---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บทเกริ่นนำ
เดอะซีรี่ส์ Bioshock เป็นเกม แนว FPS (ย่อมาจาก first person shooter > เกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง) ในระดับชั้นแนวหน้าตั้งแต่ปี 2007 ที่มีแนวคิด เป็นเอกลักษณ์และความแตกต่าง ที่ไม่มีเหมือนเกมอื่น ในเรื่องกราฟฟิคกับเสียงประกอบฉาก หรือ แม้การออกแบบตัวละครในเกมที่มากด้วยคุณภาพ ไปพร้อมกับ บรรยากาศภายในเกมที่ประกอบไปด้วย สถาปัตยกรรมกับงานศิลป์ อันงดงามอย่างปราณีต ในช่วงยุคสมัยต้นศตวรรษที่ 19 ในเมืองที่ชื่อ Raptor ที่ได้ถูกสร้างขึ้นอยู่ในใต้มหาสมุทร หรือในใต้น้ำทะเลลึกอย่างเป็นความลับที่ไม่มีใครสามารถค้นหาพิกัดของเมืองนี้ได้ แต่สำหรับเนื้อเรื่องในภาค Bioshock Infinite ในปี 2013 นี้เป็นเรื่องราวในอดีตสมัยปี ค.ศ. 1912 บนเมืองลอยฟ้าที่อยู่เกือบถึงนอกชั้นบรรยากาศโลก ชื่อว่า Columbia ซึ่งเป็นเรื่องราวย้อนความ ก่อนเหตุการณ์ความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในเมืองใต้น้ำที่ชื่อ Rapture ของ BioShock ทั้งสองภาคแรก ที่ผู้คนเกือบล้านอาศัยอยู่กันได้ด้วยเครื่องทำออกซิเจน แต่ทว่าสำหรับผู้คนในอาณาจักร Columbia ของภาค Infinite ที่อยู่อาศัยกันได้โดยเครื่องยนต์ที่สร้างอนุภาพ ลอยตัว จากควอนตัม และ บอลลูนขนาดยักษ์ ซึ่งวิธีการเล่าเรื่องของภาคนี้ก็ยังคงใกล้เคียงกับภาคที่ผ่านมา แม้จะต่างช่วงเวลา หรือ ต่างบรรยากาศต่างสถานที่ รวมถึง ศัตรู และ การแอ็คชั่นต่างๆ ด้านทีมผู้พัฒนาเกมยังคงสามารถสะท้อนความรู้สึกของ เดอะซีรี่ส์ Bioshock นี้ได้ดี
ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นตัวละครเอกชายที่ชื่อ Booker DeWitt ที่ได้ลักลอบเข้าไปในเมือง Columbia แห่งนี้โดยมีเป้าหมายจากผู้ว่าจ้างเขา ให้ตามหาผู้หญิงที่ชื่อ Elizabeth ที่โดนลักพาตัวมาที่เมืองนี้ตั้งแต่ยังเด็ก กลับไปยัง New York อย่างปลอดภัย เพื่อชดใช้หนี้การพนัน

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นครลอยฟ้าโคลัมเบีย เมืองท่องเที่ยวที่ทันสมัย ถูกสร้างขึ้นโดยจินตนาการที่ไม่มีสิ้นสุดของมนุษย์ที่ชื่อ Zachary Hale Comstock (คอมสต๊อก) โดยมี รัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกา ให้ความสนับสนุนเงินทุนจำนวนมหาศาล ซึ่งโคลัมเบียได้เริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่ ช่วงคริสต์ศักราช 1892 จนถึงตอนปลาย เมื่อถึงคริสต์ศักราช 1900 สหรัฐอเมริกา ได้ประกาศเปิดตัว นครลอยฟ้าโคลัมเบีย ให้ล่องลอยเดินทางรอบโลก โดยมีเป้าหมาย เพื่อประกาศศักดิ์ดาและแสนยานุภาพของการเป็นประเทศมหาอำนาจ สู่สายตาผู้คนทุกประเทศ ได้ตกตะลึงกับ นครโคลัมเบียที่สามารถล่องลอยเดินทางจากทวีปหนึ่งไปอีกทวีป ด้วยเครื่องยนต์ที่สร้างอนุภาพลอยตัว จากทฤษฎี ควอนตัมฟิสิกส์ กับ บอลลูนขนาดยักษ์ที่ เชื่อมหรือผูกติดอยู่ใต้ผืนดินนครโคลัมเบีย หรือ ใต้พื้นอาคารบ้านเรือนต่างๆ ทั้งหมดล้วนแล้วเพื่อแสดงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่แสนยานุภาพของชาวอเมริกัน
หลังประสบความสำเร็จจากการสร้างดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ของชาวอเมริกัน ได้ไม่ถึง 1 ปีในวันที่ 31 ตุลาคม ได้เกิดไฟไหม้ที่โรงงานผลิต Fink โดยไม่ทราบสาเหตุ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก และ ทำให้นักการเมืองบางกลุ่มของรัฐบาลในโคลัมเบียไม่พอใจได้แยกตัวออกมา ก่อตั้งองค์กรเป็นของตนเอง หรือ บางคนไปเข้าร่วมอยู่กัยฝ่ายตรงข้ามของพรรคที่ชื่อ Populi เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี นครลอยฟ้าโคลัมเบียได้เดินทางมาถึงน่านเขตแดนของประเทศจีน และ พบว่ามีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ กบฎนักมวย (Boxer Rebellion) จนเกิดการยิงปะทะกันในเขตแดนของเมือง ปักกิ่ง ทำให้บ้านเมืองในบริเวณริบชายแดนของจีนเกิดความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งไม่นานชาวจีนในปักกิ่งได้เปิดเผย ตัวตนที่แท้จริงของนครลอยฟ้า ให้ผู้คนทั่วโลกได้รับรู้ว่า โคลัมเบียฉายานครแห่งการท่องเที่ยวของโลก นั้นเป็นเพียงแค่ฉากบังหน้า จึงได้ตั้งชื่อให้กับนครลอยฟ้าให้อีกชื่อหนึ่งว่า สถานีรบกลางอากาศ
ในปี 1902 วันที่ 6 กรกฏาคม เมื่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน จึงขู่ ตัดความสัมพันธ์และความช่วยเหลือหากไม่ยอมเปลี่ยนรัฐบาลในนครโคลัมเบีย ส่วนทางด้าน Zachary Comstock ประกาศแยกตัวโคลัมเบียออกจากประเทศสหรัฐอเมริกาและ นำนครลอยฟ้าแห่งนี้ลอยหายเข้าไปในกลีบเมฆพร้อมกับสร้างการปกครองตนเองใหม่อย่างเป็นทางการ แล้ววันที่ 6 กรกฏาคม จึงถือว่าเป็นวันครบรอบปีที่โคลัมเบียแยกตัวออกมาเป็นประเทศอิสระ และ กลายเป็นวันเทศกาล วันหยุดของประชาชนทุกคนในเมือง ที่จะออกมาจัดงานเฉลิมฉลอง
เมื่อกาลเวลาได้ผ่านพ้นไปเหล่าผู้คนชาวอเมริกาทุกคนบนผืนแผ่นดินโลกก็ได้ลืมเลือน เมืองลอยฟ้าที่ชื่อ โคลัมเบีย อดีตความภาคภูมิใจของประเทศตน ไปในที่สุด และ ยังไม่มีใครรู้วิธีการเดินทางไปสู่เมืองแห่งสรวงสวรรค์ ส่วนทางด้านเหล่าผู้คนในดินแดนลอยฟ้านี้ ก็ยังคงใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขาต่อไป โดยไม่ได้ใส่ใจในเรื่องที่พวกเขาถูกทอดทิ้ง หรือ ถูกตัดขาดจากผู้คนบนผืนดินโลก เพราะพวกเขายังมีความเชื่อมั่นกับความศรัทธาที่มีต่อ คอมสต๊อก ที่เปรียบตัวแทนของพระเจ้าอย่างแรงกล้า
ต่อมาได้เกิดสงครามกลางเมืองในโคลัมเบีย โดยมีสาเหตุมาจากความวุ่นวายจากการปะทะกันเอง ของเหล่าผู้คนบางกลุ่มในอาณาจักรที่มีความแตกต่างด้านความคิด และ ความขัดแย้งของสององค์กรใหญ่ ระหว่าง ฝ่ายพลเรือน The Founder ที่มีผู้นำโดยศาสดา Zachary Hale Comstock กับ ฝ่ายพวกอนาธิปไตย Vox Populi (มีความหมายในภาษาละตินคือ "เสียงของประชาชน") หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าพวกใต้ดิน ที่มีผู้นำโดย Lady Daisy Fitzroy
ซึ่งผู้คนที่มาเข้าร่วมกับฝ่าย Vox Populi เป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการปกครองแบบเผด็จการ และ ความเชื่อของคอมสต๊อก ที่มีอคติของคนต่างเชื้อชาติ กับ คนผิวดำ อย่างรุนแรง จึงได้ก่อเหตุการณ์จลาจลต่างๆมากมาย ที่รุนแรงมากจน ยากที่จะแก้ไข ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลในโคลัมเบียเองได้พยายามที่จะปกปิดเพื่อไม่ให้ผู้คนในอาณาจักรรู้แล้วเกิดวิตก แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องมาจากการที่มีผู้คนที่ส่วนใหญ่ที่เป็น พลเรือนจีน ถูกยิงเสียชีวิตล้มตายเป็นจำนวนมากในเหตุการณ์นองเลือดที่ผ่านมา กลายเป็นว่ามีผู้คนเริ่มต่อต้าน The Founder มากขึ้นและผันตัวไปร่วมกับ Vox Populi จึงทำให้องค์กรใต้ดินนี้เติบโตเข้มแข็งมากขึ้น

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Sky Line
ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ขนส่งสินค้าหรือวัตถุขนาดใหญ่ในนครโคลัมเบีย โดยมีส่วนประกอบหลักคือเหล็กกล้าที่ผสมกับโลหะหลายชนิด ด้วยความชาญฉลาดทางเทคนิคของนักวิศวกรชั้นเยี่ยม จึงทำให้ลางลอยฟ้าแข็งแรงและสามารถแบกรับน้ำหนักวัตถุได้มากถึงหลายร้อยตัน อีกทั้งมันยังเหมาะสำหรับการเดินทางส่วนบุคคล. โดยเพียงแค่ใช้อุปกรณ์เสริมที่ชื่อ Sky-Hook ยึดเข้ากับลางลอยฟ้าไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็ว

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นครลอยฟ้าโคลัมเบีย ได้ครอบครองเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย รวมถึงรวบรวมเหล่าบุคลากร นักวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ ฝีมือดี ฯลฯ เป็นจำนวนมากจากทั่วทุกซอกทุกมุมของประเทศอเมริกา มาไว้ในนครลอยฟ้าที่นี่เพียงที่เดียว ส่วนความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีนั้นไปไกลกว่าทุกประเทศบนผืน โลกประมาณ 1,912 ปีกว่าจะเทียบเท่ากับนครโคลัมเบีย แต่ที่โดดเด่นชัดมากที่สุดคือ เทคโนโลยีระบบลอยตัว ของกลศาสตร์ควอนตัมที่ช่วยให้โคลัมเบียยังคงลอยสูงเกือบถึงนอกชั้นบรรยากาศโลก ถึงแม้แม้ว่าจะมีอาคารส่วนใหญ่ในนครมีลูกโป่ง บอลลูน , ใบพัดและเครื่องปฏิกรณ์อุปกรณ์ติดอยู่ด้วย ซึ่งพวกนี้มีไว้ใช้ช่วยบิน หรือ เคลื่อนย้ายอาคาร วัตถุต่างๆโคลัมเบียเท่านั้น Rosalind Lutece ได้ค้นพบวิธีการของไปเรื่อยๆ จนกระทั้งได้รู้วิธี ระงับอนุภาคอะตอมในกลางอากาศ (หรือการทำควอนตัมลอย) ทำให้เกิดช่องว่างในอากาศหักเหจนกลายเป็น ประตูมิติที่สามารถไปอีกโลกหนึ่งได้ ซึ่งสิ่งนี้เองกลายเป้นจุดต้นกำเนิดของ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอื่นที่ตามมาภายหลัง เช่น vigors , gear ,handymen , ม้ากล , Voxophones และอาวุธขั้นสูง ฯลฯ อีกมากมายที่เทคโนโลยีของคนบนพื้นโลกยังตามไม่ทัน

ธุรกิจ
ในเรื่องของธุรกิจระดับชั้นนำในนครโคลัมเบีย ก็ต้องยกเรื่อง การเปิดโรงงานอุตสาหกรรมการผลิต เป็นอันดับหนึ่งที่สามารถหากำไรได้สูงที่สุด ที่มีนักลงทุนในโคลัมเบียนิยมลงทุนในเรื่องนี้กันเป็นส่วนใหญ่ มากถึง 7ใน10 จากการผลิตสินค้า สร้างวัสดุต่างๆ จนไปถึงกระทั้ง เครื่องจักร ยานเหาะ และ เครื่องยนต์ ฯลฯ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เรามักจะเห็นโรงงานตั้งอยู่ทั่วทุกบริเวณในนครโคลัมเบีย โดยเฉพาะธุรกิจการผลิต vigors ที่มีอยู่มากที่สุดเพราะผู้คนนิยมบริโภคกันมากที่สุด และง่ายต่อการผลิตเพียงแค่นำ vigors ไปบรรจุขวดและจัดจำหน่ายในเครื่องอัตโนมัติเท่านั้น
คือสารเคมีชนิดพิเศษ ที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ในโคลัมเบียเป็นผู้คนพบ ที่มีคุณสมบัติสามารถทำให้มนุษย์มีพลังความสามารถพิเศษที่เหนือธรรมชาติ ซึ่งตามกฎของธรรมชาติทุกอย่างล้วนย่อมมีที่มาเสมอ แม้บางครั้งเกิดจากความไม่ตั้งใจก็ตาม ในแรกเดิมนี้ก่อนที่สารเคมีชนิดนี้เป็นเพียงสารเร่งอณุภาพ ให้กับเครื่องยนต์ แต่แล้วมีนักวิทยาศาสตร์หนุ่ม คนหนึ่งกำลังทดลองพัฒนาสารตัวนี้ให้มีความบริสุทธิ์ เพื่อทำให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้นในเครือธุรกิจอุตสาหกรรมของ Marlowe ในขณะนั้นเองเขาเกิดกระหายน้ำขึ้นมา ได้เผลอหยิบสารเคมีที่วางไว้อยู่ข้างโซดาขึ้นมาดื่มจนหมดขวดโดย นักวิทยาศาสตร์หนุ่ม คนนี้เขาเพิ่งรู้ตัวอีกทีก็คือเกิดสิ่งผิดปกติในมือของตน แต่ตัวเขากลับไม่ได้ตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะมันไม่ได้สร้างอันตรายให้แก่เขา แล้วเมื่อนักวิทยาศาสตร์คนอื่นทราบข่าวเรื่องนี้เข้า พวกเขาก็ต่างตกตะลึงและให้ความสนใจร่วมงานกับนักวิทยาศาสตร์หนุ่มผู้คิดค้น จนสามารถพัฒนาสารเคมีพิเศษนี้ดียิ่งขึ้น จนกระทั้งสามารถผลิต และ จำหน่ายไปสู่ท้องตลาดให้กับชาวเมืองโคลัมเบียสามารถสัมผัสกับพลังที่เหนือธรรมชาติ เพื่อใช้ป้องกันตัว หรือ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตประจำวัน ในปี ค.ศ. 1895
ส่วนเรื่องของผลลัพธ์ของมันแม้จะน่าทึ่งแม้ทำให้นครโคลัมเบียมีสีสรรมากขึ้น แต่ก็แฝงไปด้วยความโหดร้าย หรือ ความจริงที่ทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้คือ การใช้มันอย่างผิดวิธี ด้วยการที่มี Vigors ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้การเผชิญหน้าของสองกลุ่มการเมืองในนครโคลัมเบียมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
ผู้เล่นสามารถพบ Vigors เหล่านี้ได้ตามฉากในรูปแบบคล้ายขวดน้ำดื่มที่มีรูปลักษณ์สวยงามต่างกันออกไปหลายรูปแบบ หลายความสามารถ และ หลายรสชาติ
เกียร์เป็นอุปกรณ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในโคลัมเบีย โดยแบ่งเครื่องสวมใส่เฉพาะส่วนของร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ซึ่งภายหลังจากการเกิดภาวะสงครามกลางเมือง Gear ก็ถูกผลิตออกมาใช้ต่อสู้ในรูปแบบทางการทหาร ซึ่งผู้เล่นสามารถหาพบได้ในรูปแบบแพ็คเกจห่อของขวัญ ถูกวางทิ้งไว้ในหลายสถานที่ตลอดทั้งเกม

