สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกครั้งกับรีวิวเกมขับรถ คงไม่ต้องบอกว่าเกมนี้รีวิวช้ามาก เพราะเกมออกมาสักพักจนหลายท่านคงเล่นกันพรุนแล้วผมเพิ่งว่างเขียน ต้องขออภัยด้วยเพราะเกม Codemasters ชอบออกช่วงผมสอบหรือไม่ก็ส่งงานทุกครั้ง เอาเป็นว่าถ้าใครเล่นแล้วก็เข้ามาอ่านเอามันส์ก็แล้วกันนะ
GRID2

กลับมาสู่สนาม(หรือถนน)อีกครั้งกับเกมแข่งรถที่พลิกวงการเมื่อปี 2008 นั่นก็คือ Race Driver GRID ที่สร้างความประทับใจให้กับบรรดาเกมเมอร์ทั่วโลกด้วยระบบการขับที่แบ่งระหว่าง Simulation กับ Arcade ได้อย่างพอดีเป๊ะจนเรียกได้ว่าเป็นเส้นคั่นแบ่งแนวเกมเลยก็ว่าได้ และทำให้กำเนิดคำเรียกใหม่ขึ้นมาคือ Simcade หรือไม่ซิมไม่อาเขต ขับเหมือนรถจริงแต่ก็ไม่ได้ลงถึงรายละเอียดเชิงลึก ประกอบกับกราฟฟิคที่ดูแล้วยังสวยงามจนถึงปัจจุบัน (แถมยังดีกว่าเกมบางเกมที่ออกมาในปัจจุบันอีก) เสียงประกอบที่เร้าใจฟังได้ไม่เบื่อ โหมดเกมหลากหลายและสนุกทุกโหมด ทั้งรถและสนามถูกเลือกสรรมาอย่างดี ยังไม่นับถึงระบบ flashback ที่ติดใจผู้เล่นมากมาย แล้วก็ขอจบ short review ของ GRID เพียงเท่านี้... เอ้ย ไม่ใช่ละ
จากตอนนั้นผ่านมา 5 ปี ด้วยฝีมือสตูดิโอที่ได้ชื่อว่าทำเกมขับรถได้ดีที่สุดในโลกจะสรรสร้างอะไร มาให้เราได้ประทับใจกันแค่ไหน มาดูกันเลยครับ
GRID 2 ผลิตโดย Codemasters Racing โดยใช้ EGO Engine 3.0 ซึ่งเป็นรุ่นพัฒนามาจากของเดิม เป็นเครื่องการันตีคุณภาพได้ในระดับหนึ่ง และที่สำคัญเกมนี้เป็นเกม Steam นะครับ เพราะ Codemasters หันมาใช้ Steam ตั้งแต่ DiRT Showdown ไม่ได้เป็น GFWL แบบเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นเกมนี้ที่เป็น Steam แบบเต็มตัวก็จะมี Steam Achievements ด้วย และไม่ล็อกโซนหรือต้องการ Live ID เหมือน DiRT2/3, F1 2010/2011 แต่ต้องการ Racenet ID โดยจะใช้ ID นี้ในการเก็บสถิติและเล่นออนไลน์รวมไปถึงเลือกคู่แข่ง(จะกล่าวถึงในโอกาสต่อไป)ด้วยครับ

ตัวอย่าง Steam Achievements
เมื่อเปิดเกมเข้ามาอย่างแรกที่เห็นได้คือเกมนี้นั้น โหมดการเล่นหลายคนแบบออนไลน์ กับโหมดออฟไลน์จะแยกกันตั้งแต่เข้าเกมเลย เพราะเซฟของทั้งสองโหมดนั้นแยกกันครับ

ที่หน้าเมนูนั้นจะเป็นมุมมองที่เห็นอู่รถของเรา สืบทอดมาจากภาคแรกเลยก็ว่าได้

เมนูออฟไลน์

เมนูออนไลน์
เอาล่ะ ในเมื่อวอร์มเครื่องกันเรียบร้อยแล้ว มาดูกันไปเป็นหัวข้อเช่นเคยครับ
Driving Physics หรือระบบการขับ
ระบบการขับในเกมนี้นั้น สำหรับคนที่เคยเล่นภาคเก่ามาก่อนอาจจะคาดหวังให้ยังคงความเป็นซิมแต่ขับง่าย สามารถสาดโค้งได้อย่างมั่นใจตามที่คิด แต่... โอเค บอกตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมก็แล้วกัน ในภาคนี้นั้นแนวการขับต่างจากภาคที่แล้วโดยสิ้นเชิงโดยภาคนี้จะเน้นหนักไปทางอาเขต แต่ผสมผสานด้วยการตอบสนองต่อการควบคุมอย่างแม่นยำ เฉียบคม และรวดเร็ว แถมยังไม่มีการดีเลย์เลยแม้แต่น้อย (ต่างจาก DiRT Shodown ที่เน้นอาเขตแต่การตอบสนองการควบคุมก็หนืดแบบอาเขตไปด้วย) ทำให้การขับนั้นทำได้อย่างว่องไวและช่วยให้รถขับง่ายขึ้นไปอีกครับ และที่สำคัญเกมนี้นั้น"โฆษณา"ว่าใช้ระบบที่เรียกว่า True Feel ทำให้รถมีลักษณะเฉพาะตัวบลา ๆ ๆ (คำโฆษณาล้วน ๆ) ทำให้ผู้เล่นไม่สามารถ ปรับระบบความช่วยเหลือในการขับอะไรได้เลย ทั้ง Traction control, Stability Control, ABS ที่เคยมีจากภาคก่อนนั้นหายไปหมด แต่ต้องขอบอกตรงนี้ว่ารถมีอาการเหมือน
- Traction Control เปิดครึ่งนึง คือปล่อยให้ไถล หมุนได้ แต่ไม่ได้หมุนง่ายจนเกินไป
- Stability Control เปิดเต็มที่ เลี้ยวและควบคุมรถได้ง่าย
- ABS เปิดเต็มที่ เบรกยังไงล้อก็ไม่ล็อก
รถแต่ละคันถึงแม้จะสามารถแบ่งคาแรคเตอร์ได้ชัดเจน ทำให้เลือกได้ว่าชอบรถที่มีสไตล์การขับแนวไหน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือท้ายปัด... คือมันปัดแบบเยอะมากและสามารถปัดได้ทุกคัน เรียกได้ว่าการเลี้ยวนั้นเริ่มต้นด้วยการ understeer ตบท้ายด้วยการเอาท้ายเหวี่ยงออก อารมณ์เวลาปัดคือถ้าเลี้ยวได้องศาระดับและความเร็วระดับนึงท้ายจะออกมาเอง แต่เราสามารถควบคุมเปลี่ยนการปัดให้กลายเป็นสไลด์ได้ง่าย ซึ่งอาจจะถูกใจหลายคนอยู่ แต่ทั้งนี้เมื่อเริ่มเล่นจนได้รถที่แรงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงระดับ GT3 ซึ่งเป็นรถแข่งแล้ว เมื่อท้ายปัดที่ความเร็วสูงเราสามารถคุมคันเร่งกับองศารถให้แถต่อไปเรื่อย ๆ ได้ อย่างกับเล่น Ridge Racer อยู่ก็มิปาน ดูแล้วสนุกดีแต่พอเห็นว่าตัวเองกำลังเล่น GRID อยู่แล้วมันช่างเจ็บกระดองใจเหลือเกิน เพราะไม่นึกว่าเกมจะอาเขตได้ขนาดนี้ โดยรวมแล้วแรงเกาะของยางรถนั้นสูงมาก แรงเบรกก็สูง ส่วนเบรกมือดึงทีแทบจะหยุดอยู่กับที่ก็ว่าได้ ระบบที่เห็นว่าสมจริงที่สุดในการขับคือการถ่ายน้ำหนัก ในเกมนี้ต้องเรียนรู้การถ่ายน้ำหนักให้เหมาะสมถึงจะสามารถขับได้ตามที่ต้องการ ซึ่งบางครั้งผู้เล่นจะพบว่าในการเบรกแล้วบางทีรถจะหมุน นั่นคือน้ำหนักถูกถ่ายไปด้านหน้า ในขณะเลี้ยวเหวี่ยงให้รถหมุนได้ ดังนั้นถ้าเรียนรู้วิธีการใช้ให้ดีก็สามารถเข้าโค้งได้ทุกรูปแบบ และสามารถลากให้รถไถลได้ตามต้องการครับ ทั้งนี้การเข้าโค้งในเกมนี้นั้น ถ้าโค้งเริ่มแคบสักหน่อยเราต้องไถลรถเข้าถึงจะคงความเร็วในการเข้าโค้งไว้ได้ แต่ไม่ใช่สักแต่ว่าแถเข้าไป การไถลนั้นถ้าทำได้องศาที่เหมาะสมแล้วสามารถเข้าโค้งได้เร็วอย่างเวอร์ ๆ เลยทีเดียว ดูแล้วเหมือนรถในหนัง The Fast and The Furious ก็ว่าได้ ตรงนี้สำหรับบางคนอาจจะสนุก แต่สำหรับบางคนคงรำคาญน่าดูเพราะโค้งแคบนิดก็ต้องไถลเข้า ขับแบบสมูธแล้วช้าเป็นเต่าคลานดูขัดกับหลักความเป็นจริงยิ่งนักที่ควรจะค่อย ๆ เข้าแล้วทรงตัวเพื่อพุ่งออกจากโค้ง

