Formula 1 2012

สวัสดีครับ มาพบกันอีกครั้งกับรีวิว Co-op ร่วมกันเขียนระหว่างผม Beaver_XT และ WindCruiser กับ Formula 1 2012 เกมขับรถที่เร็วที่สุดในโลก ซึ่งตอนนี้ก็มาถึงภาคที่ 4 กันแล้วสำหรับแฟรนชายส์ F1 จาก Codemastersเริ่มจาก F1 2009(ไม่ลง PC)นะครับ มาถึงตอนนี้จะมีอะไรใหม่ อะไรปรับปรุงกันบ้าง ขอเชิญรับชมกันได้เลยครับ
เนื่องจากบางอย่างนั้นพูดไปแล้วใน F1 2011 ดังนั้นทางที่ดีควรจะไปอ่านมาก่อนสักรอบนึงเน้อ คลิกที่นี่ได้เลย >>F1 2011 Review by WindCruiser&Beaver_XT<<
และเช่นเคย รีวิวนี้ยาวววววววววมากกกกกกกก ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปลุยกันเลย
F1 2012 ผลิตโดย Codemasters Birmingham ใช้ Ego Engine เช่นเดิมครับ และเกมนี้ยกเลิกการใช้ระบบออนไลน์ Game for Windows Live ไปเรียบร้อยแล้ว หันมาใช้ Steam ประกอบกับระบบ Racenet ของตัวเองแทน
ทางด้านกฏของ Formula 1 ในปีนี้นั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากปีที่แล้วมาก ยังมีการใช้งาน Kersและ DRS อยู่แต่การใช้งาน Blown Diffuser หรือ Blown Floor นั้นถูกแบนหรือยกเลิกไปแล้ว ทำให้แรงเกาะขณะเข้าโค้งนั้นน้อยลง ส่งผลให้ความเร็วในการเข้าโค้งลดลงไปด้วย ซึ่งจะกล่าวถึงในโอกาสต่อไปในเรื่องระบบการขับครับ
นอกจากกฏที่เปลี่ยนไปแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนไปอีกอย่างและสามารถเห็นได้เลยเมื่อเปิดเกมเข้าไปคือหน้าเมนูครับ

พื้นหลังเมนูในเกมนี้จะเป็นแบบใน Showroom และเห็นตัวรถแทนที่จะเป็นบรรยากาศการแข่งครับ เรียกได้เลยว่าแค่เปิดเกมมาก็โชว์กราฟฟิคกันสุดๆแล้ว
มาดูกันเป็นส่วนๆเลยดีกว่าครับว่าอะไรดีขึ้น แย่ลง หรือปรับปรุงไปแค่ไหน
ระบบการขับ หรือ Driving Physics

เริ่มแข่งอย่างมั่นใจ ด้วยระบบการขับปรับปรุงใหม่
มาเริ่มกันที่สิ่งที่ปรับปรุงใหม่ก่อน สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือระบบ suspension หรือช่วงล่างใหม่ ส่งผลให้ทั้งอาการของรถและ Force Feedback (สำหรับผู้ที่เล่นกับจอยพวงมาลัย) มีไดนามิคมากขึ้น อาการของรถสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น เวลาปกตินั้นจะเห็นได้ชัดเมื่อปีนขอบ kurb ต่างๆ ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากภาคก่อนอย่างเห็นได้ชัด และโดยเฉพาะเมื่อตอนฝนตกยิ่งแสดงผลอย่างชัดเจนครับ นอกจากนี้สิ่งที่คัญอีกอย่างคือยางครับ โดยภาษิตของ Formula 1 ตั้งแต่สมัย 2011 มาแล้วคือ "Right tyre at the right time." หรือต้องใส่ยางให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่สุดเพื่อให้ได้เวลาที่ดีที่สุด
ในภาคนี้นั้นยางแบ่งเป็น 6 ประเภทดังนี้
4 อันแรกเป็นยางสำหรับสนามแห้ง แต่ละสนามจะเลือกมาให้เรามา 2 อันแตกต่างกัน โดยอันที่แข็งกว่าจะเป็น prime และอันที่นิ่มกว่าจะเป็น option แต่ยาง prime จะมีอายุยาวกว่าแต่ให้แรงเกาะน้อยกว่าครับ
1. Super Soft ขอบแดง นิ่มสุด หนึบสุด แต่สึกง่ายที่สุด
2. Soft ขอบเหลือง นิ่ม แรงเกาะสูง สึกง่ายขึ้นมาหน่อย
3. Mediumขอบขาว เกือบแข็ง แรงเกาะปานกลาง สึกยาก
4. Hardขอบเงิน(เทา) แข็ง แรงเกาะน้อยที่สุดในบรรดายางแห้ง แต่สึกยากที่สุด
5. Intermediate สำหรับฝนตกเบาๆและสนามกำลังแห้ง
6. Wet สำหรับฝนตกหนักและสนามเปียกมากๆ
ซึ่งภาคนี้ได้เพิ่มความละเอียดของการสึกของหน้ายางเพิ่มขึ้นมาโดยที่ 4 ล้อจะสึกไม่พร้อมกันเหมือนภาคก่อนๆแล้ว คราวนี้ถ้าเราใช้งานล้อไหนหนักมาก ล้อนั้นก็จะไปไวกว่าชาวบ้านเค้าแล้วรถก็จะขับยากเข้าไปอีก
นอกจากเลือกยางที่จะใช้แล้วยังต้องคำนึงถึงเวลาที่ใช้ในการเข้าพิทเปลี่ยนยางอีกด้วย ยางแต่ละชนิดจะมีแรงเกาะในแต่ละสถานะไม่เหมือนกันทั้งอุณหภูมิยาง ระดับความสึกของหน้ายางและสภาพสนาม ทุกอย่างที่ว่ามาส่งผลกับการขับทั้งหมด ซึ่งตรงนี้เราก็รู้มาจากภาคที่แล้วมาถึงในภาคนี้นั้นก็ทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมอีกครับยางนั้นจะมีความสามารถเต็มที่เพียงไม่นาน หลังจากนั้นคุณภาพจะลงลงอย่างเร็วมาก เรียกได้ว่าคือคุณสมบัติยาง F1 จากPirelli ในปัจจุบันอย่างแท้จริง เป็นหน้าที่ของผู้เล่นที่จะต้องค้นหาจุดนั้นให้ได้เพื่อดึงความสามารถสูงสุดออกมาให้ได้ในเวลาที่ต้องการที่สุดเช่น Qualify หรือรอบที่จะแซงนอกจากตอนที่ขับแล้ว อีกอย่างที่ขาดไม่ได้สำหรับการแข่ง Formula 1 เลย คือตอนออกตัว ในภาคนี้นั้นได้รับการปรับปรุงมาอย่างดี ถ้าหากเร่งเครื่องเพื่อออกตัวได้รอบแล้วเรียกได้เลยว่าแค่ออกตัวดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง ไม่ได้แค่กดๆเข้าไปเหอะเดี๋ยวรถก็พุ่งออกไปแบบภาคที่แล้วครับ
ของใหม่อีกอันที่ไม่พูดไม่ได้คือในภาคนี้สามารถปรับ Brake Bias ได้ขณะที่กำลังวิ่งอยู่แล้ว และยังส่งผลอย่างเห็นได้ชัดกับการเบรกด้วย โดยปรับไปด้านหน้านั้นจะทำให้ระยะเบรกสั้นลง แต่ดึงหน้ารถออกเวลาเบรก(ไม่เหมาะเวลาเบรกในทางโค้ง) ส่วนไว้ตรงกลางก็เดิมๆเหมือนกับที่ปรับมาจากในอู่ ถ้าปรับเบรกให้ไปด้านหลังก็จะทำให้ล้อหน้าหักเข้าได้ง่ายขึ้น แต่ทำให้ล้อหลังล๊อคแล้วรถหมุนได้
มาถึงของใหม่อีกอันกันบ้าง อย่างที่บอกไปแล้วว่าภาคนี้มีการเปลี่ยนกฏเรื่องการใช้ Blown Diffuser นะครับ ทำให้รถในเกมภาคนี้จะ understeer มาก... แต่มันมากเกินไปชนิดที่เรียกว่าบางครั้งถึงขั้นเลี้ยวไม่เข้าเลยทีเดียว ทำให้เล่นๆไปบางครั้งอารมณ์เสียสุดๆ เพราะต้องกะระยะเบรกให้ลงลงเหลือความเร็วเป๊ะ จังหวะเลี้ยวเป๊ะ ถึงจะเลี้ยวเข้า ไม่ under เกินไป นอกจากนั้นแล้ว วงเลี้ยวของเกมนี้มันโคตรจะอ้อมโลก เมื่อมาผสมกับอาการ understeetแบบสุด ๆ แล้ว ทำให้ยิ่งรู้สึกว่าหงุดหงิดจริงๆให้ดิ้นตาย สรุปว่า ของใหม่บางอย่างก็ไม่ได้ดีไปซะทั้งหมดหรอกนะ
มาดูสิ่งที่ยังเก็บไว้และทำได้ดีขึ้นคือรถแต่ละคันมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน ทำให้การขับแต่ละคันนั้นจำเพราะลงไปเลย
การใช้ KERS และ DRS ก็ยังทำได้ดีเหมือนเดิมครับ
แล้วอะไรที่ไม่ปรับปรุงบ้างล่ะ... อย่างแรกเลยนั่นก็คือการลงคันเร่งครับ เกมนี้ยังไม่สามารถ Burnout ได้เหมือนเดิม เอาเป็นว่าอันนีไม่ได้หนักหนาอะไรมากมาย เพียงแค่เวลาตามหลัง Safety Car แล้วต้องการให้ยางหลังคืนอุณภูมิเร็วๆนั้นทำไม่ได้
ต่อมาคือระบบความเสียหาย ซึ่งภาคนี้นอกจากจะแทบไม่ปรับปรุงแล้วแวบแรกยังเหมือนลดน้อยลงอีกด้วย การจะทำให้ล้อหักนั้นคือต้องพุ่งเอาหัวเสียบกำแพงที่ความเร็วสูงมากเลยทีเดียว ไม่งั้นก็ทำได้แค่ยางแตก แถมปีกหน้าก็หักได้แค่นิดๆหน่อยๆครับ ต้องชนค่อนข้างหนักถึงจะพังทั้งอัน แต่ทั้งหมดก็ยังส่งผลกับการขับอยู่ดีนะ แต่ในส่วนอื่นเช่นเครื่องยนต์ระเบิด ยางแตก นั้นมีให้เห็นได้บ่อยขึ้น และมี feedback ที่ทำให้รู้สึกได้ทันทีครับ เอาเป็นว่าเครื่องยนต์ระเบิดเนี่ยมันรู้อยู่แล้วเพราะรถหยุดแถมมีควันโขมงออกมาจากท้ายรถ แต่ยางแตกในภาคนี้ค่อนข้างรุนแรงแบบรถเป๋หลุดออกนอกสนามได้เลย
มาถึงการควบคุมในเกมนี้ จากภาคที่แล้วที่อยากได้ฟีดแบคทุกอย่าง"ต้อง"ใช้พวงมาลัย Force Feedback แต่ในภาคนี้นั้นสามารถสัมผัสความสนุกได้แม้จะใช้จอยแพดครับ การควบคุมรถไม่ได้ยากเย็น ใช้อะไรก็สามารถขับได้แม่นยำเหมือนกัน
ในการใช้จอยพวงมาลัย Force Feedback นั้นผู้เล่นจะได้พบกับประสบการณ์เต็มรูปแบบทั้งการตอบสนองของผิวสนามที่ดีขึ้น(หน่อย)จากภาคที่แล้ว under/over steer มีครบ แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่ก็เหมือนเดิมคือการสั่นตอนเปลี่ยนเกียร์ และอาการบีบตัวของล้อเมื่อเบรกหนักๆ (อีกแล้ว) ครับ
ส่วนการเล่นด้วยจอยแพดนั้น ระบบสั่นก็ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยมเลย ยกเว้นว่าบางคนอาจจะรำคาญ filter ที่ทำให้เวลาโยกจอยไปแล้วเลี้ยวช้ามาก ตรงนี้ก็สามารถ override ได้เช่นเคย แล้วก็ควรระวังด้วยเพราะโยกปั๊ปรถหักทันทีทำให้เสียการทรงตัวได้ง่ายๆเลยครับ
ทางด้านคีย์บอร์ดนั้นเล่นเกมแบบนี้ค่อนค่างลำบากสักนิด แต่ก็ยังเล่นได้ไม่ติดขัดนะ ปัญหาคือบางทีเราไม่สามารถกดหลายๆปุ่มได้พร้อมกันครับ โดยเฉพาะเกมนี้ค่อนข้างจำเป็นเมื่อเร่ง+เลี้ยว+KERS+DRS+ปรับส่วนผสมน้ำมัน/เลือกยาง/brake bias พร้อมกัน เอาจริงๆก็น้อยครั้งจะเกิดขึ้น แต่ก็เป็นไปได้ที่ต้องการหลายๆปุ่มพร้อมกันนะ
การปรับแต่งอุปกรณ์รับเข้าก็ทำได้เกือบละเอียดเหมือนเดิม ทั้ง deadzoneและ saturationของทุกแกน ส่วนแกนเลี้ยวสามารถปรับ linearity ได้ด้วยครับ
Gameplay
ทางด้านเกมเพลย์ของภาคนี้นั้น บอกได้เลยว่ามีการปรับปรุงขึ้นหลายอย่างครับ ก่อนอื่นเลยคือโหมดอาชีพนั้น เราไม่ได้เลือกทีมตั้งแต่ต้นว่าจะอยู่ทีมไหน แต่ต้องผ่านการเข้า Young Driver Test ก่อน แล้วเอาผลจากตรงนั้นไปเลือกทีมครับ ถ้าทำได้ดีมากก็จะมีทีมให้เลือกมากขึ้น

