Announcement

Collapse
No announcement yet.

Bioshock Infinite [แหล่งรวมข้อมูล พูด-คุย เกี่ยวกับเกม]

Collapse
X
 
  • Filter
  • Time
  • Show
Clear All
new posts

  • Bioshock Infinite [แหล่งรวมข้อมูล พูด-คุย เกี่ยวกับเกม]

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    Bioshock Infinite

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    BORKED

    BORKED

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    บทเกริ่นนำ

    เดอะซีรี่ส์ Bioshock เป็นเกม แนว FPS (ย่อมาจาก first person shooter > เกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง) ในระดับชั้นแนวหน้าตั้งแต่ปี 2007 ที่มีแนวคิด เป็นเอกลักษณ์และความแตกต่าง ที่ไม่มีเหมือนเกมอื่น ในเรื่องกราฟฟิคกับเสียงประกอบฉาก หรือ แม้การออกแบบตัวละครในเกมที่มากด้วยคุณภาพ ไปพร้อมกับ บรรยากาศภายในเกมที่ประกอบไปด้วย สถาปัตยกรรมกับงานศิลป์ อันงดงามอย่างปราณีต ในช่วงยุคสมัยต้นศตวรรษที่ 19 ในเมืองที่ชื่อ Raptor ที่ได้ถูกสร้างขึ้นอยู่ในใต้มหาสมุทร หรือในใต้น้ำทะเลลึกอย่างเป็นความลับที่ไม่มีใครสามารถค้นหาพิกัดของเมืองนี้ได้ แต่สำหรับเนื้อเรื่องในภาค Bioshock Infinite ในปี 2013 นี้เป็นเรื่องราวในอดีตสมัยปี ค.ศ. 1912 บนเมืองลอยฟ้าที่อยู่เกือบถึงนอกชั้นบรรยากาศโลก ชื่อว่า Columbia ซึ่งเป็นเรื่องราวย้อนความ ก่อนเหตุการณ์ความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในเมืองใต้น้ำที่ชื่อ Rapture ของ BioShock ทั้งสองภาคแรก ที่ผู้คนเกือบล้านอาศัยอยู่กันได้ด้วยเครื่องทำออกซิเจน แต่ทว่าสำหรับผู้คนในอาณาจักร Columbia ของภาค Infinite ที่อยู่อาศัยกันได้โดยเครื่องยนต์ที่สร้างอนุภาพ ลอยตัว จากควอนตัม และ บอลลูนขนาดยักษ์ ซึ่งวิธีการเล่าเรื่องของภาคนี้ก็ยังคงใกล้เคียงกับภาคที่ผ่านมา แม้จะต่างช่วงเวลา หรือ ต่างบรรยากาศต่างสถานที่ รวมถึง ศัตรู และ การแอ็คชั่นต่างๆ ด้านทีมผู้พัฒนาเกมยังคงสามารถสะท้อนความรู้สึกของ เดอะซีรี่ส์ Bioshock นี้ได้ดี

    ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นตัวละครเอกชายที่ชื่อ Booker DeWitt ที่ได้ลักลอบเข้าไปในเมือง Columbia แห่งนี้โดยมีเป้าหมายจากผู้ว่าจ้างเขา ให้ตามหาผู้หญิงที่ชื่อ Elizabeth ที่โดนลักพาตัวมาที่เมืองนี้ตั้งแต่ยังเด็ก กลับไปยัง New York อย่างปลอดภัย เพื่อชดใช้หนี้การพนัน


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Columbia
    นครแห่งสรวงสวรรค์ ดินแดนที่อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง


    นครลอยฟ้าโคลัมเบีย เมืองท่องเที่ยวที่ทันสมัย ถูกสร้างขึ้นโดยจินตนาการที่ไม่มีสิ้นสุดของมนุษย์ที่ชื่อ Zachary Hale Comstock (คอมสต๊อก) โดยมี รัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกา ให้ความสนับสนุนเงินทุนจำนวนมหาศาล ซึ่งโคลัมเบียได้เริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่ ช่วงคริสต์ศักราช 1892 จนถึงตอนปลาย เมื่อถึงคริสต์ศักราช 1900 สหรัฐอเมริกา ได้ประกาศเปิดตัว นครลอยฟ้าโคลัมเบีย ให้ล่องลอยเดินทางรอบโลก โดยมีเป้าหมาย เพื่อประกาศศักดิ์ดาและแสนยานุภาพของการเป็นประเทศมหาอำนาจ สู่สายตาผู้คนทุกประเทศ ได้ตกตะลึงกับ นครโคลัมเบียที่สามารถล่องลอยเดินทางจากทวีปหนึ่งไปอีกทวีป ด้วยเครื่องยนต์ที่สร้างอนุภาพลอยตัว จากทฤษฎี ควอนตัมฟิสิกส์ กับ บอลลูนขนาดยักษ์ที่ เชื่อมหรือผูกติดอยู่ใต้ผืนดินนครโคลัมเบีย หรือ ใต้พื้นอาคารบ้านเรือนต่างๆ ทั้งหมดล้วนแล้วเพื่อแสดงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่แสนยานุภาพของชาวอเมริกัน

    หลังประสบความสำเร็จจากการสร้างดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ของชาวอเมริกัน ได้ไม่ถึง 1 ปีในวันที่ 31 ตุลาคม ได้เกิดไฟไหม้ที่โรงงานผลิต Fink โดยไม่ทราบสาเหตุ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก และ ทำให้นักการเมืองบางกลุ่มของรัฐบาลในโคลัมเบียไม่พอใจได้แยกตัวออกมา ก่อตั้งองค์กรเป็นของตนเอง หรือ บางคนไปเข้าร่วมอยู่กัยฝ่ายตรงข้ามของพรรคที่ชื่อ Populi เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี นครลอยฟ้าโคลัมเบียได้เดินทางมาถึงน่านเขตแดนของประเทศจีน และ พบว่ามีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ กบฎนักมวย (Boxer Rebellion) จนเกิดการยิงปะทะกันในเขตแดนของเมือง ปักกิ่ง ทำให้บ้านเมืองในบริเวณริบชายแดนของจีนเกิดความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งไม่นานชาวจีนในปักกิ่งได้เปิดเผย ตัวตนที่แท้จริงของนครลอยฟ้า ให้ผู้คนทั่วโลกได้รับรู้ว่า โคลัมเบียฉายานครแห่งการท่องเที่ยวของโลก นั้นเป็นเพียงแค่ฉากบังหน้า จึงได้ตั้งชื่อให้กับนครลอยฟ้าให้อีกชื่อหนึ่งว่า สถานีรบกลางอากาศ

    ในปี 1902 วันที่ 6 กรกฏาคม เมื่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน จึงขู่ ตัดความสัมพันธ์และความช่วยเหลือหากไม่ยอมเปลี่ยนรัฐบาลในนครโคลัมเบีย ส่วนทางด้าน Zachary Comstock ประกาศแยกตัวโคลัมเบียออกจากประเทศสหรัฐอเมริกาและ นำนครลอยฟ้าแห่งนี้ลอยหายเข้าไปในกลีบเมฆพร้อมกับสร้างการปกครองตนเองใหม่อย่างเป็นทางการ แล้ววันที่ 6 กรกฏาคม จึงถือว่าเป็นวันครบรอบปีที่โคลัมเบียแยกตัวออกมาเป็นประเทศอิสระ และ กลายเป็นวันเทศกาล วันหยุดของประชาชนทุกคนในเมือง ที่จะออกมาจัดงานเฉลิมฉลอง
    เมื่อกาลเวลาได้ผ่านพ้นไปเหล่าผู้คนชาวอเมริกาทุกคนบนผืนแผ่นดินโลกก็ได้ลืมเลือน เมืองลอยฟ้าที่ชื่อ โคลัมเบีย อดีตความภาคภูมิใจของประเทศตน ไปในที่สุด และ ยังไม่มีใครรู้วิธีการเดินทางไปสู่เมืองแห่งสรวงสวรรค์ ส่วนทางด้านเหล่าผู้คนในดินแดนลอยฟ้านี้ ก็ยังคงใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขาต่อไป โดยไม่ได้ใส่ใจในเรื่องที่พวกเขาถูกทอดทิ้ง หรือ ถูกตัดขาดจากผู้คนบนผืนดินโลก เพราะพวกเขายังมีความเชื่อมั่นกับความศรัทธาที่มีต่อ คอมสต๊อก ที่เปรียบตัวแทนของพระเจ้าอย่างแรงกล้า

    ต่อมาได้เกิดสงครามกลางเมืองในโคลัมเบีย โดยมีสาเหตุมาจากความวุ่นวายจากการปะทะกันเอง ของเหล่าผู้คนบางกลุ่มในอาณาจักรที่มีความแตกต่างด้านความคิด และ ความขัดแย้งของสององค์กรใหญ่ ระหว่าง ฝ่ายพลเรือน The Founder ที่มีผู้นำโดยศาสดา Zachary Hale Comstock กับ ฝ่ายพวกอนาธิปไตย Vox Populi (มีความหมายในภาษาละตินคือ "เสียงของประชาชน") หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าพวกใต้ดิน ที่มีผู้นำโดย Lady Daisy Fitzroy

    ซึ่งผู้คนที่มาเข้าร่วมกับฝ่าย Vox Populi เป็นผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการปกครองแบบเผด็จการ และ ความเชื่อของคอมสต๊อก ที่มีอคติของคนต่างเชื้อชาติ กับ คนผิวดำ อย่างรุนแรง จึงได้ก่อเหตุการณ์จลาจลต่างๆมากมาย ที่รุนแรงมากจน ยากที่จะแก้ไข ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลในโคลัมเบียเองได้พยายามที่จะปกปิดเพื่อไม่ให้ผู้คนในอาณาจักรรู้แล้วเกิดวิตก แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องมาจากการที่มีผู้คนที่ส่วนใหญ่ที่เป็น พลเรือนจีน ถูกยิงเสียชีวิตล้มตายเป็นจำนวนมากในเหตุการณ์นองเลือดที่ผ่านมา กลายเป็นว่ามีผู้คนเริ่มต่อต้าน The Founder มากขึ้นและผันตัวไปร่วมกับ Vox Populi จึงทำให้องค์กรใต้ดินนี้เติบโตเข้มแข็งมากขึ้น


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    Sky Line
    (ลางขนส่งสินค้าลอยฟ้า)

    ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ขนส่งสินค้าหรือวัตถุขนาดใหญ่ในนครโคลัมเบีย โดยมีส่วนประกอบหลักคือเหล็กกล้าที่ผสมกับโลหะหลายชนิด ด้วยความชาญฉลาดทางเทคนิคของนักวิศวกรชั้นเยี่ยม จึงทำให้ลางลอยฟ้าแข็งแรงและสามารถแบกรับน้ำหนักวัตถุได้มากถึงหลายร้อยตัน อีกทั้งมันยังเหมาะสำหรับการเดินทางส่วนบุคคล. โดยเพียงแค่ใช้อุปกรณ์เสริมที่ชื่อ Sky-Hook ยึดเข้ากับลางลอยฟ้าไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็ว



    วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

    นครลอยฟ้าโคลัมเบีย ได้ครอบครองเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย รวมถึงรวบรวมเหล่าบุคลากร นักวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ ฝีมือดี ฯลฯ เป็นจำนวนมากจากทั่วทุกซอกทุกมุมของประเทศอเมริกา มาไว้ในนครลอยฟ้าที่นี่เพียงที่เดียว ส่วนความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีนั้นไปไกลกว่าทุกประเทศบนผืน โลกประมาณ 1,912 ปีกว่าจะเทียบเท่ากับนครโคลัมเบีย แต่ที่โดดเด่นชัดมากที่สุดคือ เทคโนโลยีระบบลอยตัว ของกลศาสตร์ควอนตัมที่ช่วยให้โคลัมเบียยังคงลอยสูงเกือบถึงนอกชั้นบรรยากาศโลก ถึงแม้แม้ว่าจะมีอาคารส่วนใหญ่ในนครมีลูกโป่ง บอลลูน , ใบพัดและเครื่องปฏิกรณ์อุปกรณ์ติดอยู่ด้วย ซึ่งพวกนี้มีไว้ใช้ช่วยบิน หรือ เคลื่อนย้ายอาคาร วัตถุต่างๆโคลัมเบียเท่านั้น Rosalind Lutece ได้ค้นพบวิธีการของไปเรื่อยๆ จนกระทั้งได้รู้วิธี ระงับอนุภาคอะตอมในกลางอากาศ (หรือการทำควอนตัมลอย) ทำให้เกิดช่องว่างในอากาศหักเหจนกลายเป็น ประตูมิติที่สามารถไปอีกโลกหนึ่งได้ ซึ่งสิ่งนี้เองกลายเป้นจุดต้นกำเนิดของ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอื่นที่ตามมาภายหลัง เช่น vigors , gear ,handymen , ม้ากล , Voxophones และอาวุธขั้นสูง ฯลฯ อีกมากมายที่เทคโนโลยีของคนบนพื้นโลกยังตามไม่ทัน




    ธุรกิจ

    ในเรื่องของธุรกิจระดับชั้นนำในนครโคลัมเบีย ก็ต้องยกเรื่อง การเปิดโรงงานอุตสาหกรรมการผลิต เป็นอันดับหนึ่งที่สามารถหากำไรได้สูงที่สุด ที่มีนักลงทุนในโคลัมเบียนิยมลงทุนในเรื่องนี้กันเป็นส่วนใหญ่ มากถึง 7ใน10 จากการผลิตสินค้า สร้างวัสดุต่างๆ จนไปถึงกระทั้ง เครื่องจักร ยานเหาะ และ เครื่องยนต์ ฯลฯ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เรามักจะเห็นโรงงานตั้งอยู่ทั่วทุกบริเวณในนครโคลัมเบีย โดยเฉพาะธุรกิจการผลิต vigors ที่มีอยู่มากที่สุดเพราะผู้คนนิยมบริโภคกันมากที่สุด และง่ายต่อการผลิตเพียงแค่นำ vigors ไปบรรจุขวดและจัดจำหน่ายในเครื่องอัตโนมัติเท่านั้น

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Vigors & Gear



    Vigors

    คือสารเคมีชนิดพิเศษ ที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ในโคลัมเบียเป็นผู้คนพบ ที่มีคุณสมบัติสามารถทำให้มนุษย์มีพลังความสามารถพิเศษที่เหนือธรรมชาติ ซึ่งตามกฎของธรรมชาติทุกอย่างล้วนย่อมมีที่มาเสมอ แม้บางครั้งเกิดจากความไม่ตั้งใจก็ตาม ในแรกเดิมนี้ก่อนที่สารเคมีชนิดนี้เป็นเพียงสารเร่งอณุภาพ ให้กับเครื่องยนต์ แต่แล้วมีนักวิทยาศาสตร์หนุ่ม คนหนึ่งกำลังทดลองพัฒนาสารตัวนี้ให้มีความบริสุทธิ์ เพื่อทำให้เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพมากขึ้นในเครือธุรกิจอุตสาหกรรมของ Marlowe ในขณะนั้นเองเขาเกิดกระหายน้ำขึ้นมา ได้เผลอหยิบสารเคมีที่วางไว้อยู่ข้างโซดาขึ้นมาดื่มจนหมดขวดโดย นักวิทยาศาสตร์หนุ่ม คนนี้เขาเพิ่งรู้ตัวอีกทีก็คือเกิดสิ่งผิดปกติในมือของตน แต่ตัวเขากลับไม่ได้ตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะมันไม่ได้สร้างอันตรายให้แก่เขา แล้วเมื่อนักวิทยาศาสตร์คนอื่นทราบข่าวเรื่องนี้เข้า พวกเขาก็ต่างตกตะลึงและให้ความสนใจร่วมงานกับนักวิทยาศาสตร์หนุ่มผู้คิดค้น จนสามารถพัฒนาสารเคมีพิเศษนี้ดียิ่งขึ้น จนกระทั้งสามารถผลิต และ จำหน่ายไปสู่ท้องตลาดให้กับชาวเมืองโคลัมเบียสามารถสัมผัสกับพลังที่เหนือธรรมชาติ เพื่อใช้ป้องกันตัว หรือ เพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตประจำวัน ในปี ค.ศ. 1895

    ส่วนเรื่องของผลลัพธ์ของมันแม้จะน่าทึ่งแม้ทำให้นครโคลัมเบียมีสีสรรมากขึ้น แต่ก็แฝงไปด้วยความโหดร้าย หรือ ความจริงที่ทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้คือ การใช้มันอย่างผิดวิธี ด้วยการที่มี Vigors ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้การเผชิญหน้าของสองกลุ่มการเมืองในนครโคลัมเบียมีความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

    ผู้เล่นสามารถพบ Vigors เหล่านี้ได้ตามฉากในรูปแบบคล้ายขวดน้ำดื่มที่มีรูปลักษณ์สวยงามต่างกันออกไปหลายรูปแบบ หลายความสามารถ และ หลายรสชาติ

    Gear

    เกียร์เป็นอุปกรณ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในโคลัมเบีย โดยแบ่งเครื่องสวมใส่เฉพาะส่วนของร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ซึ่งภายหลังจากการเกิดภาวะสงครามกลางเมือง Gear ก็ถูกผลิตออกมาใช้ต่อสู้ในรูปแบบทางการทหาร ซึ่งผู้เล่นสามารถหาพบได้ในรูปแบบแพ็คเกจห่อของขวัญ ถูกวางทิ้งไว้ในหลายสถานที่ตลอดทั้งเกม

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Character

    Booker Dewitt



    นักสืบเอกชนมีอายุ 38 ปี อดีต เคยเป็นทหารผ่านศึกของกองทัพสหรัฐอเมริกา ในสังกัดกรมทหารม้าที่ 7 เพียงวัย 16 ปี ที่ได้ร่วมรบในสงคราม ที่ Wounded Knee ใน ค.ศ. 1892 ซึ่งเป็นสงครามนองเลือดครั้งใหญ่ ในดินแดนทางทิศตะวันตกของสหรัฐ ที่มีการปะทะระหว่างทหารสหรัฐฯกับ พวกชนเผ่าอินเดียนแดง ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือ มีชาวอินเดียนแดงถูกสังหารไปไม่ต่ำกว่า 300 ศพ ที่มีทั้งชายหญิง เด็กและผู้ใหญ่ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลายเป็นตัวชี้นำที่ทำให้ Booker กับเหล่าเพื่อนทหารทุกคนที่ร่วมสงครามในเหตุการณ์นองเลือด ถูกผู้คนบางกลุ่มรุมประณาม และ ตั้งฉายาให้พวกเขาว่าเป็น "The White Injun" (เป็นชื่อฉายา ที่มีไว้สำหรับชาวอเมริกันพื้นเมือง ที่น่าอับอาย) แล้วในตัวของ Booker เองได้เกิดแผลลึกในจิตใจจากการกระทำของตนในสงคราม จนกระทั้งวันหนึ่ง Booker Dewitt ตัดสินใจลาออกจากการเป็นทหาร เพื่อทิ้งอดีตของตนแล้วกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติ เข้าไปทำงานให้กับองค์กรสายสืบระดับชาติ ชื่อ Pinkerton (พินเคอร์ตัน) แต่เขาก็กลับทำงานอยู่ที่นี่ได้ไม่นานก็ถูกไล่ออก เนื่องจากมีพฤติกรรมที่แย่ลงต่างจากสมัยที่เขายังเป็นทหาร ซึ่งในการทำงานก็มักชอบใช้วิธีการรุนแรง และ มีผลงานที่ไม่ค่อยเป็นที่น่าประทับใจเท่าไหร่ เวลาต่อมาจากประสบการณ์การทำงาน Booker เขาก็ได้ผันตัวเองกลายมาเป็นนักสืบเอกชน แต่แล้ววันหนึ่งเขาได้พบกับผู้หญิงที่เขารัก และ ได้แต่งงานอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ตามประสาคู่รักทั่วไป

    ค.ศ. ภรรยาของเขาขาดใจตายหลังคลอดบุตรสาว ซึ่งต่อมาเขาได้ตั้งชื่อให้กับเด็กผู้หญิงคนนี้ว่า Anna DeWitt และตั้งแต่บัดนั้นเขาก็ได้เลี้ยงดูเธออย่างดีที่สุดในฐานะพ่อของเด็กคนนี้ แต่หลังเหตุการณ์เสียชีวิตของภรรยา Booker ได้ผ่านพ้นไปไม่นาน Booker Dewitt ได้กลายเป็นผู้ติดพิษสุราและการพนัน มาจากความเครียดและหนี้สินที่เพิ่มพูนมากขึ้นเลื่อยๆ โดยมีสาเหตุที่เขาไม่สามารถลืมอดีตที่แสนเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตนได้

    เรื่องมันยังไม่จบเพียงเท่านี้เนื่องจากเขายังมีหนี้สินเป็นจำนวนมาก จากการเล่นพนัน ที่ Booker ได้สะสมมาตั้งแต่ตอนที่เขาเลิกเป็นทหารจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะใช้ทั้งชีวิตที่เหลืออยู่หาเงินมาใช้หนี้ได้ทั้ง หมด จนถึววันที่ 8 ตุลาคม 1893 เขาได้ถึงกำหนดวันสุดท้ายของการชำระหนี้พนัน แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะหาเงินมาชดใช้จึงตัดสินใจนำ Anna ลูกสาวตนเองขายเพื่อชดใช้หนี้ของเขาที่มีอยู่ทั้งหมดตามคำข้อเสนอของ Zachary Comstock โดยมีนายหน้า Robert Lutece เป็นผู้มารับตัวเด็กสาวไป

    ต่อมา Booker ได้เกิดเสียใจกับการกระทำของตนเอง เขาจึงเปลี่ยนใจเดินทางออกไปตามหานายหน้า Robert Lutece เพื่อขอยกเลิกข้อตกลง แต่ทว่ากลับสายเกินไป เมื่อได้เห็นพวกนายหน้ากำลังพยายามนำตัวลูกสาวของเขาข้ามผ่านไปยังอีกสถาน ที่หนึ่ง Booker จึงรีบวิ่งเข้าไปรั้งแขนชาย (Comstock )ที่กำลังอุ้มลูกสาวเพื่อขอตัวเธอคืน อย่างสุดกำลังแต่เขาก็กลับพลาดถูกสลัดแขนออกมา จนสุดท้ายพวกนายหน้าก็ได้ตัวลูกสาวของ Booker ไปแล้วได้ปิดประตูมิติ(Tear)ลง ซึ่งในช่วงเวลานั้นเอง นิ้วก้อยของAnna ได้ถูกตัดขาดออกจากการที่เธอพยายามที่จะเอื้อมมือไปหาพ่อของเธอ ในช่วงระหว่างที่ประตูมิติกำลังปิดตัวลง
    ในรอบ20ปีหลังจากที่พวกLutece ลักพาตัวลูกสาว (Anna Dewitt)ของ Booker ไปจากเหตุการณ์กลับกลายเป็นว่าทำให้ Booker Dewitt เกิดเสียใจ แล้วยิ่งมีความเครียดมากขึ้นไปอีก จนเขาได้สลักชื่อ AD เป็นสิ่งเตือนใจจากการสูญเสียลูกของตนไปด้วย ความเห็นแก่ตัวของเขาเอง แต่ทว่าไม่นาน พี่น้องฝาแฝด Lutece ได้เดินทางมาพบ Booker Dewitt อีกครั้ง และ เพื่อเสนอโอกาสที่จะทำให้ Booker ได้พบลูกสาวของเขา ซึ่งพวก Lutece ได้พาเขาเข้าไปในโลกคู่ขนาน ช่วงระยะเวลาของจักรวาล Zachary Hale Comstock ในวันที่ 6 กรกฎาคม เพื่อให้ Booker หาโอกาสลักพาตัว Elizabeth (Anna Dewitt) หนีออกจากนครลอยฟ้าโคลัมเบีย กลับไปให้พวกเขา Lutece เพื่อที่จะเปลี่ยน Elizabeth เป้นคนเดิมและส่งคืนให้กับพ่อของเธอที่แท้จริงใน New York แต่ทว่าเมื่อ Booker ได้ย่างก้าวเข้ามาใน จักรวาลของ Comstock ได้เกิดอาการหน้ามืดฉับพลันจนล้มหมดสติไปในที่สุด แล้วเมื่อ Booker ฟื้นขึ้นมาเขาได้เกิดอาการมึนงง สับสนกับความทรงจำของตนเองและพบว่าเหมือนตนเองได้ลืมอะไรบางอย่างไป เป็นอาการแบบเดียวกับ Robert
    (มีสาเหตุมาจาก ในจักรวาลของ Comstock เขาไม่เคยมีตัวตนอยู่จริง ในฐานะชายที่ชื่อ Booker Dewitt มาก่อน ความทรงจำใดที่เคยเกี่ยวเนื่องกับ มิติ Comstock จะถูกลบออกไป และ เริ่มสร้างความทรงจำใหม่ขึ้นมา ที่ต่อเนื่องจากความทรงจำที่ยังคงเหลืออยู่ จะถูกเชื่อมโยงให้เข้ากับสิ่งที่ตนกำลังเผชิญอยู่)

    เมื่อ Booker หลังจากที่เขาได้พักฟื้นตัวจากอาการหน้ามืด และ ได้รับกล่องบรรจุข้อมูลภารกิจจาก Rosalind เขากลับคิดเอาเอง และ เข้าใจว่า "การที่เขาได้เดินทางมานี่นี่ เพียงเพื่อช่วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ในนคร Columbia กลับไป New York อย่างปลอดภัย เพื่อแลกกับชำระหนี้สินทั้งหมดของเขา"

    (ซึ่ง Booker ได้สูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับ Anna dewitt ลูกสาวเขา หรือแม้แต่ ช่วงเวลาการสูญเสียลูกสาวของเขาก็ตาม "ซึ่งในระหว่างการดำเนินเรื่องภายในเกม Booker เขาจะค่อยๆ ฟื้นความจำเกี่ยวกับ เด็กผู้ที่ชื่อ Anna")

    แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมาในการที่ส่ง Booker ขึ้นไปชิงตัว Elizabeth กลับไม่ตรงไปตามที่ พี่น้องฝาแฝด Lutece คาดการณ์ไว้ เพราะผลที่ปรากฏออกมากลับมาสำเร็จซ้ำแล้วยังทำให้เหตุการณ์ในอนาคตเลวร้ายมากยิ่งขึ้นเนื่องจากการที่ Booker เดินทางไปที่โคลัมเบีย ทำให้สงครามกลางเมืองนครลอยฟ้าแห่งนี้รุนแรงจนถึงขนาดเกือบล่มสลาย ซึ่งทางด้านสองพี่น้อง Lutece เองก็ไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ พวกเขาก็ยังคง ใช้ Tear ย้อนเวลากลับไปทำแบบนี้อยู่เลื่อยๆ จนนับครั้งไม่ถ้วน (สังเกตได้จากขีดช็อคบนกระดาน ตอนที่พวกเขาให้ Booker ทายเหรียญ หัว-ก้อย) แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ


    (ต้องขอบคุณ Zepia ที่ช่วยแก้ไขข้อมูล)


    Elizabeth


    หญิงสาววัย 20 ปีที่ตลอดทั้งชีวิตของเธอ ถูกคุมขังในหอคอย Monument Island ของนครโคลัมเบียตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กจนโตเป็นสาว ยาวนานถึง 12 ปี ซึ่งในตอนแรกเธอไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าตนเองได้ตกกลายเป็นเป้าหมายของ Booker DeWitt ที่ตั้งใจจะลักพา Elizabeth หนีออกจากนครโคลัมเบียและพาเธอกลับไปหานายจ้างของเขาที่นิวยอร์ก แต่ทว่าการที่ใครที่จะพาตัวเธอไปไหนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเธอมีผู้พิทักษ์ที่มีขนาดใหญ่มหึมาคอยปกป้องเธอจากบุคคลภายนอก รวมถึงมันยังเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของ Elizabeth ตั้งแต่วัยเด็ก ทางด้านบุคลิกภาพของเธอมีความซับซ้อนมาก มีนิสัยเอาแต่ใจ มีความอยากรู้อยากเห็นไปทั้งหมดทุกเรื่อง แล้วการที่ Elizabeth เธอต้องติดอยู่แต่ข้างในหอคอยตลอดทั้งชีวิต เนื่องจาก ไม่ใช่เพียงแค่ Booker คนเดียวที่ต้องการตัวเธอคนนี้ แต่ทว่ายังมีพวกกลุ่มคนการเมือง บางกลุ่มในโคลัมเบียที่ ต้องการครอบครองตัวเธอ เพื่อใช้พลังลึกลับบางอย่างในตัวเธอ ชิงความได้เปรียบเหนือกว่าอีกฝ่าย