แถมันเข้าไป
ทางด้านรถในเกมนี้จะมีการบอกลักษณะของรถอยู่ 3 แบบ นั่นก็คือ
- GRIP อาการของรถจะหนึบ และไม่เอาท้ายออกมากเหมือนอย่างอื่น แต่ส่วนใหญ่เลี้ยวไปสักพักท้ายมันก็ออกอยู่ดี
- BALANCE อยู่กึ่งกลางระหว่าง drift กับ grip จะขับแบบไหนก็ได้ เพราะสุดท้ายหลาย ๆ โค้งต้องไถลแบบในหนัง The Fast and The Furious อยู่ดี
- DRIFT เลี้ยวเฉย ๆ จะรู้สีกว่า understeer จนน่ารำคาญ เลี้ยวไปสักพักท้ายจะออกจนทำให้รู้สึกว่า แถ ๆ เข้าโค้งไปเถอะ อย่าคิดมาก
เราสามารถแต่งรถได้ทั้งความแรง ความเร็ว และการยึดเกาะถนน โดยสามารถเลือกเป็นหัวข้อได้ แต่จำกัดเฉพาะการเล่นแบบออนไลน์เท่านั้น โดยรถจะแบ่งเป็น Tier หรือระดับต่าง ๆ กันจาก 1-4 ตามระดับความแรง และเราสามารถอัพเกรดเพื่อให้เปลี่ยนระดับได้ด้วย โดยเมื่อรถเปลี่ยนระดับแล้วหน้าตาของรถก็จะเปลี่ยนไป แต่เราไม่สามารถเลือกชุดแต่ง body kit ได้ เพราะมันจะอัพเกรดเอง ซึ่งการแต่งรถบางทีถูกกว่าซื้อใหม่ให้เป็นคลาสสูงขึ้นครับ (ทั้งนี้จะกล่าวเรื่องการใช้เงินในหัวข้อต่อไป)
แน่นอนว่าเล่นเกมนี้คงไม่มีใครไม่เฉี่ยวชนเลยสักครั้ง ฟิสิกส์ในการชนของเกมนี้ทำได้ดีมาก การเสียดสีของตัวรถ การชนกับขอบถนนต่าง ๆ นั้นทำได้ดี ถึงแม้ว่ากำแพงบางจุดเราชนแล้วแทบจะปักเข้าไปเลยแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรครับ และสิ่งที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือระบบความเสียหายของรถ ในภาคนี้นั้นรถสามารถเสียหายได้ทั้งยางแตกหรือล้อเบี้ยวเมื่อชนด้วยมุมรถ ความเร็วตก และหนักที่สุดคือรถพังครับ โดยระดับความเสียหายจะมีการบอกเป็นสัญลักษณ์เตือนผ่านทางหน้าปัทม์เท่านั้น ไม่ได้บอกว่าเราเราเสียหายที่ส่วนไหน ซึ่งเราต้องเป็นคนสังเกตเองว่ารถมีอาการอย่างไร เพราะความเสียหายแต่ละแบบนั้นส่งผลต่อการขับโดยตรงครับ ถ้ายางแตกหรือล้อเบี้ยวรถจะเฉจนรู้สึกได้ ถ้าความเร็วตกเร่งไม่ขึ้นก็รู้สึกได้ชัดเจนเช่นกัน ทั้งนี้เราต้องชนค่อนข้างแรงและชนบ่อยทีเดียวกว่ารถจะเสียหายครับ ดังนั้นจะเอาสีข้างเข้าถูกำแพงบ้าง ใช้กำแพงช่วยเลี้ยวบ้างก็ไม่มีปัญหาอะไร
สรุปแล้วระบบการขับของเกมนี้นั้นจะเน้นไปทางอาเขต ผู้เล่นสามารถเข้าใจได้ง่ายและขับได้โดยเรียนรู้แค่การถ่ายน้ำหนักก็เพียงพอแล้ว
การรองรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเกมนี้นั้นทำได้ดี แต่ยังไม่ดีที่สุดเนื่องจากการปรับแต่งบางอย่างถูกตัดออกไปอย่างน่าเสียดาย เพราะเมื่อใช้จอยแพดระบบ Xinput (หรือจอย Xbox360 ทั้งของ Microsoft และ 3rd Partyอื่นๆ)แล้วนั้น เราไม่สามารถปรับ deadzone, saturation, linearity ได้เหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว ทำให้ผู้เล่นที่ใช้จอยระบบนี้ของยี่ห้ออื่นที่ไม่ใช่ของ Microsoft และจอยไม่เบี้ยวจึงต้องการปรับ deadzone ให้เป็น 0 ไม่สามารถปรับอะไรได้จากในเกมเลย เอาเป็นว่าตรงนี้พอแก้ได้อยู่สำหรับคนที่เคยชินกับเกมของ Codemasters อยู่แล้วคือเข้าไปแก้ในไฟล์โปรไฟล์ของอุปกรณ์เลย (เกมนี้ปรับแล้วใช้ได้ ไม่เหมือน DiRT Series ที่ใช้ไม่ได้) ถึงจะดูไม่เลวร้ายนัก แต่ก็น่ารำคาญอยู่เหมือนกัน ที่แน่ ๆ คือการบางตำแหน่งปุ่มถูกเปลี่ยนจากเกมเดิม ๆ ที่ผ่านมาทั้ง ๆ ที่เคยใช้แบบเดิมมาตลอด ทำให้สับสนนิดหน่อยเหมือนกัน ยังดีที่ปรับปุ่มได้เองเลยโอเคหน่อย การตอบสนองด้วยระบบการสั่นนั้นทำได้ยอดเยี่ยมเช่นเคยครับ ทั้งบรรดาพื้นถนน การชน ฯลฯ รูปแบบการสั่นจะต่างกันไป แม้ใช้จอยแพดก็สนุกได้
ถ้าจะใช้คีย์บอร์ดเล่นเกมนี้นั้นก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เนื่องจากเกมเน้นไปทางอาเขต แม้จะกดแบบดิจิตอลเปิด-ปิดทำให้เร่งสุดเลี้ยวสุดทันทีก็ไม่มีปัญหาครับ เพียงแค่ต้องระวังการเหวี่ยงรถไปมาแล้วรถหมุนก็เท่านั้น
ส่วนคนที่ใช้พวงมาลัย force feedback เกมนี้ตอบสนองได้ดีมาก ทั้งอินพุทที่แม่นยำ(อย่างที่บอกไปแล้วข้างต้น) รวมไปถึง force feedback ที่ส่งผ่านรายละเอียดบนสนาม(หรือถนน)มาสู่มือผู้เล่นได้อย่างเหนือชั้น ทั้งแรงเกาะและการถ่ายน้ำหนัก และ counter steer ทำได้ดีเยี่ยมครับ มีสิ่งที่ปรับปรุงมาจาก DiRT3 และทำได้ดีขึ้นอีกก็คือเวลาที่รถไถลนั้น จากเดิมที่เคยสั่นแบบน่าราคาญ ตอนนี้สั่นอย่างนุ่มนวลขึ้นเยอะ แต่ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบ feedback พวงมาลัยสั่นเวลารถไถลหรอกนะ
ที่น่าสงสัยคือการตั้งปุ่ม preset มาให้นั้นดูแล้วพิลึกเอาเรื่อง ไม่ใช่แค่การเปลี่ยน layout ใหม่ที่บอกไปแล้วเท่านั้น แต่ปุ่มกดบางอย่างบนพวงมาลัยที่เคยมี preset มาให้อย่างสมบูรณ์แบบในเกมก่อนหน้าของเจ้านี้ พอมาถึง GRID 2 กลับไม่ได้ตั้งปุ่มมองหลังมาให้บน Logitech G27 ทั้ง ๆ ที่ปุ่มบนจอยเหลือเยอะแยะไม่รู้จะเอาไปทำอะไรดีด้วยซ้ำ ดูแล้วเหมือนงานตรงนี้ทำออกมาลวก ๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย
อย่างไรก็ดีเกมนี้นั้นไม่จำเป็นต้องใช้พวงมาลัยก็สามารถเล่นได้สนุก และการใช้พวงมาลัยก็ไม่ได้เสริมให้ขับได้เร็วขึ้น เพียงแค่ได้ feedback ที่มากขึ้นเท่านั้น เพราะเกมนี้ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องไถลเข้าโค้งอยู่ดีครับ
Gameplay
อย่างทื่บอกไปข้างต้นแล้วว่าเกมนี้นั้นการเล่นแบบคนเดียว (single player) กับหลายคน (multiplayer) จะแยกกัน แต่ทั้งหมดนั้นจะขึ้นอยู่กับรูปแบบการแข่งดังนี้
- Race เป็นการแข่งในสนามหรือถนนปิด
- Time Attack เป็นการแข่งจับเวลา ใครทำเวลาได้ดีที่สุดก็ชนะครับ
- Drift เป็นการแข่งแถ ใครสีข้างถลอก... เอ้ย เป็นการแข่งดริฟท์นั่นล่ะ โดยที่การดริฟท์ในภาคนี้นั้นไม่ได้มีรถดริฟท์หรือฟิสิกส์ยางแบบพิเศษเหมือนภาคที่แล้ว แต่เป็นการเอารถทั่วไปที่เราปลดล็อกได้นี่ล่ะมาไถลครับ ส่วนการคิดคะแนนมาจากการไถล และไถลให้ใกล้เสาเพื่อทำตัวคูณ แต่จะแตกต่างกันออกไปที่ในภาคนี้ดริฟท์จะไม่วนรอบสนามแบบภาคที่แล้ว แต่จะขับแค่อยู่ในส่วนหนึ่งของสนามเท่านั้น และไม่ว่าจะชนเสา (ที่ให้ขับเข้าใกล้) ชนขอบทาง โดนรถคันอื่น ออกนอกสนาม คะแนนที่ยังไม่ได้เก็บจะหายหมดครับ
- Eliminator เป็นการแข่งแบบ knockout จับเวลาตัดที่โหล่ออกจากการแข่งขันไปเรื่อย ๆ
- Overtake เป็นการขับแซงรถกระบะเพื่อเก็บคะแนน โดยเริ่มจากคันละ 100 ถ้าแซงคันต่อไปได้ในเวลาที่กำหนดก็จะเพิ่มขึ้นอีกคันละ 100 ไปจนครบคันละ 1000 ถ้าทำไม่ได้ในเวลาที่กำหนดจะลดทีละ 100 ส่วนถ้าขับชนรถ ชนข้างทาง หรือออกนอกสนามจะถูกให้ไปเริ่มใหม่ที่ 100 คะแนน
- Touge แข่งบนเขาโดย แข่ง 2 รอบผลัดกันนำผลัดกันตามโดยห้ามชนกัน และใช้กฏ 5 วินาที คือถ้าเราสามารถนำหน้าคู่แข่งได้ถึง 5 วินาทีก็ชนะรอบนั้นไปเลย
- Faceoff เป็นการแข่งตัวต่อตัว
- Checkpoint แข่งกึ่งจับเวลาโดยที่เราจะวิ่งเข้า checkpoint เพื่อเพิ่มเวลาที่เหลือ ใครวิ่งได้ระยะทางไกลที่สุดชนะ
- Endurance เป็นการแข่งโดยมีเวลาที่กำหนดมาให้ ใครวิ่งได้ระยะทางไกลที่สุดชนะ