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการทดสอบนักแข่งหน้าใหม่ ทำดีมีโปรโมชั่น
ซึ่งในส่วนของ Young Driver Test นี้ เรียกง่ายๆเป็นการสอนเล่นเกมนี้นั่นเอง ว่ารถนั้นเป็นอย่างไร ขับอย่างไรให้เร็ว และการใช้อุปกรณ์ต่างๆเช่น KERS, DRS ใช้ย่างไร เมื่อไหร่ ทำให้คนที่เริ่มเล่นเป็นครั้งแรกนั้นปรับตัวได้ง่ายขึ้นหลายคนคงจำกันได้ว่าในภาคที่แล้วผมเคยบ่นว่าเกมไม่อธิบายอะไรเลยทำให้มือใหม่งง มาภาคนี้อธิบายเสร็จสรรพแทบทุกอย่างเลยครับขาดแค่การเลือกยางกับ brake bias เท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร ซึ่งก็เข้าไปดูปุ่มใน Option ได้โดยจะเขียนเป็นปุ่ม Quick Menu (Left,Right,Up,Down) ซึ่งสามารถกดได้ทุกเมื่อในขณะที่เราบังคับรถอยู่ ก็กดเหมือนเลือกการจ่ายน้ำมันแล้วเลือกหัวข้ออื่น ถ้าจะเปลี่ยนยางก็เลือกชนิดก่อนที่จะเข้าพิท จากนั้นจะได้เปลี่ยนเป็นยางที่ต้องการครับ
ในการแข่งขันของการดำเนินโหมดอาชีพนั้น ขอแบ่งเป็น 3 ระยะเลยก็แล้วกัน
- ก่อนแข่ง
จะมีสัญลักษณ์ขึ้นมาบอกเลยว่าในการแข่งไหนมีอีเวนท์สำคัญอะไรเกิดขึ้นบ้าง และจะมีการอ่าน e-mail รวมไปถึงข่าวๆต่างๆ รวมไปถึงสามารถตั้งค่าความยากง่ายในการเล่นได้ที่ตรงนี้ครับ
- ระหว่างการแข่ง
ช่วงเวลา Practice(ฝึกซ้อม)ของเกมนี้นั้นถูกตัดออกเหลือแค่ P เดียวเท่านั้น จากเดิม 3ครั้ง ดังนั้นใครพลาดอะไรไปถ้า flashback หมดก็ไม่ต้องคิดมาก restart session ได้เลยครับ และสามารถข้ามได้เลยโดยเลือกเล่นแบบ Short Weekend แต่ก็จะไม่ได้ทำ R&D เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพรถ
การ Qualify (คัดเลือก) สามารถเลือกได้ว่าจะวิ่งแค่รอบเดียว(One-Shot-Quialify) หรือ 3 ครั้ง(Full Qualify) ตามปกติได้
ทางด้านการแข่งนั้นสามารถเลือกได้เพียง 25%, 50% หรือ 100% เท่านั้น
เมื่อมีการทดสอบในช่วง practice นั้น ไม่ใช่แค่ต้องขับให้ได้ตามเวลาที่กำหนดเท่านั้น ยังมีอย่างอื่นให้ทำเพิ่มด้วย อย่างเช่นเราจะพัฒนารถให้ใช้ยางน้อยลง objectiveที่ต้องการให้เราทำก็จะเป็นการขับรักษายางให้ได้ตามที่กำหนดด้วย

ทำให้ได้ตามนี้ถึงจะได้อัพเกรด
ที่สำคัญคือหลังหมดช่วง practice แล้ว เราไม่สามารถปรับแต่งรถอีกได้อย่างภาคก่อน ๆ แล้วนอกจากองศาปีกหน้า ตรงนี้ก็ทำให้สมจริงตามกฏของ F1 เพิ่มขึ้นอีกครับ
และถ้าหากเรา Qualify ได้ตำแหน่งสูงๆแล้ว เป้าหมายในการแข่งก็จะเปลี่ยนไปด้วย ไม่ได้คงที่เหมือนกับภาคก่อนๆแล้ว เรียกง่ายๆว่าเป้าหมายมีการเปลี่ยนตลอดตามความสามารถที่เราทำได้
ส่วนในการเลือกกลยุทธ์การแข่งนั้น จากเดิมที่เคยเลือกได้แค่ยาง มาภาคนี้สามารถเลือกการใช้น้ำมันได้ด้วย ว่าจะเลือกน้ำมันเยอะๆ ขับชัวร์ๆ หรือปานกลางต้องมีการระวังการใช้นิดหน่อย หรือแม้แต่ใช้แค่เท่าที่จำเป็นเพื่อให้รถเบา แต่ต้องเสี่ยงกับน้ำมันหมดก่อนจบการแข่งขันครับ
- หลังแข่ง
ไม่มีการให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่จะมีสกู๊ปข่าวต่างๆว่าเกิดอะไรขึ้นแทน
การเล่นแบบ Single Player หรือเล่นคนเดียวนั้นยังมีอีกหลายโหมด คือ
- Quick Race แข่งแบบเร็ว เรียกง่ายๆก็เลือกทีม เลือกสนาม เลือกว่าฝนตกหรือไม่ตก ปรับแต่งการแข่งแล้วก็แข่งได้เลยในโหมดนี้สามารถเลือกระยะทางการแข่งได้หลากหลายกว่าโหมดอาชีพครับ เพราะเลือกได้ทั้ง 3 รอบ, 5รอบ, 25%, 50%, 100%
- Season Challenge อยู่ในกลุ่มของโหมดอาชีพ เป็นการแข่งโหมดอาชีพสั้นๆได้ใจความภายใน 10สนาม โดยจะเลือกคู่แข่งที่ต้องการ จากนั้นก็qualify โดยการวิ่งรอบเดียวแล้วเข้าแข่ง 5รอบ โดยพยายามเอาชนะคู่แข่งที่เราเลือกไว้ให้ได้ โดยจะต้องชนะให้ได้ 2/3 สนาม และเมื่อชนะได้ 2 สนามแล้ว ทีมของคู่แข่งจะยื่นสัญญามาให้เราไปเสียบที่นั่งคู่แข่งที่เราเลือก ซึ่งเราจะปฏิเสธก็ได้แต่เราก็ไม่สามารถท้าคู่แข่งคนเดิมได้อีก จำเป็นต้องเลือกคนอื่น แล้วก็เก็บคะแนนคว้าแชมป์ให้ได้เมื่อจบฤดูกาล
ใน Proving grounds นั้นจะมีอีก 3 อย่างคือ
- Champions Mode จะเป็นการที่เราไปท้าดวลกับแชมป์โลกทั๊ง 6 คนที่แข่ง F1 ในปีนี้ ซึ่งมีทั๊ง ไรโคเน่น แฮมมิลตัน บัทตัน เวทเทล อลอนโซ่ และลุงชูมัคเกอร์ ซึ่งจะมีสถาณการณ์ต่างๆมาให้เราเล่น เช่นแซงให้ได้ อย่าให้โดนแซง หรืออื่นๆ เมื่อทำได้ตามวัตถุประสงค์แล้วก็จะเปิดอันต่อไปมาให้เล่นซึ่งพอชนะได้หมดก็จะไปแข่ง Ultimate Challenge ที่ต้องดวลขับทั๊ง 6 คนพร้อมกัน
- Time Attack อันนี้คือการเล่นจับเวลาครับ โดยที่จะล๊อกรถกับสนามและสถาณการณ์ไว้ ให้ทุกคนเท่าเทียมกัน มีไม่ครบทุกสนาม จะเป็นการทำเวลาให้ได้ตามที่กำหนดเพื่อชิงเหรียญทอง เงิน ทองแดงครับ
- Time Trial คล้ายๆอันข้างบนแต่มีทุกสนามและสามารถเลือกรถได้เองเอาไว้แข่งเทียบเวลากันกับ Leader Board ไม่ได้ชิงเหรียญแต่อย่างใด
จากที่อ่านมาทั้งหมดคงสงสัยว่าโหมดที่ให้สร้างการแข่งขันเองโดยที่เรียงสนามเองได้ล่ะหายไปไหน ก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับหลายๆท่านด้วยครับ เพราะโหมดนี้ก็ถูกตัดออกไปเหมือนกัน