    ซึ่งทั้งสองพี่น้อง Luteces ได้สันนิษฐานตรงกันว่า ที่มาของพลังลึกลับของเธอ สามารถสร้าง Tear (หน้าต่างมิติ) มีสาเหตุมาจากการมีตัวตนของเธออยู่ในสองห้วงเวลาของโลกทั้งสองไปพร้อมกัน ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์สูญเสียนิ้วก้อยของ Elizabeth ตั้งแต่ตอนยังเป็นทารกหญิง ไปพร้อมกับการเกิดทฤษฎี Multiverse ที่ห้วงเวลาของโลกทั้ง2ใบบังเอิญได้เคลื่อนตัวเข้ามาอยู่คู่ขนานกันพอดี จนทำให้เกิดปรากฏการ ความไม่เสถียรของห้วงเวลาที่ควรจะเป็น เช่นกัน ทำให้เธอมีพลังที่สามารถเปิดประตูห้วงเวลาที่เชื่อมกันระหว่างของทั้งสองมิติหรือ จะเป็นอดีตหรืออนาคตก็ย่อมได้ (ภายหลังหลังนี้ ได้ถูกเรียกว่า Tear)

    Zachary Hale Comstock



    ผู้ก่อตั้งนครโคลัมเบีย และเป็นที่รู้จักของผู้คนในนครโคลัมเบียกันในฐานะศาสดา ตัวแทนของพระเจ้า หรือ ที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่ง "The Prophet" เพราะ เขามีความสามารถในการทำนายอนาคตที่เกิดขึ้นจริงในนครโคลัมเบีย จึงเป็นสาเหตุที่ทุกคนในนครลอยฟ้าต่างยกย่องและเทิดทูนชายคนนี้มากที่สุด แล้วในคราวเดียวกัน Comstock เขาก็เป็นผู้นำฝ่าย The Founders เป็นพรรคการเมืองที่กำลังมีความขัดแย้งกับกลุ่มการเมือฝ่าย Vox Populi ในปัจจุบันซึ่งนับวันความแค้นของทั้งสองฝ่ายก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเลื่อยๆ

    Robert Lutece & Rosalind Lutece



    นักฟิสิกส์ อัจฉริยะคนหนึ่ง ที่เป็นผู้บุกเบิก ทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์ ที่คอยอยู่ร่วมกับน้องสาว Rosalind Luteces ซึ่งเธอก็เป็นนักฟิสิกส์ควอนตัมเช่นเดียวกับ Rober Luteces พี่ชายของเธอ อีกทั้ง Rosalind เป็นผู้ผู้บุกเบิก ทฤษฎี การฉีกขาดของมิติ ที่เกิดจากความหักเหของช่องว่างในอากาศ โดย ทฤษฎีควอนตัมฟิสิกส์ ซึ่งภายในเกมพวกเขานั้นจะคอยช่วยเหลือ คุ้มกัน หรือ เป็นผู้ชี้ทางให้กับ Booker Dewitt ที่เดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจให้กับพวกเขาทั้งสองคน ในนครโคลัมเบีย อีกทั้งยังคอยทดลอง และ ทดสอบอะไรบางอย่างกับ Booker แล้วเสนอทางเลือกให้กับเขาไปตลอดเส้นทาง และ คาดการณ์ผลลัพธ์ ที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลา ซึ่งคำตอบที่ออกมาส่วนใหญ่ Robert จะถูกต้องมากกว่า Rosalind

    จุดเริ่มต้นของพวกเขามาจากการที่ Rosalind Lutece นักฟิสิกส์สาวอัจฉริยะคนหนึ่ง ที่กำลังศึกษาและค้นคว้า ทฤษฎีลอยตัวของควอนตัม เชิงกลศาสตร์ ได้พบกับ Zachary Hale Comstock ชักชวนให้เธอร่วมงานกับเขา และ ช่วยให้เงินทุนสนับสนุนการวิจัยของเธอให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
    ในช่วงระหว่างปลายปี 1892-1893 Rosalind Lutece ได้ทดลอง ขยายควอนตัมที่อยู่ในอะตอม จนเกิดช่องว่างในอากาศขึ้น ซึ่งผลที่ออกมาคือ เธอได้ยินเสียงชายคนหนึ่งจากข้างในช่องอากาศเล็กๆ ในระยะเวลาต่อมาเมื่อพวกเขาได้พูดคุยกันจึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์และนักฟิสิกส์ ชื่อ Robert Lutece ที่ได้ทดลองแบบเดียวกันกับ Rosalind ซึ่งสิ่งที่น่าแปลกใจคือ เขาและเธอคือคนเดียวกัน ซึ่งสถานที่ Robert อยู่นั้นคือโลกคู่ขนาน เป็นอีกห้วงเวลาของจักรวาลหนึ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันแต่มีความแตกต่างจากจักรวาลของ Rosalind (เสมือนเป็นจักรวาลที่ Rosalind เป็นผู้ชายเป็นต้น) แต่ทว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองยังคงใช้การทดลองนี้ ทำได้แต่เพียงใช้ในการสื่อสารพูดคุยกันเท่านั้น ยังไม่สามารถที่จะเห็นรูปร่างหน้าตาอีกฝ่ายหนึ่งได้

    ระยะเวลาผ่านไป Lutece ทั้งสองก็ได้สนิทสนมกันอย่างรวดเร็วจนพวกเขาได้ตั้งความสัมพันธ์เป็นเสมือนพี่น้องฝาแฝด เพราะมีนิสัย วิสัยทัศน์ เหมือนกัน และพวกเขาก็ตั้งใจที่จะพัฒนาการทดลองนี้ไปเลื่อยเพื่อเปิดช่องเพื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายหนึ่งกันให้ได้ Lutece
    ต่อมาเมื่อ Rosalind ได้รายงานผลการทดลองของเธอให้กับ Comstock เธอก็ได้เงินทุนเพิ่มที่มากจนเพียงพอต่อการวิจัย ซึ่งผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมาในครั้งนี้ ช่องว่างของมิตินั้นได้ขยายกว้างขึ้นเท่าหน้าต่าง เธอสามารถมองเห็นทุกๆสิ่งผ่านหน้าต่างมิติบานนี้ แต่ทว่ามันแตกต่างจากคราวก่อน ซึ่งมันก็คืออนาคต
    จากการขอเงินทุนในโครงการก่อสร้างนครลอย ฟ้าโคลัมเบีย ที่ล็อบบี้ในสภาคองเกรสของสหรัฐฯที่จะให้การสนับสนุน การก่อสร้างเมืองสำหรับการท่องเที่ยวที่ทันสมัยที่สุดใน โลก Rosalind และ Robert พวกเขาสามารถประดิษฐ์เครื่องยนต์ที่สามารถสร้าง Tear (คืออีกชื่อหนึ่งที่ถูกเรียกแทนคำว่า หน้าต่างมิติ ) ที่สามารถใช้เดินทางข้ามระหว่างโลกคู่ขนาน และ ทุกห้วงเวลาของจักรวาลได้สำเร็จ

    เมื่อ Robert ทันทีที่เขาใช้งานเครื่องยนต์นี้ เดินทางข้ามไปยังจักรวาลของ Rosalind เขาได้รู้สึกเกิดมีสิ่งผิดปกติบางอย่างกับร่างกายของเขา เกิดทรุดโทรมลงอย่างฉับพลันทัน แล้วในทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้ามาอีกโลกหนึ่ง เกิดอาการมึนหัวและความทรงจำของในอดีตบางส่วนสูญหายจนทำให้เขาสับสน แต่ทว่าจากความช่วยเหลือของ Rosalind ก็สามารถทำให้ความทรงจำที่ผ่านมา รวมถึงสุขภาพและร่างกายของเขากลับฟื้นฟูเป็นปกติได้ในที่สุดก็มา เวลาต่อมาพวกเขาก็สามารถคุ้นเคยกับการใช้เครื่องยนต์ รวมถึง วิธีใช้งานที่ป้องกันการเกิดผลข้างเคียง

    Daisy Fitzroy



    ผู้นำกลุ่ม Vox Populi ในปัจจุบันได้ตั้งตนเป็นอริกับฝ่าย The Founders เพื่อต่อต้านแนวคิดการปกครองแบบเผด็จการ อย่างเป็นทางการ ในอดีต Daisy เธอเป็นเพียงแค่นักโทษหญิงของ Jeremiah ที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำของนครโคลัมเบีย ซึ่งไม่นานเธอก็ได้รับการลดโทษและถูกปล่อยตัวออกมาจากการที่เธอถูกจ้างให้มาเป็น แม่บ้านประจำให้กับ สุภาพสตรีอันดับหนึ่ง Lady Comstock ซึ่ง Daisy เธอเองก็มีความสุข จากการที่ได้หลุดพ้นจากฐานะนักโทษ และ ชื่นชมความเมตตา กับ ความอัจฉริยะของ Lady Comstock 1 ปีต่อมาหลังจากเกิดคดีการตายของ Lady Comstock ไม่นาน Daisy Fitzroy เธอจึงตัดสินใจหลบหนีออกมา ย้ายไปทำงานผู้เป็นกระบอกหาเสียงให้กับ องค์กร Populi ที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อไม่สนับสนุนเรื่องความรุนแรง เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมให้แก่คนต่างสัญชาติ หยุดการเหยียดสีผิว ซึ่งการประกาศชวนเชื่อของ Daisy Fitzroy กลายเป็นบุคคลที่น่าสนใจ และ น่าชื่นชมของผู้คนชนชั้นแรงงาน กับ คนบางกลุ่มในโคลัมเบีย ภายในไม่กี่สัปดาห์ Daisy ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใน Finkton จับกุมเนื่องจากเธอถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีสังหาร Lady Comstock จากเหตุการณ์นี้ทางด้านกลุ่ม Vox Populi จึงได้ใช้ผลประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Daisy เป็นนกต่อในการสร้างกระแสให้ผู้คนเกลียดชัง The Founders มากขึ้น

    สัปดาห์ต่อมาหลังจากถูกจับกุม Daisy Fitzroy เธอถูกส่งตัวไปให้กับ ดร. Pinchot เป็นผู้สอบสวน Daisy ที่บ้านของ Comstock หนึ่งสัปดาห์ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จเพราะเดซี่เธอไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆเกี่ยวกับการตายของ Lady Comstock และไม่มีข้อมูลเพียงพอในการค้นหาผู้สมรู้ร่วมคิด ทีมวิจัยของ ดร. Pinchot จึงเสนอวิธีการผ่าตัด ดัดแปลงบางอย่างในร่างกาย Daisy หรือ ทรมานเธอ ซึ่งเขากลับปฏิเสธเพราะเกรงว่าสิ่งที่ทำไปจะสูญเปล่า ดร. Pinchot จึงได้ขอเวลาในการวัย และ ทดสอบสติปัญญาของเธอ เพื่อหาวิธีการที่ดีกว่าที่ผู้หญิงคนนี้ไม่ต้องเจ็บตัว ผลจากการทดสอบ Daisy Fitzroy ได้ทำแต้ม คะแนนสูงมากในการทดสอบและ ได้แฝงข้อความบางอย่าง เพื่อขอนัดติดต่อกับ ดร. Pinchot เพื่อขอให้เขาช่วยเหลือเธอ เลื่อยมาจนถึงวันสุดท้ายของการวิจัย Pinchot ได้มีโอกาสมาพบ Daisy ในห้องสืบสวนซึ่งเขาเชื่อในเรื่องที่เธอเป็นผู้ถูกกล่าวหาจึงได้ตัดสินใจช่วยเธอหนีออกจากที่นี่ โดยเขาเขียนแผนที่ทางออกลับของที่นี่พร้อมกับ กุญแจ ส่วนตัวที่สามารถใช้เข้าออกได้ทุกประตู กับ เงินทั้งหมดที่เขามีให้กับ Daisy แต่ทว่าหารู้ไม่ เมื่อเธอได้สิ่งที่ต้องแล้ว กลับแย่งปืนพกของ ดร. Pinchot และ ยิงที่หัวเขาก่อนที่จะหนีออกจาก บ้านของ Comstock
    หลังจากที่ Daisy Fitzroy เป็นอิสระ เธอได้นำเงินจำนวนมากจากชายที่โง่เขลากับข้อมูลลับของพรรค The Founders กำลังปกปิดอยู่ไปให้กับ Vox Populi ทำให้องค์กรนี้เติบโต มีชื่อเสียง และ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่มากพร้อมไปด้วยสมาชิกในองค์กรที่เพิ่มพูนมากขึ้นเลื่อยๆ โดยมี Daisy Fitzroy เป็นผู้นำซึ่งในระยะเวลาต่อมาองค์กร Populi เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในอุดมคติที่ตรงกันข้าม คือเริ่มนิยมความรุนแรง และ ความวุ่นวายมากขึ้น คัดค้านความเชื่อ กับการปกครองของกลุ่ม The Founders อย่างหัวชนฝา
    ในส่วนของแบนเนอร์ ขององค์กร Vox Populi จะเป็นรูปวาด Daisy Fitzroy บนป้ายโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งวิธีการปลุกระดมของพวกเธอโดยใช้เสียง ของเธอประกาศป่านลำโพงขยายเสียงที่ติดอยู่ทั่วนครโคลัมเบีย

    Jeremiah Fink


    นักธุรกิจไร้ยางอาย ที่ร่ำรวยมั่งคั่งมากที่สุดในนครโคลัมเบีย จากการเป็นหนึ่งในสมาชิก the founder และ เป็นผู้ประดิษฐ์ Kinetoscope และ Sky Hook ขาย จนนำมาผูกขาดการผลิตหรือจำหน่ายมากที่สุดในโคลัมเบีย ซึ่งอุปกรณ์หรือสิ่งประดิษฐ์ อย่าง Sky Hook ตอนแรกมันเป็นเพียงอุปกรณ์ที่ช่วยให้คนงานในอุตสาหกรรม ใช้ในการเคลื่อนย้ายหรือส่งสินค้าในรางลอยฟ้า Sky-Lines ต่อมา ทางกรมตำรวจของโคลัมเบีย เห็นว่าอุปกรณ์นี้มีศักยภาพในการช่วยเดินทางตรวจตราไปทั่วเมืองได้สะดวกรวดเร็ว สามารถตามจับอาชญากรรมตีนไฟได้ง่ายขึ้น จึงเสนอร่วมทำธุรกิจนี้กับ Jeremiah Fink ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือ ทำให้ตำรวจของนครโคลัมเบียนั้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนเรื่องการก่อเหตุอาชญากรรมนั้นลดน้อยลงด้วย เช่นกัน สิ่งประดิษฐ์ของ Jeremiah Fink เลยกลายเป็นที่จับตามองในแวดวงธุรกิจ เขาได้ร่วมธุรกิจกับนักธุรกิจรายใหญ่หลายราย จนแล้วในที่สุด ธุรกิจของเขา ประสบความสำเร็จได้ในที่สุดแต่ Jeremiah Fink ได้คาดการถึงปัญหาการขาดทุน เมื่อธุรกิจของตนถึงจุดอิ่มตัว ได้ล่วงหน้า ซึ่งนักธุรกิจทุกคนจะต้องประสบมันที่สักวันต้องแย่ลง เขาจึงได้ริเริ่มปรับค่าแรง และ ค่าสวัสดิการของคนชั้นแรงงาน อย่างไม่เป็นธรรม รวมถึงชั่วโมงการทำงานที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องไม่ไม่ถูกต้อง คนงานสามารถฟ้องกรมแรงงานให้เอาผิดได้ แต่ทว่า Jeremiah เขาจบเรื่องนี้ได้แค่เพียงตัดกำไรบางส่วนจากการหักเงินค่าแรงของคนงานให้กับตำรวจ เพียงเท่านี้ยังไม่พอ เขาก็เริ่มแอบจัดสรร อุปกรณ์กับสิ่งประดิษฐ์ รวมถึงอาวุธ ให้กับฝ่ายคู่อริอย่าง Vox Populi เพื่อแสวงหาผลกำไรทวีมากขึ้นเลื่อยๆจน Jeremiah Fink เขาก็กลายเป็นหนึ่งในผู้ชายที่รวยที่สุดในโคลัมเบีย

    ในภายหลัง Fink ได้รับข้อเสนอจาก Zachary Comstock จ้างวานให้เขาให้ช่วยตามล่าสองพี่น้อง Lutece ที่พวกเขาได้ก่อคดีวินาศกรรม ที่ห้องทดลองในบ้านของ Comstock กับ ขโมยอุปกรณ์และเครื่องยนต์ที่สำคัญต่อ นครโคลัมเบียไปบางอย่าง (ทั้งหมดเป็นสิ่งที่พวก Lutece ประดิษฐ์ขึ้นเอง ) แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองยังไม่ตาย แล้วกำลังลอยนวลอยู่ที่ใดสักแห่งในห้วงเวลา

    Cornelius Slate


    อดีตนายทหาร มากด้วยประสบการณ์คอยทำหน้าที่รับใช้ชาติ สหรัฐอเมริกาทหาร มานับครั้งไม่ถ้วน และ เคยร่วมสงครามนองเลือดที่ Wounded Knee ในสถานที่เดียวกับ Booker DeWitt ต่อมาหลังจากการเปิดตัวของ นครลอยฟ้า เขาได้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นนายทหาร ติดตามZachary Hale Comstock เป็นพลเมืองของโคลัมเบีย แล้วสุดท้ายเขาก็กลายเป็นนายทหาร ผู้ปกป้องรับใช้ ให้กับนครลอยฟ้าแห่ง
    ในปี 1901 ในเหตุการณ์ กบฏนักมวย (Boxer Rebellion) Slate เขาสูญเสียดวงตาข้างซ้ายของเขาจากการสู้รบกับพวกทหารกบฏ 30 คน แต่ภายหลังเมื่อเหตุการณ์สงบ Slate กลับถูก Comstock ปลดตำแหน่งยศนายทหาร และทำโทษโดยการ ทำเครื่องหมาย(รอยแผล)ที่แสนเจ็บปวดบนใบหน้าของเขา ที่มีความหมายว่าเป็นผู้ไม่ซื่อตรง เนื่องจาก Slate ได้ปฏิบัติหน้าที่ นอกเหนือคำสั่งและกระทำเกินกว่าเหตุ หลังจากนั้น เขาก็ได้นำเหล่าทหารบางส่วนที่คอยอยู่ข้างเขา กบดานอยู่ใน Hall of Heroes เพื่อเฝ้ารอวันที่ Comstock ต้องการพวกเขาอีกครั้ง

    Chen Lin



    ในชีวิตของเขาได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ ไปกับการผลิตอาวุธปืนกับภรรยาที่ชื่อ Mrs. Lin (ขึ้นอยู่กับมิติ ซึ่งบางจักรวาลเธอชื่อ May Lin หรือ เป็นผู้หญิงผิวขาวที่ไม่ใช่เชื้อชาติเอเชียชื่อ Sarah Lin ) ของตนที่ร้านของเขา ให้กับธุรกิจของ Fink สามารถเจริญเติบโตมานานหลายสิบปี โดยจากการที่นำไปจำหน่ายให้กับ กรมตำรวจ หรือ ทหารของรัฐบาล เนื่องจากอาวุธที่เขาสร้างนั้น มีศักยภาพที่เหนือชั้นมากกว่าช่างทำอาวุธคนอื่นในโคลัมเบีย จึงไม่ใช่แปลกที่มีผู้คนนิยมใช้อาวุธที่ผลิตมาจากฝีมือของ Chen Lin แม้แต่ทางด้านฝ่าย Vox Populi ก็ยังสนใจ จนถึงขนาดได้แอบติดต่อกับ Fink แล้วเสนอเงินก้อนโตในการร่วมทำธุรกิจอย่างลับๆ เพื่อจัดหาอาวุธที่ Chen Lin สร้างขึ้นมาให้กับพวก Populi

    Lady Comstock


    เธอเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของโคลัมเบียและเป็นภรรยาของ Zachary Hale Comstock เธอถูกลอบสังหารโดยบุคคลใกล้ชิดของเธอ แล้วโยนความผิดให้กับ Daisy Fitzroy ซึ่งเป็นผู้นำของฝ่ายอนาธิปไตย Vox Populi โดยส่วนตัว Lady Comstock เธอเป็นบุคคลที่น่านับถือของประชาชนในโคลัมเบีย แม้ปัจจุบันวิญญาณของเธอได้ลอยขึ้นสู่สรวงสรรค์ไปแล้ว แต่ทุกคนในนครลอยฟ้ายังคงให้ความสำคัญกับ เธอและจดจำเธอไปตลอดกาล พร้อมทั้งยังได้บันทึกความดีงามของ Lady Comstock ไว้ใน Hall of Heroes เพื่อให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ก่อนที่จะกลายเป็น สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง หรือ Lady Comstock เธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดา ที่ผันตัวเองเป็น สาวกของ Zachary Hale Comstock ในอดีตของเธอก่อนก่อนหน้านี้ เป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว มักจะใช้เสน่ห์ของตนช่วงชิงผู้ชายหรือคู่ครองของผู้หญิงคนอื่นมาเป็นของตน มานับไม่ถ้วน จนกระทั้งวันหนึ่งเธอได้เกิดเบื่อหน่ายกับชีวิตของตนเอง จนได้เดินทางเข้ามาเป็นพลเมืองในนครโคลัมเบีย และ เข้สร่วมพิธีชำระล้างบาปที่โบสถ์เพื่อ ละทิ้งอดีตของตนและเริ่มชีวิตใหม่เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งในนครลอยฟ้าแห่งนี้ เมื่อเสร็จพิธีการในโบสถ์ เธอก็ได้พบกับ Zachary Hale Comstock และได้มีความรักต่อกัน จนทั้งคู่นั้นได้ตัดสินใจแต่งงาน นับหลังจากวันนั้น ผู้หญิงธรรมดาคนนี้ก็ได้ก้าวกระโดดข้ามมาอยู่ในฐานะ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ของนครโคลัมเบียเพียงชั่วข้ามคืน ต่อมา Lady Comstock เธอได้ช่วย เผยแพร่กระจาย หลักคำสอนของสามีเธอ Comstock กับพลเมืองโดยการเข้าไปใกล้ชิดกับผู้คน ด้วยวิธีการที่หลากหลายแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีใครคาดถึง จนทำให้ Lady Comstock กลายเป็นบุคคลที่น่าเคารพนับถืออย่างมากไม่แพ้ Zachary Hale Comstock หรือสามีของเธอ

    ในปี 1895 Lady Comstock ถูกฆาตกรรมโดยมีสาเหตุมาจาก Lady Comstock บังเอิญรู้ความจริงที่เด็กผู้หญิงที่ชื่อ Elizabeth ไม่ใช่ลูกเธอ จึงนำเรื่องนี้ไปต่อว่า Comstock และ กล่าวหาว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นลูกที่เกิดจาก การที่สามีเธอมีพฤติกรรมชู้สาวกับเพื่อนร่วมงาน Rosalind Lutece เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาทั้งสองได้ทำงานร่วมกันแล้วมีเวลาอยู่ร่วมกันมากกว่าเธอ ซึ่งทางด้าน Rosalind ได้ปฏิเสธคำกล่าวหา และ พยายามอธิบายความจริงของเรื่องราว ที่มาของเด็กผู้หญิงที่ชื่อ Elizabeth ทั้งหมดเพื่อให้เธอเข้าใจ แต่ทว่าตอนนี้ Lady Comstock กำลังโกรธจากอาการหึงหวง และ สับสนในสถานการณ์ที่กำลังวุ่นวาย จึงไม่ยอมรับฟังข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น เธอจึงตัดสินใจคิดที่จะเปิดเผยเรื่องราวที่เสื่อมทรามเหล่านี้ให้ทุกคนในโคลัมเบียรับรู้ ซึ่ง Comstock ตนเองก็กลัวความเข้าใจผิดนี้จะถูกเผยแพร่ออกไป จนเกิดบันดาลโทสะบีบคอ Lady Comstock เธอขาดอากาศหายใจตายเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายไปจนกระทั้ง ความลับและแผนการที่เขาวางไว้ทั้งหมดพังทลาย

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    Vigors
    8 ชนิดที่ผู้เล่นสามารถหาพบได้ใน นครโคลัมเบีย


    Possession
    ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อ เป็นตัวช่วยในเรื่องของความรักและความสัมพันธ์ ให้แก่ผู้ที่ใช้ให้เป็นไปด้วยความราบรื่น ฯลฯ ซึ่งมันมีรสชาติที่ที่เปรี้ยวและหวานละมุนลิ้น เแต่ทว่าภายหลังจากเกิดเกิดเหตุการณ์ กบฏนักมวย วิกเกอร์ Possession ได้ถูกนำปรับไปใช้ในเรื่องการทหาร ให้แก่พวกองค์กรสืบข้อมูล ราชการลับ ฯลฯ จึงถูกเปลี่ยนสูตรยาทำให้มันมีประสิทธิภาพที่น่ากลัวยิ่งขึ้น
    วิธีการใช้งาน Possession เปรียบเสมือนพลังสะกดจิต
    ผู้เล่นสามารถ ปล่อยคลื่นพลังสีเขียวทำให้เป้าหมายต้องมนต์สะกด โจมตีพวกเดียวกันเองในระยะเวลาสั้นๆ หากศัตรูที่เป็นคนธรรมดาหลังจากหมดฤทธิ์ เขาจะทำร้ายตัวเองจนตาย
    โอกาสในการใช้: เมื่อผู้เล่นต้องการนกต่อ หรือ พรรคพวกที่จะช่วยผู้เล่นจัดการกับศัตรู และ ตกเป็นเป้าหมายแทนผู้เล่น


    Murder of crows
    น้ำยาที่มีรสชาติคล้ายเหล้ารำผสมกับบลูเบอรี่ แต่ไม่มีสารแอลกอฮอล ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับเพื่อใช้ในการป้องกันตนเอง ซึ่งผู้ใช้จะทำการเสกอีกา2-3ตัวออกมาทำร้ายผู้ไม่หวังดี แต่ไม่ได้ถึงกับชีวิต ในเวลาต่อมามันถูกนำมาใช้ในเรื่องของการทหาร ผลที่ออกมามันได้เปลี่ยน อีกาเสก ให้มีความดุร้าย บ้าคลั่ง และ มีจำนวนมากยิ่งขึ้น จนสามารถใช้สังหารผู้คนได้อย่างง่ายดาย
    วิธีการใช้งาน Murder of crows เปรียบเสมือน สารเคมีอดัม Insect Swarm ในภาคก่อน
    - ผู้เล่นสามารถเรียกฝูงอีกา จิกทำร้ายศัตรูทุกคนที่อยู่เบื่องหน้า ทำให้เป้าหมายหยุดการเคลื่อนไหวและสภาพการต่อสู้ของศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเป็นจำนวนมาก
    - หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ) เป็นการเสกไข่อีกา ออกมาสามารถใช้เป็นกับดักวางบนพื้นที่ ที่ต้องการหากศัตรูเข้ามาใกล้มันจะฝักออกมาเป็นอีกาตัวเต็มวัย ทำร้ายศัตรูทุกตัวที่อยู่ใกล้เคียง
    โอกาสในการใช้: เมื่อผู้เล่นต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่อยู่ตรงหน้าเป็นจำนวนมาก และ ต้องการให้พวกมันเกิดความวุ่นวาย เบี่ยงเบนความสนใจไปจากตัวผู้เล่น


