Tweet
การกลับมาของเกม TPS ? Stealth Action ที่เปิดโลกใหม่ของเกมแอคชั่นยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 จากเกมเพลย์ที่น่าตื่นเต้น ระบบฟิสิกข์วิถีกระสุนที่สมจริง และภาพวินาทีปลิดชีพข้าศึกที่เป็นซิกเนเจอร์ของเกม พร้อมการยกเครื่องในภาค V2 ทั้งกราฟิกใหม่และ Kill-Cam ที่แสดงภาพวินาทีสังหารที่ทะลุถึงข้างในร่างกายศัตรู นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเกมซีรีย์นี้ และนี่จะเป็นอีกครั้งที่สงครามครั้งใหม่จะก่อตัวขึ้นในสมรภูมินรกกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุของแอฟริกาเหนือ ขอต้อนรับเหล่าสไนเปอร์เดนตายทั้งหลาย
ใน Sniper Elite 3 คุณยังคงรับบทเป็น Karl Fairburne เจ้าหน้าที่พิเศษ OSS (Office of Strategic Services) แห่งกองทัพสหัรฐฯ ที่ต้องออกปฏิบัติการอีกครั้งในสมรภูมิแอฟริกาเหนือ เป้าหมายในภาคนี้ยังไม่มีการเปิดเผยว่าเราต้องเด็ดหัวใคร แต่ในภาคนี้คาดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับสงคราม "จิ้งจอกทะเลทราย" ที่ลือชื่อในประวัติศาสตร์ด้วย เนื่องจากภาคนี้จะไม่ได้อยู่ในเมืองอย่างที่ผ่านๆ มาแล้ว หมายความว่าเราจะต้องนอนรอเป้าหมายกลางทะเลทราย หรือบนโขดหิน โดยต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการพรางตัวเพื่อลอบสังหารเสียใหม่ ความร้อนจะส่งผลต่อวิสัยทัศน์ในการเล็งเป้า เป็นต้น ด้วยปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ทำให้สงครามในทะเลทรายไม่หมูเหมือนทำสงครามในเมืองแน่นอน
สำหรับศัตรูของภาคนี้ยังคงเป็นกองทัพนาซีเยอรมันเหมือนเดิม แต่บุคคลที่ปรากฎในเกมอาจจะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในสมรภูมิ "จิ้งจอกทะเลทราย" อย่างกองทัพที่ 8 ของอังกฤษ และกองทัพรถถังของ "นายพลเออร์วิน รอมเมล" เจ้าของฉายาจิ้งจอกทะเลทราย แต่สงครามครั้งนี้ไม่ได้มีแต่เยอรมันกับอังกฤษเท่านั้น อาจจะมีกองทัพอิตาลีที่เข้าร่วมสงครามครั้งนี้กับเยอรมันด้วยเช่นกัน รวมถึงอยู่กลางสงครามรถถังที่ดุเดือดที่สุดอีกสมรภูมิหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย ในภาคนี้ยังคงลูกเล่นอย่างการยิงทะลวงเครื่องยนต์ ถังเชื้อเพลิงเพื่อทำลายยานพาหนะ หรือสังหารข้าศึกที่โดยสารมาด้วย นับเป็นลูกเล่นที่สามารถกำจัดศัตรูทีละมากๆ และเก็บคะแนนเนียนๆ โดยไม่เปลืองกระสุนตามแบบฉบับเกม Stealth Action เพราะกระสุนทุกนัดล้วนมีค่า