Touge ที่หลายคนประทับใจกลับมาแล้วพร้อมกฏใหม่ไฉไลกว่าเดิม

การแข่งแบบแซงรถกระบะเก็บแต้มที่หลายคนไม่ค่อยประทับใจนัก
สนามแข่งในเกมนี้มีทั้งสนามแบบปิดถนนแข่งที่"ได้แรงบันดาลใจ"มาจากสถานที่ต่าง ๆ เช่น ปารีส ดูไบ ฯลฯ มีสนามแข่งจริงประกอบด้วย Brands Hatch Indy (ส่วน GP เป็นสนามจาก DLC), Yas Marina, Algarve, Red Bull Ring, Indianapolis แล้วก็มีสนามบนเขาจีนและญี่ปุ่น รวมไปถึงเลียบชายฝั่ง นอกจากนี้ยังมีการแข่งที่เรียกว่า Live Routes นั่นก็คือการแข่งที่ไม่มีการกำหนดโค้งตายตัว แต่ละเส้นทางจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ โดยที่ผู้เล่นต้องสังเกตเอาเองว่าโค้งต่อไปเลี้ยวทางไหน น่าจะแคบเท่าไหร่ ซึ่งตรงนี้ถึงแม้จะท้าทาย แต่รู้สึกเหมือนกับผู้ผลิตขี้เกียจยังไงก็ไม่รู้ ประมาณว่าไหน ๆ ก็สร้างสนามให้เป็นเมืองแล้ว ไม่ต้องออกแบบหลายทางให้เมื่อย จับมันสุ่มทางโลด!
ส่วนสนามแข่งของจริงที่เลือกมาถึงแม้บางสนามนั้นจะท้าทาย(เช่น Red Bull Ring กับ Algreve) แต่นอกจากมีน้อยแล้วสนามบางสนามยังน่าเบื่อ เช่น Yas Marina (ความเห็นส่วนตัว) อย่างที่ Kimi Raikkonen (นักแข่ง F1 ขวัญใจหลายคนรวมถึงผมด้วย) เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสนามนี้ไว้ว่า
สนามอื่น ๆ ที่เป็นภูเขาก็ทำได้ดี ท้าทายเอาเรื่องทีเดียวแต่บางครั้งก็แอบเห็นว่ามีการเอาของเก่ามารีไซเคิลเช่นสนาม Cote d?Azur ที่ดูแล้วบางส่วนก็อปจาก DiRT3 Monte Carlo DLC มาดัดแปลงกันเห็น ๆ ส่วนสนาม Yas Marina ก็เอามาจาก F1 เหมือนกัน
ซึ่งก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกเรื่องรีไซเคิลเนี่ย แต่ถ้าจะรีไซเคิลแล้ว เลือกสนามดี ๆ สนามที่ขับสนุกหรือ iconic มาจักเป็นพระคุณอย่างสูง เราจะเห็นได้ว่า Codemasters มีของสต็อกให้ใช้อยู่เป็นกระบุง ทั้งสนาม GP จาก F1 เป็นชุดใหญ่ แต่กลับเลือก Abu Dhabi GP มาใส่แทนที่จะเอา Nurburgring หรือ Spa กลับมาใส่เหมือนภาคที่แล้วกลับไม่ทำ
แถมโหมดการแข่งที่เป็นไฮไลท์ของ GRID อย่าง Le Mans กับ Demolition Derby ก็ไม่มีแล้ว ประกอบกับโหมดดริฟท์ที่ถอยหลังเข้าคลอง ทำให้หลายคนผิดหวังไปตาม ๆ กัน
แต่บรรดารถที่อยู่ในเกมนี้นั้นคนละเรื่องกับสนามเลย เพราะแต่ละคันเลือกมาได้อย่างดี น่าขับ และน่าสะสมทั้งนั้นครับ

จะสปอร์ทคาร์ยุโรปก็มีให้เลือก

รถญี่ปุ่นก็มีมากไม่แพ้กัน
การเล่นคนเดียวมีเนื้อเรื่องด้วย แต่ไม่ใช่เริ่มมาเป็นเด็กใหม่ใคร ๆ ก็ดูถูก โอ้ชีวิตมันน่าเจ็บใจต้องไต่เต้าไปสู้กับพวกบอสให้ได้แบบเกมขับรถเกมอื่นที่เห็นได้ดาษดื่น
แต่เนื้อเรื่องคือเราจะเป็นนักแข่งฝีมือดีให้กับ Patrick Callahan ผู้ก่อตั้งการแข่ง WSR และเพื่อเป็นการหาคนมาแข่งรายการนี้เราจึงไปท้าแข่งกับคลับนักซิ่งต่าง ๆ ทั่วโลก (โดยการเอาชนะ) เพื่อให้ทางนั้นสนใจมาแข่งในรายการ WSR ของเรา เพื่อให้เราเอาชนะพวกนั้น (อีกรอบ) เอ๊ะ... มาคิดดูแล้วมันลักลั่นย้อนแย้งยังไงอยู่นะ เหมือนไปตื๊บเค้าในรายการของเค้าแล้วชวนเค้ามาตื๊บต่อในรายการของเรายังไงพิกล แต่ก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเนื้อเรื่องแบบนี้ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนใครดี แถมยังมีคัทซีนความคืบหน้าของรายการ WSR เป็นสกู๊ปข่าวในช่อง ESPN อีกด้วย

เมื่อเล่นคนเดียวจะมีอีเวนท์ให้เลือกหลากหลาย แต่ก็มาแพทเทิร์นเดิม ๆ ตลอด

สกู๊ปข่าวใน ESPN!!
การดำเนินเกมนั้นเราจะแข่งเพื่อรวบรวมแฟน(แฟนผลงานนะครับ ไม่ใช่จีบสาว) แล้วปลดล็อกการแข่งต่อไป การเพิ่มจำนวนแฟนนี้นอกจากได้จากการแข่งแล้ว สามารถได้จากทำเป้าหมายของสปอนเซอร์สำเร็จ และได้จากการแข่งแบบโปรโมชั่นซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการแข่งพวกแซงรถกระบะหรือ Endurance ที่เลือกจะแข่งหรือไม่แข่งก็ได้

คัทซีนเมื่อมีแฟนผลงานเรามากขึ้น ก็จะมีชื่อเราไปโผล่ตามอินเตอร์เนตด้วย บอกให้รู้ว่าโลกสมัยนี้ social network มีพลังจริง ๆ
วิธีการปลดล็อกรถนั้น ในการดำเนินเกมจะมีรถมาให้เราเลือกเรื่อย ๆ สามารถเลือกได้ 1 ใน 2 คัน จากนั้นคันที่เราไม่ได้เลือกตอนแรกก็สามารถไปปลดล็อกได้โดยการทำ Vehicle Challenge ซึ่งตรงนี้เลือกไม่ทำก็ได้ แต่จะไม่ได้รถเพิ่มครับ
เมื่อแข่งในโหมดอาชีพจบแต่ละสนามแล้ว จะมีการอัพโหลดเวลาของเราขึ้นอินเตอร์เนตพร้อมแสดงตารางเทียบเวลากับเพื่อนใน Steam ของเราที่เล่นเกมนี้ด้วย (ถ้าเป็นเกมอื่น ๆ ของ Codemasters จะมีบอกแค่ว่าเราทำเวลาได้สถิติโลกเมื่อหมด Lap) เรียกได้เลยว่าเพิ่มดีกรีการแข่งขันกับผู้เล่นคนอื่นแม้จะเล่นโหมดคนเดียวครับ

Instant Humiliation นั้นคือชื่อใหม่ (ที่ผมตั้งให้) ของระบบนี้ เล่นปั๊ปรู้เลยใครทำสนามไหนได้เวลาหรือคะแนนเท่าไหร่
ส่วนที่สำคัญอีกส่วนสำหรับโหมดการเล่นคนเดียวคือ AI ครับ ซึ่ง AI ในเกมนี้จะมีคาแรคเตอร์ต่างกันไปตามสนามแข่ง ถ้าแข่งในเมือง AI จะทำตัวอย่างกับเกรียนชม.ละ 10 บาท ชนได้เป็นชน เบียดได้เป็นเบียด ทำอย่างกับว่ามันไม่เห็นเราเลยก็ว่าได้
ส่วนการแข่งในสนาม AI ก็จะมีมารยาทขึ้นมาหน่อย แต่โยรวมแล้ว AI ในเกมนี้จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือพวกบล๊อกทาง กลุ่มที่ 2 จะมีอยู่คันเดียวคือผู้นำ โดยที่พวกบล๊อกเนี่ยมันเกะกะขวางทางมาก และถ้าเป็นการแข่งในเมืองมันจะชนเราแบบไม่แคร์สื่อ ปล่อยให้ผู้นำทิ้งห่-างไปอย่างง่ายดาย กว่าจะเคลีย์พวกเกรียนท้ายแถวไปได้ผู้นำก็วิ่งไปถึงไหนต่อไหนก็ไม่รู้แล้ว เราต้องวิ่งไล่... ซึ่งถ้าไล่เฉย ๆ คงไม่ทัน ต้องบอกว่า"ล่า"จ่าฝูงกันเลยทีเดียว และถึงแม้จะแซงมันมาแล้วมันก็ยังคอยตามเรามาอยู่ รอจังหวะแซงกลับได้เสมอเมื่อเราพลาดครับ โดยรวมถือว่าท้าทาย แต่เล่นไปสักพักโดยเฉพาะสนามแคบ ๆ ทั้งถูกบล๊อกถูกชนจนรู้สึกว่ามันน่ารำคาญโคตร ๆ ความวิบัติของ AI ยังไม่หมดแค่นี้ การแข่งประเภทเก็บคะแนนอย่างแซงรถกระบะนั้น บางครั้งเราก็งงมากเพราะไม่รู้ว่าอยู่ ๆ มันเสกคะแนนจากไหนมาเยอะแยะ แม้เราจะแซงมันมาแล้วก็ตามแต่พอจบการแข่งคะแนนมันกลับมากกว่าเราซะอย่างงั้น ส่วนที่เลวร้ายที่สุดเห็นจะเป็นการแข่งดริฟท์ เพราะถ้าเราขับช้ามันจะชนเราจัง ๆ แบบไม่สนอะไรเลย แถมหลายคันยังขับแบบปกติ เข้าโค้งปกติไม่ได้ไถล พอจบการแข่งขันไม่รู้มันไปเสกคะแนนมาจากไหนซ้ำร้ายมากกว่าเราได้อีก!!! AI แบบนี้มันถอยหลังเข้าคลองสุด ๆ และอย่าคิดว่าหนีไปเล่นออนไลน์แล้วจะหลบเลี่ยงได้ 100% เพราะในการแข่งออนไลน์นั้น เราสามารถใช้ AI เติมให้นักแข่งเต็มสนามได้ด้วยครับ

มาดูการแข่งออนไลน์กันบ้าง
แข่งออนไลน์นั้น ในภาคนี้สามารถแข่งได้ห้องละ 12 คน และมีการแบ่งตาม impact rating หรืออัตราการชน โดยแบ่งเป็น 4 ระดับคือ
- แดง ชนเยอะ
- เหลือง ทั่วไป
- เขียว ไม่ค่อยชน
- เทา (แพลตินั่ม) ไม่ชนหรือชนน้อยที่สุด
และเกมจะจัดให้คนที่แข่งแบบไม่ชนมาอยู่ด้วยกัน นับว่าเป็นการจัดการที่ดี แต่บางครั้งก็มีพวกสีเขียวจิตหลุดโผล่มาบ้างเหมือนกัน เริ่มมาปุ๊ปมันเล่นชนทั้งสนามเลย และดูแล้วระบบนี้เชื่อถือไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เพราะถึงเราจะพยายามขับให้ไม่ชนคนอื่นยังไง แต่ถ้าโดนคนอื่นชนเรตติ้งเราก็ลดอยู่ดี