    Devil's Kiss
    โดยบริษัท Fink Manufacturing เป็นผู้คิดค้น เครื่องดื่มที่มีรสชาติร้อนแรงคล้ายกับน้ำโซดา ทั้งผลิตและจำหน่ายขึ้น เพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้ที่สามารถควบคุมธาตุไฟ ไว้ใช้สำหรับจุดไฟ ไว้ใช้หุงต้ม หรือ จดบุรี่ ฯลฯในชีวิตประจำวัน แต่ทว่ามีนักวิทศาสตร์หัวหมอคนหนึ่ง นำมาปรับเปลี่ยนสูตรประสมของยา ให้กลายมาเป็นอาวุธ เมื่อผู้ใดที่ดื่มมันเข้าไป ไฟจะลุกโชนบนมือของเขาและแผดเผาจนเหลือกระดูก แต่ทว่าผู้ดื่มกลับไม่รู้สึกร้อนและสามารถทำให้สภาพมือของตนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เมื่อสารเคมีที่อยู่ในร่างกายหมดฤทธิ์
    วิธีการใช้งาน Devil's Kiss เปรียบเสมือนระเบิดเพลิง
    - ถ้าหากผู้เล่น ขว้างระเบิดเพลิงออกไปโดนศัตรู มันจะเผาผลาญเป้าหมาย พร้อมกับศัตรูที่อยู่ใกล้เคียง
    - หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ) แล้วขว้างระเบิดเพลิงลงไปยังที่พื้น หรือ บนฝาผนังมันจะกลายเป็นกับดักระเบิด ที่จะสร้างความเสียหายกับศัตรูที่เดินเข้ามาใกล้และผู้อื่นอื่นๆที่อยู่รอบข้าง
    โอกาสในการใช้: เมื่อต้องสร้างความเสียหายให้กับศัตรูที่อยู่กันเป็นกลุ่ม , ทำลายรูปขบวนของศัตรูให้หนีกระเจิงไปคนละทิศทาง


    Bucking Bronco
    ทำให้ผู้ที่ดื่มมันเข้าไปเข้าใจผิดว่ามันคือน้ำยาชูกำลังเพราะมีมีรสชาติที่คล้ายกัน แต่มันจะให้ความสามารถในการควบคุมแรงโน้มถ่วงทุกสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ แต่ทว่าก็มีข้อจำกัดของมันในตัว Bucking Bronco ได้ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อนำมาใช้ในเรื่องเชิงอุตสาหกรรม หรือ ในเครือธุรกิจในการการขนส่งสินค้า เคลื่อนย้ายวัตถุที่มีน้ำหนักโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องจักร เท่านั้น
    วิธีการใช้งาน Bucking Bronco
    - ผู้เล่นสามารถ ยกกลุ่มศัตรูที่อยู่เบื่องหน้า(จำกัดบริเวณ)ลอยขึ้นไปบนอากาศ ซึ่งพวกเขาจะตกใจไม่สามารถอยู่ในสภาพการต่อสู้ได้ชั่วคราว และ ตกเป็นเป้ายิงให้กับผู้เล่นได้ง่าย
    โอกาสในการใช้: เหมาะสำหรับใช้กับศัตรูที่หลบอยู่หลังที่กำบัง หรือ ศัตรูที่อยู่กันเป็นกลุ่ม


    Shock Jocky
    เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ถูกสร้าง เพื่อใช้ในการป้องกันตนเอง ผู้ที่ดื่มมันไปจะรู้สึกเหมือนได้ดื่มไวน์องุ่นผสมกับโซดา และมีความสามารถสร้างกระแสไฟฟ้าให้กับร่างกายตนเอง อีกทั้งยังสามารถช่วยเพิ่มประจุไฟฟ้าให้กับเครื่องยนต์ที่กำลังมีปัญหากระแสไฟรั่ว กลับมาทำงานได้อีกครั้ง
    วิธีการใช้งาน Shock Jocky
    - ผู้เล่นสามารถปล่อยประจุไฟฟ้าแรงสูง ทำให้เป้าหมายบาดเจ็บและชะงักไปชั่วคราว
    - หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ) สามารถสร้างกับดักไฟฟ้าในรูปแบบก้อนคริสตัล ทำให้ศัตรูที่เข้ามาใกล้จะถูกไฟฟ้าช็อตจนหมดสภาพการต่อสู้ไปชั่วขณะ
    โอกาสในการใช้: เหมาะสำหรับศัตรูที่จัดการยาก ที่ผู้เล่นต้องการให้มันหมดสภาพการต่อสู้ไปชั่วคราว


    Undertow
    วิธีการใช้งาน Undertow
    - ผู้เล่นสามารถปล่อยคลื่นน้ำจากเมือกปลาหมึกบนมือ ผลักศัตรูทุกเป้าหมายที่อยู่เบื่องหน้า กระเด็นออกไป
    - หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ)สามารถดึงศัตรูที่อยู่เบื่องหน้าเข้ามาใกล้ผู้เล่น ที่ตั้งใจโจมตีด้วย Sky Hook หรือ ปืน Shotgun
    โอกาสในการใช้: เมื่อต้องการผลักศัตรูจำนวนมากที่เข้ามาโจมตีผู้เล่นระยะใกล้ , เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการประหยัดกระสุนปืน หรือ ต้องการกำจัดศัตรูที่อยู่ในระยะไกลเข้ามาใกล้ผู้เล่น


    Charge
    วิธีการใช้งาน Charge
    - ผู้เล่นจะพุ่งเข้าไปโจมตีศัตรู 1 เป้าหมายในระยะใกล้โดยใช้ Sky hook อย่างรุนแรง
    - หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ) จะพุ่งเข้าไปโจมตีศัตรู ได้หลายคนในทิศทางที่ผู้เล่นพุ่งไป โดยใช้ Sky hook กระทกอย่างรุนแรง
    โอกาสในการใช้: ใช้สังหารศัตรูทีละคน ในช่วงเวลาที่อยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และ อยู่ในระยะ***งจากผู้เล่น หรือ ใช้สังหารศัตรูที่อยู่พื้นที่ต่างระดับ , แม้ว่าจะมีไว้ใช้หนี


    Return to Sender
    วิธีการใช้งาน Return to Sender
    - ผู้เล่นสามารถใช้พลังคลื่นแม่เหล็กนี้ ได้เมื่อศัตรูได้ยิงกระสุนปืนหรือจรวด ฯลฯ จะกำลังเข้าทำร้าย ตัวผู้เล่นจะดึงดูดความเสียหายเป็นก้อนพลังงาน แล้ว สามารถเขวี้ยงกลับไปหาพวกมันได้
    - หากผู้เล่นเร่งปฏิกิริยา (ชาร์จ) ตัวผู้เล่นจะดึงดูดความเสียหายเป็นก้อนพลังงาน แล้ว สามารถสร้างเป็นกับดักระเบิดได้
    โอกาสในการใช้: เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูโดยไม่มีที่กำบัง , หรือโจมตีกลับศัตรูด้วยกระสุนของพวกมัน

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Weapon




    Broadsider Pistol

    ปืนพกรุ่นล่าสุด และ รุ่นผลิตจำนวนมาก โครงสร้างคล้ายปืน Mauser C96 ของประเทศเยอรมณี ที่เป็นนิยมใช้กันในสงครามโลกครั้งที่ 1 มีอัตราความเร็วในการยิงต่อนัดเร็วกว่ากระสุนลูกโม่ ใช้ระบบการยิงแบบตับกระสุนที่มีช่องบรรจุกระสุนที่มีพื้นที่ว่างได้มากถึง 12 นัด (อัพเกรดได้ถึง 18 นัด) ต่อหนึ่งแม็กกาซีน และ ทำให้ผู้ใช้บรรจุกระสุนได้รวดเร็ว แต่ทว่าสร้างความเสียหายได้น้อย



    Triple R Machine Gun / Repeater

    ปืนกลอัตโนมัติ ที่สามารถบรรจุกระสุน 35 นัด ในหนึ่งแม็กกาซีน และ สามารถพกพาชุดสำรอง 220 นัด แต่ถ้าหากใช้งานมากไป ปล่องกระสุนจะทำงานหนักจะรุกไหม้อย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถใช้งานได้ชั่วขณะหนึ่ง Triple R ถูกดัดแปลงมาจากปืนกลเล็กมาตรฐานของกองทัพสหราชอาณาจักร ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นในเรื่องของความแม่นยำ อัตราการยิง ที่อยู่ในความพอเหมาะ บรรจุกระสุนได้ง่ายขึ้น ต่อมาฝ่าย Vox Populi ได้นำ Triple R มาพัฒนาต่อให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นในรุ่นที่ชื่อ Repeater มีอัตราการเกิดรุกไหม้ช้าลง แต่ความเสียหาย



    China Broom Shotgun / Heater

    ปืนลูกซองแบบคานเหวี่ยง สามารถบรรจุกระสุนในรังเพลิงได้ถึง 8 นัด ที่มีความสามารถในการสังหารศัตรู ในระยะสั้นและมีอัตราการรุกไหม้ต่ำ อีกทั้งยังมีโอกาสสังหารศัตรูหลายคนเพียงยิงนัดเดียวถ้าหากศัตรูเข้ามาในระยะยิงและอยู่กันเป็นกลุ่มก้อน China Broom Shotgun มีลักษณะคล้ายปืนลูกซองปากแตร รุ่น Winchester ในปี ค.ศ. 1901 ของสหรัฐที่มีคานเหวี่ยงเช่นกัน ต่อมามันได้ถูกพัฒนาโดยพวก Vox Populi เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ชื่อ Heater ที่มีพลังทำร้ายรุนแรงกว่า แต่ช่องบรรจุกระสุนน้อยกว่า ความเร็วในการยิงที่ช้ากว่า ซึ่งผู้เล่นสามารถพบปืนนี้ได้ครั้งแรกในร้านค้าขายของเล่นและอาวุธที่ "Violin Case"



    Bird's Eye Sniper Rifle

    เป็นปืนระบบลูกเลื่อนที่ใช้สังหารศัตรูในระยะไกลย่างมีประสิทธิภาพมีความรุนแรง สามารถสังหารศัตรูได้เพียงนัดเดียว พร้อมกับติดกล้องฟังก์ชั่นซูม(ขยาย) แต่ทว่าจะยิงได้เพียงทีละนัด ในหนึ่งแม็กกาซีน บรรจุกระสุนได้เพียง 4 นัด มีลักษณะคล้ายปืนไรเฟิลรุ่น Springfill 1903 ซึ่งผู้ใช้มันควรใช้ให้ถูกสถานการณ์ มีพื้นที่ชัยภูมิที่เอื้ออำนวย



    Huntsman Carbine / Burstgun

    ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ ไร้กล้องออฟชั่นซูม มีความรุนแรงด้อยกว่า แต่มีข้อได้เปรียบกว่าไรเฟิลธรรมดา กระสุนในแม็กกาซีนมากกว่า มีอัตราความเร็วในการยิงที่เร็วคล้าย ปืนกลอัตโนมัติ Triple R แต่ทว่ายิงได้ทีละนัด แล้วบรรจุกระสุนช้ากว่า ซึ่งจุดด้วยของปืนชนิดนี้ เป็นสาเหตุที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมของพวกตำรวจ , ทหารในโคลัมเบีย เนื่องจากว่ามันใช้ยาก ปืน Huntsman Carbine จึงถูกเลิกผลิตในปี 1899 และถูกเก็บไว้ใช้เป็นปืนสำรอง หรือ มีไว้ใช้ฝึกซ้อมยิงเป้าเท่านั้น ต่อมามันก็กลายเป็นอาวุธหลักของพวก Vox Populi ที่ลักลอบขโมยมาจากโรงงานผลิตปืนชนิดนี้ที่ถูกปล่อยร้าง นำมา ปรับแต่งเป็น Burstgun ปากกระบอกปืนหัวกว้างที่จะยิงออกมาต่อเนื่อง 3 นัด ต่อครั้ง

    Pig Volley Gun / Hail Fire

    ปืนยิงลูกระเบิด เป็นที่นิยมของทหารหุ้มเกราะฝ่าย Vox Populi เหมาะสำหรับสังหารศัตรูที่อยู่ระยะไกล และ อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม มีพลังทำลายสูงแต่ยังไม่เทียบเท่ากับ RPG แต่มันสามารถบรรจุลูกระเบิดได้ถึง 3 ลูก และ ยิงได้ต่อเนื่องซึ่งถ้าหากผู้เล่นนำอัพเกรดปืนสามารถยิงได้ต่อเนื่องมากขึ้น ทางด้านฝ่าย Vox Populi ได้นำไปพัฒนาเป็นรุ่น Hail Fire สามารถกระจายความเสียหายจากรูประเบิดเป็นวงกว้างมากขึ้น แต่ความต่อเนื่องช้ากว่ารุ่นก่อน เพียงเท่านั้น



    Peppermill Crank Gun

    เป็นปืนกลอัตโนมัติ แกตลิ่งแบบพกพา ติดอยู่บนตัว Motorized Patriot (จักรกลกู้ชาติ)ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในปืนที่มีพลังทำลาย และ อัตราความเร็วในการยิงที่สูง ด้วย***กระสุน 100 นัดต่อหนึ่งแม็กกาซีน และยังพกสำรองได้อีกหนึ่งแม็กกาซีน สามารถใช้สังการศัตรูที่อยู่กันเป็นกลุ่มได้ดี

    Barnstormer RPG

    ปืนยิงจรวด ที่มีพลังทำลายสูง เป็นวงกว้าง เหมาะสำหรับใช้กำจัดศัตรูที่จัดการยาก หรือ อยู่กันเป็นกลุ่ม แม้จะเป็นจำพวกเครื่องจักร



    Paddywhacker Hand Cannon

    ปืนลูกโม่ที่มีลักษณะคล้าย ปืน Colt ในปี ค.ศ. 1851 ของราชนาวี ถูกนำมาปรับแต่งให้ผู้ใช้บรรจุกระสุนได้รวดเร็วง่ายขึ้น โยเพียงเหวี่ยงลูกโม่ออกจากลำตัวปืนเท่านั้น อีกทั้ง สามารถบรรจุกระสุนได้ถึง 6 นัด แต่กระสุนพกพาสำรองนั้นน้อยกว่า Broadsider Pistol หรือ ปืนอื่นๆ แต่มีพลังทำลายที่สูง เกือบเทียบเท่า RPG

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    Last edited by Parnachan; 19 Apr 2013, 15:49:25.

  • #2
    Walkthrought

    (ฉบับรูปแบบของผมก็มีแต่มันละเอียดเกินไปเกรงว่าเล่นแล้วไม่สนุกเอา อันนี้ ขอนำของคนอื่นมาเผยแพร่ครับ เนื่องจากบทความ สั้น กระชับ )

    จัดทำโดย Decibel per - oxide จาก Gconsole.com

    Chapter 1: The Lighthouse

    ค.ศ 1912 ..Coast of Maine .. Booker Dewitt ในฐานะอดีตเจ้าหน้าที่ขององค์กรสายลับ พินเคอร์ตัน ที่มีหนี้สิ้นคงค้างอยู่มากมาย ทางเดียวที่จะปลดหนี้ได้คือต้องจ่ายด้วยชีวิตหรือไม่ก็รับงานที่องค์กรต้องการให้ออกตามหาหญิงสาวคนนึงที่ชื่อ Elizabeth ที่ถูกจับขับอยู่ในส่วนหนึ่งของ เมืองลอยฟ้า โคลัมเบีย ที่หายสาปสูญ เขาได้ออกเดินทางด้วยเรือเล็กท่ามกลางพายุโดยคนภายเรือและหญิงสาวคนให้ข้อมูลที่ไม่เคยสนใจอะไรในตัว Dewitt เลยยกเว้นการคุยกันตลอดทาง ก่อนที่หญิงสาวคนให้ข้อมูลจะยืนกล่องข้อมูลให้ Dewitt ที่ด้านในมีทั้ง ปืนสั้น , รหัสลับ , รูปเด็กสาวและหอคอยที่เธอถูกจับขังอยู่ซึ่งเป็นที่หมายที่ Dewitt ต้องไปพาตัวเธอออกมานั่นเอง เมื่อเรือล่องมาจนถึงประภาคารหลังจากส่ง Dewitt ลงแล้วคนเรือและผู้หญิงคนให้ข้อมูลก็หันเรือกลับทันทีโดยไม่คิดจะบอกกล่าวอะไรกับ Dewitt และ ไม่คิดที่จะหยุดคุยกันทั้ง 2 คน Dewitt หงุดหงิดบ้างแต่ก็ต้องจำต้องเดินหน้าต่อ เข้าไปในประภาคารแล้วขึ้นไปชั้นบนเขาไม่พบใครที่นี่เลยยกเว้นศพของชายคนนึงที่ถูกทรมานจนตายคาเก้าอี้ สำรวจเก็บไอเทมให้หมดแล้วขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด จะพบคันโยกที่ใช้ตีระฆัง 3 อัน ซึ่ง Dewitt ก็จะใช้รหัสลับจากในกล่องเพื่อแก้ปริศนา โดยต้องตี



    [ตีระฆังซ้าย 1 ครั้ง ? ตีระฆังกลาง 2 ครั้ง ? ตีระฆังขวา 2 ครั้ง ] ตามลำดับ หลังจากนั้นไม่นานเสียงหวูดก็เริ่มดังขึ้นจากบนท้องฟ้า พร้อมกับการเปิดใช้งานของลิฟต์ด้านใน Dewitt รีบขึ้นไปนั่งในลิฟต์ทันทีก่อนมันจะส่ง Dewitt ผ่านชั้นเมฆขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเห็นเมืองลอยฟ้า โคลัมเบีย อยู่ตรงหน้าทันที ?


    Chapter 2: Welcome Center


    ลิฟต์ลอยฟ้าส่ง Dewitt ลงมาที่ในโบสถ์แห่งนึงที่ดูเหมือนผู้คนที่นี่เคารพบูชา Zachary Hale Comstock ประดุจพระเจ้าผู้ก่อกำเนิด โดยผู้คนเรียกข่านกันว่า Father Comstock [เรียนรู้ระบบ navigator ในการนำทางไปยังจุดหมายของ Objective ด้วยการกดปุ่มทิศทาง ขึ้นบน ก็จะมีลูกศรบอกทางขึ้นให้ที่พื้น ] สำวราจเก็บไอเทมในโบสถ์ให้หมดก่อนแล้วจึงลงไปชั้นล่างจะพบหัวหน้านักบวชกำลังนำพวกนักบวชท่องคำสวดบูชา Father Comstock เมื่อ Dewitt ถามถึงทางเข้าไปยังเมือง หัวหน้านักบวชบอกตอบไปว่าลองมาถามกับพระเจ้าดูสิ ก่อนที่จะนำพา Dewitt เข้าพิธีล้างบาปโดยการกดหัวลงน้ำมนต์จนเขาแทบสำลักน้ำตาย ไม่กี่อึกใจ Dewitt ก็ตกใจตื่นขึ้นมาในสวน Garden of New Eden ภายในเมืองโคลัมเบีย หลังจากที่ฝันประหลาดถึงเรื่องราวแปลกๆก่อนหน้านี้ ถึงแม้ Dewitt จะมีอะไรมากมายที่ต้องคิดถึงการปกครองแบบแปลกประหลาดของ Father Comstock ที่นำเสนอสิ่งต่างๆในแบบบิดเบือนตามควมาเชื่อของตัวเองจนชาวเมืองเหมือนถูกมอมเมา แต่สิ่งที่เขาต้องรีบทำก่อนเป็นอันดับแรกเลยก็คือ หาทางมุ่งหน้าไปยังคอคอย Monument Island ตามเบาะแสที่เขาได้รับมา เดินทางเข้าไปในเมืองสำรวจเก็บไอเทมให้ทั่วๆ ( ซึ่งในช่วงแรกส่วนมากก็มีแค่ของกินเพิ่ม HP เท่านั้น ) เข้ามาในเมืองที่เต้นไปด้วยงานฉลองที่ชาวเมืองเรียกกันว่า Columbia Raffle fair ระหว่างทางสามารถสนุกกับการละเล่นได้บางอย่างด้วย ที่กลางเมือง Dewitt จะเห็นหอคอย Monument Island ที่เป็นรูปนางฟ้าลอยอยู่ด้านบนสุดของเมืองตามที่เขาได้เบาะแสมา จู่ๆก็มีเด็กมาส่งจดหมายให้ ใจความว่า ? ระวังอย่าให้ Father Comstock จับได้ว่าเข้าเมืองมา และรางวัลเลข 77 เอาไว้ด้วย จาก Lutece ? ซึ่ง Dewitt ไม่เข้าใจความหมายของมันแม้แต่นิดเดียวเข้าไปจนถึงทางเข้างานจับฉลากด้านในเมื่อเข้าไปซื้อตั๋วที่หุ่นขายตั๋วจะพบว่าตั๋วขายหมดเกลี้ยงแล้ว เข้าไปคุยกับผู้หญิงที่แจกน้ำยาเพิ่มพลังพิเศษ Vigors อยู่



    เมื่อ Dewitt นำมากินทำให้เขาได้พลังพิเศษแรกมาคือ Possession ซึ่งความสามารถของมันก็คือ ทำให้ศัตรูกลับกลายเป็นมิตร ทำให้ทั้งทหารศัตรูและป้อมปืนกลยิงไปหาพวกเดียวกันเองในระยะเวลาหนึ่ง โดย น้ำยาเพิ่มพลังพิเศษ Vigors นั้นจะมีให้เก็บตามที่ต่างๆทั้งการได้มาตามเนื้อเรื่องและที่ต้องไปตามหาเก็บมาตามที่ซ่อนต่างๆเอง ซึ่งจะสามารถใช้งานได้ด้วยการกด LT แต่ต้องใช้เกทพลังงานสีฟ้าที่อยู่ด้านซ้ายล่างของจอทุกครั้งที่ใช้ และสามารถเพิ่มเกทสีฟ้าได้ด้วย Salt น้ำยาขวดสีฟ้าที่มีขายตามหุ่นขายของและตามที่ต่างๆในพื้นที่ ซึ่ง Salt จะรวมถึงเครื่องดื่มต่างๆที่มีให้เก็บด้วย ซึ่ง Vigors แต่ละชนิดนั้นก็สามารถอัพเกรดให้มีความสามารถมากขึ้นเป็นระดับที่ 2 ได้จากหุ่นขายของได้ด้วย (ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมากอยู่) จากนั้นใช้ความสามารถ Possession ใส่หุ่นขายตั๋วมันจะเปิดประตูให้เข้าไปด้านในได้แล้ว



    Chapter 3: Raffle Square

    เมื่อเข้ามาส่วนในของงานได้แล้วระหว่างทาง Dewitt จะพบป้านโฆษณาชวนเชื่อถึงความชั่วร้ายของชายที่มีแผลเป็นรูปตัวอักษร A.D ซึ่งนั่นก็คือบาดแผลที่อยู่บนฝามือขวาของ Dewitt นั่นเอง (เชื่อกันว่าเป็นชื่อของ Annabel Dewitt ภรรยาของเขานั่นเอง ) เมื่อเข้าไปจนถึงเวทีการชิงรางวัลด้านใน จะมีคนล้อมเข้ามามากมายเพื่อรอการจับฉลากจน Dewitt ออกไปจากพื้นที่ไม่ได้แล้ว จน Dewitt ต้องเข้าไปเล่นจับฉลากโดยเขาดันจับได้ลูกบอลหมายเลข 77 ตามคำเตือนในจดหมายที่เพิ่งได้มา และเมื่อพิธีกรจับรางวัลขึ้นมาก็ปรากฏว่า ออกหมายเลข 77 จริงๆด้วย แต่รางวัลที่ได้กับเป็นได้สิทธในการใช้บอลปาชาวบ้านตาดำๆสองผัวเมียที่ไม่มีความผิดอะไรยกเว้นความจนของพวกเขาเอง ตรงนี้ไม่ว่าจะเลือกทางไหน หรือ ไม่เลือกเลยก็ตาม Dewitt ก็จะพยายามขว้างไปที่พิธีกรจนทำให้พวกมันเห็นรอย A.D บนมือพวกตำรวจจึงเข้ามาล้อมจับมากมาย แต่ Dewitt ก็จะจัดการพวกมันและแย่ง Sky Hook ที่อยู่ในมือของพวกตำรวจเอามาใช้ได้ด้วย



    จากนั้นก็จัดการพวกมันให้หมด (กด Y ในการโจมตีด้วยมือเปล่าหรือ Sky Hook ) จากนั้นจากนี้ตำรวจจะเข้ามาตามจับมากมายตามทาง รวมทั้งระหว่างทางก็ต้องเจอกับเรือเหาะพร้อมป้อมปืนต่างๆที่เข้ามาโจมตีด้วย โดยสามารถใช้ ความสามารถ Possession ทำให้ป้อมปืนยิงพวกเดียวกันเองได้ในระยะสั้นพอที่จะหนีเอาตัวรอดไปด้านในได้

    ระหว่างทางจะพบกับพวกนักดับเพลิงที่ตัวดันติดไฟ (Fireman) เข้ามาโจมตี จัดการมันซะแล้วเข้าไปเก็บ น้ำยาเพิ่มพลังพิเศษ Vigors Devil?s Kiss มาใช้ คือ พลังในการปล่อยลูกไฟออกจากมือได้ (สามารถกด LB ในการสลับการใช้งานกับ Vigors อื่นๆได้ ) จัดการพวกตำรวจแล้วเก็บปืนสั้น Pistol มาใช้ได้ด้วย ( กด RT ในการใช้อาวุธปืน) จากนั้นก็ใช้ความสามารถทั้งหมดในการหนีการไล่ล่าจากพวกตำรวจออกมาตามทางเดิมจนถึงทางเข้าตึก Comstock center



    Chapter 4: Comstock center Rooftop

    เมื่อหนีเข้ามาในบาร์แล้ว เก็บน้ำยาเพิ่มเกราะ Shield Upgrade จากสาวเสริ์ฟจะทำให้ Dewitt มีเกราะคุ้มกันรางกายโดยจะเป็นเกทสีเหลืองด้านบน ซึ่งจะทำให้ต้ายแรงโจมตีได้จนกว่าเกราะจะหมดถึงจะเสียพลังชีวิต ซึ่งเมื่อเการะหมดทิ้งไว้ซักพักมันก็จะคืนพร้อมใช้งานอีกครั้งเอง ออกทางหลังร้านแล้วใช้ Sky Hook กับขุดสีเขียวบนเสาแล้วกด A จะทำให้สามารถดึงตัวขึ้นไปด้านบนเสาได้ โหนไปอีกฝั่งลงไปเก็บปืนกล Machine gun มาใช้ (กดสลับอาวุธด้วยปุ่ม RB ) จัดการตำรวจที่เข้ามาให้หมดแล้วเข้าไปตามทางจนถึงตึก Comstock center เข้าไปสำรวจเก็บไอเทมด้านในให้หมดแล้วตำรวจจะพังประตูหลังเข้ามา จัดการมันให้หมดแล้วออกทางประตูหลังไป เข้าไปตามทางจนถึงตึกของลัทธิ Audemus Patria Nostra Defendere ลุยเข้าไปจนถึงห้องโถงที่พวกคลั่งลัทธิกำลังทำพิธีอยู่ จัดการพวกมันให้หมด [ ก่อนไปเก็บกุญแจที่แท่นพิธีมาด้วย ซึ่งจะเป็นการปลดล็อก Optional ซึ่งสามารถย้อนไปเปิดประตูที่ผ่านมาแล้วเพื่อเก็บไอเทมดีๆด้านในได้ด้วย ] เก็บไอเทมต่างๆมาให้หมดหนึ่งในนั้นจะมี Infusion น้ำยาที่ใช้ในการอัพเกรดเกท HP , MP และ เกราะ ให้ยาวขึ้นได้ด้วย จากนั้นเข้าไปด้านในขึ้นลิฟต์มาชั้นบน จะออกมาที่ห้องประชุมสำรวจดันตู้หนังสือทางขวาจะมีห้องลับให้เข้าไปเก็บไอเทมมากมาย



