ว Assassin's Creed ในภาคนี้ถือได้ว่าเป็นภาคที่แทบจะมีระบบแตกต่างจากภาคอื่นๆ มากที่สุดเลยก็ว่าได้ ไล่ตั้งแต่ระบบการเคลื่อนไหว ระบบการต่อสู้ ไปจนถึงระบบภารกิจและระบบการลอบเร้นที่เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ว่าแล้วก็ค่อยๆ มาไล่ดูกันเลยดีกว่า เริ่มที่ระบบการเคลื่อนไหวแบบใหม่เอี่ยมหรือที่เรียกกันว่า Free-run ซึ่งได้มีการเพิ่มลักษณะการเคลื่อนไหวในแนวทแยงเข้าไปในเกม เพื่อให้พระเอก Arno ของเรามีท่วงท่าการปีนป่ายที่หลุดโลก? เอ้ย! สะดวกลื่นไหลมากกว่าเดิม ช่วยให้ผู้เล่นสามารถโลดโผนไปบนตึกอาคารต่างๆ ได้อย่างอิสระ จะขึ้นหรือลงก็ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
ระบบการต่อสู้ภายในภาคนี้จะถูกรังสรรค์ใหม่ให้ยากขึ้นกว่าเดิมด้วยการตัดระบบ Counter-kill ออกไปจากเกม และเพิ่มความท้าทายด้วยการเพิ่มความหลากหลายของศัตรูให้มีมากขึ้นด้วย พูดง่ายๆ ก็คือ ศัตรูที่คุณเผชิญหน้าจะมีทั้งจุดอ่อนจุดแข็งที่แตกต่างกันออกไป และเมื่อหลักการต่อสู้แบบ "รอ Counter ทีละตัว" ใช้ในภาคนี้ไม่ได้แล้ว อาจจะกลายเป็นงานที่หนักไม่ใช่น้อยเลยสำหรับแฟนพันธุ์แท้ของเหล่าภาคีมือสังหาร
แม้ว่าในภาคนี้จะถอดระบบ Counter ออกไปซึ่งอาจจะกลายเป็นผลเสียต่อตัวเกม แต่ในความคิดส่วนตัวกลับมีความเห็นว่ามันอาจช่วยชูโรงให้ผู้เล่นหันกลับมาสนใจระบบลอบเร้นที่เป็นหัวใจหลักของเกมมากขึ้น เพราะคงไม่ใช่เรื่องตลก หากว่าเราโดนศัตรูรุมฟาดทีเดียวสิบคนโดยไม่มีแม้แต่หนทางโต้กลับ ทางเดียวที่เหลือให้เราทำได้ก็คือการ 'หนีให้รอด' ซึ่ง Ubisoft ก็ได้ทำการเปลี่ยนแปลงระบบการลอบเร้นให้มีประสิทธิภาพรองรับกับการเล่นมากยิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มระบบ Stealth Mode อันคุ้นเคยมาให้ ทำให้ AC U เป็นภาคแรกที่ตัวเอกสามารถย่อตัวเข้าที่กำบังได้!! และเป็นภาคแรกที่สิ่งแวดล้อมรอบตัวทุกอย่างจะถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างครบครัน ตั้งแต่การซ่อนตัวจากศัตรูหลังลังไม้ ใต้บันได หลังรถลาก และอาจจะมีในลังกระดาษด้วยก็ได้
ในส่วนของระบบยิบย่อยที่ถูกปรับเปลี่ยนไปจากเดิมก็มีไม่น้อยเช่นกัน ทั้งระบบไอคอนที่ถูกปรับรูปแบบเสียใหม่, ระบบ Skill Tree ที่จะช่วยเพิ่มความเป็น RPG ให้ตัวเกมมากขึ้น รวมไปถึงสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับตัวละครด้วย ทว่าส่วนที่น่าสนใจมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นระบบภารกิจแบบ Adaptive Mission Mechanic (AMM) ระบบที่จะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถดำเนินภารกิจได้อย่างอิสระ อธิบายง่ายๆ ก็คือ หากเป้าหมายของคุณ คือการสะกดรอยตามทหารรายหนึ่ง แต่แล้วจู่ๆ คุณก็ดันบังเอิญฆ่าทหารคนนั้นตายซะนี่ ตามปกติแล้วตัวเกมจะ Desynchronize หรือเกมโอเวอร์ไปโดยปริยาย แต่ในภาคนี้คุณจะสามารถเดินเข้าไปค้นศพของเขาเพื่อหาจดหมายหรือแผนที่ระบุสถานที่เป้าหมายที่ทหารคนนั้นกำลังจะไปแทนได้ในทันที โดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลากลับไปเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นอีกแล้ว
เมื่อเหล่าเพชฌฆาตรวมเป็นหนึ่ง
ขึ้นชื่อว่า "Unity" แล้ว หัวใจหลักของ Assassin's Creed ในภาคนี้ก็คงหนีไม่พ้นหลักความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรือระบบ Co-op ซึ่งถือว่าเป็นของใหม่ที่ยังไม่เคยมีผู้เล่นคนไหนได้สัมผัสมาก่อนในจักรวาลของ Assassin's Creed อย่างแน่นอน แม้ว่าอาจจะมีบางคนต้องผิดหวังกันหน่อย เพราะสิ่งที่ถูกเจ้าระบบ Co-op นี้แทนที่ไปก็คือระบบ Multiplayer หรือ "ฆ่ากันเองออนไลน์" ที่เคียงคู่อยู่กับซีรีส์มือสังหารมาตั้งแต่ภาค Brotherhood แต่ยังไงก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
อาจถือว่าเป็นความใฝ่ฝันของใครหลายคนเลยก็ว่าได้ที่จะได้ร่วมลอบสังหารเหล่าเทมพลาร์ไปพร้อมๆ กับหมู่คณะ ภาคนี้ฝันของคุณก็เป็นจริงแล้วด้วยระบบ Co-op ภายใต้ชื่อ Shared Experience ที่รองรับผู้เล่นได้สูงสุดถึง 4 คน พร้อมด้วยเนื้อหาภารกิจที่กินความยาวถึง 1 ใน 3 ของเนื้อเรื่องทั้งหมด ซึ่งมันจะไม่ใช่แค่ภารกิจที่สั่งให้คุณกับเพื่อนต้องกดปุ่มอะไรสักปุ่มพร้อมกัน ทว่าคุณกับเพื่อนจะต้องอาศัยการวางแผนและความร่วมมือระหว่างผู้เล่นในกลุ่มในการชิงไหวชิงพริบกับเหล่าทหารยามที่คอยยืนเฝ้าระวังกันอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ คุณอาจใช้วิชาบู๊แหลกฝ่าแดนข้าศึกตะลุยเข้าไปโต้งๆ, คอยหลบซ่อนอยู่ในมุมมืด เป็นแนวหลังให้กับสหายร่วมศึก หรือจะเป็นการแบ่งกำลังไปตามจุดต่างๆ คอยเปิดเส้นทางลอบสังหารให้กับผู้ที่รับหน้าที่ 'ล่า' อย่างแท้จริงก็ยังได้

แต่หากใครที่นิยมชมชอบการฉายเดี่ยวก็ไม่ต้องกังวลไปว่าถ้าเกิดหาเพื่อนเล่นด้วยไม่ได้แล้วคุณจะไร้ซึ่งหนทางการเล่น ภารกิจภายในเกมจะไม่มีการบังคับว่าผู้เล่นจำเป็นจะต้องออนไลน์เล่นกับเพื่อนแต่อย่างใด ผู้เล่นสามารถกดเข้าร่วมหรือกดออกจากภารกิจต่างๆ ได้อย่างอิสระแม้ภารกิจจะดำเนินอยู่ หรือจะชวนเพื่อนเข้ามาร่วมในระหว่างที่กำลังทำภารกิจอยู่ก็ยังได้ (แต่ก็แค่ในบางภารกิจเท่านั้น คุณคงไม่อยากเดินๆ อยู่แล้วจู่ๆ ก็มีใครที่ไหนไม่รู้โผล่เข้ามาพังแผนที่คุณอุตส่าห์วางไว้อย่างดีใช่ไหม?)