กระทบไหล่บรรดาแชมป์โลก
ดูเรื่องโหมดการแล้วแล้วก็มาดูสนามกันต่อ ในการแข่งขันนั้นแต่ละนามก็ต่างกันไปแต่ละปีในภาคนี้มีการเพิ่มสนามใหม่เข้ามาอีกแล้วนั่นคือ Circuit of the America ที่ Austin, Texas ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเกมแรกอีกเช่นเคยที่มีสนามนี้และเช่นเคยกับสนาม German GP ที่สลับกันระหว่าง Nurburgringและ Hockenheim ในแต่ละปี ซึ่งในปีนี้เป็นคิวของ Hockenheimครับ นอกจากสนามใหม่ๆที่เพิ่มเข้ามาแล้ว แต่ละสนามก็มีการปรับปรุงอยู่เสมอ ซึ่งแต่ละสนามนั้นถึงเลย์เอาท์จะเป็นของปีนี้ แต่ตัวสนามพวก gravel trap และ run-off area จะได้รับการปรับปรุงให้เป็นรูปแบบใหม่ตามของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ก็ว่าอะไรทีมงานไม่ได้เพราะใครจะไปรู้ว่าแต่ละสนามจะเป็นอย่างไรในปีนี้เมื่อตัวเกมออกก่อนหน้าที่จะไปแข่งในสนามนั้นๆ ซะอีก นั่งเทียนกันได้ขนาดนี้ก็ถือว่าโอเคแล้ว จะออกมาตรงหรือไม่ตรง 100% ก็ว่ากันอีกทีครับ
ส่วน Feedback จากตัวสนามนั้นทำได้ดีมาก บรรดาพื้นถนนนั้นมีชีวิตชีวาขึ้น มีความขรุขระที่เพิ่มขึ้นในบางจุดอย่างสัมผัสได้ โดยรวมแล้วถ้าไม่ยึดเป็ะว่าต้องออกมาเหมือนของปีนี้ทั้งหน้าตาและโลโก้เนี่ย สนามทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะครับ
ทางด้าน AI ของเกมนี้นั้นก็ได้รับการปรับปรุงอย่างมาก แค่ระดับกลางหรือ Intermediate นั้นก็สามารถทำให้เหงื่อตกได้เหมือนกัน ไม่ได้สามารถใช้รถท้ายตารางแซงพรวดๆได้เหมือนสมันก่อนแล้ว ไม่ต้องพูดถึง Professional กับ legends เลย นอกจากนี้ยังมีการแซงที่เหนือชั้นกว่าเดิมเยอะด้วย รู้จักที่จะใช้โอกาสจากช่องโหว่ของเรา ไม่ว่าจะจากความผิดพลาดในการขับหรือจากยางที่เราใช้ไม่เหมาะกับสถานการณ์ แต่ทว่า AI ในการแข่งสนามเปียกก็ยังเร็วเวอร์เหมือนเดิมครับโดยเฉพาะเวลา Qualify ไม่รู้วิญญาณ Ayrton Senna มาสิงหรืออย่างไร แต่มันวิ่งกันไวเหลือเกิน
อีกอย่างที่ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับการแข่ง Formula 1 คือการเลือกยาง จากความสำคัญของยางทีมีเพิ่มขึ้นในภาค 2011 แล้ว มาถึงภาคนี้ก็ถือว่าเป็นส่วนที่ปรับปรุงให้เยี่ยมกว่าเดิมซะอีก เนื่องจากยางแต่ละชนิดนั้นให้ผลไม่เหมือนกันแตกต่างกันไปตามสถาณการณ์อย่างที่กล่าวไปในระบบการขับแล้ว เรายังต้องคำนึงถึงเวลาที่จะเข้าพิทเปลี่ยนยางด้วย จะเข้าก่อนหรือเข้าหลัง จะรักษาหน้ายางได้เท่าไหร่ ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้เล่นต้องพัฒนาและปรับเปลี่ยนสไตล์การขับอยู่เสมอตามสถานการณ์ครับ พูดถึงสถาณการณ์ที่ว่าแล้วนั่นก็คือระบบภูมิอากาศของ F1 2012 นั่นเอง ในภาคนี้ได้อัพเกรด Dynamic Weather System ระบบลมฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเข้าไปอีก แข่งๆไปฝนอาจจะตก ไปๆมาๆสนามก็แห้งลงได้อีก เพิ่มความเร้าใจในการแข่งให้กับผู้เล่นได้เป็นอย่างดี แล้วยังไม่พอแค่นั้น สนามในแต่ละส่วนนั้นอาจจะมีสภาพต่างกันก็ได้ เช่นส่วนนึงเปียก อีกส่วนนึงแห้ง ถือว่าเป็นของใหม่มากสำหรับเกมขับรถ และเป็นอีกส่วนที่สำคัญในการแข่ง Formula 1 ที่ได้รับการเพิ่มเติมเข้ามาในปีนี้ครับทำให้การแข่งขันยิ่งเร้าใจขึ้นไปอีก แล้วก็วนย้อนกลับไปเรื่องเปลี่ยนยางครับว่าต้องเลือกยางให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่สุด ทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคันอื่นใส่ยางอะไรอยู่ เข้าพิทไปกี่ครั้ง ถึงเวลาที่เราควรเข้าพิทเปลี่ยนยางหรือยัง ในเกมนี้ก็มีฟีเจอร์อีกอย่างที่นำมาจากภาคที่แล้วคือ Race Director ที่สามารถดูได้ว่าแต่ละคันเข้าพิทไปกี่ครั้ง ปัจจุบันใช้ยางอะไร เวลาเร็วที่สุดเท่าไหร่ เป็นส่วนช่วยในการตัดสินใจและวางแผนการขับของเราครับ นอกจากนี้ยังดูได้ด้วยว่าใครชนกับใคร เกิดอุบัติเหตุ(ร้ายแรง)อะไรบ้าง
เมื่อแข่งกับ AI แล้วก็ได้เวลาใช้ทักษะไปแข่งกับคนอื่นบ้าง ในการเล่นแบบ Multiplayer หรือผู้เล่นหลายคนในเกมนี้สามารถเล่นได้ทั้ง Online ผ่านระบบ Racenetซึ่งเป็นของCodemastersเอง จะผ่าน LAN เล่นกันก็เข้าที ทั้ง 2 อย่างเล่นได้พร้อมกันถึง 16 คน และสามารถเติมด้วย AI อีก 8 ให้เต็มสนามครับ หรือจะแบ่งจอกันเล่นสองคนแบบ Split Screen ก็เข้าท่า
มาดูทางด้านหน้าเมนูกันบ้าง ในเกมนี้เมนูได้รับการเปลี่ยนแปลงมาเป็นบรรยากาศใน Showroom และหน้าเมนูเป็นแบบเลื่อนไปมา เมื่อเข้าเมนูหลักไปแล้วจะมีเมนูรองขึ้นมาให้เลือกแบบ cover flow ซึ่งดูแล้วนอกจากจะทันสมัยแล้วยังเข้าใจง่ายครับ

หน้าเมนูแบบใหม่
Graphics

เอ้า เข็น...
เนื่องจากกฏใหม่ที่ต้องทำให้แต่ละทีมลดความสูงของจมูกหน้าลงมา ว่ากันตามตรงรถปีนี้ไม่สวยเลย หน้าอย่างกับจมูกเป็ด มีสวยอยู่คันเดียวคือ McLaren MP4-27 แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะว่าอะไรได้เกี่ยวกับภาพของเกมนี้น่ะนะ แค่อยากบ่นดังๆเฉยๆ
มาเริ่มกันที่ HUD ดีกว่า ในภาคนี้ HUD ได้เปลี่ยนแค่ส่วนเดียวคือ Rev LED จากโค้งไปเป็นตรงครับ ทำให้หน้าตาดูสะอาดสะอ้านขึ้นอีก นอกจากนี้ HUD สามารถเลือกเปิด-ปิดได้ตามใจปรารถนาด้วย
ทางด้านลายของหมวกกันน๊อคนั้นมีให้เลือกมากถึง 44 ลายกันเลยทีเดียว นอกจากนี้มุมมองของเกมยังมีเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่างคือ offset T-Cam (มุมสูงเบี่ยงซ้าย)ที่ทำให้เหมือนกับมุมกล้องเวลาถ่ายทอดสดการแข่งกันเลยครับ
เมื่อลองลงสนามนั้นสิ่งแรกที่สังเกตได้คือแสงเงาในภาคนี้นั้นได้รับการปรับปรุงให้สวยงามยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ เงาสะท้อนจากบรรยากาศรอบข้างทำได้ดีมาก สดใส และเป็นธรรมชาติ โมเดลก็ปั้นมาได้อย่างสวยงามและรายละเอียดครบถ้วน ความสวยงามของเกมนี้นั้นจะไม่เห็นชัดจนกระทั่งฝนตก จะเห็นเม็ดฝนเกาะตามรถไปยันจอของผู้เล่นเลยทีเดียว ที่ว่าภาคก่อนๆสวยแล้ว ภาคนี้ยังสวยกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ฝนตกเปาะแปะ
ส่วนเวลาเข้าพิทนั้น จากเดิมที่เราจะเห็นแค่จากมุมมองในรถ แล้วถูกยกขึ้น ได้ยินก๊อกแก๊กๆรอบๆตัวแล้วก็โดนปล่อยออกไป ต่ในภาคนี้จะมีอนิเมชั่นของบรรดาช่างให้เราดูด้วย