    หนึ่งในนั้นจะมี Gear ไอเทมสวมใส่ของ Dewitt เพื่อเพิ่มความสามารถตามจุดต่างๆของร่างกายทั้ง 4 จุด ประกอบด้วย ส่วนหัว , ลำตัว , ส่วนแขน และ ขา ซึ่ง URGENT CARE ที่ได้มาจะเป็นส่วนหน้าอกซึ่งจำทหใพลังของเกราะคืนสภาพเดิมได้เร็วขึ้นนั่นเอง ซึ่ง Gear ต่างๆจะมีให้เก็บตามที่ซ่อนต่างภายในเมืองที่ส่วนใหญ่จะต้องไปตามหามาใช้กันเอง จากนั้นเข้าไปตามทางจนถึงห้องด้านในที่เป็นสวนป่าจะพบกับ Crow ศัตรูที่ใช้อีกาเข้าโจมตีและกำบังร่างกาย พยายามจัดการมันด้วย Vigors Devil?s Kiss โดยยิงลูกไฟใส่มันก็จะจัดการมันได้ เข้าไปเก็บ Vigors Murder of Crows มาใช้ ซึ่งจะเป็นความสามารถในการเรียกอีกาเข้าไปโจมตีศัตรูเป็นกลุ่มได้จากระยะไกล ซึ่งถ้าเป็นศัตรูที่อ่อนแอจะทำให้มันตายได้ทันทีเลย เข้าไปด้านในเก็บ GEAR ? BURNING HALO ที่เป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่แขนจะทำให้ทุกครั้งที่ต่อยศัตรูจะมีไฟลุกขึ้นมาด้วย ออกทางประตูหลังมาในเมืองอีกด้าน ใช้ Sky Hook โหนข้ามไปอีกฝั่งแล้วเข้าไปที่สถานีกระเช้าลอยฟ้า Gondola Station



    Chapter 5: Monument Island Gateway

    เข้ามาถึงที่ สถานีกระเช้าลอยฟ้า Gondola Station ลุยเข้าไปด้านในสถานีกระเช้าลอยฟ้าจัดการศัตรูให้หมดแล้วออกทางประตูหลังมองเงยขึ้นจะเห็นราง Sky ? Line ที่เป็นเส้นทางเดินของกระเช้าลอยฟ้าแต่ก็สามารถใช้ Sky Hook เกาะเดินทางไปได้ด้วยเช่นกัน เกาะเลื่อนไปทางขวาเรื่อยๆ (การเดินทางไปตาม Sky ? Line ด้วย Sky Hook นั้นถือว่าเป็นการเดินทางหลักของ Dewitt ก็ว่าได้ ซึ่งต้องใช้ความตาไวสังเกตที่ลงที่จุดหมายให้ดีด้วย ในกรณีที่ไปผิดทางจะมีลูกศรขึ้นมาให้เลี้ยวกลับโดยการกด B ได้ ) เกาะมาจนถึงสถานีต่อไปโดดลงไปจัดการศัตรูให้หมดแล้วกดสวิตซ์เลื่อนกระเช้าให้พ้นทางก่อน แล้วโหนต่อด้วย Sky Hook จนถึงส่วนพื้นที่ที่อยู่ด้านบนของเมือง ลุยผ่านเข้าไปในอาคารทะลุออกมาด้านหลังแล้วโหน Sky Hook ไปทางขวาต่อจนถึงตึกใกล้ๆกับหอคอย Monument Island ด้านในจะพบกับเรือเหาะของ Father Comstock ที่ออกมาพูดกับ Dewitt ว่ามันรับรู้ถึงการมาของ Dewitt แล้ว เตรียมตัวตายได้เลย จากนั้นเรือเหาะของ Father Comstock ก็เริ่มยิงโจมตี Dewitt ทันที รีบใช้ Sky Hook โดดเกาะขึ้นไปบนยานบินของศัตรู จัดการศัตรูให้หมดแล้วเข้าไปในห้องควบคุม Dewitt จะรีบเข้าไปควบคุมยานเหาะ แต่ Father Comstock ก็ประกาศกับแม่ชีที่จงรักภัคดีที่อยู่ในยานให้จุดไฟเผาตัวเองไปพร้อมๆกับยานเหาะซะ ทำให้ไฟเริ่มไหม้ไปทั่วจน Dewitt ต้องรีบโดดหนีออกมา แล้วใช้ Sky Hook เกาะเลื่อนโดดมาที่หน้าหอคอย Monument Island ได้อย่างปลอดภัย



    Chapter 6: Monument Island

    Dewitt เข้ามาที่หน้าหอคอย Monument Island เป้าหมายได้สำเร็จ สิ่งที่ต้องอย่างเร่งด่วนก็คือรีบไปพาตัว Elizabeth หนีออกจากเมืองลอยฟ้าบ้าๆบอนี่ให้เร็วที่สุด เข้าไปที่ประตูทางเข้า Sky Hook โหนเข้าไปแล้วเข้าไปด้านในอาคาร จะพบว่าที่นี่เป็นเหมือนห้องทดลองบางอย่างที่เกี่ยวกับพลังในการเปลี่ยนและเคลื่อนย้ายสสารต่างๆ และเต็มไปด้วยเครื่องจักรที่ไม่เคยคุ้นตามาก่อนมากมาย ระหว่างทางเมื่อ Dewitt เปิดดูตามส่วนต่างๆของห้องขังไปเรื่อยๆก็จะพบกับ Elizabeth สาวน้อยเป้าหมายที่ผู้ว่าจ้างต้องการตัว แต่ดูเหมือน Elizabeth จะไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอถูกจับตามองทุกย่างก้าวแบบนี้มาตลอด 12 ปีที่ถูกจับมา เขาได้แอบเห็นแม้กระทั้งพลังพิเศษบางอย่างของเธอที่สามารถเคลื่อนย้ายวัตถุจากมิติอื่นหรือนำสิ่งต่างๆไปยังมิติอื่นได้ด้วย ทำให้ Dewitt รู้ได้ทันทีว่างานนี้เจองานหนักเสียแล้ว



    Dewitt พยายามหาทางเข้าไปจนถึงสามารถตกลงไปในห้องที่ Elizabeth อยู่ได้สำเร็จ แต่สาวน้อยที่ไม่เคยพบเจอใครเลยมาตลอดย่อมตกใจเป็นธรรมดา เธอพยายามทำร้าย Dewitt จนเขาต้องบอกว่าเขามาเพื่อช่วยพาเธอออกไป โดย Dewitt จะมอบกุญแจจากผู้ว่าจ้างที่ให้มาในการพา Elizabeth หนีออกจากที่นี่ ถึงแม้เธอจะยังงงๆที่จู่ๆ Dewitt ก็บุกเข้ามาช่วยและยังรู้ทุกอย่างของเธอแม้กระทั้งชื่อของเธอ แต่ Elizabeth ก็ไม่รีรอที่จะหนีออกจากที่นี่โดยเร็ว ก่อนที่บางสิ่งที่ดูแลเธอจะรู้ตัวซะก่อน แต่เมื่อเธอเริ่มย่างกรายออกจากห้องเสียงกรีดร้องที่คล้ายนกก็ดังขึ้นทันที ระหว่างทางที่ทั้งคู่พยายามหนีออกมาจากหอคอยจะถูกกรงเล็กขนาดใหญ่ของสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่บินอยู่ๆรอบๆหอคอยโจมตีตลอดทาง จนทั้งคู่หนีมาจนถึงชั้นบนสุดของหอคอย เจ้าหุ่นนกขนาดใหญ่ก็โจมตีเข้ามาทำให้ Dewitt ต้องพา Elizabeth โดดเกาะ Sky Hook เพื่อหนีออกมาตามราง Sky ? Line แต่ เจ้าหุ่นนกก็ยังตามโจมตีมาไม่เลิกจน ราง Sky ? Line พังลงไปทำให้ทั้ง Dewitt และ Elizabeth ต้องร่วงลงไปที่ทะเลสาปด้านล่าง?



    Chapter 7: Battleship Bay

    Dewitt มารู้สึกตัวอีกครั้งหลังจากฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนอีกครั้ง และโชคยังดีที่ Elizabeth ก็ยังปลอดภัยอยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อเธอเริ่มได้ยินเสียงเพลงดังแว่วมาทำให้เธอต้องขอตัวไปดูคนเล่นดนตรีโดยปล่อยให้ Dewitt ที่ยังไม่พื้นเต็มที่ต้องสลบไปอีกรอบ เมื่อรู้สึกตัวมาอีกครั้ง Dewitt จะพบว่าเขาอยู่ที่ชายหาดที่ Battleship Bay และ Elizabeth ไม่ได้อยู่ด้วยกันเสียแล้ว เดินตามหาสอบถามกับชาวบ้านตามชายหาดจนทะละมาอีกฝั่งก็จะพบ Elizabeth กำลังเต้นรำอย่างมีความสุขที่ริมชายหาด จน Dewitt ต้องรีบดึงเธอมาเพื่อให้รีบหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด



    แม้ในระหว่างหนี Elizabeth ก็ยังไม่วายสนุกกับโลกภายนอกที่เธอไม่เคยพบเจออย่างสนุกสนาน แม้กระทั้งให้ Dewitt เลือกสร้อยให้เธอ ระหว่างรูปนกและรูปกรง (คุณคิดว่าอันไหนสวยก็เลือกให้เธอไปซะ) เป้าหมายของ Dewitt ก็คือ พา Elizabeth หนีขึ้นยานเหาะขนาดใหญ่ The First Lady เพื่อออกจากเมืองนี้ เมื่อมาถึงหน้าทางเข้าอาคารจะพบว่ามีกุญแจล๊อกอยู่

    ซึ่ง Elizabeth จะใช้ความสามารถพิเศษในการไขกุญแจของเธอในการเปิดเข้าไป โดยในบางจุดที่ไม่ใช่เส้นทางของเนื้อเรื่องจะต้องใช้ Lockpick ในการเปิดประตูตามจำนวนที่ประตูต้องการด้วย Elizabeth ถึงจะเปิดให้ได้ โดย Lockpick นั้นสามารถเก็บได้ตามที่ซ่อนทั่วๆไปตามทาง เมื่อเปิดเข้าไปในอาคารจะพบ 2 ผัวเมียที่ Dewitt เคยช่วยไว้ตอนเล่นเกมปาบอล ซึ่งเขาก็จะนำเอา GEAR ? SKY LINE RELOADER มาให้ ซึ่งเมื่อติดตั้งจะทำให้สามารถรีโหลดกกระสุนอัตโนมัติเวลาอยู่บน Sky ? Line เข้าด้านในต่อจนถึงที่ขายตั๋วของยานเหาะ ในขณะที่ Dewitt กำลังรีบก็ต้องมาเจอคนขายตั๋วกวนประสาทอีกจนได้ มันยียวนจนไม่ยอมหยิบตัวให้ คุณจะใช้อาวุธขู่มันมาหรือ หยิบตั๋วมาเลยก็ได้แต่สุดท้ายมันก็จะใช้มีดเสียบมือของ Dewitt จนบาดเจ็บก่อนจะเรียกตำรวจเข้ามาจับ ในช่วยที่จัดการพวกตำรวจ Elizabeth ก็จะรีบวิ่งหนีไปทันที จัดการตำรวจแล้วจะมีปืน Shot Gun ให้เก็บมาใช้ แล้วตาม Elizabeth ออกไปด้านนอกจะพบเธอรออยู่ในลิฟต์ ระหว่างขึ้นลิฟต์ Elizabeth จะต่อว่า Dewitt ที่ฆ่าคนบ่อยเกินไปแล้ว จน Dewitt ต้องพยายามบอกกับเธอกลับไปว่า ผู้คนที่นี่ไม่มีใครหวังดีกับเธอหรอกไม่งั้นเขาจะจับเธอมาทำไมกันถึง 12 ปี อย่าลืมสิ.. ทำเอา Elizabeth ถึงกับเงียบไปและช่วยทำแผลที่มือให้ Dewitt เป็นการตอบแทน ?.



    Chapter 8: Soldier?s Field

    Dewitt และ Elizabeth ขึ้นมาถึงส่วนอณุสรณ์สถานของทหารผ่านศึก Soldier?s Field เพื่อไปที่กระเช้าที่ใช้ขึ้นไปยังเรือเหาะ The First Lady แต่ในขณะที่สับคันโยกไปพลังงานไฟฟ้าก็เกิดหมดกลางคัน ทำให้ Elizabeth มีแผนที่จะให้ Dewitt ไปหา Vigors ที่มีพลังของสายฟ้ามาให้พลังงานกับมัน จนเห็นป้ายโฆษณา Vigors Shock Jockey ที่มีขายที่ส่วน หอเกรียติยศ Hall of Heroes พอดี ทั้งคู่จึงรีบเดินทางไปที่นั่นทันที จากนั้นก็เดินทางไปที่จุดหมายคือทางเข้าส่วนของ Hall of Heroes ในช่วยที่ทั้งคู่กำลังขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน Elizabeth จะโดนผึ้งรบกวนจนเธอต้องลงทุนใช้พลัง Tear ในการเปิดประตูมิติให้ผึ้งบินออกไปที่ยอดหอคอยที่เธอเคยอยู่ ฉับพลันเจ้า Songbird ก็พุ่งเข้ามาตามช่องว่างของมิติที่เปิดออกทันที แต่ Elizabeth ก็รีบปิดเอาไว้ได้ทัน จากนั้นเธอจึงเล่าถึงพลังของที่สามารถเปิดประตูมิตินำสิ่งของต่างๆเข้ามาใช้ในการต่อสู้ได้ โดย Dewitt ก็คิดว่าเป็นการดีที่พลังของเธอจะพอแบ่งเบาภาระของเขาไปได้บ้าง เข้าไปด้านในส่วนของพิพิธภัณฑ์สงครามเข้าไปเก็บ Vigors ? Bucking Bronco มาใช้ ซึ่งความสามารถของมันคืนการทำให้ศัตรูลอยขึ้นบนอากาศเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นเป้านิ่งให้จัดการได้อย่างสบาย ( แต่การทำให้ลอยตัวนั้นไม่ได้ทำให้ศัตรูบาดเจ็บแต่อย่างใดครับ ) จัดการศัตรูให้หมดแล้วเก็บปืน Carbine มาใช้ เมื่อสำรวจพื้นที่ดูให้ทั่วๆ ในห้องน้ำจะพบศพของทหารนอนตายกับรูปภาพปืนใหญ่ เมื่อสำรวจดูแล้วจะเป็นการเปิด Optional ? Find the Cipher ทันที

    [Optional ? Find the Cipher] เมื่อสำรวจศพของทหารนอนตายกับรูปภาพปืนใหญ่แล้วก็ออกไปมองหาปืนใหญ่ในภาพ โดยออกมาด้านนอกแล้วเข้าไปที่ห้องแสดงอีกฝั่งก็จะพบปืนใหญ่ดั่งในรูป เข้าไปสำรวจเก็บเอาคำแปลรหัสมาแล้วกลับมาที่ห้องน้ำอีกครั้ง Elizabeth จะตีความหมายของตัวอักษรที่เขียนอยู่ที่พนังข้างศพได้ จากนั้นไปเข้าห้องน้ำห้องถัดไปเข้าไปสำรวจที่แขวนหมวกจะทำให้ประตูห้องลับเปิดออก ซึ่งด้านในจะมีไอเทมดีๆ ปืน RPG และ Infusion ให้เก็บด้วย

    จากนั้นเดินทางต่อไปด้านในจนถึงสถานีกระเช้าลอยฟ้า สับคันโยกให้กระเช้าเลื่อนมาทางขวาให้หมดก่อนแล้วค่อยใช้ Sky Hook โหนไปตาม Sky ? Line ทางขวาเรื่อยๆแล้วโดดต่อไปอีกรางเพื่อขึ้นไปที่พื้นที่ด้านบนแล้วโดดลงไปที่หน้าทางเข้า Hall of Heroes ได้เลย แต่จะพบกับพวกทหารสไนเปอร์ที่ยิงมาจากด้านบน Elizabeth จะขว้างปืน Rifle มาให้ ใช้มันจัดการยิงศัตรูด้านล่างให้หมด แล้วเข้าไปด้านใน Hall of Heroes ได้เลย





    Chapter 9: Hall of Heroes

    เมื่อย่างกรายเข้าไปในหอเกรียติยศ Hall of Heroes จะพบกับการทักทายของ Slate ลูกน้องเก่าแก่ของ Father Comstock ที่ผ่านสงครามมาแล้วมากมาย เขาเองก็เคยรบร่วมกับ Dewitt ในเหตุการ์ณนองเลือดสังหารหมู่อินเดียนแดงที่ วูนเดดนี ด้วย ถึงแก่จะแก่ก็ยังมีไฟอยู่ เพราะ ปู่ Slate เป็นคนครอบครองพลังของ Vigors Shock Jockey อยู่นั่นเอง มันจะส่งทหารมากมายเข้ามาทักทาย Dewitt จัดการให้หมดแล้วเข้าไปห้องแสดงนิทัศน์การต่างๆต่อ เข้าไปเก็บ Gear ? Scavenger?s vest มา เข้าไปด้านในต่อจนถึงห้องแสดงนิทัศน์การตอนเหตุการ์ณกบฎนักมวย (Boxer Rebellion) ที่ทำให้เกิดการยิงถล่มกันที่เขตแดนของจีน ปู่ Slate ก็เรียกทหารมากมายอีกชุดออกมา จัดการให้หมดแล้วเข้าด้านในต่อจนถึงห้องแสดงนิทัศน์การตอนเหตุการ์ณนองเลือดสังหารหมู่อินเดียนแดงที่ วูนเดดนี (ก่อนเข้าไปเข้าประตูทางซ้ายจะมี Gear ? Fiats a fiddle ให้เก็บ แล้วเข้าไปจัดการลูกน้อง ปู่ Slate ในห้องสงครามอินเดียนแดงให้หมด แล้วเข้าไปด้านในต่อผ่านห้องแสดงความอาลัยกับภรรยาของ Father Comstock ที่ Comstock อ้างว่าถูกพวกกลุ่มปฏิวัติ Voxpopuli ฆ่าตาย จนถึงห้อง แสดงนิทัศน์การตอนเหตุการ์ณ ที่ Comstock ทำสงครามขั้นแตกหักกับ กลุ่มปฏิวัติ Voxpopuli โดยการนำของ Daisy Fitzroy จัดการศัตรูให้หมดแล้วเข้าด้านในต่แจนถึงห้องโถงใหญ่จะพบป้องปืนและทหารมากมายอยู่ด้านล่างของห้อง ถึงตอนนี้ Elizabeth จะยอมใช้พลัง Tear ของเธอช่วย Dewitt ต่อสู้ได้แล้ว



    สรุปความสามารถของ Elizabeth

    1. ช่วยเก็บเงินและไอเทมเติมพลังต่างๆที่มีในห้องโยนให้ Dewitt และเตือนให้เก็บไอเทมต่างๆที่ Dewitt ลืมเก็บ

    2. ช่วยไขประตูที่ล็อกอยู่ได้ ซึ่งต้องใช้ Lockpick ที่เก็บมาได้ในการเปิดตามจำนวนที่ประตูนั้นๆต้องการ

    3. Tear ความสามารถเปิดประตูมิติดึงไอเทมที่ต้องการจากที่อื่นมา แปลง่ายๆว่า เมื่อเห็นในฉากมีภาพรางๆอยู่ นั่นเป็นของที่อยู่อีกมิติซึ่ง Dewitt สามารถสั่งให้ Elizabeth เอาของนั้นๆมาช่วยเหลือการต่อสู้ได้ด้วย โดยการกด X ที่ภาพรางๆนั้น แต่สามารถสร้างได้ที่ละจุดเท่านั้น



    จากนั้นเข้าด้านในต่อจนถึงห้องแสดงของที่ระลึกซึ่งจะพบกับ The Motorized Patriots หุ่นที่สร้างเลียนแบบหน้าตา จอร์จ วอชิงตัน ที่ทำหน้าที่เป็นไกด์นำเที่ยวของเมืองโคลัมเบีย แต่เมื่อเข้ายุคแห่งความแตกแยกและสงครามกลางเมือง มันก็ถูกตั้งโปรแกรมใหม่ให้ออกรบในฐานะทหารของ Founders มันจะมาพร้อมปืนกลและเดินเข้ามากราดยิงแบบไม่มีหลบ

    พยายามกำจัดมันให้ได้ แล้วเก็บปืน CRANK ของมันมาใช้ จากนั้นก็ย้อนกลับไปตามทางเดิมจนถึงห้องโถงใหญ่จะพบ Slate ที่ใช้พลังสายฟ้าของมันยิงโจมตีมาพร้อมลูกน้องของมันที่บุกมาทั่วห้อง จัดการพวกมันให้หมดแล้ว Slate จะหนีเข้าไปด้านใน ตามเข้าไปด้านในต่อจะพบ Slate นอนหมดแรงอยู่ เขาจะยื่นปืนให้ Dewitt เพื่อให้เขาตายอย่างชายชาติทหาร [ ซึ่งตรงนี้สามารถเลือกได้ว่าจะ ฆ่า หรือ ไม่ฆ่า Slate ก็ได้ โดย Dewitt จะเก็บเอา Vigors Shock Jockey มาจากมัน ซึ่งเป็นพลังพิเศษที่ทำให้ใช้พลังสายฟ้าโจมตีศัตรูได้ จากนั้นย้อนกลับมาตามทางเดิมจนถึงประตูทางออก ใช้ Shock Jockey ยิงพลังสายฟ้าชาร์ทพลังให้ประตูจนเปิดออกมาด้านนอกได้



    Return to Hall of Heroes Plaza

    เมื่อออกมาจาก Hall of Heroes แล้วก็ใช้ Sky Hook ไปตามราง Sky ? Line กลับไปยังส่วน Soldier?s Field จัดการศัตรูให้หมดแล้วขึ้นลิฟต์ไปต่อ ระหว่างทาง Elizabeth มีเวลาพอที่จะถาม Dewitt ถึงเรื่องผู้ว่าจ้างให้มาช่วยเธอเป็นใคร และเธอถูกจับมาเพราะอะไร และทำไม Dewitt ยอมรับงานเสี่ยงๆแบบนี้ ซึ่ง Dewitt ตอบได้เพียงคำตอบเดียวคือ เขาต้องทำเพราะมีหนี้สินจำนวนมากที่ไม่มีวันชดใช้ได้หมดกับองค์กรของเขา จึงต้องยอมรับทำงานนี้เพื่อเคลียหนี้สิ้นทั้งหมด เมื่อขึ้นมาชั้นบนแล้ว ใช้ SkyHook ไปตามราง Sky ? Line กลับไปยังสถานี Gondola to First Lady Aerodrome แล้วใช้พลัง Vigors Shock Jockey ยิงพลังไฟฟ้าเติมพลังให้คันโยก ก็จะสามารถสับคันโยกให้กระเช้ามารับขึ้นไปยังจุดจอดยานได้แล้ว

    แต่ Father Comstock จะนำกองยานเหาะมาล้อม Dewitt และ Elizabeth และส่งทหารมากมายพร้อมกองเรือเหาะเข้ามาโจมตี ศัตรูจะยิงมาอย่างหนักจากทั้งด้านบนยานเหาะและด้านล่างโดยต้องใช้ Sky Hook โหนขึ้นไปบนยานเหาะจัดการศัตรูให้หมด แล้วกระเช้าจะลงมาพร้อม The Motorized Patriots จัดการมันแล้วขึ้นกระเช้าไปด้านบนจนถึงที่จอดยานเหาะ First Lady Aerodrome ทั้งคู่จะเข้าไปด้านใน Dewitt ตั้งเข็มเดินทางกลับไปยัง New York ทันที Elizabeth ที่ถึงแม้จะถูกขังอยู่ในห้องมาตลอด 12 ปี แต่ เธอก็หาความรู้ใส่ตัวจากการอ่านหนังสือมากมายทำให้เธอพอรู้ว่าพิกัดการเดินทางนั้นไม่ใช่ไปที่ New York แต่เป็นที่ Paris ขณะที่ Dewitt กำลังพยายามอธิบาย แต่ Elizabeth ก็ฟาด Dewitt จนสลบไป เพราะเธอกลัวว่า Dewitt จะเอาเธอไปขายให้กับกลุ่มอื่นเพื่อต้องการเงิน เธอจึงรีบหนีลงยานไป ขณะที่สติสุดท้ายที่ Dewitt ได้เห็นคือคนมากมายขึ้นมาบนยานทั้ง Slate ที่เขาไม่ได้ฆ่า และหนึ่งในนั้นก็คือ Daisy Fitzroy ผู้นำกลุ่มปฏิวัติ Voxpopuli


    Chapter 10: Finkton Docks

    Dewitt รู้สึกตัวอีกครั้งบนยานเหาะ First Lady พร้อมกับพวกของ Daisy Fitzroy ผู้นำกลุ่มปฏิวัติ Voxpopuli สิงแรกที่ Dewitt ถามหาคือ Elizabeth ซึ่ง Daisy จะบอกเบาะแสของเธอให้กับ Dewitt ด้วยโดยมีข้อแม้ว่าทั้งคู่ต้องไปขโมยเอาอาวุธของพวก Founders มาให้พวกเธอ โดยใช้ความสามารถที่ Elizabeth มีนั้นเอง ก่อนที่ Daisy จะโยน Dewitt ลงจากยานเหาะอย่างไม่ใยดี Dewitt จะลงมาอยู่ที่ Finkton Docks ที่เป็นเขตปกครองของ Jeremiah fink พ่อค้าอาวุธที่สร้างอาวุธทุกอย่างเพื่อกองกำลังของ ฟาเธอร์ คอมสต็อก


    แต่ก่อนอื่น Dewitt ต้องออกตามหา Elizabeth เพื่อปรับความเข้าใจกับเธอก่อน ที่นี่จะมีสถานีตำรวจอยู่ทางฝั่งขวาของท่าเรือ จัดการใช้ Possession กับตำรวจให้มันเป็นมิตรก่อนแล้วจึงหยิบ gear ? Executioner และไอเทมอื่นในห้องได้ ไม่งั้นก็ต้องยิงกันเพื่อปล้นเอามา จากนั้นเข้าไปในอาคารด้านในจะพบ Elizabeth ซึ่งเมื่อเธอเห็น Dewitt ก็วิ่งหนีทันทีพร้อมด่าทอต่างๆนานา ระหว่างทางพยายามใช้พลัง Tear ของเธอขัดขวางและหนีไปตามที่ต่างๆจนสุดท้ายก็ไปโดนพวกตำรวจที่เข้ามาจับไปจนได้ ทำให้ Dewitt ต้องรีบไปช่วยเธอ ตามเข้าไปด้านในเรื่อยๆจนพบพวกตำรวจที่กำลังจับตัว Elizabeth ไป จัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปช่วยเธอแต่ Elizabeth ก็ยังจะหนีไปอีก แต่ขณะนั้น Handyman ออกมาตบจนร่วงตกลงไปจากเมือง

    Handyman มนุษย์จักรกลที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะเทียมด้วยระบบ Bettermen?s Autobodies ที่ตอนแรกถูกผลิตมาเพื่อใช้กับผูพิการแต่ต่อมาก็ถูกนำมาหาผลกำไรจากผู้ที่ต้องการชีวิตอมตะและทหารมหาโหดของกองกำลังของ Father Comstock มันมักจะเข้าโจมตีด้วยกำลังแขนแบบระยะประชิดและติดตามไปได้ทุกทีแม้แต่ตามเส้นทาง Sky line ซึ่งการปรากฎตัวของมันก็หมายถึงต่อจากนี้ต้องเจอมันตลอดเส้นทางการต่อสู้ด้วยนั่นเอง

    Elizabeth ต้องจำใจใช้พลัง Tear ช่วย Dewitt เอาไว้ Dewitt เองก็พยายามอธิบายว่าที่เขาตั้งเข็มการเดินทางใหม่ไปที่ปารีสเพราะเขารู้สึกบางอย่างจนทำให้เขาต้องการพาตัว Elizabeth ไปซ่อนให้ปลอดภัย ไม่ได้คิดเอาไปขายต่ออย่างที่ Elizabeth คิด แต่ก่อนที่ Elizabeth เธอจะยืนมือไปช่วย เธอจะขอคำมั่นจาก Dewitt ก่อนว่า นับแต่นี้ต้องทำงานร่วมกันอย่างเพื่อนคู่หูที่เชื่อใจกันได้และห้ามโกหกเธออีก ซึ่ง Dewitt ต้องรีบตกลงก่อนที่จะตกลงไปข้างล่างจริงๆ จากนั้น Elizabeth จะกลับมาร่วมทางกันอีกครั้ง