ในภาคนี้ผู้เล่นอาจจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ ในสงครามกลางทะเลทราย อาจจะต้องทิ้งกลยุทธจากภาคที่แล้วเกือบทั้งหมดเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ฉีกจากภาคก่อนๆ โดยเกมนี้เป็นไม่กี่เกมที่ใช้เหตุการณ์การรบในแอฟริกาช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ดำเนินเรื่องราว นับว่าเป็นของแปลกสำหรับซีรีย์นี้เลยทีเดียว หวังว่าในภาคใหม่จะช่วยกู้ชื่อเสียงที่เสียไปจากภาค Nazi Zombie Army ทั้ง 2 ภาคที่ทำออกมาได้ไม่ค่อยน่าปลื้มสำหรับแฟนๆ นัก แล้วหลังว่าความแปลกใหม่ในภาคนี้จะช่วยดึงคะแนนขึ้นมาอีกครั้ง
การเล่นโดยหลักๆ ไม่ได้แตกต่างอะไรจากภาค V2 นัก อาจมีเปลี่ยนปุ่บบังคับบางจุดซึ่งส่วนตัวรู้สึกยุ่งยากขึ้นเล็กน้อย แต่รวมๆ แล้วที่ควรถามก็น่าจะเป็น "มันมีอะไรที่เปลี่ยน" เสียมากกว่า เพราะหลังนั่งชมคัตซีนภาพนิ่งบอกเล่าเนื้อเรื่องในด่านนั้นและเริ่มฉาก สิ่งที่คุณจะต้องทำก็ไม่ได้มีมากไปกว่า ออกเดิน > หยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาสำรวจเส้นทาง > เจอศัตรู > หามุมเหมาะๆ > นั่งยองหรือนอนราบ > สูดหายใจลึกๆ แล้วเหนี่ยวไก > รอชมมุมกล้อง X-Ray Kill Cam สโลว์โมชั่นการตายของศัตรูให้เห็นแบบชัดเจน พลางลุ้นว่าลูกตะกั่วจะพุ่งเข้าเจาะส่วนตรงจุดใด > เสร็จแล้วก็เผ่นหาที่ซุ่มมุมอื่นต่อไป
ซูม ยิง วนเวียน ซูม ยิง วนเวียน?
ถึงพระเอกเกมนี้จะไม่ได้หน้าเหมือน ทอม ครูซ แต่สโลแกนภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของพี่แกก็น่าจะพอยืมมาใช้กับเกมนี้ได้อยู่ มันอาจฟังดูแล้วชวนง่วงไปนิด แต่หากนึกไปแบบนั้นก็ขอบอกว่าคุณคิดผิดแล้วแน่ๆ ครับ เพราะจนปัจจุบันแก่นการเล่นหลักๆ ของมันก็ยังคงดูร่วมสมัย สำคัญคือยังเล่นสนุกได้โดยไม่มีฝืนใจนี่แหละ โดยเฉพาะแล้วกับการนั่งยลผลงานการสังหารผ่านมุมมองอันเปรียบประหนึ่งไฮไลท์ของเกมอย่าง X-Ray Kill Cam ซึ่งแทบจะเป็นลายเซ็นเฉพาะตัว (สามารถปรับหรือเพิ่มลดความถี่ได้อีกต่างหาก)
ขณะที่เนื้อเรื่องก็ยังวนเวียนอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 คุณพี่ Karl นั้นถูกส่งมาฉะกับกองทัพนาซีแห่งภูมิภาคแอฟริกาเหนือนาม Afrika Corp กับภารกิจลุยเดี่ยวทุบเขี้ยวศัตรูร้าย ไม่ว่าอาวุธลับของพวกมันอยู่ที่ใดคุณพี่ Karl จะต้องสืบเสาะและทำลายทิ้งเสีย!