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ศึกระหว่างมือสังหารและเทมพลาร์ก็ยังคงดำเนินต่อไป
กระนั้นแล้ว?
จงหยิบมีดลับของท่านขึ้นมา และร่วมฝ่าสมรภูมิการปฏิวัติไปกับพวกเรา?

TIPS
การปฏิวัติฝรั่งเศส

เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1789-1799 แม้มันจะเป็นแค่ "การปฏิวัติ" ไม่ใช่ "สงคราม" แต่อย่างใด ทว่าในด้านความรุนแรงแล้วก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ฉาบปารีสให้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดได้เหมือนกัน การปฏิวัติฝรั่งเศส ถือว่าเป็นการลุกฮือของประชาชนเพื่อโค่นล้มระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และระบอบฟิวดัลที่ปกครองฝรั่งเศสมานานนับศตวรรษ เป็นการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้กับประชาชนโดยยึดหลักตามบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิพื้นฐานของพลเมืองอเมริกันที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ในขณะนั้น แม้จะเรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์นองเลือดที่วุ่นวายที่สุดของฝรั่งเศสก็จริง แต่ก็ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ช่วยให้ประชาชนชาวฝรั่งเศสหลุดพ้นจากกลียุค เป็นต้นกำเนิดของกฎบัตรสิทธิ และเป็นการต้อนรับโลกยุคใหม่ก็ได้เช่นกัน
การปฏิวัติฝรั่งเศสยังเป็นช่วงเวลาแห่ง "ครั้งแรก" ด้วย เพราะถือว่าเป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์หลายอย่างขึ้นเป็นครั้งแรกขึ้น เช่น การโจมตีแนวคิดทั้งระบบขององค์กรทางศาสนาเป็นครั้งแรก การลุกฮือของขบวนการประชาชนอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก รวมไปถึงรัฐตำรวจสมัยใหม่รัฐแรกที่มีการเปิดเผยการตัดสินคดี การให้การ และการประหารชีวิตอย่างเป็นสาธารณะทั้งหมด นอกจากนี้ยังถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติที่ปูทางไปสู่สงครามนโปเลียนที่ส่งผลกระทบต่อทั้งโลกเลยก็ว่าได้
การปฏิวัติฝรั่งเศส

เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1789-1799 แม้มันจะเป็นแค่ "การปฏิวัติ" ไม่ใช่ "สงคราม" แต่อย่างใด ทว่าในด้านความรุนแรงแล้วก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ฉาบปารีสให้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดได้เหมือนกัน การปฏิวัติฝรั่งเศส ถือว่าเป็นการลุกฮือของประชาชนเพื่อโค่นล้มระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และระบอบฟิวดัลที่ปกครองฝรั่งเศสมานานนับศตวรรษ เป็นการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้กับประชาชนโดยยึดหลักตามบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิพื้นฐานของพลเมืองอเมริกันที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ในขณะนั้น แม้จะเรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์นองเลือดที่วุ่นวายที่สุดของฝรั่งเศสก็จริง แต่ก็ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ช่วยให้ประชาชนชาวฝรั่งเศสหลุดพ้นจากกลียุค เป็นต้นกำเนิดของกฎบัตรสิทธิ และเป็นการต้อนรับโลกยุคใหม่ก็ได้เช่นกัน
การปฏิวัติฝรั่งเศสยังเป็นช่วงเวลาแห่ง "ครั้งแรก" ด้วย เพราะถือว่าเป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์หลายอย่างขึ้นเป็นครั้งแรกขึ้น เช่น การโจมตีแนวคิดทั้งระบบขององค์กรทางศาสนาเป็นครั้งแรก การลุกฮือของขบวนการประชาชนอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรก รวมไปถึงรัฐตำรวจสมัยใหม่รัฐแรกที่มีการเปิดเผยการตัดสินคดี การให้การ และการประหารชีวิตอย่างเป็นสาธารณะทั้งหมด นอกจากนี้ยังถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติที่ปูทางไปสู่สงครามนโปเลียนที่ส่งผลกระทบต่อทั้งโลกเลยก็ว่าได้
source : tos , ftg