ใครเริ่มที่ท้าย ๆ ก็ชนกันระนาวจนเล่นไม่จบสนาม
การเล่นออนไลน์นั้นเราจะเล่นเพื่อเก็บเงินซื้อและค่าประสบการณ์ โดยที่ไม่ได้แชร์อะไรกับโหมดเล่นคนเดียวเลย ยกเว้นรถ(บางคัน)ที่ปลดล็อกได้ในออนไลน์จะมีให้เล่นในโหมดผู้เล่นคนเดียวด้วย เงินที่ได้จะขึ้นอยู่กับอันดับที่ได้ ประกอบกับโบนัสจาก impact rating ครับ โดยเงินที่ได้มาจะนำไปซื้อรถ แต่งรถ แม้แต่การแต่งลายรถหรือเปลี่ยนกะทะล้อก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน
ส่วนค่าประสบการณ์ที่ได้ เอาไว้ปลดล็อกรถ ลายรถ และกะทะล้อสำหรับซื้อ

ช็อปปิ้ง Grid 2 style
การเล่นในโหมดออนไลน์นี้ นอกจากจะแข่งกับคนอื่นแบบ multiplayer แล้ว ยังสามารถแข่งเทียบเวลากับเพื่อนใน Steam ได้จากโหมด Global Challenge ที่จะเปลี่ยนใหม่ทุกสัปดาห์ และใครทำคะแนนได้มากเท่าไหร่ก็จะได้เงินและค่าประสบการณ์ลดหลั่นกันลงไป

Global Challenge
นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เรียกว่าคู่แข่งหรือ Rivals โดยที่เกมจะหาผู้เล่นที่สถิติใกล้เคียงกับเรามาให้ 2 คน และที่เหลือสามารถเพิ่มได้จาก Racenet

คู่แข่งหรือ Rivals
ในเกมนี้นอกจากเราจะเล่นหลายคนแบบออนไลน์ได้แล้ว ยังสามารถเล่นแบบแบ่งจอได้ด้วย แต่ในเกมนี้ไม่มีโหมด LAN นะครับ
Graphics

แน่นอนว่าเกม Codemasters ต้องรองรับ AMD Eyefinity
เกมนี้ไม่มีมุมมองจากห้องโดยสารหรือ cockpit view เปิดตัวกันตรง ๆ แบบนี้ล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า~~ เอ้า โวยกันให้เต็มที่กับการไม่มีมุมมองแค่อันเดียว เอาเป็นว่าไม่มีก็คือไม่มีล่ะนะ (แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางออก เพราะมีคนโมไฟล์มุมมองดึงให้กล้องเข้ามาอยู่ในรถได้)
หยุดแซวกันแค่นี้เถอะ พอมาดูกันจริง ๆ แล้วขอบอกว่าเกมนี้เป็นเกมขับรถที่ภาพสวยที่สุดบน PC ตั้งแต่ผมเห็นมาก็ได้ โมเดลรถปั้นมาอย่างปรานีต สนามรายละเอียดมาอย่างดีทั้งนอกและในสนาม texture ต่าง ๆ ชัดเจนยกเว้นลาย mask บนตัวรถ จากการแงะไฟล์มาทำลายรถพบว่าแม้ texture รถจะความละเอียดสูง แต่ตัว mask ยังยังมีความละเอียดแค่ครึ่งของตัว texture ทำให้ถ้าซูมเข้าไปใกล้ ๆ ตัวรถแล้วพบว่าขอบของลายบางอย่างนั้นหยักไม่เรียบเนียนดูแล้วรำคาญสายตานิดหน่อยแต่นอกเนือจากนี้ทุกอย่างอลังการงานสร้างครับ รายละเอียดเงาสะท้อนบนตัวรถชัดเจน แสงเงาที่สาดส่องลงมาบนสนามทำได้อย่างสวยงามสมจริง และแสง flare นั้นก็พอมีพอสมควรแต่ก็ไม่ได้มากจนน่ารำคาญหรือบดบังความสวยงามตามธรรมชาติของเกม ยกเว้นเวลาขับย้อนแสงที่รู้สึกว่าแสงมันจ้าสมจริงเกินไปหน่อยจนแสบตา รายละเอียดไม่ได้หยุดแค่นั้นแต่ในบางสนามนั้นมีแม้แต่ใบไม้ปลิวไสวเลยทีเดียว แถมยังมีกระรอกวิ่งตัดหน้ารถอีก เล่นเอาผู้เล่นหลายคนตกใจหักหลบกระรอกพุ่งเข้าข้างทางกันเป็นว่าเล่น และเมื่อใต้ท้องรถกระแทกกับพื้นนั้นมีประกายไฟออกมาดูแล้วสวยงามอลังการ

แสงเงาเร้าใจ
ทางด้านตัวรถนั้นสามารถทำได้อย่างดี และเราสามารถเลือกแต่งสีและลายของรถได้หลากหลาย และเลือกรูปแบบการวางสติ๊กเกอร์สปอนเซอร์ได้อีก นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนกะทะล้อได้ด้วย แต่ทั้งหมดที่ทำไปนี้ดูแล้วไม่มีผลอะไรกับการขับ แค่ช่วยให้สวยขึ้นเฉย ๆ

แต่งลายได้ด้วย
ทางด้านความเสียหายเวลาเศษชิ้นส่วนกระจายเมื่อชนนั้นทำได้อย่างสะใจ ชิ้นส่วนต่างๆของรถสามารถหลุดได้ และการบุบของรถก็ทำได้อย่างดีเช่นกัน

ชนยับ
ท้ายที่สุดข้อเสียอีกอย่างคือมุมกล้อง replay ในภาคนี้นั้นซูมอยู่แต่กับตัวรถใกล้จนเกินไปเกือบจะตลอดเวลา นอกจากนี้ยังไม่มีมุมกล้องจากสนามหรือมุมมองทางไกลอื่น ๆ ด้วย ทำให้ดูไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่และจำเจสำหรับคนที่ชอบดู replay หลังแข่งครับ
Sound
ฟังเองเถิดจะเกิดผล
เสียงของเกมนี้นั้นทำได้อย่างไร้ที่ติทั้งเสียงเครื่องยนต์รถที่แผดได้อย่างมีพลังแต่ไม่น่ารำคาญ เสียงครบทุกย่านอย่างสมจริง เรียกได้เลยว่าอัดมาได้ดีมากครับ นอกจากนี้เมื่อเวลาขับเข้าอุโมงค์นั้นเสียงสะท้อนมันกึกก้องกังวานได้อย่างเสนาะหู เสียงเอฟเฟกต่าง ๆ ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการชน การเฉี่ยว การเสียดสีทำได้อย่างมีพลัง ที่สำคัญคือเวลาที่รถเริ่มไถลนั้น เสียงยางทำได้อย่างดีและมีประโยชนมาก เพราะตรงนี้ทำให้เรา counter steer ได้ทัน นอกจากนี้เสียงบรรดาผู้ชมข้างสนามนั้นมีการตอบสนองด้วยเช่นถ้าเราชนมีการร้องโอ้ว~ แถมถ้าฟังดี ๆ แล้วแต่ละสนามนั้นผู้ชมข้างทางพูดต่างภาษากันตามท้องที่ซะด้วย อย่างไรก็ดีบางคนบอกว่ารำคาญเสียงของคนพูดเวลาแข่ง ซึ่งผมว่ามันทำให้เกมไม่น่าเบื่อและมีสีสันขึ้นมา แต่ถ้าผู้เล่นไม่ชอบก็สามารถปิดได้ครับ
ส่วนเพลงประกอบคัดสรรมาได้อย่างดี เสริมอารมณ์ให้กับเกมได้อย่างลงตัวครับ
มาดูคะแนนกันเลย
Driving Physics: 7.5
ถึงแม้การควบคุมจะเฉียบคมและการถ่ายน้ำหนักทำได้ดี แต่ส่วนประกอบอื่นทำให้เกมกลายเป็นอาเขตที่เกือบจะดาษดื่น รถคลาสแรก ๆ ขับดี แต่รถคลาสหลัง ๆ แทบจะกลายเป็น Ridge Racer ทำให้ขัดกับรูปแบบของเกม แต่โดยรวมยังเล่นได้สนุก
Gameplay: 7
ถึงรถจะเลือกมาดี แต่สนามนั้นมีเพียงการแข่งบนเขาที่พอจะน่าสนใจไม่น่าเบื่อ ประกอบกับ AI เกรียนทำให้การเล่นน่ารำคาญ แถมยังไม่มีโหมด LAN อีก ยังดีการเล่นออนไลน์นั้นมีค่อนข้างหลากหลายทั้งเล่นกับคนอื่นในสนามเดียวกันและทำผ่าน leaderboard แข่งกับเพื่อน รวมถึงระบบคู่แข่ง (Rivals) ที่พอจะกู้หน้าได้บ้าง
Graphic: 9.8
สวยงามจับใจ เสียดายที่ยังใช้ mask ความละเอียดแค่ครึ่งเดียวของ texture อยู่ กับไม่มี cockpit view
Sound : 10
เหมาะสม อลังการ สมส่วน ไม่มีเกมไหนที่น่าฟังกว่านี้แล้วในปัจจุบัน
Overall : (7.5*6)/10)+((7*2)/10)+(9.8/10)+(10/10) = 7.88
สรุป ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Codemasters ทำเกมภาคต่อได้แย่กว่าภาคก่อนหน้า จากภาคที่แล้วที่เรียกว่าเป็น benchmark ของเกมขับรถมาถึงภาคนี้ดูแล้วไม่ค่อยตั้งใจทำเท่าไหร่ แถมเปลี่ยนไปเป็นแนว Arcade ที่มีปัจจุบันเกือบจะดาษดื่น แต่โดยรวมยังสามารถเล่นได้สนุก ทั้งนี้ตัวเกมเองเป็นอะไรที่ค่าใช้จ่ายบายปลายเอาเรื่อง เพราะมี DLC ออกขายตั้งแต่วันแรกที่วางตลาด ทั้ง ๆ ที่ของพวกนี้ควรจะอยู่ในเกมตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ และ Codemasters ยังมีแผนวางจำหน่าย DLC ใหม่เพิ่มเรื่อย ๆ อีกต่างหาก
ข้อดี
- ความสนุกโดยรวมทำได้ดี
- รถในเกมน่าขับ
- ภาพเสียงอลังการ
- โหมดออนไลน์ทำได้ดี และมีการผสมการแข่งขันในหมู่เพื่อนลงใน single player
ข้อเสีย
- เกมเพลย์ single player ค่อนข้างน่าเบื่อและ AI น่ารำคาญ
- รถระดับสูงบางคันวิธีการขับน่ารำคาญ
- ฟีเจอร์เด่น ๆ หลายอย่างถูกตัดออกไปจากภาคที่แล้ว
- DLC มันจะเยอะไปไหน?
เหมาะสำหรับ
- แฟนเกมขับรถทั่วไป ด้วยระบบการขับที่เล่นได้ง่ายและต้องมีการฝึกนิดหน่อย ทำให้เล่นได้สนุกทุกคน
- ไม่ยึดติดกับรูปแบบเกมของเดิม เล่นเพื่อความสนุกล้วน ๆ
ไม่เหมาะสำหรับ
- คนที่ต้องการระบบการขับแบบสมจริงทุกด้าน
- แฟนบอย cockpit view ที่จนป่านนี้ก็ยังบ่นว่าไม่มีขับไม่ได้โดยไม่ได้ดูว่ามันสามารถแก้ไฟล์เกมได้
สำหรับรีวิว GRID 2 ก็หมดเพียงเท่านี้ ขออภัยที่ออกช้าและขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาตลอด สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
ปล ขออภัยในบางภาพที่ไม่ใช่ลายออริจินอลของเกม แต่เป็นลายรถที่ผมทำเอง คือที่เป็นลายการ์ตูนทั้งหมดนั่นล่ะ
GRID2