นักสืบเอกชนมีอายุ 38 ปี อดีต เคยเป็นทหารผ่านศึกของกองทัพสหรัฐอเมริกา ในสังกัดกรมทหารม้าที่ 7 เพียงวัย 16 ปี ที่ได้ร่วมรบในสงคราม ที่ Wounded Knee ใน ค.ศ. 1892 ซึ่งเป็นสงครามนองเลือดครั้งใหญ่ ในดินแดนทางทิศตะวันตกของสหรัฐ ที่มีการปะทะระหว่างทหารสหรัฐฯกับ พวกชนเผ่าอินเดียนแดง ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือ มีชาวอินเดียนแดงถูกสังหารไปไม่ต่ำกว่า 300 ศพ ที่มีทั้งชายหญิง เด็กและผู้ใหญ่ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลายเป็นตัวชี้นำที่ทำให้ Booker กับเหล่าเพื่อนทหารทุกคนที่ร่วมสงครามในเหตุการณ์นองเลือด ถูกผู้คนบางกลุ่มรุมประณาม และ ตั้งฉายาให้พวกเขาว่าเป็น "The White Injun" (เป็นชื่อฉายา ที่มีไว้สำหรับชาวอเมริกันพื้นเมือง ที่น่าอับอาย) แล้วในตัวของ Booker เองได้เกิดแผลลึกในจิตใจจากการกระทำของตนในสงคราม จนกระทั้งวันหนึ่ง Booker Dewitt ตัดสินใจลาออกจากการเป็นทหาร เพื่อทิ้งอดีตของตนแล้วกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติ เข้าไปทำงานให้กับองค์กรสายสืบระดับชาติ ชื่อ Pinkerton (พินเคอร์ตัน) แต่เขาก็กลับทำงานอยู่ที่นี่ได้ไม่นานก็ถูกไล่ออก เนื่องจากมีพฤติกรรมที่แย่ลงต่างจากสมัยที่เขายังเป็นทหาร ซึ่งในการทำงานก็มักชอบใช้วิธีการรุนแรง และ มีผลงานที่ไม่ค่อยเป็นที่น่าประทับใจเท่าไหร่ เวลาต่อมาจากประสบการณ์การทำงาน Booker เขาก็ได้ผันตัวเองกลายมาเป็นนักสืบเอกชน แต่แล้ววันหนึ่งเขาได้พบกับผู้หญิงที่เขารัก และ ได้แต่งงานอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ตามประสาคู่รักทั่วไป
ค.ศ. ภรรยาของเขาขาดใจตายหลังคลอดบุตรสาว ซึ่งต่อมาเขาได้ตั้งชื่อให้กับเด็กผู้หญิงคนนี้ว่า Anna DeWitt และตั้งแต่บัดนั้นเขาก็ได้เลี้ยงดูเธออย่างดีที่สุดในฐานะพ่อของเด็กคนนี้ แต่หลังเหตุการณ์เสียชีวิตของภรรยา Booker ได้ผ่านพ้นไปไม่นาน Booker Dewitt ได้กลายเป็นผู้ติดพิษสุราและการพนัน มาจากความเครียดและหนี้สินที่เพิ่มพูนมากขึ้นเลื่อยๆ โดยมีสาเหตุที่เขาไม่สามารถลืมอดีตที่แสนเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตนได้
เรื่องมันยังไม่จบเพียงเท่านี้เนื่องจากเขายังมีหนี้สินเป็นจำนวนมาก จากการเล่นพนัน ที่ Booker ได้สะสมมาตั้งแต่ตอนที่เขาเลิกเป็นทหารจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้ทั้งชีวิตที่เหลืออยู่หาเงินมาใช้หนี้ได้ทั้ง หมด จนถึววันที่ 8 ตุลาคม 1893 เขาได้ถึงกำหนดวันสุดท้ายของการชำระหนี้พนัน แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะหาเงินมาชดใช้จึงตัดสินใจนำ Anna ลูกสาวตนเองขายเพื่อชดใช้หนี้ของเขาที่มีอยู่ทั้งหมดตามคำข้อเสนอของ Zachary Comstock โดยมีนายหน้า Robert Lutece เป็นผู้มารับตัวเด็กสาวไป
ต่อมา Booker ได้เกิดเสียใจกับการกระทำของตนเอง เขาจึงเปลี่ยนใจเดินทางออกไปตามหานายหน้า Robert Lutece เพื่อขอยกเลิกข้อตกลง แต่ทว่ากลับสายเกินไป เมื่อได้เห็นพวกนายหน้ากำลังพยายามนำตัวลูกสาวของเขาข้ามผ่านไปยังอีกสถาน ที่หนึ่ง Booker จึงรีบวิ่งเข้าไปรั้งแขนชาย (Comstock )ที่กำลังอุ้มลูกสาวเพื่อขอตัวเธอคืน อย่างสุดกำลังแต่เขาก็กลับพลาดถูกสลัดแขนออกมา จนสุดท้ายพวกนายหน้าก็ได้ตัวลูกสาวของ Booker ไปแล้วได้ปิดประตูมิติ(Tear)ลง ซึ่งในช่วงเวลานั้นเอง นิ้วก้อยของAnna ได้ถูกตัดขาดออกจากการที่เธอพยายามที่จะเอื้อมมือไปหาพ่อของเธอ ในช่วงระหว่างที่ประตูมิติกำลังปิดตัวลง
ในรอบ20ปีหลังจากที่พวกLutece ลักพาตัวลูกสาว (Anna Dewitt)ของ Booker ไปจากเหตุการณ์กลับกลายเป็นว่าทำให้ Booker Dewitt เกิดเสียใจ แล้วยิ่งมีความเครียดมากขึ้นไปอีก จนเขาได้สลักชื่อ AD เป็นสิ่งเตือนใจจากการสูญเสียลูกของตนไปด้วย ความเห็นแก่ตัวของเขาเอง แต่ทว่าไม่นาน พี่น้องฝาแฝด Lutece ได้เดินทางมาพบ Booker Dewitt อีกครั้ง และ เพื่อเสนอโอกาสที่จะทำให้ Booker ได้พบลูกสาวของเขา ซึ่งพวก Lutece ได้พาเขาเข้าไปในโลกคู่ขนาน ช่วงระยะเวลาของจักรวาล Zachary Hale Comstock ในวันที่ 6 กรกฎาคม เพื่อให้ Booker หาโอกาสลักพาตัว Elizabeth (Anna Dewitt) หนีออกจากนครลอยฟ้าโคลัมเบีย กลับไปให้พวกเขา Lutece เพื่อที่จะเปลี่ยน Elizabeth เป้นคนเดิมและส่งคืนให้กับพ่อของเธอที่แท้จริงใน New York แต่ทว่าเมื่อ Booker ได้ย่างก้าวเข้ามาใน จักรวาลของ Comstock ได้เกิดอาการหน้ามืดฉับพลันจนล้มหมดสติไปในที่สุด แล้วเมื่อ Booker ฟื้นขึ้นมาเขาได้เกิดอาการมึนงง สับสนกับความทรงจำของตนเองและพบว่าเหมือนตนเองได้ลืมอะไรบางอย่างไป เป็นอาการแบบเดียวกับ Robert
(มีสาเหตุมาจาก ในจักรวาลของ Comstock เขาไม่เคยมีตัวตนอยู่จริง ในฐานะชายที่ชื่อ Booker Dewitt มาก่อน ความทรงจำใดที่เคยเกี่ยวเนื่องกับ มิติ Comstock จะถูกลบออกไป และ เริ่มสร้างความทรงจำใหม่ขึ้นมา ที่ต่อเนื่องจากความทรงจำที่ยังคงเหลืออยู่ จะถูกเชื่อมโยงให้เข้ากับสิ่งที่ตนกำลังเผชิญอยู่)
เมื่อ Booker หลังจากที่เขาได้พักฟื้นตัวจากอาการหน้ามืด และ ได้รับกล่องบรรจุข้อมูลภารกิจจาก Rosalind เขากลับคิดเอาเอง และ เข้าใจว่า "การที่เขาได้เดินทางมานี่นี่ เพียงเพื่อช่วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ในนคร Columbia กลับไป New York อย่างปลอดภัย เพื่อแลกกับชำระหนี้สินทั้งหมดของเขา"
(ซึ่ง Booker ได้สูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับ Anna dewitt ลูกสาวเขา หรือแม้แต่ ช่วงเวลาการสูญเสียลูกสาวของเขาก็ตาม "ซึ่งในระหว่างการดำเนินเรื่องภายในเกม Booker เขาจะค่อยๆ ฟื้นความจำเกี่ยวกับ เด็กผู้ที่ชื่อ Anna")
แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมาในการที่ส่ง Booker ขึ้นไปชิงตัว Elizabeth กลับไม่ตรงไปตามที่ พี่น้องฝาแฝด Lutece คาดการณ์ไว้ เพราะผลที่ปรากฏออกมากลับมาสำเร็จซ้ำแล้วยังทำให้เหตุการณ์ในอนาคตเลวร้ายมากยิ่งขึ้นเนื่องจากการที่ Booker เดินทางไปที่โคลัมเบีย ทำให้สงครามกลางเมืองนครลอยฟ้าแห่งนี้รุนแรงจนถึงขนาดเกือบล่มสลาย ซึ่งทางด้านสองพี่น้อง Lutece เองก็ไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ พวกเขาก็ยังคง ใช้ Tear ย้อนเวลากลับไปทำแบบนี้อยู่เลื่อยๆ จนนับครั้งไม่ถ้วน (สังเกตได้จากขีดช็อคบนกระดาน ตอนที่พวกเขาให้ Booker ทายเหรียญ หัว-ก้อย) แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
(ต้องขอบคุณ Zepia ที่ช่วยแก้ไขข้อมูล)
หญิงสาววัย 20 ปีที่ตลอดทั้งชีวิตของเธอ ถูกคุมขังในหอคอย Monument Island ของนครโคลัมเบียตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กจนโตเป็นสาว ยาวนานถึง 12 ปี ซึ่งในตอนแรกเธอไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าตนเองได้ตกกลายเป็นเป้าหมายของ Booker DeWitt ที่ตั้งใจจะลักพา Elizabeth หนีออกจากนครโคลัมเบียและพาเธอกลับไปหานายจ้างของเขาที่นิวยอร์ก แต่ทว่าการที่ใครที่จะพาตัวเธอไปไหนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเธอมีผู้พิทักษ์ที่มีขนาดใหญ่มหึมาคอยปกป้องเธอจากบุคคลภายนอก รวมถึงมันยังเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของ Elizabeth ตั้งแต่วัยเด็ก ทางด้านบุคลิกภาพของเธอมีความซับซ้อนมาก มีนิสัยเอาแต่ใจ มีความอยากรู้อยากเห็นไปทั้งหมดทุกเรื่อง แล้วการที่ Elizabeth เธอต้องติดอยู่แต่ข้างในหอคอยตลอดทั้งชีวิต เนื่องจาก ไม่ใช่เพียงแค่ Booker คนเดียวที่ต้องการตัวเธอคนนี้ แต่ทว่ายังมีพวกกลุ่มคนการเมือง บางกลุ่มในโคลัมเบียที่ ต้องการครอบครองตัวเธอ เพื่อใช้พลังลึกลับบางอย่างในตัวเธอ ชิงความได้เปรียบเหนือกว่าอีกฝ่าย
ซึ่งทั้งสองพี่น้อง Luteces ได้สันนิษฐานตรงกันว่า ที่มาของพลังลึกลับของเธอ สามารถสร้าง Tear (หน้าต่างมิติ) มีสาเหตุมาจากการมีตัวตนของเธออยู่ในสองห้วงเวลาของโลกทั้งสองไปพร้อมกัน ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์สูญเสียนิ้วก้อยของ Elizabeth ตั้งแต่ตอนยังเป็นทารกหญิง ไปพร้อมกับการเกิดทฤษฎี Multiverse ที่ห้วงเวลาของโลกทั้ง2ใบบังเอิญได้เคลื่อนตัวเข้ามาอยู่คู่ขนานกันพอดี จนทำให้เกิดปรากฏการ ความไม่เสถียรของห้วงเวลาที่ควรจะเป็น เช่นกัน ทำให้เธอมีพลังที่สามารถเปิดประตูห้วงเวลาที่เชื่อมกันระหว่างของทั้งสองมิติหรือ จะเป็นอดีตหรืออนาคตก็ย่อมได้ (ภายหลังหลังนี้ ได้ถูกเรียกว่า Tear)

ผู้ก่อตั้งนครโคลัมเบีย และเป็นที่รู้จักของผู้คนในนครโคลัมเบียกันในฐานะศาสดา ตัวแทนของพระเจ้า หรือ ที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่ง "The Prophet" เพราะ เขามีความสามารถในการทำนายอนาคตที่เกิดขึ้นจริงในนครโคลัมเบีย จึงเป็นสาเหตุที่ทุกคนในนครลอยฟ้าต่างยกย่องและเทิดทูนชายคนนี้มากที่สุด แล้วในคราวเดียวกัน Comstock เขาก็เป็นผู้นำฝ่าย The Founders เป็นพรรคการเมืองที่กำลังมีความขัดแย้งกับกลุ่มการเมือฝ่าย Vox Populi ในปัจจุบันซึ่งนับวันความแค้นของทั้งสองฝ่ายก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเลื่อยๆ


นักฟิสิกส์ อัจฉริยะคนหนึ่ง ที่เป็นผู้บุกเบิก ทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์ ที่คอยอยู่ร่วมกับน้องสาว Rosalind Luteces ซึ่งเธอก็เป็นนักฟิสิกส์ควอนตัมเช่นเดียวกับ Rober Luteces พี่ชายของเธอ อีกทั้ง Rosalind เป็นผู้ผู้บุกเบิก ทฤษฎี การฉีกขาดของมิติ ที่เกิดจากความหักเหของช่องว่างในอากาศ โดย ทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์ ซึ่งภายในเกมพวกเขานั้นจะคอยช่วยเหลือ คุ้มกัน หรือ เป็นผู้ชี้ทางให้กับ Booker Dewitt ที่เดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจให้กับพวกเขาทั้งสองคน ในนครโคลัมเบีย อีกทั้งยังคอยทดลอง และ ทดสอบอะไรบางอย่างกับ Booker แล้วเสนอทางเลือกให้กับเขาไปตลอดเส้นทาง และ คาดการณ์ผลลัพธ์ ที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลา ซึ่งคำตอบที่ออกมาส่วนใหญ่ Robert จะถูกต้องมากกว่า Rosalind
จุดเริ่มต้นของพวกเขามาจากการที่ Rosalind Lutece นักฟิสิกส์สาวอัจฉริยะคนหนึ่ง ที่กำลังศึกษาและค้นคว้า ทฤษฎีลอยตัวของควอนตัม เชิงกลศาสตร์ ได้พบกับ Zachary Hale Comstock ชักชวนให้เธอร่วมงานกับเขา และ ช่วยให้เงินทุนสนับสนุนการวิจัยของเธอให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ในช่วงระหว่างปลายปี 1892-1893 Rosalind Lutece ได้ทดลอง ขยายควอนตัมที่อยู่ในอะตอม จนเกิดช่องว่างในอากาศขึ้น ซึ่งผลที่ออกมาคือ เธอได้ยินเสียงชายคนหนึ่งจากข้างในช่องอากาศเล็กๆ ในระยะเวลาต่อมาเมื่อพวกเขาได้พูดคุยกันจึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์และนักฟิสิกส์ ชื่อ Robert Lutece ที่ได้ทดลองแบบเดียวกันกับ Rosalind ซึ่งสิ่งที่น่าแปลกใจคือ เขาและเธอคือคนเดียวกัน ซึ่งสถานที่ Robert อยู่นั้นคือโลกคู่ขนาน เป็นอีกห้วงเวลาของจักรวาลหนึ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันแต่มีความแตกต่างจากจักรวาลของ Rosalind (เสมือนเป็นจักรวาลที่ Rosalind เป็นผู้ชายเป็นต้น) แต่ทว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองยังคงใช้การทดลองนี้ ทำได้แต่เพียงใช้ในการสื่อสารพูดคุยกันเท่านั้น ยังไม่สามารถที่จะเห็นรูปร่างหน้าตาอีกฝ่ายหนึ่งได้
ระยะเวลาผ่านไป Lutece ทั้งสองก็ได้สนิทสนมกันอย่างรวดเร็วจนพวกเขาได้ตั้งความสัมพันธ์เป็นเสมือนพี่น้องฝาแฝด เพราะมีนิสัย วิสัยทัศน์ เหมือนกัน และพวกเขาก็ตั้งใจที่จะพัฒนาการทดลองนี้ไปเลื่อยเพื่อเปิดช่องเพื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายหนึ่งกันให้ได้ Lutece
ต่อมาเมื่อ Rosalind ได้รายงานผลการทดลองของเธอให้กับ Comstock เธอก็ได้เงินทุนเพิ่มที่มากจนเพียงพอต่อการวิจัย ซึ่งผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมาในครั้งนี้ ช่องว่างของมิตินั้นได้ขยายกว้างขึ้นเท่าหน้าต่าง เธอสามารถมองเห็นทุกๆสิ่งผ่านหน้าต่างมิติบานนี้ แต่ทว่ามันแตกต่างจากคราวก่อน ซึ่งมันก็คืออนาคต
จากการขอเงินทุนในโครงการก่อสร้างนครลอย ฟ้าโคลัมเบีย ที่ล็อบบี้ในสภาคองเกรสของสหรัฐฯที่จะให้การสนับสนุน การก่อสร้างเมืองสำหรับการท่องเที่ยวที่ทันสมัยที่สุดใน โลก Rosalind และ Robert พวกเขาสามารถประดิษฐ์เครื่องยนต์ที่สามารถสร้าง Tear (คืออีกชื่อหนึ่งที่ถูกเรียกแทนคำว่า หน้าต่างมิติ ) ที่สามารถใช้เดินทางข้ามระหว่างโลกคู่ขนาน และ ทุกห้วงเวลาของจักรวาลได้สำเร็จ
เมื่อ Robert ทันทีที่เขาใช้งานเครื่องยนต์นี้ เดินทางข้ามไปยังจักรวาลของ Rosalind เขาได้รู้สึกเกิดมีสิ่งผิดปกติบางอย่างกับร่างกายของเขา เกิดทรุดโทรมลงอย่างฉับพลันทัน แล้วในทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้ามาอีกโลกหนึ่ง เกิดอาการมึนหัวและความทรงจำของในอดีตบางส่วนสูญหายจนทำให้เขาสับสน แต่ทว่าจากความช่วยเหลือของ Rosalind ก็สามารถทำให้ความทรงจำที่ผ่านมา รวมถึงสุขภาพและร่างกายของเขากลับฟื้นฟูเป็นปกติได้ในที่สุดก็มา เวลาต่อมาพวกเขาก็สามารถคุ้นเคยกับการใช้เครื่องยนต์ รวมถึง วิธีใช้งานที่ป้องกันการเกิดผลข้างเคียง