    Finkton Proper

    ทั้งคู่เดินทางเข้ามายังตึก Finkton Proper โดย Dewitt จะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับทาง Daisy คือการไปเอาอาวุธทำลายล้างมากจากช่างทำอาวุธตามที่ Daisy ให้เบาะแสมา เข้าไปในตึกจัดการศัตรูด้านในให้หมดแล้วลงลิฟตืไปห้องทำงานด้านล่างต่อ ที่นี่ Elizabeth จะพบไดอารี่ของแม่ของเธอที่ถูกซ่อนเอาไว้ ซึ่งเมื่ออ่านจบเธอเองก็ต้องเสียใจเมื่อข้อความในหนังสือของ Lady Comstork แม่ของเธอนั้นเขียนไว้ว่าแม่เธอมีส่วนรู้เห็นในการขังเธอเอาไว้ตั้งแต่เด็กด้วย จากนั้นลงลิฟต์ด้านในมายังโรงงานทำอาวุธของ fink ที่สร้างอาวุธทุกอย่างเพื่อคอยสนับสนุนการต่อสู้ให้ Comstork แถวๆนี้จะมีปืน Hand Cannon ให้เก็บด้วย เข้ามาด้านในต่อ ทางฝั่งซ้ายลุยเข้าไปแล้วปีนขึ้นหลังคาเก็บ Gear ? Tunnel มาก่อน เก็บไอเทมให้หมดแล้วค่อยเข้าไปในร้านขายอาวุธเป้าหมายต่อ





    Chapter 11: The Gun Smith

    Dewitt และ Elizabeth เข้ามาในร้านขายอาวุธของ Chen Lin ช่างทำอาวุธที่ทำอาวุธร้ายแรงให้กับ Comstork เมื่อขึ้นมาชั้นบนจะไม่พบใครอยู่เลย แต่พอกลับมาชั้นล่างจะพบเมียของ Chen Lin กำลังไหว้เจ้าเพื่อขอให้ช่วยสามีของเธอ เมื่อ Dewitt เข้าไปสอบถามหา Chen Lin เธอจะบอกอย่างเป็นห่วงว่าสามีของเธอไปที่ Good Time Club แล้วไม่กลับมาอีกเลย Dewitt จึงเดินทางไปหาเบาะแสต่อที่ Club นั้นต่อทันที เมื่อกลับออกมาที่เขต The Plaza of Zeal จะพบกับการโจมตีของ Handyman ทันที จัดการมันแล้วเก็บ Gear ? Ghost Posse มาจากมัน ก่อนจะไปตามทางขวา ให้ไปที่ทางฝั่งซ้ายอยู่มุมสุดให้ Elizabeth สะเดาะกุญแจเข้าไปในร้านนาฬิกา สำรวจเก็บไอเทมให้หมด Elizabeth ก็จะเห็นตัวอักษรปริศนาบนพนัง ซึ่งจะเป็นการปลดล็อก Mission Optional ทันที โดยต้องไปหาสมุดแปลรหัสมาอ่านก่อน จากนั้นค่อยเข้าไปด้านในทางขวาต่อจนถึง Good Time Club ที่อยู่ด้านหลังรูปปั้นของ Fink



    Good Time Club

    เข้ามาด้านใน Good Time Club เมื่อเข้ามาจนถึงห้องโถงเจ้า Fink จะรู้ตัวจึงส่งลูกน้องมากมายออกมาขัดขวาง จัดการให้หมดแล้วเข้าไปด้านในลงชั้นล่างไปยังคุกใต้ดิน สำรวจที่ป้ายจะพบชื่อ Lin ถูกขังไว้ในห้อง 9 เข้าไปด้านในสำรวจเก็บไอเทมตามห้องขังต่างๆให้หมด (ในห้อง 6 จะพบ Slate ที่ถูกจับมาได้ด้วย แต่ที่เขานั่งนิ่งไม่ตอบโต้นั้นไม่รู้แน่ชัดว่าตายหรือหลับกันแน่) เข้าไปห้อง 9 หลังจากที่เปิดไปแล้วทั้งคู่ต้องตกใจเมื่อช่าง Chen Lin โดนฆ่าตายไปเสียแล้ว แต่ยังโชคดีที่ Elizabeth มีพลังในการเปิดประตูมิติของเวลา เธอจึงใช้พลัง Tear เปิดประตูมิติเวลาออกทำให้มาอยู่ที่คุกในช่วงเวลาก่อนที่ Chen Lin จะถูกจับมาฆ่า จากนั้นก็กลับออกมาจากตึกนี้ ( ระหว่างทางอย่าลืมเก็บ Code Book ในกองใบปลิวมาใช้กับ Mission Optional ในร้านนาฬิกาด้วย ) ย้อนกลับมาในเขต Plaza of Zeal แวะเข้าไปที่ร้านนาฬิกาตรงหัวมุมของแล้ว Elizabeth จะสามารถแปลรหัสอักษรบนพลังจะรู้ใจความได้ เธอจะให้ไปปรับนาฬิกาทางขวาเป็น 24.00 (เที่ยงคืน) แล้วช่องไอเทมจะเปิดออกให้เก็บไอเทมดีๆมาให้หมดแล้ว กลับเข้าไปที่ร้านขายอาวุธของ Chen Lin เข้ามาจะพบว่าในอดีต 2 ผัวเมียนี้ยังนับถือ Father Comstock กันอยู่เลย ขึ้นไปชั้นบนจะเห็นแต่เงาในอดีตของ Chen Lin ที่กำลังง่วนอยู่กับการสร้างอาวุธมหาประลัยของเขา แต่ยังไม่สามารถทำได้เพราะอะไหล่เครื่องมือต่างหายไปหมด กลับลงมาคุยกับเมียของ Chen Lin เธอจะบอกว่าคับแค้นว่า เครื่องมือทุกอย่างของ Chen Lin นั้นถูกพวกทหารของ Father Comstock ยึดเอาไปจนหมด จากนั้นออกจากร้านอาวธแล้วเข้าไปที่ประตูตรงกันข้ามเพื่อเดินทางไปหาเบาะแสที่สถานีตำรวจที่เมือง Shanty Town ต่อ



    Chapter 12: ShantyTown

    ประตูทางเข้าเมือง Shanty Town นั้นในปัจจุบันจะถูกระเบิดจนมีกระเช้าขวางทางเข้าอยู่เต็มไปหมด แต่ในอดีตจะสามารถเข้าไปได้แล้ว เข้าไปสับคันโยกให้กระเช้าลอยฟ้าขยับให้พ้นทางแล้วเข้าไปด้านในลงลิฟท์ต่อ จะเข้ามาถึงเมือง ShantyTown เมื่อของชนชั้นล่างที่ถูกแบ่งแยกตามกฎของ Father Comstock ซึ่ง Daisy Fitzroy ผู้นำกลุ่มปฏิวัติ Voxpopuli จึงออกมาต่อต้านเพื่อการปฏิวัติทุกอย่าง เนื่องจาก Father Comstock เกรงว่าที่นี่จะเป็นแหล่งซ่อมสุมของพวกกลุ่มปฏิวัติ Voxpopuli จึงไม่ใยดีต่อเมืองอีกต่อไปทำให้ชาวบ้านหลายๆคนไม่มีเงินกินข้าวดันเลย จากนั้นเก็บไอเทมในพื้นที่ให้หมดแล้วไปทางขวาต่อจนถึง ตึกส่วนหน้าสถานีตำรวจที่มีพวกตำรวจค้มกันอย่างแน่นหนา ลุยเข้าไปจัดการพวกตำรวจให้หมดโดยใช้ Sky ? Line ในการเดินทางให้เป็นประโยชน์ จัดการศัตรูให้หมดแล้วให้ Elizabeth ไขกุญแจที่ประตูสุดทางเข้าไปด้านในต่อ เข้าไปสำรวจหา Gear ? Hill Runner?s Hat ในกองขยะมาด้วย ด้านหน้าสถานีตำรวจแน่นอนว่าต้องมีตำรวจมากมายที่ออกมาอารักขา เข้าไปจัดการพวกมันให้หมด แล้วให้ Elizabeth ไขกุญแจที่ประตูสุดทางเข้าไปด้านในตึกต่อ



    The Bull Yard

    เข้ามาถึงเขต The Bull Yard แล้วลุยเข้าไปในสถานีตำรวจ จัดการพวกตำรวจให้หมดแล้วไขกุยแจห้องซ้ายบนเข้าไปเก็บ Gear ? Lastman Standing แล้วลุยลงไปในห้องเก็บหลักฐานชั้นล่างสุด สำรวจเก็บข้อมูลที่เครื่องจักร์แล้ว Elizabeth จะเปิดประตูมิติเวลากลับมาในช่วงเวลาเดิม (ปี ค.ศ1912 ) เก็บปืน Burst gun แล้วลุยออกมาจากสถานีตำรวจ ด้านนอกจะพบว่าเป็นช่วงเวลาที่กลุ่มต่อต้าน Voxpopuli ที่ Daisy เคยยึดหลังว่า Voice of the People เสียงของประชาชนเป็นใหญ่และไม่เคยใช้ความรุนแรงมาก่อน แต่เมื่อมีผู้สนับสนุนจำนวนมากขึ้น Voxpopuli จึงเปลี่ยนแนวทางเป็นการปฏิวัติโดยใช้ความรุนแรงแทน จากนั้นก็ลุยกลับออกจาก Shanty Town ขึ้นลิฟต์กลับไปจนถึงเขต Finkton Proper พวกกลุ่มต่อต้าน Voxpopuli ก็เข้ามายึดอำนาจจนเกิดการต่อสู้ไปทั่ว แต่ก็ทำให้ร้านที่มีไอเทมดีๆเปิดออกให้เข้าไปเก็บ Vigors ? CHARGE แล้วรีบกลับไปที่ร้านขายอาวุธจะพบ Chen Lin และเมียโดนฆ่าตายไปแล้ว ทำให้ Elizabeth เสียใจอย่างมาก เมื่อออกมาด้านนอกจะพบพวกกลุ่มต่อต้าน กำลังพังประตูเข้าไปยังเขตโรงงาน ตามพวกมันลุยเข้าไปด้านในจนพบกับยานเหาะขนาดใหญ่ที่เข้ามาระดมยิงโจมตี ใช้ Sky Hook โหนขึ้นไปตามราง Sky ? Line ยิงจัดการศัตรูนอกยานไปก่อนแล้วโดดขึ้นไปบนยานเหาะ ลุยเข้าไปด้านในห้องควบคุมจัดการ Motorized Patriots และศัตรูอื่นๆให้หมด แล้วเข้าไปทำลายระบบควบคุมของมันแล้วรีบโดดตาม Elizabeth หนีออกจากยานเหาะได้เลย



    Chapter 13: The Factory

    เมื่อทั้งคู่โดดหนีออกจากยานเหาะได้แล้วจะมาอยู่ที่หน้าเขตโรงงานทำอาวุธขนาดใหญ่ ขึ้นลิฟต์ไปด้านบนต่อระหว่างทาง Daisy จะติดต่อมาชื่นชมการทำงานของ Dewitt ว่าเป็นเสมือนฮีโรสำหรับกลุ่ม Voxpopuli ไปแล้ว แต่ดูเหมือน Dewitt ไม่ค่อยจะเข้าใจสิ่งที่ Daisy พูดมากนัก ลิฟต์จะขึ้นมาถึงห้องออฟฟิศของ Jeremiah fink เข้าไปจัดการศัตรูให้หมด แล้วเข้าห้องทางซ้ายเก็บ Gear ? Spare the Rod มาก่อนแล้วไปเก็บ Vigors ? Undertow จากศัตรูตรงทางเข้าแล้วลุยเข้าไปด้านในตึกของโรงงานต่อ ด้านในจะพบศัตรูมากมายทั้ง Handyman และ Motorized Patriots ใช้ Sky ? Line โหนไปมาจัดการพวกมันให้หมดแล้วเข้าไปที่ทางเข้าด้านในจะพบ Daisy นั้นกำลังบ้าคลั่งกำชัยชนะของกลุ่ม Voxpopuli ที่กำลังจะล้มการปกครองของ Father Comstock ได้สำเร็จ ด้วยความที่เลือดหน้าเธอจึงฆ่า Fink ตายไปแล้วกำลังจะลูกๆของเขาด้วย ทำให้ Elizabeth ต้องรีบปีนเข้าไปด้านในแล้วให้ Dewitt ล่อ Daisy เอาไว้ ในขณะที่เธอกำลังจะลงมือฆ่าเด็ก Elizabeth ก็เข้ามาแทง Daisy ข้างหลังจนตายคามือ แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีนักสำหรับสาวน้อยที่อ่อนโลกอย่าง Elizabeth เธอตกใจในสิ่งที่เธอทำลงไปเลยวิ่งหนีไปขึ้นยานเหาะ First Lady แล้วขังตัวเองอยู่ในห้องด้วยความตกใจและเสียใจ เมื่อ Dewitt กลับมาเขาไม่มีคำพูดอะไรจะปลอบใจ Elizabeth ก่อนที่ Dewitt จะบังคับเรือเหาะ First Lady ออกเดินทางทันที ไม่นาน Elizabeth ก็ออกมาจากห้องพร้อมชุดใหม่ของเธอ ก่อนทีจะถามกับ Dewitt คิดยังไงเวลาฆ่าคนไปแล้ว ซึ่ง Dewitt จะบอกว่า ไม่เคยเก็บเอามาคิด และพยายามให้กำลังใจ Elizabeth ว่าสิ่งที่เธอทำนั้นเหมาะสมแล้ว ในขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกัน เสียงหวีดร้องที่เล็กแหลมก็ดังขึ้นเรื่อยๆ Song Bird ตามมาจนพบ Elizabeth จนได้ มันพยายามพุ่งขนยานเหาะจนพังเสียหายจนตกลงไปที่เขต Emporia ทันที



    Chapter 14: The Emporia

    ยานเหาะของทั้งคู่ตกลงมาที่ Emporia เขตปกครองสูงสุดของเมือง Columbia ซึ่งนอกจากจะเป็นจุดศูนย์รวมการควบคุมทุกอย่างของเมืองแล้วยังเป็นที่อยู่ของ Comstock อีกด้วย หลังจากทั้งคู่ปลอดภัยออกจากซากยานแล้ว จะพบกับท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีผู้ลึกลับอีกแล้ว ทั้ง 2 คนจะนำการ์ดรูปภาพบางอย่างมาให้กับ Dewitt ก่อนทั้ง 2 จะหายไปในพริบตาเช่นเดิม ดันเปียโนออกไปด้านนอกจะเห็นตึกขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้านั่นแหละคือ ปราสาทของ Comstock ทื่ทั้ง 2 คนต้องเดินทางไปที่หน้าทางเข้าจะเต็มไปด้วยศัตรูมากมาย จัดการมันให้หมดแล้วให้ Elizabeth ไขประตูเข้าไปด้านในตึกเก็บไอเทมทุกห้องมาให้หมดแล้วทะลุออกมาทางด้านหลัง ผ่านเข้าไปจนถึงส่วนกระเช้าลอยฟ้า จัดการศัตรูที่เฝ้าอยู่ให้หมดแล้วเข้าไปสับคันโยกข้ามไปอีกฝั่ง เข้าไปในตึกเก็บของที่ชั้นล่างให้หมด โดยเฉพาะ Gear ? Sky ? Line Accuracy แล้วเข้าไปด้านในต่อเก็บไอเทมระหว่างทางให้ทั่วๆ โดยเฉพาะ Gear ? Winter Shield ในร้านหนังสือ แล้วลุยเข้าไปในตัวตึกจนถึงลิฟต์ด้านใน Elizabeth จะบอกว่าลิฟต์ต้องใช้รหัสในการเปิด เดินย้อนกลับมาที่เค๊าท์เตอร์สำรวจกองหนังสือจะเห็นเลขรหัส 0415 แต่ขณะนั้นรูปปั้นที่อยู่ในห้องจะส่งเสียงไปยัง Song Bird มันจะบินเข้ามาโฉบดู ซึ่งโชคดีที่ทั้ง 2 คนหลบมันได้ทัน Elizabeth จะรีบเข้าไปที่ลิฟต์อย่างกระวนกระวาย ก่อนจะบอกกับ Dewitt ว่าจะเป็นจะตายยังไงก็อย่าให้มันจับตัวฉันไปขังอีกน๊ะ ก่อนที่ทั้งคู่จะลงลิฟต์ด้านในไปต่อ



    Downtown Emporia

    เข้ามาในเขตเมืองชั้นในจะพบพวกผู้ต่อต้าน Voxpopuli กำลังเข้าโจมตีอยู่ จนลิฟต์ถูกยิงจนพัง รีบโดดไปตาม Sky ? Line เข้าไปกลางพื้นที่ตรงนี้จะมีกลยุทธในการต่อสู้ยังไงก้แล้วแต่ผู้เล่นได้เลยเพราะฉากค่อนข้างกว้าง เป้าหมายคือกำจัด Handyman และทหารศัตรูมากมายที่ออกมาให้หมด จากนั้นก็เก็บไอเทมในพื้นนี้ให้ทั่วๆ เก็บ Gear ? Pyro Maniac จากศพของ Handyman มาด้วย (อาจจะมีการแรนด้อมไม่ตกก็ได้) จากนั้นจากตรงนี้จะเดินทางไปทางฝั่งซ้ายหรือขวาของเมืองก็ได้ โดยศัตรูที่ออกมาและไอเทมต่างๆที่มีก็จะแตกต่างกัน โดยเฉพาะฝั่งทางขวาของตลาดจะมี Vigors ? SENDER ตกอยู่ตรงศพที่นอนกลางถนนให้เก็บด้วย ซึ่งจะเป็นพลังพิเศษอันสุดท้ายของเกมแล้ว จะเดินทางไปทางฝั่งไหนก็ได้เพราะทั้ง 2 ฝั่งจะบรรจบกันด้านใน ซึ่งถ้าต้องการจะหาไอเทมหรือ Gear ที่ซ่อนอยู่ก็สามารถวนหาเอาได้เลยก่อนเข้าด้านใน เป้าหมายคือ Victory Square ด้านในจะพบทางเข้าไปปราสาทของ Comstock ที่ประตูทางขวาแต่มันจะต้องใช้มือของ Lady Comstock แม่ของ Elizabeth ในการเปิดเท่านั้น แม้แต่มือของ Elizabeth ก็ไม่สามารถเปิดได้ แต่ Elizabeth ก็คิดขึ้นได้ว่าจะไปเอามือของ Lady Comstock ที่สุสานใกล้ๆนี้ก็ได้ จากนั้นเดินย้อนกลับไปที่ Memorial Garden เข้าไปด้านในจะเป็นสุสาน Lady Comstock ในขณะที่ทั้งคู่กำลังพยายามเปิดมันออกจู่เสียงของ Comstock ก็ดังขึ้น เขาพยายามเตือน Elizabeth ก่อนที่จะใช้พลังเสียงทำให้เธอเจ็บปวดและปลุกให้ร่างของ Lady Comstock ฟื้นคืนชีพอีกครั้งในรูปแบบพลังงานที่เรียกว่า Siren มันจะปลุกชีพศพของพวกทหารมากมายเข้ามาโจมตี เน้นยิงไปที่ตัว Siren ให้มากที่สุดเพราะพวกลูกน้องมันจะมีออกมาตลอด เมื่อจัดการได้แล้วมันก็จะหนีไป



    จากนี้ Elizabeth จะคิดว่าต้องตามหาจุด Tear เรื่องราวที่คงค้างคาใจของ Lady Comstock ให้เจอให้หมดเผื่อจะกล่อมให้เธอยอมช่วยเปิดประตูทางเข้าบ้าน Comstock ให้ จากนั้นก็ตามรอยเท้าของ Lady Comstock ไปซึ่งก็จะไปที่สถานที่ที่ถูกปิดเอาไว้เข้าไม่ได้นั่นเอง ที่แลกที่รอยเท้านำทางไปคือ ห้องสมุดของ Lutece ไขกุญแจเข้าไปแล้วด้านในจะพบรอยแยกของเวลาที่สามารถใช้พลัง Tear ในการเปิดมันออก ฟัง Lady Comstock พูดจบแล้ว เดินตามรอยเท้าไปยังสถานที่ที่ 2 คือส่วนหน้าของทางเข้านั่นเอง เมื่อมาถึงแล้วตั้งป้อมปืนเอาไว้ก่อนเลย แล้วเดินเข้าไปที่ตึกใหญ่ตรงด้านหน้าแล้วพวก Crows มากมายจะบุกเข้ามา จัดการพวกมันให้หมดแล้วไขกุญแจเข้าด้านในธนาคารไป

    Bank of Prophet

    เข้ามาด้านในธนาคารใหญ่แล้วจะพบพวกศัตรูมากมาย จัดการพวกมันให้หมดแล้วเก็บไอเทมตามที่ต่างๆให้เกลี้ยงโดยเฉพาะ Gear ? Spectral Sidekick ที่อยู่ทางมุมห้องด้านขวา แล้วเข้าไปที่ รอยแยกของเวลาที่สามารถใช้พลัง Tear ในการเปิดมันออก ฟัง Comstock พูดจบแล้ว จัดการศัตรูที่ออกมาให้หมด แล้วเซฟขนาดใหญ่ก็จะเปิดออก เข้าไปด้านในจะพบ Lady Comstock ที่ออกมาพร้อมทหารซอมบี้มากมาย เน้นโจมตีไปที่ Lady Comstock อย่างเดียว เมื่อมันหนีไปได้แล้วจากนั้นออกจากธนาคารแล้วย้อนกลับไปที่เขต Harmony Lane แล้วเข้าไปที่ร้านถ่ายรูป Columbia?s Finest Photography ด้านในจะพบรอยแยกของเวลาจุดสุดท้าย ใช้ Tear เปิดเข้าไปเพื่อฟัง Lady Comstock จนจบ จากนั้นกลับไปที่ประตูทางเข้าทางไปปราสาทของ Comstock สำรวจที่รูปปั้น Lady Comstock ขนาดใหญ่ แล้ว Lady Comstock ก็จะปรากฎตัวออกมากับทหารซอมบี้อีกครั้ง

    พยายามเน้นไปที่ตัว Lady Comstock อย่างเดียวก็พอ เมื่อจัดการเธอได้แล้ว Elizabeth จะเข้าไปพูดกับเธอ แล้วเธอก็จะบอกว่าอิจฉาที่ Father Comstock ดูแลเอาใจใส่ Elizabeth ในฐานะผู้นำคนใหม่ที่จะมาแทนที่เขา พยายามดูแลสร้างความแข็งแกร่งเพื่อให้ขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ Elizabeth จะพยายามพูดโน้นน้าวใจ Lady Comstock ว่าเธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ แต่เธอก็รักแม่มาก สุดท้ายวิญญาณของ Lady Comstock ก็ใจอ่อนและบอกให้รีบไปจัดการ Father Comstock ให้ได้ พร้อมทั้งใช้พลังทำลายประตูทางเข้าด้านในให้ด้วย

    Comstock House

    Dewitt และ Elizabeth เดินทางเข้ามาจนถึงด้านหน้าของปราสาท Comstock แต่ในขณะที่กำลังสับคันโยกเพื่อเปิดสะพานให้ทอดไปอีกฝั่งจู่ๆ Song Bird ก็ออกมาแล้วเข้ามาโฉบ Dewitt ขึ้นไปบนตึกก่อนที่จะเข้าทำร้าย Dewitt จน Elizabeth ไม่มีทางเลือก เธอจึงยอมให้ Song Bird จับเธอกลับไปอีกครั้ง เพื่อให้ Dewitt ปลอดภัยDewitt ทำได้แค่ตะโกนเรียก Elizabeth หลังจากที่เจ้า Song Bird พาตัวเธอไป จากนั้นเดินข้ามสะพานไปจนถึงฝั่งตรงข้ามเข้าไปในตึกจะพบว่าเป็นโรงพยาบาลบ้าที่ Comstock ใช้ในการบิดเบือนความทรงจำของพวกเขา ที่นี่จะมีคนบ้ามากมายเดินไปมาและที่สำคัญยังจะมี Boy of Silence ที่คอยดูแลอยู่ที่นี่ด้วย

    Boy of Silence เด็กหัวโตที่มีลำโพงอยู่ 2 ด้านของหัวตัวมันไม่ได้มีอันตรายใดๆแต่ถ้ามันตรวจพบเจอผู้บุกรุกมันจะส่งเสียงดังออกมาทำให้ผู้ป่วยที่อยู่รอบๆตัวมันบ้าคลั่งแล้วรุมเข้าโจมตีมากมาย ซึ่งจะเลือกได้ระหว่างหลบการตรวจหาของมันได้กับโดนมันพบเจอและต้องสู้กับพวกคนบ้ามากมายที่เข้ามา แต่ครั้งแรกที่พบกับมันนี้ยังไงก็ต้องสู้เพื่อให้รู้ถึงพลังอำนาจของมันนั่นเอง หลังจากกำจัดมันหมดแล้วเข้าไปสำรวจที่ประตูด้านในจะพบข้อความว่า ห้ามเข้าก่อนที่ Warden จะอณุญาติ จากนั้นก็ออกไปตามหา Warden กันเลย ขึ้นลิฟต์กลางห้องขึ้นไปชั้นบนต่อ จากนี้ Dewitt จะต้องเดินทางคนเดียวโดยไม่มี Elizabeth คอยช่วยแล้ว จึงจำเป็นต้องใช้กระสุนและพลังพิเศษอย่างจำเป็นที่สุดเพราะมันจะหามาทดแทนได้ยากมากประกอบกับเจ้า Boy of Silence ที่ออกตรวจตราจนทั่ว หลบได้ก็หลบไปก่อนเพราะสู้ไปจะเปลืองกระสุนมาก ลุยเข้าไปตามทางจนถึงห้องทำงานของ Warden เข้าไปสับคันโยกประของชั้นล่างจะเปิดออก จากนั้นลุยกลับลงไปชั้นล่างแล้วเข้าประตูที่เปิดออกไป ด้านในที่รอยแยกของเวลา Dewitt จะได้พบกับ Elizabeth ..แต่เป็น Elizabeth ในอนาคตข้างหน้า เธอพยายามให้ Dewitt เห็นภาพโลกที่ลุกเป็นไฟด้วยไฟสงครามที่ เธอ เองเป็นผู้ก่อขึ้นในฐานะศาสดาคนใหม่ที่มาแทน Comstock เพราะถูกปรับแต่งความทรงจำใหม่ เธอจึงต้องการให้นำข้อความนี้กลับไปบากตัวเธอในปัจจุบันและพยายามหยุดยั้ง Comstock ให้ได้ คุยจบ Dewitt จะกลับมายังปี 1912 อีกครั้ง จากนั้นรีบลุยเข้าไปช่วย Elizabeth ที่อยู่ในห้องทดลองด้านในก่อนที่เธอจะถูกปรับแต่งความทรงจำใหม่ ขึ้นไปที่ห้องควบคุมทั้ง 2 ด้านของห้องทดลองเข้าไปทำลายแท่นควบคุมพลังงานทั้ง 2 ด้านแล้วกลับมาช่วย Elizabeth ในห้องทดลอง จากนั้น Dewitt จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ Elizabeth ถึงการได้เจอตัวเธอในอนาคต ทำให้ Dewitt พยายามจะพาเธอหนีไปที่ฝรั่งเศสเพื่อความปลอดภัย แต่ Elizabeth ต้องการที่จะเผชิญความจริง เพราะถึงแม้หนีไปก็ไม่มีทางพ้นอนาคตไปได้ มีทางเดียวที่ทำได้คือ เมื่อรู้แล้วต้องพยายามเปลี่ยนแปลงมันให้ได้ เมื่อได้ Elizabeth มาร่วมทีมแล้ว พาเธอไปไขกุยแจเก็บไอเทมต่างๆในนี้ให้หมดก่อนแล้วค่อยออกไปที่ลิฟต์กลับขึ้นไปชั้นบนต่อ.

    .ตอนนี้ทั้งคู่รู้ถึงแผนการ์ณของ Comstock แล้วซึ่งมันจะใช้ Siphon หรือหอคอยที่ขัง Elizabeth เพื่อเป็นตัวกระจายพลัง Tear ของเธอให้กระจายสร้างความวุ่นวายไปทั่วโลก แถมยังมีเรือธงขนาดใหญ่ที่ Comstock จะใช้บัญาชาการ์ณและนำการรบของมันอีกด้วย เป้าหมายที่ทั้งคู่จะต้องทำก็คือ จัดการ Comstock เสียก่อนแล้วจึงหาทางทำลาย Siphon..