นับได้ว่าเนื้อเรื่องเป็นหนึ่งในส่วนที่เปลี่ยนไป (คือถ้าไม่เปลี่ยนแล้วขายใหม่คงมีได้กระโดดถีบขาคู่กันบ้าง) แต่สิ่งที่ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ก็คือความเบาบางเจือจางถึงจะมีก็คล้ายว่าไม่มีนี่แหละครับ สารภาพตามตรงว่าผมเล่นแบบไม่รู้เป้าหมายและแก่นสารการผจญมหาภัยของคุณพี่ Karl ครั้งนี้เลยจนกระทั่งได้เจอกับเจ้าอาวุธลับที่ว่าในด่านสุดท้ายนั่นแหละ แต่ก็อีกเหมือนกันว่าความสนุกมวลรวมของเกมนี้ไม่ได้มีอารามระทึกของการเล่าและใช้เนื้อเรื่องขับเคลื่อนเยี่ยงซีรีส์ Call of Duty มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ดังนั้นถึงจะทำเป็นลืมๆ เนื้อเรื่องไปตัวเกมก็ยังคงความบันเทิงไว้อย่างเต็มเปี่ยมทีเดียว
ย้อนกลับไปภาค V2 ฉากแผนที่ในเกมค่อนข้างจะให้ความรู้สึกอึดอัดคับแคบโดนล็อกเส้นทางซึ่งคุณไม่มีทางผ่านจากจุด A ไปหาจุด B ได้หากไม่เคลียร์ถนนข้างหน้าให้โล่งเสียก่อน นัยหนึ่งมันอาจสื่อได้ถึงความลำบากที่ต้องเจอของสไนเปอร์ ถึงกระนั้นก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเราต้องการพื้นที่มากกว่าที่มีอยู่เพื่อลองวิชาส่องศัตรูข้ามสมรภูมิด้วยระยะทาง 4 กิโลเมตรขึ้นไปอะไรเทือกนั้น
น่าดีใจที่มันได้รับการตอบสนองในภาคนี้ แผนที่จากแคมเปญทั้ง 8 ด่านเปรียบประหนึ่งสวนสนุกสำหรับขาซุ่มอย่างแท้จริง ในระหว่างเล่นคุณจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ว่าชีวิตของศัตรูทุกตัวตรงหน้าอยู่ในกำมือเรียบร้อย จะตายช้าตายเร็วคุณเท่านั้นที่เป็นผู้กำหนดทิศทางในสมรภูมิแห่งนี้ มันถูกออกแบบมาอย่างดีและเอื้อต่อการเล่นหลากรูปแบบจะซุ่มก็ได้หรือเปิดหน้าลุยไปเลยก็ดี ที่สำคัญคือไม่มีการจำกัดเส้นทางที่ไปถึงเป้าหมาย เพิ่มมิติการตะลุยมากกว่าภาค V2 ขึ้นไปประมาณหลายสิบเท่า โดยรวมแล้วภาคนี้ถือว่าเหมาะสมกับการใช้ชื่อเกมว่า "Sniper" ด้วยประการทั้งปวง
ความยาวโดยประมาณของตัวเกมคือราวๆ 15 ชั่วโมง ซึ่งถือว่ากำลังดี (เว้นเสียแต่คุณจะเล่นเกมในระดับยากนรก ซึ่งสมจริงขนาดจะยิงแต่ละทีต้องคำนวณทั้งแรงลม ระดับลมหายใจและไร้การเซฟโดยสิ้นเชิง) นอกจากนี้ตัวเกมยังมีโหมด Co-op และ Challenge เพิ่มเติม พร้อมกับโหมดผู้เล่นหลายคนให้กระหน่ำกันหลังจากเคลียร์เกมไปแล้วอีกด้วย
ถึงตรงนี้ผมสามารถบอกได้ว่า Sniper Elite III เป็นเกมที่ดีและควรค่าต่อการซื้อหามาเล่น แต่มันก็ยังคง*** งไกลจากคำว่า ?สมบูรณ์แบบ? อยู่มาก จากคุณภาพการเก็บงานสุดเลวร้ายซึ่งชวนให้แจกฟักแฟงแตงกวาเสียเหลือเกิน มันมาพร้อมกองทัพบั๊กที่มากประมาณ แถมทั้ง AI ก็ยังขาดความสมจริงอยู่ไม่น้อย พ่วงด้วยราคาค่าตัวระดับกระอักเลือดถึงขั้นต้องฝากลูกฝากเมียหากคิดจะกดซื้อ (49.99 เหรียญ) จึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้หากหลายคนจะต้องไตร่ตรองอย่างหนัก กระนั้นผมคงบอกได้แค่ว่าหากคุณกดซื้อมันมาเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะด้วยความสมัครใจหรือเผอเรอเพราะกิเลสพาไป มันจะยังเป็นผลงานที่คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายหรือรูดบัตรไปอย่างแน่นอน
source : tosn