ผู้นำกลุ่ม Vox Populi ในปัจจุบันได้ตั้งตนเป็นอริกับฝ่าย The Founders เพื่อต่อต้านแนวคิดการปกครองแบบเผด็จการ อย่างเป็นทางการ ในอดีต Daisy เธอเป็นเพียงแค่นักโทษหญิงของ Jeremiah ที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำของนครโคลัมเบีย ซึ่งไม่นานเธอก็ได้รับการลดโทษและถูกปล่อยตัวออกมาจากการที่เธอถูกจ้างให้มาเป็น แม่บ้านประจำให้กับ สุภาพสตรีอันดับหนึ่ง Lady Comstock ซึ่ง Daisy เธอเองก็มีความสุข จากการที่ได้หลุดพ้นจากฐานะนักโทษ และ ชื่นชมความเมตตา กับ ความอัจฉริยะของ Lady Comstock 1 ปีต่อมาหลังจากเกิดคดีการตายของ Lady Comstock ไม่นาน Daisy Fitzroy เธอจึงตัดสินใจหลบหนีออกมา ย้ายไปทำงานผู้เป็นกระบอกหาเสียงให้กับ องค์กร Populi ที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อไม่สนับสนุนเรื่องความรุนแรง เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมให้แก่คนต่างสัญชาติ หยุดการเหยียดสีผิว ซึ่งการประกาศชวนเชื่อของ Daisy Fitzroy กลายเป็นบุคคลที่น่าสนใจ และ น่าชื่นชมของผู้คนชนชั้นแรงงาน กับ คนบางกลุ่มในโคลัมเบีย ภายในไม่กี่สัปดาห์ Daisy ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใน Finkton จับกุมเนื่องจากเธอถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีสังหาร Lady Comstock จากเหตุการณ์นี้ทางด้านกลุ่ม Vox Populi จึงได้ใช้ผลประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Daisy เป็นนกต่อในการสร้างกระแสให้ผู้คนเกลียดชัง The Founders มากขึ้น
สัปดาห์ต่อมาหลังจากถูกจับกุม Daisy Fitzroy เธอถูกส่งตัวไปให้กับ ดร. Pinchot เป็นผู้สอบสวน Daisy ที่บ้านของ Comstock หนึ่งสัปดาห์ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จเพราะเดซี่เธอไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆเกี่ยวกับการตายของ Lady Comstock และไม่มีข้อมูลเพียงพอในการค้นหาผู้สมรู้ร่วมคิด ทีมวิจัยของ ดร. Pinchot จึงเสนอวิธีการผ่าตัด ดัดแปลงบางอย่างในร่างกาย Daisy หรือ ทรมานเธอ ซึ่งเขากลับปฏิเสธเพราะเกรงว่าสิ่งที่ทำไปจะสูญเปล่า ดร. Pinchot จึงได้ขอเวลาในการวัย และ ทดสอบสติปัญญาของเธอ เพื่อหาวิธีการที่ดีกว่าที่ผู้หญิงคนนี้ไม่ต้องเจ็บตัว ผลจากการทดสอบ Daisy Fitzroy ได้ทำแต้ม คะแนนสูงมากในการทดสอบและ ได้แฝงข้อความบางอย่าง เพื่อขอนัดติดต่อกับ ดร. Pinchot เพื่อขอให้เขาช่วยเหลือเธอ เลื่อยมาจนถึงวันสุดท้ายของการวิจัย Pinchot ได้มีโอกาสมาพบ Daisy ในห้องสืบสวนซึ่งเขาเชื่อในเรื่องที่เธอเป็นผู้ถูกกล่าวหาจึงได้ตัดสินใจช่วยเธอหนีออกจากที่นี่ โดยเขาเขียนแผนที่ทางออกลับของที่นี่พร้อมกับ กุญแจ ส่วนตัวที่สามารถใช้เข้าออกได้ทุกประตู กับ เงินทั้งหมดที่เขามีให้กับ Daisy แต่ทว่าหารู้ไม่ เมื่อเธอได้สิ่งที่ต้องแล้ว กลับแย่งปืนพกของ ดร. Pinchot และ ยิงที่หัวเขาก่อนที่จะหนีออกจาก บ้านของ Comstock
หลังจากที่ Daisy Fitzroy เป็นอิสระ เธอได้นำเงินจำนวนมากจากชายที่โง่เขลากับข้อมูลลับของพรรค The Founders กำลังปกปิดอยู่ไปให้กับ Vox Populi ทำให้องค์กรนี้เติบโต มีชื่อเสียง และ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่มากพร้อมไปด้วยสมาชิกในองค์กรที่เพิ่มพูนมากขึ้นเลื่อยๆ โดยมี Daisy Fitzroy เป็นผู้นำซึ่งในระยะเวลาต่อมาองค์กร Populi เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในอุดมคติที่ตรงกันข้าม คือเริ่มนิยมความรุนแรง และ ความวุ่นวายมากขึ้น คัดค้านความเชื่อ กับการปกครองของกลุ่ม The Founders อย่างหัวชนฝา
ในส่วนของแบนเนอร์ ขององค์กร Vox Populi จะเป็นรูปวาด Daisy Fitzroy บนป้ายโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งวิธีการปลุกระดมของพวกเธอโดยใช้เสียง ของเธอประกาศป่านลำโพงขยายเสียงที่ติดอยู่ทั่วนครโคลัมเบีย
นักธุรกิจไร้ยางอาย ที่ร่ำรวยมั่งคั่งมากที่สุดในนครโคลัมเบีย จากการเป็นหนึ่งในสมาชิก the founder และ เป็นผู้ประดิษฐ์ Kinetoscope และ Sky Hook ขาย จนนำมาผูกขาดการผลิตหรือจำหน่ายมากที่สุดในโคลัมเบีย ซึ่งอุปกรณ์หรือสิ่งประดิษฐ์ อย่าง Sky Hook ตอนแรกมันเป็นเพียงอุปกรณ์ที่ช่วยให้คนงานในอุตสาหกรรม ใช้ในการเคลื่อนย้ายหรือส่งสินค้าในรางลอยฟ้า Sky-Lines ต่อมา ทางกรมตำรวจของโคลัมเบีย เห็นว่าอุปกรณ์นี้มีศักยภาพในการช่วยเดินทางตรวจตราไปทั่วเมืองได้สะดวกรวดเร็ว สามารถตามจับอาชญากรรมตีนไฟได้ง่ายขึ้น จึงเสนอร่วมทำธุรกิจนี้กับ Jeremiah Fink ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือ ทำให้ตำรวจของนครโคลัมเบียนั้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนเรื่องการก่อเหตุอาชญากรรมนั้นลดน้อยลงด้วย เช่นกัน สิ่งประดิษฐ์ของ Jeremiah Fink เลยกลายเป็นที่จับตามองในแวดวงธุรกิจ เขาได้ร่วมธุรกิจกับนักธุรกิจรายใหญ่หลายราย จนแล้วในที่สุด ธุรกิจของเขา ประสบความสำเร็จได้ในที่สุดแต่ Jeremiah Fink ได้คาดการถึงปัญหาการขาดทุน เมื่อธุรกิจของตนถึงจุดอิ่มตัว ได้ล่วงหน้า ซึ่งนักธุรกิจทุกคนจะต้องประสบมันที่สักวันต้องแย่ลง เขาจึงได้ริเริ่มปรับค่าแรง และ ค่าสวัสดิการของคนชั้นแรงงาน อย่างไม่เป็นธรรม รวมถึงชั่วโมงการทำงานที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องไม่ไม่ถูกต้อง คนงานสามารถฟ้องกรมแรงงานให้เอาผิดได้ แต่ทว่า Jeremiah เขาจบเรื่องนี้ได้แค่เพียงตัดกำไรบางส่วนจากการหักเงินค่าแรงของคนงานให้กับตำรวจ เพียงเท่านี้ยังไม่พอ เขาก็เริ่มแอบจัดสรร อุปกรณ์กับสิ่งประดิษฐ์ รวมถึงอาวุธ ให้กับฝ่ายคู่อริอย่าง Vox Populi เพื่อแสวงหาผลกำไรทวีมากขึ้นเลื่อยๆจน Jeremiah Fink เขาก็กลายเป็นหนึ่งในผู้ชายที่รวยที่สุดในโคลัมเบีย
ในภายหลัง Fink ได้รับข้อเสนอจาก Zachary Comstock จ้างวานให้เขาให้ช่วยตามล่าสองพี่น้อง Lutece ที่พวกเขาได้ก่อคดีวินาศกรรม ที่ห้องทดลองในบ้านของ Comstock กับ ขโมยอุปกรณ์และเครื่องยนต์ที่สำคัญต่อ นครโคลัมเบียไปบางอย่าง (ทั้งหมดเป็นสิ่งที่พวก Lutece ประดิษฐ์ขึ้นเอง ) แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองยังไม่ตาย แล้วกำลังลอยนวลอยู่ที่ใดสักแห่งในห้วงเวลา
อดีตนายทหาร มากด้วยประสบการณ์คอยทำหน้าที่รับใช้ชาติ สหรัฐอเมริกาทหาร มานับครั้งไม่ถ้วน และ เคยร่วมสงครามนองเลือดที่ Wounded Knee ในสถานที่เดียวกับ Booker DeWitt ต่อมาหลังจากการเปิดตัวของ นครลอยฟ้า เขาได้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นนายทหาร ติดตามZachary Hale Comstock เป็นพลเมืองของโคลัมเบีย แล้วสุดท้ายเขาก็กลายเป็นนายทหาร ผู้ปกป้องรับใช้ ให้กับนครลอยฟ้าแห่ง
ในปี 1901 ในเหตุการณ์ กบฏนักมวย (Boxer Rebellion) Slate เขาสูญเสียดวงตาข้างซ้ายของเขาจากการสู้รบกับพวกทหารกบฏ 30 คน แต่ภายหลังเมื่อเหตุการณ์สงบ Slate กลับถูก Comstock ปลดตำแหน่งยศนายทหาร และทำโทษโดยการ ทำเครื่องหมาย(รอยแผล)ที่แสนเจ็บปวดบนใบหน้าของเขา ที่มีความหมายว่าเป็นผู้ไม่ซื่อตรง เนื่องจาก Slate ได้ปฏิบัติหน้าที่ นอกเหนือคำสั่งและกระทำเกินกว่าเหตุ หลังจากนั้น เขาก็ได้นำเหล่าทหารบางส่วนที่คอยอยู่ข้างเขา กบดานอยู่ใน Hall of Heroes เพื่อเฝ้ารอวันที่ Comstock ต้องการพวกเขาอีกครั้ง

ในชีวิตของเขาได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ ไปกับการผลิตอาวุธปืนกับภรรยาที่ชื่อ Mrs. Lin (ขึ้นอยู่กับมิติ ซึ่งบางจักรวาลเธอชื่อ May Lin หรือ เป็นผู้หญิงผิวขาวที่ไม่ใช่เชื้อชาติเอเชียชื่อ Sarah Lin ) ของตนที่ร้านของเขา ให้กับธุรกิจของ Fink สามารถเจริญเติบโตมานานหลายสิบปี โดยจากการที่นำไปจำหน่ายให้กับ กรมตำรวจ หรือ ทหารของรัฐบาล เนื่องจากอาวุธที่เขาสร้างนั้น มีศักยภาพที่เหนือชั้นมากกว่าช่างทำอาวุธคนอื่นในโคลัมเบีย จึงไม่ใช่แปลกที่มีผู้คนนิยมใช้อาวุธที่ผลิตมาจากฝีมือของ Chen Lin แม้แต่ทางด้านฝ่าย Vox Populi ก็ยังสนใจ จนถึงขนาดได้แอบติดต่อกับ Fink แล้วเสนอเงินก้อนโตในการร่วมทำธุรกิจอย่างลับๆ เพื่อจัดหาอาวุธที่ Chen Lin สร้างขึ้นมาให้กับพวก Populi
เธอเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของโคลัมเบียและเป็นภรรยาของ Zachary Hale Comstock เธอถูกลอบสังหารโดยบุคคลใกล้ชิดของเธอ แล้วโยนความผิดให้กับ Daisy Fitzroy ซึ่งเป็นผู้นำของฝ่ายอนาธิปไตย Vox Populi โดยส่วนตัว Lady Comstock เธอเป็นบุคคลที่น่านับถือของประชาชนในโคลัมเบีย แม้ปัจจุบันวิญญาณของเธอได้ลอยขึ้นสู่สรวงสรรค์ไปแล้ว แต่ทุกคนในนครลอยฟ้ายังคงให้ความสำคัญกับ เธอและจดจำเธอไปตลอดกาล พร้อมทั้งยังได้บันทึกความดีงามของ Lady Comstock ไว้ใน Hall of Heroes เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ก่อนที่จะกลายเป็น สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง หรือ Lady Comstock เธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดา ที่ผันตัวเองเป็น สาวกของ Zachary Hale Comstock ในอดีตของเธอก่อนก่อนหน้านี้ เป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว มักจะใช้เสน่ห์ของตนช่วงชิงผู้ชายหรือคู่ครองของผู้หญิงคนอื่นมาเป็นของตน มานับไม่ถ้วน จนกระทั้งวันหนึ่งเธอได้เกิดเบื่อหน่ายกับชีวิตของตนเอง จนได้เดินทางเข้ามาเป็นพลเมืองในนครโคลัมเบีย และ เข้สร่วมพิธีชำระล้างบาปที่โบสถ์เพื่อ ละทิ้งอดีตของตนและเริ่มชีวิตใหม่เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งในนครลอยฟ้าแห่งนี้ เมื่อเสร็จพิธีการในโบสถ์ เธอก็ได้พบกับ Zachary Hale Comstock และได้มีความรักต่อกัน จนทั้งคู่นั้นได้ตัดสินใจแต่งงาน นับหลังจากวันนั้น ผู้หญิงธรรมดาคนนี้ก็ได้ก้าวกระโดดข้ามมาอยู่ในฐานะ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ของนครโคลัมเบียเพียงชั่วข้ามคืน ต่อมา Lady Comstock เธอได้ช่วย เผยแพร่กระจาย หลักคำสอนของสามีเธอ Comstock กับพลเมืองโดยการเข้าไปใกล้ชิดกับผู้คน ด้วยวิธีการที่หลากหลายแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีใครคาดถึง จนทำให้ Lady Comstock กลายเป็นบุคคลที่น่าเคารพนับถืออย่างมากไม่แพ้ Zachary Hale Comstock หรือสามีของเธอ
ในปี 1895 Lady Comstock ถูกฆาตกรรมโดยมีสาเหตุมาจาก Lady Comstock บังเอิญรู้ความจริงที่เด็กผู้หญิงที่ชื่อ Elizabeth ไม่ใช่ลูกเธอ จึงนำเรื่องนี้ไปต่อว่า Comstock และ กล่าวหาว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นลูกที่เกิดจาก การที่สามีเธอมีพฤติกรรมชู้สาวกับเพื่อนร่วมงาน Rosalind Lutece เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาทั้งสองได้ทำงานร่วมกันแล้วมีเวลาอยู่ร่วมกันมากกว่าเธอ ซึ่งทางด้าน Rosalind ได้ปฏิเสธคำกล่าวหา และ พยายามอธิบายความจริงของเรื่องราว ที่มาของเด็กผู้หญิงที่ชื่อ Elizabeth ทั้งหมดเพื่อให้เธอเข้าใจ แต่ทว่าตอนนี้ Lady Comstock กำลังโกรธจากอาการหึงหวง และ สับสนในสถานการณ์ที่กำลังวุ่นวาย จึงไม่ยอมรับฟังข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น เธอจึงตัดสินใจคิดที่จะเปิดเผยเรื่องราวที่เสื่อมทรามเหล่านี้ให้ทุกคนในโคลัมเบียรับรู้ ซึ่ง Comstock ตนเองก็กลัวความเข้าใจผิดนี้จะถูกเผยแพร่ออกไป จนเกิดบันดาลโทสะบีบคอ Lady Comstock เธอขาดอากาศหายใจตายเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายไปจนกระทั้ง ความลับและแผนการที่เขาวางไว้ทั้งหมดพังทลาย

Possession
ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อ เป็นตัวช่วยในเรื่องของความรักและความสัมพันธ์ ให้แก่ผู้ที่ใช้ให้เป็นไปด้วยความราบรื่น ฯลฯ ซึ่งมันมีรสชาติที่ที่เปรี้ยวและหวานละมุนลิ้น เแต่ทว่าภายหลังจากเกิดเกิดเหตุการณ์ กบฏนักมวย วิกเกอร์ Possession ได้ถูกนำปรับไปใช้ในเรื่องการทหาร ให้แก่พวกองค์กรสืบข้อมูล ราชการลับ ฯลฯ จึงถูกเปลี่ยนสูตรยาทำให้มันมีประสิทธิภาพที่น่ากลัวยิ่งขึ้น
วิธีการใช้งาน Possession เปรียบเสมือนพลังสะกดจิต
ผู้เล่นสามารถ ปล่อยคลื่นพลังสีเขียวทำให้เป้าหมายต้องมนต์สะกด โจมตีพวกเดียวกันเองในระยะเวลาสั้นๆ หากศัตรูที่เป็นคนธรรมดาหลังจากหมดฤทธิ์ เขาจะทำร้ายตัวเองจนตาย
โอกาสในการใช้: เมื่อผู้เล่นต้องการนกต่อ หรือ พรรคพวกที่จะช่วยผู้เล่นจัดการกับศัตรู และ ตกเป็นเป้าหมายแทนผู้เล่น

Murder of crows
น้ำยาที่มีรสชาติคล้ายเหล้ารำผสมกับบลูเบอรี่ แต่ไม่มีสารแอลกอฮอล ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับเพื่อใช้ในการป้องกันตนเอง ซึ่งผู้ใช้จะทำการเสกอีกา2-3ตัวออกมาทำร้ายผู้ไม่หวังดี แต่ไม่ได้ถึงกับชีวิต ในเวลาต่อมามันถูกนำมาใช้ในเรื่องของการทหาร ผลที่ออกมามันได้เปลี่ยน อีกาเสก ให้มีความดุร้าย บ้าคลั่ง และ มีจำนวนมากยิ่งขึ้น จนสามารถใช้สังหารผู้คนได้อย่างง่ายดาย
วิธีการใช้งาน Murder of crows เปรียบเสมือน สารเคมีอดัม Insect Swarm ในภาคก่อน
- ผู้เล่นสามารถเรียกฝูงอีกา จิกทำร้ายศัตรูทุกคนที่อยู่เบื่องหน้า ทำให้เป้าหมายหยุดการเคลื่อนไหวและสภาพการต่อสู้ของศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเป็นจำนวนมาก
- หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ) เป็นการเสกไข่อีกา ออกมาสามารถใช้เป็นกับดักวางบนพื้นที่ ที่ต้องการหากศัตรูเข้ามาใกล้มันจะฝักออกมาเป็นอีกาตัวเต็มวัย ทำร้ายศัตรูทุกตัวที่อยู่ใกล้เคียง
โอกาสในการใช้: เมื่อผู้เล่นต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเป็นจำนวนมาก และ ต้องการให้พวกมันเกิดความวุ่นวาย เบี่ยงเบนความสนใจไปจากตัวผู้เล่น

Devil's Kiss
โดยบริษัท Fink Manufacturing เป็นผู้คิดค้น เครื่องดื่มที่มีรสชาติร้อนแรงคล้ายกับน้ำโซดา ทั้งผลิตและจำหน่ายขึ้น เพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้ที่สามารถควบคุมธาตุไฟ ไว้ใช้สำหรับจุดไฟ ไว้ใช้หุงต้ม หรือ จดบุรี่ ฯลฯในชีวิตประจำวัน แต่ทว่ามีนักวิทศาสตร์หัวหมอคนหนึ่ง นำมาปรับเปลี่ยนสูตรประสมของยา ให้กลายมาเป็นอาวุธ เมื่อผู้ใดที่ดื่มมันเข้าไป ไฟจะลุกโชนบนมือของเขาและแผดเผาจนเหลือกระดูก แต่ทว่าผู้ดื่มกลับไม่รู้สึกร้อนและสามารถทำให้สภาพมือของตนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เมื่อสารเคมีที่อยู่ในร่างกายหมดฤทธิ์
วิธีการใช้งาน Devil's Kiss เปรียบเสมือนระเบิดเพลิง
- ถ้าหากผู้เล่น ขว้างระเบิดเพลิงออกไปโดนศัตรู มันจะเผาผลาญเป้าหมาย พร้อมกับศัตรูที่อยู่ใกล้เคียง
- หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ) แล้วขว้างระเบิดเพลิงลงไปยังที่พื้น หรือ บนฝาผนังมันจะกลายเป็นกับดักระเบิด ที่จะสร้างความเสียหายกับศัตรูที่เดินเข้ามาใกล้และผู้อื่นอื่นๆที่อยู่รอบข้าง
โอกาสในการใช้: เมื่อต้องสร้างความเสียหายให้กับศัตรูที่อยู่กันเป็นกลุ่ม , ทำลายรูปขบวนของศัตรูให้หนีกระเจิงไปคนละทิศทาง

Bucking Bronco
ทำให้ผู้ที่ดื่มมันเข้าไปเข้าใจผิดว่ามันคือน้ำยาชูกำลังเพราะมีมีรสชาติที่คล้ายกัน แต่มันจะให้ความสามารถในการควบคุมแรงโน้มถ่วงทุกสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ แต่ทว่าก็มีข้อจำกัดของมันในตัว Bucking Bronco ได้ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อนำมาใช้ในเรื่องเชิงอุตสาหกรรม หรือ ในเครือธุรกิจในการการขนส่งสินค้า เคลื่อนย้ายวัตถุที่มีน้ำหนักโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องจักร เท่านั้น
วิธีการใช้งาน Bucking Bronco
- ผู้เล่นสามารถ ยกกลุ่มศัตรูที่อยู่เบื่องหน้า(จำกัดบริเวณ)ลอยขึ้นไปบนอากาศ ซึ่งพวกเขาจะตกใจไม่สามารถอยู่ในสภาพการต่อสู้ได้ชั่วคราว และ ตกเป็นเป้ายิงให้กับผู้เล่นได้ง่าย
โอกาสในการใช้: เหมาะสำหรับใช้กับศัตรูที่หลบอยู่หลังที่กำบัง หรือ ศัตรูที่อยู่กันเป็นกลุ่ม

Shock Jocky
เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ถูกสร้าง เพื่อใช้ในการป้องกันตนเอง ผู้ที่ดื่มมันไปจะรู้สึกเหมือนได้ดื่มไวน์องุ่นผสมกับโซดา และมีความสามารถสร้างกระแสไฟฟ้าให้กับร่างกายตนเอง อีกทั้งยังสามารถช่วยเพิ่มประจุไฟฟ้าให้กับเครื่องยนต์ที่กำลังมีปัญหากระแสไฟรั่ว กลับมาทำงานได้อีกครั้ง
วิธีการใช้งาน Shock Jocky
- ผู้เล่นสามารถปล่อยประจุไฟฟ้าแรงสูง ทำให้เป้าหมายบาดเจ็บและชะงักไปชั่วคราว
- หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ) สามารถสร้างกับดักไฟฟ้าในรูปแบบก้อนคริสตัล ทำให้ศัตรูที่เข้ามาใกล้จะถูกไฟฟ้าช็อตจนหมดสภาพการต่อสู้ไปชั่วขณะ
โอกาสในการใช้: เหมาะสำหรับศัตรูที่จัดการยาก ที่ผู้เล่นต้องการให้มันหมดสภาพการต่อสู้ไปชั่วคราว

Undertow
วิธีการใช้งาน Undertow
- ผู้เล่นสามารถปล่อยคลื่นน้ำจากเมือกปลาหมึกบนมือ ผลักศัตรูทุกเป้าหมายที่อยู่เบื่องหน้า กระเด็นออกไป
- หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ)สามารถดึงศัตรูที่อยู่เบื่องหน้าเข้ามาใกล้ผู้เล่น ที่ตั้งใจโจมตีด้วย Sky Hook หรือ ปืน Shotgun
โอกาสในการใช้: เมื่อต้องการผลักศัตรูจำนวนมากที่เข้ามาโจมตีผู้เล่นระยะใกล้ , เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการประหยัดกระสุนปืน หรือ ต้องการกำจัดศัตรูที่อยู่ในระยะไกลเข้ามาใกล้ผู้เล่น

Charge
วิธีการใช้งาน Charge
- ผู้เล่นจะพุ่งเข้าไปโจมตีศัตรู 1 เป้าหมายในระยะใกล้โดยใช้ Sky hook อย่างรุนแรง
- หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ) จะพุ่งเข้าไปโจมตีศัตรู ได้หลายคนในทิศทางที่ผู้เล่นพุ่งไป โดยใช้ Sky hook กระทกอย่างรุนแรง
โอกาสในการใช้: ใช้สังหารศัตรูทีละคน ในช่วงเวลาที่อยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และ อยู่ในระยะ***งจากผู้เล่น หรือ ใช้สังหารศัตรูที่อยู่พื้นที่ต่างระดับ , แม้ว่าจะมีไว้ใช้หนี

Return to Sender
วิธีการใช้งาน Return to Sender
- ผู้เล่นสามารถใช้พลังคลื่นแม่เหล็กนี้ ได้เมื่อศัตรูได้ยิงกระสุนปืนหรือจรวด ฯลฯ จะกำลังเข้าทำร้าย ตัวผู้เล่นจะดึงดูดความเสียหายเป็นก้อนพลังงาน แล้ว สามารถเขวี้ยงกลับไปหาพวกมันได้
- หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ) ตัวผู้เล่นจะดึงดูดความเสียหายเป็นก้อนพลังงาน แล้ว สามารถสร้างเป็นกับดักระเบิดได้
โอกาสในการใช้: เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูโดยไม่มีที่กำบัง , หรือโจมตีกลับศัตรูด้วยกระสุนของพวกมัน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Broadsider Pistol
ปืนพกรุ่นล่าสุด และ รุ่นผลิตจำนวนมาก โครงสร้างคล้ายปืน Mauser C96 ของประเทศเยอรมณี ที่เป็นนิยมใช้กันในสงครามโลกครั้งที่ 1 มีอัตราความเร็วในการยิงต่อนัดเร็วกว่ากระสุนลูกโม่ ใช้ระบบการยิงแบบตับกระสุนที่มีช่องบรรจุกระสุนที่มีพื้นที่ว่างได้มากถึง 12 นัด (อัพเกรดได้ถึง 18 นัด) ต่อหนึ่งแม็กกาซีน และ ทำให้ผู้ใช้บรรจุกระสุนได้รวดเร็ว แต่ทว่าสร้างความเสียหายได้น้อย

Triple R Machine Gun / Repeater
ปืนกลอัตโนมัติ ที่สามารถบรรจุกระสุน 35 นัด ในหนึ่งแม็กกาซีน และ สามารถพกพาชุดสำรอง 220 นัด แต่ถ้าหากใช้งานมากไป ปล่องกระสุนจะทำงานหนักจะรุกไหม้อย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถใช้งานได้ชั่วขณะหนึ่ง Triple R ถูกดัดแปลงมาจากปืนกลเล็กมาตรฐานของกองทัพสหราชอาณาจักร ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นในเรื่องของความแม่นยำ อัตราการยิง ที่อยู่ในความพอเหมาะ บรรจุกระสุนได้ง่ายขึ้น ต่อมาฝ่าย Vox Populi ได้นำ Triple R มาพัฒนาต่อให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นในรุ่นที่ชื่อ Repeater มีอัตราการเกิดรุกไหม้ช้าลง แต่ความเสียหาย

China Broom Shotgun / Heater
ปืนลูกซองแบบคานเหวี่ยง สามารถบรรจุกระสุนในรังเพลิงได้ถึง 8 นัด ที่มีความสามารถในการสังหารศัตรู ในระยะสั้นและมีอัตราการรุกไหม้ต่ำ อีกทั้งยังมีโอกาสสังหารศัตรูหลายคนเพียงยิงนัดเดียวถ้าหากศัตรูเข้ามาในระยะยิงและอยู่กันเป็นกลุ่มก้อน China Broom Shotgun มีลักษณะคล้ายปืนลูกซองปากแตร รุ่น Winchester ในปี ค.ศ. 1901 ของสหรัฐที่มีคานเหวี่ยงเช่นกัน ต่อมามันได้ถูกพัฒนาโดยพวก Vox Populi เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ชื่อ Heater ที่มีพลังทำร้ายรุนแรงกว่า แต่ช่องบรรจุกระสุนน้อยกว่า ความเร็วในการยิงที่ช้ากว่า ซึ่งผู้เล่นสามารถพบปืนนี้ได้ครั้งแรกในร้านค้าขายของเล่นและอาวุธที่ "Violin Case"

Bird's Eye Sniper Rifle
เป็นปืนระบบลูกเลื่อนที่ใช้สังหารศัตรูในระยะไกลย่างมีประสิทธิภาพมีความรุนแรง สามารถสังหารศัตรูได้เพียงนัดเดียว พร้อมกับติดกล้องฟังก์ชั่นซูม(ขยาย) แต่ทว่าจะยิงได้เพียงทีละนัด ในหนึ่งแม็กกาซีน บรรจุกระสุนได้เพียง 4 นัด มีลักษณะคล้ายปืนไรเฟิลรุ่น Springfill 1903 ซึ่งผู้ใช้มันควรใช้ให้ถูกสถานการณ์ มีพื้นที่ชัยภูมิที่เอื้ออำนวย

Huntsman Carbine / Burstgun
ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ ไร้กล้องออฟชั่นซูม มีความรุนแรงด้อยกว่า แต่มีข้อได้เปรียบกว่าไรเฟิลธรรมดา กระสุนในแม็กกาซีนมากกว่า มีอัตราความเร็วในการยิงที่เร็วคล้าย ปืนกลอัตโนมัติ Triple R แต่ทว่ายิงได้ทีละนัด แล้วบรรจุกระสุนช้ากว่า ซึ่งจุดด้วยของปืนชนิดนี้ เป็นสาเหตุที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมของพวกตำรวจ , ทหารในโคลัมเบีย เนื่องจากว่ามันใช้ยาก ปืน Huntsman Carbine จึงถูกเลิกผลิตในปี 1899 และถูกเก็บไว้ใช้เป็นปืนสำรอง หรือ มีไว้ใช้ฝึกซ้อมยิงเป้าเท่านั้น ต่อมามันก็กลายเป็นอาวุธหลักของพวก Vox Populi ที่ลักลอบขโมยมาจากโรงงานผลิตปืนชนิดนี้ที่ถูกปล่อยร้าง นำมา ปรับแต่งเป็น Burstgun ปากกระบอกปืนหัวกว้างที่จะยิงออกมาต่อเนื่อง 3 นัด ต่อครั้ง
Pig Volley Gun / Hail Fire
ปืนยิงลูกระเบิด เป็นที่นิยมของทหารหุ้มเกราะฝ่าย Vox Populi เหมาะสำหรับสังหารศัตรูที่อยู่ระยะไกล และ อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม มีพลังทำลายสูงแต่ยังไม่เทียบเท่ากับ RPG แต่มันสามารถบรรจุลูกระเบิดได้ถึง 3 ลูก และ ยิงได้ต่อเนื่องซึ่งถ้าหากผู้เล่นนำอัพเกรดปืนสามารถยิงได้ต่อเนื่องมากขึ้น ทางด้านฝ่าย Vox Populi ได้นำไปพัฒนาเป็นรุ่น Hail Fire สามารถกระจายความเสียหายจากรูประเบิดเป็นวงกว้างมากขึ้น แต่ความต่อเนื่องช้ากว่ารุ่นก่อน เพียงเท่านั้น

Peppermill Crank Gun
เป็นปืนกลอัตโนมัติ แกตลิ่งแบบพกพา ติดอยู่บนตัว Motorized Patriot (จักรกลกู้ชาติ)ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในปืนที่มีพลังทำลาย และ อัตราความเร็วในการยิงที่สูง ด้วย***กระสุน 100 นัดต่อหนึ่งแม็กกาซีน และยังพกสำรองได้อีกหนึ่งแม็กกาซีน สามารถใช้สังการศัตรูที่อยู่กันเป็นกลุ่มได้ดี
Barnstormer RPG
ปืนยิงจรวด ที่มีพลังทำลายสูง เป็นวงกว้าง เหมาะสำหรับใช้กำจัดศัตรูที่จัดการยาก หรือ อยู่กันเป็นกลุ่ม แม้จะเป็นจำพวกเครื่องจักร