    The Hand of the Prophet

    ลิฟต์พาทั้ง 2 คนขึ้นมายังห้องสมุดของตึก ลุยขึ้นไปชั้นบนต่อจนถึงท่าเทียบยานเหาะ จัดการศัตรูให้หมดแล้วบังคับยานเหาะบินออกไป ท่ามกลางยานเหาะของศัตรูที่บินมาโจมตีพร้อมส่งทหารเข้ามามากมาย ลุยเข้าไปในยานเหาะของสัตรูจนถึงด้านบนแล้วกดสวิตซ์เปิดการทำงานของราง Sky ? Line แล้วโหนมันขึ้นไปที่ยานเหาะอีกลำลุยขึ้นไปเรื่อยๆเป้าหมายคือเปิดการเชื่อมต่อราง Sky ? Line ให้ขึ้นไปจนถึงเรือรบของ Comstock ที่บินอยู่ด้านบนสุด เมื่อลุยข้าม Sky ? Line ขึ้นมาจนถึงเรือรบของ Comstock ได้แล้ว ทั้งคู่ขึ้นมาจนถึง Deck 3 Engineering Zone จากนั้นที่ส่วนเทียบยานศัตรูมากมายจะนำยานเหาะมาเทียบแล้วส่งทหารเข้ามาอีกมากมาย พยายามต้านพวกมันที่โดดขึ้นมาจากทั้ง 2 ด้านเอาไว้ จัดการมันให้หมด ลุยขึ้นไปจนถึงชั้นบนจนถึงราง Sky ? Line โหนมันขึ้นไปชั้นบนต่อที่ Deck 4 ? Prophet Cable จัดการศัตรูให้หมดแล้วเข้าไปด้านในห้องของ Comstock ที่หน้าทางเข้าทั้งคู่จะเห็นโครงสร้างจำลองของ หอคอย Siphon โดยละเอียดมันบงบอกถึงความเป็นเสากระจายพลังงานชั้นดีโดนมี Elizabeth เป็นแกนของพลังงาน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ Comstock จับ Elizabeth มาขังเอาไว้ ด้านในทั้งคู่จะเข้าไปเผชิญความจริงกับ Comstock ซึ่ง Elizabeth เป็นคนแรกที่เดินเข้ามาหามันเพราะอยากรู้ทุกเหตุผลที่มันต้องทำกับเธอ Comstock ไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่าบอกว่า

    Elizabeth - ฉันอยากรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับฉัน ..

    Comstock - ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นลูกจะปลอดภัยในฐานะศาสดาองค์ใหม่ผู้นำแห่งโลกใหม่แทนพ่อ ?
    พร้อมทั้งลูบหัว Elizabeth อย่างทะนุถนอม จน Dewitt ต้องเข้าไปผลักมันให้ออกไปจากเธอ

    Comstock - นายมันก็ดีแต่ปาก แล้วจะอธิบายกำเธอยังไงเรื่อง ?นิ้วก้อยของเธอที่ขาดหายไป? ซึ่งสาเหตุนั่นมันเป็นเพราะแก !

    Dewitt - ?นิ้วก้อยของเธอที่ขาดหายไป? นี่แกพูดเรื่องอะไรกันว่ะ

    Comstock - ไม่ๆๆนายนั้นแหละรู้ดีที่สุด ฮ่าๆๆๆ

    Dewitt ที่เต็มไปด้วยความกังวัลและตรึงเครียดในเรื่องความทรงจำที่ไม่เคยปะติดปะต่อของเขาก็เกิดบรรดาลโทสะเข้าไปจับ Comstock บีบคอกดน้ำจนจมน้ำตายคามือของเขา ท่ามกลางความตกใจของ Elizabeth ที่กำลังจะคิดต่อว่าแล้วใครจะเป็นคนหยุดยั้ง Siphon เพราะเธอยังไม่รู้ความหมายจากแผ่นกระดาษที่ได้มาเลยซักนิด จากนั้นทั้งคู่จะหนีขึ้นมาห้องบังคับเรือเพื่อจะขับเรือเหาะหนี แต่ช้าเกินไปเมื่อยานรบของศัตรูเข้ามาล้อมโจมตีจากทุกทิศทางอย่างรุนแรง จนถึงวินาทีสุดท้าย Elizabeth เห็นรูปปั้นที่เป็นเครื่องส่งสัญญาณเสียงที่อยู่ในห้องทำให้เธอนึกถึงสิ่งที่เป็นอาวุธเด็ด และ ปกป้องเธอมาตลอด ? Song Bird ? นั่นเอง จากนั้นเธอจะมอบ Whistler ที่เธอได้มาโดยไม่รู้ตัวหลังจากได้แผ่นกระดาษจาก 2 ชายหญิงปริศนาก่อนหน้านี้ Whistler จะทำให้สามารถบังคับ Song Bird ได้ นั้นเอง

    Command Deck

    ที่ดาดฟ้าของเรือสถานะการณ์กำลังคับขันเมื่อฝูงยานเหาะมากมายรวมทั้งเรือเหาะขนาดใหญ่ที่ดาหน้าเข้ามายิงถล่มพร้อมทั้งยังส่งศัตรูเข้ามาอีกมากมายบนเรือเป้าหมายของมันคือทำลายเรือเหาะลำนี้ไปพร้อมกับ Dewitt และ Elizabeth สิ่งที่ต้องทำก็คือปกป้องแกนพลังงานของเรือที่อยู่ด้านในจากการโจมตีของศัตรูที่บุกเข้ามามากมายโดยส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วย Motorized Patriots ที่ทั้งแข็งแกร่งและยิงแบบไม่มียั้ง แต่ Dewitt ก็ยังมี Song Bird ที่สามารถสั่งการมันให้โจมตีเรือเหาะและจุดต่างๆบนเรือได้ด้วยการกด X ค้างที่จุดสีแดงที่ขึ้นมา พยายามต้านพวกศัตรูบนเรือเอาไว้ แล้วเน้นให้ Song Bird ไปทำลายเรือเหาะจนกว่ามันจะพังให้ได้ เพราะเมื่อแกนพลังของเรือเหาะโดนทำลายจะ เกมโอเวอร์ ทันที

    หลังจากรอดจากการบุกของศัตรูแล้วไปที่หัวเรือ Elizabeth จะชี้ให้ Dewitt ทำลายหอคอย Siphon ที่ยังหลงเหลืออยู่ให้หมดสิ้นแล้วทุกอย่างก็จะจบลง Dewitt ลงมือบังคับให้ Song Bird บินเข้าไปทำลาย หอคอย Siphon จนหมดสิ้น ทำให้ Elizabeth และความทรงจำของเธอเป็นอิสระ ในขณะที่ Dewitt ก็ไม่สามารถควบคุม Song Bird ได้อีก มันจึงพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็วแต่ Elizabeth ก็เปิดประตูเวลาหนีออกมาได้อย่างฉิวเฉียดเช่นกัน

    Elizabeth พา Dewitt เดินทางข้ามเวลามายังสถานที่แห่งหนึงและพานั่งลิฟต์ลงไปใต้น้ำผ่านเมืองบาดาล Rapture Songbird ที่ตามลงทะเลมาด้วยก็เสียหายอย่างหนักเพราะมันแพ้น้ำ จนสุดท้ายมันก็หทดพลังจมลงสู่ก้นทะเล จนมาโผล่ยังสถานที่แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยประภาคารที่เธอเรียกมันว่า Sea of Doors Elizabeth พยายามบอกความจริงให้ Dewitt รับรู้ไปทีละอย่างไปพร้อมกับข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามาในสมองของเธอโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ที่มาของมันเหมือนกัน (ผู้เล่นก็งงเช่นกัน) ทุกครั้งที่ Elizabeth พา Dewitt ผ่านเข้าไปตามประตูของประภาคารที่เป็นเสมือนประตูเชื่อมกาลเวลา Dewitt ก็จะเห็นการเกิดใหม่ของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า สิ่งที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อน

    Elizabeth พาข้ามเวลามาที่บ้านของเขาก่อนที่เขาจะรับงาน



    เขาเจอกับชายคนนึงที่หน้าประตู ชายคนเดียวกับที่เจอที่เมืองโคลัมเบียจากทุกช่วงแปลกๆของเวลา Robert Lutece เขามาเพื่อรับของสิ่งหนึ่งตามสัญญาที่ตกลงกันเอาไว้

    Elizabeth บอกให้ Dewitt เข้าไปเอามาให้เขาสิ

    เมื่อเข้าไปในห้องพบเด็กทารกผู้หญิงคนนึง Dewitt ถึงกับตกใจเพราะเขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยมีลูกสาว มาก่อน

    Elizabeth ย้ำเตือนให้ Dewitt ให้เอาไปให้เขาสิ

    Dewitt ค่อยอุ้มทารกน้อยไปให้ Lutece ด้วยความลังเลแต่สุดท้ายเขายื่นทารกให้เขาไป

    สัญญาอะไรไว้ก็ต้องทำให้ได้ตามสัญญา Robert Lutece บอกกับ Dewitt ก่อนที่เขาจะหายไปพร้อมทารก

    Elizabeth พาข้ามเวลาประตูเชื่อมกาลเวลาผ่านประตูของประภาคารอีกครั้ง มาที่ซอยๆนึงในตอนกลางคืน

    Dewitt ที่วิ่งตามมาเห็น Robert Lutece กำลังยื่นเด็กทารกน้อยข้ามประตูเวลาไปให้ Comstock และ Rosalind Lutece ที่อยู่อักฝากของเวลา

    Dewitt ตะโกนลั่นเพื่อขอยกเลิกสัญญา ก่อนจะเกิดการยื้อแย่งกันอย่างรุนแรงก่อนที่ Comstock จะบอก Rosalind ให้ปิดการทำงานของเครื่อง จังหวะที่ดึงทารกเข้าไปในอีกด้านของเวลา มือน้อยๆของเทารกที่ยื่นมือออกมาหมายจะให้ Dewitt ช่วยดึงเธอกลับไป ก็ถูกประตูเวลาที่ปิดลงตัดส่วนนึงปลายนิ้วก้อยให้หลุดออก ทำกลางเสียงตะโกนของ Booker Dewitt ด้วยความเสียใจในสิ่งที่เขาทำลงไป และทั้งหมดนั้นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ Anna Dewitt ภรรยาของเขาที่รู้ความจริงฆ่าตัวตายไปในที่สุด ..

    พระเจ้าช่วย! ? ฉันขายเธอให้กับพวกเขา ? เพื่อปลอดหนี้สินตัวเอง Dewitt บอกกับ Elizabeth ในขณะที่เรือกำลังมุ่งสู่ประภาคารอีกครั้ง

    Comstock ไอ้ลูกหมา! ทั้งหมดก็เพราะแก มันต้องแก้ไขได้สิ ฉันจะกลับไป จะย้อนเวลากลับไปอีกเพื่อไปฆ่ามันตั้งแต่ก่อนที่มันจะเกิดเลยมันจะได้ไม่มีโอกาศทำเรื่องชั่วๆอีก Dewitt บอกกับ Elizabeth

    ก่อนที่ Dewitt จะเข้าไปยังประตูเวลาของประภาคาร Elizabeth ย้ำเตือนในสิ่งที่ Dewitt จะทำเป็นครั้งสุดท้าย

    Dewitt เข้ามายังจุดเกิดใหม่อีกครั้ง Elizabeth ก็เข้ามาถามว่า อยากจบเรื่องทั้งหมดใช่มั๊ย ก่อนที่ Elizabeth อีกมากมายหลายคนจะเข้ามารุมล้อมรอบตัว Dewitt ซึ่งเขาเองไม่เข้าใจในสิ่งที่เกดขึ้น

    ทุกครั้งที่คุณย้อยเวลาไปเกิดใหม่หลังจากที่รู้ความจริงจากความสิ่งที่ตัวเองทำ ทุกครั้งคุณก็ไม่เคยจดจำตัวเองได้เลยซักครั้ง จนเกิดเป็นเรา 2 คนมากมายที่ค้างอยู่ในทุกช่วงเวลา และสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นมันก็มาจากตัวคุณเอง Elizabeth บอกกับ Dewitt

    Comstock... หรือว่า Comstock ก็คือฉันเองที่หลงลืมตัวตนในอีกช่วงเวลานึง
    ถ้าอยากจะจบเรื่องทั้งหมด ก็ต้องทำลายต้นกำเนิดของมัน ก็ต้องจบที่ตัวคุณเอง Dewitt
    ก่อนที่ Elizabeth จากทุกช่วงเวลาจะช่วยกันจับ Dewitt กดน้ำจนขาดใจตาย เพื่อหยุดยั้งก่อนที่ทุกเรื่อราวจะเกิดขึ้น วิญญาณ Dewitt ล่องลอยไปบนท้องฟ้าพร้อมกับร่างของ Elizabeth ที่ค่อยๆหายไปทีละร่างพร้อมกับความเงียบงัน

    ******************* THE END *********************************
    Last edited by Parnachan; 16 Apr 2013, 00:24:13.

    Comment


    • #3
      มุมไขข้องใจปริศนาของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเกมตั้งแต่ก่อนเริ่ม - ตอนจบเกม

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      Timeline Bioshock Infinite

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ. 1874

      วันที่ 19 เมษายน Booker DeWitt ได้ถือกำเนิด

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ.1890

      วันที่ 29 ธันวาคม Booker DeWitt ได้ร่วมรบในสงคราม ในสถานที่ชื่อ Wounded Knee โดยมีอายุเพียง 16 ปี กลับต้องพบกับเหตุการณ์สังหารหมู่ กับ ถูกชาวพื้นเมืองประนามในชื่อ " White Injun " พร้อมกับทหารสหรัฐคนอื่น ๆ จากการกระทำที่รุนแรงที่ไร้ยางอาย ต่อพวกอินเดียนแดง หรือ ชาวพื้นเมืองอเมริกัน

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ.1891-1892

      Booker DeWitt เกิดรู้สึกสำนึกผิดในการกระทำของตนที่ Wounded Knee จากการที่มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก เขาจึงตัดสินใจลาออกจากการเป็นทหาร
      (เป็นช่วงที่เกิดการแยกตัวของจักรวาล หรือ มิติ จากความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนแปลงโลก , หากเรียกสั้นๆคือ เกิดโลกคู่ขนาน ในทฤษฎี Multiverse)

      - Booker DeWitt ได้เข้าร่วมพิธีชำระล้างบาป ที่แม่น้ำ Wounded Knee เพื่อหาเส้นทางสว่างไปสู่ชีวิตใหม่ ซึ่งเขาได้ยอมตกลงรับการชำระบาป และถือกำเนิดเป็นคนใหม่ แล้วได้เปลี่ยนชื่อตนเองเป็น Zachary Hale Comstock และกลายเป็นบาทหลวง ผู้เคร่งศาสนาอย่างเคร่งครัด แล้วเขาใช้ความศรัทธาเขาเผยแพร่หลักคำสอน สร้างความศรัทธาให้แก่ผู้คน จนในไม่ช้าเขาก็กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ความแข็งแกร่งมากที่สุดคนหนึ่งในรัฐบาลสหรัฐอเมริกา

      - Booker DeWitt ได้เข้าร่วมพิธีชำระล้างบาป แต่เขาไม่เชื่อในเรื่องปาฏิหาริย์ จึงได้ปฏิเสธที่จะชำระล้างบาปเพื่อกำเนิดเป็นคนใหม่ แล้วกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ

      ในเวลาต่อมา Booker DeWitt ก็ได้ใช้ชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่นจนกระทั้งได้พบกับคนรักและได้แต่งงาน กับผู้หญิงคนนั้นได้ในที่สุด


      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ.1892

      - ในมิติ Zachary Hale Comstock เขาได้พบ Rosalind Lutece นักฟิสิกส์สาวอัจฉริยะคนหนึ่ง ที่กำลังศึกษาและค้นคว้า ทฤษฎีลอยตัวของควอนตัม เชิงกลศาสตร์ ในช่วงระหว่างปลายปี 1892-1893 Rosalind Lutece ได้ทดลอง ขยายควอนตัมที่อยู่ในอะตอม จนเกิดช่องว่างในอากาศขึ้น ซึ่งผลที่ออกมาคือ เธอได้ยินเสียงชายคนหนึ่งจากข้างในช่องอากาศเล็กๆ ในระยะเวลาต่อมาเมื่อพวกเขาได้พูดคุยกันจึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์และนักฟิสิกส์ ชื่อ Robert Lutece ที่ได้ทดลองแบบเดียวกันกับ Rosalind ซึ่งสิ่งที่น่าแปลกใจคือ เขาและเธอคือคนเดียวกัน ซึ่งสถานที่ Robert อยู่นั้นคือโลกคู่ขนาน เป็นอีกห้วงเวลาของจักรวาลหนึ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันแต่มีความแตกต่างจากจักรวาลของ Rosalind (เสมือนเป็นจักรวาลที่ Rosalind เป็นผู้ชายเป็นต้น) แต่ทว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองยังคงใช้การทดลองนี้ ทำได้แต่เพียงใช้ในการสื่อสารพูดคุยกันเท่านั้น ยังไม่สามารถที่จะเห็นรูปร่างหน้าตาอีกฝ่ายหนึ่งได้

      ระยะเวลาผ่านไป Lutece ทั้งสองก็ได้สนิทสนมกันอย่างรวดเร็วจนพวกเขาได้ตั้งความสัมพันธ์เป็นเสมือนพี่น้องฝาแฝด เพราะมีนิสัย วิสัยทัศน์ เหมือนกัน และพวกเขาก็ตั้งใจที่จะพัฒนาการทดลองนี้ไปเลื่อยเพื่อเปิดช่องเพื่อเห็นหน้าอีกฝ่ายหนึ่งกันให้ได้ Lutece
      ต่อมาเมื่อ Rosalind ได้รายงานผลการทดลองของเธอให้กับ Comstock เธอก็ได้เงินทุนเพิ่มที่มากจนเพียงพอต่อการวิจัย ซึ่งผลลัพธ์ที่ปรากฏออกมาในครั้งนี้ ช่องว่างของมิตินั้นได้ขยายกว้างขึ้นเท่าหน้าต่าง เธอสามารถมองเห็นทุกๆสิ่งผ่านหน้าต่างมิติบานนี้ แต่ทว่ามันแตกต่างจากคราวก่อน ซึ่งมันก็คืออนาคต

      - ในมิติ Booker DeWitt ภรรยาของเขาขาดใจตายหลังคลอดบุตรสาว ซึ่งต่อมาเขาได้ตั้งชื่อให้กับเด็กผู้หญิงคนนี้ว่า Anna DeWitt และตั้งแต่บัดนั้นเขาก็ได้เลี้ยงดูเธออย่างทนุถนอมแทนในฐานะพ่อของเด็กคนนี้

      แต่หลังเหตุการณ์เสียชีวิตของภรรยา Booker ได้ผ่านพ้นไปไม่นาน Booker Dewitt ได้กลายเป็นผู้ติดพิษสุราและการพนัน มาจากความเครียดที่เพิ่มพูนมากขึ้นเลื่อยๆ โดยมีสาเหตุที่เขาไม่สามารถลืมอดีตที่แสนเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตนได้


      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ.1893

      ------ ในจักรวาล(มิติ)ของ Comstock ในช่วงต้นปี เขาได้ประสบความสำเร็จ ในการขอเงินทุนในโครงการก่อสร้างนครลอย ฟ้าโคลัมเบีย ที่ล็อบบี้ในสภาคองเกรสของสหรัฐฯที่จะให้การสนับสนุน การก่อสร้างเมืองสำหรับการท่องเที่ยวที่ทันสมัยที่สุดใน โลก
      Rosalind และ Robert พวกเขาสามารถประดิษฐ์เครื่องยนต์ที่สามารถสร้าง Tear (คืออีกชื่อหนึ่งที่ถูกเรียกแทนคำว่า หน้าต่างมิติ ) ที่สามารถใช้เดินทางข้ามระหว่างโลกคู่ขนาน และ ทุกห้วงเวลาของจักรวาลได้สำเร็จ

      เมื่อ Robert ทันทีที่เขาใช้งานเครื่องยนต์นี้ เดินทางข้ามไปยังจักรวาลของ Rosalind เขาได้รู้สึกเกิดมีสิ่งผิดปกติบางอย่างกับร่างกายของเขา เกิดทรุดโทรมลงอย่างฉับพลันทัน แล้วในทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้ามาอีกโลกหนึ่ง เกิดอาการมึนหัวและความทรงจำของในอดีตบางส่วนสูญหายจนทำให้เขาสับสน แต่ทว่าจากความช่วยเหลือของ Rosalind ก็สามารถทำให้ความทรงจำที่ผ่านมา รวมถึงสุขภาพและร่างกายของเขากลับฟื้นฟูเป็นปกติได้ในที่สุดก็มา เวลาต่อมาพวกเขาก็สามารถคุ้นเคยกับการใช้เครื่องยนต์ รวมถึง วิธีใช้งานที่ป้องกันการเกิดผลข้างเคียง

      เวลาต่อมาทันทีที่ Rosalind กับ Robert ได้รายงานความสำเร็จของการทดลองนี้ให้กับ Comstock ทราบ เขาก็ได้ใช้เครื่องยนต์ที่พี่น้อง Lutece ประดิษฐ์ มองไปดูอนาคตของตนในวันข้างหน้า โดยมีจุดประสงค์เพื่อรับรู้สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อนำไปใช้เป็นคำพยากรณ์ ในการสร้างความเลื่อมใส ความศรัทธาของตน ให้กับ พลเมืองอเมริกาเกิดหลงเชื่อแล้วบูชา Comstock เปรียบดั่งศาสดาของพวกเขา

      ซึ่งนับตั้งแต่บัดนั้นมา Comstock ก็เริ่มมีพฤติกรรมการใช้ เครื่องยนต์สร้าง Tear เพื่อดูอนาคตที่จะเหตุการณ์เกิดขึ้นกับนครโคลัมเบียนี้ และ ใช้ทำนายคำพยากรณ์บ่อยครั้งมากขึ้น แม้เขาจะได้รับคำเตือนจาก Rosalind กับ Robert พูดถึงผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้มัน Comstock ก็ยังตัดสินใจที่จะใช้มันต่อไปโดยไม่สนคำเตือนใดๆจากสองพี่น้อง Lutece ด้วยเหตุผลส่วนตัวของเขานั้น เพื่อแสดงถึงการเป็นผู้รับผิดชอบในการก่อสร้างนครโคลัมเบียนี้ แล้วเนื่องด้วยการที่เขาไม่ยอมสนใจคำเตือนผลเสียที่ว่านี้ จนในที่สุดร่างกายของ Comstock เขาก็ทรุดโทรมจนกลายเป็นหมัน ไม่สามารถมีสืบทายาทได้ (ยกตัวอย่าง เช่นเดียวกับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ถ้าหากใช้ยาฆ่าเชื้อบ่อยมากจะมีโอกาสสูงที่ทำให้แท้ง และ เป็นหมันได้) แล้วเมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไป Comstock เกิดฉุดคิดถึงตนเองในตอนนี้ที่มี อายุมาก อีกทั้ง สุขภาพ และ ร่างกายได้ทรุดโทรมลงทุกวัน จึงตระหนักว่าตนเองคงมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่นาน เขาจึงต้องการมีทายาทในการรับช่วงต่อบัลลังก์ของเขา ได้โดยการมีบุตรบุญธรรมแต่ต้องเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกับเขา จึงหนีไม่พ้นที่เขาต้องใช้ พวก Lutece ในการค้นหาลูกของเขาในจักรวาลอื่น

      วิสัยทัศน์ของ Comstock ณ.ตอนนี้ เริ่มมองว่าที่นครโคลัมเบียนี้เสมือน เป็น ประเทศอเมริกาเสมือน "ดินแดนสรวงสวรรค์ แห่งใหม่" และ เห็นเชื้อชาติ Caucasians (คนผิวขาว) ทุกคนเป็นผู้ที่สูงส่งมีอิสรภาพ อย่างแท้จริง มากกว่าพวกชนกลุ่มน้อยอย่างคนผิวดำ หรือ ชนชาติอื่น อีกทั้ง Comstock ได้ วิพากษ์วิจารณ์ Abraham Lincoln เป็น"ผู้นำที่นอกคอก" พวกวิปริตที่คิดจะรวมคนหลายเชื่อชาติหลายผิวพันธุ์เป็นหนึ่ง นำสงครามและความตายเข้าสู่ประเทศ สักวันหนึ่ง นครโคลัมเบียแห่งนี้ จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำโลกไปสู่ความชอบธรรมอย่างที่มันควรจะเป็น

      หลังจากนั้นไม่นาน Comstock ได้แต่งงานกับคนที่เขาหลงรัก Lady Comstock

      ในช่วงเวลา 1 พฤษภาคม - 30 ตุลาคม ปี ค.ศ. 1893 ในรัฐชิคาโก เป็นที่แรกที่ได้จัดงานเทศกาล World's Fair ที่สามารถตราตรึงใจทุกคนที่เข้าร่วมงาน ด้วยโครงการก่อสร้าง นครลอยฟ้าโคลัมเบีย สรวงสวรรค์บนฟ้า ที่สะท้อนถึงแนวคิดของชาวอเมริกันดั้งเดิม ที่มากด้วยอุดมคติ และ จินตนาการของ Zachary Hale Comstock ที่ได้รับจากการออกแบบโดย Robert Lutece & Rosalind Lutece จากการได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ
      ในค.ศ. 1895 Robert Lutece สามารถค้นหาวิธีกลับสู่ จักรวาลเดิม ของเขาเองได้ และ ได้พบ Booker DeWitt (เป็นจักรวาลที่ได้ปฏิเสธการชำระล้างบาป) ซึ่งเขาได้สืบประวัติที่มาของ Booker ในมิติของเขานั้น ได้ทราบมาว่า คนนี้ยังคงเสียใจกับการตายของภรรยา อีกทั้งยังมีหนี้การพนันท่วมหัว แต่ที่สำคัญคือ Booker ในโลกนี้มีบุตรสาวที่ชื่อ Anna Dewitt

      เมื่อ Comstock ทราบข่าวเรื่องการที่ตนเองอีกจักรวาลหนึ่งมีบุตรสาว เขาจึงไม่รีรอช้า ได้ให้ Robert ย้อนเวลากลับไปแล้วนำข้อเสนอการแลกเปลี่ยนของเขาให้กับ Booker ทราบว่า "Comstock เขาจะชดใช้หนี้ทั้งหมดให้และมีเงินให้เหลือใช้อีกจำนวนหนึ่ง โดยแลกกับตัวเด็กทารกหญิง" ซึ่งทางด้าน Booker Dewitt เขาก็ยอมรับคำข้อเสนอโดยไม่ลังเล และได้ทำการนัดวันรับตัวเด็กทารกกับ Robert ในวันที่ 8 ตุลาคม 1893

      ------ ในจักรวาล(มิติ)ของ Booker DeWitt ในช่วงวันที่ 8 ตุลาคม เขาได้ถึงกำหนดวันสุดท้ายของการชำระหนี้พนัน แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะหาเงินมาชดใช้จึงตัดสินใจนำ Anna ลูกสาวตนเองขายเพื่อชดใช้หนี้ของเขาที่มีอยู่ทั้งหมดตามคำข้อเสนอของ Zachary Comstock โดยมีนายหน้า Robert Lutece เป็นผู้มารับตัวเด็กสาวไป

      ต่อมา Booker ได้เกิดเสียใจกับการกระทำของตนเอง เขาจึงเปลี่ยนใจเดินทางออกไปตามหานายหน้า Robert Lutece เพื่อขอยกเลิกข้อตกลง แต่ทว่ากลับสายเกินไป เมื่อได้เห็นพวกนายหน้ากำลังพยายามนำตัวลูกสาวของเขาข้ามผ่านไปยังอีกสถาน ที่หนึ่ง Booker จึงรีบวิ่งเข้าไปรั้งแขนชาย (Comstock )ที่กำลังอุ้มลูกสาวเพื่อขอตัวเธอคืน อย่างสุดกำลังแต่เขาก็กลับพลาดถูกสลัดแขนออกมา จนสุดท้ายพวกนายหน้าก็ได้ตัวลูกสาวของ Booker ไปแล้วได้ปิดประตูมิติ(Tear)ลง ซึ่งในช่วงเวลานั้นเอง นิ้วก้อยของAnna ได้ถูกตัดขาดออกจากการที่เธอพยายามที่จะเอื้อมมือไปหาพ่อของเธอ ในช่วงระหว่างที่ประตูมิติกำลังปิดตัวลง