กลับมาสู่สนาม(หรือถนน)อีกครั้งกับเกมแข่งรถที่พลิกวงการเมื่อปี 2008 นั่นก็คือ Race Driver GRID ที่สร้างความประทับใจให้กับบรรดาเกมเมอร์ทั่วโลกด้วยระบบการขับที่แบ่งระหว่าง Simulation กับ Arcade ได้อย่างพอดีเป๊ะจนเรียกได้ว่าเป็นเส้นคั่นแบ่งแนวเกมเลยก็ว่าได้ และทำให้กำเนิดคำเรียกใหม่ขึ้นมาคือ Simcade หรือไม่ซิมไม่อาเขต ขับเหมือนรถจริงแต่ก็ไม่ได้ลงถึงรายละเอียดเชิงลึก ประกอบกับกราฟฟิคที่ดูแล้วยังสวยงามจนถึงปัจจุบัน (แถมยังดีกว่าเกมบางเกมที่ออกมาในปัจจุบันอีก) เสียงประกอบที่เร้าใจฟังได้ไม่เบื่อ โหมดเกมหลากหลายและสนุกทุกโหมด ทั้งรถและสนามถูกเลือกสรรมาอย่างดี ยังไม่นับถึงระบบ flashback ที่ติดใจผู้เล่นมากมาย แล้วก็ขอจบ short review ของ GRID เพียงเท่านี้... เอ้ย ไม่ใช่ละ
จากตอนนั้นผ่านมา 5 ปี ด้วยฝีมือสตูดิโอที่ได้ชื่อว่าทำเกมขับรถได้ดีที่สุดในโลกจะสรรสร้างอะไร มาให้เราได้ประทับใจกันแค่ไหน มาดูกันเลยครับ
GRID 2 ผลิตโดย Codemasters Racing โดยใช้ EGO Engine 3.0 ซึ่งเป็นรุ่นพัฒนามาจากของเดิม เป็นเครื่องการันตีคุณภาพได้ในระดับหนึ่ง และที่สำคัญเกมนี้เป็นเกม Steam นะครับ เพราะ Codemasters หันมาใช้ Steam ตั้งแต่ DiRT Showdown ไม่ได้เป็น GFWL แบบเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นเกมนี้ที่เป็น Steam แบบเต็มตัวก็จะมี Steam Achievements ด้วย และไม่ล็อกโซนหรือต้องการ Live ID เหมือน DiRT2/3, F1 2010/2011 แต่ต้องการ Racenet ID โดยจะใช้ ID นี้ในการเก็บสถิติและเล่นออนไลน์รวมไปถึงเลือกคู่แข่ง(จะกล่าวถึงในโอกาสต่อไป)ด้วยครับ

ตัวอย่าง Steam Achievements
เมื่อเปิดเกมเข้ามาอย่างแรกที่เห็นได้คือเกมนี้นั้น โหมดการเล่นหลายคนแบบออนไลน์ กับโหมดออฟไลน์จะแยกกันตั้งแต่เข้าเกมเลย เพราะเซฟของทั้งสองโหมดนั้นแยกกันครับ

ที่หน้าเมนูนั้นจะเป็นมุมมองที่เห็นอู่รถของเรา สืบทอดมาจากภาคแรกเลยก็ว่าได้

เมนูออฟไลน์

เมนูออนไลน์
เอาล่ะ ในเมื่อวอร์มเครื่องกันเรียบร้อยแล้ว มาดูกันไปเป็นหัวข้อเช่นเคยครับ
Driving Physics หรือระบบการขับ
ระบบการขับในเกมนี้นั้น สำหรับคนที่เคยเล่นภาคเก่ามาก่อนอาจจะคาดหวังให้ยังคงความเป็นซิมแต่ขับง่าย สามารถสาดโค้งได้อย่างมั่นใจตามที่คิด แต่... โอเค บอกตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมก็แล้วกัน ในภาคนี้นั้นแนวการขับต่างจากภาคที่แล้วโดยสิ้นเชิงโดยภาคนี้จะเน้นหนักไปทางอาเขต แต่ผสมผสานด้วยการตอบสนองต่อการควบคุมอย่างแม่นยำ เฉียบคม และรวดเร็ว แถมยังไม่มีการดีเลย์เลยแม้แต่น้อย (ต่างจาก DiRT Shodown ที่เน้นอาเขตแต่การตอบสนองการควบคุมก็หนืดแบบอาเขตไปด้วย) ทำให้การขับนั้นทำได้อย่างว่องไวและช่วยให้รถขับง่ายขึ้นไปอีกครับ และที่สำคัญเกมนี้นั้น"โฆษณา"ว่าใช้ระบบที่เรียกว่า True Feel ทำให้รถมีลักษณะเฉพาะตัวบลา ๆ ๆ (คำโฆษณาล้วน ๆ) ทำให้ผู้เล่นไม่สามารถ ปรับระบบความช่วยเหลือในการขับอะไรได้เลย ทั้ง Traction control, Stability Control, ABS ที่เคยมีจากภาคก่อนนั้นหายไปหมด แต่ต้องขอบอกตรงนี้ว่ารถมีอาการเหมือน
- Traction Control เปิดครึ่งนึง คือปล่อยให้ไถล หมุนได้ แต่ไม่ได้หมุนง่ายจนเกินไป
- Stability Control เปิดเต็มที่ เลี้ยวและควบคุมรถได้ง่าย
- ABS เปิดเต็มที่ เบรกยังไงล้อก็ไม่ล็อก
รถแต่ละคันถึงแม้จะสามารถแบ่งคาแรคเตอร์ได้ชัดเจน ทำให้เลือกได้ว่าชอบรถที่มีสไตล์การขับแนวไหน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือท้ายปัด... คือมันปัดแบบเยอะมากและสามารถปัดได้ทุกคัน เรียกได้ว่าการเลี้ยวนั้นเริ่มต้นด้วยการ understeer ตบท้ายด้วยการเอาท้ายเหวี่ยงออก อารมณ์เวลาปัดคือถ้าเลี้ยวได้องศาระดับและความเร็วระดับนึงท้ายจะออกมาเอง แต่เราสามารถควบคุมเปลี่ยนการปัดให้กลายเป็นสไลด์ได้ง่าย ซึ่งอาจจะถูกใจหลายคนอยู่ แต่ทั้งนี้เมื่อเริ่มเล่นจนได้รถที่แรงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงระดับ GT3 ซึ่งเป็นรถแข่งแล้ว เมื่อท้ายปัดที่ความเร็วสูงเราสามารถคุมคันเร่งกับองศารถให้แถต่อไปเรื่อย ๆ ได้ อย่างกับเล่น Ridge Racer อยู่ก็มิปาน ดูแล้วสนุกดีแต่พอเห็นว่าตัวเองกำลังเล่น GRID อยู่แล้วมันช่างเจ็บกระดองใจเหลือเกิน เพราะไม่นึกว่าเกมจะอาเขตได้ขนาดนี้ โดยรวมแล้วแรงเกาะของยางรถนั้นสูงมาก แรงเบรกก็สูง ส่วนเบรกมือดึงทีแทบจะหยุดอยู่กับที่ก็ว่าได้ ระบบที่เห็นว่าสมจริงที่สุดในการขับคือการถ่ายน้ำหนัก ในเกมนี้ต้องเรียนรู้การถ่ายน้ำหนักให้เหมาะสมถึงจะสามารถขับได้ตามที่ต้องการ ซึ่งบางครั้งผู้เล่นจะพบว่าในการเบรกแล้วบางทีรถจะหมุน นั่นคือน้ำหนักถูกถ่ายไปด้านหน้า ในขณะเลี้ยวเหวี่ยงให้รถหมุนได้ ดังนั้นถ้าเรียนรู้วิธีการใช้ให้ดีก็สามารถเข้าโค้งได้ทุกรูปแบบ และสามารถลากให้รถไถลได้ตามต้องการครับ ทั้งนี้การเข้าโค้งในเกมนี้นั้น ถ้าโค้งเริ่มแคบสักหน่อยเราต้องไถลรถเข้าถึงจะคงความเร็วในการเข้าโค้งไว้ได้ แต่ไม่ใช่สักแต่ว่าแถเข้าไป การไถลนั้นถ้าทำได้องศาที่เหมาะสมแล้วสามารถเข้าโค้งได้เร็วอย่างเวอร์ ๆ เลยทีเดียว ดูแล้วเหมือนรถในหนัง The Fast and The Furious ก็ว่าได้ ตรงนี้สำหรับบางคนอาจจะสนุก แต่สำหรับบางคนคงรำคาญน่าดูเพราะโค้งแคบนิดก็ต้องไถลเข้า ขับแบบสมูธแล้วช้าเป็นเต่าคลานดูขัดกับหลักความเป็นจริงยิ่งนักที่ควรจะค่อย ๆ เข้าแล้วทรงตัวเพื่อพุ่งออกจากโค้ง