Paddywhacker Hand Cannon
ปืนลูกโม่ที่มีลักษณะคล้าย ปืน Colt ในปี ค.ศ. 1851 ของราชนาวี ถูกนำมาปรับแต่งให้ผู้ใช้บรรจุกระสุนได้รวดเร็วง่ายขึ้น โยเพียงเหวี่ยงลูกโม่ออกจากลำตัวปืนเท่านั้น อีกทั้ง สามารถบรรจุกระสุนได้ถึง 6 นัด แต่กระสุนพกพาสำรองนั้นน้อยกว่า Broadsider Pistol หรือ ปืนอื่นๆ แต่มีพลังทำลายที่สูง เกือบเทียบเท่า RPG
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Bioshock Infinite
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บทเกริ่นนำ
เดอะซีรี่ส์ Bioshock เป็นเกม แนว FPS (ย่อมาจาก first person shooter > เกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง) ในระดับชั้นแนวหน้าตั้งแต่ปี 2007 ที่มีแนวคิด เป็นเอกลักษณ์และความแตกต่าง ที่ไม่มีเหมือนเกมอื่น ในเรื่องกราฟฟิคกับเสียงประกอบฉาก หรือ แม้การออกแบบตัวละครในเกมที่มากด้วยคุณภาพ ไปพร้อมกับ บรรยากาศภายในเกมที่ประกอบไปด้วย สถาปัตยกรรมกับงานศิลป์ อันงดงามอย่างปราณีต ในช่วงยุคสมัยต้นศตวรรษที่ 19 ในเมืองที่ชื่อ Raptor ที่ได้ถูกสร้างขึ้นอยู่ในใต้มหาสมุทร หรือในใต้น้ำทะเลลึกอย่างเป็นความลับที่ไม่มีใครสามารถค้นหาพิกัดของเมืองนี้ได้ แต่สำหรับเนื้อเรื่องในภาค Bioshock Infinite ในปี 2013 นี้เป็นเรื่องราวในอดีตสมัยปี ค.ศ. 1912 บนเมืองลอยฟ้าที่อยู่เกือบถึงนอกชั้นบรรยากาศโลก ชื่อว่า Columbia ซึ่งเป็นเรื่องราวย้อนความ ก่อนเหตุการณ์ความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในเมืองใต้น้ำที่ชื่อ Rapture ของ BioShock ทั้งสองภาคแรก ที่ผู้คนเกือบล้านอาศัยอยู่กันได้ด้วยเครื่องทำออกซิเจน แต่ทว่าสำหรับผู้คนในอาณาจักร Columbia ของภาค Infinite ที่อยู่อาศัยกันได้โดยเครื่องยนต์ที่สร้างอนุภาพ ลอยตัว จากควอนตัม และ บอลลูนขนาดยักษ์ ซึ่งวิธีการเล่าเรื่องของภาคนี้ก็ยังคงใกล้เคียงกับภาคที่ผ่านมา แม้จะต่างช่วงเวลา หรือ ต่างบรรยากาศต่างสถานที่ รวมถึง ศัตรู และ การแอ็คชั่นต่างๆ ด้านทีมผู้พัฒนาเกมยังคงสามารถสะท้อนความรู้สึกของ เดอะซีรี่ส์ Bioshock นี้ได้ดี
ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นตัวละครเอกชายที่ชื่อ Booker DeWitt ที่ได้ลักลอบเข้าไปในเมือง Columbia แห่งนี้โดยมีเป้าหมายจากผู้ว่าจ้างเขา ให้ตามหาผู้หญิงที่ชื่อ Elizabeth ที่โดนลักพาตัวมาที่เมืองนี้ตั้งแต่ยังเด็ก กลับไปยัง New York อย่างปลอดภัย เพื่อชดใช้หนี้การพนัน

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Columbia
นครแห่งสรวงสวรรค์ ดินแดนที่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง


นครลอยฟ้าโคลัมเบีย เมืองท่องเที่ยวที่ทันสมัย ถูกสร้างขึ้นโดยจินตนาการที่ไม่มีสิ้นสุดของมนุษย์ที่ชื่อ Zachary Hale Comstock (คอมสต๊อก) โดยมี รัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกา ให้ความสนับสนุนเงินทุนจำนวนมหาศาล ซึ่งโคลัมเบียได้เริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่ ช่วงคริสต์ศักราช 1892 จนถึงตอนปลาย เมื่อถึงคริสต์ศักราช 1900 สหรัฐอเมริกา ได้ประกาศเปิดตัว นครลอยฟ้าโคลัมเบีย ให้ล่องลอยเดินทางรอบโลก โดยมีเป้าหมาย เพื่อประกาศศักดิ์ดาและแสนยานุภาพของการเป็นประเทศมหาอำนาจ สู่สายตาผู้คนทุกประเทศ ได้ตกตะลึงกับ นครโคลัมเบียที่สามารถล่องลอยเดินทางจากทวีปหนึ่งไปอีกทวีป ด้วยเครื่องยนต์ที่สร้างอนุภาพลอยตัว จากทฤษฎี ควอนตัมฟิสิกส์ กับ บอลลูนขนาดยักษ์ที่ เชื่อมหรือผูกติดอยู่ใต้ผืนดินนครโคลัมเบีย หรือ ใต้พื้นอาคารบ้านเรือนต่างๆ ทั้งหมดล้วนแล้วเพื่อแสดงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่แสนยานุภาพของชาวอเมริกัน
หลังประสบความสำเร็จจากการสร้างดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ของชาวอเมริกัน ได้ไม่ถึง 1 ปีในวันที่ 31 ตุลาคม ได้เกิดไฟไหม้ที่โรงงานผลิต Fink โดยไม่ทราบสาเหตุ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก และ ทำให้นักการเมืองบางกลุ่มของรัฐบาลในโคลัมเบียไม่พอใจได้แยกตัวออกมา ก่อตั้งองค์กรเป็นของตนเอง หรือ บางคนไปเข้าร่วมอยู่กัยฝ่ายตรงข้ามของพรรคที่ชื่อ Populi เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี นครลอยฟ้าโคลัมเบียได้เดินทางมาถึงน่านเขตแดนของประเทศจีน และ พบว่ามีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ กบฎนักมวย (Boxer Rebellion) จนเกิดการยิงปะทะกันในเขตแดนของเมือง ปักกิ่ง ทำให้บ้านเมืองในบริเวณริบชายแดนของจีนเกิดความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งไม่นานชาวจีนในปักกิ่งได้เปิดเผย ตัวตนที่แท้จริงของนครลอยฟ้า ให้ผู้คนทั่วโลกได้รับรู้ว่า โคลัมเบียฉายานครแห่งการท่องเที่ยวของโลก นั้นเป็นเพียงแค่ฉากบังหน้า จึงได้ตั้งชื่อให้กับนครลอยฟ้าให้อีกชื่อหนึ่งว่า สถานีรบกลางอากาศ
ในปี 1902 วันที่ 6 กรกฏาคม เมื่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน จึงขู่ ตัดความสัมพันธ์และความช่วยเหลือหากไม่ยอมเปลี่ยนรัฐบาลในนครโคลัมเบีย ส่วนทางด้าน Zachary Comstock ประกาศแยกตัวโคลัมเบียออกจากประเทศสหรัฐอเมริกาและ นำนครลอยฟ้าแห่งนี้ลอยหายเข้าไปในกลีบเมฆพร้อมกับสร้างการปกครองตนเองใหม่อย่างเป็นทางการ แล้ววันที่ 6 กรกฏาคม จึงถือว่าเป็นวันครบรอบปีที่โคลัมเบียแยกตัวออกมาเป็นประเทศอิสระ และ กลายเป็นวันเทศกาล วันหยุดของประชาชนทุกคนในเมือง ที่จะออกมาจัดงานเฉลิมฉลอง
เมื่อกาลเวลาได้ผ่านพ้นไปเหล่าผู้คนชาวอเมริกาทุกคนบนผืนแผ่นดินโลกก็ได้ลืมเลือน เมืองลอยฟ้าที่ชื่อ โคลัมเบีย อดีตความภาคภูมิใจของประเทศตน ไปในที่สุด และ ยังไม่มีใครรู้วิธีการเดินทางไปสู่เมืองแห่งสรวงสวรรค์ ส่วนทางด้านเหล่าผู้คนในดินแดนลอยฟ้านี้ ก็ยังคงใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขาต่อไป โดยไม่ได้ใส่ใจในเรื่องที่พวกเขาถูกทอดทิ้ง หรือ ถูกตัดขาดจากผู้คนบนผืนดินโลก เพราะพวกเขายังมีความเชื่อมั่นกับความศรัทธาที่มีต่อ คอมสต๊อก ที่เปรียบตัวแทนของพระเจ้าอย่างแรงกล้า
ต่อมาได้เกิดสงครามกลางเมืองในโคลัมเบีย โดยมีสาเหตุมาจากความวุ่นวายจากการปะทะกันเอง ของเหล่าผู้คนบางกลุ่มในอาณาจักรที่มีความแตกต่างด้านความคิด และ ความขัดแย้งของสององค์กรใหญ่ ระหว่าง ฝ่ายพลเรือน The Founder ที่มีผู้นำโดยศาสดา Zachary Hale Comstock กับ ฝ่ายพวกอนาธิปไตย Vox Populi (มีความหมายในภาษาละตินคือ "เสียงของประชาชน") หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าพวกใต้ดิน ที่มีผู้นำโดย Lady Daisy Fitzroy
ซึ่งผู้คนที่มาเข้าร่วมกับฝ่าย Vox Populi เป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการปกครองแบบเผด็จการ และ ความเชื่อของคอมสต๊อก ที่มีอคติของคนต่างเชื้อชาติ กับ คนผิวดำ อย่างรุนแรง จึงได้ก่อเหตุการณ์จลาจลต่างๆมากมาย ที่รุนแรงมากจน ยากที่จะแก้ไข ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลในโคลัมเบียเองได้พยายามที่จะปกปิดเพื่อไม่ให้ผู้คนในอาณาจักรรู้แล้วเกิดวิตก แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องมาจากการที่มีผู้คนที่ส่วนใหญ่ที่เป็น พลเรือนจีน ถูกยิงเสียชีวิตล้มตายเป็นจำนวนมากในเหตุการณ์นองเลือดที่ผ่านมา กลายเป็นว่ามีผู้คนเริ่มต่อต้าน The Founder มากขึ้นและผันตัวไปร่วมกับ Vox Populi จึงทำให้องค์กรใต้ดินนี้เติบโตเข้มแข็งมากขึ้น

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Sky Line
(ลางขนส่งสินค้าลอยฟ้า)
ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ขนส่งสินค้าหรือวัตถุขนาดใหญ่ในนครโคลัมเบีย โดยมีส่วนประกอบหลักคือเหล็กกล้าที่ผสมกับโลหะหลายชนิด ด้วยความชาญฉลาดทางเทคนิคของนักวิศวกรชั้นเยี่ยม จึงทำให้ลางลอยฟ้าแข็งแรงและสามารถแบกรับน้ำหนักวัตถุได้มากถึงหลายร้อยตัน อีกทั้งมันยังเหมาะสำหรับการเดินทางส่วนบุคคล. โดยเพียงแค่ใช้อุปกรณ์เสริมที่ชื่อ Sky-Hook ยึดเข้ากับลางลอยฟ้าไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็ว

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นครลอยฟ้าโคลัมเบีย ได้ครอบครองเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย รวมถึงรวบรวมเหล่าบุคลากร นักวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ ฝีมือดี ฯลฯ เป็นจำนวนมากจากทั่วทุกซอกทุกมุมของประเทศอเมริกา มาไว้ในนครลอยฟ้าที่นี่เพียงที่เดียว ส่วนความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีนั้นไปไกลกว่าทุกประเทศบนผืน โลกประมาณ 1,912 ปีกว่าจะเทียบเท่ากับนครโคลัมเบีย แต่ที่โดดเด่นชัดมากที่สุดคือ เทคโนโลยีระบบลอยตัว ของกลศาสตร์ควอนตัมที่ช่วยให้โคลัมเบียยังคงลอยสูงเกือบถึงนอกชั้นบรรยากาศโลก ถึงแม้แม้ว่าจะมีอาคารส่วนใหญ่ในนครมีลูกโป่ง บอลลูน , ใบพัดและเครื่องปฏิกรณ์อุปกรณ์ติดอยู่ด้วย ซึ่งพวกนี้มีไว้ใช้ช่วยบิน หรือ เคลื่อนย้ายอาคาร วัตถุต่างๆโคลัมเบียเท่านั้น Rosalind Lutece ได้ค้นพบวิธีการของไปเรื่อยๆ จนกระทั้งได้รู้วิธี ระงับอนุภาคอะตอมในกลางอากาศ (หรือการทำควอนตัมลอย) ทำให้เกิดช่องว่างในอากาศหักเหจนกลายเป็น ประตูมิติที่สามารถไปอีกโลกหนึ่งได้ ซึ่งสิ่งนี้เองกลายเป้นจุดต้นกำเนิดของ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอื่นที่ตามมาภายหลัง เช่น vigors , gear ,handymen , ม้ากล , Voxophones และอาวุธขั้นสูง ฯลฯ อีกมากมายที่เทคโนโลยีของคนบนพื้นโลกยังตามไม่ทัน

ธุรกิจ
ในเรื่องของธุรกิจระดับชั้นนำในนครโคลัมเบีย ก็ต้องยกเรื่อง การเปิดโรงงานอุตสาหกรรมการผลิต เป็นอันดับหนึ่งที่สามารถหากำไรได้สูงที่สุด ที่มีนักลงทุนในโคลัมเบียนิยมลงทุนในเรื่องนี้กันเป็นส่วนใหญ่ มากถึง 7ใน10 จากการผลิตสินค้า สร้างวัสดุต่างๆ จนไปถึงกระทั้ง เครื่องจักร ยานเหาะ และ เครื่องยนต์ ฯลฯ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เรามักจะเห็นโรงงานตั้งอยู่ทั่วทุกบริเวณในนครโคลัมเบีย โดยเฉพาะธุรกิจการผลิต vigors ที่มีอยู่มากที่สุดเพราะผู้คนนิยมบริโภคกันมากที่สุด และง่ายต่อการผลิตเพียงแค่นำ vigors ไปบรรจุขวดและจัดจำหน่ายในเครื่องอัตโนมัติเท่านั้น
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Vigors & Gear

Vigors
Vigors & Gear

Vigors
คือสารเคมีชนิดพิเศษ ที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ในโคลัมเบียเป็นผู้คนพบ ที่มีคุณสมบัติสามารถทำให้มนุษย์มีพลังความสามารถพิเศษที่เหนือธรรมชาติ ซึ่งตามกฎของธรรมชาติทุกอย่างล้วนย่อมมีที่มาเสมอ แม้บางครั้งเกิดจากความไม่ตั้งใจก็ตาม ในแรกเดิมนี้ก่อนที่สารเคมีชนิดนี้เป็นเพียงสารเร่งอณุภาพ ให้กับเครื่องยนต์ แต่แล้วมีนักวิทยาศาสตร์หนุ่ม คนหนึ่งกำลังทดลองพัฒนาสารตัวนี้ให้มีความบริสุทธิ์ เพื่อทำให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้นในเครือธุรกิจอุตสาหกรรมของ Marlowe ในขณะนั้นเองเขาเกิดกระหายน้ำขึ้นมา ได้เผลอหยิบสารเคมีที่วางไว้อยู่ข้างโซดาขึ้นมาดื่มจนหมดขวดโดย นักวิทยาศาสตร์หนุ่ม คนนี้เขาเพิ่งรู้ตัวอีกทีก็คือเกิดสิ่งผิดปกติในมือของตน แต่ตัวเขากลับไม่ได้ตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะมันไม่ได้สร้างอันตรายให้แก่เขา แล้วเมื่อนักวิทยาศาสตร์คนอื่นทราบข่าวเรื่องนี้เข้า พวกเขาก็ต่างตกตะลึงและให้ความสนใจร่วมงานกับนักวิทยาศาสตร์หนุ่มผู้คิดค้น จนสามารถพัฒนาสารเคมีพิเศษนี้ดียิ่งขึ้น จนกระทั้งสามารถผลิต และ จำหน่ายไปสู่ท้องตลาดให้กับชาวเมืองโคลัมเบียสามารถสัมผัสกับพลังที่เหนือธรรมชาติ เพื่อใช้ป้องกันตัว หรือ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตประจำวัน ในปี ค.ศ. 1895
ส่วนเรื่องของผลลัพธ์ของมันแม้จะน่าทึ่งแม้ทำให้นครโคลัมเบียมีสีสรรมากขึ้น แต่ก็แฝงไปด้วยความโหดร้าย หรือ ความจริงที่ทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้คือ การใช้มันอย่างผิดวิธี ด้วยการที่มี Vigors ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้การเผชิญหน้าของสองกลุ่มการเมืองในนครโคลัมเบียมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม
ผู้เล่นสามารถพบ Vigors เหล่านี้ได้ตามฉากในรูปแบบคล้ายขวดน้ำดื่มที่มีรูปลักษณ์สวยงามต่างกันออกไปหลายรูปแบบ หลายความสามารถ และ หลายรสชาติ
Gear
เกียร์เป็นอุปกรณ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในโคลัมเบีย โดยแบ่งเครื่องสวมใส่เฉพาะส่วนของร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ซึ่งภายหลังจากการเกิดภาวะสงครามกลางเมือง Gear ก็ถูกผลิตออกมาใช้ต่อสู้ในรูปแบบทางการทหาร ซึ่งผู้เล่นสามารถหาพบได้ในรูปแบบแพ็คเกจห่อของขวัญ ถูกวางทิ้งไว้ในหลายสถานที่ตลอดทั้งเกม
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Character
Character
Booker Dewitt