      ------ ในจักรวาล(มิติ)ของ Comstock ในเวลาต่อมา Anna Dewitt ได้ถูกนำตัวไปรักษาในห้องฉุกเฉินที่บ้าน Comstock จากอาการการบาดเจ็บสาหัสที่นิ้วก้อยเธอฉีก ขาด ซึ่งในช่วงระหว่างการรักษาตัว ทารกหญิงที่กำลังเจ็บปวดและตื่นตกใจ เธอได้สะบัดนิ้วไปมาจน ทำให้ในห้องฉุกเฉินเกิดสิ่งผิดปกติ มีช่องมิติเล็กๆ (Tear) เกิดขึ้นมากมาย จนทุกคนพิสูจน์ได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาจากพลังลึกลับบางอย่างที่อยู่ในตัว เด็กผู้หญิง

      ซึ่งทั้งสองพี่น้อง Luteces ได้สันนิษฐานตรงกันว่า ที่มาของพลังลึกลับที่สามารถสร้าง Tear (หน้าต่างมิติ)นี้ มีสาเหตุมาจากการมีตัวตนของเธออยู่ในสองห้วงเวลาของโลกทั้งสองไปพร้อมกัน ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์สูญเสียนิ้วก้อยของทารกหญิงคนนี้ ไปพร้อมกับ การเกิดทฤษฎี Multiverse ที่ห้วงเวลาของโลกทั้ง2ใบบังเอิญได้เคลื่อนตัวเข้ามาอยู่คู่ขนานกันพอดี จนทำให้เกิดปรากฏการ ความไม่เสถียรของห้วงเวลาที่ควรจะเป็น เช่นกัน (ความหมายที่เข้าใจง่าย คือเนื่องจากนิ้วก้อยของเธอยังอยู่ในห้วงเวลามิติของ Booker Dewitt ทำให้การมีตัวตนของ Anna Dewitt ยังคงอยู่ในโลกเดิมด้วย ถึงแม้ในตอนนี้ตัวตนเธอนั้นอยู่ในมิติของ Comstock ซึ่งกลายเป็นว่าทำให้ห้วงเวลาทั้งสองโลกคู่ขนานนี้เกิดความไม่เสถียร ) ทำให้ Anna มีพลังที่สามารถเปิดประตูห้วงเวลาที่เชื่อมกันระหว่างของทั้งสองมิติหรือ จะเป็นอดีตหรืออนาคตก็ย่อมได้ (ภายหลังหลังนี้ ได้ถูกเรียกว่า Tear)

      หลังจากที่ Anna ได้รักษาตัวจนพ้นขีดอันตราย Comstock ได้ตั้งชื่อให้กับเธอใหม่จาก Anna DeWitt เปลี่ยนเป็น Elizabeth และตั้งฉายา "Lamb of Columbia" (โดยที่มาของชื่อมีสาเหตุมาจากการที่เธอมีพลังประหลาดในตัว) แล้วเขาก็รับเลี้ยงเธอเปรียบเหมือนดั่งลูกของตนเองนับตั้งแต่บัดนั้น เพราะ เห็นเธอเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ความฝันของเขาเป็นความเป็นจริงเมื่อกลับมาถึงที่บ้าน จึงได้ขอร้อง Lady Comstock ให้ Elizabeth ไปอยู่ที่ Monument Island อนุสาวรีย์บนฟ้า ที่เขาสร้างเพื่อให้ สองพี่น้อง Luteces วิจัยและศึกษาเก็บข้อมูลพลังลึกลับของ Elizabeth ทุกวันทุกเวลาทุกช่วงวัยการเจริญเติบโตไปด้วย ซึ่งพวกเขาทั้งสองพบว่าทุกๆวันที่ Elizabeth เติบโตพลังของเธอก็ยิ่งเพิ่มพูน และ รุนแรงมากขึ้นในทุกวินาทีที่เธอยังมีชีวิตอยู่ พี่น้อง Luteces จึงตัดสินใจสร้างเครื่อง Siphon ไว้ในหอคอย Monument Island เพื่อจำกัดพลังของเธอไว้ในเครื่องยนต์ Siphon ซึ่งประโยนชน์ของเครื่องนี้สามารถซึมซับหลพงงานของเธอนำไปใช้งานแทนเครื่องกำเนิดอนุภาพ Tear หรือ นำไปพัฒนาเทคโนโลยีให้กับนครโคลัมเบียได้อีกด้วย
      ซึ่งสิ่งแรกที่ Comstock ใช้เครื่องยนต์ Siphon คือใช้ในการสร้างจักรกลที่มีชีวิต ที่จะเป็นผู้คุ้มครองลูกเขา มันมีชื่อว่า "Songbird" ซึ่งมันไม่ใช้เพียงผู้คอยปกป้อง Elizabeth ให้ปลอดภัย แต่มันยังป้องกันไม่ให้เธอหนีไปจากมัน หรือ Monument Island เช่นกัน

      ในฐานะผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์เปลี่ยนโลก อย่างฝาแฝด Lutece เองก็ยังกังวล และ อยากรู้เกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดในอนาคตของพวกเขาเอง เช่นเดียวกัน ซึ่งพวกเขายังคง ทดลองสร้างอนุภาพ Tear เพื่อคอยเฝ้ามองเหตุการณ์ในอนาคตไปเลื่อยๆ จนเล็งเห็นเหตุการณ์ Comstock พยายามที่จะทำให้ Elizabeth กลายเป็นผู้นำโคลัมเบียโจมตี นครนิวยอร์กที่อยู่แผ่นดินเบื่องล่างแทนเขา ในอีกไม่กี่หลายสิบปีที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น ซึ่งสิ่งที่ ฝาแฝด Lutece ได้ทำมาทั้งหมดนั้นกลับผิดพลาด ซึ่งหารู้ไม่ว่า ต้นเหตุที่แท้จริงของ ผู้ชี้ชะตากรรมของ Elizabeth มิใช่เกิดจาก Comstock แต่เป็นพวกเขาตั้งแต่แรกนั่นเอง ซึ่ง Robert เขาได้ตัดสินใจคิดจะหยุดหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ทว่า Rosalind เธอไม่สนใจเพราะสิ่งที่สนใจตอนนี้คือการทดลองอะไรใหม่ๆกับกองทุนวิจัยของ Comstock เท่านั้น อย่างไรก็ตาม Robert ไม่ได้หวังอะไรจากเธอ ถ้าหาก Rosalind ไม่เต็มใจที่จะร่วมมือกับเขา Robert จะล้มเลิกทุกสิ่งที่เขาและเธอเคยทำมาร่วมงานกันมา เสมือนพวกเขาไม่เคยเจอกัน และ Robert เขาจะเป็นคนช่วย Elitzabeth กลับไปยังจักรวาลเดิมเอง แต่สุดท้าย Rosalind เธอก็ยอมร่วมมือกับ Robert ด้วย

      แต่สิ่งที่น่าเสียดายสำหรับ Comstock คือร่างกายของเขายังคงทรุดโทรม ซ้ำร้ายยังทำให้เขาเกิดโรคมะเร็ง จากการที่เขายังไงใช้เครื่องยนต์สร้างอนุภาพ Tear เพื่อดูอนาคตอยู่ แล้วด้วยเหตุที่เขายังใช้มันอยู่จึงทำให้เขาเห็น การปรากฏตัวของชาย อายุ 38 ปีคนหนึ่งในนครโคลัมเบีย ซึ่งเมื่อเขาได้เห็นชายคนนี้ทำให้เขารู้ทันทีว่า นั่นคือตัวเขาในอดีต Booker Dewitt ที่กำลังพยายามหาวิธีการ พราก Elizabeth ไปจากเขา

      ต่อมา Comstock เขาก็ได้ประกาศการมีตัวตนของ เด็กทารกเพศหญิง ออกสื่ออย่างเป็นทางการต่อพลเมืองโคลัมเบียทุกคน ซึ่งแอบอ้างว่าเป็นบุตรสาวของตนที่ถือกำเนิดจาก Lady Comstock ที่ได้ขอพรอธิษฐานจากพระเจ้า พร้อมกับประกาศเตือนให้ชาวเมืองตระหนักถึงการมาของ " False Shephard " ปีศาจร้ายในร่างมนุษย์ที่มีเครื่องหมาย " AD " บนมือขวา (ปีศาจที่ว่านั้นหมายถึง Booker ที่มีรอยสัก AD ย่อมาจาก "Anna Dewitt") แต่ทว่าทางด้านภรรยาของ Comstock เองเธอก็เริ่มสงสัยในเรื่องการมีบุตรของเธอและตัวสามีของเธอตั้งแต่บัดนั้น (ความอยากรู้เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอถูกสังหาร) เนื่องจากว่าเธอเพิ่งเริ่มตั้งครรภ์ได้เพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น



      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ.1895

      Lady Comstock ถูกฆาตกรรมโดยฝีมือบุคคลใกล้ตัว ซึ่งแม่บ้านคนสนิทของเธอ Daisy Fitzroy กลายเป็นแพะรับบาปจากการที่ตนเองอยู่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เธอถูกฆ่าโดยฝีมือสามีของเธอเอง โดยมีสาเหตุมาจาก Lady Comstock บังเอิญรู้ความจริงที่เด็กผู้หญิงที่ชื่อ Elizabeth ไม่ใช่ลูกเธอ จึงนำเรื่องนี้ไปต่อว่า Comstock และ กล่าวหาว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นลูกที่เกิดจาก การที่สามีเธอมีพฤติกรรมชู้สาวกับเพื่อนร่วมงาน Rosalind Lutece เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาทั้งสองได้ทำงานร่วมกันแล้วมีเวลาอยู่ร่วมกันมากกว่าเธอ ซึ่งทางด้าน Rosalind ได้ปฏิเสธคำกล่าวหา และ พยายามอธิบายความจริงของเรื่องราว ที่มาของเด็กผู้หญิงที่ชื่อ Elizabeth ทั้งหมดเพื่อให้เธอเข้าใจ แต่ทว่าตอนนี้ Lady Comstock กำลังโกรธจากอาการหึงหวง และ สับสนในสถานการณ์ที่กำลังวุ่นวาย จึงไม่ยอมรับฟังข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น เธอจึงตัดสินใจคิดที่จะเปิดเผยเรื่องราวที่เสื่อมทรามเหล่านี้ให้ทุกคนในโคลัมเบียรับรู้ ซึ่ง Comstock ตนเองก็กลัวความเข้าใจผิดนี้จะถูกเผยแพร่ออกไป จนเกิดบันดาลโทสะบีบคอ Lady Comstock เธอขาดอากาศหายใจตายเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายไปจนกระทั้ง ความลับและแผนการที่เขาวางไว้ทั้งหมดพังทลาย

      แล้วในช่วงเวลานั้นเองแม่บ้านคนสนิท Daisy Fitzroy ก็ได้มาเห็นเหตุการณ์ ฆาตกรรม ที่เกิดขึ้นนี้พอดี ซึ่ง Comstock เขาก็คิดจะสังหาร Daisy ด้วยอีกคนเพื่อรักษาความลับนี้เอาไว้ แต่ทว่า เธอยังตั้งสติได้ดี จึงได้ชิงหนีออกจากบ้านของเขารอดไปได้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมากลับกลายเป็นว่า Comstock ได้ใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส เขาได้ตะโกนให้คนอื่นๆที่อยู่ในบ้านรับรู้ และ สร้างเรื่องราว หลักฐานปลอม เรื่องการตายของ Lady Comstock ทั้งหมดเป็นฝีมือของ แม่บ้านคนสนิทของเธอที่ชื่อ Lady Comstock

      ส่วนทางด้าน Daisy Fitzroy ได้หลบหนี ไปอาศัยอยู่ในย่าน Finkton และ เธอก็ได้ใช้เรื่องราว ความแค้นที่เธอประสบมาเป็นแรงบันดาลใจ จนสามารถกลายเป็นผู้นำกลุ่ม Vox Populi แล้วเริ่มสะสมกำลังใต้ดินหรือสมาชิกผู้ต่อต้านอุดมคติของ Comstock ได้ในที่สุด

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ.1897

      เป็นช่วงเวลาที่นครโคลัมเบียกำลังดำเนินการก่อสร้างเกือบจะเสร็จสิ้นทุกมุมเมือง ซึ่งเด็กหญิงที่ชื่อ Elizabeth นั้นเธอยังคงถูกกักขังอยู่ใน อนุสาวรีย์ Monument Island ตลอดมาตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่ ด้วยคำข้ออ้างของพ่อเธอว่า เพื่อที่จะปกป้องเธอจาก False Shepherd แต่ที่จริงแลวเพื่อที่จะให้สองพี่น้อง Luteces วิจับ และ ทดลองซึมซับพลังของ Elitzabeth ด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ของพวกเขาเอง นำมาใช้พัฒนานครโคลัมเบียให้มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีมากขึ้น

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ.1900

      สหรัฐอเมริกาได้ประกาศเปิดตัว นครลอยฟ้าโคลัมเบีย อย่างเป็นทางการผ่านสื่อมวลชนต่างประเทศ ทุกแขนง โดยเริ่มจากการที่ให้ โคลัมเบียนนั้นล่องลอย เดินทางไปยังเมืองหลวงของทุกประเทศทั่วโลก

      วัน ที่ 9 เมษายน ผู้ประกอบการธุรกิจสูงสุดในเครือ Fink's Chronologically Precise Manufacturing ที่ชื่อ Jeremiah Fink. ได้ลักลอบผลิตอาวุธจำนวนมากและขนส่งไปให้กับองค์กรใต้ดิน Vox Populi นั้นคือปืนพกพารุ่นใหม่ Broadsider guns ที่เพิ่งถูกผลิตขึ้นในปี 1900 ในวันเดียวกับวันที่เพิ่งแจกจ่ายปืนให้กับตำรวจกับทหารของนครโคลัมเบียเพื่อ ต่อต้านการจลาจลของพวกคณะปฎิวัติติดอาวุธ Vox Populi ซึ่งตัวพวกเขาก็ได้อธิบายแก้ต่างว่าการจราจลของพวกเขานั้นไม่ได้ใช้ความ รุนแรง เหตุผลที่มีอาวุธเพื่อใช้ป้องกันตนเองเท่านั้นส่วนทางด้าน Jeremiah Fink. ได้เล็งเห็นเส้นทางที่จะทำเงินให้ธุรกิจของเขานั้นมีรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้น จึงได้ ลักลอบขายอาวุธเถื่อนในตลาดมืด ให้แก่ทุกๆคนที่ต้องการปืน

      15 สิงหาคม Fink ได้คิดค้นและผลิตพัฒนาปืน(ไรเฟิล)ต่อสู้ระยะไกล Bird's Eyes riffles จากคำขอร้องของ บังคับบัญชาการตำรวจ Jefferson Poole เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งกองกำลังตำรวจ ให้มีพลซุ่มยิง แต่ในทางตรงกันข้ามฝ่าย Vox Populi ที่มี Daisy Fitzroy เป็นผู้นำได้ใช้กองกำลังตนเองส่วนหนึ่งเบี่ยงเบนความสนใจ และ ส่วนที่เหลือทั้งหมดได้แอบลอบเคลื่อนไหวเส้นทางใต้ดินหรือภายในอาคาร เสมือนพวกเขาได้รู้แผนการของตำรวจล่วงหน้าก่อนแล้ว

      31 ตุลาคม ได้เกิดไฟไหม้ที่โรงงานผลิต Fink โดยไม่ทราบสาเหตุ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก และ ทำให้นักการเมืองบางกลุ่ม The Founders ของรัฐบาลในโคลัมเบียไม่พอใจได้แยกตัวออกมา ก่อตั้งองค์กรของตนเอง และ มีบางส่วนหันไปอยู่กับฝ่าย Populi เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน ซึ่งหลังเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ การปะทะกัน ระหว่างกลุ่ม The Founders กับ Vox Populi ยิ่งทวีคูณความรุนแรงมากขึ้นเลื่อยๆ จนกลายเป็นสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นบ่อยในนครโคลัมเบีย

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ.1901

      1 มกราคม เป็นวันเริ่มต้นการผลิต ปืนไรเฟิล รูปแบบใหม่ที่มีน้ำหนักเบาที่ชื่อ Huntsman ให้กับกรมตำรวจโคลัมเบีย และเป็นวันเดียวกับวันที่เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง บริเวณท่าเรือขนส่งสินค้า ระหว่าง กองกำลังตำรวจที่ Finkton กับ เหล่าผู้ก่อการร้ายของฝ่าย Vox Populi ที่จะลักลอบนำใบปลิวดฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐบาลเข้ามา

      ได้เกิดเหตุการณ์กบฎนักมวย ( Boxer Rebellion) เป็นสงครามความขัดแย้งระหว่างจีน กับอเมริกา ซึ่งผู้ที่มีวิสัยทัศน์ด้านลบต่อคนต่างเชื้อชาติ อย่าง Comstock เมื่อเขาได้ทราบข่าวเกี่ยวกับ ทหารจีนได้สังหารพลเมืองชาวอเมริกันเสมือนผักปลา อีกทั้งยังมีบางส่วนที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ในช่วงระหว่างที่นครลอยฟ้าโคลัมเบีย ที่เพิ่งเดินทางมาถึงน่านเขตแดนของประเทศจีน เขาได้สั่งโคลัมเบีย เข้าสู่สภาวะสงคราม และ ใช้ป้อมปืนใหญ่เปิดฉากระดมยิงใส่ประเทศจีน ในระหว่างเขตแดนของเมือง ปักกิ่ง ทำให้บ้านเมืองในบริเวณริมฝั่งชายแดนของจีนเกิดความเสียหายอย่างหนัก และ มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่นานชาวจีนในปักกิ่งได้เปิดเผย ตัวตนที่แท้จริงของนครลอยฟ้า โดยนำเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ให้ผู้คนทั่วโลกได้รับรู้ว่า โคลัมเบียฉายานครแห่งการท่องเที่ยวของโลก นั้นเป็นเพียงแค่ฉากบังหน้า แต่แท่จริงแล้วเป็นป้อมปราการรบลอยฟ้า ของอเมริกาที่สามารถพร้อมเปิดศึกกับประเทศอื่นได้ทุกเมื่อ

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ.1902

      เมื่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน จึงขู่ ตัดความสัมพันธ์และความช่วยเหลือหากไม่ยอมเปลี่ยนรัฐบาลในนครโคลัมเบีย ส่วนทางด้าน Zachary Comstock ประกาศแยกตัวโคลัมเบียออกจากประเทศสหรัฐอเมริกาและ นำนครลอยฟ้าแห่งนี้ลอยหายเข้าไปในกลีบเมฆพร้อมกับสร้างการปกครองตนเองใหม่อย่างเป็นทางการ แล้ววันที่ 6 กรกฏาคม จึงถือว่าเป็นวันครบรอบปีที่โคลัมเบียแยกตัวออกมาเป็นประเทศอิสระ และ กลายเป็นวันเทศกาล วันหยุดของประชาชนทุกคนในเมือง ที่จะออกมาจัดงานเฉลิมฉลอง

      23 กรกฎาคม เกิดเหตุการณ์ นัดหยุดงานประท้วง ของเหล่าผู้คนที่ประกอบอาชีพแรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมทุกคนในนครโคลัมเบีย ที่มีผลจากการที่พวกเขาถูกเอารัดเอาเปรียบในเรื่องถูกลดค่าแรง เพิ่ม ชั่วโมงทำงานมากขึ้น จนทำให้การผลิตสินค้าในวันนั้นเกิดอัมพาตและผู้ประกอบการธุรกิจการผลิตหลายรายเกิดขาดทุนเสียรายได้เป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งการประท้วงที่เกิดขึ้นได้รุนแรงมากขึ้นเลื่อยๆ จนเกิดการปะทะกันระหว่างคนงานและตำรวจ ไปทั่วนครโคลัมเบีย รวมถึงการลอบก่อการร้าย ของพวก Vox Populi ที่มาการตายของตำรวจในเหตุการณ์ประท้วงที่กำลังชุลมุน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมาย John Goldman ก็ได้เข้ามามีบทบาท ในการเป็นผู้ประกาศเรียกร้องหยุดความรุนแรง และ ตนเองจะเป็นผุ้หาทางออกให้กับทุกๆฝ่าย

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ. 1903

      13 กุมภาพันธ์ Daisy Fitzroy ที่เปิดเผยตัวเองในฐานะผู้นำของ Vox Populi อย่างเป้นทางการทางสื่อ ป้ายโฆษณาชวนชื่อ และ ลำโพงกระจายเสียงที่ติดอยู่ทั่วนครโคลัมเบีย

      23 พฤศจิกายน เกิดการลอบวางระเบิดที่ศูนย์บัญชาการตำรวจใหญ่ ของนครโคลัมเบีย ทำให้เกิดมีตำรวจและพลเมืองจำนวนหนึ่งเสียชีวิต ซึ่งจากการสืบสวน ไม่สามารถสาวถึงมือวางระเบิดได้ แต่ทุกคนได้มีความเห็นตรงกันว่า น่าจะเป็นฝีมือของพวก Vox Populi แต่ทว่า พยานหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ให้การกันว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาได้เห็น ชายที่ใส่เครื่องแบบตำรวจนำพัสดุบางอย่างที่คาดการณ์ว่าเป็นระเบิด นำมาวางทิ้งไว้แล้วก็เดินจากหายไป น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์ของรัฐบาล แต่ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ ซึ่งเรื่องที่ก็ถูกนำมาถกเถียงในสภาของกลุ่ม The Founders จนเกิดการขัดแย้งกันเอง

      แผนการส่งตัว Elitzabeth กลับไปยังจักรวาลเดิมของพวก Lutece ได้ถูก Comstock ล่วงรู้โดย ในช่วงขณะที่เขากำลังใช้ Tear(หน้าต่างมิติ) ดูเหตุการณ์ในอนาคต เขาได้เห็นพี่น้อง Lutece กำลังวางแผนการ ใช้งานเครื่องสร้างอนุภาพ Tear เพื่อลักลอบชิงตัว Elitzabeth ไปจากเขา เมื่อ Comstock รู้จึงไม่รีรอช้า ได้จ้างวาน Jeremiah Fink ให้ก่อเหตุวินาศกรรมสังหารสองพี่น้อง Lutece และ ทำลายเครื่องยต์ , สิ่งประดิษฐ์ทุกอย่างที่พวกเขาสร้าง โดยการส่งคนของเขาขับยานเหาะไปทิ้งระเบิด ที่บ้านของพวกเขาโดยทำให้ดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุ ซึ่ง Fink เขาได้ทำสำเร็จจากการสร้างสถานการณ์

      แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมากลับตรงกันข้ามที่ว่าพวก Lutece กลับยังมีชีวิตอยู่ เนื่องมาจากการระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้ เตาปฎิกรที่กำลังสร้างอนุภาพของ Tear อยู่นั้นเกิดระเบิดขึ้นทำให้ พลังอนุภาพของ Tear (ห้วงเวลาของจักรวาลนี้)เกิดแตกกระจายไปทั่วไปสู่ห้วงเวลาอื่น รวมถึงยังได้พาพวกเขา Lutece เข้ามาอยู่ในจุดศูนย์กลางของระหว่างโลกคู่ขนานของทุกๆโลก ทำให้พวกเขานั้นอยู่เหนือกาลเวลา สามารถเดินทางไปยังห้วงเวลาของจักรวาลอื่น รวมถึงสถานที่ในห้วงเวลาใดก็ได้ ตามที่พวกเขาดั่งใจนึก แต่ในขณะเดียวกันเอง พวก Lutece เองก็ไม่สามารถ คงความมีตัวตนอยุ่ในโลกความเป็นจริงได้นานนัก เนื่องจาก เกรงว่าถ้าพวกเขาได้ทำอะไรลงไปแล้วเกิดพลาดพลั้งไปขึ้นมา อาจจะมีคนจับได้ และ ทำให้เรื่องนี้ยุ่งยากกว่าเดิม เพราะ ในขณะนี้ทุกคนในห้วงเวลาของพวกเขาได้เข้าใจผิดกันว่า "สองพี่น้อง Lutece ได้เสียชีวิตไปแล้ว" จึงได้ตัดสินใจให้ผู้อื่นมาแก้ปัญหาแทนพวกเขา


      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ.1904

      1 มิถุนายน ได้มีผู้ค้นพบประวัติการขนส่งปืนยิงจนวด Barnstormer rocket launchers ของบริษัท Fink Manufacturing กับ ลูกจรวด ที่ถูกทิ้งไว้หลังจากเหตุการณ์ การก่อจลาจลของพวกกบฏนักมวย

      Payton Lane Easter & Sons ได้เริ่มต้นการผลิตม้าจักรกลอัตดนมัติ หลังจากที่พวกเขาเพิ่งได้คิดค้นสำเร็จ
      ตึก Emporia Towers เกิดการลอบวางระเบิดเชื่อกันว่าเป้นฝีมือของพวก Vox Populi โดยปลอมตัวเป็นบุรุษไปรษณีย์.