แถมันเข้าไป
ทางด้านรถในเกมนี้จะมีการบอกลักษณะของรถอยู่ 3 แบบ นั่นก็คือ
- GRIP อาการของรถจะหนึบ และไม่เอาท้ายออกมากเหมือนอย่างอื่น แต่ส่วนใหญ่เลี้ยวไปสักพักท้ายมันก็ออกอยู่ดี
- BALANCE อยู่กึ่งกลางระหว่าง drift กับ grip จะขับแบบไหนก็ได้ เพราะสุดท้ายหลาย ๆ โค้งต้องไถลแบบในหนัง The Fast and The Furious อยู่ดี
- DRIFT เลี้ยวเฉย ๆ จะรู้สีกว่า understeer จนน่ารำคาญ เลี้ยวไปสักพักท้ายจะออกจนทำให้รู้สึกว่า แถ ๆ เข้าโค้งไปเถอะ อย่าคิดมาก
เราสามารถแต่งรถได้ทั้งความแรง ความเร็ว และการยึดเกาะถนน โดยสามารถเลือกเป็นหัวข้อได้ แต่จำกัดเฉพาะการเล่นแบบออนไลน์เท่านั้น โดยรถจะแบ่งเป็น Tier หรือระดับต่าง ๆ กันจาก 1-4 ตามระดับความแรง และเราสามารถอัพเกรดเพื่อให้เปลี่ยนระดับได้ด้วย โดยเมื่อรถเปลี่ยนระดับแล้วหน้าตาของรถก็จะเปลี่ยนไป แต่เราไม่สามารถเลือกชุดแต่ง body kit ได้ เพราะมันจะอัพเกรดเอง ซึ่งการแต่งรถบางทีถูกกว่าซื้อใหม่ให้เป็นคลาสสูงขึ้นครับ (ทั้งนี้จะกล่าวเรื่องการใช้เงินในหัวข้อต่อไป)
แน่นอนว่าเล่นเกมนี้คงไม่มีใครไม่เฉี่ยวชนเลยสักครั้ง ฟิสิกส์ในการชนของเกมนี้ทำได้ดีมาก การเสียดสีของตัวรถ การชนกับขอบถนนต่าง ๆ นั้นทำได้ดี ถึงแม้ว่ากำแพงบางจุดเราชนแล้วแทบจะปักเข้าไปเลยแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรครับ และสิ่งที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือระบบความเสียหายของรถ ในภาคนี้นั้นรถสามารถเสียหายได้ทั้งยางแตกหรือล้อเบี้ยวเมื่อชนด้วยมุมรถ ความเร็วตก และหนักที่สุดคือรถพังครับ โดยระดับความเสียหายจะมีการบอกเป็นสัญลักษณ์เตือนผ่านทางหน้าปัทม์เท่านั้น ไม่ได้บอกว่าเราเราเสียหายที่ส่วนไหน ซึ่งเราต้องเป็นคนสังเกตเองว่ารถมีอาการอย่างไร เพราะความเสียหายแต่ละแบบนั้นส่งผลต่อการขับโดยตรงครับ ถ้ายางแตกหรือล้อเบี้ยวรถจะเฉจนรู้สึกได้ ถ้าความเร็วตกเร่งไม่ขึ้นก็รู้สึกได้ชัดเจนเช่นกัน ทั้งนี้เราต้องชนค่อนข้างแรงและชนบ่อยทีเดียวกว่ารถจะเสียหายครับ ดังนั้นจะเอาสีข้างเข้าถูกำแพงบ้าง ใช้กำแพงช่วยเลี้ยวบ้างก็ไม่มีปัญหาอะไร
สรุปแล้วระบบการขับของเกมนี้นั้นจะเน้นไปทางอาเขต ผู้เล่นสามารถเข้าใจได้ง่ายและขับได้โดยเรียนรู้แค่การถ่ายน้ำหนักก็เพียงพอแล้ว
การรองรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเกมนี้นั้นทำได้ดี แต่ยังไม่ดีที่สุดเนื่องจากการปรับแต่งบางอย่างถูกตัดออกไปอย่างน่าเสียดาย เพราะเมื่อใช้จอยแพดระบบ Xinput (หรือจอย Xbox360 ทั้งของ Microsoft และ 3rd Partyอื่นๆ)แล้วนั้น เราไม่สามารถปรับ deadzone, saturation, linearity ได้เหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว ทำให้ผู้เล่นที่ใช้จอยระบบนี้ของยี่ห้ออื่นที่ไม่ใช่ของ Microsoft และจอยไม่เบี้ยวจึงต้องการปรับ deadzone ให้เป็น 0 ไม่สามารถปรับอะไรได้จากในเกมเลย เอาเป็นว่าตรงนี้พอแก้ได้อยู่สำหรับคนที่เคยชินกับเกมของ Codemasters อยู่แล้วคือเข้าไปแก้ในไฟล์โปรไฟล์ของอุปกรณ์เลย (เกมนี้ปรับแล้วใช้ได้ ไม่เหมือน DiRT Series ที่ใช้ไม่ได้) ถึงจะดูไม่เลวร้ายนัก แต่ก็น่ารำคาญอยู่เหมือนกัน ที่แน่ ๆ คือการบางตำแหน่งปุ่มถูกเปลี่ยนจากเกมเดิม ๆ ที่ผ่านมาทั้ง ๆ ที่เคยใช้แบบเดิมมาตลอด ทำให้สับสนนิดหน่อยเหมือนกัน ยังดีที่ปรับปุ่มได้เองเลยโอเคหน่อย การตอบสนองด้วยระบบการสั่นนั้นทำได้ยอดเยี่ยมเช่นเคยครับ ทั้งบรรดาพื้นถนน การชน ฯลฯ รูปแบบการสั่นจะต่างกันไป แม้ใช้จอยแพดก็สนุกได้
ถ้าจะใช้คีย์บอร์ดเล่นเกมนี้นั้นก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เนื่องจากเกมเน้นไปทางอาเขต แม้จะกดแบบดิจิตอลเปิด-ปิดทำให้เร่งสุดเลี้ยวสุดทันทีก็ไม่มีปัญหาครับ เพียงแค่ต้องระวังการเหวี่ยงรถไปมาแล้วรถหมุนก็เท่านั้น
ส่วนคนที่ใช้พวงมาลัย force feedback เกมนี้ตอบสนองได้ดีมาก ทั้งอินพุทที่แม่นยำ(อย่างที่บอกไปแล้วข้างต้น) รวมไปถึง force feedback ที่ส่งผ่านรายละเอียดบนสนาม(หรือถนน)มาสู่มือผู้เล่นได้อย่างเหนือชั้น ทั้งแรงเกาะและการถ่ายน้ำหนัก และ counter steer ทำได้ดีเยี่ยมครับ มีสิ่งที่ปรับปรุงมาจาก DiRT3 และทำได้ดีขึ้นอีกก็คือเวลาที่รถไถลนั้น จากเดิมที่เคยสั่นแบบน่าราคาญ ตอนนี้สั่นอย่างนุ่มนวลขึ้นเยอะ แต่ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบ feedback พวงมาลัยสั่นเวลารถไถลหรอกนะ
ที่น่าสงสัยคือการตั้งปุ่ม preset มาให้นั้นดูแล้วพิลึกเอาเรื่อง ไม่ใช่แค่การเปลี่ยน layout ใหม่ที่บอกไปแล้วเท่านั้น แต่ปุ่มกดบางอย่างบนพวงมาลัยที่เคยมี preset มาให้อย่างสมบูรณ์แบบในเกมก่อนหน้าของเจ้านี้ พอมาถึง GRID 2 กลับไม่ได้ตั้งปุ่มมองหลังมาให้บน Logitech G27 ทั้ง ๆ ที่ปุ่มบนจอยเหลือเยอะแยะไม่รู้จะเอาไปทำอะไรดีด้วยซ้ำ ดูแล้วเหมือนงานตรงนี้ทำออกมาลวก ๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย
อย่างไรก็ดีเกมนี้นั้นไม่จำเป็นต้องใช้พวงมาลัยก็สามารถเล่นได้สนุก และการใช้พวงมาลัยก็ไม่ได้เสริมให้ขับได้เร็วขึ้น เพียงแค่ได้ feedback ที่มากขึ้นเท่านั้น เพราะเกมนี้ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องไถลเข้าโค้งอยู่ดีครับ
Gameplay
อย่างทื่บอกไปข้างต้นแล้วว่าเกมนี้นั้นการเล่นแบบคนเดียว (single player) กับหลายคน (multiplayer) จะแยกกัน แต่ทั้งหมดนั้นจะขึ้นอยู่กับรูปแบบการแข่งดังนี้
- Race เป็นการแข่งในสนามหรือถนนปิด
- Time Attack เป็นการแข่งจับเวลา ใครทำเวลาได้ดีที่สุดก็ชนะครับ
- Drift เป็นการแข่งแถ ใครสีข้างถลอก... เอ้ย เป็นการแข่งดริฟท์นั่นล่ะ โดยที่การดริฟท์ในภาคนี้นั้นไม่ได้มีรถดริฟท์หรือฟิสิกส์ยางแบบพิเศษเหมือนภาคที่แล้ว แต่เป็นการเอารถทั่วไปที่เราปลดล็อกได้นี่ล่ะมาไถลครับ ส่วนการคิดคะแนนมาจากการไถล และไถลให้ใกล้เสาเพื่อทำตัวคูณ แต่จะแตกต่างกันออกไปที่ในภาคนี้ดริฟท์จะไม่วนรอบสนามแบบภาคที่แล้ว แต่จะขับแค่อยู่ในส่วนหนึ่งของสนามเท่านั้น และไม่ว่าจะชนเสา (ที่ให้ขับเข้าใกล้) ชนขอบทาง โดนรถคันอื่น ออกนอกสนาม คะแนนที่ยังไม่ได้เก็บจะหายหมดครับ
- Eliminator เป็นการแข่งแบบ knockout จับเวลาตัดที่โหล่ออกจากการแข่งขันไปเรื่อย ๆ
- Overtake เป็นการขับแซงรถกระบะเพื่อเก็บคะแนน โดยเริ่มจากคันละ 100 ถ้าแซงคันต่อไปได้ในเวลาที่กำหนดก็จะเพิ่มขึ้นอีกคันละ 100 ไปจนครบคันละ 1000 ถ้าทำไม่ได้ในเวลาที่กำหนดจะลดทีละ 100 ส่วนถ้าขับชนรถ ชนข้างทาง หรือออกนอกสนามจะถูกให้ไปเริ่มใหม่ที่ 100 คะแนน
- Touge แข่งบนเขาโดย แข่ง 2 รอบผลัดกันนำผลัดกันตามโดยห้ามชนกัน และใช้กฏ 5 วินาที คือถ้าเราสามารถนำหน้าคู่แข่งได้ถึง 5 วินาทีก็ชนะรอบนั้นไปเลย
- Faceoff เป็นการแข่งตัวต่อตัว
- Checkpoint แข่งกึ่งจับเวลาโดยที่เราจะวิ่งเข้า checkpoint เพื่อเพิ่มเวลาที่เหลือ ใครวิ่งได้ระยะทางไกลที่สุดชนะ
- Endurance เป็นการแข่งโดยมีเวลาที่กำหนดมาให้ ใครวิ่งได้ระยะทางไกลที่สุดชนะ