นักสืบเอกชนมีอายุ 38 ปี อดีต เคยเป็นทหารผ่านศึกของกองทัพสหรัฐอเมริกา ในสังกัดกรมทหารม้าที่ 7 เพียงวัย 16 ปี ที่ได้ร่วมรบในสงคราม ที่ Wounded Knee ใน ค.ศ. 1892 ซึ่งเป็นสงครามนองเลือดครั้งใหญ่ ในดินแดนทางทิศตะวันตกของสหรัฐ ที่มีการปะทะระหว่างทหารสหรัฐฯกับ พวกชนเผ่าอินเดียนแดง ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือ มีชาวอินเดียนแดงถูกสังหารไปไม่ต่ำกว่า 300 ศพ ที่มีทั้งชายหญิง เด็กและผู้ใหญ่ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลายเป็นตัวชี้นำที่ทำให้ Booker กับเหล่าเพื่อนทหารทุกคนที่ร่วมสงครามในเหตุการณ์นองเลือด ถูกผู้คนบางกลุ่มรุมประณาม และ ตั้งฉายาให้พวกเขาว่าเป็น "The White Injun" (เป็นชื่อฉายา ที่มีไว้สำหรับชาวอเมริกันพื้นเมือง ที่น่าอับอาย) แล้วในตัวของ Booker เองได้เกิดแผลลึกในจิตใจจากการกระทำของตนในสงคราม จนกระทั้งวันหนึ่ง Booker Dewitt ตัดสินใจลาออกจากการเป็นทหาร เพื่อทิ้งอดีตของตนแล้วกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติ เข้าไปทำงานให้กับองค์กรสายสืบระดับชาติ ชื่อ Pinkerton (พินเคอร์ตัน) แต่เขาก็กลับทำงานอยู่ที่นี่ได้ไม่นานก็ถูกไล่ออก เนื่องจากมีพฤติกรรมที่แย่ลงต่างจากสมัยที่เขายังเป็นทหาร ซึ่งในการทำงานก็มักชอบใช้วิธีการรุนแรง และ มีผลงานที่ไม่ค่อยเป็นที่น่าประทับใจเท่าไหร่ เวลาต่อมาจากประสบการณ์การทำงาน Booker เขาก็ได้ผันตัวเองกลายมาเป็นนักสืบเอกชน แต่แล้ววันหนึ่งเขาได้พบกับผู้หญิงที่เขารัก และ ได้แต่งงานอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ตามประสาคู่รักทั่วไป
ค.ศ. ภรรยาของเขาขาดใจตายหลังคลอดบุตรสาว ซึ่งต่อมาเขาได้ตั้งชื่อให้กับเด็กผู้หญิงคนนี้ว่า Anna DeWitt และตั้งแต่บัดนั้นเขาก็ได้เลี้ยงดูเธออย่างดีที่สุดในฐานะพ่อของเด็กคนนี้ แต่หลังเหตุการณ์เสียชีวิตของภรรยา Booker ได้ผ่านพ้นไปไม่นาน Booker Dewitt ได้กลายเป็นผู้ติดพิษสุราและการพนัน มาจากความเครียดและหนี้สินที่เพิ่มพูนมากขึ้นเลื่อยๆ โดยมีสาเหตุที่เขาไม่สามารถลืมอดีตที่แสนเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตนได้
เรื่องมันยังไม่จบเพียงเท่านี้เนื่องจากเขายังมีหนี้สินเป็นจำนวนมาก จากการเล่นพนัน ที่ Booker ได้สะสมมาตั้งแต่ตอนที่เขาเลิกเป็นทหารจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้ทั้งชีวิตที่เหลืออยู่หาเงินมาใช้หนี้ได้ทั้ง หมด จนถึววันที่ 8 ตุลาคม 1893 เขาได้ถึงกำหนดวันสุดท้ายของการชำระหนี้พนัน แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะหาเงินมาชดใช้จึงตัดสินใจนำ Anna ลูกสาวตนเองขายเพื่อชดใช้หนี้ของเขาที่มีอยู่ทั้งหมดตามคำข้อเสนอของ Zachary Comstock โดยมีนายหน้า Robert Lutece เป็นผู้มารับตัวเด็กสาวไป
ต่อมา Booker ได้เกิดเสียใจกับการกระทำของตนเอง เขาจึงเปลี่ยนใจเดินทางออกไปตามหานายหน้า Robert Lutece เพื่อขอยกเลิกข้อตกลง แต่ทว่ากลับสายเกินไป เมื่อได้เห็นพวกนายหน้ากำลังพยายามนำตัวลูกสาวของเขาข้ามผ่านไปยังอีกสถาน ที่หนึ่ง Booker จึงรีบวิ่งเข้าไปรั้งแขนชาย (Comstock )ที่กำลังอุ้มลูกสาวเพื่อขอตัวเธอคืน อย่างสุดกำลังแต่เขาก็กลับพลาดถูกสลัดแขนออกมา จนสุดท้ายพวกนายหน้าก็ได้ตัวลูกสาวของ Booker ไปแล้วได้ปิดประตูมิติ(Tear)ลง ซึ่งในช่วงเวลานั้นเอง นิ้วก้อยของAnna ได้ถูกตัดขาดออกจากการที่เธอพยายามที่จะเอื้อมมือไปหาพ่อของเธอ ในช่วงระหว่างที่ประตูมิติกำลังปิดตัวลง
ในรอบ20ปีหลังจากที่พวกLutece ลักพาตัวลูกสาว (Anna Dewitt)ของ Booker ไปจากเหตุการณ์กลับกลายเป็นว่าทำให้ Booker Dewitt เกิดเสียใจ แล้วยิ่งมีความเครียดมากขึ้นไปอีก จนเขาได้สลักชื่อ AD เป็นสิ่งเตือนใจจากการสูญเสียลูกของตนไปด้วย ความเห็นแก่ตัวของเขาเอง แต่ทว่าไม่นาน พี่น้องฝาแฝด Lutece ได้เดินทางมาพบ Booker Dewitt อีกครั้ง และ เพื่อเสนอโอกาสที่จะทำให้ Booker ได้พบลูกสาวของเขา ซึ่งพวก Lutece ได้พาเขาเข้าไปในโลกคู่ขนาน ช่วงระยะเวลาของจักรวาล Zachary Hale Comstock ในวันที่ 6 กรกฎาคม เพื่อให้ Booker หาโอกาสลักพาตัว Elizabeth (Anna Dewitt) หนีออกจากนครลอยฟ้าโคลัมเบีย กลับไปให้พวกเขา Lutece เพื่อที่จะเปลี่ยน Elizabeth เป้นคนเดิมและส่งคืนให้กับพ่อของเธอที่แท้จริงใน New York แต่ทว่าเมื่อ Booker ได้ย่างก้าวเข้ามาใน จักรวาลของ Comstock ได้เกิดอาการหน้ามืดฉับพลันจนล้มหมดสติไปในที่สุด แล้วเมื่อ Booker ฟื้นขึ้นมาเขาได้เกิดอาการมึนงง สับสนกับความทรงจำของตนเองและพบว่าเหมือนตนเองได้ลืมอะไรบางอย่างไป เป็นอาการแบบเดียวกับ Robert
(มีสาเหตุมาจาก ในจักรวาลของ Comstock เขาไม่เคยมีตัวตนอยู่จริง ในฐานะชายที่ชื่อ Booker Dewitt มาก่อน ความทรงจำใดที่เคยเกี่ยวเนื่องกับ มิติ Comstock จะถูกลบออกไป และ เริ่มสร้างความทรงจำใหม่ขึ้นมา ที่ต่อเนื่องจากความทรงจำที่ยังคงเหลืออยู่ จะถูกเชื่อมโยงให้เข้ากับสิ่งที่ตนกำลังเผชิญอยู่)
เมื่อ Booker หลังจากที่เขาได้พักฟื้นตัวจากอาการหน้ามืด และ ได้รับกล่องบรรจุข้อมูลภารกิจจาก Rosalind เขากลับคิดเอาเอง และ เข้าใจว่า "การที่เขาได้เดินทางมานี่นี่ เพียงเพื่อช่วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ในนคร Columbia กลับไป New York อย่างปลอดภัย เพื่อแลกกับชำระหนี้สินทั้งหมดของเขา"
(ซึ่ง Booker ได้สูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับ Anna dewitt ลูกสาวเขา หรือแม้แต่ ช่วงเวลาการสูญเสียลูกสาวของเขาก็ตาม "ซึ่งในระหว่างการดำเนินเรื่องภายในเกม Booker เขาจะค่อยๆ ฟื้นความจำเกี่ยวกับ เด็กผู้ที่ชื่อ Anna")
แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมาในการที่ส่ง Booker ขึ้นไปชิงตัว Elizabeth กลับไม่ตรงไปตามที่ พี่น้องฝาแฝด Lutece คาดการณ์ไว้ เพราะผลที่ปรากฏออกมากลับมาสำเร็จซ้ำแล้วยังทำให้เหตุการณ์ในอนาคตเลวร้ายมากยิ่งขึ้นเนื่องจากการที่ Booker เดินทางไปที่โคลัมเบีย ทำให้สงครามกลางเมืองนครลอยฟ้าแห่งนี้รุนแรงจนถึงขนาดเกือบล่มสลาย ซึ่งทางด้านสองพี่น้อง Lutece เองก็ไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ พวกเขาก็ยังคง ใช้ Tear ย้อนเวลากลับไปทำแบบนี้อยู่เลื่อยๆ จนนับครั้งไม่ถ้วน (สังเกตได้จากขีดช็อคบนกระดาน ตอนที่พวกเขาให้ Booker ทายเหรียญ หัว-ก้อย) แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
(ต้องขอบคุณ Zepia ที่ช่วยแก้ไขข้อมูล)
Elizabeth


หญิงสาววัย 20 ปีที่ตลอดทั้งชีวิตของเธอ ถูกคุมขังในหอคอย Monument Island ของนครโคลัมเบียตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กจนโตเป็นสาว ยาวนานถึง 12 ปี ซึ่งในตอนแรกเธอไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าตนเองได้ตกกลายเป็นเป้าหมายของ Booker DeWitt ที่ตั้งใจจะลักพา Elizabeth หนีออกจากนครโคลัมเบียและพาเธอกลับไปหานายจ้างของเขาที่นิวยอร์ก แต่ทว่าการที่ใครที่จะพาตัวเธอไปไหนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเธอมีผู้พิทักษ์ที่มีขนาดใหญ่มหึมาคอยปกป้องเธอจากบุคคลภายนอก รวมถึงมันยังเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของ Elizabeth ตั้งแต่วัยเด็ก ทางด้านบุคลิกภาพของเธอมีความซับซ้อนมาก มีนิสัยเอาแต่ใจ มีความอยากรู้อยากเห็นไปทั้งหมดทุกเรื่อง แล้วการที่ Elizabeth เธอต้องติดอยู่แต่ข้างในหอคอยตลอดทั้งชีวิต เนื่องจาก ไม่ใช่เพียงแค่ Booker คนเดียวที่ต้องการตัวเธอคนนี้ แต่ทว่ายังมีพวกกลุ่มคนการเมือง บางกลุ่มในโคลัมเบียที่ ต้องการครอบครองตัวเธอ เพื่อใช้พลังลึกลับบางอย่างในตัวเธอ ชิงความได้เปรียบเหนือกว่าอีกฝ่าย
ซึ่งทั้งสองพี่น้อง Luteces ได้สันนิษฐานตรงกันว่า ที่มาของพลังลึกลับของเธอ สามารถสร้าง Tear (หน้าต่างมิติ) มีสาเหตุมาจากการมีตัวตนของเธออยู่ในสองห้วงเวลาของโลกทั้งสองไปพร้อมกัน ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์สูญเสียนิ้วก้อยของ Elizabeth ตั้งแต่ตอนยังเป็นทารกหญิง ไปพร้อมกับการเกิดทฤษฎี Multiverse ที่ห้วงเวลาของโลกทั้ง2ใบบังเอิญได้เคลื่อนตัวเข้ามาอยู่คู่ขนานกันพอดี จนทำให้เกิดปรากฏการ ความไม่เสถียรของห้วงเวลาที่ควรจะเป็น เช่นกัน ทำให้เธอมีพลังที่สามารถเปิดประตูห้วงเวลาที่เชื่อมกันระหว่างของทั้งสองมิติหรือ จะเป็นอดีตหรืออนาคตก็ย่อมได้ (ภายหลังหลังนี้ ได้ถูกเรียกว่า Tear)
Zachary Hale Comstock

ผู้ก่อตั้งนครโคลัมเบีย และเป็นที่รู้จักของผู้คนในนครโคลัมเบียกันในฐานะศาสดา ตัวแทนของพระเจ้า หรือ ที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่ง "The Prophet" เพราะ เขามีความสามารถในการทำนายอนาคตที่เกิดขึ้นจริงในนครโคลัมเบีย จึงเป็นสาเหตุที่ทุกคนในนครลอยฟ้าต่างยกย่องและเทิดทูนชายคนนี้มากที่สุด แล้วในคราวเดียวกัน Comstock เขาก็เป็นผู้นำฝ่าย The Founders เป็นพรรคการเมืองที่กำลังมีความขัดแย้งกับกลุ่มการเมือฝ่าย Vox Populi ในปัจจุบันซึ่งนับวันความแค้นของทั้งสองฝ่ายก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเลื่อยๆ
Robert Lutece & Rosalind Lutece


นักฟิสิกส์ อัจฉริยะคนหนึ่ง ที่เป็นผู้บุกเบิก ทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์ ที่คอยอยู่ร่วมกับน้องสาว Rosalind Luteces ซึ่งเธอก็เป็นนักฟิสิกส์ควอนตัมเช่นเดียวกับ Rober Luteces พี่ชายของเธอ อีกทั้ง Rosalind เป็นผู้ผู้บุกเบิก ทฤษฎี การฉีกขาดของมิติ ที่เกิดจากความหักเหของช่องว่างในอากาศ โดย ทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์ ซึ่งภายในเกมพวกเขานั้นจะคอยช่วยเหลือ คุ้มกัน หรือ เป็นผู้ชี้ทางให้กับ Booker Dewitt ที่เดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจให้กับพวกเขาทั้งสองคน ในนครโคลัมเบีย อีกทั้งยังคอยทดลอง และ ทดสอบอะไรบางอย่างกับ Booker แล้วเสนอทางเลือกให้กับเขาไปตลอดเส้นทาง และ คาดการณ์ผลลัพธ์ ที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลา ซึ่งคำตอบที่ออกมาส่วนใหญ่ Robert จะถูกต้องมากกว่า Rosalind
จุดเริ่มต้นของพวกเขามาจากการที่ Rosalind Lutece นักฟิสิกส์สาวอัจฉริยะคนหนึ่ง ที่กำลังศึกษาและค้นคว้า ทฤษฎีลอยตัวของควอนตัม เชิงกลศาสตร์ ได้พบกับ Zachary Hale Comstock ชักชวนให้เธอร่วมงานกับเขา และ ช่วยให้เงินทุนสนับสนุนการวิจัยของเธอให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ในช่วงระหว่างปลายปี 1892-1893 Rosalind Lutece ได้ทดลอง ขยายควอนตัมที่อยู่ในอะตอม จนเกิดช่องว่างในอากาศขึ้น ซึ่งผลที่ออกมาคือ เธอได้ยินเสียงชายคนหนึ่งจากข้างในช่องอากาศเล็กๆ ในระยะเวลาต่อมาเมื่อพวกเขาได้พูดคุยกันจึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์และนักฟิสิกส์ ชื่อ Robert Lutece ที่ได้ทดลองแบบเดียวกันกับ Rosalind ซึ่งสิ่งที่น่าแปลกใจคือ เขาและเธอคือคนเดียวกัน ซึ่งสถานที่ Robert อยู่นั้นคือโลกคู่ขนาน เป็นอีกห้วงเวลาของจักรวาลหนึ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันแต่มีความแตกต่างจากจักรวาลของ Rosalind (เสมือนเป็นจักรวาลที่ Rosalind เป็นผู้ชายเป็นต้น) แต่ทว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองยังคงใช้การทดลองนี้ ทำได้แต่เพียงใช้ในการสื่อสารพูดคุยกันเท่านั้น ยังไม่สามารถที่จะเห็นรูปร่างหน้าตาอีกฝ่ายหนึ่งได้
ระยะเวลาผ่านไป Lutece ทั้งสองก็ได้สนิทสนมกันอย่างรวดเร็วจนพวกเขาได้ตั้งความสัมพันธ์เป็นเสมือนพี่น้องฝาแฝด เพราะมีนิสัย วิสัยทัศน์ เหมือนกัน และพวกเขาก็ตั้งใจที่จะพัฒนาการทดลองนี้ไปเลื่อยเพื่อเปิดช่องเพื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายหนึ่งกันให้ได้ Lutece
ต่อมาเมื่อ Rosalind ได้รายงานผลการทดลองของเธอให้กับ Comstock เธอก็ได้เงินทุนเพิ่มที่มากจนเพียงพอต่อการวิจัย ซึ่งผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมาในครั้งนี้ ช่องว่างของมิตินั้นได้ขยายกว้างขึ้นเท่าหน้าต่าง เธอสามารถมองเห็นทุกๆสิ่งผ่านหน้าต่างมิติบานนี้ แต่ทว่ามันแตกต่างจากคราวก่อน ซึ่งมันก็คืออนาคต
จากการขอเงินทุนในโครงการก่อสร้างนครลอย ฟ้าโคลัมเบีย ที่ล็อบบี้ในสภาคองเกรสของสหรัฐฯที่จะให้การสนับสนุน การก่อสร้างเมืองสำหรับการท่องเที่ยวที่ทันสมัยที่สุดใน โลก Rosalind และ Robert พวกเขาสามารถประดิษฐ์เครื่องยนต์ที่สามารถสร้าง Tear (คืออีกชื่อหนึ่งที่ถูกเรียกแทนคำว่า หน้าต่างมิติ ) ที่สามารถใช้เดินทางข้ามระหว่างโลกคู่ขนาน และ ทุกห้วงเวลาของจักรวาลได้สำเร็จ
เมื่อ Robert ทันทีที่เขาใช้งานเครื่องยนต์นี้ เดินทางข้ามไปยังจักรวาลของ Rosalind เขาได้รู้สึกเกิดมีสิ่งผิดปกติบางอย่างกับร่างกายของเขา เกิดทรุดโทรมลงอย่างฉับพลันทัน แล้วในทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้ามาอีกโลกหนึ่ง เกิดอาการมึนหัวและความทรงจำของในอดีตบางส่วนสูญหายจนทำให้เขาสับสน แต่ทว่าจากความช่วยเหลือของ Rosalind ก็สามารถทำให้ความทรงจำที่ผ่านมา รวมถึงสุขภาพและร่างกายของเขากลับฟื้นฟูเป็นปกติได้ในที่สุดก็มา เวลาต่อมาพวกเขาก็สามารถคุ้นเคยกับการใช้เครื่องยนต์ รวมถึง วิธีใช้งานที่ป้องกันการเกิดผลข้างเคียง
Daisy Fitzroy