DAT ASS
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงคิดว่าเกมนี้กินเสปกมากกว่าเดิมแน่ๆแต่เปล่าเลยครับ กลับลื่นกว่าเดิมด้วยซ้ำ ฮั่นแน่ คงคิดล่ะสิว่าเป็นไปไม่ได้... แต่เป็นไปแล้วครับ แน่นอนว่าไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆแต่ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นได้เลยว่ารายละเอียดบางอย่างลงลงไป เช่นถุงมือของนักแข่ง จากภาคที่แล้วที่มีริ้วมีรอยชัดเจน ให้รายละเอียดเหมือนถุงมือผ้าอย่างดี มาถึงภาคนี้ลดลงซะอย่างกับถุงมือยางล้างห้องน้ำติดกอเอี๊ย และถ้าดูตอนฝนตกดีๆจะเห็นว่าฝอยน้ำที่ออกมาจากล้อรถนั้นลดลงไปเยอะทั้งจากของรถเราและรถคู่แข่งด้วย ส่วนความเสียหายของตัวรถนั้นก็ไม่ได้มีเพิ่มขึ้นแถมยังน้อยลงด้วย จากถาคก่อนๆที่เมื่อชนอะไรสักอย่างจะเห็นซากกระจุยกระจาย มาถึงภาคนี้เศษชิ้นส่วนน้อยมาก แถมต้องชนหนักมากกว่าจะเกิดความเสียหาย

ตูม... กระเด็นออกมาแค่เนี้ย?
นอกจากนี้ Texture ยังไม่เพิ่มความละเอียด ทำให้เวลาซูมใกล้ๆหรือมองไปด้านหลังแล้วเห็นเลยเลยว่าพื้นผิวถูกขยายจนลายแตก

crop 100% จากมุมมองไปด้านหลัง
และถ้าหากผู้เล่นใช้ความละเอียดกว่างพิเศษแบบเล่นด้วยระบบหลายจอ เช่น AMD Eyefinity หรือ Nvidia Surround แล้วก็จะเห็นได้เลยว่าตัวเกมไม่เรนเดอร์ตัวละครที่เลยจากประมาณครึ่งหนึ่งของจอด้านข้างไป เห็นได้ชัดเวลาเข้าไปที่ parc ferme และวิ่งผ่าน pit lane ครับ

crop 100% จากจอด้านข้าง
ตรงนี้ควรจะปรับปรุงได้แล้วเพราะถ้าเป็นของปีที่แล้ว(2011) ไม่ทำยังไม่ว่า แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีไปไกลขึ้น คนเล่นด้วยความละเอียดมากขึ้นก็ควรจะปรับปรุงหน่อย ไม่ใช่ยึดเอาความละเอียดเดิมมาใช้เรื่อยๆ เมื่อ 2-3 ปีที่แล้วน่ะดูดี แต่สมัยนี้มันไม่ใช่แล้ว
เอาเป็นว่าภาพสวยขนาดนี้แต่กินเสปกไม่มากมายก็ไม่อยากบ่นอะไรไปมากกว่านี้แล้วน่ะนะ (หมดเรื่องให้สับแล้วด้วย อิๆ)
Sound
ไม่มีอะไรอธิบายได้ดีเท่าลองฟังเอง
อย่าคิดว่าหมวดนี้ไม่ถูกตัดฟีเจอร์ออก... โดนเหมือนกันหมดล่ะ แต่เป็นสิ่งที่โดนตัดออกแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางลบ เรียกง่ายๆคือดีขึ้นในทุกด้านครับ สิ่งที่ถูกตัดออกไปคือ Blueripple Sound / Rapture 3D แต่เสียงในเกมนี้นั้นเรียกได้เลยว่าเข้าใกล้สมบูรณ์แบบจริงๆ ทั้งเสียงเครื่องที่ต่างกันไปเป็นแบบจำเพาะของเครื่องแต่ละยี่ห้อ เสียงมาครบทุกย่าน ไม่แหบจนแตก แต่ก็ไม่ทุ้มจนด้านไร้สีสัน เมื่อวิ่งผ่านพื้นที่ปิดเช่น อุโมง ลอดใต้สะพาน หรือใกล้กำแพงสูงๆ เราก็จะได้ยินเสียงก้องของเครื่องบนตร์สะท้อนกลับมาด้วย และเมื่อวิ่งผ่านอัฒจรรย์แล้วได้ยินเสียงแฟน ๆ ร้องเชียร์ช่างได้อารมณ์ซะเหลือเกิน นอกจากนี้ยังมีเสียงลมพัดผ่าน เสียงจากการใช้งาน KERS และ DRS
ยังไม่หมดกับเสียงเอฟเฟก ซึ่งในส่วนนี้ก็ทำได้ดีไม่ว่าจะชนหรืออะไรก็จะดังตุบตับ เวลาหักก็มีเสียงกร๊อบ เอาเป็นว่าสำหรับคนที่ดูอยู่เป็นประจำคงพอเข้าใจว่าเวลาชนรถ Formula 1 เสียงไม่ได้โหดอะไรมากมายนักเพราะชิ้นส่วนพวกคาร์บอนไฟเบอร์เวลาหักก็ไม่ได้ดังอะไรครับ ดูเหมือนไม่ค่อยได้อารมณ์คือมันไม่ตูมตามโครมคราม แต่แบบนนี้ก็เยี่ยมแล้ว
ส่วนสคริปท์ของ Race Engineer นั้นมีรายละเอียดมากขึ้นอีกหน่อย และสามารถปรับได้ด้วยว่าจะให้บอกเรื่อยๆ บอกเฉพาะข้อมูลสำคัญ หรือจะปิดไปเลยก็ยังได้
ในเรื่องเพลงภาคนี้ก็โดนตัดออกไปเหมือนกัน โดนจะไม่มีเพลงจาก Various Artists คือเพลงจากศิลปินหรือวงต่างๆมาใส่ในเกมแล้ว จะเหลือแต่เพลง Original Soundtrack คือเพลงที่แต่งมาเพื่อเกม F1 2012 โดยเฉพาะ ซึ่งภาคนี้ก็แต่งออกมาได้ไม่แพ้ภาคก่อนๆเลยเหมือนกัน
มาดูคะแนนกันเลย
Driving Physics Beaver_XT & WindCruiser : 8 & 8.2 เฉลี่ย = 8.1
ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงไป แต่ยิ่งเล่นยิ่งรู้สึกหงุดหงิดจากอาการ understeer และวงเลี้ยวแสนอ้อมโลก FFB ดีขึ้นนิด แต่ไม่ได้ดีกว่าเดิมเท่าไหร่ โดยรวมแล้วความสนุกในการขับยังสู้ภาคก่อนไม่ได้ด้วยซ้ำ
Gameplay Beaver_XT & WindCruiser : 9 & 8.5 เฉลี่ย = 8.75
นอกจากระบบอาชีพที่พัฒนาขึ้นแล้ว การเล่นแบบผู้เล่นคนเดียวยังมีอะไรให้ทำมากขึ้นด้วย แต่ทว่าน่าเสียดายที่ตัดฟีเจอร์ต่างๆที่ทำให้การแข่ง F1 สมบูรณ์แบบออกไป แถมยังไม่สามารถสร้าง championship ได้เองโดยเรียงสนามเองอีกต่างหาก ยังก่อนยังไม่หมด บั๊กนรกเซฟเสียยังตามมาหลอกหลอนด้วยนะเออ
Graphic Beaver_XT & WindCruiser : 9.6 & 9.5 เฉลี่ย = 9.55
สวยงามขึ้น แต่บางอย่างกลับลดลงไป ยังดีที่ส่วนที่ลดลงไปคือสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นหรือทันสังเกตเห็นนักนอกจากถุงมือนักแข่ง
Sound Beaver_XT & WindCruiser : 9.8 & 9.7 เฉลี่ย = 9.75
พัฒนาขึ้นอย่างมาก ทำให้ประสบการณ์การเล่นนั้นเกือบสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
Overall : (8.1*6)/10)+((8.75*2)/10)+(9.55/10)+(9.75/10) = 8.54
สรุป F1 2012 นั้นสานต่อภาคก่อนได้อย่างดี แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นยอดเยี่ยมเพราะถูกตัดฟีเจอร์บางอย่างออกไป โดยรวมแล้วสามารถเล่นคนเดียวได้สนุกพอสมควรจาก AI ที่ฉลาดขึ้น โหมดการเล่นเดี่ยวที่เพิ่มมากขึ้น และจากการปรับปรุงหลาย ๆ อย่างของตัวเกมทั้งด้านภาพและเสียง ส่วนในการเล่นหลายคนนั้น... ถ้าทนบั๊กหาห้องไม่เจอหรือต่อไม่ติดได้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว
ข้อดี
- พัฒนาจากภาคที่แล้วทั้งภาพและเสียง แต่ไม่ได้กินเสปกเพิ่ม
- มีสนามใหม่คือ Circuit of the Americas ก่อนเกมอื่น
- มีการควบคุมที่แม่นยำ และการตอบสนองของรถที่ดี
- โหมดผู้เล่นเดี่ยวมีมากขึ้น มีความท้าทายสูงขึ้น
- เป็นเกม Steam ไม่ใช่ Game for Windows Live แล้ว ดังนั้นไม่ต้องเฟกที่อยู่เวลาสมัครครับ (GFWL ไม่มีประเทศไทย)
ข้อเสีย
- ระบบการขับแสน understeer ที่ขับไปนานๆแล้วอารมณ์เสียได้
- ถูกตัดฟีเจอร์บางอย่างออก
- บั๊กนรกเซฟเสีย แถมยังไม่สามารถแบ๊คอัพเซฟไว้ได้เพราะเป็น Steam Cloud
เหมาะสำหรับ
- แฟนพันธุ์แท้ Formula 1 ที่ต้องการเก็บสะสมให้ครบทุกภาค
- แฟนเกมขับรถ ถึงแม้จะมีอะไรขัดใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แย่ถึงขั้นไม่น่าเล่น
ไม่เหมาะสำหรับ
- แฟน Formula 1 แบบจุกจิกทุกรายละเอียดต้องเป๊ะ เพราะเกมโดนตัดซะหายไปหลายอย่าง
ท้ายที่สุดก่อนจากกันไปผมเจอวิธีแก้บั๊กเซฟเสียเลยเอามาฝากกันครับ
สำหรับรีวิว F1 2012 ก็หมดเพียงเท่านี้ ทีแรกผมดะจะเขียนสั้นๆสัก 3-4หน้าก็พอ ไปๆมาๆมันยาวมาได้ถึงขนาดนี้ก็ทนอ่านกันหน่อยเน้อ พบกันใหม่โอกาสหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ

สวัสดีครับ มาพบกันอีกครั้งกับรีวิว Co-op ร่วมกันเขียนระหว่างผม Beaver_XT และ WindCruiser กับ Formula 1 2012 เกมขับรถที่เร็วที่สุดในโลก ซึ่งตอนนี้ก็มาถึงภาคที่ 4 กันแล้วสำหรับแฟรนชายส์ F1 จาก Codemastersเริ่มจาก F1 2009(ไม่ลง PC)นะครับ มาถึงตอนนี้จะมีอะไรใหม่ อะไรปรับปรุงกันบ้าง ขอเชิญรับชมกันได้เลยครับ
เนื่องจากบางอย่างนั้นพูดไปแล้วใน F1 2011 ดังนั้นทางที่ดีควรจะไปอ่านมาก่อนสักรอบนึงเน้อ คลิกที่นี่ได้เลย >>F1 2011 Review by WindCruiser&Beaver_XT<<
และเช่นเคย รีวิวนี้ยาวววววววววมากกกกกกกก ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปลุยกันเลย
F1 2012 ผลิตโดย Codemasters Birmingham ใช้ Ego Engine เช่นเดิมครับ และเกมนี้ยกเลิกการใช้ระบบออนไลน์ Game for Windows Live ไปเรียบร้อยแล้ว หันมาใช้ Steam ประกอบกับระบบ Racenet ของตัวเองแทน
ทางด้านกฏของ Formula 1 ในปีนี้นั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากปีที่แล้วมาก ยังมีการใช้งาน Kersและ DRS อยู่แต่การใช้งาน Blown Diffuser หรือ Blown Floor นั้นถูกแบนหรือยกเลิกไปแล้ว ทำให้แรงเกาะขณะเข้าโค้งนั้นน้อยลง ส่งผลให้ความเร็วในการเข้าโค้งลดลงไปด้วย ซึ่งจะกล่าวถึงในโอกาสต่อไปในเรื่องระบบการขับครับ
นอกจากกฏที่เปลี่ยนไปแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนไปอีกอย่างและสามารถเห็นได้เลยเมื่อเปิดเกมเข้าไปคือหน้าเมนูครับ

พื้นหลังเมนูในเกมนี้จะเป็นแบบใน Showroom และเห็นตัวรถแทนที่จะเป็นบรรยากาศการแข่งครับ เรียกได้เลยว่าแค่เปิดเกมมาก็โชว์กราฟฟิคกันสุดๆแล้ว
มาดูกันเป็นส่วนๆเลยดีกว่าครับว่าอะไรดีขึ้น แย่ลง หรือปรับปรุงไปแค่ไหน
ระบบการขับ หรือ Driving Physics

เริ่มแข่งอย่างมั่นใจ ด้วยระบบการขับปรับปรุงใหม่
มาเริ่มกันที่สิ่งที่ปรับปรุงใหม่ก่อน สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือระบบ suspension หรือช่วงล่างใหม่ ส่งผลให้ทั้งอาการของรถและ Force Feedback (สำหรับผู้ที่เล่นกับจอยพวงมาลัย) มีไดนามิคมากขึ้น อาการของรถสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น เวลาปกตินั้นจะเห็นได้ชัดเมื่อปีนขอบ kurb ต่างๆ ที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากภาคก่อนอย่างเห็นได้ชัด และโดยเฉพาะเมื่อตอนฝนตกยิ่งแสดงผลอย่างชัดเจนครับ นอกจากนี้สิ่งที่คัญอีกอย่างคือยางครับ โดยภาษิตของ Formula 1 ตั้งแต่สมัย 2011 มาแล้วคือ "Right tyre at the right time." หรือต้องใส่ยางให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่สุดเพื่อให้ได้เวลาที่ดีที่สุด
ในภาคนี้นั้นยางแบ่งเป็น 6 ประเภทดังนี้
4 อันแรกเป็นยางสำหรับสนามแห้ง แต่ละสนามจะเลือกมาให้เรามา 2 อันแตกต่างกัน โดยอันที่แข็งกว่าจะเป็น prime และอันที่นิ่มกว่าจะเป็น option แต่ยาง prime จะมีอายุยาวกว่าแต่ให้แรงเกาะน้อยกว่าครับ
1. Super Soft ขอบแดง นิ่มสุด หนึบสุด แต่สึกง่ายที่สุด
2. Soft ขอบเหลือง นิ่ม แรงเกาะสูง สึกง่ายขึ้นมาหน่อย
3. Mediumขอบขาว เกือบแข็ง แรงเกาะปานกลาง สึกยาก
4. Hardขอบเงิน(เทา) แข็ง แรงเกาะน้อยที่สุดในบรรดายางแห้ง แต่สึกยากที่สุด
5. Intermediate สำหรับฝนตกเบาๆและสนามกำลังแห้ง
6. Wet สำหรับฝนตกหนักและสนามเปียกมากๆ
ซึ่งภาคนี้ได้เพิ่มความละเอียดของการสึกของหน้ายางเพิ่มขึ้นมาโดยที่ 4 ล้อจะสึกไม่พร้อมกันเหมือนภาคก่อนๆแล้ว คราวนี้ถ้าเราใช้งานล้อไหนหนักมาก ล้อนั้นก็จะไปไวกว่าชาวบ้านเค้าแล้วรถก็จะขับยากเข้าไปอีก
นอกจากเลือกยางที่จะใช้แล้วยังต้องคำนึงถึงเวลาที่ใช้ในการเข้าพิทเปลี่ยนยางอีกด้วย ยางแต่ละชนิดจะมีแรงเกาะในแต่ละสถานะไม่เหมือนกันทั้งอุณหภูมิยาง ระดับความสึกของหน้ายางและสภาพสนาม ทุกอย่างที่ว่ามาส่งผลกับการขับทั้งหมด ซึ่งตรงนี้เราก็รู้มาจากภาคที่แล้วมาถึงในภาคนี้นั้นก็ทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมอีกครับยางนั้นจะมีความสามารถเต็มที่เพียงไม่นาน หลังจากนั้นคุณภาพจะลงลงอย่างเร็วมาก เรียกได้ว่าคือคุณสมบัติยาง F1 จากPirelli ในปัจจุบันอย่างแท้จริง เป็นหน้าที่ของผู้เล่นที่จะต้องค้นหาจุดนั้นให้ได้เพื่อดึงความสามารถสูงสุดออกมาให้ได้ในเวลาที่ต้องการที่สุดเช่น Qualify หรือรอบที่จะแซงนอกจากตอนที่ขับแล้ว อีกอย่างที่ขาดไม่ได้สำหรับการแข่ง Formula 1 เลย คือตอนออกตัว ในภาคนี้นั้นได้รับการปรับปรุงมาอย่างดี ถ้าหากเร่งเครื่องเพื่อออกตัวได้รอบแล้วเรียกได้เลยว่าแค่ออกตัวดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง ไม่ได้แค่กดๆเข้าไปเหอะเดี๋ยวรถก็พุ่งออกไปแบบภาคที่แล้วครับ
ของใหม่อีกอันที่ไม่พูดไม่ได้คือในภาคนี้สามารถปรับ Brake Bias ได้ขณะที่กำลังวิ่งอยู่แล้ว และยังส่งผลอย่างเห็นได้ชัดกับการเบรกด้วย โดยปรับไปด้านหน้านั้นจะทำให้ระยะเบรกสั้นลง แต่ดึงหน้ารถออกเวลาเบรก(ไม่เหมาะเวลาเบรกในทางโค้ง) ส่วนไว้ตรงกลางก็เดิมๆเหมือนกับที่ปรับมาจากในอู่ ถ้าปรับเบรกให้ไปด้านหลังก็จะทำให้ล้อหน้าหักเข้าได้ง่ายขึ้น แต่ทำให้ล้อหลังล๊อคแล้วรถหมุนได้
มาถึงของใหม่อีกอันกันบ้าง อย่างที่บอกไปแล้วว่าภาคนี้มีการเปลี่ยนกฏเรื่องการใช้ Blown Diffuser นะครับ ทำให้รถในเกมภาคนี้จะ understeer มาก... แต่มันมากเกินไปชนิดที่เรียกว่าบางครั้งถึงขั้นเลี้ยวไม่เข้าเลยทีเดียว ทำให้เล่นๆไปบางครั้งอารมณ์เสียสุดๆ เพราะต้องกะระยะเบรกให้ลงลงเหลือความเร็วเป๊ะ จังหวะเลี้ยวเป๊ะ ถึงจะเลี้ยวเข้า ไม่ under เกินไป นอกจากนั้นแล้ว วงเลี้ยวของเกมนี้มันโคตรจะอ้อมโลก เมื่อมาผสมกับอาการ understeetแบบสุด ๆ แล้ว ทำให้ยิ่งรู้สึกว่าหงุดหงิดจริงๆให้ดิ้นตาย สรุปว่า ของใหม่บางอย่างก็ไม่ได้ดีไปซะทั้งหมดหรอกนะ
มาดูสิ่งที่ยังเก็บไว้และทำได้ดีขึ้นคือรถแต่ละคันมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน ทำให้การขับแต่ละคันนั้นจำเพราะลงไปเลย
การใช้ KERS และ DRS ก็ยังทำได้ดีเหมือนเดิมครับ
แล้วอะไรที่ไม่ปรับปรุงบ้างล่ะ... อย่างแรกเลยนั่นก็คือการลงคันเร่งครับ เกมนี้ยังไม่สามารถ Burnout ได้เหมือนเดิม เอาเป็นว่าอันนีไม่ได้หนักหนาอะไรมากมาย เพียงแค่เวลาตามหลัง Safety Car แล้วต้องการให้ยางหลังคืนอุณภูมิเร็วๆนั้นทำไม่ได้
ต่อมาคือระบบความเสียหาย ซึ่งภาคนี้นอกจากจะแทบไม่ปรับปรุงแล้วแวบแรกยังเหมือนลดน้อยลงอีกด้วย การจะทำให้ล้อหักนั้นคือต้องพุ่งเอาหัวเสียบกำแพงที่ความเร็วสูงมากเลยทีเดียว ไม่งั้นก็ทำได้แค่ยางแตก แถมปีกหน้าก็หักได้แค่นิดๆหน่อยๆครับ ต้องชนค่อนข้างหนักถึงจะพังทั้งอัน แต่ทั้งหมดก็ยังส่งผลกับการขับอยู่ดีนะ แต่ในส่วนอื่นเช่นเครื่องยนต์ระเบิด ยางแตก นั้นมีให้เห็นได้บ่อยขึ้น และมี feedback ที่ทำให้รู้สึกได้ทันทีครับ เอาเป็นว่าเครื่องยนต์ระเบิดเนี่ยมันรู้อยู่แล้วเพราะรถหยุดแถมมีควันโขมงออกมาจากท้ายรถ แต่ยางแตกในภาคนี้ค่อนข้างรุนแรงแบบรถเป๋หลุดออกนอกสนามได้เลย
มาถึงการควบคุมในเกมนี้ จากภาคที่แล้วที่อยากได้ฟีดแบคทุกอย่าง"ต้อง"ใช้พวงมาลัย Force Feedback แต่ในภาคนี้นั้นสามารถสัมผัสความสนุกได้แม้จะใช้จอยแพดครับ การควบคุมรถไม่ได้ยากเย็น ใช้อะไรก็สามารถขับได้แม่นยำเหมือนกัน
ในการใช้จอยพวงมาลัย Force Feedback นั้นผู้เล่นจะได้พบกับประสบการณ์เต็มรูปแบบทั้งการตอบสนองของผิวสนามที่ดีขึ้น(หน่อย)จากภาคที่แล้ว under/over steer มีครบ แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่ก็เหมือนเดิมคือการสั่นตอนเปลี่ยนเกียร์ และอาการบีบตัวของล้อเมื่อเบรกหนักๆ (อีกแล้ว) ครับ
ส่วนการเล่นด้วยจอยแพดนั้น ระบบสั่นก็ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยมเลย ยกเว้นว่าบางคนอาจจะรำคาญ filter ที่ทำให้เวลาโยกจอยไปแล้วเลี้ยวช้ามาก ตรงนี้ก็สามารถ override ได้เช่นเคย แล้วก็ควรระวังด้วยเพราะโยกปั๊ปรถหักทันทีทำให้เสียการทรงตัวได้ง่ายๆเลยครับ
ทางด้านคีย์บอร์ดนั้นเล่นเกมแบบนี้ค่อนค่างลำบากสักนิด แต่ก็ยังเล่นได้ไม่ติดขัดนะ ปัญหาคือบางทีเราไม่สามารถกดหลายๆปุ่มได้พร้อมกันครับ โดยเฉพาะเกมนี้ค่อนข้างจำเป็นเมื่อเร่ง+เลี้ยว+KERS+DRS+ปรับส่วนผสมน้ำมัน/เลือกยาง/brake bias พร้อมกัน เอาจริงๆก็น้อยครั้งจะเกิดขึ้น แต่ก็เป็นไปได้ที่ต้องการหลายๆปุ่มพร้อมกันนะ
การปรับแต่งอุปกรณ์รับเข้าก็ทำได้เกือบละเอียดเหมือนเดิม ทั้ง deadzoneและ saturationของทุกแกน ส่วนแกนเลี้ยวสามารถปรับ linearity ได้ด้วยครับ
Gameplay
ทางด้านเกมเพลย์ของภาคนี้นั้น บอกได้เลยว่ามีการปรับปรุงขึ้นหลายอย่างครับ ก่อนอื่นเลยคือโหมดอาชีพนั้น เราไม่ได้เลือกทีมตั้งแต่ต้นว่าจะอยู่ทีมไหน แต่ต้องผ่านการเข้า Young Driver Test ก่อน แล้วเอาผลจากตรงนั้นไปเลือกทีมครับ ถ้าทำได้ดีมากก็จะมีทีมให้เลือกมากขึ้น