Touge ที่หลายคนประทับใจกลับมาแล้วพร้อมกฏใหม่ไฉไลกว่าเดิม

การแข่งแบบแซงรถกระบะเก็บแต้มที่หลายคนไม่ค่อยประทับใจนัก
สนามแข่งในเกมนี้มีทั้งสนามแบบปิดถนนแข่งที่"ได้แรงบันดาลใจ"มาจากสถานที่ต่าง ๆ เช่น ปารีส ดูไบ ฯลฯ มีสนามแข่งจริงประกอบด้วย Brands Hatch Indy (ส่วน GP เป็นสนามจาก DLC), Yas Marina, Algarve, Red Bull Ring, Indianapolis แล้วก็มีสนามบนเขาจีนและญี่ปุ่น รวมไปถึงเลียบชายฝั่ง นอกจากนี้ยังมีการแข่งที่เรียกว่า Live Routes นั่นก็คือการแข่งที่ไม่มีการกำหนดโค้งตายตัว แต่ละเส้นทางจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ โดยที่ผู้เล่นต้องสังเกตเอาเองว่าโค้งต่อไปเลี้ยวทางไหน น่าจะแคบเท่าไหร่ ซึ่งตรงนี้ถึงแม้จะท้าทาย แต่รู้สึกเหมือนกับผู้ผลิตขี้เกียจยังไงก็ไม่รู้ ประมาณว่าไหน ๆ ก็สร้างสนามให้เป็นเมืองแล้ว ไม่ต้องออกแบบหลายทางให้เมื่อย จับมันสุ่มทางโลด!
ส่วนสนามแข่งของจริงที่เลือกมาถึงแม้บางสนามนั้นจะท้าทาย(เช่น Red Bull Ring กับ Algreve) แต่นอกจากมีน้อยแล้วสนามบางสนามยังน่าเบื่อ เช่น Yas Marina (ความเห็นส่วนตัว) อย่างที่ Kimi Raikkonen (นักแข่ง F1 ขวัญใจหลายคนรวมถึงผมด้วย) เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสนามนี้ไว้ว่า
The first few turns are quite good, but the rest of it is shit.
ซึ่งก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกเรื่องรีไซเคิลเนี่ย แต่ถ้าจะรีไซเคิลแล้ว เลือกสนามดี ๆ สนามที่ขับสนุกหรือ iconic มาจักเป็นพระคุณอย่างสูง เราจะเห็นได้ว่า Codemasters มีของสต็อกให้ใช้อยู่เป็นกระบุง ทั้งสนาม GP จาก F1 เป็นชุดใหญ่ แต่กลับเลือก Abu Dhabi GP มาใส่แทนที่จะเอา Nurburgring หรือ Spa กลับมาใส่เหมือนภาคที่แล้วกลับไม่ทำ
แถมโหมดการแข่งที่เป็นไฮไลท์ของ GRID อย่าง Le Mans กับ Demolition Derby ก็ไม่มีแล้ว ประกอบกับโหมดดริฟท์ที่ถอยหลังเข้าคลอง ทำให้หลายคนผิดหวังไปตาม ๆ กัน
แต่บรรดารถที่อยู่ในเกมนี้นั้นคนละเรื่องกับสนามเลย เพราะแต่ละคันเลือกมาได้อย่างดี น่าขับ และน่าสะสมทั้งนั้นครับ

จะสปอร์ทคาร์ยุโรปก็มีให้เลือก

รถญี่ปุ่นก็มีมากไม่แพ้กัน
การเล่นคนเดียวมีเนื้อเรื่องด้วย แต่ไม่ใช่เริ่มมาเป็นเด็กใหม่ใคร ๆ ก็ดูถูก โอ้ชีวิตมันน่าเจ็บใจต้องไต่เต้าไปสู้กับพวกบอสให้ได้แบบเกมขับรถเกมอื่นที่เห็นได้ดาษดื่น
แต่เนื้อเรื่องคือเราจะเป็นนักแข่งฝีมือดีให้กับ Patrick Callahan ผู้ก่อตั้งการแข่ง WSR และเพื่อเป็นการหาคนมาแข่งรายการนี้เราจึงไปท้าแข่งกับคลับนักซิ่งต่าง ๆ ทั่วโลก (โดยการเอาชนะ) เพื่อให้ทางนั้นสนใจมาแข่งในรายการ WSR ของเรา เพื่อให้เราเอาชนะพวกนั้น (อีกรอบ) เอ๊ะ... มาคิดดูแล้วมันลักลั่นย้อนแย้งยังไงอยู่นะ เหมือนไปตื๊บเค้าในรายการของเค้าแล้วชวนเค้ามาตื๊บต่อในรายการของเรายังไงพิกล แต่ก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเนื้อเรื่องแบบนี้ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนใครดี แถมยังมีคัทซีนความคืบหน้าของรายการ WSR เป็นสกู๊ปข่าวในช่อง ESPN อีกด้วย

เมื่อเล่นคนเดียวจะมีอีเวนท์ให้เลือกหลากหลาย แต่ก็มาแพทเทิร์นเดิม ๆ ตลอด

สกู๊ปข่าวใน ESPN!!
การดำเนินเกมนั้นเราจะแข่งเพื่อรวบรวมแฟน(แฟนผลงานนะครับ ไม่ใช่จีบสาว) แล้วปลดล็อกการแข่งต่อไป การเพิ่มจำนวนแฟนนี้นอกจากได้จากการแข่งแล้ว สามารถได้จากทำเป้าหมายของสปอนเซอร์สำเร็จ และได้จากการแข่งแบบโปรโมชั่นซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการแข่งพวกแซงรถกระบะหรือ Endurance ที่เลือกจะแข่งหรือไม่แข่งก็ได้

คัทซีนเมื่อมีแฟนผลงานเรามากขึ้น ก็จะมีชื่อเราไปโผล่ตามอินเตอร์เนตด้วย บอกให้รู้ว่าโลกสมัยนี้ social network มีพลังจริง ๆ
วิธีการปลดล็อกรถนั้น ในการดำเนินเกมจะมีรถมาให้เราเลือกเรื่อย ๆ สามารถเลือกได้ 1 ใน 2 คัน จากนั้นคันที่เราไม่ได้เลือกตอนแรกก็สามารถไปปลดล็อกได้โดยการทำ Vehicle Challenge ซึ่งตรงนี้เลือกไม่ทำก็ได้ แต่จะไม่ได้รถเพิ่มครับ
เมื่อแข่งในโหมดอาชีพจบแต่ละสนามแล้ว จะมีการอัพโหลดเวลาของเราขึ้นอินเตอร์เนตพร้อมแสดงตารางเทียบเวลากับเพื่อนใน Steam ของเราที่เล่นเกมนี้ด้วย (ถ้าเป็นเกมอื่น ๆ ของ Codemasters จะมีบอกแค่ว่าเราทำเวลาได้สถิติโลกเมื่อหมด Lap) เรียกได้เลยว่าเพิ่มดีกรีการแข่งขันกับผู้เล่นคนอื่นแม้จะเล่นโหมดคนเดียวครับ

Instant Humiliation นั้นคือชื่อใหม่ (ที่ผมตั้งให้) ของระบบนี้ เล่นปั๊ปรู้เลยใครทำสนามไหนได้เวลาหรือคะแนนเท่าไหร่
ส่วนที่สำคัญอีกส่วนสำหรับโหมดการเล่นคนเดียวคือ AI ครับ ซึ่ง AI ในเกมนี้จะมีคาแรคเตอร์ต่างกันไปตามสนามแข่ง ถ้าแข่งในเมือง AI จะทำตัวอย่างกับเกรียนชม.ละ 10 บาท ชนได้เป็นชน เบียดได้เป็นเบียด ทำอย่างกับว่ามันไม่เห็นเราเลยก็ว่าได้
ส่วนการแข่งในสนาม AI ก็จะมีมารยาทขึ้นมาหน่อย แต่โยรวมแล้ว AI ในเกมนี้จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือพวกบล๊อกทาง กลุ่มที่ 2 จะมีอยู่คันเดียวคือผู้นำ โดยที่พวกบล๊อกเนี่ยมันเกะกะขวางทางมาก และถ้าเป็นการแข่งในเมืองมันจะชนเราแบบไม่แคร์สื่อ ปล่อยให้ผู้นำทิ้งห่-างไปอย่างง่ายดาย กว่าจะเคลีย์พวกเกรียนท้ายแถวไปได้ผู้นำก็วิ่งไปถึงไหนต่อไหนก็ไม่รู้แล้ว เราต้องวิ่งไล่... ซึ่งถ้าไล่เฉย ๆ คงไม่ทัน ต้องบอกว่า"ล่า"จ่าฝูงกันเลยทีเดียว และถึงแม้จะแซงมันมาแล้วมันก็ยังคอยตามเรามาอยู่ รอจังหวะแซงกลับได้เสมอเมื่อเราพลาดครับ โดยรวมถือว่าท้าทาย แต่เล่นไปสักพักโดยเฉพาะสนามแคบ ๆ ทั้งถูกบล๊อกถูกชนจนรู้สึกว่ามันน่ารำคาญโคตร ๆ ความวิบัติของ AI ยังไม่หมดแค่นี้ การแข่งประเภทเก็บคะแนนอย่างแซงรถกระบะนั้น บางครั้งเราก็งงมากเพราะไม่รู้ว่าอยู่ ๆ มันเสกคะแนนจากไหนมาเยอะแยะ แม้เราจะแซงมันมาแล้วก็ตามแต่พอจบการแข่งคะแนนมันกลับมากกว่าเราซะอย่างงั้น ส่วนที่เลวร้ายที่สุดเห็นจะเป็นการแข่งดริฟท์ เพราะถ้าเราขับช้ามันจะชนเราจัง ๆ แบบไม่สนอะไรเลย แถมหลายคันยังขับแบบปกติ เข้าโค้งปกติไม่ได้ไถล พอจบการแข่งขันไม่รู้มันไปเสกคะแนนมาจากไหนซ้ำร้ายมากกว่าเราได้อีก!!! AI แบบนี้มันถอยหลังเข้าคลองสุด ๆ และอย่าคิดว่าหนีไปเล่นออนไลน์แล้วจะหลบเลี่ยงได้ 100% เพราะในการแข่งออนไลน์นั้น เราสามารถใช้ AI เติมให้นักแข่งเต็มสนามได้ด้วยครับ

มาดูการแข่งออนไลน์กันบ้าง
แข่งออนไลน์นั้น ในภาคนี้สามารถแข่งได้ห้องละ 12 คน และมีการแบ่งตาม impact rating หรืออัตราการชน โดยแบ่งเป็น 4 ระดับคือ
- แดง ชนเยอะ
- เหลือง ทั่วไป
- เขียว ไม่ค่อยชน
- เทา (แพลตินั่ม) ไม่ชนหรือชนน้อยที่สุด
และเกมจะจัดให้คนที่แข่งแบบไม่ชนมาอยู่ด้วยกัน นับว่าเป็นการจัดการที่ดี แต่บางครั้งก็มีพวกสีเขียวจิตหลุดโผล่มาบ้างเหมือนกัน เริ่มมาปุ๊ปมันเล่นชนทั้งสนามเลย และดูแล้วระบบนี้เชื่อถือไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เพราะถึงเราจะพยายามขับให้ไม่ชนคนอื่นยังไง แต่ถ้าโดนคนอื่นชนเรตติ้งเราก็ลดอยู่ดี

ใครเริ่มที่ท้าย ๆ ก็ชนกันระนาวจนเล่นไม่จบสนาม
การเล่นออนไลน์นั้นเราจะเล่นเพื่อเก็บเงินซื้อและค่าประสบการณ์ โดยที่ไม่ได้แชร์อะไรกับโหมดเล่นคนเดียวเลย ยกเว้นรถ(บางคัน)ที่ปลดล็อกได้ในออนไลน์จะมีให้เล่นในโหมดผู้เล่นคนเดียวด้วย เงินที่ได้จะขึ้นอยู่กับอันดับที่ได้ ประกอบกับโบนัสจาก impact rating ครับ โดยเงินที่ได้มาจะนำไปซื้อรถ แต่งรถ แม้แต่การแต่งลายรถหรือเปลี่ยนกะทะล้อก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน
ส่วนค่าประสบการณ์ที่ได้ เอาไว้ปลดล็อกรถ ลายรถ และกะทะล้อสำหรับซื้อ