ผู้นำกลุ่ม Vox Populi ในปัจจุบันได้ตั้งตนเป็นอริกับฝ่าย The Founders เพื่อต่อต้านแนวคิดการปกครองแบบเผด็จการ อย่างเป็นทางการ ในอดีต Daisy เธอเป็นเพียงแค่นักโทษหญิงของ Jeremiah ที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำของนครโคลัมเบีย ซึ่งไม่นานเธอก็ได้รับการลดโทษและถูกปล่อยตัวออกมาจากการที่เธอถูกจ้างให้มาเป็น แม่บ้านประจำให้กับ สุภาพสตรีอันดับหนึ่ง Lady Comstock ซึ่ง Daisy เธอเองก็มีความสุข จากการที่ได้หลุดพ้นจากฐานะนักโทษ และ ชื่นชมความเมตตา กับ ความอัจฉริยะของ Lady Comstock 1 ปีต่อมาหลังจากเกิดคดีการตายของ Lady Comstock ไม่นาน Daisy Fitzroy เธอจึงตัดสินใจหลบหนีออกมา ย้ายไปทำงานผู้เป็นกระบอกหาเสียงให้กับ องค์กร Populi ที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อไม่สนับสนุนเรื่องความรุนแรง เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมให้แก่คนต่างสัญชาติ หยุดการเหยียดสีผิว ซึ่งการประกาศชวนเชื่อของ Daisy Fitzroy กลายเป็นบุคคลที่น่าสนใจ และ น่าชื่นชมของผู้คนชนชั้นแรงงาน กับ คนบางกลุ่มในโคลัมเบีย ภายในไม่กี่สัปดาห์ Daisy ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใน Finkton จับกุมเนื่องจากเธอถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีสังหาร Lady Comstock จากเหตุการณ์นี้ทางด้านกลุ่ม Vox Populi จึงได้ใช้ผลประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Daisy เป็นนกต่อในการสร้างกระแสให้ผู้คนเกลียดชัง The Founders มากขึ้น
สัปดาห์ต่อมาหลังจากถูกจับกุม Daisy Fitzroy เธอถูกส่งตัวไปให้กับ ดร. Pinchot เป็นผู้สอบสวน Daisy ที่บ้านของ Comstock หนึ่งสัปดาห์ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จเพราะเดซี่เธอไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆเกี่ยวกับการตายของ Lady Comstock และไม่มีข้อมูลเพียงพอในการค้นหาผู้สมรู้ร่วมคิด ทีมวิจัยของ ดร. Pinchot จึงเสนอวิธีการผ่าตัด ดัดแปลงบางอย่างในร่างกาย Daisy หรือ ทรมานเธอ ซึ่งเขากลับปฏิเสธเพราะเกรงว่าสิ่งที่ทำไปจะสูญเปล่า ดร. Pinchot จึงได้ขอเวลาในการวัย และ ทดสอบสติปัญญาของเธอ เพื่อหาวิธีการที่ดีกว่าที่ผู้หญิงคนนี้ไม่ต้องเจ็บตัว ผลจากการทดสอบ Daisy Fitzroy ได้ทำแต้ม คะแนนสูงมากในการทดสอบและ ได้แฝงข้อความบางอย่าง เพื่อขอนัดติดต่อกับ ดร. Pinchot เพื่อขอให้เขาช่วยเหลือเธอ เลื่อยมาจนถึงวันสุดท้ายของการวิจัย Pinchot ได้มีโอกาสมาพบ Daisy ในห้องสืบสวนซึ่งเขาเชื่อในเรื่องที่เธอเป็นผู้ถูกกล่าวหาจึงได้ตัดสินใจช่วยเธอหนีออกจากที่นี่ โดยเขาเขียนแผนที่ทางออกลับของที่นี่พร้อมกับ กุญแจ ส่วนตัวที่สามารถใช้เข้าออกได้ทุกประตู กับ เงินทั้งหมดที่เขามีให้กับ Daisy แต่ทว่าหารู้ไม่ เมื่อเธอได้สิ่งที่ต้องแล้ว กลับแย่งปืนพกของ ดร. Pinchot และ ยิงที่หัวเขาก่อนที่จะหนีออกจาก บ้านของ Comstock
หลังจากที่ Daisy Fitzroy เป็นอิสระ เธอได้นำเงินจำนวนมากจากชายที่โง่เขลากับข้อมูลลับของพรรค The Founders กำลังปกปิดอยู่ไปให้กับ Vox Populi ทำให้องค์กรนี้เติบโต มีชื่อเสียง และ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่มากพร้อมไปด้วยสมาชิกในองค์กรที่เพิ่มพูนมากขึ้นเลื่อยๆ โดยมี Daisy Fitzroy เป็นผู้นำซึ่งในระยะเวลาต่อมาองค์กร Populi เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในอุดมคติที่ตรงกันข้าม คือเริ่มนิยมความรุนแรง และ ความวุ่นวายมากขึ้น คัดค้านความเชื่อ กับการปกครองของกลุ่ม The Founders อย่างหัวชนฝา
ในส่วนของแบนเนอร์ ขององค์กร Vox Populi จะเป็นรูปวาด Daisy Fitzroy บนป้ายโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งวิธีการปลุกระดมของพวกเธอโดยใช้เสียง ของเธอประกาศป่านลำโพงขยายเสียงที่ติดอยู่ทั่วนครโคลัมเบีย
Jeremiah Fink


นักธุรกิจไร้ยางอาย ที่ร่ำรวยมั่งคั่งมากที่สุดในนครโคลัมเบีย จากการเป็นหนึ่งในสมาชิก the founder และ เป็นผู้ประดิษฐ์ Kinetoscope และ Sky Hook ขาย จนนำมาผูกขาดการผลิตหรือจำหน่ายมากที่สุดในโคลัมเบีย ซึ่งอุปกรณ์หรือสิ่งประดิษฐ์ อย่าง Sky Hook ตอนแรกมันเป็นเพียงอุปกรณ์ที่ช่วยให้คนงานในอุตสาหกรรม ใช้ในการเคลื่อนย้ายหรือส่งสินค้าในรางลอยฟ้า Sky-Lines ต่อมา ทางกรมตำรวจของโคลัมเบีย เห็นว่าอุปกรณ์นี้มีศักยภาพในการช่วยเดินทางตรวจตราไปทั่วเมืองได้สะดวกรวดเร็ว สามารถตามจับอาชญากรรมตีนไฟได้ง่ายขึ้น จึงเสนอร่วมทำธุรกิจนี้กับ Jeremiah Fink ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือ ทำให้ตำรวจของนครโคลัมเบียนั้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนเรื่องการก่อเหตุอาชญากรรมนั้นลดน้อยลงด้วย เช่นกัน สิ่งประดิษฐ์ของ Jeremiah Fink เลยกลายเป็นที่จับตามองในแวดวงธุรกิจ เขาได้ร่วมธุรกิจกับนักธุรกิจรายใหญ่หลายราย จนแล้วในที่สุด ธุรกิจของเขา ประสบความสำเร็จได้ในที่สุดแต่ Jeremiah Fink ได้คาดการถึงปัญหาการขาดทุน เมื่อธุรกิจของตนถึงจุดอิ่มตัว ได้ล่วงหน้า ซึ่งนักธุรกิจทุกคนจะต้องประสบมันที่สักวันต้องแย่ลง เขาจึงได้ริเริ่มปรับค่าแรง และ ค่าสวัสดิการของคนชั้นแรงงาน อย่างไม่เป็นธรรม รวมถึงชั่วโมงการทำงานที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องไม่ไม่ถูกต้อง คนงานสามารถฟ้องกรมแรงงานให้เอาผิดได้ แต่ทว่า Jeremiah เขาจบเรื่องนี้ได้แค่เพียงตัดกำไรบางส่วนจากการหักเงินค่าแรงของคนงานให้กับตำรวจ เพียงเท่านี้ยังไม่พอ เขาก็เริ่มแอบจัดสรร อุปกรณ์กับสิ่งประดิษฐ์ รวมถึงอาวุธ ให้กับฝ่ายคู่อริอย่าง Vox Populi เพื่อแสวงหาผลกำไรทวีมากขึ้นเลื่อยๆจน Jeremiah Fink เขาก็กลายเป็นหนึ่งในผู้ชายที่รวยที่สุดในโคลัมเบีย
ในภายหลัง Fink ได้รับข้อเสนอจาก Zachary Comstock จ้างวานให้เขาให้ช่วยตามล่าสองพี่น้อง Lutece ที่พวกเขาได้ก่อคดีวินาศกรรม ที่ห้องทดลองในบ้านของ Comstock กับ ขโมยอุปกรณ์และเครื่องยนต์ที่สำคัญต่อ นครโคลัมเบียไปบางอย่าง (ทั้งหมดเป็นสิ่งที่พวก Lutece ประดิษฐ์ขึ้นเอง ) แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองยังไม่ตาย แล้วกำลังลอยนวลอยู่ที่ใดสักแห่งในห้วงเวลา
Cornelius Slate


อดีตนายทหาร มากด้วยประสบการณ์คอยทำหน้าที่รับใช้ชาติ สหรัฐอเมริกาทหาร มานับครั้งไม่ถ้วน และ เคยร่วมสงครามนองเลือดที่ Wounded Knee ในสถานที่เดียวกับ Booker DeWitt ต่อมาหลังจากการเปิดตัวของ นครลอยฟ้า เขาได้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นนายทหาร ติดตามZachary Hale Comstock เป็นพลเมืองของโคลัมเบีย แล้วสุดท้ายเขาก็กลายเป็นนายทหาร ผู้ปกป้องรับใช้ ให้กับนครลอยฟ้าแห่ง
ในปี 1901 ในเหตุการณ์ กบฏนักมวย (Boxer Rebellion) Slate เขาสูญเสียดวงตาข้างซ้ายของเขาจากการสู้รบกับพวกทหารกบฏ 30 คน แต่ภายหลังเมื่อเหตุการณ์สงบ Slate กลับถูก Comstock ปลดตำแหน่งยศนายทหาร และทำโทษโดยการ ทำเครื่องหมาย(รอยแผล)ที่แสนเจ็บปวดบนใบหน้าของเขา ที่มีความหมายว่าเป็นผู้ไม่ซื่อตรง เนื่องจาก Slate ได้ปฏิบัติหน้าที่ นอกเหนือคำสั่งและกระทำเกินกว่าเหตุ หลังจากนั้น เขาก็ได้นำเหล่าทหารบางส่วนที่คอยอยู่ข้างเขา กบดานอยู่ใน Hall of Heroes เพื่อเฝ้ารอวันที่ Comstock ต้องการพวกเขาอีกครั้ง
Chen Lin

ในชีวิตของเขาได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ ไปกับการผลิตอาวุธปืนกับภรรยาที่ชื่อ Mrs. Lin (ขึ้นอยู่กับมิติ ซึ่งบางจักรวาลเธอชื่อ May Lin หรือ เป็นผู้หญิงผิวขาวที่ไม่ใช่เชื้อชาติเอเชียชื่อ Sarah Lin ) ของตนที่ร้านของเขา ให้กับธุรกิจของ Fink สามารถเจริญเติบโตมานานหลายสิบปี โดยจากการที่นำไปจำหน่ายให้กับ กรมตำรวจ หรือ ทหารของรัฐบาล เนื่องจากอาวุธที่เขาสร้างนั้น มีศักยภาพที่เหนือชั้นมากกว่าช่างทำอาวุธคนอื่นในโคลัมเบีย จึงไม่ใช่แปลกที่มีผู้คนนิยมใช้อาวุธที่ผลิตมาจากฝีมือของ Chen Lin แม้แต่ทางด้านฝ่าย Vox Populi ก็ยังสนใจ จนถึงขนาดได้แอบติดต่อกับ Fink แล้วเสนอเงินก้อนโตในการร่วมทำธุรกิจอย่างลับๆ เพื่อจัดหาอาวุธที่ Chen Lin สร้างขึ้นมาให้กับพวก Populi
Lady Comstock


เธอเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของโคลัมเบียและเป็นภรรยาของ Zachary Hale Comstock เธอถูกลอบสังหารโดยบุคคลใกล้ชิดของเธอ แล้วโยนความผิดให้กับ Daisy Fitzroy ซึ่งเป็นผู้นำของฝ่ายอนาธิปไตย Vox Populi โดยส่วนตัว Lady Comstock เธอเป็นบุคคลที่น่านับถือของประชาชนในโคลัมเบีย แม้ปัจจุบันวิญญาณของเธอได้ลอยขึ้นสู่สรวงสรรค์ไปแล้ว แต่ทุกคนในนครลอยฟ้ายังคงให้ความสำคัญกับ เธอและจดจำเธอไปตลอดกาล พร้อมทั้งยังได้บันทึกความดีงามของ Lady Comstock ไว้ใน Hall of Heroes เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ก่อนที่จะกลายเป็น สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง หรือ Lady Comstock เธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดา ที่ผันตัวเองเป็น สาวกของ Zachary Hale Comstock ในอดีตของเธอก่อนก่อนหน้านี้ เป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว มักจะใช้เสน่ห์ของตนช่วงชิงผู้ชายหรือคู่ครองของผู้หญิงคนอื่นมาเป็นของตน มานับไม่ถ้วน จนกระทั้งวันหนึ่งเธอได้เกิดเบื่อหน่ายกับชีวิตของตนเอง จนได้เดินทางเข้ามาเป็นพลเมืองในนครโคลัมเบีย และ เข้สร่วมพิธีชำระล้างบาปที่โบสถ์เพื่อ ละทิ้งอดีตของตนและเริ่มชีวิตใหม่เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งในนครลอยฟ้าแห่งนี้ เมื่อเสร็จพิธีการในโบสถ์ เธอก็ได้พบกับ Zachary Hale Comstock และได้มีความรักต่อกัน จนทั้งคู่นั้นได้ตัดสินใจแต่งงาน นับหลังจากวันนั้น ผู้หญิงธรรมดาคนนี้ก็ได้ก้าวกระโดดข้ามมาอยู่ในฐานะ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ของนครโคลัมเบียเพียงชั่วข้ามคืน ต่อมา Lady Comstock เธอได้ช่วย เผยแพร่กระจาย หลักคำสอนของสามีเธอ Comstock กับพลเมืองโดยการเข้าไปใกล้ชิดกับผู้คน ด้วยวิธีการที่หลากหลายแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีใครคาดถึง จนทำให้ Lady Comstock กลายเป็นบุคคลที่น่าเคารพนับถืออย่างมากไม่แพ้ Zachary Hale Comstock หรือสามีของเธอ
ในปี 1895 Lady Comstock ถูกฆาตกรรมโดยมีสาเหตุมาจาก Lady Comstock บังเอิญรู้ความจริงที่เด็กผู้หญิงที่ชื่อ Elizabeth ไม่ใช่ลูกเธอ จึงนำเรื่องนี้ไปต่อว่า Comstock และ กล่าวหาว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นลูกที่เกิดจาก การที่สามีเธอมีพฤติกรรมชู้สาวกับเพื่อนร่วมงาน Rosalind Lutece เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาทั้งสองได้ทำงานร่วมกันแล้วมีเวลาอยู่ร่วมกันมากกว่าเธอ ซึ่งทางด้าน Rosalind ได้ปฏิเสธคำกล่าวหา และ พยายามอธิบายความจริงของเรื่องราว ที่มาของเด็กผู้หญิงที่ชื่อ Elizabeth ทั้งหมดเพื่อให้เธอเข้าใจ แต่ทว่าตอนนี้ Lady Comstock กำลังโกรธจากอาการหึงหวง และ สับสนในสถานการณ์ที่กำลังวุ่นวาย จึงไม่ยอมรับฟังข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น เธอจึงตัดสินใจคิดที่จะเปิดเผยเรื่องราวที่เสื่อมทรามเหล่านี้ให้ทุกคนในโคลัมเบียรับรู้ ซึ่ง Comstock ตนเองก็กลัวความเข้าใจผิดนี้จะถูกเผยแพร่ออกไป จนเกิดบันดาลโทสะบีบคอ Lady Comstock เธอขาดอากาศหายใจตายเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายไปจนกระทั้ง ความลับและแผนการที่เขาวางไว้ทั้งหมดพังทลาย
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Vigors
8 ชนิดที่ผู้เล่นสามารถหาพบได้ใน นครโคลัมเบีย
8 ชนิดที่ผู้เล่นสามารถหาพบได้ใน นครโคลัมเบีย