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการทดสอบนักแข่งหน้าใหม่ ทำดีมีโปรโมชั่น
ซึ่งในส่วนของ Young Driver Test นี้ เรียกง่ายๆเป็นการสอนเล่นเกมนี้นั่นเอง ว่ารถนั้นเป็นอย่างไร ขับอย่างไรให้เร็ว และการใช้อุปกรณ์ต่างๆเช่น KERS, DRS ใช้ย่างไร เมื่อไหร่ ทำให้คนที่เริ่มเล่นเป็นครั้งแรกนั้นปรับตัวได้ง่ายขึ้นหลายคนคงจำกันได้ว่าในภาคที่แล้วผมเคยบ่นว่าเกมไม่อธิบายอะไรเลยทำให้มือใหม่งง มาภาคนี้อธิบายเสร็จสรรพแทบทุกอย่างเลยครับขาดแค่การเลือกยางกับ brake bias เท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร ซึ่งก็เข้าไปดูปุ่มใน Option ได้โดยจะเขียนเป็นปุ่ม Quick Menu (Left,Right,Up,Down) ซึ่งสามารถกดได้ทุกเมื่อในขณะที่เราบังคับรถอยู่ ก็กดเหมือนเลือกการจ่ายน้ำมันแล้วเลือกหัวข้ออื่น ถ้าจะเปลี่ยนยางก็เลือกชนิดก่อนที่จะเข้าพิท จากนั้นจะได้เปลี่ยนเป็นยางที่ต้องการครับ
ในการแข่งขันของการดำเนินโหมดอาชีพนั้น ขอแบ่งเป็น 3 ระยะเลยก็แล้วกัน
- ก่อนแข่ง
จะมีสัญลักษณ์ขึ้นมาบอกเลยว่าในการแข่งไหนมีอีเวนท์สำคัญอะไรเกิดขึ้นบ้าง และจะมีการอ่าน e-mail รวมไปถึงข่าวๆต่างๆ รวมไปถึงสามารถตั้งค่าความยากง่ายในการเล่นได้ที่ตรงนี้ครับ
- ระหว่างการแข่ง
ช่วงเวลา Practice(ฝึกซ้อม)ของเกมนี้นั้นถูกตัดออกเหลือแค่ P เดียวเท่านั้น จากเดิม 3ครั้ง ดังนั้นใครพลาดอะไรไปถ้า flashback หมดก็ไม่ต้องคิดมาก restart session ได้เลยครับ และสามารถข้ามได้เลยโดยเลือกเล่นแบบ Short Weekend แต่ก็จะไม่ได้ทำ R&D เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพรถ
การ Qualify (คัดเลือก) สามารถเลือกได้ว่าจะวิ่งแค่รอบเดียว(One-Shot-Quialify) หรือ 3 ครั้ง(Full Qualify) ตามปกติได้
ทางด้านการแข่งนั้นสามารถเลือกได้เพียง 25%, 50% หรือ 100% เท่านั้น
เมื่อมีการทดสอบในช่วง practice นั้น ไม่ใช่แค่ต้องขับให้ได้ตามเวลาที่กำหนดเท่านั้น ยังมีอย่างอื่นให้ทำเพิ่มด้วย อย่างเช่นเราจะพัฒนารถให้ใช้ยางน้อยลง objectiveที่ต้องการให้เราทำก็จะเป็นการขับรักษายางให้ได้ตามที่กำหนดด้วย

ทำให้ได้ตามนี้ถึงจะได้อัพเกรด
ที่สำคัญคือหลังหมดช่วง practice แล้ว เราไม่สามารถปรับแต่งรถอีกได้อย่างภาคก่อน ๆ แล้วนอกจากองศาปีกหน้า ตรงนี้ก็ทำให้สมจริงตามกฏของ F1 เพิ่มขึ้นอีกครับ
และถ้าหากเรา Qualify ได้ตำแหน่งสูงๆแล้ว เป้าหมายในการแข่งก็จะเปลี่ยนไปด้วย ไม่ได้คงที่เหมือนกับภาคก่อนๆแล้ว เรียกง่ายๆว่าเป้าหมายมีการเปลี่ยนตลอดตามความสามารถที่เราทำได้
ส่วนในการเลือกกลยุทธ์การแข่งนั้น จากเดิมที่เคยเลือกได้แค่ยาง มาภาคนี้สามารถเลือกการใช้น้ำมันได้ด้วย ว่าจะเลือกน้ำมันเยอะๆ ขับชัวร์ๆ หรือปานกลางต้องมีการระวังการใช้นิดหน่อย หรือแม้แต่ใช้แค่เท่าที่จำเป็นเพื่อให้รถเบา แต่ต้องเสี่ยงกับน้ำมันหมดก่อนจบการแข่งขันครับ
- หลังแข่ง
ไม่มีการให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่จะมีสกู๊ปข่าวต่างๆว่าเกิดอะไรขึ้นแทน
การเล่นแบบ Single Player หรือเล่นคนเดียวนั้นยังมีอีกหลายโหมด คือ
- Quick Race แข่งแบบเร็ว เรียกง่ายๆก็เลือกทีม เลือกสนาม เลือกว่าฝนตกหรือไม่ตก ปรับแต่งการแข่งแล้วก็แข่งได้เลยในโหมดนี้สามารถเลือกระยะทางการแข่งได้หลากหลายกว่าโหมดอาชีพครับ เพราะเลือกได้ทั้ง 3 รอบ, 5รอบ, 25%, 50%, 100%
- Season Challenge อยู่ในกลุ่มของโหมดอาชีพ เป็นการแข่งโหมดอาชีพสั้นๆได้ใจความภายใน 10สนาม โดยจะเลือกคู่แข่งที่ต้องการ จากนั้นก็qualify โดยการวิ่งรอบเดียวแล้วเข้าแข่ง 5รอบ โดยพยายามเอาชนะคู่แข่งที่เราเลือกไว้ให้ได้ โดยจะต้องชนะให้ได้ 2/3 สนาม และเมื่อชนะได้ 2 สนามแล้ว ทีมของคู่แข่งจะยื่นสัญญามาให้เราไปเสียบที่นั่งคู่แข่งที่เราเลือก ซึ่งเราจะปฏิเสธก็ได้แต่เราก็ไม่สามารถท้าคู่แข่งคนเดิมได้อีก จำเป็นต้องเลือกคนอื่น แล้วก็เก็บคะแนนคว้าแชมป์ให้ได้เมื่อจบฤดูกาล
ใน Proving grounds นั้นจะมีอีก 3 อย่างคือ
- Champions Mode จะเป็นการที่เราไปท้าดวลกับแชมป์โลกทั๊ง 6 คนที่แข่ง F1 ในปีนี้ ซึ่งมีทั๊ง ไรโคเน่น แฮมมิลตัน บัทตัน เวทเทล อลอนโซ่ และลุงชูมัคเกอร์ ซึ่งจะมีสถาณการณ์ต่างๆมาให้เราเล่น เช่นแซงให้ได้ อย่าให้โดนแซง หรืออื่นๆ เมื่อทำได้ตามวัตถุประสงค์แล้วก็จะเปิดอันต่อไปมาให้เล่นซึ่งพอชนะได้หมดก็จะไปแข่ง Ultimate Challenge ที่ต้องดวลขับทั๊ง 6 คนพร้อมกัน
- Time Attack อันนี้คือการเล่นจับเวลาครับ โดยที่จะล๊อกรถกับสนามและสถาณการณ์ไว้ ให้ทุกคนเท่าเทียมกัน มีไม่ครบทุกสนาม จะเป็นการทำเวลาให้ได้ตามที่กำหนดเพื่อชิงเหรียญทอง เงิน ทองแดงครับ
- Time Trial คล้ายๆอันข้างบนแต่มีทุกสนามและสามารถเลือกรถได้เองเอาไว้แข่งเทียบเวลากันกับ Leader Board ไม่ได้ชิงเหรียญแต่อย่างใด
จากที่อ่านมาทั้งหมดคงสงสัยว่าโหมดที่ให้สร้างการแข่งขันเองโดยที่เรียงสนามเองได้ล่ะหายไปไหน ก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับหลายๆท่านด้วยครับ เพราะโหมดนี้ก็ถูกตัดออกไปเหมือนกัน