ช็อปปิ้ง Grid 2 style
การเล่นในโหมดออนไลน์นี้ นอกจากจะแข่งกับคนอื่นแบบ multiplayer แล้ว ยังสามารถแข่งเทียบเวลากับเพื่อนใน Steam ได้จากโหมด Global Challenge ที่จะเปลี่ยนใหม่ทุกสัปดาห์ และใครทำคะแนนได้มากเท่าไหร่ก็จะได้เงินและค่าประสบการณ์ลดหลั่นกันลงไป

Global Challenge
นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เรียกว่าคู่แข่งหรือ Rivals โดยที่เกมจะหาผู้เล่นที่สถิติใกล้เคียงกับเรามาให้ 2 คน และที่เหลือสามารถเพิ่มได้จาก Racenet

คู่แข่งหรือ Rivals
ในเกมนี้นอกจากเราจะเล่นหลายคนแบบออนไลน์ได้แล้ว ยังสามารถเล่นแบบแบ่งจอได้ด้วย แต่ในเกมนี้ไม่มีโหมด LAN นะครับ
Graphics

แน่นอนว่าเกม Codemasters ต้องรองรับ AMD Eyefinity
เกมนี้ไม่มีมุมมองจากห้องโดยสารหรือ cockpit view เปิดตัวกันตรง ๆ แบบนี้ล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า~~ เอ้า โวยกันให้เต็มที่กับการไม่มีมุมมองแค่อันเดียว เอาเป็นว่าไม่มีก็คือไม่มีล่ะนะ (แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางออก เพราะมีคนโมไฟล์มุมมองดึงให้กล้องเข้ามาอยู่ในรถได้)
หยุดแซวกันแค่นี้เถอะ พอมาดูกันจริง ๆ แล้วขอบอกว่าเกมนี้เป็นเกมขับรถที่ภาพสวยที่สุดบน PC ตั้งแต่ผมเห็นมาก็ได้ โมเดลรถปั้นมาอย่างปรานีต สนามรายละเอียดมาอย่างดีทั้งนอกและในสนาม texture ต่าง ๆ ชัดเจนยกเว้นลาย mask บนตัวรถ จากการแงะไฟล์มาทำลายรถพบว่าแม้ texture รถจะความละเอียดสูง แต่ตัว mask ยังยังมีความละเอียดแค่ครึ่งของตัว texture ทำให้ถ้าซูมเข้าไปใกล้ ๆ ตัวรถแล้วพบว่าขอบของลายบางอย่างนั้นหยักไม่เรียบเนียนดูแล้วรำคาญสายตานิดหน่อยแต่นอกเนือจากนี้ทุกอย่างอลังการงานสร้างครับ รายละเอียดเงาสะท้อนบนตัวรถชัดเจน แสงเงาที่สาดส่องลงมาบนสนามทำได้อย่างสวยงามสมจริง และแสง flare นั้นก็พอมีพอสมควรแต่ก็ไม่ได้มากจนน่ารำคาญหรือบดบังความสวยงามตามธรรมชาติของเกม ยกเว้นเวลาขับย้อนแสงที่รู้สึกว่าแสงมันจ้าสมจริงเกินไปหน่อยจนแสบตา รายละเอียดไม่ได้หยุดแค่นั้นแต่ในบางสนามนั้นมีแม้แต่ใบไม้ปลิวไสวเลยทีเดียว แถมยังมีกระรอกวิ่งตัดหน้ารถอีก เล่นเอาผู้เล่นหลายคนตกใจหักหลบกระรอกพุ่งเข้าข้างทางกันเป็นว่าเล่น และเมื่อใต้ท้องรถกระแทกกับพื้นนั้นมีประกายไฟออกมาดูแล้วสวยงามอลังการ

แสงเงาเร้าใจ
ทางด้านตัวรถนั้นสามารถทำได้อย่างดี และเราสามารถเลือกแต่งสีและลายของรถได้หลากหลาย และเลือกรูปแบบการวางสติ๊กเกอร์สปอนเซอร์ได้อีก นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนกะทะล้อได้ด้วย แต่ทั้งหมดที่ทำไปนี้ดูแล้วไม่มีผลอะไรกับการขับ แค่ช่วยให้สวยขึ้นเฉย ๆ

แต่งลายได้ด้วย
ทางด้านความเสียหายเวลาเศษชิ้นส่วนกระจายเมื่อชนนั้นทำได้อย่างสะใจ ชิ้นส่วนต่างๆของรถสามารถหลุดได้ และการบุบของรถก็ทำได้อย่างดีเช่นกัน

ชนยับ
ท้ายที่สุดข้อเสียอีกอย่างคือมุมกล้อง replay ในภาคนี้นั้นซูมอยู่แต่กับตัวรถใกล้จนเกินไปเกือบจะตลอดเวลา นอกจากนี้ยังไม่มีมุมกล้องจากสนามหรือมุมมองทางไกลอื่น ๆ ด้วย ทำให้ดูไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่และจำเจสำหรับคนที่ชอบดู replay หลังแข่งครับ
Sound
ฟังเองเถิดจะเกิดผล
เสียงของเกมนี้นั้นทำได้อย่างไร้ที่ติทั้งเสียงเครื่องยนต์รถที่แผดได้อย่างมีพลังแต่ไม่น่ารำคาญ เสียงครบทุกย่านอย่างสมจริง เรียกได้เลยว่าอัดมาได้ดีมากครับ นอกจากนี้เมื่อเวลาขับเข้าอุโมงค์นั้นเสียงสะท้อนมันกึกก้องกังวานได้อย่างเสนาะหู เสียงเอฟเฟกต่าง ๆ ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการชน การเฉี่ยว การเสียดสีทำได้อย่างมีพลัง ที่สำคัญคือเวลาที่รถเริ่มไถลนั้น เสียงยางทำได้อย่างดีและมีประโยชนมาก เพราะตรงนี้ทำให้เรา counter steer ได้ทัน นอกจากนี้เสียงบรรดาผู้ชมข้างสนามนั้นมีการตอบสนองด้วยเช่นถ้าเราชนมีการร้องโอ้ว~ แถมถ้าฟังดี ๆ แล้วแต่ละสนามนั้นผู้ชมข้างทางพูดต่างภาษากันตามท้องที่ซะด้วย อย่างไรก็ดีบางคนบอกว่ารำคาญเสียงของคนพูดเวลาแข่ง ซึ่งผมว่ามันทำให้เกมไม่น่าเบื่อและมีสีสันขึ้นมา แต่ถ้าผู้เล่นไม่ชอบก็สามารถปิดได้ครับ
ส่วนเพลงประกอบคัดสรรมาได้อย่างดี เสริมอารมณ์ให้กับเกมได้อย่างลงตัวครับ
มาดูคะแนนกันเลย
Driving Physics: 7.5
ถึงแม้การควบคุมจะเฉียบคมและการถ่ายน้ำหนักทำได้ดี แต่ส่วนประกอบอื่นทำให้เกมกลายเป็นอาเขตที่เกือบจะดาษดื่น รถคลาสแรก ๆ ขับดี แต่รถคลาสหลัง ๆ แทบจะกลายเป็น Ridge Racer ทำให้ขัดกับรูปแบบของเกม แต่โดยรวมยังเล่นได้สนุก
Gameplay: 7
ถึงรถจะเลือกมาดี แต่สนามนั้นมีเพียงการแข่งบนเขาที่พอจะน่าสนใจไม่น่าเบื่อ ประกอบกับ AI เกรียนทำให้การเล่นน่ารำคาญ แถมยังไม่มีโหมด LAN อีก ยังดีการเล่นออนไลน์นั้นมีค่อนข้างหลากหลายทั้งเล่นกับคนอื่นในสนามเดียวกันและทำผ่าน leaderboard แข่งกับเพื่อน รวมถึงระบบคู่แข่ง (Rivals) ที่พอจะกู้หน้าได้บ้าง
Graphic: 9.8
สวยงามจับใจ เสียดายที่ยังใช้ mask ความละเอียดแค่ครึ่งเดียวของ texture อยู่ กับไม่มี cockpit view
Sound : 10
เหมาะสม อลังการ สมส่วน ไม่มีเกมไหนที่น่าฟังกว่านี้แล้วในปัจจุบัน
Overall : (7.5*6)/10)+((7*2)/10)+(9.8/10)+(10/10) = 7.88
สรุป ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Codemasters ทำเกมภาคต่อได้แย่กว่าภาคก่อนหน้า จากภาคที่แล้วที่เรียกว่าเป็น benchmark ของเกมขับรถมาถึงภาคนี้ดูแล้วไม่ค่อยตั้งใจทำเท่าไหร่ แถมเปลี่ยนไปเป็นแนว Arcade ที่มีปัจจุบันเกือบจะดาษดื่น แต่โดยรวมยังสามารถเล่นได้สนุก ทั้งนี้ตัวเกมเองเป็นอะไรที่ค่าใช้จ่ายบายปลายเอาเรื่อง เพราะมี DLC ออกขายตั้งแต่วันแรกที่วางตลาด ทั้ง ๆ ที่ของพวกนี้ควรจะอยู่ในเกมตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ และ Codemasters ยังมีแผนวางจำหน่าย DLC ใหม่เพิ่มเรื่อย ๆ อีกต่างหาก
ข้อดี
- ความสนุกโดยรวมทำได้ดี
- รถในเกมน่าขับ
- ภาพเสียงอลังการ
- โหมดออนไลน์ทำได้ดี และมีการผสมการแข่งขันในหมู่เพื่อนลงใน single player
ข้อเสีย
- เกมเพลย์ single player ค่อนข้างน่าเบื่อและ AI น่ารำคาญ
- รถระดับสูงบางคันวิธีการขับน่ารำคาญ
- ฟีเจอร์เด่น ๆ หลายอย่างถูกตัดออกไปจากภาคที่แล้ว
- DLC มันจะเยอะไปไหน?
เหมาะสำหรับ
- แฟนเกมขับรถทั่วไป ด้วยระบบการขับที่เล่นได้ง่ายและต้องมีการฝึกนิดหน่อย ทำให้เล่นได้สนุกทุกคน
- ไม่ยึดติดกับรูปแบบเกมของเดิม เล่นเพื่อความสนุกล้วน ๆ
ไม่เหมาะสำหรับ
- คนที่ต้องการระบบการขับแบบสมจริงทุกด้าน
- แฟนบอย cockpit view ที่จนป่านนี้ก็ยังบ่นว่าไม่มีขับไม่ได้โดยไม่ได้ดูว่ามันสามารถแก้ไฟล์เกมได้
สำหรับรีวิว GRID 2 ก็หมดเพียงเท่านี้ ขออภัยที่ออกช้าและขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาตลอด สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
ปล ขออภัยในบางภาพที่ไม่ใช่ลายออริจินอลของเกม แต่เป็นลายรถที่ผมทำเอง คือที่เป็นลายการ์ตูนทั้งหมดนั่นล่ะ

Comment