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ.1905

      Vanderwall & Palmer ได้เริ่มนำ Sky Hook ออกมาวางจำหน่ายให้กับพลเมืองโคลัมเบีย เพื่อใช้สำหรับการเดินทางบน Sky Line
      Chen Lin ได้เปิดกิจการร้านขายอาวุธปืนใน Finkton

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ.1909

      วันที่ 7 พฤษภาคม Daisy Fitzroy ถูกจับโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจโคลัมเบีย ที่ Finkton
      วันที่ 9 พฤษภาคม Daisy Fitzroy ได้ถูกนำตัวขึ้นศาลเพื่อพิจารณาโทษ และ ถูกนำตัวไปสอบสวนที่บ้าน Comstock ก่อนตัดสินประหารชีวิต
      วันที่ 13 พฤษภาคม: ดร. Pinchot ได้ให้ความช่วยเหลือ Daisy Fitzroy ในการหลบหนีออกจาก บ้าน Comstock แต่ทว่าเขากลับถูกผู้หญิงที่เขาช่วยฆ่าตาย

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ.1911

      วันที่ 15 สิงหาคม กองกำลังตำรวจโคลัมเบียมีความแข็งแกร่งมากขึ้นจากการที่มี Motorized Patriot (จักรกลกู้ชาติ) มาเป้นส่วนหนึ่งของกองทัพ

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ.1912
      ช่วงเวลาบทเริ่มต้นเนื้อเรื่องของเกม


      ในรอบ20ปีหลังจากที่พวกLutece ลักพาตัวลูกสาว (Anna Dewitt)ของ Booker ไปจากเหตุการณ์กลับกลายเป็นว่าทำให้ Booker Dewitt เกิดเสียใจ แล้วยิ่งมีความเครียดมากขึ้นไปอีก จนเขาได้สลักชื่อ AD เป็นสิ่งเตือนใจจากการสูญเสียลูกของตนไปด้วย ความเห็นแก่ตัวของเขาเอง แต่ทว่าไม่นาน พี่น้องฝาแฝด Lutece ได้เดินทางมาพบ Booker Dewitt อีกครั้ง และ เพื่อเสนอโอกาสที่จะทำให้ Booker ได้พบลูกสาวของเขา ซึ่งพวก Lutece ได้พาเขาเข้าไปในโลกคู่ขนาน ช่วงระยะเวลาของจักรวาล Zachary Hale Comstock ในวันที่ 6 กรกฎาคม เพื่อให้ Booker หาโอกาสลักพาตัว Elizabeth (Anna Dewitt) หนีออกจากนครลอยฟ้าโคลัมเบีย กลับไปให้พวกเขา Lutece เพื่อที่จะเปลี่ยน Elizabeth เป้นคนเดิมและส่งคืนให้กับพ่อของเธอที่แท้จริงใน New York แต่ทว่าเมื่อ Booker ได้ย่างก้าวเข้ามาใน จักรวาลของ Comstock ได้เกิดอาการหน้ามืดฉับพลันจนล้มหมดสติไปในที่สุด แล้วเมื่อ Booker ฟื้นขึ้นมาเขาได้เกิดอาการมึนงง สับสนกับความทรงจำของตนเองและพบว่าเหมือนตนเองได้ลืมอะไรบางอย่างไป เป็นอาการแบบเดียวกับ Robert

      (มีสาเหตุมาจาก ในจักรวาลของ Comstock เขาไม่เคยมีตัวตนอยู่จริง ในฐานะชายที่ชื่อ Booker Dewitt มาก่อน ความทรงจำใดที่เคยเกี่ยวเนื่องกับ มิติ Comstock จะถูกลบออกไป และ เริ่มสร้างความทรงจำใหม่ขึ้นมา ที่ต่อเนื่องจากความทรงจำที่ยังคงเหลืออยู่ จะถูกเชื่อมโยงให้เข้ากับสิ่งที่ตนกำลังเผชิญอยู่)

      เมื่อ Booker หลังจากที่เขาได้พักฟื้นตัวจากอาการหน้ามืด และ ได้รับกล่องบรรจุข้อมูลภารกิจจาก Rosalind เขากลับคิดเอาเอง และ เข้าใจว่า "การที่เขาได้เดินทางมานี่นี่ เพียงเพื่อช่วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ในนคร Columbia กลับไป New York อย่างปลอดภัย เพื่อแลกกับชำระหนี้สินทั้งหมดของเขา"

      (ซึ่ง Booker ได้สูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับ Anna dewitt ลูกสาวเขา หรือแม้แต่ ช่วงเวลาการสูญเสียลูกสาวของเขาก็ตาม "ซึ่งในระหว่างการดำเนินเรื่องภายในเกม Booker เขาจะค่อยๆ ฟื้นความจำเกี่ยวกับ เด็กผู้ที่ชื่อ Anna")

      แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมาในการที่ส่ง Booker ขึ้นไปชิงตัว Elizabeth กลับไม่ตรงไปตามที่ พี่น้องฝาแฝด Lutece คาดการณ์ไว้ เพราะผลที่ปรากฏออกมากลับมาสำเร็จว้ำแล้วยังทำให้เหตุการณ์ในอนาคตเลวร้ายมากยิ่งขึ้นเนื่องจากการที่ Booker เดินทางไปที่โคลัมเบีย ทำให้สงครามกลางเมืองนครลอยฟ้าแห่งนี้รุนแรงจนถึงขนาดเกือบล่มสลาย

      ซึ่งทางด้านสองพี่น้อง Lutece เองก็ไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ พวกเขาก็ยังคง ใช้ Tear ย้อนเวลากลับไปทำแบบนี้อยู่เลื่อยๆ จนนับครั้งไม่ถ้วน (สังเกตได้จากขีดช็อคบนกระดาน ตอนที่พวกเขาให้ Booker ทายเหรียญ หัว-ก้อย) แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นใน ค.ศ. 1981 - 1984 เมื่อ Booker Dewitt ไม่สามารถช่วย Elizabeth ไว้ได้จาก Songbird

      ค.ศ.1981

      ผู้คนบนพื้นโลกได้พบเห็น ตึกอาคารของนครโคลัมเบีย ล่วงตกสู่พื้นบน เทือกเขาแอลป์ ที่นำพวกไปสู่การค้นพบสิ่งประดิษฐ์ล้ำสมัยหลายชนิดเช่น Sky Hook ม รางรถ Sky line , กล่องไม้ที่บรรจุขวด Vigors Murder of Crows หนังสือรับรองสิทธิ์ของปี 1907 , โปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อ เตือน "False Shepard" ฯลฯ อีกมากมายที่ได้ล่วงหล่นสู่พื้นโลก

      ค.ศ.1984

      มหานครนิวยอร์กถูกโจมตีโดยการปรากฏตัวของนครลอยฟ้าโคลัมเบีย ที่อยู่บนเหนือน่านฟ้า ที่ตรงตามคำทำนายของ Zachary Hale Comstock ที่ให้ Elizabeth เป็นผู้นำโคลัมเบีย ในการจู่โจมประเทศที่อยู่บนฝืนแผ่นดินโลกให้จมลึกไปอยู่ในเปลวไฟที่ลุกโชน
      แต่ทว่า Elizabeth เธอเกิดไม่อยากแบกรับภาระที่หนักอึ้ง และ ไม่สามารถที่จะทนเห็นผู้คนล้มตาย กับ สิ่งที่เธอได้กระทำลงไปได้อีก เธอจึงได้พยายามหาทางออกของเรื่องนี้ โดยนึกย้อนความในอดีตของเธอกลับไปจนเธอสามารถหาหนทางนั้นได้ในที่สุด รวมถึงความจริงของโลกคู่ขนาน

      เธอจึงตัดสินใจเปิดมิติ(Tear) เรียก Booker ในช่วงเวลาในปี ค.ศ. 1912 (ต่อจากเหตุการณ์ในเกม) ให้เขารับรู้กับเหตุการณ์ในอนาคตที่จะเกิดขึ้นหากเขาได้ทำล้มเหลว และ ให้ข้อความบางอย่าง คือ กุญแจที่จะใช้เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความจริงที่เกิดขึ้น และ ยังสามารถแก้ไขต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด (ในข้อความไม่ใช่เพียงแค่บอกวิธีการควบคุมSongbird )

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ย้อนกลับมาท้าวความต่อในจุดจบของเกมในปี ค.ศ. 1912

      จากความช่วยเหลือของ Elizabeth ใน ค.ศ.1984 ทำให้ Booker สามารถกลับเข้ามาใน ค.ศ. 1912 ได้เหมือนเดิม รวมถึงเธอยังได้ช่วยเขา เข้ามาด้านในของบ้าน Comstock ได้ซึ่งทำให้ Booker สามารถช่วยเหลือ Elizabeth ที่กำลังถูก Comstock ผ่าตัดเพื่อแต่งความทรงจำใหม่ ได้ทันเวลา

      ต่อมาซึ่งเมื่อ Elizabeth ได้อ่านข้อความจากตัวเธอเอง (ค.ศ.1984 ) ที่ Booker เป็นผู้มอบให้เธอจึงได้รู้ในสิ่งเธออ่านทันทีแต่ทว่า สัญลักษณ์รูปกรงนก แต่สิ่งนั้นที่แท้จริงมันคืออะไร ต้องไปเค้นจากปากของ Comstock เอง

      เมื่อพวกเขาทั้งสองได้ลักลอบ บุกรุกเข้าไปเรือเหาะของ Comstock แล้วได้เผชิญหน้ากับ Comstock ที่ห้องของเขา ซึ่งทันทีที่ Comstock พบหน้า Booker ก็ได้ได้ขู่ให้ Booker บอกความจริงทั้งหมดที่ผ่านมาเกี่ยวกับ สาเหตุที่นิ้วนางของ Elizabethขาด โดยพยามบังคับให้ Elizabeth ยื่นแขนชูนิ้วที่ขาดไปให้ Booker เห็นซึ่งเธอได้ตกใจจึงเกิดขัดขืน แต่ Booker ยังปฏิเสธว่าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน (เพราะตอนนี้เขาไม่มีความทรงจำใดๆเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน จึงไม่เข้าใจในสิ่งที่ Comstock พูด) จนไม่สามรถทนดูการกระทำของผู้เป็นพ่อที่ไร้ยางอายนี้ได้จึงเกิดบัลดาลโทสะบีบคอ Comstock กระแทกกับขอบอ่างร่างมือ แล้ว กดหัวเขาจมลงไปในอ่างจนสำลักน้ำตายในที่สุด ซึ่งสิ่งที่ Comstock พูดมาทั้งหมด ทำให้ Elizabeth เกิดเคลือบแคลงในตัว Booker ที่จำเรื่องที่ Comstock กล่าวหามานั้นไม่ได้ กับ มีเลือดที่ออกจากจมูก ทางด้าน Booker เองเขายังยืนยันว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา และ เธอมาก่อน

      จนสุดท้าย พวกเขาทั้งสองจึงตัดสินใจ เดินทางไปยังบนสะพานเรือ บังคับเรือเหาะลำนี้ มุ่งหน้ากลับไปยัง Monument Island เพื่อไปทำลายเครื่อง Siphon ใน เพื่อปลดปล่อยพลังของ Elizabeth แต่ทว่าในระหว่างเดินทาง พวกเขาได้เจอพวก Vox Populi เข้ามาขัดขวาง แต่ด้วยความโชคดีที่ Elizabeth สามารถแก้ไขปริศนารูปกรงนก คำใบ้ในข้อความที่ได้รับจากตัวเธอในอนาคต นั้นคือวิธีการควบคุม Songbird ด้วยตัวโน๊ตดนตรี C.A.G.E ด้วยสิ่งนี้ ทำให้พวกเขาจัดการกับเหล่า Vox Populi พร้อมทั้ง เรือเหาะ ที่เข้ามาขวางทางได้หมดสิ้น จนเดินทางมาถึง Monument Island สำเร็จ แล้วตัว Booker เองก็ต้องการที่จะจบเรื่องนี้และรู้ความจริงที่ซ่อนเร้นอยู่ เขาเลยสั่งให้ Songbird ทำลาย Siphon ไปพร้อมกับอนุสาวรีย์ บนเกาะ เพื่อปลดปล่อยพลังของ Elizabeth บางส่วนที่ถูกผนึกอยู่

      แต่ในทันทีที่ เครื่อง Siphon ถูกทำลายทำให้เกิดคลื่นพลังไฟฟ้าขนาดใหญ่กระจายตัวออกมาจาก Monument Island ทำให้เครื่องดนตรี whistler ที่ Booker ใช้ควบคุม Songbird พังทำให้เสียการควบคุม และ มันจะไม่ฟังใครแล้วได้บินพุ่งเข้ามาจับตัว Elizabeth แต่ทว่าเธอได้ใช้พลังเคลื่อนย้ายทุกคนเข้ามาอยู่ในนครใต้น้ำ (Rapture) ตัวเธอ กับ Booker อยู่ในอาคารส่วน Songbird เธอปล่อยให้มันจมน้ำอยู่ข้างนอกซึ่ง Elizabeth นอกจากเธอรู้วิธีการควบคุมแล้วยังรู้วิธีจัดการด้วยเช่นกัน ซึ่ง Songbird มันรู้ตัว แต่ดื้อดึง พยายามที่จะเข้ามาหา Elizabeth ให้ได้แต่สุดท้าย ทนความดันน้ำไม่ไหวจนตาย แล้วกลายเป็นเศษเหล็กจมดิ่งสู่ใต้ท้องมหาสมุทร

      ส่วนทางด้าน Booker เขานั้นยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ แล้วอะไรคือความจริงที่ถูกซ่อนอยู่ ซึ่ง Elizabeth ทำอย่างนี้ได้เพราะตอนนี้ทั้งพลังและความทรงจำของเธอตั้งแต่ตอนยังเป็นทารกได้กลับคืนหมดแล้ว หากให้พูดตรงประเด็นให้ Booker รู้เลยเขาอาจไม่เข้าใจ เธอจึงอาสาที่จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดย เริ่มต้น ใช้เรือดำน้ำ Bathysphere (เป็นเรือของ Jack พระเอกภาคแรกที่เขาใช้มันเดินทางเข้ามาที่นี่ในปี 1960) เดินทางออกจากนคร Rapture เดินทางไปยัง ประภาคาร (lighthouse) กลางทะเลสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง

      ตอนที่ Booker กับ Elizabeth เดินทางมาถึงที่ประตู สิ่งที่อยู่ด้านหลังประตูบานแรกนี้คือเส้นทางที่เชื่อมระหว่างสองโลกคู่ขนาน แล้วเมื่อพวกเขาทั้งสองได้เปิดประตูบานที่สองเข้ามาจะพบประภาคารรูปทรงเดียวกันหลายที่ ซึ่งเธอได้เรียกมันว่า Sea of Doors สิ่งที่ได้พบหลังประตูประภาคารนั้นคือทางแยกที่เชื่อมไปยังประตูห้วงเวลาจักรวาลของโลกคู่ขนาน (Timeline) ของพวกเขา ที่สามารถเดินทางไปที่ไหนก็ได้ทุกที่ทุกห้วงเวลาตามที่เราต้องการ ด้วยประตูที่มีเป็นจำนวนหลายล้านบาน ไปสู่อีกหลายล้านของจักรวาลอื่น ฯลฯอีกมากมาย ซึ่งเหตุการณ์ที่ Elizabeth พา Booker มายังสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นยังมี Booker กับ Elizabeth จากจักรวาลอื่นๆที่ไม่มีที่สิ้นสุด เกิดขึ้นใหม่ภายหลัง โดยเริ่มต้นที่ lighthouse แล้วมาที่นี่ด้วยเช่นกันซึ่ง Booker คนอื่นๆที่อยู่ที่นี่รวมถึงเขา จะนำพาตนเองไปสู่จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์แรกเริ่ม เพื่อที่จะค้นพบความจริงเกี่ยวกับนิ้วที่ขาด ความสามารถของเธอและ Comstock

      เมื่อ Booker ตัดสินใจเลือกเดินทางตาม Elizabeth ไปยังอีกประภาคารหนึ่งแล้วเปิดประตูเข้าไปเขาได้ย้อนเวลากลับไป ค.ศ. 1891 ในเหตุการณ์ที่ตอนเขากำลังร่วมพิธีชำระบาปที่แม่น้ำ Wounded Knee ซึ่งในระหว่างเข้าสู่ขั้นตอนการเกิดใหม่ Booker ได้รู้สึกตัวจึงปฏิเสธบาทหลวงแล้วรีบเดินหนีออกไปทันที

      Booker เขาจำเหตุการณ์นี้ได้ดี ว่าการที่พียงเอาตัวแช่ลงไปในแม่น้ำมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรในสิ่งที่ตนเคยทำลงไป เขาจึงขอให้ Elizabeth พาเขาออกไปจากที่นี้ แล้วกลับไปยัง Paris เรื่องทั้งหมดจะได้จบลง แต่ทว่า เธอได้ปฏิเสธไม่ได้จนกว่าจะพบ Comstock ถึงแม้ Booker ได้ฆ่าเขาบนเรือเหาะแล้ว แต่ทว่ายังมี Comstock ที่ยังเกิดขึ้นมาใหม่ หรือ ยังมีชีวิตอยู่อีกหลายล้านจักรวาล ต่อมาเธอก็ได้ค่อยๆช่วย Booker ฟื้นความทรงจำในอดีตที่สูญเสียไป ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี ค.ศ. 1893 ที่ Booker ได้ขายลูกสาวของเขาเองเพื่อแลกกับการได้ชดใช้หนี้สินทั้งหมดโดยยกลูกสาวให้กับ Robert Lutece แต่แล้วเขาเกิดเปลี่ยนใจได้เดินทางกลับไปขอตัวลูกสาวคืน แต่สุดท้ายเขาก็ทำพลาด จนถึงปี ค.ศ. 1912 ที่เหล่าสองพี่น้อง ฝาแฝด Lutece เดินทางผ่าน Tear กลับมาหา Booker เพื่อช่วยให้เขามีโอกาส พาลูกสาว เขากลับบ้านที่ New York แต่ทว่าเมื่อ Booker ข้ามไปยังอีกฟากของจักรวาล แต่ความทรงจำเขาในอดีตกลับสูญเสีย และ รื้อฟื้นขึ้นมาเป็นความทรงจำอีกแบบหนึ่ง แต่มีจุดประสงค์เดียวกัน ปัญหาที่ต้องใช้เวลาทำให้ฝาแฝด Lutece พวกเขามีเวลาไม่มากจึงได้ปล่อยเลยตามเลย ซึ่งตอนนี้ Booker เขาได้จำความที่ผ่านมาได้หมด แล้วผู้หญิงที่ชื่อ Elizabeth ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาคือ Anna Dewitt และ เรื่องของจักรวาล หรือ โลกคู่ขนานที่ Elizabeth ได้อธิบายไปในตอนแรก ทำให้ Booker ฉุดคิดได้ว่า ถ้าเขาย้อนกลับกลับไปฆ่า Comstock ก่อนที่เขาจะทำเรื่องเลวร้ายนี้ขึ้นซึ่งพวก Lutece ก็ได้พูดย้อนกลับไปว่าจะรู้วิธีการย้อนกลับไปได้อย่างไร

      FAQ ผู้ตอบโดย Tonypong จาก thaibiohazard

      ทำไม Lutece ถึงไม่ย้อนเวลาไปฆ่า Comstock ด้วยตัวเอง
      ตอบ : สาเหตุ 1 คือ ในตอนนั้น Lutece ไม่ได้คิดไปถึงขั้นที่ว่า 'จะต้องลบตัวตนของ Comstock ออกจากทุกๆ universe' สิ่งที่เขาคิดจะทำในตอนนั้นก็แค่ จะให้ Booker พาตัว Elitzabeth ออกไปให้ได้ เพื่อป้องกันอนาคตที่ Columbia จะเปิดศึกกับ Sodom เบื้องล่าง หรือต่อให้ Lutece คิดไปถึงขั้นนั้นจริงๆ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องย้อนกลับไปแก้ตรงจุดไหน จะเห็นได้ว่าในช่วงตอนจบของเกม ที่ Booker พูดกับ Elitzabeth บนเรือว่า "เราจะต้องกลับไปฆ่าไอ้เชี้ยนั่นตั้งแต่ในเปล"
      ในตอนนั้น Robert Lutece ก็พูดขึ้นว่า "how would one know how far back to go?" นั่นแสดงให้เห็นว่า ต่อให้พวกเขาอยู่เหนือเวลา แต่ก็ไม่อาจรู้ว่าควรจะแก้ตรงจุดไหน ช่วงเวลาไหน ต่อให้เขารู้ว่า Booker กับ Comstock เป็นคนๆ เดียวกัน แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาไม่รู้เรื่อง baptism ของ Comstock และไม่รู้เรื่องตัวแปรที่ทำให้ Booker กลายเป็น Comstock (แต่เนื่องจาก Elitzabeth ตรัสรู้แล้ว เข้าสู่ God mode เลยมองเห็นประตูทุกบาน พลังของเธอเหนือกว่า พวก Lutece)
      สาเหตุ 2 นั่นเป็นเพราะในตอนนั้นพวกเขาอยู่ในสถานะที่ตายจากความเป็นจริงไปแล้ว Robert กลัวว่ามันอาจจะเกิดผลกระทบอะไรมากไปกว่านี้ ถ้าหากเขาเข้าไปยุ่งมากเกินไป
      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
      : ซึ่งรายละเอียดต่อจากนี้สามารถติดตามได้ที่http://www.thaibiohazard.com/forum/v...f=1&t=16786828
      ผู้เขียนโดยคุณ Tonypong ที่แปลแล้วนำมา สรุปก่อนผม และ มีเนื้อหาที่ตรงกัน และ กระชับกว่า
      ในส่วนของผมมันละเอียดแล้ว ประโยค ยืดเยื้อมากไป เรป บรรจุตัวอักษรไม่พอ เป็นหนึ่งสาเหตุที่ต้องยืมบทความมาลงแทน
      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      ค.ศ. 1893

      จบ Credits Scene หลังจากเหตุการณ์ตอนจบของเกม Booker ได้ถูกย้อนกลับไปใน ค.ศ. 1893 ซึ่งเมื่อเขาฟื้นขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงร้องเสียงดังออกมาจากห้องข้างๆ จึงเดินไปเปิดประตูเข้าไปหา Anna Dewitt เพื่อกล่อมให้เธอหยุดร้อง.. End
      สรุปเรื่องราวที่ผ่านมานั้นไม่เคยมีเรื่องใดเกิดขึ้น นครลอยฟ้าโคลัมเบียจะไม่ถูกสร้าง ฯลฯ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ห้วงจักรวาล (Timeline) ที่ Booker กลายเป็น Comstock ถูกตัดหายไปเหลือแต่เพียง จักรวาลของ Booker Dewitt นักสืบเอกชน พ่อลูกอ่อน ที่พวกเขาทั้งสองจะต้องอยู่วมใช้ชีวิตฝ่าฟันหนี้สินที่ยังชดใช้ไม่หมด

      ----------------------------------- End -----------------------------------------------

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      โดยอ้างอิงจาก:
      http://www.wikia.com/Wikia
      http://www.bioshockinfinite.com/home
      กระทู้แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
      http://decibelperoxide.exteen.com/20...shock-infinite
      http://www.thaibiohazard.com/forum/v...f=1&t=16786828

      ---------------------------------------------------------------------------------

      หากมีข้อมูลส่วนใดผิดพลาด หรือ คลาดเคลื่อนไป สามารถแจ้งได้ครับขออภัยด้วยจะรีบแก้ไข และ ขึ้น เครดิตให้ครับ
      ถ้าใครมีข้อมูล เพิ่มเติมอะไรก็ โพส ได้เลยครับ จะอัพขึ้นเรป เพื่อความสะดวกแก่ผู้อ่านคนหลังครับ


      ---------------------------------------------------------------------------------

      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
      Last edited by Parnachan; 23 Apr 2013, 01:25:23.

      Comment


      • #4
        พึ่งเล่นจบยังมึนๆเนื้อเรื่องอยู่ ขอบคุณที่แปลให้อ่านครับ

        แต่ติดใจนิดนึง ฉากบางฉากหรือพลังพิเศษ(Vigor)ที่มีในTrailer พอเล่นจริงทำไมผมถึงไม่เห็นหว่า

        Comment


        • #5
          Originally posted by pumin302 View Post
          พึ่งเล่นจบยังมึนๆเนื้อเรื่องอยู่ ขอบคุณที่แปลให้อ่านครับ

          แต่ติดใจนิดนึง ฉากบางฉากหรือพลังพิเศษ(Vigor)ที่มีในTrailer พอเล่นจริงทำไมผมถึงไม่เห็นหว่า
          เรื่องนี้หรือเปล่าครับhttp://www.mungame.com/modules.php?n...le=view&No=935

          Comment


          • #6
            Originally posted by pumin302 View Post
            พึ่งเล่นจบยังมึนๆเนื้อเรื่องอยู่ ขอบคุณที่แปลให้อ่านครับ
            แต่ติดใจนิดนึง ฉากบางฉากหรือพลังพิเศษ(Vigor)ที่มีในTrailer พอเล่นจริงทำไมผมถึงไม่เห็นหว่า
            ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะเรียงอันดับแบบ time line ตั้งแต่เริ่มต้น + การกระทำขอเราในเกม + ถึงตอนจบให้ครับ
            ตอนนี้กำลังแปลข้อมูล
            ตัวละครยังมี Slate & chen lin กับอีก 2-3 คน ศัตรู อาวุธ ไอเท็ม อยู่ไว้ผมค่อยแปะที่เดียวชุดใหญ่วันพรุ่งนี้

            Comment


            • #7
              Wounded Knee เป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ครับ ไม่ได้หมายถึงบุคเกอร์เจ็บเข่าเน้อ
              http://en.wikipedia.org/wiki/Wounded_Knee_Massacre

              Comment


              • #8
                Originally posted by Zepia View Post
                Wounded Knee เป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ครับ ไม่ได้หมายถึงบุคเกอร์เจ็บเข่าเน้อ
                http://en.wikipedia.org/wiki/Wounded_Knee_Massacre
                โอ้! ขอบคุณครับเป็นชื่อของเหตุการณ์นองเลือด ครั้งใหญ่ ที่สังหารชาว อินเดียน หลายร้อยศพ โดยไม่มีความปราณีแม้แต่เด็ก ผู้หญิง คนแก่ ทุกเพศทุกวัยตายได้ทุกคน 555+ ในสงคราม

                ผมก็กำลังจะแก้อยู่พอดี ตอนกำลังแปล history ของ Slate นึกว่ามันเจ็บเข่าด้วยอีกคน (ก็รู้สึกทะแม่งๆ - w -'') ขอบคุณครับ

                Comment


                • #9
                  กะลังเล่นอยู่เลยสนุกมาก ชอบตอนใช้ sky hook โหนตัวไปมา

                  Comment


                  • #10
                    ขอบคุณมากครับเยี่ยมมากเลยเนื้อเรื่องละเอียดสนุกมากเลย

                    Comment


                    • #11
                      ขอเทคนิค กำราบ Boy of Silence หน่อยได้บ่ฮับ ตอนนั้นผม หนีมันอย่างเดียวเลย 55+ ขอบคุณคับ

                      #4 - น่าจะเป็น DLC season pass คับต้องรอเดือนมีนา ปีหน้าคับ...
                      Last edited by polez; 9 Apr 2013, 23:35:23.

                      Comment


                      • #12
                        Originally posted by polez View Post
                        ขอเทคนิค กำราบ Boy of Silence หน่อยได้บ่ฮับ ตอนนั้นผม หนีมันอย่างเดียวเลย 55+
                        #4 - น่าจะเป็น DLC season pass คับต้องรอเดือนมีนา ปีหน้าคับ...
                        ไม่มีวิธีจัดการมันครับ เหมือนตัวเกมมันจะถูกกำหนดมาให้เราเลือกอยู่ 2 วิธี

                        1. ต่อสู้กับมัน --- เมื่อมันพบผุ้เล่น หรือ ถูกทำร้ายมันจะส่งเสียงเตือนภัย และ เทเลพ็อต หนีไปทันที ส่วนพวกคนสติเฟื่อง มันจะรู้ตัวแล้ววิ่งเข้ามารุมทำร้าย

                        - ช่วงที่ต้องไปช่วย อริซเบธ หากประหยัดกระสุน Sky hook / รวยกระสุน ใช้ตามวิธีนี้ แล้วใช้ปืน shot gun หรือ ปืนยิงลูกระเบิด (RPG ก็ได้)

                        -ผมแนะนำให้ใช้ Murder of crows ใช้ Sky Hook ฮวดเอา (หากมี Gear ตีศัตรูแล้วสร้างประจุไฟฟ้าสตั๊น4วินาที พร้อมกับศัตรูที่อยู่รอบข้างจะดีมาก)
                        - ล่อศัตรูให้อยู่กันเป็นกลุ่มก้อน แล้วใช้ Devil's Kiss หรือ Bucking Bronco ยกมันขึ้นมาแล้วใช้ Sky Hook ฮวดเอา (หากมี Gear ตีศัตรูแล้วสร้างประจุไฟฟ้าสตั๊น4วินาที พร้อมกับศัตรูที่อยู่รอบข้างจะดีมาก)
                        -หรือ ล่อศัตรูให้อยู่กันเป็นกลุ่มก้อน แล้วค่อยใช้ Charge

                        - หากหลอดน้ำเงินเยอะ ให้เตรียมพวกกับดักไว้ (ประหยัดกระสุน ใช้ Shock Jocky ฯลฯ ที่เหมาะกับสถานการณ์ในพื้นที่ แล้วใช้ sky hook เป็นทางเลือกที่ดี)

                        จริงๆก็แล้วแต่ผู้เล่นจะสร้างคอมโบ วิกเกอร์ ยังไงแต่หากใช้เยอะมันก็เปลืองหลอดน้ำเงินแย่

                        2 .ลักลอบเข้าไปโดยไม่ถูกมันจับได้ (ตัวอย่าโดนแสง)

                        -------------------------------------------------------
                        Last edited by Parnachan; 9 Apr 2013, 18:03:46.

                        Comment


                        • #13
                          เล่นจบแล้วไม่ค่อยถูกใจเนื้อเรื่องเลยแฮะ
                          เหมือนมันหักหลังคนเล่น เราเล่นมาตั้งนานสุดท้ายเราต้องตายเพื่อจบเรื่องทั้งหมด
                          แล้วที่ผ่านมาจะเล่นไปทำไม ทำไมโดนยิงตายตั้งแต่ด่านแรกเกมมันไม่เคลียร์ให้

                          Comment


                          • #14

                            Last edited by Parnachan; 10 Apr 2013, 18:58:30.

                            Comment


                            • #15
                              ท่านสุดยอดมากๆ ครับ ผมนับถือ ทำเพื่อนประชาชนมากๆ

                              ยังตามอ่านอยู่ครับผม

                              Comment

                              Working...
                              X