กระทบไหล่บรรดาแชมป์โลก
ดูเรื่องโหมดการแล้วแล้วก็มาดูสนามกันต่อ ในการแข่งขันนั้นแต่ละนามก็ต่างกันไปแต่ละปีในภาคนี้มีการเพิ่มสนามใหม่เข้ามาอีกแล้วนั่นคือ Circuit of the America ที่ Austin, Texas ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเกมแรกอีกเช่นเคยที่มีสนามนี้และเช่นเคยกับสนาม German GP ที่สลับกันระหว่าง Nurburgringและ Hockenheim ในแต่ละปี ซึ่งในปีนี้เป็นคิวของ Hockenheimครับ นอกจากสนามใหม่ๆที่เพิ่มเข้ามาแล้ว แต่ละสนามก็มีการปรับปรุงอยู่เสมอ ซึ่งแต่ละสนามนั้นถึงเลย์เอาท์จะเป็นของปีนี้ แต่ตัวสนามพวก gravel trap และ run-off area จะได้รับการปรับปรุงให้เป็นรูปแบบใหม่ตามของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ก็ว่าอะไรทีมงานไม่ได้เพราะใครจะไปรู้ว่าแต่ละสนามจะเป็นอย่างไรในปีนี้เมื่อตัวเกมออกก่อนหน้าที่จะไปแข่งในสนามนั้นๆ ซะอีก นั่งเทียนกันได้ขนาดนี้ก็ถือว่าโอเคแล้ว จะออกมาตรงหรือไม่ตรง 100% ก็ว่ากันอีกทีครับ
ส่วน Feedback จากตัวสนามนั้นทำได้ดีมาก บรรดาพื้นถนนนั้นมีชีวิตชีวาขึ้น มีความขรุขระที่เพิ่มขึ้นในบางจุดอย่างสัมผัสได้ โดยรวมแล้วถ้าไม่ยึดเป็ะว่าต้องออกมาเหมือนของปีนี้ทั้งหน้าตาและโลโก้เนี่ย สนามทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะครับ
ทางด้าน AI ของเกมนี้นั้นก็ได้รับการปรับปรุงอย่างมาก แค่ระดับกลางหรือ Intermediate นั้นก็สามารถทำให้เหงื่อตกได้เหมือนกัน ไม่ได้สามารถใช้รถท้ายตารางแซงพรวดๆได้เหมือนสมันก่อนแล้ว ไม่ต้องพูดถึง Professional กับ legends เลย นอกจากนี้ยังมีการแซงที่เหนือชั้นกว่าเดิมเยอะด้วย รู้จักที่จะใช้โอกาสจากช่องโหว่ของเรา ไม่ว่าจะจากความผิดพลาดในการขับหรือจากยางที่เราใช้ไม่เหมาะกับสถานการณ์ แต่ทว่า AI ในการแข่งสนามเปียกก็ยังเร็วเวอร์เหมือนเดิมครับโดยเฉพาะเวลา Qualify ไม่รู้วิญญาณ Ayrton Senna มาสิงหรืออย่างไร แต่มันวิ่งกันไวเหลือเกิน
อีกอย่างที่ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับการแข่ง Formula 1 คือการเลือกยาง จากความสำคัญของยางทีมีเพิ่มขึ้นในภาค 2011 แล้ว มาถึงภาคนี้ก็ถือว่าเป็นส่วนที่ปรับปรุงให้เยี่ยมกว่าเดิมซะอีก เนื่องจากยางแต่ละชนิดนั้นให้ผลไม่เหมือนกันแตกต่างกันไปตามสถาณการณ์อย่างที่กล่าวไปในระบบการขับแล้ว เรายังต้องคำนึงถึงเวลาที่จะเข้าพิทเปลี่ยนยางด้วย จะเข้าก่อนหรือเข้าหลัง จะรักษาหน้ายางได้เท่าไหร่ ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้เล่นต้องพัฒนาและปรับเปลี่ยนสไตล์การขับอยู่เสมอตามสถานการณ์ครับ พูดถึงสถาณการณ์ที่ว่าแล้วนั่นก็คือระบบภูมิอากาศของ F1 2012 นั่นเอง ในภาคนี้ได้อัพเกรด Dynamic Weather System ระบบลมฟ้าอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเข้าไปอีก แข่งๆไปฝนอาจจะตก ไปๆมาๆสนามก็แห้งลงได้อีก เพิ่มความเร้าใจในการแข่งให้กับผู้เล่นได้เป็นอย่างดี แล้วยังไม่พอแค่นั้น สนามในแต่ละส่วนนั้นอาจจะมีสภาพต่างกันก็ได้ เช่นส่วนนึงเปียก อีกส่วนนึงแห้ง ถือว่าเป็นของใหม่มากสำหรับเกมขับรถ และเป็นอีกส่วนที่สำคัญในการแข่ง Formula 1 ที่ได้รับการเพิ่มเติมเข้ามาในปีนี้ครับทำให้การแข่งขันยิ่งเร้าใจขึ้นไปอีก แล้วก็วนย้อนกลับไปเรื่องเปลี่ยนยางครับว่าต้องเลือกยางให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่สุด ทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคันอื่นใส่ยางอะไรอยู่ เข้าพิทไปกี่ครั้ง ถึงเวลาที่เราควรเข้าพิทเปลี่ยนยางหรือยัง ในเกมนี้ก็มีฟีเจอร์อีกอย่างที่นำมาจากภาคที่แล้วคือ Race Director ที่สามารถดูได้ว่าแต่ละคันเข้าพิทไปกี่ครั้ง ปัจจุบันใช้ยางอะไร เวลาเร็วที่สุดเท่าไหร่ เป็นส่วนช่วยในการตัดสินใจและวางแผนการขับของเราครับ นอกจากนี้ยังดูได้ด้วยว่าใครชนกับใคร เกิดอุบัติเหตุ(ร้ายแรง)อะไรบ้าง
เมื่อแข่งกับ AI แล้วก็ได้เวลาใช้ทักษะไปแข่งกับคนอื่นบ้าง ในการเล่นแบบ Multiplayer หรือผู้เล่นหลายคนในเกมนี้สามารถเล่นได้ทั้ง Online ผ่านระบบ Racenetซึ่งเป็นของCodemastersเอง จะผ่าน LAN เล่นกันก็เข้าที ทั้ง 2 อย่างเล่นได้พร้อมกันถึง 16 คน และสามารถเติมด้วย AI อีก 8 ให้เต็มสนามครับ หรือจะแบ่งจอกันเล่นสองคนแบบ Split Screen ก็เข้าท่า
มาดูทางด้านหน้าเมนูกันบ้าง ในเกมนี้เมนูได้รับการเปลี่ยนแปลงมาเป็นบรรยากาศใน Showroom และหน้าเมนูเป็นแบบเลื่อนไปมา เมื่อเข้าเมนูหลักไปแล้วจะมีเมนูรองขึ้นมาให้เลือกแบบ cover flow ซึ่งดูแล้วนอกจากจะทันสมัยแล้วยังเข้าใจง่ายครับ

หน้าเมนูแบบใหม่
Graphics

เอ้า เข็น...
เนื่องจากกฏใหม่ที่ต้องทำให้แต่ละทีมลดความสูงของจมูกหน้าลงมา ว่ากันตามตรงรถปีนี้ไม่สวยเลย หน้าอย่างกับจมูกเป็ด มีสวยอยู่คันเดียวคือ McLaren MP4-27 แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะว่าอะไรได้เกี่ยวกับภาพของเกมนี้น่ะนะ แค่อยากบ่นดังๆเฉยๆ
มาเริ่มกันที่ HUD ดีกว่า ในภาคนี้ HUD ได้เปลี่ยนแค่ส่วนเดียวคือ Rev LED จากโค้งไปเป็นตรงครับ ทำให้หน้าตาดูสะอาดสะอ้านขึ้นอีก นอกจากนี้ HUD สามารถเลือกเปิด-ปิดได้ตามใจปรารถนาด้วย
ทางด้านลายของหมวกกันน๊อคนั้นมีให้เลือกมากถึง 44 ลายกันเลยทีเดียว นอกจากนี้มุมมองของเกมยังมีเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่างคือ offset T-Cam (มุมสูงเบี่ยงซ้าย)ที่ทำให้เหมือนกับมุมกล้องเวลาถ่ายทอดสดการแข่งกันเลยครับ
เมื่อลองลงสนามนั้นสิ่งแรกที่สังเกตได้คือแสงเงาในภาคนี้นั้นได้รับการปรับปรุงให้สวยงามยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ เงาสะท้อนจากบรรยากาศรอบข้างทำได้ดีมาก สดใส และเป็นธรรมชาติ โมเดลก็ปั้นมาได้อย่างสวยงามและรายละเอียดครบถ้วน ความสวยงามของเกมนี้นั้นจะไม่เห็นชัดจนกระทั่งฝนตก จะเห็นเม็ดฝนเกาะตามรถไปยันจอของผู้เล่นเลยทีเดียว ที่ว่าภาคก่อนๆสวยแล้ว ภาคนี้ยังสวยกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ฝนตกเปาะแปะ
ส่วนเวลาเข้าพิทนั้น จากเดิมที่เราจะเห็นแค่จากมุมมองในรถ แล้วถูกยกขึ้น ได้ยินก๊อกแก๊กๆรอบๆตัวแล้วก็โดนปล่อยออกไป ต่ในภาคนี้จะมีอนิเมชั่นของบรรดาช่างให้เราดูด้วย

DAT ASS
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงคิดว่าเกมนี้กินเสปกมากกว่าเดิมแน่ๆแต่เปล่าเลยครับ กลับลื่นกว่าเดิมด้วยซ้ำ ฮั่นแน่ คงคิดล่ะสิว่าเป็นไปไม่ได้... แต่เป็นไปแล้วครับ แน่นอนว่าไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆแต่ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นได้เลยว่ารายละเอียดบางอย่างลงลงไป เช่นถุงมือของนักแข่ง จากภาคที่แล้วที่มีริ้วมีรอยชัดเจน ให้รายละเอียดเหมือนถุงมือผ้าอย่างดี มาถึงภาคนี้ลดลงซะอย่างกับถุงมือยางล้างห้องน้ำติดกอเอี๊ย และถ้าดูตอนฝนตกดีๆจะเห็นว่าฝอยน้ำที่ออกมาจากล้อรถนั้นลดลงไปเยอะทั้งจากของรถเราและรถคู่แข่งด้วย ส่วนความเสียหายของตัวรถนั้นก็ไม่ได้มีเพิ่มขึ้นแถมยังน้อยลงด้วย จากถาคก่อนๆที่เมื่อชนอะไรสักอย่างจะเห็นซากกระจุยกระจาย มาถึงภาคนี้เศษชิ้นส่วนน้อยมาก แถมต้องชนหนักมากกว่าจะเกิดความเสียหาย