Possession
ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อ เป็นตัวช่วยในเรื่องของความรักและความสัมพันธ์ ให้แก่ผู้ที่ใช้ให้เป็นไปด้วยความราบรื่น ฯลฯ ซึ่งมันมีรสชาติที่ที่เปรี้ยวและหวานละมุนลิ้น เแต่ทว่าภายหลังจากเกิดเกิดเหตุการณ์ กบฏนักมวย วิกเกอร์ Possession ได้ถูกนำปรับไปใช้ในเรื่องการทหาร ให้แก่พวกองค์กรสืบข้อมูล ราชการลับ ฯลฯ จึงถูกเปลี่ยนสูตรยาทำให้มันมีประสิทธิภาพที่น่ากลัวยิ่งขึ้น
วิธีการใช้งาน Possession เปรียบเสมือนพลังสะกดจิต
ผู้เล่นสามารถ ปล่อยคลื่นพลังสีเขียวทำให้เป้าหมายต้องมนต์สะกด โจมตีพวกเดียวกันเองในระยะเวลาสั้นๆ หากศัตรูที่เป็นคนธรรมดาหลังจากหมดฤทธิ์ เขาจะทำร้ายตัวเองจนตาย
โอกาสในการใช้: เมื่อผู้เล่นต้องการนกต่อ หรือ พรรคพวกที่จะช่วยผู้เล่นจัดการกับศัตรู และ ตกเป็นเป้าหมายแทนผู้เล่น

Murder of crows
น้ำยาที่มีรสชาติคล้ายเหล้ารำผสมกับบลูเบอรี่ แต่ไม่มีสารแอลกอฮอล ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับเพื่อใช้ในการป้องกันตนเอง ซึ่งผู้ใช้จะทำการเสกอีกา2-3ตัวออกมาทำร้ายผู้ไม่หวังดี แต่ไม่ได้ถึงกับชีวิต ในเวลาต่อมามันถูกนำมาใช้ในเรื่องของการทหาร ผลที่ออกมามันได้เปลี่ยน อีกาเสก ให้มีความดุร้าย บ้าคลั่ง และ มีจำนวนมากยิ่งขึ้น จนสามารถใช้สังหารผู้คนได้อย่างง่ายดาย
วิธีการใช้งาน Murder of crows เปรียบเสมือน สารเคมีอดัม Insect Swarm ในภาคก่อน
- ผู้เล่นสามารถเรียกฝูงอีกา จิกทำร้ายศัตรูทุกคนที่อยู่เบื่องหน้า ทำให้เป้าหมายหยุดการเคลื่อนไหวและสภาพการต่อสู้ของศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเป็นจำนวนมาก
- หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ) เป็นการเสกไข่อีกา ออกมาสามารถใช้เป็นกับดักวางบนพื้นที่ ที่ต้องการหากศัตรูเข้ามาใกล้มันจะฝักออกมาเป็นอีกาตัวเต็มวัย ทำร้ายศัตรูทุกตัวที่อยู่ใกล้เคียง
โอกาสในการใช้: เมื่อผู้เล่นต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเป็นจำนวนมาก และ ต้องการให้พวกมันเกิดความวุ่นวาย เบี่ยงเบนความสนใจไปจากตัวผู้เล่น

Devil's Kiss
โดยบริษัท Fink Manufacturing เป็นผู้คิดค้น เครื่องดื่มที่มีรสชาติร้อนแรงคล้ายกับน้ำโซดา ทั้งผลิตและจำหน่ายขึ้น เพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้ที่สามารถควบคุมธาตุไฟ ไว้ใช้สำหรับจุดไฟ ไว้ใช้หุงต้ม หรือ จดบุรี่ ฯลฯในชีวิตประจำวัน แต่ทว่ามีนักวิทศาสตร์หัวหมอคนหนึ่ง นำมาปรับเปลี่ยนสูตรประสมของยา ให้กลายมาเป็นอาวุธ เมื่อผู้ใดที่ดื่มมันเข้าไป ไฟจะลุกโชนบนมือของเขาและแผดเผาจนเหลือกระดูก แต่ทว่าผู้ดื่มกลับไม่รู้สึกร้อนและสามารถทำให้สภาพมือของตนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เมื่อสารเคมีที่อยู่ในร่างกายหมดฤทธิ์
วิธีการใช้งาน Devil's Kiss เปรียบเสมือนระเบิดเพลิง
- ถ้าหากผู้เล่น ขว้างระเบิดเพลิงออกไปโดนศัตรู มันจะเผาผลาญเป้าหมาย พร้อมกับศัตรูที่อยู่ใกล้เคียง
- หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ) แล้วขว้างระเบิดเพลิงลงไปยังที่พื้น หรือ บนฝาผนังมันจะกลายเป็นกับดักระเบิด ที่จะสร้างความเสียหายกับศัตรูที่เดินเข้ามาใกล้และผู้อื่นอื่นๆที่อยู่รอบข้าง
โอกาสในการใช้: เมื่อต้องสร้างความเสียหายให้กับศัตรูที่อยู่กันเป็นกลุ่ม , ทำลายรูปขบวนของศัตรูให้หนีกระเจิงไปคนละทิศทาง

Bucking Bronco
ทำให้ผู้ที่ดื่มมันเข้าไปเข้าใจผิดว่ามันคือน้ำยาชูกำลังเพราะมีมีรสชาติที่คล้ายกัน แต่มันจะให้ความสามารถในการควบคุมแรงโน้มถ่วงทุกสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ แต่ทว่าก็มีข้อจำกัดของมันในตัว Bucking Bronco ได้ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อนำมาใช้ในเรื่องเชิงอุตสาหกรรม หรือ ในเครือธุรกิจในการการขนส่งสินค้า เคลื่อนย้ายวัตถุที่มีน้ำหนักโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องจักร เท่านั้น
วิธีการใช้งาน Bucking Bronco
- ผู้เล่นสามารถ ยกกลุ่มศัตรูที่อยู่เบื่องหน้า(จำกัดบริเวณ)ลอยขึ้นไปบนอากาศ ซึ่งพวกเขาจะตกใจไม่สามารถอยู่ในสภาพการต่อสู้ได้ชั่วคราว และ ตกเป็นเป้ายิงให้กับผู้เล่นได้ง่าย
โอกาสในการใช้: เหมาะสำหรับใช้กับศัตรูที่หลบอยู่หลังที่กำบัง หรือ ศัตรูที่อยู่กันเป็นกลุ่ม

Shock Jocky
เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ถูกสร้าง เพื่อใช้ในการป้องกันตนเอง ผู้ที่ดื่มมันไปจะรู้สึกเหมือนได้ดื่มไวน์องุ่นผสมกับโซดา และมีความสามารถสร้างกระแสไฟฟ้าให้กับร่างกายตนเอง อีกทั้งยังสามารถช่วยเพิ่มประจุไฟฟ้าให้กับเครื่องยนต์ที่กำลังมีปัญหากระแสไฟรั่ว กลับมาทำงานได้อีกครั้ง
วิธีการใช้งาน Shock Jocky
- ผู้เล่นสามารถปล่อยประจุไฟฟ้าแรงสูง ทำให้เป้าหมายบาดเจ็บและชะงักไปชั่วคราว
- หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ) สามารถสร้างกับดักไฟฟ้าในรูปแบบก้อนคริสตัล ทำให้ศัตรูที่เข้ามาใกล้จะถูกไฟฟ้าช็อตจนหมดสภาพการต่อสู้ไปชั่วขณะ
โอกาสในการใช้: เหมาะสำหรับศัตรูที่จัดการยาก ที่ผู้เล่นต้องการให้มันหมดสภาพการต่อสู้ไปชั่วคราว

Undertow
วิธีการใช้งาน Undertow
- ผู้เล่นสามารถปล่อยคลื่นน้ำจากเมือกปลาหมึกบนมือ ผลักศัตรูทุกเป้าหมายที่อยู่เบื่องหน้า กระเด็นออกไป
- หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ)สามารถดึงศัตรูที่อยู่เบื่องหน้าเข้ามาใกล้ผู้เล่น ที่ตั้งใจโจมตีด้วย Sky Hook หรือ ปืน Shotgun
โอกาสในการใช้: เมื่อต้องการผลักศัตรูจำนวนมากที่เข้ามาโจมตีผู้เล่นระยะใกล้ , เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการประหยัดกระสุนปืน หรือ ต้องการกำจัดศัตรูที่อยู่ในระยะไกลเข้ามาใกล้ผู้เล่น

Charge
วิธีการใช้งาน Charge
- ผู้เล่นจะพุ่งเข้าไปโจมตีศัตรู 1 เป้าหมายในระยะใกล้โดยใช้ Sky hook อย่างรุนแรง
- หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ) จะพุ่งเข้าไปโจมตีศัตรู ได้หลายคนในทิศทางที่ผู้เล่นพุ่งไป โดยใช้ Sky hook กระทกอย่างรุนแรง
โอกาสในการใช้: ใช้สังหารศัตรูทีละคน ในช่วงเวลาที่อยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และ อยู่ในระยะ***งจากผู้เล่น หรือ ใช้สังหารศัตรูที่อยู่พื้นที่ต่างระดับ , แม้ว่าจะมีไว้ใช้หนี

Return to Sender
วิธีการใช้งาน Return to Sender
- ผู้เล่นสามารถใช้พลังคลื่นแม่เหล็กนี้ ได้เมื่อศัตรูได้ยิงกระสุนปืนหรือจรวด ฯลฯ จะกำลังเข้าทำร้าย ตัวผู้เล่นจะดึงดูดความเสียหายเป็นก้อนพลังงาน แล้ว สามารถเขวี้ยงกลับไปหาพวกมันได้
- หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ) ตัวผู้เล่นจะดึงดูดความเสียหายเป็นก้อนพลังงาน แล้ว สามารถสร้างเป็นกับดักระเบิดได้
โอกาสในการใช้: เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูโดยไม่มีที่กำบัง , หรือโจมตีกลับศัตรูด้วยกระสุนของพวกมัน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Weapon

Broadsider Pistol
ปืนพกรุ่นล่าสุด และ รุ่นผลิตจำนวนมาก โครงสร้างคล้ายปืน Mauser C96 ของประเทศเยอรมณี ที่เป็นนิยมใช้กันในสงครามโลกครั้งที่ 1 มีอัตราความเร็วในการยิงต่อนัดเร็วกว่ากระสุนลูกโม่ ใช้ระบบการยิงแบบตับกระสุนที่มีช่องบรรจุกระสุนที่มีพื้นที่ว่างได้มากถึง 12 นัด (อัพเกรดได้ถึง 18 นัด) ต่อหนึ่งแม็กกาซีน และ ทำให้ผู้ใช้บรรจุกระสุนได้รวดเร็ว แต่ทว่าสร้างความเสียหายได้น้อย

Triple R Machine Gun / Repeater
ปืนกลอัตโนมัติ ที่สามารถบรรจุกระสุน 35 นัด ในหนึ่งแม็กกาซีน และ สามารถพกพาชุดสำรอง 220 นัด แต่ถ้าหากใช้งานมากไป ปล่องกระสุนจะทำงานหนักจะรุกไหม้อย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถใช้งานได้ชั่วขณะหนึ่ง Triple R ถูกดัดแปลงมาจากปืนกลเล็กมาตรฐานของกองทัพสหราชอาณาจักร ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นในเรื่องของความแม่นยำ อัตราการยิง ที่อยู่ในความพอเหมาะ บรรจุกระสุนได้ง่ายขึ้น ต่อมาฝ่าย Vox Populi ได้นำ Triple R มาพัฒนาต่อให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นในรุ่นที่ชื่อ Repeater มีอัตราการเกิดรุกไหม้ช้าลง แต่ความเสียหาย

China Broom Shotgun / Heater
ปืนลูกซองแบบคานเหวี่ยง สามารถบรรจุกระสุนในรังเพลิงได้ถึง 8 นัด ที่มีความสามารถในการสังหารศัตรู ในระยะสั้นและมีอัตราการรุกไหม้ต่ำ อีกทั้งยังมีโอกาสสังหารศัตรูหลายคนเพียงยิงนัดเดียวถ้าหากศัตรูเข้ามาในระยะยิงและอยู่กันเป็นกลุ่มก้อน China Broom Shotgun มีลักษณะคล้ายปืนลูกซองปากแตร รุ่น Winchester ในปี ค.ศ. 1901 ของสหรัฐที่มีคานเหวี่ยงเช่นกัน ต่อมามันได้ถูกพัฒนาโดยพวก Vox Populi เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ชื่อ Heater ที่มีพลังทำร้ายรุนแรงกว่า แต่ช่องบรรจุกระสุนน้อยกว่า ความเร็วในการยิงที่ช้ากว่า ซึ่งผู้เล่นสามารถพบปืนนี้ได้ครั้งแรกในร้านค้าขายของเล่นและอาวุธที่ "Violin Case"

Bird's Eye Sniper Rifle
เป็นปืนระบบลูกเลื่อนที่ใช้สังหารศัตรูในระยะไกลย่างมีประสิทธิภาพมีความรุนแรง สามารถสังหารศัตรูได้เพียงนัดเดียว พร้อมกับติดกล้องฟังก์ชั่นซูม(ขยาย) แต่ทว่าจะยิงได้เพียงทีละนัด ในหนึ่งแม็กกาซีน บรรจุกระสุนได้เพียง 4 นัด มีลักษณะคล้ายปืนไรเฟิลรุ่น Springfill 1903 ซึ่งผู้ใช้มันควรใช้ให้ถูกสถานการณ์ มีพื้นที่ชัยภูมิที่เอื้ออำนวย

Huntsman Carbine / Burstgun
ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ ไร้กล้องออฟชั่นซูม มีความรุนแรงด้อยกว่า แต่มีข้อได้เปรียบกว่าไรเฟิลธรรมดา กระสุนในแม็กกาซีนมากกว่า มีอัตราความเร็วในการยิงที่เร็วคล้าย ปืนกลอัตโนมัติ Triple R แต่ทว่ายิงได้ทีละนัด แล้วบรรจุกระสุนช้ากว่า ซึ่งจุดด้วยของปืนชนิดนี้ เป็นสาเหตุที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมของพวกตำรวจ , ทหารในโคลัมเบีย เนื่องจากว่ามันใช้ยาก ปืน Huntsman Carbine จึงถูกเลิกผลิตในปี 1899 และถูกเก็บไว้ใช้เป็นปืนสำรอง หรือ มีไว้ใช้ฝึกซ้อมยิงเป้าเท่านั้น ต่อมามันก็กลายเป็นอาวุธหลักของพวก Vox Populi ที่ลักลอบขโมยมาจากโรงงานผลิตปืนชนิดนี้ที่ถูกปล่อยร้าง นำมา ปรับแต่งเป็น Burstgun ปากกระบอกปืนหัวกว้างที่จะยิงออกมาต่อเนื่อง 3 นัด ต่อครั้ง
Pig Volley Gun / Hail Fire
ปืนยิงลูกระเบิด เป็นที่นิยมของทหารหุ้มเกราะฝ่าย Vox Populi เหมาะสำหรับสังหารศัตรูที่อยู่ระยะไกล และ อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม มีพลังทำลายสูงแต่ยังไม่เทียบเท่ากับ RPG แต่มันสามารถบรรจุลูกระเบิดได้ถึง 3 ลูก และ ยิงได้ต่อเนื่องซึ่งถ้าหากผู้เล่นนำอัพเกรดปืนสามารถยิงได้ต่อเนื่องมากขึ้น ทางด้านฝ่าย Vox Populi ได้นำไปพัฒนาเป็นรุ่น Hail Fire สามารถกระจายความเสียหายจากรูประเบิดเป็นวงกว้างมากขึ้น แต่ความต่อเนื่องช้ากว่ารุ่นก่อน เพียงเท่านั้น

Peppermill Crank Gun
เป็นปืนกลอัตโนมัติ แกตลิ่งแบบพกพา ติดอยู่บนตัว Motorized Patriot (จักรกลกู้ชาติ)ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในปืนที่มีพลังทำลาย และ อัตราความเร็วในการยิงที่สูง ด้วย***กระสุน 100 นัดต่อหนึ่งแม็กกาซีน และยังพกสำรองได้อีกหนึ่งแม็กกาซีน สามารถใช้สังการศัตรูที่อยู่กันเป็นกลุ่มได้ดี
Barnstormer RPG
ปืนยิงจรวด ที่มีพลังทำลายสูง เป็นวงกว้าง เหมาะสำหรับใช้กำจัดศัตรูที่จัดการยาก หรือ อยู่กันเป็นกลุ่ม แม้จะเป็นจำพวกเครื่องจักร

Paddywhacker Hand Cannon
ปืนลูกโม่ที่มีลักษณะคล้าย ปืน Colt ในปี ค.ศ. 1851 ของราชนาวี ถูกนำมาปรับแต่งให้ผู้ใช้บรรจุกระสุนได้รวดเร็วง่ายขึ้น โยเพียงเหวี่ยงลูกโม่ออกจากลำตัวปืนเท่านั้น อีกทั้ง สามารถบรรจุกระสุนได้ถึง 6 นัด แต่กระสุนพกพาสำรองนั้นน้อยกว่า Broadsider Pistol หรือ ปืนอื่นๆ แต่มีพลังทำลายที่สูง เกือบเทียบเท่า RPG
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Comment