ตูม... กระเด็นออกมาแค่เนี้ย?
นอกจากนี้ Texture ยังไม่เพิ่มความละเอียด ทำให้เวลาซูมใกล้ๆหรือมองไปด้านหลังแล้วเห็นเลยเลยว่าพื้นผิวถูกขยายจนลายแตก

crop 100% จากมุมมองไปด้านหลัง
และถ้าหากผู้เล่นใช้ความละเอียดกว่างพิเศษแบบเล่นด้วยระบบหลายจอ เช่น AMD Eyefinity หรือ Nvidia Surround แล้วก็จะเห็นได้เลยว่าตัวเกมไม่เรนเดอร์ตัวละครที่เลยจากประมาณครึ่งหนึ่งของจอด้านข้างไป เห็นได้ชัดเวลาเข้าไปที่ parc ferme และวิ่งผ่าน pit lane ครับ

crop 100% จากจอด้านข้าง
ตรงนี้ควรจะปรับปรุงได้แล้วเพราะถ้าเป็นของปีที่แล้ว(2011) ไม่ทำยังไม่ว่า แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีไปไกลขึ้น คนเล่นด้วยความละเอียดมากขึ้นก็ควรจะปรับปรุงหน่อย ไม่ใช่ยึดเอาความละเอียดเดิมมาใช้เรื่อยๆ เมื่อ 2-3 ปีที่แล้วน่ะดูดี แต่สมัยนี้มันไม่ใช่แล้ว
เอาเป็นว่าภาพสวยขนาดนี้แต่กินเสปกไม่มากมายก็ไม่อยากบ่นอะไรไปมากกว่านี้แล้วน่ะนะ (หมดเรื่องให้สับแล้วด้วย อิๆ)
Sound
ไม่มีอะไรอธิบายได้ดีเท่าลองฟังเอง
อย่าคิดว่าหมวดนี้ไม่ถูกตัดฟีเจอร์ออก... โดนเหมือนกันหมดล่ะ แต่เป็นสิ่งที่โดนตัดออกแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางลบ เรียกง่ายๆคือดีขึ้นในทุกด้านครับ สิ่งที่ถูกตัดออกไปคือ Blueripple Sound / Rapture 3D แต่เสียงในเกมนี้นั้นเรียกได้เลยว่าเข้าใกล้สมบูรณ์แบบจริงๆ ทั้งเสียงเครื่องที่ต่างกันไปเป็นแบบจำเพาะของเครื่องแต่ละยี่ห้อ เสียงมาครบทุกย่าน ไม่แหบจนแตก แต่ก็ไม่ทุ้มจนด้านไร้สีสัน เมื่อวิ่งผ่านพื้นที่ปิดเช่น อุโมง ลอดใต้สะพาน หรือใกล้กำแพงสูงๆ เราก็จะได้ยินเสียงก้องของเครื่องบนตร์สะท้อนกลับมาด้วย และเมื่อวิ่งผ่านอัฒจรรย์แล้วได้ยินเสียงแฟน ๆ ร้องเชียร์ช่างได้อารมณ์ซะเหลือเกิน นอกจากนี้ยังมีเสียงลมพัดผ่าน เสียงจากการใช้งาน KERS และ DRS
ยังไม่หมดกับเสียงเอฟเฟก ซึ่งในส่วนนี้ก็ทำได้ดีไม่ว่าจะชนหรืออะไรก็จะดังตุบตับ เวลาหักก็มีเสียงกร๊อบ เอาเป็นว่าสำหรับคนที่ดูอยู่เป็นประจำคงพอเข้าใจว่าเวลาชนรถ Formula 1 เสียงไม่ได้โหดอะไรมากมายนักเพราะชิ้นส่วนพวกคาร์บอนไฟเบอร์เวลาหักก็ไม่ได้ดังอะไรครับ ดูเหมือนไม่ค่อยได้อารมณ์คือมันไม่ตูมตามโครมคราม แต่แบบนนี้ก็เยี่ยมแล้ว
ส่วนสคริปท์ของ Race Engineer นั้นมีรายละเอียดมากขึ้นอีกหน่อย และสามารถปรับได้ด้วยว่าจะให้บอกเรื่อยๆ บอกเฉพาะข้อมูลสำคัญ หรือจะปิดไปเลยก็ยังได้
ในเรื่องเพลงภาคนี้ก็โดนตัดออกไปเหมือนกัน โดนจะไม่มีเพลงจาก Various Artists คือเพลงจากศิลปินหรือวงต่างๆมาใส่ในเกมแล้ว จะเหลือแต่เพลง Original Soundtrack คือเพลงที่แต่งมาเพื่อเกม F1 2012 โดยเฉพาะ ซึ่งภาคนี้ก็แต่งออกมาได้ไม่แพ้ภาคก่อนๆเลยเหมือนกัน
มาดูคะแนนกันเลย
Driving Physics Beaver_XT & WindCruiser : 8 & 8.2 เฉลี่ย = 8.1
ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงไป แต่ยิ่งเล่นยิ่งรู้สึกหงุดหงิดจากอาการ understeer และวงเลี้ยวแสนอ้อมโลก FFB ดีขึ้นนิด แต่ไม่ได้ดีกว่าเดิมเท่าไหร่ โดยรวมแล้วความสนุกในการขับยังสู้ภาคก่อนไม่ได้ด้วยซ้ำ
Gameplay Beaver_XT & WindCruiser : 9 & 8.5 เฉลี่ย = 8.75
นอกจากระบบอาชีพที่พัฒนาขึ้นแล้ว การเล่นแบบผู้เล่นคนเดียวยังมีอะไรให้ทำมากขึ้นด้วย แต่ทว่าน่าเสียดายที่ตัดฟีเจอร์ต่างๆที่ทำให้การแข่ง F1 สมบูรณ์แบบออกไป แถมยังไม่สามารถสร้าง championship ได้เองโดยเรียงสนามเองอีกต่างหาก ยังก่อนยังไม่หมด บั๊กนรกเซฟเสียยังตามมาหลอกหลอนด้วยนะเออ
Graphic Beaver_XT & WindCruiser : 9.6 & 9.5 เฉลี่ย = 9.55
สวยงามขึ้น แต่บางอย่างกลับลดลงไป ยังดีที่ส่วนที่ลดลงไปคือสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นหรือทันสังเกตเห็นนักนอกจากถุงมือนักแข่ง
Sound Beaver_XT & WindCruiser : 9.8 & 9.7 เฉลี่ย = 9.75
พัฒนาขึ้นอย่างมาก ทำให้ประสบการณ์การเล่นนั้นเกือบสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
Overall : (8.1*6)/10)+((8.75*2)/10)+(9.55/10)+(9.75/10) = 8.54
สรุป F1 2012 นั้นสานต่อภาคก่อนได้อย่างดี แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นยอดเยี่ยมเพราะถูกตัดฟีเจอร์บางอย่างออกไป โดยรวมแล้วสามารถเล่นคนเดียวได้สนุกพอสมควรจาก AI ที่ฉลาดขึ้น โหมดการเล่นเดี่ยวที่เพิ่มมากขึ้น และจากการปรับปรุงหลาย ๆ อย่างของตัวเกมทั้งด้านภาพและเสียง ส่วนในการเล่นหลายคนนั้น... ถ้าทนบั๊กหาห้องไม่เจอหรือต่อไม่ติดได้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว
ข้อดี
- พัฒนาจากภาคที่แล้วทั้งภาพและเสียง แต่ไม่ได้กินเสปกเพิ่ม
- มีสนามใหม่คือ Circuit of the Americas ก่อนเกมอื่น
- มีการควบคุมที่แม่นยำ และการตอบสนองของรถที่ดี
- โหมดผู้เล่นเดี่ยวมีมากขึ้น มีความท้าทายสูงขึ้น
- เป็นเกม Steam ไม่ใช่ Game for Windows Live แล้ว ดังนั้นไม่ต้องเฟกที่อยู่เวลาสมัครครับ (GFWL ไม่มีประเทศไทย)
ข้อเสีย
- ระบบการขับแสน understeer ที่ขับไปนานๆแล้วอารมณ์เสียได้
- ถูกตัดฟีเจอร์บางอย่างออก
- บั๊กนรกเซฟเสีย แถมยังไม่สามารถแบ๊คอัพเซฟไว้ได้เพราะเป็น Steam Cloud
เหมาะสำหรับ
- แฟนพันธุ์แท้ Formula 1 ที่ต้องการเก็บสะสมให้ครบทุกภาค
- แฟนเกมขับรถ ถึงแม้จะมีอะไรขัดใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้แย่ถึงขั้นไม่น่าเล่น
ไม่เหมาะสำหรับ
- แฟน Formula 1 แบบจุกจิกทุกรายละเอียดต้องเป๊ะ เพราะเกมโดนตัดซะหายไปหลายอย่าง
ท้ายที่สุดก่อนจากกันไปผมเจอวิธีแก้บั๊กเซฟเสียเลยเอามาฝากกันครับ
Hi all.
We've found that the following quick fix allows you to start saving your progress again.
Select Multiplayer -> Split Screen -> Press Start on a second controller / keyboard -> P1: Select any team & driver -> P2: Select any team & driver -> Any Race Settings -> Any track.
Once on track P1 pause and select Options -> Driving Controls and change Control Profile to another option and then back again. Exit back out of the Pause menu.
P2 pause and select Options -> Driving Controls and change Control Profile to another option and then back again. Back out to Pause Options, select Quit To Main Menu -> Yes.
You should now be able to save again.
Let us know how it goes, as all information will be fed back to the QA team.
Thank you for your patience!
We've found that the following quick fix allows you to start saving your progress again.
Select Multiplayer -> Split Screen -> Press Start on a second controller / keyboard -> P1: Select any team & driver -> P2: Select any team & driver -> Any Race Settings -> Any track.
Once on track P1 pause and select Options -> Driving Controls and change Control Profile to another option and then back again. Exit back out of the Pause menu.
P2 pause and select Options -> Driving Controls and change Control Profile to another option and then back again. Back out to Pause Options, select Quit To Main Menu -> Yes.
You should now be able to save again.
Let us know how it goes, as all information will be fed back to the QA team.
Thank you for your patience!
Comment